ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฝนลูกเห็บตกหนัก
    ที่ Trinity รัฐเท็กซัส
    ประเทศ...สหรัฐอเมริกา
    เมื่อวานซืนนี้

    Cr. Kprc2 Eric Brate

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ข่าวสั้น (26 เมษา) จ. โตเกียวติดเชื้อเพิ่ม 72 ราย ลดต่ำกว่า 100 รายในรอบ 13 วัน

    เมื่อวานวันเสาร์ก็เกี่ยวด้วยค่ะ แต่ก็น้อยกว่าสัปดาห์ก่อน

    ✨แสงแห่งความหวังมาแล้วค่ะทุกคน
    ( ˙꒳˙ )แต่ขอให้การ์ดอย่าตกนะคะ สู้กันต่อ #STAYHOME week

    #กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
    #เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19

    東京都 新たに72人感染確認 13日ぶり100人下回る 新型コロナ https://www3.nhk.or.jp/news/html/20200426/k10012406361000.html

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คำอธิบายอยู่ในรูปครับ คลิกไปที่โพสในเฟส และไปดูรายละเอียดใต้รูป

    #สำคัญ #ยาวมาก รวบรวมข้อมูลเงินช่วยเหลือ/กู้ยืม สำหรับบุคคลทั่วไป และ สำหรับผู้ประกอบการ กรณีโควิด-19 ตอนที่ ① : สำหรับบุคคลทั่วไป

    ตอน ② สำหรับผู้ประกอบการ และ 個人事業主 อ่านที่นี่ :

    #กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #COVID-19 #โควิด19 #ความช่วยเหลือทางการเงิน

    ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก ヤフー!くらし

    https://kurashi.yahoo.co.jp/supports/covid19/?type=psl

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #โรคระบาด #โควิด19
    // พอมเพโอระบุจีนอาจรู้เรื่องไวรัสโรคโควิด-19 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-จีนกดดัน EU ไม่ให้กล่าวหาจีน //
    25/04/20
    วอชิงตัน 24 เม.ย. – นายไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกล่าววานนี้ว่า จีนอาจจะรู้เรื่องไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว (2019)ซึ่งเป็นการแสดงความเห็นที่เป็นการกล่าวหาจีนอีกครั้งว่าไม่โปร่งใสในเรื่องการจัดการกับการระบาดของโควิด-19
    นายพอมเพโอ ให้สัมภาษณ์ในรายการวิทยุว่า รัฐบาลจีนน่าจะได้รับรู้เรื่องการติดเชื้อโรคโควิด-19 อาจจะตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน และทางการจีนแจ้งเรื่องนี้ให้ประเทศอื่น ๆ อย่างล่าช้า รวมทั้งองค์การอนามัยโลก นายพอมเพโอกล่าวว่า สหรัฐยังคงต้องการข้อมูลจากประเทศจีนเพิ่มเติมในเรื่องนี้ รวมถึงตัวอย่างดั้งเดิมของเชื้อไวรัสซาร์ส-โคฟ-2 ที่มีการตรวจพบในเขตเมืองของเมืองอู่ฮั่น ของจีน เขากล่าวด้วยว่า ประเด็นเรื่องความโปร่งใสมีความสำคัญทั้งในเรื่องของประวัติความเป็นมา เพื่อให้ได้เข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ธันวาคมและมกราคม และยังมีความสำคัญต่อเวลาปัจจุบันนี้ด้วย เนื่องจากโควิด-19 มีผลกระทบต่อชีวิตของชาวอเมริกันและประชาชนทั่วทั้งโลก ในขณะที่ฝ่ายจีนก็ตอบโต้นายพอมเพโอ ในทันที โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนแถลงในวันนี้ว่า ความเห็นของรัฐมนตรีต่างประเทศจีนไม่มีมูลความจริงใด ๆ เลยและมีเป้าประสงค์ในการกล่าวโทษคนอื่น พร้อมกับกล่าวด้วยว่า จีนได้ให้ข้อมูลที่เผยแพร่ไปทั่วโลกอย่างทันเวลาและยังให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับประเทศต่าง ๆ.-
    https://www.mcot.net/viewtna/5ea2c650e3f8e40af9439420

    เผยจีนกดดันอียูงดวิจารณ์เรื่องปล่อยข้อมูลโควิด-19 ไม่ถูกต้อง
    บรัสเซลส์ 25 เม.ย.- รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวและจดหมายทางการทูตว่า จีนกดดันสหภาพยุโรปหรืออียู (EU) ให้ขัดขวางการออกรายงานกล่าวหาจีนว่าเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
    แหล่งข่าว 4 คนเผยว่า เดิมรายงานกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 21 เมษายน แต่ถูกเลื่อนเป็นค่ำวันศุกร์ตามเวลายุโรป และมีการแก้ไขหรือตัดทอนเนื้อความวิจารณ์รัฐบาลจีนบางส่วน หลังจากเจ้าหน้าที่จีนเห็นรายงานต้นฉบับในโพลิติโก สื่อของสหรัฐ ขณะที่จดหมายทางการทูตระบุว่า เจ้าหน้าที่จีนแจ้งเจ้าหน้าที่ยุโรปในจีนว่า หากมีการเผยแพร่ตามเนื้อหาดังกล่าวในวันนั้นจะส่งผลเสียอย่างยิ่งต่อความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย เพราะจะทำให้จีนโกรธมาก พร้อมกับกล่าวหายุโรปว่าพยายามเอาใจคนอื่น ซึ่งน่าจะหมายถึงสหรัฐ
    แหล่งข่าวชี้ว่า รายงานต้นฉบับที่แจกจ่ายภายในรัฐบาลอียูเมื่อวันที่ 20 เมษายนกับรายงานที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ http://www.euvsdisinfo.eu เมื่อวันที่ 24 เมษายนมีความแตกต่างกันหลายจุด เช่น หน้าแรกของต้นฉบับระบุว่าจีนยังคงเผยแพร่ข้อมูลไม่ถูกต้องไปทั่วโลกเพื่อเบี่ยงเบนการถูกกล่าวโทษเรื่องโควิด-19 แพร่ระบาดและปรับปรุงภาพลักษณ์บนเวทีโลก ลูกไม้ที่เปิดเผยและปกปิดเหล่านี้ล้วนถูกสังเกตเห็น แต่หน้าแรกของรายงานในเว็บไซต์ระบุว่าการเผยแพร่ข้อมูลไม่ถูกต้องเป็นฝีมือของกลุ่มที่มีรัฐหนุนหลัง เช่น รัสเซีย จีน
    ประเด็นการเผยแพร่ข้อมูลไม่ถูกต้องเป็นเรื่องที่ทางการจีนและสหรัฐต่างกล่าวหากันไปมา แต่อียูเข้าไปติดร่างแหด้วย เพราะอียูเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของจีน ขณะที่จีนเป็นคู่ค้าอันดับสองของอียูรองจากสหรัฐ
    https://www.mcot.net/viewtna/5ea3a45ae3f8e40af443e474

    จีนเผยวัคซีนโควิด-19 เข้าสู่การทดลองระยะสองแล้ว
    วัคซีนนี้พัฒนาโดยสถาบันผลิตภัณฑ์ชีววิทยาอู่ฮั่น สังกัดกลุ่มเภสัชกรรมแห่งชาติจีน (ชิโนฟาร์ม) และสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น สังกัดบัณฑิตยสภาวิทยาศาสตร์จีน
    จีนอนุมัติให้ทดลองทางคลินิกกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั้งหมด 3 ขนาน วัคซีนชนิดเชื้อตายที่ใช้อะดิโนไวรัสเป็นตัวนำพานี้ถือเป็นขนานแรกของโลกที่เข้าสู่การทดลองทางคลินิกระยะสองแล้ว.

    ทรัมป์ ว่า นายกฯอังกฤษหายจากโควิด-19 เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
    วอชิงตัน 24 เม.ย.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชมนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษว่า หายป่วยเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากป่วยหนักเพราะโรคติดเชื้อ
    นายกรัฐมนตรีอังกฤษวัย 55 ปีนอน ไอซียูอยู่3คืนที่โรงพยาบาลในกรุงลอนดอนเมื่อต้นเดือน เพราะมีอาการแทรกซ้อนจากโควิด-19 และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
    สื่ออังกฤษคาดว่าเขาเตรียมกลับมาทำงานเพื่อตัดสินใจเรื่องเปิดเมือง
    https://www.mcot.net/viewtna/5ea29aa0e3f8e40af14329fa

    ญี่ปุ่นจะเริ่มทดลองใช้พลาสมา(น้ำเลือด)รักษาผู้ป่วยโควิด-19
    https://www.mcot.net/viewtna/5ea3f693e3f8e40aef431063

    แคนาดาเผย KN95 นำเข้าจากจีน 1 ล้านชิ้นไม่ได้มาตรฐาน
    https://www.mcot.net/viewtna/5ea3acc3e3f8e40aef430e1e
    #Watchers

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #Earthquake
    วันที่ 26 เม.ย. 2563
    เวลา 05:30 น.
    แผ่นดินไหว ประเทศลาว
    พิกัด (19.54°N,101.34°E)
    ขนาด 2.2 ลึก 2 กม.
    -ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของ บ้านน้ำช้าง ต.ขุนน่าน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ประมาณ 14 กม.
    [TMD] https://bit.ly/2Y4Viqp

    เวลา 11:41 น.
    แผ่นดินไหว ประเทศลาว
    พิกัด (19.56°N,101.38°E)
    ขนาด 3.2 ลึก 1 กม.
    -ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ บ้านน้ำช้าง ต.ขุนน่าน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ประมาณ 18 กม.
    [TMD] https://earthquake.tmd.go.th/inside-info.html?earthquake=6636
    #Watchers

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ข่าวภัยพิบัติ #Hailstorm
    26/04/20
    มีรายงานว่ามีลูกเห็บที่รุนแรง
    ใน Barañáin, Navarra, #Spain
    เมื่อ 25/04/20
    CR @ TiempoExtremoN
    Via: AlertaCambio
    #Watchers

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การระบาดของโควิด-19 ไม่เพียงทำให้เกิดธุรกิจรูปแบบใหม่ขึ้นเท่านั้น

    แต่ยังทำให้ธุรกิจที่เรียกว่า "ตกยุคไปแล้ว" กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งหนึ่ง...

    หลายคนน่าจะรู้จัก "โรงหนังไดรฟ์อิน" ผ่านการดูหนังอเมริกัน ที่ตัวละครวัยรุ่นมักจะขับรถพาแฟนสาวตัวเอง ไปจอดในลานกว้างๆ ซึ่งมีจอหนังฉายอยู่

    (คล้ายกับ "หนังกลางแปลง" ของบ้านเรา เพียงแต่เปลี่ยนจากคนนั่งดูกัน มาเป็นรถจอดเรียงกันแทน)

    ปรากฏว่าในตอนนี้ทั้งสหรัฐอเมริกา เยอรมนี รวมถึงเกาหลีใต้ด้วย ธุรกิจโรงหนังไดรฟ์อินที่กำลังเสื่อมความนิยม กลับมีคนเข้าใช้บริการขึ้นอย่างชัดเจน


    ย้อนประวัติ Drive-in Theater สักเล็กน้อย..

    อันที่จริง นี่คือธุรกิจที่ถือกำเนิดขึ้นในสหรัฐฯ ช่วงยุค 1930 หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจผ่านพ้นไป ชาวอเมริกันก็เริ่มที่จะกลับมาบริโภคกันอีกครั้ง

    อย่างที่ว่ากันว่า หลังวิกฤติคือโอกาสของธุรกิจใหม่ ซึ่งเจ้า "โรงหนังไดรฟ์อิน" ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบธุรกิจที่เกิดขึ้นในตอนนั้น

    หลังจากมีโรงหนังเจ้าแรกอย่างเป็นทางการในรัฐนิวเซอร์ซี มันก็ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ มีหลายเจ้าเปิดตามกันมา

    แล้วชาวอเมริกันก็ตอบรับกับธุรกิจนี้อย่างดี เพราะว่าการขับรถพาสาวๆ หรือคนในครอบครัวไปดูหนังพร้อมหน้ากัน มันเป็นกิจกรรมที่ให้ "ฟีลลิ่งเฉพาะตัว" แบบที่กิจกรรมอื่นให้ไม่ได้อีกด้วย


    ปี 1958 ถูกระบุว่าเป็นจุดสูงสุดของธุรกิจโรงหนังไดรฟ์อิน มีลานดูหนังมากถึง 4,063 แห่งในสหรัฐฯ

    และหลังจากนั้น เมื่อเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างทีวีเข้าถึงทุกบ้าน พร้อมกับการที่คนเริ่มย้ายถิ่นฐานเข้าสู่สังคมเมืองใหญ่ในช่วงตั้งแต่ 1960 เป็นต้นมา

    เมื่อคนเมืองมากขึ้น ที่ดินก็ราคาแพงขึ้น แถมเริ่มมีการเปิดโรงภาพยนตร์ในเมืองมากขึ้นอีก

    เจ้าของหนังก็อยากเข้าไปฉายในโรง เพราะโรงหนังธรรมดาให้เงินดีกว่า ส่วนเจ้าของโรงหนังก็สามารถจ่ายได้แพงกว่า เพราะสามารถทำเงินได้คุ้มค่ากว่าการเปิดในลานกว้างๆ นอกเมือง

    โรงหนังไดรฟ์อิน เริ่มต้องปรับตัวไปฉายหนังเก่า แบบนั้นก็ไปชนกับธุรกิจเช่าวิดีโอแทน ซึ่งคนก็สามารถเช่าไปดูที่บ้านได้อย่างสะดวก

    ถึงตอนนี้ธุรกิจโรงหนังไดรฟ์อิน ไม่มีอะไรจะไปสู้กับธุรกิจรูปแบบอื่นได้เลย นอกจาก "บรรยากาศดูหนังแบบเฉพาะตัว" ที่การดูหนังรูปแบบอื่นๆ ให้ไม่ได้

    ซึ่งบรรยากาศดังกล่าว ก็ขายได้น้อยลงทุกๆ วัน ส่งผลให้รายได้ของโรงหนังเหล่านี้ ลดน้อยลงตามไปด้วย

    เมื่อมันไม่ได้เป็นธุรกิจทำเงินอีกแล้ว ธุรกิจโรงหนังไดรฟ์อินก็ทยอยปิดตัวไป

    จากข้อมูลพบว่าตั้งแต่ปี 1995 มาจนถึงปัจจุบัน ตัวเลขโรงหนังไดรฟ์อิน ในสหรัฐฯ ลดลงมาเกือบครึ่งหนึ่ง จากตัวเลข 593 แห่ง เหลือเพียง 321 แห่งเท่านั้น


    อย่างไรก็ตาม ถึงรูปแบบการดูหนังในรถจะได้รับความนิยมกลับขึ้นมาในช่วงนี้

    แต่เรื่องที่ธุรกิจนี้จะกลับมาบูมอีกครั้ง คงเป็นไปได้ยาก...

    แล้วยิ่งอนาคต ซึ่งความบันเทิงเข้าถึงทุกบ้าน ผ่านหน้าจอทีวีหรือโทรศัพท์มือถือ ที่มีผู้ให้บริการสตรีมมิ่งหลายเจ้าพยายามแข่งขันกันอย่างดุเดือด

    จนเราอาจจะเห็นหนังใหม่ๆ ย้ายจากโรงภาพยนตร์ไปฉายออนไลน์แทนก็เป็นได้


    ธุรกิจโรงหนังไดรฟ์อิน ก็เลยเหมือนดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า ที่ไม่ว่ายังไงก็จะคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ

    แม้การระบาดของโควิด-19 จะกระตุ้นให้ดวงอาทิตย์ดวงนี้ ฉายแสงได้มากขึ้นเล็กน้อย แต่สุดท้ายมันก็จะต้องลับฟ้าไปอยู่ดี

    ซึ่งนั่นก็เหมือนกับอีกหลายธุรกิจ ซึ่งแม้จะบริหารให้ดีอย่างไร ถ้าเทรนด์ของโลกเปลี่ยนไปแล้ว ก็ต้องดับลงไปสักวันหนึ่งเช่นกัน...


    -----------------------------------------------------


    ไม่พลาดทุกสาระน่าสนใจจาก Billion Mindset - แนวคิดพันล้าน

    กด Like และตั้งค่าติดดาว See First ไว้ด้วยนะ

    หรือติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

    - เว็บไซต์ https://www.BillionMindset.com

    - อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

    - ทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกิดอะไรขึ้นกับ "คิม จอง อึน" ผู้นำเกาหลีเหนือ ท่ามกลางข่าวลือว่าเขาอาจจะป่วยหนัก หรือถึงขั้นเสียชีวิตแล้ว

    เหตุการณ์เป็นอย่างไร!? และมีอะไรน่าสนใจบ้าง!? ติดตามอ่านไล่เรียงเหตุการณ์ทั้งหมดได้เลยครับ...


    11 เมษายน 2020

    ผู้นำคิม แสดงตัวต่อสาธารณชนในฐานะประธานการประชุมระดับสูงของเกาหลีเหนือ

    และนั่นคือวันสุดท้ายที่ภาพของเขาปรากฏต่อสื่อมวลชน


    15 เมษายน 2020

    นี่คือวันคล้ายวันเกิดของ "คิม อิล ซ็อง" (ปู่คิม จอง อึน) ซึ่งเป็นผู้นำคนแรกของเกาหลีเหนือ โดยปกติแล้วผู้นำคิมจะต้องมาเข้าร่วมงาน

    แต่ปราฏกว่าคิม จอง อึน ไม่มาร่วมงานเฉลิมฉลองนี้


    21 เมษายน 2020

    สื่อบางแห่งของเกาหลีใต้ เริ่มเผยแพร่ข่าวว่าที่ผู้นำคิม หายหน้าไปจากสื่อและไม่มางานฉลอง เพราะเขาเข้ารับการผ่าตัดหัวใจ และพักรักษาตัวอยู่ในที่พักพิเศษ นอกกรุงเปียงยาง

    อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวเป็นการอ้างอิง "คนใน" จากเกาหลีเหนือ จึงไม่เปิดเผยที่มาอย่างชัดเจน

    ในวันเดียวกัน สำนักข่าวจีนก็ลงข่าวเรื่องผู้นำเกาหลีเหนือป่วย แล้วก็ตามมาด้วยสำนักข่าวจากฝั่งอเมริกัน

    จนกระทั่งมีนักข่าวนำไปสัมภาษณ์ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพราะคิดว่าทางสหรัฐฯ น่าจะมีหน่วยข่าวกรองไว้สืบเรื่องภายในของเกาหลีเหนือโดยเฉพาะ

    ทางด้านทรัมป์ กลับบอกว่าเขาไม่ทราบอะไรมากนัก แต่เขายืนยันว่าตัวเองมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้นำคิม หลังจากที่เคยเดินทางไปพบหน้ากันทั้งในปี 2018 และปี 2019


    24 เมษายน 2020

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่าทางจีนได้ส่งทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญไปยังเกาหลีเหนือ คาดกันว่าเพื่อดูแลผู้นำคิมที่กำลังป่วยหนักเป็นการเฉพาะ

    ขณะที่ทางการจีนเอง ก็ไม่ได้ตอบคำถามกับสื่อมวลชน เมื่อถูกถามในประเด็นดังกล่าว

    ท่ามกลางข่าวลือที่หนาหูเพิ่มขึ้นว่า "ผู้นำเกาหลีเหนือ" อาจจะเสียชีวิตแล้ว


    25 เมษายน 2020

    มีการเปิดเผยภาพดาวเทียม ซึ่งระบุว่ามาจาก "เมืองวอนซัน" เมืองริมทะเลชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีเหนือ

    ภาพดังกล่าวเป็นภาพขบวนรถไฟส่วนตัวของคิม จอง อึน จอดเทียบชานชาลาอยู่ จึงคาดว่าผู้นำเกาหลีเหนืออาจจะมาพักฟื้นอยู่ที่นี่

    แต่อย่างไรก็ตาม ภาพดังกล่าวก็ถูกแย้งว่าเป็นเพียงขบวนรถไฟ ไม่สามารถยืนยันว่าผู้นำคิมอยู่ที่นั่นจริงๆ และถ้าเขาป่วยหนักจริงๆ การพำนักอยู่ในเปียงยางน่าจะดีต่อการรักษาตัวเองมากกว่า

    ขณะเดียวกัน เมื่อมีการถามไปยังรัฐบาลเกาหลีใต้ พวกเขาไม่คิดว่าผู้นำเกาหลีเหนือป่วยหนักหรือเสียชีวิต และยังเชื่อว่าประเทศทางเหนือยังอยู่ภายใต้การปกครองของคิม จอง อึน อยู่


    26 เมษายน 2020

    ปัจจุบันยังไม่มีสื่อไหนที่สามารถยืนยันอย่างเป็นทางการว่า "คิม จอง อึน" นั้นยังมีชีวิตอยู่ หรือเสียชีวิตไปแล้วกันแน่

    หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า เนื่องจากเกาหลีเหนือสามารถควบคุมสื่อได้หมด การจะได้รู้อย่างแท้จริง ต้องรอการประกาศจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ หรือสื่อทางการของรัฐบาลจีนมาช่วยยืนยันเท่านั้น

    ขณะที่ข่าวซึ่งออกมาจากทั้งฝั่งเกาหลีใต้ หรือทางสำนักข่าวอเมริกัน ล้วนแล้วแต่เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น


    ปัจจุบัน คิม จอง อึน มีอายุ 36 ปี แม้จะถือว่ายังเป็นผู้นำอายุน้อย แต่เขาก็มีปัญหาทางสุขภาพอยู่เป็นระยะ ทั้งเรื่องของน้ำหนักเกิน เบาหวาน

    รวมถึงปัญหาการเต้นของหัวใจ ซึ่งอาจจะนำมาสู่การผ่าตัดตามข่าวในครั้งนี้ด้วย


    สุดท้ายก็หวังว่าเรื่องราวที่สรุปมาข้างต้น จะช่วยให้หลายคนเข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ได้มากยิ่งขึ้นนะครับ...


    -----------------------------------------------------


    ไม่พลาดทุกสาระน่าสนใจจาก Billion Mindset - แนวคิดพันล้าน

    กด Like และตั้งค่าติดดาว See First ไว้ด้วยนะ

    หรือติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

    - เว็บไซต์ https://www.BillionMindset.com

    - อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

    - ทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit


    ที่มา:

    https://www.businessinsider.com/kim-jong-un-death-rumors-health-condition-what-we-know-2020-4

    https://www.38north.org/2020/04/wonsancompound042520/

    https://www.reuters.com/article/us-northkorea-politics-idUSKBN223011

    https://www.dailynk.com/english/source-kim-jong-un-recently-received-heart-surgery/

    https://www.catdumb.tv/kim-jong-un-rumors-119/

    ภาพ: Newsbomb

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หลายคนอาจจะสงสัยว่า Bill Heinecke คือใคร!?

    แต่ถ้าพูดชื่อแบรนด์สินค้าและบริการต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรา อาจจะทำให้คุณรู้จักเขาขึ้นมาสักเล็กน้อย

    ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม 500 แห่งทั่วโลก ในชื่อ Anantara, JW Marriott หรือ Four Seasons

    ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร 2,000 สาขาในไทย ทั้ง The Pizza Company, Dairy Queen และ Swensen's


    คุณ Bill คือผู้ก่อตั้งบริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจที่กล่าวมาข้างต้น

    ในปี 2019 ที่ผ่านมาธุรกิจทั้งหมดของบริษัท ทำรายได้ประมาณ 129,000 ล้านบาท และมีกำไร 10,000 ล้านบาท

    กำไรนั้นมาจากธุรกิจสินค้าไลฟ์สไตล์ 1%

    ธุรกิจร้านอาหาร 17%

    และจากธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ทสูงถึง 82%

    และที่สำคัญ โรงแรมของไมเนอร์มีอยู่ทั่วโลก เท่ากับว่าการระบาดของโควิด-19 นั้น ส่งผลกระทบกับรายได้ของบริษัทเป็นอย่างมาก


    แล้วในวิกฤติโควิด-19 ไมเนอร์ปรับตัวอย่างไร!?

    - ในธุรกิจโรงแรม จำเป็นต้องปิดกิจการ ทั้งปิดตัวลงเองเพื่อประหยัดต้นทุน และปิดตามคำสั่งรัฐบาลของบางประเทศ

    - โรงแรมบางส่วนในยุโรป ถูกเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลชั่วคราว เพื่อรองรับทั้งแพทย์และผู้ป่วยที่มีจำนวนมาก

    - ขณะที่ธุรกิจร้านอาหาร ต้องขายเฉพาะแบบซื้อกลับหรือส่งที่บ้าน ตามนโยบายของทางภาครัฐ

    - ร้านขายสินค้าไลฟ์สไตล์ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในห้างสรรพสินค้า ก็ยังคงโดนปิดตามนโยบายรัฐบาล


    ธุรกิจโรงแรม-การท่องเที่ยว หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร!?

    ล่าสุดคุณ Bill ได้ให้สัมภาษณ์กับทางสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ถึงมุมมองของเขาต่อธุรกิจโรงแรมหลังจากโควิด-19 ผ่านพ้นไป ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้...

    - คุณ Bill มองว่าตั้งแต่ทำธุรกิจในไทยมาหลายสิบปี ผ่านมาหลายวิกฤติทั้งต้มยำกุ้ง ทั้งโรค SARS รวมถึงการรัฐประหารและความไม่สงบทางการเมือง

    แต่วิกฤติโควิด-19 นั้นรุนแรงและมีผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมมากที่สุดแล้ว

    - ครั้งนี้ไม่ใช่การถดถอยทางเศรษฐกิจ แต่มันคือภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เหมือนที่สหรัฐและโลกเผชิญมาในยุค 1930 (บอกว่าไม่ใช่ Recession แต่ครั้งนี้เป็น Depression)

    - เขาบอกว่าหลังจากนี้ ธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจแบบนี้จะล้มหายตายจาก

    เพียงแต่หลังจากนี้ จะเกิดมาตรฐานใหม่ทางสุขอนามัยของโรงแรม ผู้ประกอบการอาจจะต้องทุ่มงบไปลงในเรื่องของความสะอาด สภาพแวดล้อมในโรงแรม หรือคุณภาพของอาหารมากยิ่งขึ้น

    - การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศจะเริ่มฟื้นตัวก่อน ส่วนการเที่ยวต่างประเทศคงต้องอีกสักระยะ ประเทศทางฝั่งเอเชียก็จะฟื้นตัวก่อนยุโรป โดยยกตัวอย่างจีน ที่เริ่มส่งสัญญาณของการฟื้นให้เห็นแล้ว

    - ในความคิดคุณ Bill คนก็ยังคงอยากเดินทางท่องเที่ยว แต่จะพิถีพิถันในการเลือกที่พักมากขึ้น จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าของโรงแรม ที่จะต้องสร้าง "แบรนด์" ให้ลูกค้ารู้สึกว่าปลอดภัย สะอาด และสบายใจที่จะมาพักด้วย


    และนี่ก็คือแนวคิดของ Bill Heinecke ชายผู้ที่ถูกจัดอันดับให้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 23 ของไทย ด้วยมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 38,000 ล้านบาท

    หวังว่ามุมมองของเขาในวิกฤติครั้งนี้ จะช่วยเสริมข้อมูลและให้อะไรดีๆ กับผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย


    ปัจจุบันสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทยนั้น เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เราจึงน่าจะได้เห็นมาตรการที่ผ่อนปรนจากทางภาครัฐในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า

    ซึ่งถึงเวลานั้น เราก็ต้องมาคอยติดตามกันว่า ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่าง "โรงแรม" นั้นเป็นไปในทิศทางใด จะฟื้นกลับมาได้เร็ว หรือจะซมไปอีกสักพักหนึ่ง

    คุณคิดว่าอย่างไรบ้างครับ...!?


    -----------------------------------------------------


    ไม่พลาดทุกสาระน่าสนใจจาก Billion Mindset - แนวคิดพันล้าน

    กด Like และตั้งค่าติดดาว See First ไว้ด้วยนะ

    หรือติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง
    - เว็บไซต์ https://www.BillionMindset.com
    - อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/
    - ทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เหตุใด Bill Gates จึงมองว่า "โลกเราไม่มีทางกลับเป็นปกติ" จนกว่ามนุษย์จะได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง ซึ่งอย่างเร็วก็คือปี 2021 !?

    แล้วอนาคตหลังจากการระบาดครั้งใหญ่นี้จบลง โลกเราจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดได้จริงหรือ!?

    ในมุมมองของมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของสหรัฐฯ เขาคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้อย่างไร เรามาติดตามกันครับ...


    [ท้ายที่สุดแล้ว มนุษย์ก็จะเอาชนะโรคได้อยู่ดี]

    ในความคิดของ Bill Gates เขามองว่าต่อให้มันต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร แต่สุดท้ายแล้วมนุษย์ก็จะเป็นฝ่ายที่ชนะไวรัสได้อยู่ดี

    โดยเฉพาะประเทศใหญ่ๆ ในยุโรป เอเชีย รวมถึงสหรัฐอเมริกา การระบาดน่าจะกำลังเข้าสู่จุดสูงสุด หรือผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว

    หลังจากนี้เราจะได้เห็นมาตรการ "ล็อกดาวน์" ที่ค่อยๆ ผ่อนคลายลงทีละเล็กละน้อย แต่นั่นไม่ได้แปลว่าโลกเราจะกลับสู่ความปกติในทันที..

    สนามบิน จะไม่มีคนพลุกพล่านไปอีกสักระยะ

    การแข่งขันกีฬา ต้องแข่งกันในสนามแบบปิด ที่ไม่มีเสียงผู้ชม

    สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นความปกติแบบใหม่ไปสักระยะ จนกว่ามนุษย์จะได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง และวันนั้นเราถึงจะพูดได้อย่างเต็มปากว่า "เราเอาชนะโควิด-19 ได้แล้ว!!"


    ซึ่งถ้าเราดูจากคำพูดของ Bill เขาคาดว่ามันจะไม่เกิดขึ้นในปีนี้หรือต้นปีหน้า เพราะต้องรอถึงช่วงปลายปี 2021 เลย

    "ความหวังของผมก็คือ ช่วงครึ่งหลังของปี 2021 โรงงานยาทั่วโลกจะเร่งผลิตวัคซีนเพื่อแจกจ่ายได้อย่างทั่วถึง แล้วถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ มันจะกลายเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์"


    [3 เรื่องสำคัญในวงการแพทย์ ที่จะเปลี่ยนโลกไปอย่างสิ้นเชิง]

    โลกหลังจากโควิด-19 ผ่านพ้นไป อาจจะซึมไปอีกสักระยะ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันอาจจะโตแบบก้าวกระโดด เหมือนตอนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง

    โดยเฉพาะในเรื่องของ "การวิจัยทางการแพทย์"

    ความสำเร็จอย่างแรกที่จะเกิดขึ้นก็คือ "วัคซีน" ที่เขาได้เกริ่นไปก่อนหน้านี้

    แล้วเมื่อนานาชาติหันมาให้ความสนใจกับการแพทย์มากยิ่งขึ้น ความสำเร็จอย่างที่สอง ก็คือการตรวจหาโรคใหม่ที่จะสะดวกรวดเร็วขึ้นไปอีก

    เขาเทียบให้เห็นภาพว่า ถ้ามีโรคระบาดจากไวรัสอีกในอนาคต โลกเราอาจจะพร้อมรับมือถึงขั้นผลิตชุดตรวจที่มีมาตรฐานได้อย่างทันท่วงที ให้เราตรวจได้ที่บ้านเหมือนกับการตรวจครรภ์


    ความสำเร็จอย่างที่สาม ก็คือการพัฒนายาต้านไวรัส ซึ่งเรายังทำได้ไม่ดีเท่ากับการพัฒนายาต้านแบคทีเรีย

    แต่หลังจากการระบาดครั้งนี้ เราจะเรียนรู้เกี่ยวกับไวรัสได้มากกว่าเดิม มีข้อมูลมากขึ้น มีงบประมาณถูกส่งมามากขึ้น และวิจัยพัฒนาได้ก้าวหน้าขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็น

    และนั่นทำให้ "นักวิจัยทางการแพทย์" เป็นอาชีพที่สำคัญมากที่สุด


    [โลกที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด]

    ย้อนกลับไปไม่กี่ปีก่อน Bill Gates เคยมองว่าโลกของเรานั้นไม่พร้อมรับมือกับการระบาดครั้งใหญ่ ซึ่งพอโควิด-19 เกิดขึ้นในตอนนี้ เราก็รู้แล้วว่าโลกเราไม่พร้อมรับมือจริงๆ

    แต่เมื่อมนุษย์ต้องเจอกับภัยครั้งใหญ่ งบประมาณมหาศาลถูกทุ่มลงมา ทั้งในด้านการรักษา และด้านการวิจัยพัฒนา

    เขาจึงเชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะส่งผลให้มนุษยชาติพร้อมรับมือกับโรคระบาดได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต


    หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ยังไม่เคยมีวิกฤติทั้งด้านการเงิน หรือสงครามใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อโลกของเราได้รุนแรงเท่ากับการระบาดของโควิด-19

    โรคระบาดทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดชะงัก เหมือนตอนที่เกิดสงครามครั้งใหญ่บนโลก แล้วมนุษย์หยุดกิจกรรมทุกอย่างมารบกันเอง เพียงแต่คราวนี้พวกเราเปลี่ยนมารบกับเชื้อโรค

    แน่นอนว่า วิกฤติการเงินจะยังคงเกิดขึ้น สงครามจะยังคงเกิดขึ้น โรคระบาดก็จะยังคงเกิดขึ้น

    แต่.. เมื่อมนุษย์รับมือมันได้อย่างไม่ยากเย็น ก็ยากที่จะมีอะไรมาหยุดการพัฒนาทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของมนุษย์ได้


    [สุดท้ายนี้...]

    ในมุมมองของผมเอง ต่อให้การคิดค้นวัคซีนตัวนี้สำเร็จ แต่เศรษฐกิจก็ใช่ว่าจะกลับมาดีในทันทีทันใด

    บทเรียนจากวิกฤติโควิด-19 ในครั้งนี้ อาจจะส่งผลให้ผู้คนจับจ่ายใช้สอยลดลง เศรษฐกิจจะซบเซาไปอีกสักระยะ

    สินค้าฟุ่มเฟือยที่เคยขายได้ ร้านอาหารหรู หรือโทรศัพท์มือถือที่เคยเปลี่ยนกันบ่อยๆ อาจจะได้รับความสนใจน้อยลง

    ในทางตรงกันข้าม เราอาจจะเห็นผู้คนเริ่มประหยัด วางแผนทางการเงิน หรือศึกษาด้านการลงทุนมากยิ่งขึ้น

    เพราะฉะนั้น โรคระบาดจึงไม่ได้ส่งผลแค่ในโลกปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงโลกอนาคตหลังจากนี้ด้วย

    ในโลกหลังจากนี้ ที่พฤติกรรมผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

    ในโลกที่ตำราธุรกิจและการตลาดเล่มเดิมๆ อาจจะใช้ไม่ได้อีก

    ในโลกที่หมุนเร็วขึ้นกว่าที่เคย เราจะเอาตัวรอดได้อย่างไร!?

    เราเตรียมคำตอบนั้นไว้ให้กับตัวเองแล้วหรือยัง...!?


    -----------------------------------------------------


    ไม่พลาดทุกสาระน่าสนใจจาก Billion Mindset - แนวคิดพันล้าน

    กด Like และตั้งค่าติดดาว See First ไว้ด้วยนะ

    หรือติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง
    - เว็บไซต์ https://www.BillionMindset.com
    - อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/
    - ทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว น่าเศร้า!!! ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้มีสัตว์เลี้ยงถูกทิ้งมากขึ้น หลังค่าเฟ่ทั้งหมาและแมวต้องปิดตัว รวมทั้งกลุ่มคนที่รับเลี้ยงสัตว์ถูกทิ้งแบกรับภาระเลี้ยงไม่ไหว แม้แต่มูลนิธิที่รับดูแลสัตว์ยังต้องชะลอการรับสัตว์ถูกทิ้ง โดยจำนวนแมวใน มูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ซึ่งรับดูแลสัตว์เลี้ยงพิการและถูกทิ้งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 2 เดือนนี้ จากเดิมที่มีราว 800 ตัว เพิ่มขึ้นจนทะลุ 1,000 ตัวแล้ว มีทั้งแมวพันธุ์ไทยและพันธุ์ต่างประเทศ รวมถึงแมวป่วยและพิการ ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้มีแมวถูกทิ้งเพิ่มมากขึ้นเพราะคาเฟ่แมวต้องปิดตัว

    โดยเรื่องนี้ นางแสงเดือน ชัยเลิศ ประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม บอกว่า หลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ค่าเฟ่แมวและสุนัขหลายแห่งต้องปิดตัวลง ขณะที่เจ้าของไม่สามารถแบกรับภาระการเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ได้ จึงติดต่อขอให้มูลนิธิช่วยรับเลี้ยงจำนวนมาก จนต้องขอชะลอการรับแมวเข้ามาอยู่ในความดูแล แต่ล่าสุดได้รับการประสานจากเจ้าของแมว 70 ตัว ที่เก็บแมวจากข้างทางมาเลี้ยง แต่เจ้าของป่วยหนักไม่สามารถเลี้ยงแมวต่อไปได้ ทางมูลนิธิจึงจำเป็นต้องรับเลี้ยงไว้ เช่นเดียวกับจำนวนสุนัขในมูลนิธิ ที่ยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน จนตอนนี้มีสุนัขที่ต้องดูแลมากกว่า 700 ตัว ทั้งที่พิการ เจ็บป่วย และถูกทิ้ง ซึ่งทางมูลนิธิดูแลให้ทุกตัวมีสุขภาพที่ดีขึ้นและประกาศหาพ่อแม่อุปถัมภ์สุนัขเหล่านี้ไปทั่วโลก ซึ่งแต่ละปีมีผู้ที่ติดต่อขอรับสุนัขจากที่นี่ทั้งชาวไทยและต่างชาติไปเลี้ยงปีละกว่า 100 ตัว.
    ---------------------------------------------------
    Source : https://www.tcijthai.com/news/2020/4/current/10212

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฝันดีครับ
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ⚠️ ลูกค้า Bank of China เสียเงิน 3 หมื่นล้านบาทเพราะสัญญา Futures WTI ราคาติดลบ ⚠️

    Bank of China Ltd. ได้ออกมาประเมินว่าลูกค้าของทางธนาคาร นักลงทุนรายย่อยต่างๆได้สูญเสียเงินรวมกันไปกว่า 7 พันล้านหยวนในคืนเดียวจากเหตุการณ์ที่ราคาน้ำมัน WTI Futures สัญญาส่งมอบเดือน May'20 โดนเทขายจนปิดติดลบไปที่ -37.63 เหรียญต่อบาร์เรลในอาทิตย์ที่ผ่านมา และทางธนาคารใช้ราคานี้เป็นการคำนวนราคาปิดสัญญาของลูกค้า (Settlement) ทำให้ลูกค้านั้นเสียหายเป็นจำนวนมากอย่างไม่ได้คาดคิดมาก่อน

    Bank of China Ltd. ได้ทำช่องทางในการลงทุนผ่านสัญญา WTI Futures ให้ลูกค้ามาตั้งแต่ปี 2018 ภายใต้ชื่อว่า "Crude Oil Treasure" แต่เหตุการณ์ล่าสุดนี้เป็นเหตุให้ทางธนาคารต้องปิดการให้บริการการลงทุนในช่องทางนี้ไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด

    ล่าสุดมีลูกค้าหลายร้อยรายออกมาประท้วงทางอินเตอร์เน็ตว่าไม่เคยทราบถึงกลไกที่ราคาสามารถติดลบได้นี้ และเห็นว่าทางธนาคารน่าจะมีวิธีบริหารจัดการปิดสัญญาได้ดีกว่านี้ จึงอยากให้ทางธนาคารออกมาช่วยรับผิดชอบต่อเงินที่สูญเสียไป

    อย่างที่เราได้เรียนมาตลอดนะครับว่าช่วงเปลี่ยนถ่ายสัญญาตอนสิ้นเดือนนั้นสำคัญมาก แต่ละกองทุนนั้นมีนโยบายในการปิดหรือเปลี่ยนเดือนสัญญาในการถือ (Rolling Contract) ที่ต่างกัน และแต่ละ Broker ที่สร้างช่องทางในการลงทุนผ่านสัญญา WTI Futures ก็มีกลไกในการปิดหรือเลื่อนสัญญาก่อนหมดอายุที่ต่างการ

    ถึงแม้ทางทางเรานั้นไม่ได้เป็นผู้แนะนำด้านการลงทุน #แต่ก็อยากให้ทุกท่านศึกษากลไกให้ดีก่อนลงทุน โดยเฉพาะในตลาดน้ำมัน

    ในคืนที่ราคา WTI Futures ลงมาจนติดลบนั้น ทางเราก็ค่อนข้างเป็นห่วงว่าจะมีนักลงทุนรายย่อยที่ไหนที่จะโดนกระทบจากราคาครั้งนี้บ้าง เพราะดูจากแรงเทขายนั้นไม่น่าจะมาจากสัญญาที่ถือโดยผู้ขายน้ำมันในรัฐ Texas อย่างเดียวแน่ๆ และดูเหมือนว่าทาง Bank of China จะกลายเป็นอีกหนึ่งในผู้โชคร้ายจากคืนนั้น ไม่ใช่เพียงแค่เพียงกองทุนน้ำมันในสหรัฐอย่างเดียวที่เจ็บตัวไป

    ⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

    #OilTradingKP

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จับตาโลกฟ้องจีน #ค่าปฏิกรรมสงครามโควิด-19

    ช่วงสัปดาห์ต้นเดือนเมษายน สื่อต่างประเทศรายงานว่ามีหลายองค์กรและบุคคลในต่างประเทศได้ยื่นฟ้อง "#การเรียกร้องค่าชดเชย" ต่อประเทศจีนเนื่องจากดำเนินการไม่เพียงพอที่จะจำกัดการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จนลุกลามกลายเป็นโรคระบาด

    การอ้างสิทธิ์แม้ว่าจะแตกต่างกัน แต่สามารถจำแนกได้เป็นสามกลุ่มใหญ่ ฟ้องโดยตรงต่อรัฐบาลจีนในศาลต่างประเทศ กดดันผ่านรัฐบาลของตนให้ดำเนินคดีให้จีนชดเชยความเสียหาย หรือปลดหนี้ของประเทศตน ฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ กับ คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เหล่านี้ผู้เชี่ยวชาญว่า บางมุมเปรียบเหมือน "ค่าปฏิกรรมสงคราม" ที่ผู้ก่อเหตุสงครามต้องจ่ายเป็นค่าชดเชยเพื่อให้ครอบคลุมความเสียหายระหว่างสงคราม เพียงแต่นี่เป็นรูปแบบสงครามที่เรียกว่า "สงครามไร้ขีดจำกัด" (Unrestricted Warfare)

    #คดีความกลุ่มแรก ฟ้องโดยตรงต่อรัฐบาลจีนในศาลต่างประเทศ ตัวอย่างเช่น สำนักงานกฎหมายที่ตั้งอยู่ในฟลอริด้าในนามของผู้อยู่อาศัยในฟลอริด้าได้ยื่นคดีในศาลฟลอริดาตอนใต้กับรัฐบาลจีน กล่าวหาว่าจีนล้มเหลวในการควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาฯ ในอู่ฮั่นและปล่อยให้มันกลายเป็นโรคระบาด มีผู้เสียชีวิตไปหลายหมื่นคนและก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

    นอกจาก สำนักงานในฟลอริด้า ยังมีอีกหน่วยงานกฎหมายในรัฐมิสซูรี่ของสหรัฐอเมริกา ได้ฟ้องรัฐบาลจีนเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหาย

    #คดีความกลุ่มที่สอง คือกลุ่มที่กดดันผ่านรัฐบาลของตนให้ดำเนินคดีให้จีนชดเชยความเสียหาย ตัวอย่างเช่น ในการสัมภาษณ์กับ Fox Television สมาชิกรัฐสภาของพรรครีพับลิกันจากรัฐอินเดียนากล่าวว่า จีนควรจ่ายค่าชดเชยสำหรับความเสียหายที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคที่เกิดขึ้นกับสหรัฐอเมริกา หรือโดยในลักษณะให้ใช้วิธีปลดหนี้ที่สหรัฐฯ เป็นลูกหนี้อยู่ นอกจากนี้สมาชิกรัฐสภาออสเตรเลียได้เสนอให้ยึดคืนที่ดินจากบริษัทจีนในออสเตรเลียเพื่อชดเชยกับข้อหาว่าจีนแพร่ไวรัส

    ในสหราชอาณาจักร Henry Jackson Society หน่วยงานนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลอังกฤษ กำลังมองหาการสนับสนุนทั่วโลกในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากประเทศจีน 5.6 ล้านล้านดอลลาร์ สำหรับการ 'ปกปิดข้อมูลไวรัส'

    #คดีความกลุ่มที่สาม ฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ กับ คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ

    มีองค์กรและบุคคลยื่นอุทธรณ์ผ่านหน่วยงานระหว่างประเทศ เพื่อให้จีน "รับผิดชอบ" ต่อการระบาดใหญ่และบังคับให้จ่าย "ค่าชดเชย" ตัวอย่างเช่น องค์กรพัฒนาเอกชนบางแห่งในอินเดียได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้จีนจ่ายเงิน "ชดเชย" ให้กับประชาคมระหว่างประเทศสำหรับความสูญเสียที่เกิดจากการระบาดใหญ่

    นอกจากนี้นักกฎหมายชาวอเมริกันได้ยื่น "คดี" ในศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) กล่าวหาจีนว่า "จงใจพัฒนา" ไวรัสฯ เป็น "อาวุธชีวภาพร้ายแรง" อ้างความล้มเหลวของรัฐบาลจีนและทหาร "เพื่อป้องกันอู่ฮั่น บุคลากรของไวรัสวิทยาจากการติดเชื้ออาวุธชีวภาพ จากนั้นนำไวรัสออกสู่ชุมชนโดยรอบและแพร่กระจายไปยังสหรัฐอเมริกา " นักกฎหมายอ้างว่า เนื่องจากเป็น "อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ" ศาลอาญาระหว่างประเทศ ควรสอบสวนปัญหานี้ ถ้าอัยการไอซีซีเชื่อว่าคำฟ้องและหลักฐานที่ส่งมานั้นมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเริ่มการสอบสวน

    และนี่คือส่วนหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มให้ความเห็นถึงความพยายามในการเชื่อมโยงข้อมูลโดยตั้งสมมติฐานไปในทิศทางให้ไวรัสเป็นสิ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นจากห้องปฏิบัติการชีวภาพ มากกว่าการสืบหาสาเหตุเพื่อพัฒนาวัคซีน ซึ่งความเป็นไปได้มากน้อยก็คงขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือของหลักฐานแต่ละฝ่าย

    ผู้เชี่ยวชาญฯ เสริมว่า ในเรื่อง #การตัดยกหนี้ให้สหรัฐฯ และ #ยึดที่ดินบริษัทจีนในออสเตรเลีย เป็นเรื่องผิดกฎหมายไม่น้อยเพราะเชื่อมโยงไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กับการอ้างสิทธิ์ละเมิดสัญญาอย่างไร้เหตุผล

    ณ เวลานี้ #ข้อกล่าวหาเรื่องจีนสร้างไวรัสอู่ฮั่นยังไม่ได้รับการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ และยังถกเถียงกันอีกกับความจริงที่ว่ามีการรายงานการระบาดครั้งแรกในอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยเพียงอย่างเดียวไม่ได้หมายความว่ามันมาจากประเทศจีน

    ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายกล่าวว่า ในกฎหมายระหว่างประเทศ นอกจากข้อพิจารณาเรื่องเขตอำนาจศาล ยังมีการกระทำของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นไม่สามารถนำมาประกอบกับการกระทำของรัฐ การแพร่เชื้อของคนในประเทศใดไม่ใช่จะนำมาประกอบเป็นการกระทำของรัฐบาลนั้นได้ ยังมีเหตุอื่น ๆ อีก อาทิ ความล้มเหลวของจีน หรือความล้มเหลวในการบริหารจัดการของรัฐบาลอื่น ๆ ในการป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสในประเทศนั้น ๆ เพื่อประกอบคดีความทั้งในทางข้อกฎหมายและและข้อเท็จจริง

    สามกลุ่มคดีนี้ (และจะมีกลุ่มคดีที่สี่อื่น ๆ อีกหรือไม่) น่าสนใจติดตามกันว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

    ...........
    ข้อมูล -
    1. US State files lawsuit against China on Covid-19 handling
    2. Can China Be Sued Over the Coronavirus?
    3. UK Think Tank Plans To Sue China for $5.6 Trillion Over Coronavirus
    4. Why this Mumbai lawyer sued China for $2.3tn over the coronavirus outbreak
    5. The outrageous reason why Australian businesses and coronavirus victims WON'T be able to sue China for 'covering up' severity of deadly virus
    6. Biological Weapons the Focus of China’s Military Research in the Last 20 Years

    (ภาพจากคลิป - UK Think Tank Plans To Sue China for $5.6 Trillion Over Coronavirus)

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ไต้หวัน ผลิตชุดทดสอบ #โควิด แบบเร็ว รู้ผลภายใน 10 นาที ง่ายยิ่งกว่าตรวจการตั้งครรภ์
    3 บริษัทไบโอเทคโนโลยีของไต้หวันแถลงในวันที่ 22 เม.ย. ประสบความสำเร็จร่วมกันผลิตชุดตรวจอย่างเร็วง่าย(rapid test) สำหรับการตรวจโควิด-19 ขึ้นทะเบียนต่อองค์การอาหารและยาไต้หวัน (Taiwan Food and Drug Administration : TFDA) เพื่อการผลิตใช้งาน ซึ่ง 3 บริษัทไบโอเทคนี้ประกอบด้วย 安肽生醫(AnTaimmu BioMed Co., Ltd.),台康生技(EirGenix) และ寶齡富錦(Panion & BF Biotech)
    .
    ชุดตรวจอย่างเร็วง่ายนี้ หลักการออกแบบง่ายเหมือนทดสอบการตั้งครรภ์ ในอนาคตจะสามารถช่วยคัดกรองหมู่ประชาชนทั่วไปได้ เป็นเครื่องมือสำคัญช่วยป้องกันการระบาดของโรคที่รุนแรงในขณะนี้
    .
    การทดสอบเพียงขูดสารคัดหลั่งที่โพรงจมูกหรือลำคอนำไปตรวจสอบ รู้ผลการตรวจภายใน 10 นาที ทั้งนี้ ปัจจุบันวิธีการตรวจเชื้อโควิด 19 บางชนิดจะต้องเจาะเลือดผู้ป่วย บางชนิดต้องส่งไปยังห้องปฏิบัติการหรือห้องแล็บ
    .
    นายจางจื้อหรง(張志榮) รองประธานบริษัท EirGenix ชี้ว่า ชุดตรวจสอบนี้มีปฏิกิริยาตอบสนองสูงมาก แม้ปริมาณของเชื้อเพียง 1000 เซลล์ ก็สามารถตรวจผลออกมาได้ หมายความว่าหลังจากที่ติดเชื้อโควิด 19 ภายใน 0-5 วัน ผู้ป่วยยังไม่แสดงอาการหรือยังไม่มีไข้ก็สามารถใช้ชุดทดสอบนี้ได้
    https://th.rti.org.tw/news/view/id/2002551

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อีกหนึ่งเสียงยืนยัน จากนักข่าวต่างชาติผู้ถูกกักกันในประเทศไทย: อาหารที่ยอดเยี่ยม

    เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ เผย (21 เม.ย.) คลิปรีวิว ของ Charles Dharapak นักข่าวลูกครึ่งไทยอเมริกัน ซึ่งทำงานเป็นนักข่าวอิสระฯ เดินทางเข้าประเทศไทยหลังกลับจากอินโดนีเซียพร้อมกลุ่มคนไทยอีกกว่า 70 คนช่วงต้นเดือนเมษายน

    สองสัปดาห์ในศูนย์กักกันโคโรนาไวรัสของรัฐบาลไทยนั้นจะเป็นอย่างไร?

    Charles Dharapak เล่าว่าห้องพักทำความสะอาดและจัดเป็นอย่างดี มีโทรทัศน์จอแบน เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และไม้ถูพื้น นอกจากนั้นยังมีเครื่องทำน้ำอุ่น กระดาษชำระแพ็คใหญ่ อินเทอร์เน็ตไวไฟความเร็วสูง เตียงนอนใหม่ 2 เตียง ของใช้ในห้องน้ำส่วนตัว 2 ชุด และชุดนอนโรงพยาบาลสำหรับ 2 คน

    ในวันสุดท้าย หรือวันที่ 14 ของการกักตัว Charles เล่าว่า ข่าวดีคือผลตรวจหาโรคโควิด-19 ในกลุ่มของเขาพบว่า “เป็นลบ” หมดทุกคน จากนั้น เขาได้คืนกุญแจห้องพร้อมกับ “ไหว้” ขอบคุณเจ้าหน้าที่ไทย

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไวรัส #โควิด สร้างวิกฤตให้คนมากมาย หลายคนสูญเสียการงาน ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปอย่างคาดไม่ถึง แต่ไม่มีฝนที่ตกไม่หยุด ไม่มีพายุที่พัดไม่ซา เมื่อลมฝนพ้นผ่าน สายรุ้งจะปรากฏ
    #หลิวเต๋อหัว ได้เป็นแขกรับเชิญรายการโทรทัศน์ของ #จีน เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ดาราและนักร้องหนุ่มใหญ่วัย 58 ปี เดี่ยวไมโครโฟนเป็นภาษาจีนกลาง รายการนี้เป็นรายการที่เชิญบุคคลดังในแวดวงต่างๆ มาบรรยายให้ผู้ชมฟังในรูปแบบของห้องเรียนเสรี เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนหนุ่มสาว ถึงแม้ในวันนั้นยังไม่มีโควิด แต่คำบรรยายของเขาอยู่เหนือกาลเวลา และส่งกำลังใจมหาศาลจนถึงวันนี้
    ❣️
    และต่อไปนี้ คือ คำบรรยายของหลิวเต๋อหัว ในหัวข้อ “ยิ้มให้กับโลกสักครั้ง”

    “ ปี 1961 ผมเกิดที่ชนบทของฮ่องกง แถวบ้านมีนกยูง มีหมูมากกว่า 200 ตัว มีนกพิราบจำนวนนับไม่ถ้วน ตอนเด็กๆ ผมได้เห็นสิ่งที่เด็กๆ สมัยนี้ไม่เคยเห็นมากมายหลายอย่าง เป็นของจริงที่ชัดเจนยิ่งกว่าโทรทัศน์ในยุคนี้
    .
    ตอน 6 ขวบ พ่อตัดสินใจพาผมย้ายจากชนบทมาอยู่ในเมือง พ่ออยากให้พวกเราได้สัมผัสกับโลกภายนอกที่กว้างขวาง แต่การทอดทิ้งบ้านเกิดทำให้คุณปู่โกรธพ่อของผมมาก พอตอนแบ่งพินัยกรรม พ่อของผมจึงไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง หลังจากนั้นเราจึงต้องอาศัยอยู่ในเขตยากไร้ของฮ่องกงที่เรียกว่า “ภูเขาเพชร” ทำไมถึงเรียกว่า “ภูเขาเพชร ? อาจเป็นเพราะว่าคนที่นั่นล้วนฝันว่า ที่อยู่ของพวกเราที่นี่จะดูดีขึ้นในสักวันหนึ่ง
    .
    พ่อของผมเป็นพนักงานดับเพลิง และเพราะบ้านที่นั่นมีแต่บ้านไม้ ทุกวันจึงต้องระวังไฟไหม้ ต้องจำให้ได้ว่าบัตรประชาชนวางไว้ที่ไหน เพราะถ้าไฟไหม้เราก็ทำได้แค่รีบเข้าไปเอาบัตรประชาชน แล้วก็หนีออกมา....และวันหนึ่ง เมื่อผมอายุ 10 ขวบก็เกิดไฟไหม้ขึ้นจริงๆ พวกเราก็เลยต้องย้ายออกมา พ่อกับพวกเราต้องอาศัยอยู่ในที่พักชั่วคราวที่รัฐบาลช่วยสร้างขึ้นนานถึง 1 ปี จนกระทั่งปีต่อมา เราจึงได้ย้ายเข้าไปยังบ้านใหม่ที่สร้างขึ้นด้วยปูนเป็นครั้งแรก ในช่วงนั้นพวกเราต้องปากกัดตีบถีบทุกอย่างเพื่อหาเลี้ยงชีวิต
    .
    จนกระทั่งปี 1980 ผมมีโอกาสอบรมกับสถานีโทรทัศน์ TVB และได้เซ็นสัญญากับทางสถานีในที่สุด
    .
    นั่นเป็นประวัติชีวิตคร่าวๆของผม วันนี้ผมมาบรรยาย มาทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ก็ไม่รู้ว่าจะสอนอะไรกับพวกคุณได้บ้าง พวกคุณคงคิดว่า หลิวเต๋อหัวเป็นคนที่ประสบความสำเร็จสุดๆ แต่ความจริงแล้ว หลิวเต๋อหัวถูกสื่อมวลชนแต่งแต้มจนกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ เหมือนกับว่า ผมไม่ต้องกิน ไม่ต้องนอน ก็มีชีวิตอยู่ได้จนอายุ 52 ปี (ขณะนั้น) แต่ความจริงแล้ว ผมเป็นแค่ “คนธรรมดา” คนหนึ่ง....และก็เคยล้มเหลวเช่นเดียวกัน
    .
    ปี 1981 ผมเพิ่งเข้าอบรมกับ TVB ตอนนั้นผมมีแฟนสาวที่คบหากันนานถึง 3 ปีแล้ว ผมคิดว่าเป็นผู้ชายต้องรับผิดชอบ จึงมุมานะทุกอย่าง ตอนเช้าเริ่มฝึกตั้งแต่ 9 โมง จนถึงตอนค่ำยังต้องฝึกเต้นรำ และการแสดงมากมาย
    .
    และวันหนึ่ง ผมได้รับโทรศัพท์ คนที่โทรมาถึงแฟนของผมที่ไม่มีเวลาไปพบกันนาน 4 เดือนแล้ว เธอถามผมว่ามีเวลาปลีกตัวมาสักนิดไหม? ผมตอบตกลง แต่เวลากว่าจะออกมาพบกันได้ก็นานถึง 8 ชั่วโมงถัดมา เธอนัดผมที่ยอดเขาแห่งหนึ่งซึ่งโรแมนติกมาก สามารถมองเห็นฮ่องกงได้ทั้งเกาะ แต่เธอกลับใช้สถานที่นี้บอกเลิกกับผม
    .
    ผมพร่ำถามตัวเองว่า เพราะอะไร? ผมไม่ได้ทำผิดอะไร? แต่ยังไม่ทันที่ผมจะอธิบายอะไรสักคำเดียว เธอก็หันหลังจากไปแล้ว ผมค่อยๆ เดินลงจากภูเขาจนมาถึงป้ายรถเมล์ รอจนกระทั่งรถที่ไม่ค่อยมีผู้โดยสารคันหนึ่งมาถึง ผมนั่งอยู่แถวสุดท้ายคนเดียว ผมรู้สึกว่ายิ่งรถวิ่งไปข้างหน้าเร็วเท่าไหร่ หยาดน้ำตาก็ปลิวสวนทางไปเร็วเท่านั้น
    .
    ความล้มเหลวในรักครั้งแรก ทำให้ผมทุ่มเทกับการทำงานมากขึ้น และในที่สุด ผมก็ได้พบกับความสำเร็จครั้งแรกนั่นคือ การได้รับบทพระเอก นั่นคือความสำเร็จ....แต่ความสำเร็จมีหลายอย่าง
    .
    ในปี 1985 ผมถ่ายละครเรื่อง “มังกรหยก” เพิ่งเสร็จ ตอนนั้นผมเห็นเฉินหลง เห็นโจวเหวินฟะ หันไปเล่นภาพยนตร์กันมากมาย ผมก็อยากจะมีโอกาสเล่นหนังบ้าง จึงบอกกับทาง TVB ว่า ผมขอเล่นละครปีละแค่หนึ่งเรื่องได้ไหม? เวลาที่เหลือขอไปเล่นหนัง ทาง TVB ตอบว่า ไม่ได้!ผมจึงต้องเลือก และผมเลือกที่จะออกจากสถานีโทรทัศน์ใหญ่อย่าง TVB เพื่อมารับเล่นหนังอย่างอิสระ ในตอนนั้นคนรอบตัวผมบอกว่า “หลิวเต๋อหัว นายตัดสินใจอย่างนี้ล้มเหลวแน่!”
    .
    แต่การตัดสินใจของแต่ละคนล้วนมาจากหัวใจ ผมก็เดินตามทางที่เลือกแล้ว....จนกระทั่งผมได้พบกับ “คนตัดคน” ได้พบกับ “เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้” และได้พบกับ “ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ”....คราวนี้คนรอบตัวกลับบอกกับผมว่า “หลิวเต๋อหัว นายตัดสินใจตอนนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ!”
    .
    ความสำเร็จใครกันเป็นผู้กำหนด? ไม่มีใครรู้หรอก แต่จงจำไว้ว่า ความสำเร็จไม่ได้มีหนทางเดียว ตอนที่ผมลาออกจาก TVB มาดิ้นรนด้วยตัวเอง แต่ยังมีอีกคนหนึ่งเลือกที่จะอยู่กับ TVB เขาคนนั้น คือ #เหลียงเฉาเหว่ย...แล้ววันนี้เขาประสบความสำเร็จหรือไม่? ดังนั้นจงจำไว้ว่า เลือกในสิ่งที่เหมาะที่สุดกับคุณ จงอย่าลอกแบบตัวอย่างความสำเร็จของคนอื่น

    คนรู้จักจินเคอไหม? เขาคือมือสังหารจิ๋นซีฮ่องเต้ เขาทำสำเร็จหรือล้มเหลว คนส่วนใหญ่คิดว่าเขาล้มเหลวใช่ไหม? จิ๋นซีฮ่องเต้รวมอาณาจักรจีนเป็นหนึ่ง สำเร็จหรือล้มเหลว คนส่วนใหญ่คิดว่าทำสำเร็จใช่ไหม? แต่วันนี้ ทำไมคุณยังจำมือสังหารที่ชื่อจินเคอได้ ? ทำไมคนจำนวนมากประณามการปกครองของจิ๋นซีฮ่องเต้ ? ความสำเร็จจึงไม่ได้อยู่ที่คุณบอกตัวเอง แต่ประวัติศาสตร์จะเป็นบอก
    .
    คนที่ชอบผมจะบอกว่า หลิวเต๋อหัวเป็นดาราใหญ่ มีครอบครัวที่มีความสุข แต่คนที่ไม่ชอบผมก็จะบอกว่า หลิวเต๋อหัวเล่นหนังบู๊ล้างผลาญไร้สาระ เพียงแค่โชคดีถึงดัง และเขายังเห็นแก่ชื่อเสียงไม่เอาใจใส่ครอบครัว คนใกล้ชิดทุกคนต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ เช่นนี้แล้วผมก็คือคนที่ล้มเหลวที่สุด
    .
    ผมเห็นคนที่ประสบความสำเร็จมามาก หลายคนน่ารำคาญมาก พวกเขามักคิดว่าจะต้องแสดงอัตตาให้มากที่สุด บางครั้งแม้แต่ข้อบกพร่องของตัวเองก็ยังคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของอัตตา แต่ถ้าคุณมีปัญญาจะพบว่า เราสามารถใช้ความมานะแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเอง ถึงตอนนั้นคุณก็จะเป็นคนที่ทั้งประสบความสำเร็จ และเป็นคนที่ผู้คนรัก
    .
    ทุกวันตอนเช้า ผมจะยืนอยู่หน้ากระจกแล้วถามตัวเองว่า คุณเป็นใคร? คุณเคยทำผิดต่อตัวเองไหม? คุณเคยทรยศตัวเองไหม? คุณเคยหลอกตัวเองไหม? ถามตัวเองอย่างนี้ทุกวันเพื่อเตือนสติตัวเอง จากนั้นค่อยเดินออกไป ยิ้มให้กับคนในครอบครัว ยิ้มให้กับเพื่อนบ้าน ยิ้มให้กับคนแปลกหน้าที่พานพบ ยิ้มให้กับ...คนที่ล้มเหลว คุณจะพบว่าโลกนี้เต็มเปี่ยมด้วยความรัก หากโลกนี้เต็มเปี่ยมด้วยความรัก ความสำเร็จจะยังห่างไกลจากเราทุกคนงั้นหรือ? โลกที่เต็มเปี่ยมด้วยรัก แม้คุณจะล้มเหลว ก็จะยังมีสักคนหนึ่งที่ยิ้มให้กำลังใจคุณ
    ❣️
    โลกนี้คนที่ประสบความสำเร็จย่อมมีน้อยกว่าคนที่ล้มเหลวแน่นอน แต่พวกคุณจำไว้ว่า ขอเพียงคนที่ล้มเหลวอย่างพวกเราไม่ล้มเลิก ไม่ยอมแพ้ ก็จะไม่ได้ด้อยไปกว่าคนที่ประสบความสำเร็จแน่นอน.”

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บราซิล ประเทศที่ผู้คนไม่ยอมมาตรการกักตัว คล้ายกับในหลายประเทศ แม้แต่ประเทศไทย ที่กำลังจะระเบิดกัน...บราซิล ประชาชนกำลังล้มตาย ไม่มีตู้คอนเทนเนอร์จะใส่ ไม่มีสุสานจะฝัง ทางบราซิลต้องขุดหลุมขนาดใหญ่ กลบฝังรวมๆ กัน
    ...
    ทางการบราซิล รายงานอย่างเป็นทางการว่า มีผู้เสียชีวิต 3,700 คน แต่ผู้เชี่ยวชาญไม่เชื่อว่าจะเสียชีวิตแค่นี้ จำนวนจริงคงสูงกว่าตัวเลขที่รายงานประมาณ 15 เท่า หรือ 50,000 คน
    ...
    บราซิลไม่ใช่ไก่กา มักเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีทางการแพทย์ดีพอสมควร มีการแอบนำเอาเทคโนโลยีทางการแพทย์จากอเมริกา มาทดลองที่นี่ก่อนเนืองๆ บราซิลมีจำนวนเตียงสำหรับดูแลผู้ป่วยหนัก ประมาณ 25 เตียงต่อแสนประชากร ซึ่งมากกว่าประเทศไทยที่มีแค่ 12 เตียงต่อแสนประชากร (ภาพที่ 6)
    ...
    https://www.thansettakij.com/content/world/431536?fb=
    ...
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Congressional Budget Office (CBO) คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวอย่างฉับพลันในไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 และจะปรับดีขึ้นหลังจากนั้น

    การประมาณการดังกล่าวอยู่บนข้อสมมติว่านโยบาย Social Distancing จะดำเนินไปถึงเดือนมิถุนายนปี 2020 และจะเริ่มผ่อนคลายลงจนสิ้นสุดในครึ่งปีแรกของปี 2021 ภายใต้ข้อสมมตินี้และข้อมูลจากทั้งภาครัฐและเอกชน CBO ประมาณการว่า GDP ประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 จะหดตัวร้อยละ 40 ต่อปี ค่าเฉลี่ยของอัตราการว่างงานในช่วงดังกล่าวอยู่ที่ร้อยละ 14 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะ 3 เดือนอยู่ที่ร้อยละ 0.1 และระยะ 10 ปีอยู่ที่ร้อยละ 0.6 อย่างไรก็ตาม CBO คาดว่าอัตราการว่างงานจะปรับลดลงหลังจากไตรมาสที่ 2 ปี 2020 เนื่องจากแรงงานเริ่มกลับมาทำงานได้แม้จะเพียงบางส่วน

    ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำต่อไปจากความต้องการสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำที่ยังคงสูงและธนาคารกลางมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำต่อเนื่อง ในส่วนของหนี้สาธารณะและรายได้ของภาครัฐ CBO คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 101 ของ GDP และขาดดุลร้อยละ 17.9 ของ GDP

    Source: BoTSS

    ที่มา: https://www.cbo.gov/publication/56335

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    SHTF Plan
    Anti-Body Study Shows COVID-19 Is Already “Widespread” & Death Toll Much Lower Than We Were Told

    จากการศึกษาระบบภูมิคุ้มกัน ..แสดงว่า COVID-19 แพร่กระจายในวงกว้างแล้ว แต่จำนวนผู้เสียชีวิต..น้อยกว่าที่ออกเป็นข่าวมาก

    Mac Slavo April 22nd, 2020

    เราถูกหลอกวันแล้ววันเล่ามาตลอดโดยสื่อกระแส และเจ้าหน้าที่รัฐบาล เราถูกกำหนดให้ยังคงอยู่ใน panic และความกลัว โดยที่ตัวเลข (ถึงแม้จะผ่านการปั้นแต่งแล้ว) ก็ยังไม่สามารถยืนยันความจริงได้

    ผลการศึกษาของระบบภูมิคุ้มกันโคโรน่าไวรัสตัวใหม่ แสดงว่าอัตราการติดเชื้อในลอสแองเจลิส "มากกว่า" จำนวนผู้ติดเชื้อที่มีการประกาศมากนัก ...นั่นหมายความว่า อัตราผู้เสียชีวิต "น้อยเกิน" กว่าที่คิดแต่แรกในแบบที่ผู้คนทั่วไปมักคิดกัน .......แต่เศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของผู้คนก็ถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว เพียงเพราะอะไรบางอย่างที่มันไม่ได้เลวร้ายไปกว่าไข้หวัดเลย

    ผลจากการทำสำรวจวิจัยเบื่องต้นโดย U.of Southern California และ ฝ่ายสาธาณสุขของ Los Angeles County พบว่า 4.1% ของประชากรผู้ใหญ่มีภูมิคุ้มกัน COVID-19 ...มากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อ 7,994 cases ที่รายงานเมื่อต้นเดือนเมษายนถึง 28-55 เท่า

    Stanford University ก็มีการศึกษาที่คล้ายกันในเขต Santa Clara พบว่ามีผู้ที่มีภูมิคุ้มกันไวรัสนี้ 2.8% - 4.2% จำนวนเปอร์เซนต์ที่มากกว่า cases ที่มีการบันทึก

    เมื่อปรับตัวเลขเผื่อผิดพลาดแล้ว เปอร์เซนต์ของผู้ที่มีภูมิคุ้มกันที่อยู่ระหว่าง 2.8% - 5.6% ซึ่งเท่ากับจำนวน 221,000 ถึง 442,000 คน ....มีการบันทึกจำนวนผู้เสียชีวิต 617 รายนับถึงวันจันทร์ที่ผ่านมา

    นอกจากจะไม่ยอมรับถึงความผิดพลาดของการ lockdown แล้ว หน่วยงานสาธาณสุขของรัฐบาลยังเพิ่มตัวเลขเพื่อเพิ่มความกลัวไปอีกเท่าตัว

    Dr. Barbara Ferrer, director of the public health department กล่าวในการแถลงข่าว ..."คนจำนวนมากอาจติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว และเสี่ยงที่จะแพร่ไวรัสให้คนรอบข้างได้"

    พวกเขาต้องการให้เราอยู่กับความกลัวกันและกัน เพื่อให้สังคมทาสยังคงอยู่ต่อไป

    Pro. Neeraj Sood ผู้นำกลุ่มสืบค้นของ U. of Southern California กล่าวว่า "เรายังไม่รู้ขอบข่ายการแพร่เชื้อของ COVID-19 ในชุมชนของเรา เพราะเราทดสอบเฉพาะผู้ที่ปรากฏอาการ ชุดทดสอบก็มีจำกัดด้วย ...จากผลการประมาณการ ทำให้เราเห็นว่าต้องมีโมเดลการประเมินโรคใหม่ และต้องคิดใหม่เกี่ยวกับยุทธศาสตร์การสาธารณสุข"

    คิดใหม่หมายถึงว่า การทำลายคุณภาพชีวิตของผู้คนเป็นเรื่องเลวร้ายหรือ ....เราเห็นแล้วว่าคนพวกนั้นหลอกให้เราอยู่กับความกลัวมาตลอด และเราไม่ควรต้องเชื่อฟังอีกแล้ว ....ตอนนี้เรื่องของอารยะขัดขืนก็มีการเริ่มไปแล้ว และมันก็มีแต่จะเพิ่มไปเรื่อย ๆ เพราะการโกหกก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ....เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพเลย มันคือการควบคุมประชาชนล้วน ๆ ......การควบคุมจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีใครยอมทำตาม

    สื่อกระแสหลักและรัฐบาลยังคงปั่นสถานการณ์เป็นข้ออ้างในการควบคุมวิถีชีวิตประชาชน ถึงแม้ตัวเลขจะไม่เป็นใจ พวกเขาก็ยังตั้งเป้าการควบคุมอย่างเหนียวแน่น ...แต่ถ้าพวกเราไม่ทำอะไร ก็เท่ากับเรากำลังมัดตัวเองให้แน่นเข้าไปอีก

    เรื่องของ shit hits the fan น่ะ มันจะไม่เกิดเพราะโรคระบาดหรอก แต่จะเป็นเพราะรัฐบาลได้สร้างความหวาดกลัวให้กับสาธารณะ จนสิ่งที่เราสร้างกันมาชั่วชีวิตต้องถูกทำลายลงไป

    ********************

    SHTF Plan
    Anti-Body Study Shows COVID-19 Is Already “Widespread” & Death Toll Much Lower Than We Were Told

    We are being lied to all day every day by the mainstream media and government officials. We are supposed to be in a state of panic and fear, yet the numbers (even the manipulated numbers) don’t warrant such a reaction.

    A coronavirus antibody study released Monday found that the novel coronavirus infection rate in Los Angeles County “far exceeds” the number of confirmed cases, meaning that the fatality rate is also “much lower” than previously thought, just like every human with the capacity to think on their own has already determined. We destroyed the economy and people’s lives for something that is turning out to be no worse than the common cold.

    The preliminary results of research conducted by USC and the Los Angeles County Department of Public Health found that about 4.1% of the county’s adult population carries the COVID-19 antibody, about 28 to 55 times higher than the 7,994 confirmed cases reported in early April.

    A similar study released last week by Stanford University showed a similar phenomenon in Santa Clara County, finding that 2.8% to 4.2% of residents tested carrying antibody resistance to the virus, a percentage that far exceeded the number of recorded cases.

    Adjusted for the margin of error, the percentage of adults with the antibody ranges from 2.8% and 5.6%, which translates to between 221,000 and 442,000 adults. The county had recorded 617 deaths from the virus as of Monday, according to The Washington Times. Keep in mind how they are counting the deaths too:

    BOMBSHELL: MN Senator Reveals HHS “Coaching Document” On How To OVERCOUNT Coronavirus Cases

    Another COVID-19 Whistleblower: A Montana Dr. Says Government Is Drastically Overstating Deaths

    However, instead of admitting to being wrong and the failure of the lockdowns, government health officials are doubling down on the fear. “These results indicate that many persons may have been unknowingly infected and at risk of transmitting the virus to others,” said Dr. Barbara Ferrer, director of the public health department, in a press release.

    They want us living in fear of each other and needing enslavement to continue on. But it’s time to move on without the government’s permission. Free men don’t ask permission anyway.

    “We haven’t known the true extent of COVID-19 infections in our community because we have only tested people with symptoms, and the availability of tests has been limited,” said USC professor and lead investigator Neeraj Sood. “The estimates also suggest that we might have to recalibrate disease prediction models and rethink public health strategies.”

    You think? You mean killing people’s livelihoods was a bad idea? You don’t say. These people have been proven to be lying fear mongers and we shouldn’t be obeying their commands at all anymore. Civil disobedience has already begun and it’s going to get worse and wider spread as these lies continue to come out. This was never about health, it’s always been about control. They don’t have control if no one obeys their commands.

    The mainstream media and government continue to spin this as some sort of excuse to exercise control over our lives. Even with the numbers not on their side, they are moving the goalposts of control and if we don’t start moving on without them, we’ll be fastening the shackles around our own ankles.

    The SHTF, not because of a pandemic, but because of the government’s ability to panic the public while we complied with their draconian and tyrannical orders that have destroyed what took a lifetime to build.

     

แชร์หน้านี้

Loading...