ประสบการณ์ ธรรมะ พระเครื่อง หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา

อ่านกับเขาโตยก้ะนิ หุหุ

 

ขอบคุณครับ ติดตามแล้วนำไปปฎิบัติด้วยนะครับ ผมจะได้ได้บุญด้วย อิอิ (ล้อเล่นนะคร้าบ)

ว่าแต่ คุณหนึ่ง หายไปไหนเนี่ย เพื่อนๆอยากรู้ว่าคุณหนึ่งแขวนพระอะไรนะคร้าบบบ

 

".....เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว
ให้รีบพากันปฎิบัติ....."​

 

การตั้งนิมิตองค์พระ



โดย พี่สิทธิ์

วันนี้ขอเล่าเรื่องการตั้งองค์พระในเวลาปฏิบัติสมาธิภาวนา

ในตอนเริ่มต้นภาวนานั้น ที่นิยมกันก็คือการตั้งนิมิตองค์พระ (ซึ่งอาจเป็นรูปองค์พระที่อยู่ในกำมือ) ไว้กึ่งกลางหน้าผาก ให้แตะรู้เบา ๆ อย่ากำหนดแรงนัก และให้คำบริกรรมภาวนาไตรสรณคมน์ดังก้องกังวานออกมาจากองค์พระ (เพื่อให้รวมความรู้สึกไว้ในจุดเดียว)

การเห็นนิมิตนั้น บางครั้งยังไม่ชัดเจนในตอนต้น อาจเพราะจิตยังฟุ้งอยู่ เพราะระหว่างวันไม่ได้สำรวมรักษาจิตเท่าที่ควร หรืออาจเพราะกำหนดแรงไป ดังนั้น ควรสูดลมหายใจลึก ๆ ปรับการนั่งให้เป็นที่สบายเสียก่อน แล้วนึกนิมิตง่าย ๆ เหมือนนึกถึงใบหน้าของคุณพ่อคุณแม่เรา

รายละเอียดระหว่างปฏิบัติขอข้ามไปก่อน ทีนี้ในตอนจะเลิก ก่อนอาราธนาพระเข้าตัวและแผ่เมตตา ก็ให้เคลื่อนนิมิตองค์พระเข้ามาไว้กลางตัว ขยายองค์ท่านให้ใหญ่จนเกศของท่านจรดที่บริเวณลูกกระเดือกของเรา ส่วนฐานอยู่ที่กลางท้อง หันพระพักตร์ออก ตั้งนิมิตเสร็จก็กล่าวคำอาราธนาพระเข้าตัว พร้อมกับแผ่เมตตา โดยกำหนดให้แสงสว่าง (บุญ) ออกจากองค์พระกลางตัว ออกไปทุกทิศทุกทาง ทั้งเบื้องบน เบื้องล่างด้วย (ถ้าตั้งจิตจนเกิดปีติในระหว่างแผ่เมตตาก็จะยิ่งดี)

เมื่อออกจากการนั่งกรรมฐานแล้ว ก็ให้ระลึกว่าองค์พระยังอยู่ เราก็บริกรรมภาวนาประคององค์พระไว้ให้ได้ตลอดวัน จะทำอะไร พูดกับใคร ก็แบ่งใจส่วนหนึ่งมาระลึกองค์พระนี้ไว้ พอถึงเวลาปฏิบัติ จิตก็จะสงบได้ง่าย การภาวนาจะหวังจับยอดเอาปัญญาเลย โดยมองข้ามความสงบของใจนั้นไม่ควร เพราะอุปมาเหมือนจะรับประทานอาหาร แต่ไม่มีที่ตั้งจานข้าว

ที่กล่าวมานี้ไม่ใช่แบบสำเร็จรูปตายตัว บอกเล่าไว้ให้พอเป็นแนวทางเท่านั้นครับ

 

หลวงปู่ต่ออายุให้ศิษย์



โดย พี่สิทธิ์

ลุงยวง หรือหลวงลุงยวงคือหลานหลวงปู่ที่ข้าพเจ้าได้ไปกราบท่านเมื่อตอนที่ท่านบวชถวายหลวงปู่ (ตอนนั้นท่านอายุได้ ๗๒ ปี แล้ว แต่ปัจจุบันท่านได้ละสังขารแล้ว)

เวลาที่หลวงลุงยวงเล่าเรื่องให้เราฟัง พอเอ่ยถึงหลวงปู่ทีไร ท่านจะมีน้ำตาคลอเบ้าทุกครั้ง เพราะความซาบซึ้งในพระคุณของหลวงปู่ที่มีต่อท่าน จนท่านต้องหยุดนิ่งเป็นระยะ ๆ

ท่านเป็นอีกผู้หนึ่งที่เชื่ออย่างสนิทใจว่า หลวงปู่ดู่ ก็คือ หลวงปู่ทวด เพราะประสบการณ์ตรงเมื่อคราวที่ท่านเป็นฆราวาสนอนป่วยหนักอยู่ที่โรงพยาบาลในอยุธยา ตอนนั้นท่านมีอาการท้องเดินอย่างหนัก จนต้องย้ายเตียงมาไว้หน้าห้องน้ำ เพื่อว่าจะได้ลงมาห้องน้ำได้โดยสะดวก ท่านถ่ายบ่อยครั้งมากจนท่านอ่อนแรงแล้วก็เจ็บตามเนื้อตามตัวมากด้วย สุดท้ายท่านรู้สึกเหมือนจะไม่รอด จึงฝืนขึ้นมานั่งสมาธิระลึกถึงหลวงปู่ดู่ (ท่านเรียกว่าหลวงลุงดู่)

พลันก็เห็นเป็นดวงกลมสว่างเหมือนพระอาทิตย์ค่อย ๆ ลอยต่ำลงมา แต่ที่แปลกคือมีหลวงปู่ดู่นังอยู่บนดวงสว่างนั้น พอดวงสว่างลอยต่ำลงมาถึงพื้น หลวงปู่ดู่ก็เดินเข้ามาหาท่าน พอใกล้เข้ามาก็กลายเป็นหลวงปู่ทวด สลับไปสลับมาอยู่อย่างนี้

แล้วหลวงปู่ก็เดินอ้อมไปทางข้างหลัง แล้วเอามือมาจับที่หน้าท้องท่าน ดึงกระชากอย่างแรง ๓ ครั้ง จนท่านแทบจะต้องเอียวตัวตามแรงประชากนั้น แล้วท่านก็ได้ยินเสียงหลวงปู่บอกว่า 'หาย'

เมื่อลืมตาขึ้น ท่านก็เลยลองเอี้ยวตัวดู ก็ไม่รู้สึกเจ็บตามเนื้อตามตัว และหายปวดท้องแล้ว ท่านจึงปลุกนางถมยา (ภรรยาของท่าน) พาท่านกลับบ้านด้วยความดีใจ แล้วท่านได้เดินทางไปกราบของพระคุณหลวงปู่ในเช้าวันรุ่งขึ้น เล่าเรื่องต่าง ๆ ให้หลวงปู่ฟัง หลวงปู่ก็โมทนากับท่าน แล้วกำชับว่า

'อย่าเล่าให้ใครฟังเพราะคนไม่เชื่อแล้วปรามาสเข้าจะบาป'

ข้าพเจ้าคิดเอาเองว่า ควรบันทึกไว้ให้รับทราบกันบ้างดังที่ปรากฏในหนังสือพรหมปัญโญนุสรณ์ แต่ยังมีเกร็ดประวัติที่ยังไม่ได้เล่าหรือบันทึกไว้อีกเรื่องหนึ่งคือ หลวงลุงเล่าว่าเมื่อคราวท่านอายุ ๕๗ ปี (ไม่แน่ใจว่าเป็นช่วงเดียวกับที่ท่านป่วยหรือไม่) ท่านว่าหลวงปู่ทวดมาบอกว่าท่านหมดอายุขัยแล้ว แต่หลวงปู่จะต่ออายุโดยกลับตัวเลขให้ นั่นก็หมายความว่าท่านจะมีอายุไปถึง ๗๕ ปี

ในตอนที่เราไปสัมภาษณ์ท่าน (เพื่อจะทำ Video ประวัติหลวงปู่ดู่) ท่านมีอายุได้ ๗๒ ปี อีกประมาณ ๒ ปี ทราบว่าท่านอาพาธ ต้องลาสิกขาเพื่อให้โยมที่บ้านดูแลรักษาได้สะดวก และอีก ๑ ปี ต่อมาก็ทราบข่าวว่าท่านสิ้น (รวมแล้ว 75 ปีพอดี ! จขกท.) พอข้าพเจ้ามาระลึกถึงคำที่ท่านเล่าไว้เรื่องหลวงปู่ทวดต่ออายุให้ท่าน ก็ให้นึกอัศจรรย์ใจ ว่านี่ก็เท่ากับเป็นเครื่องช่วยยืนยันอีกทางหนึ่งว่าสิ่งที่ท่านประสบนั้นเป็นเรื่องจริง

 

ไม่เกี่ยวเลยครับ ที่เรียกๆกันนี่สมมุติทั้งนั้น

พี่เอามาจากต้นฉบับเลยครับ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร.

 

เรื่องลูกอมหลวงปู่ผมอ่านกี่ครั้งก็ขนลุกขนพอง (ปิติ) ทุกคราวไปครับ

ผมก็ไม่ค่อยแม่นครับ เพราะไม่ใช่เซียน แต่ลองลงภาพให้ชมหน่อยก็ดีครับ

 

ล้มให้รีบลุก



เป็นปกติของผู้ปฏิบัติธรรม ช่วงใดเวลาใดที่สามารถปฏิบัติธรรมได้ก้าวหน้า จิตใจสงบเย็นเป็นสมาธิได้ง่าย สามารถพิจารณาอรรถธรรมให้ผ่านทะลุจิตใจได้โดยตลอดสาย ช่วงดังกล่าวมักจะต้องมีปัญหาและอุปสรรคที่เข้ามาไม่ในรูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่ง เพื่อมาขวางกั้นการปฏิบัติธรรมของผู้ปฏิบัติคนนั้นๆ ถ้าผู้ปฏิบัติธรรมไม่สามารถเตรียมใจรับกับสถานการณ์นั้นๆ ได้ ธรรมที่กำลังพิจารณาดีๆ ก็ต้องโอนเอนไปมา หรือล้มลุกคลุกคลานอีกได้

ผู้เขียนเคยกราบเรียนให้หลวงปู่ทราบถึงปัญหาและอุปสรรคที่กำลังประสบอยู่

หลวงปู่

"พอล้มให้รีบลุก รู้ตัวว่าล้มแล้วต้องรีบลุก แล้วตั้งหลักใหม่ จะไปยอมมันไม่ได้"

ท่านเมตตาสอนต่อว่า

"ก็เหมือนกับตอนที่แกเป็นเด็กคลอดออกมา กว่าจะเดินเป็น แกก็ต้องหัดเดิน จนเดินได้ แกต้องล้มกี่ทีเคยนับไหม พอล้มแกก็ต้องลุกขึ้นมาใหม่ใช่ไหม ค่อยๆ ทำไป"

หลวงปู่เพ่งสายตามาที่ผู้เขียนแล้วสอนว่า

"ของข้าเสียมากกว่าอายุแกซะอีก ไม่เป็นไรตั้งมันกลับไป"

ผู้เขียน

"แล้วจะมีวิธีป้องกันไม่ให้ล้มบ่อยได้อย่างไร"

หลวงปู่

"ต้องปฏิบัติธรรมให้มาก ถ้ารู้ว่าใจเรายังแข็งแกร่งไม่พอ ถูกโลกเล่นงานง่ายๆ แกต้องทำให้ใจแกแข็งแกร่งให้ได้ แกถึงจะสู้กับมันได้"

เพื่อเป็นการเพิ่มกำลังใจของนักปฏิบัติ ไม่ว่าจะล้มสักกี่ครั้งก็ตาม แต่ทุกๆ ครั้งเราจะได้บทเรียน ได้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป ให้น้อมนำสิ่งที่เราเผชิญมาเป็นครู เป็นอุทาหรณ์สอนใจของเราเอง เตรียมใจของเราให้พร้อมอีกครั้ง ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก

 

ข้อมูลถูกต้องแล้วครับ สมัยก่อนได้รับจากหลวงปู่จะไม่มีตรากังจักรครับ คนส่วนใหญ่จึงชอบมากเพราะได้มาตั้งแต่สมัยหลวงปู่จึงมักเก็บกันเรียบครับ มาช่วงหลังท่านมรณภาพแล้วทางวัดจึงเปิดกุฎินำออกให้บูชา แบบเป็นองค์ๆก็ปั้มตรายาง แบบเป็นไหๆก็มีครับ ช่วงนั้นคนบูชาเป็นไหๆนี่บางคนโชคดี เพราะทั้งไหมีแต่พระเหนือพรหมก็มีครับ ถ้าเอาออกมาให้บูชากันช่วงนี้รวยเละครับ

 

อนุโมทนาครับ

- แบบให้บูชาเป็นไหก็มีครับ เพราะเห็นมาแล้วครับ

- รูปหล่อที่บูชามาใช่แบบเนื้อปูนทาทองไหมครับ ?

 

มีซ้ะป้ะ แบบถูกๆ แบบถูกๆ ไม่เกิน 500 ก็มีเยอะแยะอ่าในเวปนี้ แต่เป็นเนื้อผง ถ้าจะเอาเหรียญก็สตาร์ทตั้งแต่ เหรียญ ลพ.บุญคุ้ม ประมาณ 400 บ. ลป.ดู่ ร่วมอธิษฐานจิตกับครูบาอาจารย์หลายองค์ แต่ถ้าจะเอาแบบ ลป.ดู่ องค์เดียว แนะนำเหรียญ ลป.ทวด ปี 28 ราคาประมาณ 650 - 800 ยังเบาๆ