28.หอมกลิ่นอุบล ยลดวงจำปา

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย สร้อยฟ้ามาลา, 3 พฤษภาคม 2010.

  1. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    พี่แอ๊ดจ๋า พี่ติ๋งเค้าสงสัยอ่ะจ่ะ..... ^_^
     
  2. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    วัดที่ ๔วัดทุ่งศรีเมือง

    ตั้งอยู่บริเวณถนนหลวง ในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ทางทิศตะวันออกของทุ่งศรีเมือง เมื่อเนื้อที่ ๑๙ ไร่ ๒ งาน ๒๓ ตารางวา สันนิษฐานสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๓๕๖ ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ในยุคสมัยสมเด็จกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์ ได้ตกลงกับเจ้าของที่ดินหลายคน ยกที่ดิน (ที่ทำนา) ให้กับทางราชการ แรกๆ ชาวเมืองเรียกว่า "ทุ่งศรีเมือง" แต่เนื่องจากทุ่งแห่งนี้ เป็นที่รวมของการจัดงานมหกรรมใหญ่ๆ เช่น งานเฉลิมพระชนมพรรษา งานรัฐธรรมนูญ เป็นต้น และเป็นทุ่งประดับเมือง จึงเรียกว่า "ทุ่งศรีเมือง"

    [​IMG]


    เจ้าคุณพระอริยาวงศาจารย์ญาณวิมล อุบลสังฆปาโมกข์ (สุ้ย หลักคำ) แห่งวัดป่าแก้วมณีวัน คือวัดมณีวนาราม ในปัจจุบัน ท่านมีอัธยาศัยน้อมไปทางวิปัสสนากรรมมัฎฐาน ซึ่งท่านก็ได้มา เจริญสมณะธรรม อยู่พื้นหญ้า ป่าหว้าชายดงอู่ผึ่ง ชายเมืองอุบลราชธานี เพราะเป็นที่สงบสงัด จึงได้มาเจริญสมณะธรรมอยู่บ่อยๆ ที่นั่นคือ บริเวณวัดทุ่งศรีเมืองในปัจจุบันนั้นเอง ภายหลังลูกศิษย์ของท่าน ก็ได้ตามออกมาเจริญกรรมัฏฐานเป็นจำนวนมาก


    ต่อมาภายหลังจึงได้สร้างหอพระพุทธบาทขึ้น ณ ท่ามกลางบริเวณที่เจริญสมณะธรรม โดยมีจุดประสงค์ที่จะจำลองพระพุทธบาท จำลองให้คนได้กราบไหว้ของพุทธบริษัทที่อุบลราชธานี ไม่ต้องเดินทางไปที่สระบุรี โดยให้ครูช่างชาวเวียงจันทน์ เป็นช่างดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งมีความกว้าง ๖ เมตร ยาว ๑๓ เมตร หลังคาทรงไทยศิลปะเวียงจันทร์ ต่อมาได้พูนดินบริเวณลานหอพระพุทธบาท เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมในฤดูฝน โดยได้สร้างเป็นเขื่อนกำแพงแก้วหอพระพุทธบาท มีสองชั้นรอบๆพระพุทธบาท ขนาดกว้าง ๒๓ เมตร ยาว ๓๒ เมตร พูนให้สูงเหมือนเป็นฐานรองรับหอพระพุทธบาท โดยได้ขุดเอาดินมาจาดสระด้านทิศเหนือ ซึ่งมีขนาดกว้าง ๑๓ เมตร ยาว ๒๔ เมตร ลึก ๓ เมตร ซึ่งสระนี้ ต่อมาภายหลังได้สร้างหอไตรไว้กลางน้ำ จึงได้ ซื่อว่า "สระหอไตร"


    เมื่อขุดหอไตรแล้ว ปรากฏว่า ดินที่จะนำมาพูนหอพระบาทยังไม่พอ ก็ได้ขุดสระอีก ๑ สระทางด้านทิศตะวันตกของวัด สระนี้เรียกว่า "สระหนองหมากแซว" เพราะมีต้นหมากแซวใหญ่ต้นหนึ่งอยู่ข้างสระ ซึ่งสระนี้ขุดลึกประมาณ ๓ เมตร กว้างและยาวพอๆ กับสระหอไตร


    เมื่อนำดินจากทั้ง ๓ สระมาพูน จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปลายสมัยหลวงปู่พระครูวิโรจน์รัตนโนบล เป็นจ้าอาวาสวัดทุ่งศรีเมือง ได้ปูกระเบื้องซีเมนต์ที่ลานหอพระบาทและได้สร้างกำแพงแก้ว ล้อมรอบที่ซุ้มประตูด้านทิศเหนือ, ใต้และทิศตะวันตก ส่วนทางทิศตะวันออก ได้สร้างภายหลัง และทางด้านทิศตะวันออก พระครูราชโนบล ได้สร้างให้มีขนาดใหญ่ที่สุด เพราะเป็นทางเข้าและอยู่หน้าหอพระบาท ซึ่งหอพระบาทนี้มีขนาดกว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๑๒ เมตร ซึ่งได้จำลองมาจากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร


    เมื่อสร้างหอพระพุทธบาทสร้างแล้ว ก็ได้สั่งให้ญาคูช่าง สร้างหอไตรที่สระกลางน้ำ โดยมีจุดประสงค์ในการสร้าง เพื่อเป็นที่เก็บรักษาพระไตรปิฎก ไม่ให้แห้งและกรอบมากเกินไป เพราะอากาศสดชื่น มีไอน้ำประสม และเพื่อกันปลวก มิให้ทำลายพระไตรปิฎกให้เสียหาย แต่ปัจจุบัน ก่อนที่พระราชรัตนโนบลมาปกครองวัด พระไตรปิฎกได้สูญหายไปแล้ว


    เมื่อได้สร้างหอพระพุทธบาทและหอไตรกลางน้ำเสร็จแล้ว เพื่อให้มีคนเฝ้ารักษาวัด คือได้สร้างกุฏิเป็นที่อยู่ของพระภิกษุและสามเณรต่อไป เพราะวัดนี้ตั้งอยู่ปลายทุ่ง ท่ามกลางเมืองอุบลราชธานี จึงได้ชื่อว่า ทุ่งศรีเมือง เป็นเหตุให้ทุ่งนาท่ามกลางเมืองอุบลราชธานี ได้ชื่อว่าทุ่งศรีเมืองตามไปด้วย


    เมื่อ พ.ศ.๒๔๕๘ พระครูวจีสุนทร เจ้าคณะอำเภอม่วงสามสิบ ท่านพระครูวิโรจน์รัตโนบล เป็นเจ้าอาวาส ได้พาพระเณร ไปทำพลับพลา ตัดเสาศาลาการเปรียญที่คำน้ำแซบ วัดวารินทรารามในปัจจุบัน สมัยนั้นมีแต่ป่า ยังไม่มีบ้านเรือนคน และค่ายทหาร แต่เมื่อตัดเสาได้แล้ว ก็สร้างล้อลากลงแม่น้ำมูลข้ามมาสร้างศาลาการเปรียญ โดยในวันไหนมีการล่องมูล จะให้ชาวบ้านที่หาปลา หรือคนที่อยู่แถวนั้นมาช่วย เพราะเสาต้นใหญ่มาก บางวันต้องใช้กลองยาวตีเร้าใจ เพื่อให้จังหวะครั้นลากเสามาถึงวัดแล้ว ก็จัดแจงตกแต่งศาลาการเปรียญ ครั้นเตรียมการเสร็จแล้ว ก็ได้ป่าวประกาศเชิญชวนทำบุญปลูกศาลาการเปรียญ ยกศาลาและสร้างต่อจนเสร็จ


    เมื่อสร้างศาลาการเปรียญเสร็จแล้ว วัดเหนือท่าร้าง ทางราชการจะสร้างเป็นสถานีอนามัย พระเจ้าใหญ่ในศาลาการเปรียญวัดเหนือท่า ไม่มีพระสงฆ์อยู่ดูแล พระครูวิโรจน์รัตโนบล จึงได้นำญาติโยมไปอาราธนา มาเป็นพระประธานที่ศาลาการเปรียญวัดทุ่งศรีเมือง




    สิ่งก่อสร้างสำคัญในวัดทุ่งศรีเมือง

    [​IMG]

    ๑. พระอุโบสถ หรือหอพระพุทธบาท มักจะถูกเรียกว่า หอพระพุทธบาท เนื่องจากสร้างขึ้นเพื่อประดิษฐาน รอยพระพุทธบาทจำลอง ซึ่งท่านเจ้าคุณพระอริยวงศาจารย์ญาณวิมลอุบลสังฆปาฏิโมกข์(สุ้ย หลักคำ) เจ้าคณะเมืองอุบลในขณะนั้น ได้จำลองการสร้างมาจากวัดสระเกศราชวรวิหาร กรุงเทพฯ โดยมีช่างจากเวียงจันทน์เป็นช่างสำคัญในการสร้าง



    ลักษณะของหอพระพุทธบาท วัดทุ่งศรีเมือง เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสาน ระหว่างศาสนาคารอีสานพื้นบ้านกับเมืองหลวง คือโครงสร้างช่วงล่าง เช่น ฐานเอวขัน บันไดจระเข้ เฉลียงด้านหน้าคงเอกลักษณ์ของสิมอีสานไว้แต่โครงสร้างช่วงบน หลังคาทรงจั่วมีชั้นลด ๒ ชั้น รวยลำยองมีช่อฟ้า ใบระกา นาคสะดุ้ง หางหงส์ ทวยและซุ้มประตูหน้าต่างแบบเมืองหลวง ส่วนลวดลายหน้าบันสาหร่ายรวงผึ้ง มีลักษณะเป็นแบบอีสานผสมกับเมืองหลวงเหมือนสิมวัดแจ้ง

    [​IMG]

    [​IMG]


    ในสมัยพระครูวิโรจน์รัตนโนบล เป็นเจ้าอาวาส ได้มีการซ่อมหอพระบาทครั้งหนึ่ง โดยการเอาเสามายันขื่อ ซ่อมคร่าวและวาดลวดลายที่เสา ด้านหลังมีการก่ออิฐเป็นอาคารเสริมออกมายันไว้ เพราะกลัวอาคารจะโย้ออกมา

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    ต่อมา ปี ๒๕๐๓ มีการบูรณะอีกครั้งหนึ่ง ภายในผนังมีจิตรกรรมผาผนังที่มีคุณค่า โดยเป็นจิตรกรรมฝาผนัง เขียนเป็นภาพเทพชุมนุม พุทธประวัติ ตอนผจญมาร และปรินิพพาน ภาพชาดก ได้แก่ ปาจิตต์กุมารชาดก และมหาเวชสันดรชาดกกัณฑ์ต่างๆ ภาพจิตกรรมเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นสภาพสังคม วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ความเจริญของบ้านเมือง การประกอบอาชีพ การละเล่น พิธีกรรม การแต่งกาย ทรงผม นอกจากภาพชาวบ้านพื้นถิ่นอีสานและคนลาวแล้ว ยังแสดงภาพชาวตางชาติ ทั้งจีน ฝรั่ง แขก ซึ่งเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยสมัยนี้อีกด้วย


    [​IMG]


    ๒. หอไตรกลางน้ำ วัดทุ่งศรีเมือง สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าพรหมราชวงศา (กุทองสุวรรณกูฏ) เจ้าเมืองอุบลราชธานี คนที่ ๓ ตามเอกสารระบุว่า ท่านเจ้าคุณอริยวงศาจารย์ญาณวิมลอุบลสังฆปาโมกข์ (สุ้ย หลักคำ) เจ้าคณะเมืองอุบลราชธานี ซึ่งพำนักอยู่ที่วัดมหาวนาราม(วัดป่าใหญ่) เป็นผู้อำนวยการสร้าง โดยวัตถุประสงค์ในการสร้างคือ เพื่อเก็บรักษาพระไตรปิฎก ป้องกันไม่ให้ มดปลวกไปทำลาย ซึ่งช่างที่มีชื่อเป็นช่างควบคุมการก่อสร้าง เท่าที่มีชื่อระบุไว้ ได้แก่ ญาครูช่าง ซึ่งเป็นช่างหลวงจากราชสำนักร่วมก่อสร้างด้วย

    [​IMG]


    ลักษณะของหอไตรวัดทุ่งศรีเมือง เป็นหอน้ำ สร้างอยู่กลางสระน้ำ เป็นอาคารเรือนไม้ขนาดกว้าง ๘.๒๐ เมตร ยาว ๙.๘๕ เมตร สูงจากระดับพื้นน้ำถึงถึงยอดหลังคาประมาณ ๑๐ เมตร แปลน รูป สี่เหลี่ยมจตุรัส ยกพื้นสูงใต้ถุนโปร่ง ผนังเป็นแป้นฝาไม้แบบเรียบ เครื่องสับฝาแบบฝาประกนอย่างเรือนไทยภาคกลาง ลูกฝักรองตีนช้างแกะสลักลายประตูเข้าหอไตร อยู่ทางทิศตะวันออกประตูเดียว มีหน้าต่างโดยรอบทั้งหมด ๑๔ ช่อง หลังคาทรงจั่วมีปั้นกรอบ ปีกนอกกว้าง ๒ ชั้น (คล้ายสถาปัตยกรรมเชียงรุ้ง) ส่วนบนหลังคาทรงแบบโบสถ์ไทยมีชั้นลด ๒ ชั้น ช่อฟ้ารวยลำยอง ใบระกา นาคสะดุ้งและหางหงส์แบบภาคกลาง หน้าบันไม้จำหลักลายแบบไทย(ลายดอก) พุดตาน,ลายกระจังรวน,ลายประจำยามก้ามปู ฯลฯ เดิมมุงแป้นไม้มีทวยสลักด้วยไม้ค้ำยันชายคาปีกนอกโดยรอบจำนวน ๑๙ ตัว ๒ ตัว ด้านด้านหน้าข้างประตูเข้า สลักหัวทวยเป็นเทพพนมอีก ๑๗ ตัวเป็นรูปพญานาค

    [​IMG]


    ภายในตัวเรือนชั้นใน ตรงกลางกั้นผนังเป็นห้องสำหรับเก็บพระไตรปิฎก มีบันไดทางขึ้นด้านทิศตะวันออก ทำประตูหน้าต่างล้อกับภายนอก ผนังห้องด้านนอกตกแต่งลวดลายไทย ลงรักปิดทองแบบที่เรียกว่า "ปิดทองลายฉลุ"(ลายแบบปิด) โดยทำแบบพิมพ์ลายลุ (Stencil) จากการรุกระดาษสาให้เป็นตัวลายหรือตัวภาพ แล้วนำไปทาบบนผนังที่เตรียมลงพื้นรักชาดไว้เรียบร้อยแล้ว ลงรักเช็ดตามรอยปรุ จากนั้นจึงปิดแผ่นทองคำเปลวตามลายปรุที่ลงรักเช็ดไว้ เมื่อเสร็จแล้วจะปรากฏเป็นลายพลายคำสุกอร่ามบนพื้นแดงชาด ทำคล้ายมีเรือนหลังเล็กๆสร้างประตู ๑ บาน และหน้าต่าง ๔ กรอบหน้าต่างสลักลวดลาย ผนังและบานประตูหน้าต่างสลักลวดลาย ผนังและบานประตูหน้าต่าง เขียนลายลงรักปิดทอง โดยรอบบานประตูเขียนรูปทวารบาล

    [​IMG]


    หอไตรวัดทุ่งศรีเมือง ได้รับการบูรณะครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๘ ในสมัยพระครูวิโรจน์รัตโนบล ด้วยการหาเสาไม้เนื้อแข็ง มาค้ำยันช่วยแรงเสาเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมผุกร่อน ต่อมา พ.ศ.๒๕๑๗ กรมศิลปากรได้ทำการบูรณะครั้งใหญ่ โดยเปลี่ยนเป็นปูนแทน เสริมฐานเสาด้วยปูนให้มั่นคงมากขึ้น เมื่อทำการอนุรักษ์เรียบร้อยแล้ว ในปี พ.ศ.๒๕๒๗ อาคารหลังนี้ ได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี
    ปัจจุบันนี้ หอไตรกลางน้ำวัดทุ่งศรีเมืองแห่งนี้ เป็นที่เก็บหนังสือใบลานประเภทต่างๆ ไม่เฉพาะหนังสือธรรมะเท่านั้น หากยังมีหนังสือที่บันทึกประวัติศาสตร์ และตำนานของบ้านเมืองเอาไว้อีกด้วย ซึ่งหนังสือเหล่านี้เป็นแหล่งค้นคว้าสำคัญที่ทำให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาในหลายๆ ด้าน เช่น ความสัมพันธ์กับชุมชนอื่นและความเชื่อ ความศรัทธาของคนสมัยนั้น


    พระเจ้าใหญ่องค์เงินนั้น เดิมมีการทาสีทอง และปิดทองทับทั้งองค์ ต่อมา เมื่อประมาณ ๒ ปีมานี้ จึงทราบว่าทั้งองค์เป็นเนื้อเงิน แต่ยังไม่มีใครทราบความเป็นมาแน่ชัด ทั้งด้านผู้สร้าง ความสำคัญ พุทธลักษณะ และคุณค่าทั้งด้านองค์ประกอบขององค์พระและผลทางใจ

    [​IMG]



    คณะนักศึกษาปริญญาเอก หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต โครงการจัดตั้งวิทยาลัยรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จึงมีดำริที่จะตอบสนองต่อความต้องการของชุมชน ด้วยการศึกษาวิจัยประวัติความเป็นมาของพระเจ้าใหญ่องค์เงิน เพื่อเผยแพร่ดังนี้

    ณัฏฐภัทร จันทวิช : นักโบราณคดี ๑๐ ชช.
    ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์

    [​IMG]

    พระพุทธรูปปางมารวิชัย "พระเจ้าใหญ่องค์เงิน" มีพระพุทธลักษณะคือ พระพักตร์รูปไข่ เม็ดพระศกเล็กละเอียดแบบหนามขนุน มุ่นพระเมาลีเป็นต่อมเตี้ยๆ พระเกตุมาลาหรือส่วนรัศมีเป็นรูปเปลว มีแฉกยอดกลางสูงเด่น ส่วนล่างที่ติดกับมุ่นพระเมาลีเป็นกลีบบัวซ้อนดุจดอกบัวรองรับพระรัศมี ระหว่างพระนลาฏกับแนวเม็กพระศกมีแถบไรพระศกเป็นเส้นนูน ยาวทอดลงมาตามแนวพระกรรณทั้งสองข้างคล้ายจอนหู ตัวพระกรรณใหญ่ ขอบใบพระกรรณเป็นเส้นนูนแบน มีปลายด้านบนด้านล่างม้วนโค้ง ติ่งพระกรรณเป็นแผ่นกว้างขนาดเดียวกับตัวพระกรรณ ยาวลงมาเป็นแผ่นแบน ปลายมนอยู่เหนือพระอังสะ

    [​IMG]


    ส่วนพระพักตร์มีพระขนงเป็นเส้นนูนโก่งดุจคันศร หัวพระขนงและหางเรียวแหลม พระนาสิกเป็นสัน ปลายพระนาสิกกว้างคล้ายรูปสามเหลี่ยม พระโอษฐ์แย้มพระสรวล มุมพระโอษฐ์เรียวแหลม พระหนุแหลมมน พระศอกกลมกลึง ลักษณะเป็นปล้องต่อกัน ๓ ปล้อง ครองจีวรห่มเฉียง เปิดพระอังสาซ้าย ขอบจีวรเป็นแนวเส้นตรงจากใต้พระถันไปจรดแนวขอบผ้าสังฆาฏิที่พาดบนพระอังสาซ้าย และปรากฏเส้นขอบจีวรที่ข้อพระหัตถ์ซ้าย ที่ต้นพระเพลา และที่ข้อพระบาท เป็นเส้นนูนทั้งสองข้าง ชายสังฆาฏิเป็นแนวกว้าง ปลายสังฆาฏิจรดที่พระนาภี ขอบปลายสังฆาฏิโค้งมนอยู่เหนือพระนาภี

    พระเพลาผาย พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาวางคว่ำอยู่บนพระเพลาขวาตรงแนวขาพับ แสดงการชี้ลงเบื้องธรณี นิ้วพระหัตถ์ใหญ่ และนิ้วทั้งสี่อวบชิดยาวเสมอกัน ปลายนิ้วมนแบบคนธรรมดา คล้ายพระหัตถ์พระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

    พระพุทธรูปตั้งอยู่บนฐานเขียงซึ่งฝังอยู่ในฐานชุกชีปูนปั้นที่ตกแต่งเป็นฐานบัวผ้าทิพย์ ฐานหน้ากระดานตกแต่งด้วยลายดอกประจำยามก้ามปู อยู่เหนือแนวลายกลีบบัวขาบหรือบัวแวง ตรงกลางฐานด้านหน้าพระเพลามีผืนผ้าพาดยาวลงมา และตกแต่งลวดลายอย่างสวยงามตามแบบศิลปะท้องถิ่น

    การกำหนดอายุสมัย


    จากลักษณะรูปแบบศิลปะของพระพักตร์ เม็ดพระศกเล็กละเอียดและพระรัศมีที่เรียวสูง มียอดกลางใหญ่ พระพักตร์และพระเศียรพระพุทธรูป "พระเจ้าใหญ่องค์เงิน" เป็นศิลปะพื้นถิ่นอีสาน ลักษณะพระกรรณเป็นแนวเส้นแบบศิลปะล้านช้าง พุทธศตวรษที่ ๒๔ เนื่องจากหอพระบาทนี้ พระอริยวงศาจารย์ญาณวิมลอุบลสังฆปาโมกข์ (สุ้ย) ชาวเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ได้มีศรัทธาสร้างเพื่อประดิษฐานรอยพระพุทธบาทที่ท่านจำลองมาจากรอบพระพุทธบาทที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ซึ่งท่านได้มาศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดนี้ สอบได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค และได้มาจำพรรษาที่วัดทุ่งศรีเมือง ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นพระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่ตามสมณศักดิ์ที่กล่าวมาแล้ว

    เมื่อพิจารณาลักษณะพระพุทธรูป "พระเจ้าใหญ่องค์เงิน" ที่ไม่ปรากฏประวัติการสร้างที่แน่นอน แต่สันนิษฐานว่า น่าจะสร้างภายหลังการสร้างหอพระบาทเสร็จแล้ว และถูกนำมาประดิษฐานเป็นพระพุทธรูปประธานในหอพระบาท หรือพระอุโบสถ คู่กับรอยพระพุทธบาทจำลอง รูปแบบส่วนพระองค์ของพระพุทธรูป จะเห็นได้ว่า ลักษณะของพระพาหา พระอุระ พระหัตถ์ นิ้วพระหัตถ์ รวมทั้งลักษณะการครองจีวรและลักษณะผ้าสังฆาฏิ ตลอดจนชายผ้าสังฆาฏิที่มีปลายโค้งมน ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นทางภาคอีสานนิยมมาก

    ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า พระเจ้าใหญ่องค์เงิน เป็นศิลปะรัตนโกสินทร์พื้นถิ่น อายุพุทธศตวรรษที่ ๒๔


    ......................................................

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.950648/[/MUSIC]

    .......................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2879_1s.jpg
      IMG_2879_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      308.3 KB
      เปิดดู:
      1,967
    • IMG_2877_1s.jpg
      IMG_2877_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      345.8 KB
      เปิดดู:
      2,944
    • IMG_2840_1s.jpg
      IMG_2840_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      366 KB
      เปิดดู:
      1,973
    • IMG_2837_1s.jpg
      IMG_2837_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      311.3 KB
      เปิดดู:
      1,833
    • IMG_2850_1s.jpg
      IMG_2850_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      276.6 KB
      เปิดดู:
      1,749
    • IMG_2853_1s.jpg
      IMG_2853_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      262.7 KB
      เปิดดู:
      1,871
    • IMG_2868_1s.jpg
      IMG_2868_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      346.1 KB
      เปิดดู:
      1,834
    • IMG_2869_1s.jpg
      IMG_2869_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      367.7 KB
      เปิดดู:
      1,815
    • IMG_2843_1s.jpg
      IMG_2843_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      284.7 KB
      เปิดดู:
      2,105
    • IMG_2841_1s.jpg
      IMG_2841_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      307.9 KB
      เปิดดู:
      2,657
    • IMG_2884_1s.jpg
      IMG_2884_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      327.5 KB
      เปิดดู:
      2,659
    • IMG_2887_1s.jpg
      IMG_2887_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      285.4 KB
      เปิดดู:
      3,373
    • IMG_2893_1s.jpg
      IMG_2893_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      240.8 KB
      เปิดดู:
      2,353
    • IMG_2889_1s.jpg
      IMG_2889_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      220.2 KB
      เปิดดู:
      1,987
    • IMG_2896_1s.jpg
      IMG_2896_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      367.2 KB
      เปิดดู:
      2,463
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2013
  3. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    พอออกจากวัดทุ่งศรีเมือง พี่แอ๊ดก็พาไปยังสนามหลวงลานกลางเมืองอุบลราชธานี มาตอนนี้ฝนเริ่มจะลงเม็ดแล้ว ใจไม่ค่อยดีสงสัยอดถ่ายรูปมาอวดแน่แล้ว เพราะเมฆดำทะมึนมาเลย ลงรถได้ก็วิ่งไปที่ลานกลางเมือง ที่เมืองอุบลราชธานีเรียกว่า ทุ่งศรีเมือง ถ่ายมาได้รูปเดียวคือ รูปเทียนพรรษาเฉลิมพระเกียรติ แล้วก็ต้องวิ่งกลับรถ พี่ติ๋งถือร่มตามมาเพราะฝนตกแล้ว......

    ทุ่งศรีเมือง
    ทุ่งศรีเมือง ตั้งอยู่ใจกลางเมือง บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด เป็นสวนสาธารณะประจำเมืองที่มีสภาพภูมิทัศน์งดงาม มีประตูทางเข้า ๔ ทิศ ๔ ประตู คือ อุบลเดชประชารักษ์ อุบลศักดิ์ประชาบาล อุบลการประชานิตย์ และอุบลกิจประชากร ภายในสวนมีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญ คือ

    [​IMG]

    อภิมหาเทียนพรรษาเฉลิมพระเกียรติ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๒ และเป็นที่หล่อหลอมจิตศรัทธาของชาวอุบลราชธานีให้เป็นหนึ่งเดียว

    ศาลหลักเมืองอุบลราชธานี เป็นสถานที่สักการะของชาวเมืองและผู้มาเยี่ยมเยือน ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.
    ๒๕๑๕

    อนุสาวรีย์พระปทุมวรราชสุริยวงศ์ (เจ้าคำผง) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเมืองอุบลราชธานี

    ปฏิมากรรมสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสโส อ้วน) พระเถระที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นนักปราชญ์แห่งภาคอีสาน

    ปฏิมากรรมพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจันโท จันทร์) พระเถระที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านคันถธุระ และวิปัสสนาธุระ

    อนุสาวรีย์แห่งความดี (Monument of Merit) เป็นเชลยศึกชาวต่างประเทศ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ สร้างไว้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงความเมตตาปราณี และคุณงามความดีของชาวเมืองอุบลาชธานี

    ปฏิมากรรมร่วมใจก้าวไปข้างหน้า สร้างขึ้นตามโครงการปฏิมากรรม กับสิ่งแวดล้อมเพื่อเยาวชน ซึ่งแสดงถึง ความสมานฉันท์แห่งความเป็นพี่น้องระหว่าง ๔ ประเทศ คือ ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม

    ทุ่งศรีเมืองจังหวัดอุบลราชธานี ปัจจุบันเป็นปอดแห่งใหญ่ที่สำคัญของคนเมืองอุบลราชธานี เทศบาลนครอุบลราชธานี ได้ปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบมีความร่มรื่นสวยงาม กำหนดเป็นเขตปลอดมลภาวะ เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และใช้ออกกำลังกาย สำหรับชาวอุบลราชธานี และนักท่องเที่ยวที่มาเยือน

    เผอิญฝนตกหนักเลยถ่ายรูปมาได้แค่ภาพเดียว.....

    .......................................<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2897_1s.jpg
      IMG_2897_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      277.3 KB
      เปิดดู:
      1,993
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2013
  4. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    วัดที่ ๕ วัดพระธาตุหนองบัว

    วัดสำคัญที่มีอายุเก่าแก่ และมีสถาปัตยกรรมแนวผสมผสานที่งดงามตามแบบอีสาน ตั้งอยู่ชานเมืองอุบลราชธานี ห่างจากตัวศาลากลางจังหวัดไปทางเหนือประมาณ ๕ กิโลเมตร สิ่งก่อสร้างที่เด่นสะดุดตาของวัดนี้คือสถูปก่ออิฐฉาบปูน ซึ่งโครงสร้างได้รับแรงบันดาลใจมาจากมหาโพธิวิหาร โพธิคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า สร้างเป็นสถูปทรงสี่เหลี่ยม ยอดสอบเข้าเล็กน้อย และปลายตัด แล้วต่อยอดด้านบนให้แหลมสูงด้วยสถูปขนาดเล็กสีทอง

    [​IMG]

    [​IMG]


    สถูปที่พระธาตุหนองบัวแห่งนี้ ช่างได้บรรจงแต่งแต้มศิลปะท้องถิ่นเข้าไปอย่างลงตัว ฐานตอนล่างสุดเป็นรูปมารแบก ถัดขึ้นไปเป็นรูปพระสงฆ์สาวกยืนในซุ้มด้านละ ๘ องค์ รวม ๓๒ องค์ ถัดขึ้นไปเป็นภาพปูนปั้นเล่าเรื่องพระเจ้าสิบชาติ สลักเป็นช่องๆ ๑ ช่อง ต่อ ๑ เรื่อง รวม ๑๐ ช่องเหมือนกันทั้ง ๔ ด้าน เหนือขึ้นไปเป็นลายรัดประคตรูปเทพนั่งบนแท่นสลับกับลายกนก องค์เจดีย์ด้านบนประดับลายปูนปั้นเป็นรูปพระพุทธเจ้าในปางต่างๆสูงจนถึงยอดเจดีย์ ที่มุมฐานทั้งสี่ตอนล่างสุดเป็นรูปครุฑแบก เหนือขึ้นมาเป็นนาค ๗ เศียร

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุซึ่งบรรจุไว้ในสถูปลงรักปิดทอง ศิลปะอินเดียแบบปาละ คือเป็นสถูปทรงสี่เหลี่ยม สลักลายเป็นเรื่องพระเจ้า ๕๐๐ ชาติ อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมเรียงเป็นแถวคั่นแถวด้วยลายกลีบบัว มุมกำแพงแก้วทั้งสี่มุมสร้างเป็นเจดีย์ทรงเหลี่ยมประดับลายรูปเทพพนมและลายกนก ที่ฐานปั้นเป็นรูปเทวดาประทับนั่งในซุ้ม


    [​IMG]

    ใกล้ๆกันนั้น มีวิหารซึ่งสร้างเลียนแบบรูปทรงมาจากปรินิพพานวิหาร เมืองกุสินารา รัฐอุตรประเทศ ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นที่เสด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธเจ้าเมื่อกว่า ๒,๕๐๐ ปีมาแล้ว


    วิหารที่วัดพระธาตุหนองบัวสร้างเป็นอาคาร ตรีมุข คือมีหลังคายื่นออกไปเป็นสามด้าน หลังคารูปร่างโค้งมน มีระเบียงพาไลโดยรอบตกแต่งด้วยลวดลายวิจิตรงดงาม

    ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระประธานเป็นพระพุทธไสยาสน์ในซุ้มตรีมุข เพดานโค้งด้าบนเขียนรูปเทวดาดั้นเมฆพนมมือ บนพื้นสีแดง ตรงกลางเป็นรูปดาว ส่วนล่างเขียนจิตรกรรมเรื่องพุทธประวัติ เสา พื้น และผนังบุหินแกรนิต


    [​IMG]

    .....มีแต่ภาพถ่ายพระธาตุหนองบัว.....

    ภาพพระธาตุหนองบัว ใช้กล้องตัวเล็กถ่าย
    เพราะกล้องหลักที่ใช้หมดแรงไปแล้ว
    ต้องหาร้านซื้อแบตเตอรี่ก่อน

    ..........................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04786_1s.jpg
      DSC04786_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      295.1 KB
      เปิดดู:
      1,793
    • DSC04772_1s.jpg
      DSC04772_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      352.3 KB
      เปิดดู:
      1,623
    • DSC04780_1s.jpg
      DSC04780_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      345.8 KB
      เปิดดู:
      2,219
    • DSC04771_1s.jpg
      DSC04771_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      371.8 KB
      เปิดดู:
      1,709
    • DSC04775_1s.jpg
      DSC04775_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      354.3 KB
      เปิดดู:
      2,340
    • DSC04776_1s.jpg
      DSC04776_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      397.3 KB
      เปิดดู:
      2,421
    • DSC04788_1s.jpg
      DSC04788_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      394.2 KB
      เปิดดู:
      5,344
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2013
  5. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    มาถึงวัด แสงฟ้าหมดแล้ว ถ่ายรูปไว้หลายรูปเหมือนกันแสงไม่พอไม่สวย เลยไม่กล้ามาอวด

    วัดที่ ๖ วัดสุปัฏนารามวรวิหาร

    ประวัติ “วัดสุปัฏนารามวรวิหาร” หรือ “วัดสุปัฏนาราม” แห่งนี้ เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๓๙๖

    [​IMG]

    ปัจจุบันวัดสุปัฏนารามวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร และเป็นวัดธรรมยุตวัดแรกของจังหวัดอุบลราชธานี มีเนื้อที่อาณาเขตทั้งสิ้น ๒๑ ไร่ ๓๘ ตารางวา ตั้งอยู่ถนนสุปัฏ ต.ในเมือง อ.เมือง มีทำเลที่ตั้งอยู่ติดแม่น้ำมูล สร้างในสมัยพระพรหมราชวงศา (พระอุปราชกุทอง) เจ้าเมืองอุบลราชธานีคนที่ ๓<O:p</O:p
    สำหรับการพระราชทานนามว่า “วัดสุปัฏนาราม” มีความหมายของคำ ๒ นัย คือ<O:p</O:p
    (๑) หมายถึงวัดที่มีสถานที่ตั้งเหมาะสมเพื่อเป็นท่าเรืออย่างดี เพราะอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูล สะดวกต่อการเดินทางและการออกบิณฑบาต<O:p</O:p
    (๒) หมายถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นศาสนสถานเปรียบดั่งท่าเรือ ที่ให้มวลมนุษย์ข้ามพ้นโอฆสงสารไปได้

    การสร้างวัดสุปัฏนารามนั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้กรมการเมืองอุบลราชธานีในขณะนั้น คือ พระพรหมราชวงศา เลือกพื้นที่สำหรับดำเนินการสร้างวัดเมื่อ พ.ศ.๒๓๙๓ จากการสำรวจพื้นที่พบว่า บริเวณท่าเหนือช่วงบ้านบุ่งกาแซว (ปัจจุบันเป็นชุมชนบุ่งกาแซว ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนคร) เป็นสถานที่เงียบสงบเหมาะให้พระภิกษุสงฆ์ใช้เป็นที่บำเพ็ญศาสนกิจ และสะดวกต่อการโคจรบิณฑบาต จึงก่อสร้างวัดให้เสร็จสิ้นลงเมื่อ พ.ศ.๒๓๙๖<O:p</O:p
    ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระพรหมราชวงศาอาราธนาพระพันธุโลเถร (ดี) และพระเทวธมมี (ม้าว) มาครองวัด จนกระทั่งถึง พ.ศ.๒๔๗๘ สมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามวัดให้ใหม่ สมกับเป็นอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ว่า “วัดสุปัฏนารามวรวิหาร”

    [​IMG]

    กล่าวได้ว่า วัดสุปัฏนารามวรวิหาร เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ด้านการศาสนา มี “พระอุโบสถ” เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสาน โดยหลังคาเป็นแบบไทย ส่วนกลางของตัวพระอุโบสถเป็นแบบยุโรป (เยอรมัน) ส่วนฐานสร้างแบบขอมโบราณ

    ลักษณะโดดเด่นอีกประการ คือ ตัวพระอุโบสถไม่มีหน้าต่าง แต่ทำเป็นประตูโดยรอบ มีขนาดกว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๓๔ เมตร สูง ๒๒ เมตร สำหรับสถาปนิกผู้ออกแบบพระอุโบสถหลังใหม่นี้ คือ หลวงสถิตย์นิมานกาล (ชวน สุปิยพันธุ์) นายช่างทางหลวงแผ่นดิน สร้างตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๓ แล้วเสร็จ พ.ศ.๒๔๗๓ สิ้นค่าก่อสร้าง ๗๐,๐๐๐ บาท

    ส่วนพระอุโบสถหลังเดิม มีขนาดกว้าง ๘ ศอก ยาว ๑๑ วา ๒ ศอก สร้างด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ด้วยพระอุโบสถหลังเก่าได้ชำรุดทรุดโทรม ยากแก่การบูรณปฏิสังขรณ์
    จึงได้สร้างพระอุโบสถหลังใหม่นี้ขึ้นแทน เพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานพระประธาน อันมีนามว่า “พระสัพพัญญูเจ้า”

    “พระสัพพัญญูเจ้า” สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๙ ก่อนการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๔ คืบ หล่อขัดเงา ไม่ปิดทอง เริ่มการหล่อเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๕๙ เวลา ๐๔.๐๓ น.แล้วเสร็จเมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ.๒๔๕๙ (ก่อน พ.ศ.๒๔๘๓ ประเทศไทยได้นับเดือนเมษายนเป็นเดือนแรกของปี และนับเดือนมีนาคมเป็นเดือนสุดท้ายของปี) ตั้งประดิษฐานรวมกับพระพุทธรูปสำคัญองค์อื่นๆ อีกหลายองค์ ทั้งนี้ โดยมี สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส) เป็นองค์ผู้นำพา ในการหล่อ “พระสัพพัญญูเจ้า” และในการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่

    [​IMG]
    Noise เยอะเลยหล่ะ

    <O:p</O:p
    นอกจากนี้ วัดสุปัฏนารามวรวิหาร ยังมี ‘หอศิลปวัฒนธรรม’ สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๕ เพื่อใช้เป็นสถานที่เก็บรวบรวมศิลปะและโบราณวัตถุต่างๆ เช่น ทับหลัง ศิลาจารึก ที่ได้มาจากถ้ำภูหมาไน (ตั้งอยู่ในอำเภอสิรินธร)
    เป็นจารึกที่มีข้อความคล้ายกับจารึกจิตรเสน ในสมัยเจนละ รวมทั้งสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ผู้ศรัทธารวบรวมมาถวายให้เป็นสมบัติของวัด

    หอศิลปวัฒนธรรมแห่งนี้ เปิดให้ประชาชนเข้าชมได้เฉพาะเทศกาลสำคัญเท่านั้น

    ส่วนการเข้ากราบไหว้บูชา “พระสัพพัญญูเจ้า” วัดเปิดให้ประชาชนเข้ากราบไหว้ได้อย่างใกล้ชิดทุกวันตามกำลังศรัทธา สิ่งที่ใช้ในการนมัสการ-กราบไหว้ขอพร ก็เป็นดอกไม้ธูปเทียนทั่วไป ไม่ได้มีการเน้นสิ่งใดเป็นกรณีพิเศษแต่ประการใด

    ในอดีตชาวเรือที่เป็นชาวประมงน้ำจืดริมฝั่งแม่น้ำ หรือเป็นพ่อค้าวาณิชย์ที่ใช้เส้นทางน้ำเป็นเส้นทางค้าขาย จะเลื่อมใสศรัทธาขอให้พระสัพพัญญูเจ้า เป็นผู้คอยปกปักรักษาภัยอันตรายต่างๆ ในการทำมาหากิน พระสัพพัญญูเจ้าจึงได้รับความเคารพเลื่อมใสศรัทธาอย่างมาก

    ถึงแม้ปัจจุบันการทำการค้าผ่านเส้นทางน้ำได้ยกเลิกไปแล้ว แต่ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ยังเข้ามากราบไหว้พระสัพพัญญูเจ้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลวันสำคัญ ผู้คนจะหลั่งไหลมากราบไหว้ขอพรจากองค์พระสัพพัญญูเจ้าไม่ขาดสาย


    ถ่ายรูปได้แต่ภายนอก พระอุโบสถปิดหมดแล้วหล่ะ.......



    ...........................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2906_1s.jpg
      IMG_2906_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      312.6 KB
      เปิดดู:
      2,049
    • IMG_2914_1s.jpg
      IMG_2914_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      267.6 KB
      เปิดดู:
      1,851
    • IMG_2929_1s.jpg
      IMG_2929_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      273.7 KB
      เปิดดู:
      1,528
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2013
  6. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    วัดที่ ๗ วัดมหาวนาราม หรือ วัดป่าใหญ่อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

    “วัดมหาวนาราม” หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกอย่างคุ้นเคยว่า “วัดป่าใหญ่” ตั้งอยู่บนถนนสรรพสิทธิ์ ต.ในเมืองอ.เมือง จ.อุบลราชธานีเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองมากับการก่อตั้งจังหวัดอุบลราชธานีภายในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปองค์ประธานชื่อ “พระเจ้าใหญ่อินแปลง” เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ก่ออิฐถือปูน พร้อมกับลงรักปิดทองลักษณะองค์พระเป็นพระพุทธรูปศิลปะแบบลาวหน้าตักกว้างประมาณ ๓ เมตรสูงจากเรือนแท่นถึงเปลวพระโมลี ๕ เมตร

    [​IMG]

    ประวัติเล่าสืบต่อกันของพระพุทธรูปองค์นี้มีมากมาย ตั้งแต่การสร้างว่าพระเจ้าใหญ่อินแปลง มีอยู่ด้วยกัน ๓ องค์

    โดยองค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดอินทร์แปลงมหาวิหารนครเวียงจันทน์ ประเทศลาวปัจจุบันมีอายุประมาณพันกว่าปีพระพุทธรูปอีกองค์ประดิษฐานอยู่ที่วัดอินแปลง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนมซึ่งก็มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพระเจ้าใหญ่อินแปลงวัดอินทร์แปลงมหาวิหารนครเวียงจันทน์ ประเทศลาว ส่วนองค์สุดท้าย คือ พระเจ้าใหญ่อินแปลงซึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดมหาวนารามหรือวัดป่าใหญ่ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานีและมีอายุเกือบสองร้อยปีแล้ว

    [​IMG]

    สำหรับประเพณีปฏิบัติต่อพระพุทธรูปองค์นี้ในวันเพ็ญเดือน ๕ หรือในเดือนเมษายนของทุกปี จะมีการทำบุญตักบาตรเทศน์มหาชาติชาดก และสรงน้ำปิดทองพระเจ้าใหญ่อินแปลงการสร้างพระเจ้าใหญ่อินแปลงเกิดขึ้นหลังจากพระปทุมวรราชสุริยวงศ์หรือท้าวคำผง ได้ก่อสร้างเมืองอุบลราชธานีที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำมูล พร้อมได้ก่อสร้างวัดที่ริมฝั่งแม่น้ำมูล โดยวัดแห่งแรกของจังหวัดมีชื่อว่า “วัดหลวง” เพื่อให้เป็นสถานที่ใช้ทำบุญทำกุศลของประชาชนทั่วไป

    [​IMG]

    ภายหลังก่อสร้างวัดหลวงเสร็จสมบูรณ์ พระปทุมวรราชสุริยวงศ์ได้นิมนต์พระธรรมโชติวงศาซึ่งเป็นพระมหาเถระสายวิปัสสนากรรมฐานพร้อมพระภิกษุสามเณรมาอยู่จำพรรษาสนองศรัทธาของประชาชนแต่เมื่อพระธรรมโชติวงศาเข้ามาพำนักจำพรรษาเล็งเห็นว่าวัดหลวงแห่งนี้เป็นวัดบ้าน หรือ “ฝ่ายคามวาสี” ตั้งอยู่กลางใจเมืองไม่เหมาะแก่การปฏิบัติสมณธรรมวิปัสสนากรรมฐานจึงได้แสวงหาสถานที่ปฏิบัติธรรมเจริญวิปัสสนากรรมฐานใหม่โดยพิจารณาเห็นว่าป่าดงอู่ผึ้ง ห่างจากวัดหลวงไปทางทิศเหนือประมาณ ๑๐๐ เส้นมีหนองน้ำชื่อหนองสะพัง เป็นสถานที่สงบวิเวกเหมาะแก่การตั้งเป็นสำนักสงฆ์ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน หรือ “ฝ่ายอรัญญาวาสี” จึงได้ก่อตั้งขึ้นเป็นสำนักสงฆ์ให้ชื่อว่า “วัดป่าหลวงมณีโชติศรีสวัสดิ์” คู่กับวัดหลวง แต่ยังไม่ทันได้ตั้งเป็นวัดให้สมบูรณ์เรียบร้อย พระปทุมวรราชสุริยวงศ์ผู้เป็นเจ้าเมืองอุบลราชธานีคนแรก ก็ถึงแก่อนิจกรรมลงเมื่อ พ.ศ.๒๓๒๓

    [​IMG]

    กระทั่งเจ้าเมืองคนที่ ๒ คือ พระพรหมวรราชสุริยวงศ์ หรือท้าวทิดพรหมได้มาก่อสร้างวิหารในวัดป่าหลวงมณีโชติศรีสวัสดิ์ เมื่อปี พ.ศ.๒๓๔๘และปีพ.ศ.๒๓๕๐ ได้ยกฐานะขึ้นเป็นวัดประจำเจ้าเมืองคนที่สองและให้ชื่อว่าวัดป่าหลวงมณีโชติแต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่าวัดหนองตะพัง หรือหนองสระพังตามชื่อหนองน้ำที่อยู่ใกล้เคียง โดยมีพระมหาราชครูศรีสัทธรรมวงศาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกและพระมหาราชครูศรีสัทธรรมวงศา เป็นผู้สร้างพระพุทธรูป “พระอินแปลง” หรือ “พระเจ้าใหญ่อินแปลง” องค์ปัจจุบันซึ่งเป็นพระประธานประจำวัด

    ส่วนชื่อวัดได้มีการเปลี่ยนชื่อวัดรวม ๒ ครั้ง เป็นวัดมหาวันและเปลี่ยนตามสมัยนิยมอีกครั้งชื่อว่า “วัดมหาวนาราม” แต่ความหมายของชื่อก็ยังคงเดิมคือแปลว่า “วัดป่าใหญ่”

    [​IMG]

    ส่วนพระพุทธรูป “พระเจ้าใหญ่อินแปลง” หลังก่อสร้างเสร็จก็ได้รับความเคารพบูชาจากชาวเมืองมาโดยตลอด โดยเฉพาะในอดีตเมื่อมีความขัดแย้งกันขึ้น หรือเกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจชาวเมืองก็จะชวนกันมาสาบานต่อหน้าองค์พระเจ้าใหญ่อินแปลงเพราะต่างเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของท่านหากใครไม่ทำตามที่ได้ให้คำสัตย์สาบานเอาไว้ ก็จะมีอันเป็นไปต่างๆ นานารวมทั้งการมาขอพรให้ประสบความสำเร็จในการสอบไล่หรือในหน้าที่การงานและความประสบโชคมีสุขในครอบครัวหรือแม้กระทั่งมีสิ่งของสำคัญสูญหายไปจะมาบนบานต่อหน้า
    องค์พระเจ้าใหญ่อินแปลงเพื่อขอให้ได้สิ่งของที่หายไปกลับคืนมา

    พระเจ้าใหญ่อินแปลง วัดมหาวนารามหรือวัดป่าใหญ่ จึงเป็นที่พึ่งทางจิตใจของชาวจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียงมาต่อเนื่องโดยเฉพาะเมื่อมีการเดินทางมารับตำแหน่งใหม่ของข้าราชการทุกระดับชั้นจะต้องมาไหว้กราบนมัสการบอกกล่าวต่อองค์ท่านเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างราบรื่นปราศจากอุปสรรคใดๆ

    [​IMG]

    สำหรับการทำบุญกับพระเจ้าใหญ่อินแปลงที่ชาวบ้านนิยมคือ การถวายดอกบัวตูมธูป และเทียน พร้อมลงรักปิดทองที่ตัวองค์พระ และถวายสังฆทานแต่เนื่องจากอุโบสถที่ใช้ประดิษฐานพระเจ้าใหญ่อินแปลงเริ่มคับแคบ เพื่อลดความแออัดในการเข้าไปกราบนมัสการ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญซึ่งมีประชาชนจากทั่วสารทิศพากันมากราบไหว้จำนวนมากทางวัดได้จัดทำรูปองค์พระเจ้าใหญ่อินแปลงจำลองที่หน้าทางขึ้นอุโบสถ

    โดยประชาชนที่มากราบไหว้นมัสการขอพรสามารถเลือกที่จะเข้าไปกราบพระเจ้าใหญ่อินแปลงในอุโบสถหรือเลือกกราบองค์พระจำลองที่สร้างไว้บริเวณทางขึ้นหน้าอุโบสถ


    ......................................

    วัดนี้เป็นวัดสุดท้ายที่พี่แอ๊ดและพี่ติ๋งพาไปเที่ยว ด้วยขณะนี้เวลาก็ล่วงเข้าจะสองทุ่ม วัด โบสถ์ ก็ปิดหมดแล้ว จะไปเก็บภาพก็ไม่ได้เสียแล้ว หมดเวลา

    ......................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2937_1s.jpg
      IMG_2937_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      349.3 KB
      เปิดดู:
      2,479
    • IMG_2948_1s.jpg
      IMG_2948_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      316.2 KB
      เปิดดู:
      2,740
    • IMG_2955_1s.jpg
      IMG_2955_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      305 KB
      เปิดดู:
      2,275
    • IMG_2942_1s.jpg
      IMG_2942_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      346.1 KB
      เปิดดู:
      1,838
    • IMG_2951_1s.jpg
      IMG_2951_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      251.9 KB
      เปิดดู:
      1,576
    • IMG_2959_1s.jpg
      IMG_2959_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      313.2 KB
      เปิดดู:
      1,730
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2013
  7. Stradale

    Stradale เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2007
    โพสต์:
    445
    ค่าพลัง:
    +4,379
    :cool: Excellence !!
     
  8. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837

    ขอบคุณจ่ะ..... ^^
     
  9. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]

    เมื่อหมดเวลาเที่ยว ความหิวมาเยือน พี่แอ๊ดก็เลยพาไปทานข้าว เป็นร้านอาหารข้าวต้มชื่อร้านอะไรก็จำไม่ได้อีกอ่ะจ่ะ..... ตอนนี้เพลียจัดเพราะว่าเมื่อตอนเช้าไปลุยผาแต้ม แล้วก็โขงเจียม แดดร้อนๆๆๆๆๆ มาก ระหว่างสั่งอาหารและกับข้าวแล้วก็ทานไปด้วย พวกเราสามคนก็เม้าท์กันอย่างเมามัน.... อุ้ย! ไม่ใช่ แค่โอภาปราศรัยกัน อิ อิ จนเวลาเลยถึงสามทุ่ม พี่แอ๊ด ก็เลยพาไปส่งที่โรงแรม เฮ้อ ถึงเวลาต้องอำลากันแล้ว ยังไม่อยากกลับอ่ะ เสียดายเวลาน้อย ก็ขอขอบคุณพี่แอ๊ด วาสนา ที่เลี้ยงดูปูเสื่อกับอาหาร ๒ มื้อ และยังอำนวยความสะดวก ขับรถพาเที่ยว ขอขอบคุณพี่ติ๋ง อำนวยกรณ์ ที่เป็นผู้นำทางพาเที่ยวและให้ข้อมูลของวัดต่างๆ ที่พาไป..... ขอขอบคุณจ่ะ ถ้ามีโอกาส จะไปเยี่ยมไปเยือนอีกครา....

    [​IMG]

    Noise เยอะอีกแล้ว
    .....................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2962_1s.jpg
      IMG_2962_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      303 KB
      เปิดดู:
      1,399
    • IMG_2963_1s.jpg
      IMG_2963_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      282.1 KB
      เปิดดู:
      1,343
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2013
  10. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]

    วันที่ ๔ วันนี้ตื่นสายกว่าทุกวัน เพราะว่าเมื่อคนกว่าจะนอนหลับก็ตีหนึ่งกว่า ง่วงจัง แต่ไม่ตื่นก็ไม่ได้เพราะต้องรีบเช็คเอาท์ วันนี้เป็นวันเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร อาบน้ำแต่งตัว จัดข้าวของเสร็จ ก็รีบคว้ากระเป๋าไปกองรวมกับเพื่อนๆ ในคณะที่ล๊อบบี้ แล้วก็รีบจ้ำอ้าวไปที่ห้องอาหาร

    [​IMG]


    เช้านี้อาหารอร่อยแต่ไม่ค่อยถูกปากสักเท่าไหร่ คือมีแต่ไส้กรอก แฮม เบคอน นม น้ำส้ม กาแฟ ผลไม้ แต่ไม่มีข้าวอ่ะสิ เลยทานแค่ ไส้กรอก แฮม เบคอนแล้วก็น้ำผลไม้ พอทานเสร็จก็ไม่รู้จะทำอะไร เหลือบไปเห็นขวดพริกไท น่ารักดี เลยจับมาประกอบฉาก ถ่ายรูปเสียเลย


    [​IMG]
    ภาพนี้ชื่อว่า "เรารักกัน"

    [​IMG]

    ......................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2975_1s.jpg
      IMG_2975_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      351.1 KB
      เปิดดู:
      1,367
    • IMG_2976_1s.jpg
      IMG_2976_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      275.9 KB
      เปิดดู:
      1,549
    • IMG_2980_1s.jpg
      IMG_2980_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      238.2 KB
      เปิดดู:
      1,342
    • IMG_2982_1s.jpg
      IMG_2982_1s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      322.8 KB
      เปิดดู:
      1,333
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2013
  11. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,186
    [​IMG]

    รูปนี้พระจันทร์ดูสวย ลึกลับดี
     
  12. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]

    ภาพนี้สวยจัง!!..:cool:
     
  13. กิตติ_เจน

    กิตติ_เจน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    1,657
    ค่าพลัง:
    +1,281
    ภาพสวยมากครับ
    ชวนให้น่าไปเที่ยวครับ
     
  14. คนวิเศษ

    คนวิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2010
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +1,861
    เพลงเพราะจังเลย อยากไปเที่ยวบ้างจังเลย เคยไปแต่เวียงจันทร์
    รายละเอียดดีมากขออนุญาตเก็บไว้เป็นข้อมูล
     
  15. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ได้จ้า............ ^^
     
  16. คนวิเศษ

    คนวิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2010
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +1,861
    ยังไม่อยากให้จบเลย มาต่ออีกนะครับ เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยตัวเองเลย
    สงสัยต้องสมัครเป็นแฟนประจำของคุณสร้อยฟ้ามาลาแล้วละ
    อย่าคิดค่าสมาชิกแพงนักนะครับ
     
  17. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ได้จ่ะ.......... ^^

    ยังโม้ไม่จบนะ ยังเหลืออีก ๒ ที่ที่กำลังจะลง รูปเยอะมาก ข้อมูลก็มีเยอะ ต้องเรียบเรียงก่อน จะช้าตรงเรียบเรียงข้อมูลนี่แหล่ะ เพราะต้องนำมาเทียบกันของแต่ละที่มา บางทีข้อมูลไม่เหมือนกันก็ต้องอ่านดีๆ ว่าของใครถูก ของใครผิดแล้วก็แก้ไข ก่อนจะลงกระทู้...
     
  18. urai ay

    urai ay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    6,670
    ค่าพลัง:
    +13,551
    ตอนแรกที่เห็นชื่อกระทู้ก็เฉยๆ แฮะๆเราชอบอาหารการกินมากกว่าอ่ะ
    แต่พอคลิกเข้ามาแล้วไปไหนไม่ได้เลย เพลงประกอบเพราะมากเลยค่ะ


    ดีค่ะนั่งอ่านไปฟังเพลงไป มีอาหารให้ดูด้วย ยังอ่านไม่หมด
    ขอพักไปทำงานบ้านก่อนนะคะ แล้วจะกลับมาอ่านต่อ
    แต่ก่อนไปขอนุญาตหยิบเพลงติดมือกลับบ้านไปด้วยนะคะคุณสร้อยฟ้าฯ^_^
     
  19. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ขอบคุณจ้า......

    ที่จริงการไปเที่ยวทุกครั้ง ตั้งใจจะถ่ายภาพอาหารที่ทานทุกครั้งด้วย แต่ส่วนมากจะลืม เพราะว่าหิว ก็เลยจัดการเสียก่อนแล้วมานึกขึ้นได้ทีหลังว่า ลืมถ่ายรูปอาหาร..... ^^

    อย่างคราวนี้ ก็ลืม เลยได้รูปไข่เจียวแหว่งมาอวด อิ อิ.......
     
  20. ธิดารัตน์

    ธิดารัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,939
    ค่าพลัง:
    +4,568
    ดูเพลินมากๆเลยค่ะพี่สร้อย

    รูปสวยทุกรูปด้วย

    ดูไปเรื่อยๆ เหมือนกำลังเดินทางตาม อิอิอิ

    รูป แสง สี เสียง บรรยายประกอบครบครันเลยค่า

    ยังไงก็อย่าลืมลองมาเที่ยวมุกดาหารดูน้าค้า ฮ่าๆๆ ใกล้ลาวเหมือนกันน้า

    ลาวสะหวันนะเขต อิอิ

    [​IMG]

    อิอิ โปรโมทพี่สร้อยนิดนุง
     

แชร์หน้านี้

Loading...