เรื่องเด่น เจ้ากรรมนายเวร (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 1 กันยายน 2017.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,209
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,711
    หลวงพ่อ-112 พลังจิต.jpg

    เจ้ากรรมนายเวร (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)

    เจ้ากรรมนายเวร หมายถึงบาปที่เป็นอกุศล
    ที่เราได้ทำไว้กับคนและสัตว์ในอดีตชาติก็ดี
    ในชาติปัจจุบันก็ดี อย่างบางคนที่เราฆ่าเขาบ้าง
    เราทำร้ายเขาบ้าง เขาอาจจะไปเกิดเป็นเทวดาหรือพรหมแล้ว
    ถ้าเป็นเทวดาเขาไม่สนใจแล้ว แต่ไอ้ตัวบาปที่เราทำไว้
    อย่างคนที่ไปขโมยของเขา เจ้าของเขาไม่ติดใจ
    แต่ตำรวจมีหน้าที่ตามไม่ใช่อยากตาม แต่กฎหมายให้ตาม
    ฉะ…นั้น กรรมหรือเวรตัวนี้คือกฎหมาย ถ้าหากปฏิบัติ
    ในขั้นสุกขวิปัสสโก ก็จะบอกว่าไม่มีตัวตนเพราะไม่เคยเห็น
    แต่ว่าตั้งแต่ เตวิชโชขึ้นไปเขาเห็น ดังเรื่องที่อาตมาเล่าให้ฟังประกอบเรื่องนี้

    เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๗ คืนหนึ่งอาตมาเจริญพระกรรมฐานเสร็จ ก็อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร
    ขณะที่อุทิศส่วนกุศลก็มายืนกันมากแต่ไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวร เป็นคนมาโมทนาบุญ
    พอเขาโมทนากันเสร็จ ก็มีชายคนหนึ่งคลานเข้ามา ถือขวานเล่มใหญ่

    พอเข้ามาใกล้ก็บอกว่า “ผมกับท่านหมดเรื่องกัน”
    อาตมาก็ถามว่า “หมดเรื่องอะไร”
    เขาก็บอกว่า “หมดเรื่องที่จะต้องติดตามจองล้างจองผลาญกัน”
    ก็ถามอีกว่า “จองล้างจองผลาญฉันทำไม”
    เขาก็บอกว่า “เปล่าครับ ผมไม่ได้จองล้างจองผลาญ”
    ก็ถามว่า “แล้วเข้ามาทำไม”

    เขาก็เลยเล่าประวัติความเป็นมาให้ฟังว่า “ในอดีตนับเป็นสิบ ๆ ชาติ ท่านกับผมรบกันมาเรื่อย”
    เป็นคู่สงครามกัน ตัวเขาเก่งขวานทุกชาติ ส่วนอาตมาเก่งดาบสองมือทุกชาติ
    ถ้าเวลาให้รบตัวต่อตัว ต้องเอาคู่นี้มารบกัน ถ้าคนอื่นหัวขาด พอถึงเวลากินข้าวก็บอกว่า
    “พักรบก่อน กินข้าวเสร็จมารบกันใหม่” วันนั้นทั้งวันไม่มีใครเสียท่ากัน

    อาตมาถามว่า “มันมีเวรกรรมอะไรกันล่ะ”
    เขาบอกว่า “กฎของกรรมเขาถือว่ามี แต่เวลานี้กฎของกรรมสลายตัวแล้ว”
    ก็เลยถามว่า “เวลานี้ไปเกิดที่ไหน”
    เขาก็บอกว่า “ผมเป็นพรหมครับ”
    ถามว่า “พรหมยังจองกรรมหรือ”
    เขาตอบว่า “ผมไม่ได้จองแต่กฎของกรรมมันจอง เรื่องของกรรมหนัก ๆ ระหว่างสงครามหมดกันแค่นี้”

    เราอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร เขาจะได้รับหรือไม่ได้รับก็ตาม บุญที่เราทำเป็นผลให้เกิดความสุข
    ไอ้กรรมต่าง ๆ ที่เป็นอกุศลที่เราได้ทำไปแล้ว เราไปยับยั้งมันไม่ได้
    แต่ทว่าถ้าเราทำกรรมดีให้มีกำลังเหนือบาป บาปต่าง ๆ ก็จะตามเราไม่ทันเหมือนกัน
    เรียกได้ว่า เป็นการทำบุญหนีบาป ไม่ใช่ทำบุญล้างบาปทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ที่ไม่ทำความชั่วเลยน่ะไม่มี
    ดังนั้นถ้าเราจะชดใช้บาปก็คงจะชดใช้กันไม่ไหวมีทางเดียวในกิจของพระพุทธศาสนาคือ หนีบาปด้วยการปฏิบัติดังนี้

    ๑) การคิดถึงคุณพระรัตนตรัยคือ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระอริยสงฆคุณ
    ๒) ทรงศีล ๕ ให้บริสุทธิ์
    ๓) มีพรหมวิหาร ๔ ให้ครบถ้วน
    ๔) มีอิทธิบาท ๔ ทรงตัว
    ๕) มีการภาวนาให้จิตทรงตัว
    ๖) พยายามรวบรวมบารมี ๑๐ ประการให้มีในจิตให้ครบถ้วน
    ๗) พยายามตัดสังโยชน์ ๑๐ ประการให้หมด
    ๘) จรณะ ๑๕ ปฏิบัติให้ครบถ้วน

    เมื่อมีการทรงตัวดังกล่าวมาแล้วนี้ได้ทั้งหมด ก็เป็นอันว่าไม่ต้องเกิดกันอีกต่อไป
    นั่นคือตายเมื่อใดก็ไปพระนิพพานอันเป็นแดนที่มีความสุขที่สุด..”



    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี (ลิงดำ)
     
  2. mrmos

    mrmos Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +1,101

แชร์หน้านี้

Loading...