เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 6 ธันวาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,835
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +26,414
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,835
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +26,414
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปถึงอาคารราชวิริยาลังการ วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ตั้งแต่ ๖ โมงเช้า เพื่อเยี่ยมพระวิปัสสนาจารย์ซึ่งเข้าอบรมตามโครงการพัฒนาศักยภาพของพระวิปัสสนาจารย์ ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔

    ไปถึงก็เจอท่านเจ้าคุณอาจารย์สุวิทย์ - พระศรีวิสุทธิวงศ์, ดร. (สุวิทย์ ปวิชฺชญฺญู ป.ธ. ๙) รองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม หัวหน้าพระวิปัสสนาจารย์ในโครงการนี้ กำลังนำพระวิปัสสนาจารย์เดินจงกรมรอบบริเวณนั้นอยู่ เมื่อครบตามเวลาแล้ว ท่านก็ได้นำพระวิปัสสนาจารย์ทั้งหมดกลับเข้ามายังสถานที่ปฏิบัติธรรม พวกเราพบใครที่คุ้นหน้าก็ได้แต่พนมมือไหว้ ยิ้มทักทายกันเท่านั้น ไม่ได้พูดจาอะไร เพราะว่าเหล่าพระวิปัสสนาจารย์ต่างก็ต้องรักษาอารมณ์ปฏิบัติของตนเอง

    เมื่อเซ็นชื่อเยี่ยมเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพออกมาทางด้านนอกอาคาร ก็พบกับพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านเจอหน้าก็ทักทายว่า "เป็นอย่างไร ? คิดว่าแกจะไปออกรายการโหนกระแสเสียอีก"

    จึงได้กราบเรียนไปว่า "กระผมไม่ได้เห็นประโยชน์อะไรเลยครับ เพราะว่ามีแต่จะสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนา เนื่องเพราะว่าต่างฝ่ายต่างก็มีกองเชียร์ถือหางกันมาก ในเมื่อเราไปออกรายการ ต่อให้เหตุผลดีแค่ไหนก็ตาม กองเชียร์ของอีกฝ่ายก็จะไม่ฟัง เพราะไปปักใจเสียแล้วว่า
    อาจารย์ของเขาพูดถูกแล้ว สิ่งที่เราพูดนั้นเป็นการแก้ตัวเท่านั้น ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็อย่าไปให้เสียเวลาทำงานของเราดีกว่าครับ"

    หลวงพ่อเจ้าคณะภาคท่านก็บอกว่า "แกทำถูกแล้ว หลวงพ่อสมเด็จฯ หนกลางท่านก็บอกว่า เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นให้นิ่งไว้ก่อน อย่าไปพูดอย่าไปตอบโต้ใคร ข้าก็ไม่คิดว่าอยู่ ๆ แกก็จะดังขึ้นมาแบบนี้ สอบถามคนรอบข้างและท่านเจ้าคุณอ๋อ (พระวชิรปัญญาภรณ์, ดร.) เลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๔ แล้ว ทุกคนก็ยืนยันว่าหลวงพ่อเล็กไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาอีกเลย แต่ว่าอีกฝ่ายเอาเรื่องไปจับแพะชนแกะ เพื่อที่จะหาเรตติ้งให้กับรายการเท่านั้น"
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,835
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +26,414
    พูดกันมาถึงแค่นี้ ท่านก็ชวนว่า "ข้ามไปฝั่งโน้นกันดีว่า" คำว่าฝั่งโน้นก็คือ ต้องข้ามแม่น้ำท่าจีนกลับเข้าไปยังเขตวัดไร่ขิงเก่า เนื่องเพราะว่าวันนี้มีการตรวจข้อสอบธรรมศึกษาสนามหลวงชั้นตรี ซึ่งกระผม/อาตมภาพเป็นคณะกรรมการกองตรวจพิเศษอยู่ด้วย จึงได้กราบเรียนหลวงพ่อเจ้าคณะภาคว่า "กระผมอยู่แค่พิธีเปิดนะครับ ไม่ได้ร่วมการตรวจด้วย เพราะว่าต้องไปร่วมพิธีบำเพ็ญกุศล ฉลองการจบปริญญาของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย"

    หลวงพ่อเจ้าคณะภาคท่านก็บอกว่า "ถ้ามีงานก็ไปเถอะ เพราะว่ากองตรวจพิเศษนั้น แล้วแต่น้ำใจว่าใครจะอยู่หรือว่าจะไป บรรดากองตรวจหลักตั้งแต่กองตรวจที่ ๑ ไปนั่นต่างหาก ที่ต้องรับผิดงานนี้ชอบเต็ม ๆ"

    กระผม/อาตมภาพฉันเช้าร่วมกับพรรคพวกเพื่อนฝูงแล้ว ก็เข้าไปรอพิธีอยู่ทางด้านใน แต่ละท่านแต่ละรูปที่มาถึงก็ถามว่า "เป็นอย่างไร ทำไมไม่ไปสู้กับเขา ?" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ส่ายหน้าบ้าง หัวเราะบ้าง เนื่องเพราะว่านอกจากไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แล้ว ยังจะสร้างความแตกแยกเสียเปล่า ๆ

    ประเทศชาติของเราแตกแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย เป็นหลายสีมานานแล้ว กว่าที่จะประสานกันเข้ามาได้ก็แทบล้มประดาตาย ตอนนี้ทำท่าจะแตกกันไปอีกแล้ว เราซึ่งเป็นสถาบันหลักสถาบันหนึ่งในพระพุทธศาสนา อย่าได้ไปซ้ำเติมสถานการณ์ของประเทศชาติเลยจะดีกว่า

    ครั้นเมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. เจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านทำพิธีเปิดแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้รอฟังโอวาท หากแต่ว่าเร่งเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถนนพหลโยธิน หมู่ที่ ๑ ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื่องเพราะว่าในฎีกานิมนต์เอาไว้นั้นก็คือ เวลา ๐๙.๓๐ น. ปรากฏว่าน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) พลขับ สามารถที่จะนำพากระผม/อาตมภาพบินไปถึงได้ภายในเวลา ๐๙.๐๘ นาที ก็คือไปถึงก่อนงานนั่นเอง..!

    เพิ่งจะลงจากรถ บรรดาโฆษกก็ประกาศแล้วว่า "พระเดชพระคุณท่านพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. หรือว่าหลวงพ่อเล็ก เจ้าของห้องพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. อาคารพระราชรัตนโมลี (นคร เขมปาลี) ได้เดินทางมาถึงแล้ว"

    กระผม/อาตมภาพเองแทบจะไม่ต้องจับไม่ต้องหยิบอะไรเลย เนื่องเพราะว่าคนโน้นก็ช่วยถือหนังสือ คนนี้ก็ช่วยถือถุงใส่ของที่ระลึก เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า วันนี้บรรดาพระสังฆาธิการทั้งระดับผู้บังคับบัญชาและระดับเพื่อนฝูงด้วยกัน จบปริญญาเอกกันหลายคน จึงต้องหอบของที่ระลึกมามุทิตาด้วย บรรดาครูบาอาจารย์ทั้งฝ่ายพระและฝ่ายฆราวาส ต่างก็รุมล้อมเข้ามาทักทายด้วยความดีอกดีใจ
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,835
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +26,414
    พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.,ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ยังเคยปรารภว่า "บรรดาผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์ หรือว่ารองอธิการบดีวิทยาเขตดัง ๆ มาถึง ก็คงจะป๊อปปูล่าร์ได้ระดับนี้เท่านั้น" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ถอนใจ เพราะว่าถ้าหากว่าเราไปที่ไหนก็ตาม เป็นผู้มีแต่ให้ คนก็ย่อมรักใคร่เมตตาเป็นปกติ ดังพุทธภาษิตที่ว่า "ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักนั่นเอง"

    เมื่อเข้าไปถึง ได้กราบทักทายพรรคพวกเพื่อนฝูงและครูบาอาจารย์แล้วก็นั่งประจำที่ จนกระทั่งพระเดชพระคุณพระพรหมวัชรธีราจารย์, ศ., ดร. (สมจินต์ สมฺมาปญฺโญ, ป.ธ. ๙) องค์อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยมาถึง แต่ว่าวันนี้ท่านเจ้าคุณอาจารย์อธิการบดีต้องนั่งเก้าอี้ซึ่งจัดไว้ต่างหากด้านข้าง

    เนื่องเพราะว่าองค์ประธานที่แท้จริงก็คือ ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ., ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙, Ph.D.) ราชบัณฑิต องค์อุปนายกสภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยนั่นเอง เมื่อท่านเดินทางมาถึงก็ได้แค่พยักหน้าให้เท่านั้น เพราะว่าได้เวลาที่พิธีกรเขานิมนต์ให้จุดธูปเทียนและนำไหว้พระ เข้าสู่พิธีการทำบุญฉลองปริญญาบัตรประจำปี ๒๕๖๗

    ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้ให้โอวาทเอาไว้ว่า "ในเรื่องของการศึกษานั้น ท่านทั้งหลายต้องใช้ความเพียรพยายามเป็นอย่างสูง เพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จ ถือว่าท่านได้ทำคุณประโยชน์ให้กับทั้งตนเองและสถาบันที่เรียนอยู่ ครูบาอาจารย์ก็พลอยปลื้มใจที่ลูกศิษย์ทั้งหลายร่ำเรียนจนสำเร็จระดับสูงสุดของประเทศ ซึ่งสมัยของตัวผู้พูดเองนั้น ต้องเดินทางไปเรียนถึงประเทศอินเดีย แต่บัดนี้เรามีหลักสูตรต่าง ๆ ที่แม้แต่ต่างประเทศก็มาร่วมเรียนด้วยเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่เปิดหลักสูตรมาเมื่อปี ๒๕๕๔ จนบัดนี้ มหาวิทยาลัยของเรามีผู้จบปริญญาเอกไปแล้ว ๗๗๑ รูป/คน

    บรรดาท่านทั้งหลายเหล่านี้ หลายท่านจะว่าไปแล้วก็เป็นพระ "บ้านนอกคอกนา" เหมือนกับตัวผู้พูดนี่เอง แต่ว่าสามารถประกอบความสำเร็จขึ้นมาได้ เพราะว่ามีความเพียร เหมือนอย่างกับในพุทธภาษิตที่ว่า
    "สทฺธา พีชํ ตโป วุฏฺฐิ ปญฺญา เม ยุคนงฺคลํ หิริ อีสา มโน โยตฺตํ สติ เม ผาลปาจนํ" ซึ่งแปลความว่า "มีศรัทธาเป็นเมล็ดพันธุ์ มีความเพียรเหมือนกับสายฝน ใช้ปัญญาเป็นแอกและไถ มีความละอายชั่วเปรียบดังงอนไถที่บังคับตัวไถ มีใจเหมือนอย่างกับเชือกโยงบังคับเส้นทาง มีสติเปรียบเหมือนผานไถและปฏัก ควบคุมการกระทำกสิกรรม" ดังนี้..เราจึงสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตขึ้นมาได้"
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,835
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +26,414
    "ท่านทั้งหลายเมื่อประสบความสำเร็จโตแล้ว ขอให้ดูตัวอย่างพืชชนิดหนึ่งของประเทศจีน ซึ่งตัวผู้พูดเองเพิ่งจะไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้วกลับมาเมืองไทย พืชชนิดนี้ฝรั่งเรียกว่า "โมซุง" แต่กระผม/อาตมภาพเข้าใจเลยว่าเจ้าต้นนี้ก็คือ "เหมาซุ่น" ซึ่งเป็นไม้ไผ่ชนิดหนึ่ง

    ท่านเจ้าคุณอาจารย์กล่าวว่า "พืชชนิดนี้คนแก่ไม่นิยมปลูก แต่คนหนุ่มสาวนิยมปลูกกันมาก เพราะว่า ๕ ปีแรกนั้นแทบจะไม่มีมรรคมีผลอะไรเลย ต้นแค่ไหนก็ต้นแค่นั้น ไม่มีการเติบโต แต่พอเข้าปีที่ ๖ เจ้าต้นนี้จะโตพรวด ๆ วันละ ๒ ฟุตครึ่ง..! รวมแล้วจะโตไปจนกระทั่งประมาณ ๗๕ ฟุต แล้วค่อย ๆ ขยายด้านข้างออก จนกลายเป็นไม้ไผ่ลำมหึมา" กระผม/อาตมภาพเองที่อยู่ทองผาภูมิ รู้จักไผ่ชนิดนี้ดี บ้านเราเรียกว่า "ไผ่หก" หรือว่า "ไผ่ล้อเกวียน" แต่ละปล้องบรรจุน้ำได้เป็นถังเลย..!

    ท่านเจ้าคุณอาจารย์กกล่าวว่า "การที่เราใช้ความเพียรพยายามในการศึกษา ก็เหมือนกับเจ้าไผ่โมซุงนี่เอง เนื่องเพราะว่าในระยะแรกของเราตลอดหลักสูตร เราก็ไม่เกิดมรรคเกิดผลอะไรให้คนอื่นเห็น บางคนถึงขนาด "น้ำตาตกใน" เพราะความยากลำบากในการศึกษาด้วย แต่ตอนนี้ท่านทั้งหลายผ่านพ้นหลักสูตรครบ ๕ ปีเบื้องต้นเช่นเดียวกับไผ่โมซุงนี้ ถึงเวลาแล้วที่ท่านทั้งหลายจะเจริญเติบโตต่อไปในทางชีวิตเบื้องหน้า ด้วยวุฒิการศึกษาที่ท่านทั้งหลายได้ร่ำเรียนมาดีแล้ว เมื่อประสบความสำเร็จทางการศึกษาแล้ว ก็ต้องค่อย ๆ ขยายตนเองให้เติบโตและสูงใหญ่ เพื่อเป็นประโยชน์แก่มนุษยชาติสืบไป"

    ตอนท้ายท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้อวยชัยให้พรกับทุก ๆ ท่าน รับพรแล้ว กระผม/อาตมภาพเป็นผู้ที่ได้รับเชิญจากพิธีกร ให้เข้าไปถวายไทยธรรมต่อท่านเจ้าคุณอาจารย์เอง ได้ถามเพียงสั้น ๆ ว่า "ประเทศจีนหนาวมากไหมครับ ?" ท่านบอกว่า "ใส่เสื้อ ๒ ชั้นแล้วยังไม่หายหนาวเลย" แสดงว่าค่อนข้างที่จะหนาวมากทีเดียว..!
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,835
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +26,414
    กระผม/อาตมภาพกำลังที่จะเดินทางไปยังเมืองฮาร์บิน เพื่อทดสอบดูว่าการตายแล้วไม่เน่าเป็นอย่างไร วันนี้ได้ยินว่าที่เมืองฮาร์บินนั้น อากาศ -๑๔ องศาเซลเซียสแล้ว กว่าจะถึงช่วงระยะที่ตนเองกำหนดเดินทางไป ได้ยินว่าช่วงนั้นมักจะเฉลี่ยอยู่ที่ -๓๐ องศาเซลเซียส..!

    กระผม/อาตมภาพได้บอกกล่าวกับทุกคนที่ร่วมทีมไปแล้วว่า
    "ถ้าไปด้วยกันก็แปลว่าตัวใครตัวมัน..!" เนื่องเพราะว่าประการแรก กระผม/อาตมภาพตั้งใจไปหาที่ตาย..! ประการที่สอง ไม่เคยไปยังสถานที่นั้นมาก่อนเลย ไม่รู้จัก "ใคร" เลยสักคน ไม่รู้ว่าจะต้องไปขอความช่วยเหลือจาก "ใคร" พูดง่าย ๆ ว่าใครมีความสามารถในการเอาตัวรอดจากการหนาวตายได้ ก็พยายามทำเองให้สุดชีวิตก็แล้วกัน..!

    เมื่อเสร็จพิธีแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงขอตัวออกมาด้านนอก บรรดาพระและฆราวาสที่เห็นว่ากระผม/อาตมภาพจะกลับ ต่างก็ฉวยเอาภัตตาหารใส่ถุงใส่ถ้วยมาถวายเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งได้แต่นั่งกระพริบตาปริบ ๆ ว่า กระผม/อาตมภาพคนหนึ่งกับคนขับรถคนหนึ่ง แต่ท่านทั้งหลายถวายอาหารมาพอที่จะเลี้ยงได้ทั้งกองทัพแบบนี้ ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าจะต้องฉันไปกี่วัน ว่าแล้วก็ "ฉันไปบ่นไป" คล้าย ๆ อดีตนักการเมืองผู้หนึ่ง ซึ่ง "ตกกระป๋อง" ก็เพราะรายการแบบนี้ของตนเอง..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...