ความรู้เพิ่มเติมเรื่องการโมทนาครับ

ในห้อง 'อนุโมนาบุญ - อุทิศบุญส่วนกุศล' ตั้งกระทู้โดย kananun, 13 กันยายน 2006.

  1. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ---การโมทนาบุญนั้น เป็นบุญเป็นกุศลในสายพรหมวิหารสี่ใน มุทิตาจิต และผลของการโมทนาบุญนั้นจะบังเกิด ผลบุญที่เรียกกันว่า โมทนามัย ซึ่งมีผลหย่อนจากตัวผู้ทำบุญ กุศลนั้นเองบ้าง แต่ก็ไม่มากนัก ขึ้นอยู่กับผู้ขอโมทนานั้นได้โมทนาเต็มหัวจิตหัวใจเพียงไร ในขณะเดียวกันศัตรูของการโมทนาบุญนั้น ได้แก่ ความอิจฉา ริษยา เห็นผู้อื่นได้ทำบุญทำกุศล เกรงว่าจะได้ดีกว่าตน สิ่งนี้เป็นโทษต่อความดีที่จะพึงเกิดขึ้นในจิตของตนเอง ทั้งๆที่บุญจากโมทนามัยนี้เป็นสิ่งที่เราได้มาเปล่าๆไม่ต้องลงแรงลงทรัพย์เพื่อการทำบุญ แค่เพียงจิตเรายินดีอย่างบริสุทธิ์ใจต่อความดี ต่อกุศลที่ท่านผู้อื่นได้ ลงมือกระทำและบำเพ็ญด้วยความเต็มใจเท่านนั้น ส่วนผู้ที่ท่านได้เป็นต้นบุญต้นกุศลนั้นเล่า ควรวางกำลังใจในสัมมาทิษฐิว่าอันบุญ อันกุศลที่เราได้บำเพ็ญแล้วนั้น มีท่านผู้อื่นได้โมทนาและยินดีในบุญกุศลและความดีนี้แล้ว ย่อมทำให้กระแสแห่งบุญแห่งกุศลนี้ งอกงามเพิ่มขึ้น สืบต่อกันไปประดุจ เปลวเทียนที่จุดต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด และเมื่อนั้นเราก็ยินดีในบุญจากโมทนามัยของท่านผู้ขอโมทนาบุญกับเราด้วย ซึ่งหมายความว่ารวมแล้วเราได้บุญ จากกุศลที่เราได้ทำได้บำเพ็ญโดยตรงแล้วเรายังได้บุญจากการโมทนาบุญ ของท่านผู้ขอโมทนาบุญกับเราทุกๆท่านอีกด้วย แต่หากท่านมีมิจฉาทิษฐิคิดไปเองว่า หากมีผู้มาโมทนาบุญกับเราเดี๋ยวบุญเราจะหมดเราไม่ให้หรอก เมื่อนั้นจิตท่านก็จะปรากฏความเศร้าหมองทำให้บุญที่เราทำมีผลย่อหย่อนลงไป และทำให้เราไม่ได้กุศลจาก การโมทนาบุญของผู้ขอโมทนาบุญจากเรา
    ดังนั้นเราจึงควรวางกำลังใจและอธิฐานจิตเราเมื่อมีผู้ขอโมทนาบุญจากเราว่า

    "เราขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ให้กับท่านทั้งหลายที่ขอโมทนาบุญกับเราในทุกครั้งทุกโอกาส ไม่ว่าเราจะทำในอดีตก็ดี ปัจจุบันก็ดี และที่จะบำเพ็ญต่อไปในอนาคตก็ดี ที่เราได้ทราบก็ดี ไม่ทราบก็ดี จะเป็น มนุษย์หรือเทพพรหม เทวา พญานาค ก็ดี ที่มีกายเนื้อก็ดี ไม่มีกายเนื้อก็ดี ขอให้เขาเหล่านี้ จงประสพแต่ความสุขพ้นจากความทุกข์พ้นภัยจากวัฏสงสาร สัมผัสพระนิพพานอันเป็นบรมสุขด้วยเทอญ"

    ส่วนการโมทนาบุญนั้น แบ่งออกได้ตามขนาดของบุญและวาระได้สามประการคือ
    1. การอนุโมทนา หมายถึงการโมทนาบุญ ของบุคคลใด ในการทำบุญเฉพาะครั้งใดครั้งหนึ่ง เช่น พี่เราได้เลี้ยงพระเพลที่วัด เราก็ได้อนุโมทนาบุญด้วยครั้งหนึ่ง
    2.การโมทนาบุญ หมายถึงการโมทนาบุญในกองกุศล ที่หมู่คณะนั้นได้บำเพ็ญ เช่นการโมทนาบุญกฐินที่เวบพลังจิตได้จะเป็นเจ้าภาพร่วม หรือการโมทนาบุญของบุคคลใด บุคคลหนึ่งโดยเฉพาะในบุญที่เขาบำเพ็ญมาตลอด เป็นต้น
    3.การมหาโมทนาบุญ นั้นหมายถึงการ โมทนาความดี กุศล ผลบุญทั้งปวงที่ได้ปรากฏขึ้น ทั่วอนันต์จักวาล ทั้งสามไตรภูมิ หนึ่งนิพพาน ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคต ซึ่งล่วงข้ามมิติของสถานที่และกาลเวลา เป็นมหากุศลที่ จะไหลรวมมาหล่อเลี้ยง ดวงจิตของพระโพธิสัตว์ทุกดวงให้สว่างไสว การมหาโมทนาบุญนี้ เป็น การปฏิบัติ มุทิตาอัปปันณานฌาน นั่นเอง พระโพธิสัตว์และท่านผู้ฉลาดในการโมทนาย่อมเข้าใจในการทำมหาโมทนาเป็นปรกติ ธรรมดา


    หวังว่าท่านทั้งหลาย จะได้ความรู้ในเรื่องการโมทนาบุญเพิ่มขึ้น และได้ใช้เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติ ต่อไปครับ ขอกราบโมทนาบุญของทุกท่าน ทุกโอกาส ทุกวาระ นับแต่อดีต ปัจจุบันและที่ท่านจะบำเพ็ญกันต่อไปในอนาคตครับ
    (bb-flower
     
  2. littlelucky

    littlelucky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +1,938
    ขอบคุณครับ ได้ความรู้เพิ่มเติมและอิ่มใจด้วย :cool: อนุโมทนาครับ
     
  3. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    สาธุ สาธุ สาธุ

    ขออนุโมทนาสาธุในบุญกุศลทานศีลภาวนาของทุกท่านที่บำเพ็ญมาแล้วด้วยดี
    ตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ด้วยเทอญ

    ขอความปราถนาของท่านที่ตั้งไว้ดีแล้ว
    จงประสบผลสำเร็จด้วยอำนาจ
    พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เถิด

    สาธุ สาธุ สาธุ

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  4. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    โมทนาบุญน่ะดีมาก แต่อย่าเผลอไปโมทนาบาปด้วยล่ะ การโมทนาบาปนั้น แม้เราไม่ได้ลงมือทำเอง แต่ก็เอาใจไปร่วมด้วย

    เช่น เห็นข่าวนึกในใจว่า โจรห้าร้อยอย่างนี้ถูกตำรวจวิสามัญนั่นแหละดี แผ่นดินจะได้สูงขึ้น
    อย่างนี้โมทนาบาป อันนี้กล่าวถึงในแง่ปาณาติปาตานะครับ เพราะการฆ่าคน ถึงแม้เป็นการทำตามหน้าที่ ก็ยังเป็นบาปอยู่ แต่บาปมากหรือน้อย ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    อย่างนี้กรณีตัวอย่างข้างต้น คงต้องแยกเป็นส่วนๆ เราอาจจะนึกว่าการที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งนั้น เราขออนุโมทนาบุญด้วย แต่การที่ตำรวจไปวิสามัญโจรนั้น เราไม่ปรารถนาให้มีการฆ่า เราไม่ได้ยินดีด้วย ส่วนโจรนั้น เราก็คงต้องนึกว่านี่แหละ ผลแห่งกรรม คงไม่ต้องไปนึกซ้ำเติมอะไรเค้าหรอก

    ก็อยากฝากไว้ว่า เมื่อโมทนาบุญยังได้ผลบุญฉันใด แม้โมทนาบาปจะไม่ได้ผลบาปเลยเหรอ ?
     
  5. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    อนุโมทนา.... บางครั้ง พวกเราเข้าใจกันผิด คลาดเคลื่อน ไปบ้าง....

    เพราะว่า ไปติด ที่คำว่า อนุ
    โดยส่วนใหญ่ จะเข้าใจว่า อนุ แปลว่า เล็กน้อย นิดหน่อย เล็ก ๆ
    เช่น อนุภรรยา - เมียน้อย เป็นต้น

    ...................................................................................

    อนุ.. จริงแล้ว อีกความหมายหนึ่ง แปลว่า "ตามไปด้วย"
    อนุภรรยา ก็คือ ตามไปเป็นภรรยาด้วย แต่มาทีหลัง ภรรยาเดิม

    อนุศักดิ์ จึงไม่ใช่ ศักดิ์เพียงเล็กน้อย แต่หมายถึง ใครมีศักดิ์ใด ๆ ก็มีกับเขาด้วย

    ...................................................................................

    อนุโมทนา ความหมาย ตามที่พระเดชพระคุณองค์หลวงพ่อฯ แนะนำไว้ว่า....
    ตามไปมีผลถึง 80-90 % ของเจ้าของบุญ
    เจ้าของบุญ เข้าถึงพระนิพพาน เราเป็นผู้ตามโมทนา ก็มีเกณฑ์ เข้าด้วยเช่นกัน

    การโมทนา เป็นสิ่งดี สิ่งยอดเยี่ยม เป็นธรรมอันสำคัญ คือ
    เป็นข้อที่ 3 คือ มุทิตา ของพรหมวิหาร 4
    พรหมวิหารธรรม เป็น ธรรมคุ้มครองโลก ให้เกิดความสุข

    พรหมวิหาร 4

    1. เมตตา คือ ความรัก มีความรักในผู้อื่น ไม่ว่า คน หรือ สัตว์
    ไม่ว่าเรา หรือ เขา ต่างก็มีความ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ปรารถนาสุข เกลียดทุกข์

    2. กรุณา คือ มีความสงสารในผู้อื่น ปรารถนาอยากให้ผู้อื่น ไม่ว่าคน หรือสัตว์
    สามารถพ้นไปจากความทุกข์ทุกข์ ที่เขากำลังประสบอยู่ ในขณะนั้น
    มีความพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ในทุกโอกาสที่สามารถช่วยเหลือได้

    ลองคิดดู เพียงแค่ 2 ข้อนี้
    ถ้าหาก พวกเราต่างก็อารมณ์เราเข้าถึง เมตตา และ กรุณา อย่างนี้
    เรา และเขา จะยังคิดจะโกรธ กันได้ อีกหรือ

    ก่อนหน้า ที่จะตั้งใจรักษาศีล นั้น.. เราอาจจะทำความชั่วอย่างมากมาย(ผิดศีล)
    แต่ พอเราเริ่ม มองเห็นธรรม ทราบถึงกรรม เราก็ตั้งใจรักษาศีล ให้บริสุทธิ์
    ก็จะมีอานิสงส์ให้ ผลของกรรมชั่ว ที่จะจะสนองผลกับเรา(ตกนรก)ไม่ได้
    อย่างน้อย 1 ชาติ

    ทั้งนี้ เพราะอำนาจของศีล คนที่มีศีลบริสุทธิ์ ถ้าเข้าไปในเขตนรก ไฟนรกจะดับ
    เขาไม่ให้ ผู้ที่ทรงศีลบริสุทธิ์ เข้าเขตนรก อย่างแน่นอน
    (ยกเว้น ท่านที่กระทำความผิด ด้วยอนันตริยกรรม ๕ มาก่อน แม้สร้างบุญกุศล
    ไง้มากเพียงไร ก็ต้องไปเสวยนรกก่อน หมดกรรมเลวแล้ว จึงมารับกรรมดี )

    3. มุทิตา มีความยินดี พลอยโมทนาในบุญ คุณความดี ของผู้อื่น
    ไม่อิจฉา ไม่ริษยาใคร
    ใครที่พลาดผิดไป ก็ไม่ล้มทับซ้ำเติมเขา
    มีจิตใจ น้อมไปในทิศทาง แห่งความอ่อนโยน

    เป็นที่แน่นอน ว่า.. คนที่มี จิตใจอ่อนโยน..
    ทำให้สามารถรับกระแสพระธรรม เข้าใจ ได้ง่าย มากว่า คนที่มีใจโหดร้าย

    4. อุเบกขา การวางเฉย ต่อสิ่งที่มากระทบกาย กระทบจิตใจ
    คน หรือสัตว์ ที่เรามีความรัก(เมตตา) มีความสงสารจะให้เขาพ้นทุกข์(กรุณา)
    หากเราพร้อมที่จะช่วยได้ เราก็เต็มใจ และยินดี ช่วยเหลือ

    แต่หากว่า สุดวิสัยที่จะช่วยเหลือได้ เราก็พึงวางเฉย
    ยอมรับ ในกฎแห่งกรรม ของเขา และเรา
    วางเฉยได้ในกฏแห่งไตรลักษณ์
    ไม่พึงทำอารมณ์ให้หมองมัว วิตก กังวล เกินไป

    เพราะว่า ทุกคน ทุกสัตว์ ต่าง ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ พระนิพพาน
    เพียงแต่ เร็ว ช้า ต่างกันออกไป

    การโมทนา ในบุญ ในคุณความดี จึงมีอานิสงส์ ที่ยอดเยี่ยม

    ..................................................................................

    ข้อความนี้.. ยกมาจาก กระทู้อื่น.. ที่ผมเคยโพสไว้แล้ว
    ก็ฝากไว้เพื่อ พิจารณา กันเอง

    ...................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2008
  6. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ก็พอดี.. ที่กระทู้เดิม มีท่านผู้ "สงสัย"
    สอบถาม ว่า..

    พระอาจารย์ที่ผมรู้จัก รูปหนึ่ง
    ท่านเคยเปรียบผลบุญของ การอนุโมทนาบุญ
    ไว้ว่า จะได้บุญกับผู้ลงมือกระทำแค่ประมาณ 10%
    (สมมุติว่าถ้าเทียบเป็น % ได้นะครับ) เท่านั้นเอง


    และผมก็คิดว่า สมเหตุสมผลดี
    เพราะถ้าได้บุญถึง 80-90% อย่างที่ว่าจริงแล้ว

    ก็ไม่ต้องไปทำบุญกุศลอะไรกันเอง แล้วหละครับ

    มารอนั่งอนุโมทนาอย่างเดียว หลายๆกระทู้ หลายๆบุญเข้า ก็เหลือเฟือแล้ว
    จะเอาสวรรค์ชั้นไหนหละ...เลือกได้ด้วยซ้ำไป..กระมัง<!-- / message --><!-- sig -->

    ................................................................................................
     
  7. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ผมได้แจงไว้ ว่า..

    ก็เป็นเรื่องปกติ ธรรมดา นะครับ....
    เพราะว่า.. ผมก็บอกแล้วว่า.. ให้พิจารณากันเอง..
    ไม่ได้บอกว่า ต้องเชื่อถือ..

    ตัวของเราเอง ต้องพิจารณาใคร่ครวญ ด้วยตนเอง....

    ................................................................................................

    องค์หลวงพ่อฯ ท่านได้เทศน์ ให้ไว้เกี่ยวกับเรื่องอานิสงส์ของอนุโมทนา
    (ดังนี้ กราบขอขมาที่ไม่ครบถ้วนทุกคำพูด เพราะจำมา)

    สมัยนั้น.. พระโมคคัลลาน์ ผู้ทรงฤทธิ์ ชอบท่องเที่ยวไปยังภพภูมิ และสวรรค์
    อยู่เสมอ ๆ เพื่อนำข่าวผู้ที่ทำบุญ ได้อยู่สวรรค์ ทำบาป ได้ตกนรก อย่างไร

    จะได้นำมาสอนสั่ง แก่ปวงชน

    วันหนึ่ง ขึ้นไปที่ดาวดึงสเทวโลก พบวิมานเกิดขึ้นใหม่ หลังใหญ่ สวยงาม
    เจ้าของวิมาน มีนางฟ้าเป็นบริวาร พันองค์

    จึงขอพบ และสอบถาม ว่า ภัคคินี ดูก่อนน้องหญิง เธอทำบุญอะไรมา
    จึงมีวาสนามาก มีวิมานหลังใหญ่ สวยงาม มีบริวารเป็นพันองค์

    นางฟ้าเจ้าของวิมาน ได้ตอบว่า....
    กล่าวไป ละอายนัก ไม่ได้ทำบุญเลยเจ้าค่ะ

    พระโมคคัลลาน์ จึงถามต่อไปว่า ในเมื่อไม่ได้ทำบุญเลย
    ทำไม จึงมีวิมานใหญ่โต สวยงามนัก

    นางฟ้า ก็บอกว่า ข้าพเจ้าเป็นเพื่อนของนางวิสาขา
    นางวิสาขาทำบุญอะไร ก็โมทนากับเขา เพราะว่าตัวเองจน เงินมีน้อย

    พอดี หมดอายุขัย ตายมาก่อนนางวิสาขา
    ด้วยบุญบารมี เพียงแค่โมทนา ก็มีวาสนาได้เพียงเท่านี้

    ข้อนี้ น่าจะหาอ่านได้พบในพระไตรปิฎก
    เป็นข้อยืนยัน อานิสงส์ของการโมทนา

    ...................................................................................

    ส่วนข้อสงสัย ที่ว่า....

    เพราะถ้าได้บุญถึง 80-90%
    อย่างที่ว่าจริงแล้ว ก็ไม่ต้องไปทำบุญกุศลอะไรกันเองแล้วหละครับ

    มารอนั่งอนุโมทนาอย่างเดียว
    หลายๆกระทู้ หลายๆบุญเข้า ก็เหลือเฟือแล้ว
    จะเอาสวรรค์ชั้นไหนหละ...เลือกได้ด้วยซ้ำไป..กระมัง

    ...................................................................................

    ข้อนี้ ผมเอง ก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง ว่า จริง ๆ ด้วยครับ

    แต่เท่าที่ผมกล่าวอธิบาย ในโพสที่ 40 เป็นต้นมา นั้น
    หัวข้อ ที่เขาตั้งมา เกี่ยวข้องกับคำว่า อนุโมทนา
    จึงชี้แจงเรื่อง การอนุโมทนา ว่ามีผลไหม

    ส่วนที่ตั้งข้อสงสัย มานั้น อันนี้ ก็ถือว่า ดียิ่ง ใช้สติใคร่ครวญ ได้ดี

    มันก็จริง อย่างที่ท่านสงสัย นั่นแหละครับ....
    เรื่องอานิสงส์ นี่ มันต้องทำ จึงจะได้เต็ม ๆ

    องค์หลวงพ่อฯ แจงอานิสงส์ การสร้างพระพุทธรูป ว่า....
    เมื่อตายไป ยังไม่ถึงพระนิพพาน จะสามารถเกิดเป็นเทวดา หรือพรหม
    ที่มีเดช มีอำนาจ มีศักดิ์ใหญ่ มีแสงในกาย สว่างเจิดจ้า

    เทวดา วัดบารมีกันที่ ความสว่างในกาย
    ใครสว่างมากกว่า จะมีบารมีมากกว่า

    หากเมื่อหมดบุญจากเทวดามาเกิดเป็นคน
    ผลบุญก็ยังส่งผลให้เป็นคนที่มีอำนาจ วาสนา เป็นหัวหน้าคน
    เป็นนายพล เป็นต้น

    และ องค์หลวงพ่อฯ ก็แนะนำ ว่า....
    หากสร้างแต่พระพุทธรูป ไม่ทำบุญอย่างอื่น เช่น ไม่ทำสังฆทาน ก็แย่
    เกิดมาเป็นนายพล แต่ตังค์ในกระเป๋าไม่มี ก็ไม่ไหว ใช่ไหม

    การทำบุญจึงต้องทำหลาย ๆ อย่าง จึงจะมีอานิสงส์ครบถ้วน

    (ดังนั้น) การที่เราจะไปตั้งเป้าว่า.. คอยแต่จะอนุโมทนาบุญของคนอื่น อย่างเดียว
    อย่างนี้ อานิสงส์ที่เราปรารถนา ก็ไม่สมบูรณ์

    อีกทั้ง ก็ยังจะเป็นการประมาทจนเกินไป
    เพราะว่า เราตั้งหน้าอนุโมทนาเพียงอย่างเดียว

    จริงอยู่ เมื่อตายไป ก็จะมีอานิสงส์ 80-90 % ของเจ้าของบุญ
    ดังกล่าวไว้แล้ว....

    แล้วลองคิดดู ว่า หากเมื่อยังไม่ถึงซึ่ง พระนิพพาน..
    เมื่อหมดบุญ ของการอนุโมทนาบุญ จากสุขคติ แล้วต้องเกิดมาเป็นคน
    ถามว่า เขาจะมีอานิสงส์อะไร.. ในเมื่อเขาไม่ได้สร้างไว้

    เมื่อเกิดมา ก็ต้อง เป็นคนจน
    หรืออย่างดี ก็ต้องไปเกิดเป็นบริวาร ของเจ้าของบุญที่สร้างบุญไว้
    เพราะว่า เราอนุโมทนาเขา เพียงอย่างเดียว

    แล้วถ้าหากบังเอิญ เจ้าของบุญ พลาดท่าบางอย่าง ต้องตกนรกไป
    เราที่ตั้งหน้าอนุโมทนาบุญ จะทำอย่างไรกิน

    จะเข้าพระนิพพาน ก็ไม่ได้
    ต้องรอจนกว่า เจ้าของบุญ ขึ้นมาจากนรก (ไม่รู้ว่านานเพียงใด)
    มาทำความดีให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อให้ถึงพระนิพพาน
    แล้วผู้อนุโมทนา จึงจะได้มีเกณฑ์ที่จะถึงพระนิพพาน ได้บ้าง เช่นกัน

    อย่างนี้ ถือว่า ประมาทเกินไป ไหม..

    แล้วถ้าหาก เราเป็นผู้อนุโมทนาบุญ มามาก
    แต่ไม่มีศีล ไม่รักษาธรรม....
    ถึงแม้ว่าจะมีบุญ ที่อนุโมทนา มาอย่างมากมาย....
    แต่จะรอด นรก ไปเสวยสุข ณ สุขคติ ได้หรือเปล่า.. ก็ไม่แน่....

    อย่างนี้ จะมีใครบ้าง ที่จะตั้งใจ อนุโมทนาบุญ เพียงอย่างเดียว
    โดยที่จะไม่คิดสร้างบุญ เป็นของตัวเอง ด้วยตัวเอง ไว้บ้างเลย

    ก็คงจะเป็นไปไม่ได้
    และคงไม่มีใครที่จะทำอย่างนั้น คือ รอการอนุโมทนา เพียงอย่างเดียว

    ...............................................................................................

    อานิสงส์ พิเศษ ของการอนุโมทนาบุญ ก็คือ....

    ตัว มุทิตาจิต ในข้อ 3 ของพรหมวิหารธรรม ที่ได้กล่าวไว้แล้ว นั้น
    จะทำให้เป็นคนที่ มีจิตใจอ่อนโยน จิตเป็นสุข

    เมื่อจิตเป็นสุขแล้ว ได้ฟังธรรม คำตรัสสอน
    ก็จะสามารถเข้าใจ มีความเลื่อมใส
    และปฏิบัติธรรมได้ง่ายกว่า บุคคลที่มีจิตใจโหดร้าย ดุดัน

    การก้าวล่วงเ ข้าถึงซึ่งพระนิพพาน ก็จะง่าย และสะดวกกว่า

    อย่างนี้ ก็คงพอจะทราบกันได้ นะครับ....
    ว่าทำไม อนุโมทนา จึงเป็น สิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองช้าม
    เป็นสิ่งที่ไม่ควร ปรามาสใน ธรรมอันจะสร้างจิตใจ ให้เกิดความอ่อนโยน

    ................................................................................................

    ตามที่สงสัย ว่า....

    พระอาจารย์ที่ผมรู้จักรูปหนึ่ง
    ท่านเคยเปรียบผลบุญของการอนุโมทนาบุญ
    ไว้ว่า จะได้บุญกับผู้ลงมือกระทำแค่ประมาณ 10%

    แล้วถ้าหาก เราได้เพียง 10 % จริงดังที่ว่า..
    หากเราอนุโมทนา 100 เรื่อง หรือ 1,000 คน..
    นี่ จะได้ กี่ % มันก็มาก % ได้เช่นกัน.. ใช่ไหมครับ

    ................................................................................................

    ก็ยังขอยืนยันว่า..
    เป็นข้อคิดเห็น เป็นความศรัทธา ของผมเอง เท่านั้น
    ก็พึงพิจารณาด้วยตนเอง..

    ตนเอง จึงจะเป็นที่พึ่งแห่งตนได้ โดยแท้จริง แห่ง สาธุชน ปัญญาชน

    ................................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2008
  8. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,431
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,473
    อันนี้ผมก็เห็นด้วยกับ พี่มหาหินนะครับ เราตั้งใจสร้างบุญกุศลด้วยตัวเองดีกว่าครับ แต่การอนุโมทนาเราก็สามารถทำได้เรื่อยๆ ตามโอกาสที่มีอยู่ แล้วเราจะได้อานิสงส์สูงสุด ก็คือ ไปพระนิพพานได้ในชาตินี้ครับ;aa50
     
  9. kriengkripob

    kriengkripob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,326
    ค่าพลัง:
    +2,048
    อนุโมทนา สร้างกุศลด้วยตนเองตามกำลัง สร้างบ่อยๆจิตจะเกาะบุญที่สร้างไว้ ผลบุญอื่นก็จะตามมาด้วยเช่นกัน สาธุ สาธุ
     
  10. ถนอม021

    ถนอม021 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,098
    ค่าพลัง:
    +3,163
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

    ถนอม สุพัตรา ถกนธ์ พร้อมครอบครัวและญาติมิตร
     
  11. ttt2010

    ttt2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,754
    ค่าพลัง:
    +905
    อนุโมทนาสาธุ บุญนี้ ขอยกให้กับท่านเจ้าของกระทู้ด้วยเทอญ...
    ttt2010 ศิษย์พระอาจารย์บุญยง อภิลาโส ภิกขุ

    _____________________________________________________
    บอกบุญแหล่งทำบุญ
    เปิดดวง พิธีกรรมแก้ดวงชะตา (สำนักสงฆ์พรหมรังศรี)
    กฐินสามัคคีปฐมฤกษ์เบิกชัย ที่พักสงฆ์พรหมรังศรี
    ท่องวัดและศาสนสถานที่สำนักสงฆ์พรหมรังศรี<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  12. watlahanyai

    watlahanyai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +200
    ขออนุโมทนาบุญกับท่านที่ให้ธรรมทานแก่พุืทธศาสนิกชนทุกท่าน
     
  13. IIvII

    IIvII Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +46
    ขออนุโมทนาบุญด้วยเจ้าค่ะ_/|\_
     

แชร์หน้านี้

Loading...