ในศุภวาระมหามงคล ด้วยในวันที่ ๕ พ.ค.๒๕๕๓ เป็นวันฉลองพระบรมราชาภิเษกในหลวงครบ ๖๐ ปี ขอนำบทความต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพ่อหลวงมาลง ให้ทุกท่านได้อ่านเพื่อน้อมระลึกในพระมหากรุณธิคุณ ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยมากว่า ๖๐ ปี ประกายเมตตาแห่งราชาไทย<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o> โดย ดังตฤณ <o></o> <o></o> ผมเคยอยากเป็นคนถือธงประจำกองร้อยลูกเสือ<o></o> ของโรงเรียนในงานสวนสนามใหญ่<o></o> เหตุผลเพราะเป็นคนเดียวในกองร้อยที่แยกออกมา<o></o> และมีสิทธิ์ให้องค์กษัตริย์ท่านทอดพระเนตรจากที่ประทับเบื้องสูง<o></o> เห็นเราเป็นเป้าเด่นกว่าคนอื่นๆ<o></o> นั่นคงเป็นความรู้สึกเยี่ยงคนเดินดินปรารถนาให้ดวงตาสวรรค์แลมา<o></o> และรับรู้ว่ามีตัวเราอยู่ในโลกนี้อีกคนหนึ่ง<o></o> ประสบการณ์วัยเด็กครั้งนั้น<o></o> ถือเป็นโอกาสเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวใกล้ชิดที่สุดในชีวิต<o></o> ท่ามกลางเสียงกลองจังหวะมาร์ชที่บันดาลพลังระดมพล<o></o> จำได้สนิทว่าทุกคนมีศูนย์รวมความรู้สึกตรงกัน<o></o> คือองค์ประมุขผู้ปรากฏประดุจสิ่งมหัศจรรย์แห่งวันงาน<o></o> ในความรับรู้วัยเด็ก<o></o> ผมทราบจากคนอื่นว่า<o></o> ในหลวงรัชกาลที่ ๙<o></o> ท่านเป็นเบื้องบนผู้ควรแก่การเคารพ<o></o> ขณะเดียวกันก็ทราบจากความรู้สึกของตนเอง<o></o> ว่าท่านมีรัศมีพิเศษที่ทรงอิทธิพลกระทบความรู้สึกคนเห็น<o></o> คนอื่นอาจไม่สงสัย<o></o> แต่ผมสงสัย <o></o> ว่าเหตุใดวันธรรมดาของพระเจ้าอยู่หัว<o></o> จึงเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนไทยทั้งแผ่นดิน<o></o> เหตุใดคนไทยยังเทิดสถาบันกษัตริย์ไว้ในที่สูงเหนือการแตะต้อง<o></o> และเหตุใดความรู้สึกของมหาชน<o></o> จึงรวมศูนย์ไปอยู่ที่บุคคลเพียงคนเดียว<o></o> ได้อย่างพร้อมเพรียงไม่แตกแถว<o></o> ผมอยากทำความเข้าใจ<o></o> ว่าทำไมแค่เห็นก็นึกอยากเสียสละทุกสิ่งเพื่อพระองค์ท่าน<o></o> และที่สำคัญ<o></o> เพราะอะไรราชวงศ์ในโลกยังมีอยู่หลายประเทศ<o></o> แต่ความภูมิใจของพสกนิกร<o></o> ที่มีต่อองค์พระประมุขของตนจึงไม่เท่าเทียมกัน<o></o> ถึงวันนี้คิดว่ามีคำตอบให้ตัวเอง<o></o> <o></o> รัศมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว<o></o> ภูมิพลอดุลยเดช <o></o> ที่ฉายออกมาให้สัมผัสด้วยใจนั้น<o></o> คือหลักฐานแห่งการุณยภาพอันยิ่งใหญ่เหนือมนุษย์<o></o> ไม่จำเป็นต้องเห็นว่าพระองค์ท่าน<o></o> เคยบำเพ็ญพระราชกรณียกิจไว้แค่ไหน<o></o> ณ แห่งหนตำบลใดบ้าง<o></o> ใครๆก็ต้องเชื่อว่าพระองค์ท่าน<o></o> มีพระชนม์ชีพเพื่อคนอื่นมานานแสนนาน<o></o> กระแสดึงดูดให้รู้สึกรัก<o></o> รู้สึกศรัทธาท่วมท้น<o></o> มิได้หลั่งมาจากฟากสวรรค์<o></o> มิใช่ลอยมาจากการที่มนุษย์อุปโลกน์มนุษย์ด้วยกัน<o></o> ให้เป็นองค์สมมติเทพ<o></o> ทว่าเป็นผลธรรมดามาจากปัจจุบันกรรม<o></o> อันสมควรแก่การเป็นกษัตริย์อย่างแท้จริงของพระองค์ท่านเอง<o></o> ถ้าใครศึกษาพระไตรปิฎกแล้วสงสัยว่า<o></o> การบำเพ็ญบารมีแห่งมหาโพธิสัตว์<o></o> ผู้ควรแก่การบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ<o></o> ในอนาคตกาลเป็นอย่างไร<o></o> ให้มาดูมหาทานแห่งองค์รัชกาลที่ ๙ นี้ แล้วจะเข้าใจ <o></o> และจะเชื่อว่าพระโพธิสัตว์มิใช่เป็นเพียงตำนานเล่าขาน<o></o> แต่มีจริง<o></o> และพวกเราก็เกิดทันยุคของพระองค์ท่าน!<o></o> รากอันเป็นที่สุดของกษัตริย์คือ<o></o> เมตตาการุณยจิตอันปราศจากประมาณ<o></o> พูดให้ง่ายคือชอบช่วยคนไม่เลือกหน้า<o></o> โลกจึงมีตำแหน่งกษัตริย์เป็นฐานหนุนให้ได้ทำตามปรารถนา<o></o> และปัจจุบันระบอบการปกครองของไทย<o></o> ก็เอื้ออำนวยให้กษัตริย์ออกโปรดราษฎรได้เต็มที่<o></o> เนื่องจากมีรัฐบาลและข้าราชการดูแลบริหารบ้านเมือง<o></o> ตัดสินคดีความต่างๆให้<o></o> โดยพระองค์ไม่ต้องลำบากพระวรกาย<o></o> ไม่ต้องลำบากพระทัยเหมือนกษัตริย์ยุคโบราณ<o></o> จึงกล่าวได้ว่าประเทศเราในกาลนี้เปิดโอกาสให้ผู้มีบุญญาธิการสูงสุด<o></o> <o></o> ได้แสดงกำลังพระทัยว่ายิ่งใหญ่สมพระเกียรติยศเพียงใด<o></o> กำลังพระทัยของในหลวงร.๙<o></o> ยิ่งใหญ่เพียงไหน?<o></o> ตลอดพระชนม์ชีพ<o></o> ไม่มีใครขอให้พระองค์ท่านบุกน้ำลุยดิน<o></o> แต่ท่านก็บุก<o></o> ตลอดพระชนม์ชีพ<o></o> ไม่มีใครขอให้พระองค์ท่าน<o></o> สละทรัพย์ส่วนพระองค์ให้พสกนิกร<o></o> แต่ท่านก็สละ<o></o> ตลอดพระชนม์ชีพ<o></o> ไม่มีใครขอให้พระองค์ท่านอุทิศเวลาและกำลังพระปัญญา<o></o> สร้างสรรค์นวัตกรรมแก้ทุกข์ชิ้นใหม่ๆ<o></o> แต่ท่านก็อุทิศ<o></o> บุกมาแค่ไหน<o></o> สละมาแค่ไหน<o></o> อุทิศมาแค่ไหน<o></o> มีใครรู้จริงๆบ้าง?<o></o> นอกจากชมพระบารมีด้วยตาเปล่า<o></o> แล้วขนลุกซ่านด้วยความยำเกรง<o></o> คงไม่มีใครทราบเท่าองค์ท่านเองว่าทรง<o></o> ‘ให้’<o></o> มาประมาณใดแน่<o></o> หากคุณเคยเห็นคนอนาถาวัยเด็กวัยชรา<o></o> เรือนร้อย<o></o> เรือนพัน<o></o> หรือเรือนหมื่นกับตา<o></o> คุณรู้<o></o> คุณเข้าใจ คุณเวทนา<o></o> คุณปรารถนาจะช่วยเหลือพวกเขา<o></o> และคุณลงมือช่วยเหลือพวกเขาได้ระดับหนึ่ง<o></o> ความสุขความอบอุ่นจะเอ่อล้นอก<o></o> ตามระดับกำลังใจขนาดนั้นๆของคุณ<o></o> แต่ยากนักที่คุณจะเห็น<o></o> เข้าใจ <o></o> <o></o> และประมาณถูก<o></o> ว่าคนเรือนล้านมีขนาดไหน<o></o> กับทั้งยากกว่านั้น<o></o> ที่จะมีกำลังใจใหญ่หลวงขนาดคิดอุทิศทั้งชีวิต<o></o> เพื่อช่วยคนเรือนล้านทั้งหมดนั้น<o></o> ให้ได้อยู่ดีกินดี<o></o> มีความเห็นชอบ<o></o> มีกรรมขาวเป็นที่พึ่งแก่ตนอย่างถาวร<o></o> พระจิตแห่งในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านรู้เห็นว่าประมาณคนเรือนล้านคืออะไร<o></o> แค่ไหน <o></o> และพระจิตแห่งองค์ท่านก็ใหญ่พอ<o></o> ที่จะทรงปรารถนาช่วยคนลำบากยากจนหลายสิบล้าน<o></o> ในพระราชอาณาจักรของท่านให้หมด<o></o> โดยปราศจากเงื่อนไขแลกเปลี่ยนหรือปรารถนาสิ่งตอบแทนอื่นใด<o></o> นั่นมิใช่สิ่งที่คนธรรมดา<o></o> หรือแม้ราชามหากษัตริย์ทั่วไปจะเข้าใจได้ คนดีๆตามท้องถนนธรรมดา<o></o> อาจให้อภัยใครต่อใครไม่เลือกหน้า<o></o> น้ำใจเช่นนั้น<o></o> คือเมตตาระดับที่ทำให้คนสัมผัสแล้วพลอยสงบตาม<o></o> สะกดความคิดร้ายจองเวรของศัตรูได้<o></o> คนแสนดีตามสถานสงเคราะห์<o></o> อาจค้อมหลังก้มหน้าช่วยเหลือผู้ตกยากมากมาย<o></o> น้ำใจเช่นนั้นคือเมตตาระดับที่เหนี่ยวนำคนใกล้ชิดให้เลื่อมใสศรัทธา<o></o> และอาจเปลี่ยนศัตรูมาเป็นมิตรได้<o></o> ประมุขหรือผู้ปกครองบ้านเมือง<o></o> อาจมีใจผูกพันกับการคิด<o></o> แต่จะช่วยคนทั้งประเทศให้กินดีมีสุขและรอดพ้นจากหายนภัย<o></o> น้ำใจเช่นนั้นคือเมตตาระดับที่ก่อให้เกิดแรงปีติมากพอจะยอมตายแทน<o></o> และอาจเป็นแม้ที่รักของศัตรูได้<o></o> เมตตาที่ก่อผลกระทบกับผู้พบเจอได้นั้น<o></o> ต้องเป็นเมตตาที่ออกมาจากใจจริง<o></o> คือคิดดีกับคนอื่นจริง<o></o> คิดให้คนอื่นจริง <o></o> <o></o> ตลอดจนพูดและทำเพื่อคนอื่นจริง<o></o> หาไม่แล้ว<o></o> แม้สร้างฉากพ่อพระแม่พระให้แนบเนียนอย่างไร<o></o> รัศมีเมตตาก็ไม่บริสุทธิ์<o></o> ไร้อิทธิพลพอจะจูงให้ใจผู้อื่นพลอยสงบตาม<o></o> อย่าว่าแต่จะให้เลื่อมใสศิโรราบหรือยอมตายแทน<o></o> นอกจากพระอรหันต์ผู้สงเคราะห์สัตว์โลกด้วยน้ำจิตบริสุทธิ์หมดจด<o></o> ก็เหลือแต่พระมหาโพธิสัตว์เจ้า<o></o> ที่ทรงมีน้ำพระทัยครุวนาดั่งมหาสมุทรใหญ่เท่านั้นที่ปานกัน<o></o> เมื่อทรงยอมอุทิศชีวิตให้ปวงชน<o></o> ประกายเมตตาก็ย่อมเหนี่ยวนำใครต่อใคร<o></o> ให้พร้อมพลีชีพเพื่อพระองค์ท่านเช่นกัน<o></o> การที่พระราชาไทยองค์ปัจจุบันทรงเป็นกษัตริย์โดยปัจจุบันกรรม<o></o> มิใช่เพียงกษัตริย์เพราะอดีตกรรมส่งมากำเนิด<o></o> เช่นนี้เท่ากับพระองค์ท่านทรงช่วยให้เราตอบลูกหลานได้ง่ายขึ้น<o></o> ว่าทำไมไทยเราจึงยังควรเทิดทูนระบบกษัตริย์<o></o> ใครจะอยู่ในหัวใจคนยุคนี้ได้<o></o> ก็ต้องดูแบบอย่างจากกษัตริย์ไทยพระองค์นี้แหละ<o></o> ภาพเดียวแทนพันคำ<o></o> ในหลวงรัชกาลที่ ๙ <o></o> ท่านเป็นกษัตริย์ให้ดู<o></o> ว่ากษัตริย์เขาเป็นกันอย่างนี้<o></o> แค่ให้เด็กๆของเราเห็นจากโทรทัศน์<o></o> ว่าพระองค์ทรงทำอะไรให้อะไรกับพสกนิกรบ้าง<o></o> เด็กๆก็จะเงียบเสียงแห่งความสงสัย<o></o> และหันหน้าไปบอกต่อกันรุ่นต่อรุ่นว่า<o></o> พระมหากษัตริย์คือใครในแผ่นดิน<o></o> และเหตุใดจึงไม่น่าแปลกใจ<o></o> หากทั้งโลกจะไม่ลืมพระองค์ไปจนสิ้นกาลนาน<o></o> <o></o> เป็นหนึ่งในโลกไม่ใช่เพราะชนะสิบทิศ<o></o> ด้วยแสนยานุภาพเกรียงไกร<o></o> แต่ด้วยหนึ่งใจและสองมือ<o></o> ของผู้สมควรเป็นกษัตริย์โดยธรรม <o></o> ดังตฤณ<o></o> จากหนังสือคิดจากความว่าง เล่ม ๒ ขอขอบคุณ FW เมล์จากคุณ sirikan thongkundam เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O< font O<> ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O< font O<> ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com<O< p O<> <O>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา </O> <o></o> </O<></O<></O<>
ผมฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย http://palungjit.org/forums/[.232/FONT]พระนารายอวตาร-ปางสำคัญที่-10-กัลกยาวตาร-ยุคพระศรีอารยะเมตไตรย์-และวันพิพากษาฯ-258424.html และภาพตามที่แนบนี้ครับ <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงเป็นร่วมเงายามทุกข์ร้อน ทรงเป็นไออุ่นยามเหน็บหนาว ทรงเป็นน้ำทิพย์ยามแห้งแล้ง ทรงเป็นแสงแห่งธรรมสำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วไทย ขอพระองค์ทรงพระเจริญ