เรื่องเด่น ควีนสวีเดน-พระองค์ภา ทรงเห็นพ้อง ทุกคนต้องช่วยเด็กถูกละเมิดสิทธิจริงจัง

ควีนสวีเดน-พระองค์ภา ทรงเห็นพ้อง ทุกคนต้องช่วยเด็กถูกละเมิดสิทธิจริงจัง


<SCRIPT type=text/javascript> var omitformtags=["input", "textarea", "select"]; //var message="You may not right mouse click this page."; /* Disable Right Click */ if (navigator.appName == 'Microsoft Internet Explorer'){ function NOclickIE(e) { if (event.button == 2 || event.button == 3) { alert(message); return false; } return true; } document.onmousedown=NOclickIE; document.onmouseup=NOclickIE; window.onmousedown=NOclickIE; window.onmouseup=NOclickIE; } else { function NOclickNN(e){ if (document.layers||document.getElementById&&!document.all){ if (e.which==2||e.which==3){ //alert(message); return false; } } } if (document.layers){ document.captureEvents(Event.MOUSEDOWN); document.onmousedown=NOclickNN; } document.oncontextmenu=new Function("return false") } /* ห้ามคลุมดำ */ function disableselect(e){ for (i = 0; i < omitformtags.length; i++) if (omitformtags==(e.target.tagName.toLowerCase())) return; return false } function reEnable(){ return true; } function noSelect(){ if (typeof document.onselectstart!="undefined"){ document.onselectstart=new Function ("return false") if (document.getElementsByTagName){ tags=document.getElementsByTagName('*') for (j = 0; j < tags.length; j++){ for (i = 0; i < omitformtags.length; i++) if (tags[j].tagName.toLowerCase()==omitformtags){ tags[j].onselectstart=function(){ document.onselectstart=new Function ('return true') } tags[j].onmouseup=function(){ document.onselectstart=new Function ('return false') } } } } } else{ document.onmousedown=disableselect document.onmouseup=reEnable } } window.onload=noSelect; </SCRIPT>

สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี ในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ หรือ บ้านพักฉุกเฉิน ได้จัดการเสวนาในหัวข้อ "กระบวนการยุติธรรมและการคุ้มครองผู้หญิงและเด็กที่ประสบปัญหาความรุนแรง" ในโอกาสนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ แห่งราชอาณาจักรสวีเดน และ สมเด็จพระราชินีซิลเวีย

ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยเป็นการส่วนพระองค์ ระหว่างวันที่ 5-12 ก.พ. ได้เสด็จฯมาร่วมงาน โดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชา ทินัดดามาตุ และ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เฝ้ารับเสด็จ พร้อมประทับฟังตลอดการเสวนา ที่โรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ เมื่อเร็วๆนี้

ในวโรกาสนี้ สมเด็จพระราชินีซิลเวีย ได้พระราชทานคำปาฐกแก่ผู้เข้าร่วมเสวนาเกี่ยวกับปัญหาเด็กและผู้หญิงที่ถูกกระทำรุนแรง ตอนหนึ่งว่า ทุกวันนี้ยังคงมีปัญหาเด็กที่ตกเป็นเหยื่อจากความรุนแรง เด็กที่ติดเชื้อเอชไอวี เด็กที่อยู่ข้าง ถนนทำงานเพื่อความอยู่รอด และเด็กที่ถูกทอดทิ้งไร้คนที่ เหลียวแล ความท้าทายของเราคือ ทุกๆรัฐบาลที่ลงนามในอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับสิทธิเด็ก ต้องดำเนินการต่างๆ ไม่ใช่แค่ผูกพันบนแผ่นกระดาษ ความวิตก กังวลของพระองค์คือ การขับเคลื่อนการทำงานนั้นยังไม่เร็วพอ เราอาจจะบอกกันว่าต้องอดทน เพราะการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา แต่คำถามคือ เพราะเด็กนั้นถูกละเมิดกันทุกวัน ทำไมเราต้องยอมให้ค่อยๆเป็นค่อยไป ทั้งที่เราสามารถที่จะเอื้อมไปเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กเหล่านั้นให้ดีขึ้นโดยทันที อีกทั้งทรงหวังว่า พ่อแม่, ครู และผู้รับผิดชอบ รวมทั้งเราทุกคนต้องช่วยกัน

จากนั้น พระองค์ภา ได้ประทานคำปาฐกในเรื่องเดียวกันว่า เมื่อ 23 ปีที่แล้ว ครั้งยังทรงพระเยาว์ได้มีโอกาสเสด็จมาเยี่ยมสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีเป็นครั้งแรกพร้อมกับพระมารดา การเสด็จในครั้งนั้นได้ทำ ให้พระองค์ซึมซับคุณค่าของการให้ ความห่วงใยและความเอาใจใส่ต่อกลุ่มที่มีความเสี่ยง เมื่อพระองค์ทรงได้เป็นพนักงานอัยการ ทรงได้ตระหนักว่า แม้งานด้านสังคมสงเคราะห์จะมีความสำคัญมากเพียงใด แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้หญิงและเด็กที่ตกเป็นเหยื่อของการกระทำด้วยความรุนแรงได้อย่างเพียงพอ กระบวนการยุติธรรมต้องมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินกระบวนการยุติธรรมที่ต้องมีความละเอียดอ่อนต่อมิติความแตกต่างทางเพศและเป็นมิตรต่อผู้หญิงและเด็กที่เป็นผู้เสียหาย

พระองค์ภาทรงกล่าวว่า สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯได้รับความร่วมมืออย่างดีจากมูลนิธิเด็กโลก ซึ่งสมเด็จพระราชินีซิลเวียทรงก่อตั้งและทรงเป็นองค์ประธาน โดยเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ปี 2547 สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดนได้เสด็จฯ มาร่วมพิธีลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างทั้ง 2 องค์กร และยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกราช-วงศ์ของทั้ง 2 ประเทศที่มีพระปณิธานเดียวกันในความพยายามที่จะปรับปรุงสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้หญิงและเด็กให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ทรงกล่าวในตอนท้ายว่า เราต้องสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพื่อจัดการกับความท้าทายใหม่ๆ เส้นทางที่ไปสู่อนาคตนั้นย่อมเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของเราทุกคน หากรวมกันเราจะสามารถทำให้วิสัยทัศน์ดังกล่าวกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้.



ไทยรัฐออนไลน์
http://www.thairath.co.th/content/life/148790

 

เห็นด้วยอีกหนึ่งเสียง ขอสนับสนุนค่ะ

 

สองพระปณิธานมุ่งมั่นลดความรุนแรงเด็ก-สตรี



ในงานเสวนา เรื่อง “กระบวนการยุติธรรมกับการคุ้มครองผู้หญิงและเด็กที่ถูกกระทำรุนแรง” โดย สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี ในพระอุปถัมภ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ, ร่วมกับ สำนักงานอัยการสูงสุด และกระทรวงยุติธรรม จัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้รับพระกรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ และ สมเด็จพระราชินีซิลเวียแห่งสวีเดน ทรงเข้าร่วมงานเสวนาดังกล่าว โดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เฝ้ารับเสด็จ ณ ห้องเลิศวนาลัยบอลรูม โรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ

สมเด็จพระราชินีซิลเวียแห่งสวีเดน พระราชทานคำปาฐกแก่ผู้เข้าร่วมเสวนา ซึ่งเนื้อหาทรงเน้นสิทธิหลักคือ การนำอนุสัญญาไปปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างการตระหนักรับรู้เกี่ยวกับสิทธิเด็กทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และทรงยกตัวอย่างเมื่อครั้งเสด็จฯ เยือนประเทศเยอรมนี เพื่อทรงร่วมงานเฉลิมฉลองครบ 20 ปี อนุสัญญาสิทธิเด็ก จัดให้มีการตอบคำถามเกี่ยวกับสิทธิเด็ก ระหว่างเด็กกับนักการเมือง สุดท้ายกิจกรรมนำไปสู่ข้อสรุปสำหรับนักการเมืองว่า ต้องทำการบ้านในเรื่องสิทธิเด็กอีกมาก สุดท้ายทรงเน้นย้ำว่า การดูแลเด็กต้องใช้ทั้งความรู้และความมุ่งมั่น แม้มีสิ่งดีบังเกิดขึ้นมากมาย แต่ยังขับเคลื่อนไม่รวดเร็วพอ เด็กถูกละเมิดทุกวัน ทำไมจึงยอมให้ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ทั้งที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กให้ดีขึ้นได้ในทันที

ในโอกาสเดียวกัน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ประทานคำปาฐกความว่า งานด้านสังคม สงเคราะห์แม้มีความสำคัญมากเพียงใด ก็ไม่อาจช่วยเหลือผู้หญิงและเด็ก ที่ตกเป็นเหยื่อของการกระทำความรุนแรงได้เพียงพอ จึงต้องดำเนินกระบวนการยุติธรรมควบคู่ ด้วยมาตรการละเอียดอ่อนต่อมิติความแตกต่างทางเพศ จากกรณีบ้านพักฉุกเฉินมี 2 ประการสำคัญคือ ผู้เสียหายต้องสอบสวนและพิจารณาคดีซ้ำหลายครั้ง ส่งผลกระทบซ้ำเติมทางร่างกายและจิตใจ แม้เจ้าหน้าที่มิได้พิจารณาให้เกิดขึ้น ประการที่สองพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2551 ผลบังคับใช้ยังไม่เต็มที่ เพราะผู้หญิงยังอับอาย หวาดกลัวหลังถูกทำร้าย จึงไม่สมัครใจหรือให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินคดี

“ดังนั้นควรพัฒนากฎหมายและส่งเสริมมาตรการคุ้มครองครอบคลุม ทุกขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมทางอาญา รวมทั้งต้องจัดระบบให้การคุ้มครองพยานและผู้เสียหาย หวังว่าการลงนามบันทึกข้อตกลง ระหว่างสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ กับ สำนักงานอัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2554 ซึ่งปรับปรุงให้เข้าถึงความช่วยเหลือทางกฎหมาย และคุ้มครองแก่ผู้หญิงและเด็กครอบคลุมยิ่งขึ้นจะผสานความละเอียดอ่อนทางเพศและการดำเนินคดีที่เป็นมิตรต่อผู้หญิงและเด็กเข้ากับวิธีพิจารณาคดีอาญามากยิ่งขึ้น”

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงมีรับสั่งว่า สถานการณ์อันเลวร้ายของผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรง ยังดำเนินต่อไปอย่างย่ำแย่ตราบเท่าที่สิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพวกเขา ยังตกอยู่ในความเสี่ยง พวกเราต้องร่วมกันเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม กฎหมายภายใน และประมวลกฎหมายอาญา สร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพื่อจัดการกับความท้าทายใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ยิ่งขึ้น เส้นทางที่ไปสู่อนาคตนั้นย่อมเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของเราทุกคน หากร่วมกันจะสามารถทำให้วิสัยทัศน์ดังกล่าวกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้.

----------
เดลินิวส์ออนไลน์
Daily News Online