ช่วยผมด้วยครับ ผมเป็นอะไร

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย jamebond007, 2 มีนาคม 2013.

  1. jamebond007

    jamebond007 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +15
    ทางจิตแพทย์เรียกมันว่าโรคย้ำคิด ผมเป็นมาตั้งแต่อายุ 13 ปี ตอนนี้ผมอายุ 32 แล้ว เป็น ๆ หาย ๆ ผมควรทำอย่างไรดี มันทรมานมาก
    อาการคือ
    1.มันจะมีความคิด แปลก ๆ ที่ไม่ดีเกิดขึ้น คิดในเรื่องร้าย ๆ คิดจะทำร้ายคนรอบข้าง คิดลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ฯลฯ
    2. กลัวความคิด กลัวว่ามันจะเป็นจริง
    3. บัีงคับความคิดไม่ได้ ทั้งที่ตัวเ้ราเองรู้มันมันไม่ควร รู้ดี รู้ชั่วเสมอ
    ตอนแรกผมคิดว่าไม่มีใครเป็นเหมือนผม พอมาหาข้อมูลจาก google มีเยอะมากเลยที่เป็นเหมือนผม โรคย้ำคิดย้ำทำ - GotoKnow

    พอมีธรรมะ วิธีปฎิบัติเพื่อช่วยผมได้มั้ยครับ
     
  2. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ปล่อยให้คิดไปครับไม่เป็นไร ไม่มีอันตรายหรอกครับ เพราะเป็นมาตั้งแต่อายุ 13 ก็ยังปลอดภัยมาจนทุกวันนี้ ..

    ในทางธรรมะ มีทางแก้ไขคือเจริญสติให้รู้ทันความคิด พิจารณาโทษของการปล่อยใจคิดเลอะเทอะ..ลองทำดูครับ
     
  3. jamebond007

    jamebond007 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +15
    ขอบคุณท่านนะครับ ผมพึ่งมารู้จาก google วันนี้เองครับ ว่าไม่ได้มีผมคนเดียวที่มีความคิดประหลาดพิศดารแบบนี้ เก็บมาตั้ง 20 กว่าปี ว่าตัวเองเกิดมาไม่สมบูรณ์ทางจิตใจ เป็นคนชั่ว แต่ทุกความคิดรู้เสมอนะครับ ว่าคิดชั่ว คิดไม่ดี แต่มันก็คิดไปเอง จิตมนุษย์ ซับซ้อนจริง ๆ
    พื้นฐานทางครอบครัวผมนะครับ พ่อแม่หย่าร้างตั้งแต่ผมอายุ 10 ขวบ เหตุการร้าย ๆ ในครอบครัวรับรู้ทุกอย่าง ออกจากบ้าน เพื่อหาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่ 12 เป็นเด็กปั้มบ้าง เป็นเด็กในโรงงานบ้าง ตอนนั้นได้เงินเดือนน้อยมากเพียงเดือนละ 1300 บาท แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะไม่มีใครเลย ปัญหาและสาเหตุปัจจัยแห่งการคิดประหลาด น่าจะมาจากการอยู่ลำพังแต่เยาวัย และความกลัว รู้อะไรถูกผิด แต่ระงับความคิดเลว ๆ ร้าย ๆ ไม่ได้ ไม่รู้เป็นอะไร ไม่เข้าใจ
     
  4. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ท่านผู้ถามพึงเลิกกังวลเถิดครับ ไม่ใช่ท่านคนเดียวหรอกที่เป็น แม้คนปกติที่ท่านพบเห็นอยู่ก็มีโอกาสคิดเช่นนี้ได้ในบางครั้ง เพียงแต่ใครจะบ่อยมากน้อยเพียงไร และเขาจะนำมาบอกกล่าวแสดงให้ทราบหรือไม่เท่านั้น...การที่ท่านผู้ถามสามารถ เข้ามาถามในเว็บนี้ได้ แสดงว่าท่านมีภาวะ"ปรกติ"พอสมควร..ท่านไม่ได้เป็นอะไรที่ผิดปกติอย่างที่กังวลหรอกครับ..

    พึงทราบว่า เพราะร่างกายและจิตใจ ต่างเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย..จึงไม่อยู่ในอำนาจ"ที่ใครจะควบคุมบังคับบัญชาเอาได้"อย่างแท้จริง..ข้อที่ท่านผู้ถามเกิดความคิดร้ายๆขึ้นนั้น มาด้วยปัจจัยต่างๆเช่น..

    เป็นผลจากบาปกรรมเก่า๑..เป็นความสั่งสมอุนิสัยในทางคิดร้ายมาแต่ปางก่อน๑ เป็นผู้มีสติอ่อน๑... ฯลฯ..

    เมื่อท่านมีโอกาส พึงเจริญกุศล มีการถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ สมาทานประพฤติศีล ให้ทาน ใส่บาตร สวดมนตร์ หรือบุญอื่นๆ ก็พึงน้อมอธิษฐานดังนี้..

    "ด้วยผลแห่งบุญนี้ๆ ขอให้ข้าพเจ้ามีจิตเป็นปรกติ ปราศจากความคิดที่เลวร้ายทั้งมวลโดยรวดเร็ว เมื่อใดเกิดความคิดฟุ้งซ่าน ขอให้ข้าพเจ้ารู้สึกตัวและคิดสมาทานศีล...หรือคิดถึงพระพุทธคุณ(อิติปิโสฯ) ขึ้นมาแทนที่ได้โดยฉับพลัน ..ขอความบริบูรณ์แห่งสติพึงปรากฏแก่ข้าพเจ้าเป็นปรกติต่อเนื่องตลอดเวลา"

    สิ่งต่อไปนี้ ใคร่จะขอให้ท่านจขกท ทดลองทำเพิ่มเติมดูครับ คือ ให้สั่งจิตเนืองในใจดังนี้ว่า..

    .."ข้าพเจ้ามีร่างกายแลจิตใจที่สมบูรณ์และปรกติ ข้าพเจ้าจะคิดถึงแต่สิ่งที่ดีที่เป็นบุญเท่านั้น"
    คิดซ้ำย้ำๆ วันละหลายครั้ง ทั้งก่อนนอน ตื่นนอน ก่อนและหลังอาหาร และระหว่างกลางวัน เมื่อใดนึกได้ก็คิดย้ำไป..


    นี่อาจช่วยได้ระดับหนึ่ง ลองดูครับ


    เป็นกำลังใจให้นะครับ ขอให้หายเด็ดขาดไวๆครับ..
     
  5. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,061
    เพียงแค่คิด แต่ยังไม่ได้กระทำอะไรใดๆ ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ

    ปล่อยให้มันเป็นไปตามนั้น สิ่งที่คุณddmanกรุณาแนะนำมา

    ก็ล้วนครบถ้วนในหนทางที่จะแก้ไขผ่อนคลายในเรื่องนี้ค่ะ

    ขอเป็นกำลังใจ เอาใจช่วยด้วยคนค่ะ

    ขอให้เปลี่ยนเรื่องคิด ไปคิดเรื่องอื่นดูบ้างนะคะ

    ขอให้มีความภูมิใจในตัวเอง คุณผ่านการรับรู้การสู้ชีวิตมาได้ถึงทุกวันนี้

    ไม่ธรรมดาเลย คุณเก่งมาก ขอชื่นชมค่ะ
     
  6. jamebond007

    jamebond007 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +15
    ขอบคุณท่าน ddman และ makigochan ผมสบายใจขึ้นมาก เมื่อได้อ่านวิธีปฏิบัติตน จากความคิดไม่ดีนี้ ผมจะทำบุญ ทำกุศล ให้มาก แล้วอธิษฐาน ให้่พ้นจากความคิดไม่ดีนี้ ไปเรื่อย ๆ ขอบคุณท่านมากครับ
     
  7. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,061
    ค่ะ ยินดีค่ะ ที่คุณสบายใจขึ้น


    ขอให้พบแต่สิ่งดีๆในวันใหม่ทุกๆวัน



    วันนี้ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
     
  8. ทะเล้น

    ทะเล้น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +208
    - ทางแก้ของคุณคือต้องเข้าสู่ความมีใจปารถนาดีต่อผู้อื่น มีใจเอื้ออนุเคราะห์แก่ผู้อื่น มีใจยินดีเมื่อผู้อื่นพ้นทุกข์ประสบสุจยินดี มีใจกลางๆไม่หยิบจับเอาทั้งสิ่งที่พอใจยินดีและไม่พอใจยินดีมาตั้งเป็นอารมณ์ของจิตจนขาดสติสัมปชัญญะ คือ ความระลึกรู้ รู้ตัวทั่วพร้อม

    - พึงเจริญสติให้มาก เมื่อรู้ตัวว่าคิดก็ให้รู้ว่านี่เป็นความคิดปรุงแต่งจิตสืบต่อให้เสพย์อารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง เสวยไปใน สุข ทุกข์ เฉยๆ เท่านั้น ไม่มีตัวตน บุคคลใด ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
    - มันแค่ความคิดปรุงแต่งสมมติไปเท่านั้น อย่าไป "ติดข้องใจ หรือ ขัดเคืองใจ" ใดๆในความคิดที่เกิดแต่การปรุงแต่งไรๆเหล่านั้น
    - พึงระลึกเจริญในใจว่า เราจะละความตรึก นึก คิดปรุงแต่งใดๆเหล่านี้ไปเสีย เราจักไม่ให้ความสำคัญแก่ใจไรๆกับมัน อีกเพราะมันเป็นแค่ความคิดจากการรับรู้ใน รูป เสียง กลิ่น รส การกระทบสัมผัสทางกาย และ การรับรู้ด้วยใจ หาประโยชน์ใดๆไม่ได้
    - หายใจเข้าลึกๆจนสุดใจ ระลึก "พุท" หายใจออกยาวๆจนสุดใจ ระลึก "โธ" มีความวางเฉย คือ วางใจไว้กลางๆ โดยระลึกว่า ติดข้องใจสิ่งใดๆไปไม่ว่าจะเป็นความรู้อารมณ์หรือการกระทบสัมผัสใดๆทาง หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆนอกจากความทุกข์
    - หากไม่หายพึงระลึกถึงความสุขจากการว่างจากความคิดปรุงแต่งทั้งพอใจยินดีและไม่พอใจยินดีนั้น
    - หากไม่หายให้พึงเอาจิตไปจดจ่อรู้แค่ความรู้สึกที่ไม่ใช่ความคิดนะครับ เช่นมันอัดใจ กรีดใจ หวีดใจ หวิวใจ ซ่านใจ ปิติอิ่มเอมใจ สงบ สุข นิ่ง เบาสบายหรือหนักอึ้ง คับแค่นขุ่นมัวหมอง โดยไม่ต้องไปให้ความหมายใดๆกับมัน

    - จากนั้น เวลาว่างๆ ก็นั่งสมาธิพึงบริกรรมพุทโธระลึกถึงคุณของ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ พ่อ-แม่-บุพการี ครูบาอาจารย์ที่ชี้แนะสั่งสอนให้รู้ในวิชาทั้งทางโลกและทางธรรม

    - เจริญเมตตาให้มากๆ โดยพึงเจริญให้ใจ
    - เว้นจากการผูกแค้น
    - เว้นจากการผูกใจพยาบาท
    - เว้นจากการคืดเบียดเบียนทำร้ายผู้อื่น
    - พึงเจริญใจให้ปารถนาดีอยากให้ผู้อื่นเป็นสุข พ้นจากความทุกข์ประสบสุขยินดี
    - พึงเจริญจิตขึ้นเอื้ออนุเคราะห์ผลแห่งเมตตาทานใดๆนั้นๆอุทิศให้แก่เขาทั้งหลายด้วยใจปกติสุขยินดีที่เห็นผู้อื่นเป็นสุขไม่มีทุกข์
    - เจริญแผ่ไปให้ทั้ง คน และ สัตว์ใดๆ ไม่ว่าจะเกลียดหรือรัก พึงระลึกในใจว่าเราให้ความรักความปารถนาดีเอื้ออนุเคราะห์ให้คนที่เรารักพอใจยินดีอยจ่างไร เราก็จักให้แก่บุคคลอื่นทั้งที่เกลียดหรือไม่รู้จักใดๆอย่างนั้น ด้วยความเสมอกันให้ครบทั่วพร้อม นี่เป็นแนวทางปฏิบัติในเมตตาเจโตวิมุติที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้นะครับนี่เพียงส่วนเล็กน้อยเท่านั้นครับ ผมยกเอาในส่วนที่ปฏิบัติง่ายให้ผลง่ายไม่จำกัดกาลมาให้คุณเจริญปฏิบัติ

    - เจริญปฏิบัติดังนี้ให้ได้นะครับแล้วคุณจะไม่มีความทุกข์ ไม่มีความคิดมุ่งร้ายต่อใครอีก มีแต่กุศลจิตแน่นอนครับ

    - สุดท้ายก็ขอให้คุณปฏิบัติให้ได้นะครับบุญใดที่ผมได้ปฏิบัติธรรมมา ได้เผยแพร่พระพุทธศาสนามาแล้ว ขอบุญนั้นส่งผลให้คุณและคนที่มีอาการเหมือนคุณทั้งหลายได้หายจากอาการป่วยนี้นะครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 มีนาคม 2013
  9. เพียรกมล

    เพียรกมล สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +8
    อายจังที่จะบอก แต่ถ้ามันเป็นกำลังใจ หรือว่าช่วยเหลือก็บอกไปเลยดีกว่า
    เราเองก็เคยเป็นค่ะ ปัจจุบันเราหายแล้วค่ะ เราทานยารักษาน่ะค่ะ คุณต้องไปโรงพยาบาลปรึกษาจิตแพทย์นะคะเรื่องแบบนี้ พระพุทธศาสนาก็ช่วยได้อีกทางหนึ่ง บางทีมันอยู่สมดุลสารในสมอง
    เมื่อก่อนเราก็เป็นค่ะ มีอาการกลัวโน่นกลัวนี่ ย้ำคิดย้ำทำ คิดเรื่องร้ายๆ เราจำได้ว่ามันทรมานมากที่สุดเลยล่ะค่ะ เราดีใจที่ผ่านพ้นมันมาได้ ยังคิดอยู่ว่าเราไปทำเวรกรรมอะไรไว้ถึงเป็นแบบนั้น ทุกวันนี้เราทำบุญ อธิษฐานต่างๆกำลังใจเราก็ดีขึ้น
    เป็นกำลังใจให้ต่อสู้ฝ่าฟันมันไปให้ได้นะคะ กลับมาเป็นคนปรกติ จิตใจแจ่มใสดังเดิืม
     
  10. เพียรกมล

    เพียรกมล สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +8
    ก่อนที่เราจะหายปรกติดีเราก็ทดลองยามาหลายตัวนะคะ จนหมอมาตกลงที่ยาตัวที่รักษาเราหายกว่าเดิม เป็นกำลังใจให้ค่ะ เข้มแข็งๆไว้ ให้คิดว่าหมอพยาบาลเป็นผู้เมตตาสามารถรักษาเราหายได้
     
  11. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,500
    หลาย ๆ ท่านกล่าวแนะไว้ได้ดียิ่งแล้ว สาธุ... ขออนุโมทนาด้วยนะครับ

    จิตของเราที่พึงไว้ซึ่งบุญ กุศล อยู่เสมอ ๆ ธรรม ย่อมที่จะรักษาคุ้มครองครับ
    ก็ขอให้ท่านทั้งสอง จงล่วงพ้นแล้วซึ่งความทุกข์ใดๆ ทั้งปวง กระผมขอเป็นกำลังใจให้ครับ สาธุ...
     
  12. birdyloves

    birdyloves Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +40
    ผมขอเป็นกำลังใจให้อีกคนนะครับ คิดไม่ดี มันเป็นแค่ความคิด ตราบไดที่เราไม่ให้มันเป็นความจริง

    ผมเองคิดดีแล้ว แต่โดยความเป็นจริง ที่นี้ไม่มีใครยอมรับ ผมก็ยังชั่งใจตัวเองอีกต่อไป
     
  13. whitejoker

    whitejoker สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +15
    เบาบางลง และ หายได้ครับ

    ผมก็เคยเป็น อย่างที่คุณเล่า แต่ผมไม่รู้ว่าเป็นอะไร
    มันเป็นผลของกรรมในอดีตที่ทำมาอ่ะคับ แล้วเราก็ไม่รู้ แต่จิตมันคิดไปของมันเอง
    วิธีแก้ ตอนนั้นผมปฏิบัติธรรมนะครับ แล้วทางสำนักปฏิบัติธรรม เขาก็แนะนำให้ผม มีสติ พอระลึกได้ว่ามันคิดไม่ดีปั๊บ ไม่ใช่ให้เพลินในการดูมันจนมันหยุดไปเองนะครับ เพราะมันเป็นความคิดไม่ดี อกุศล ต้องหยุดทันที และ ขออโหสิ ทางสำนักสอนผม แต่ผมรวบข้อความ และทำความเข้าใจ แล้วใช้ถ้อยคำของตนเองครับ "ขออภัย ให้อโหสิ ขออโหสิ ให้อภัย" หมายถึง ขออภัยตนเอง ให้อโหสิกรรมตัวเองที่คิดไม่ดี และ ขออโหสิ คือ บอกกับตัวเองว่าให้ ขออโหสิกรรมให้ตัวเอง และ ให้อภัย คือ บอกกับตัวเองว่าให้อภัยตัวเอง อย่างนี้จัดเป็นอภัยทานครับ ทำให้บ่อยๆ จนชิน จนติดเป็นนิสัย จนจิตระลึกได้เมื่อไรว่าความคิดไม่ดีเกิดขึ้น ท่องในใจอย่างนี้ไปจนขึ้นใจ มันจะชินไปเองครับ พอบ่อยเข้าๆ มันจะค่อยๆ จางหายไป จนในที่สุดก้อหายไปครับ ถ้าเราไม่ไปคิดถึงมัน (การคิดถึงมันเป็นการดึงมันกลับมาครับ) เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปคิดถึงมัน หรือไปเอ๊ะ มันอยู่ไหน (ไปหามัน) ถ้าเกิดมันจะเอ๊ะ หรือ มันอยู่ใน พอมีสติได้ ก็ไม่ต้องคิดเลย ปล่อยว่าง แล้วมันจะหายไปเอง ถ้าแรกๆ ยังฝืนๆ มากๆ มันไม่หาย ภายนาจนทนไม่ไหวแล้ว ก็ให้เอาจิตไปคิดเรื่องอื่นครับ เรื่องอะไรก็ได้ที่มันไม่ใช่เรื่องไม่ดีนะครับ เท่านี้มันก็จะจางหายไปเองครับ ผมจำได้ว่าภาวนาจนชิน จนจิตมันยอมรับนะครับ แล้วมันก็หายไปเลย ไม่ต้องฝืนมัน แต่ยอมรับมันแล้วปรับปรุงแก้ไขครับ ขอให้หายจากอาการโดยเร็วนะครับ โมทนาสาธุ ^^
     
  14. whitejoker

    whitejoker สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +15
    พิมพ์ผิดไปหน่อยนึง ตอนที่ ท่องหรือภาวนาในใจว่า "ขออโหสิ ให้อภัย ขออภัย ให้อโหสิ"
    ขออโหสิ คือ ขออโหสิสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือการที่เราลบหลู่ ดุหมิ่น คิดไม่ดี และให้อภัย คือ ให้อภัยตนเอง
    ส่วนคำว่า ขออภัย คือ ขออภัยสิ่งที่เราลบหลู่ ดูหมิ่น คิดไม่ดี และ ให้อโหสิ คือ ให้อโหสิกรรมตนเอง ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...