ถกอาเซียนเริ่มแล้ว! ไทยย้ำไม่เคยลงนามหยุดยิง

ปะทะเดือด! ทหารไทย-กัมพูชา ใกล้ปราสาทพระวิหาร


เกิดเหตุทหารไทยยิงปะทะกับทหารกัมพูชา ตลอดแนวชายแดน ด้าน อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ล่าสุดมีกระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชา ตกมาที่ฝั่งไทยแล้วประมาณ 20 ลูก...

เมื่อเวลาประมาณ 15.45 น. เกิดเหตุปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยกับกัมพูชา บริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร โดยเบื้องต้นขณะนี้ เกิดการปะทะกันตลอดแนวชายแดน ด้าน อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่บริเวณจุดภูมะเขือ ยาวไปถึงบริเวณด้านเขาพระวิหาร

โดยขณะนี้ มีกระสุนจากทางฝ่ายกัมพูชา ตกเข้ามายังฝั่งไทย จำนวนมากกว่า 20 ลูก โดยชาวบ้านที่อยู่ใกล้จุดปะทะ ได้หลบเข้าไปอยู่ในหลุมหลบภัยกันแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหาร ได้เข้าเสริมกำลังในพื้นที่แล้วจำนวนมาก
ด้าน สำนักข่าวเอพี รายงานโดยอ้างคำให้สัมภาษณ์ ของนายเขียว กันทะริด รัฐมนตรีกระทรวงข่าวสารของกัมพูชาของโฆษกรัฐบาลกัมพูชา ว่า เหตุปะทะกันดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ​ 15.00 น. ที่ใกล้บริเวณชายแดนพระวิหาร ซึ่งทั้งไทยและกัมพูชาต่างพยายามอ้างสิทธิเหนือดินแดนดังกล่าว
นอกจาก นี้ นายเขียว อ้างว่าเหตุปะทะกันดังกล่าว เกิดขึ้นเพราะทหารไทยได้รุกล้ำเข้ามายังพื้นที่ของกัมพูชา ทำให้ทางทหารกัมพูชายิงเตือนเพื่อหยุดยั้งการรุกล้ำดังกล่าว พร้อมกันนี้ นายเขียว ยังได้อ้างว่า การยิงของทหารกัมพูชาเป็นการยิงเตือนแบบยิงเตือนขึ้นท้องฟ้า ในขณะที่ทางฝ่ายไทยกลับยิงตอบโต้กลับอีกด้วย





ไทยรัฐออนไลน์

• โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
• 4 กุมภาพันธ์ 2554, 16:20 น.

ปะทะเดือด! ทหารไทย-กัมพูชา ใกล้ปราสาทพระวิหาร - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

นาทีต่อนาที 'ทหารไทย-เขมรปะทะเดือดภูมะเขือ'


ตึงเครียดทหารไทยปะทะเขมรชายแดนภูมะเขือ ใกล้เขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ เบื้องต้นมีรายงานคนไทยเสียชีวิตแล้ว 1 ราย ทหารบาดเจ็บ 2 นาย ...

15.00 น. ชาวบ้านได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจากทางทิศตะวันตกของ ภูมะเขือ ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ

15.15 น. มีรายงานว่าเกิดเหตุปะทะกันระหว่าง ทหารไทยแ ละทหารกัมพูชา บริเวณแนวชายแดนเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ

17.18 น. "มาร์ค" รับทราบรายงานทหารไทย-เขมรปะทะเดือดภูมะเขือ แต่ยังไม่พูดอะไร ด้าน "เทือก" หน้าเครียด ระบุกัมพูชายิงก่อนไทยจำต้องตอบโต้ ส่วนสาเหตุมาจากเรื่องใดก็ยังไม่ทราบ

17.30 น. สื่อมวลชนกัมพูชาอ้างว่าทหารไทยจะรุกเข้าไปในวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ

17.50 น. พ.อ. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพ กล่าวว่า เหตุการณ์การใช้อาวุธสงครามระหว่างทั้งสองฝ่ายได้ยุติลงแล้ว

18.00 น. ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ภูมิซรอล ศรีสะเกษ แจ้งมีชาวบ้านเป็นชายอายุ 50 ปี เสียชีวิต 1 ราย เห็นทหารไทยบาดเจ็บ 2 คน

18.30 น. ผอ.กัณลักษณ์ ศรีสะเกษ แจ้งรับชาวบ้านบาดเจ็บ 1 คน และทหารไทยบาดเจ็บอีก 1 คน เข้ารับการรักษา

18.38 น. นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ เผยชาวบ้านอพยพไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้ว เบื้องต้นพบความสูญเสียแล้ว ส่วนการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ราษฎรเข้าใจดี เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว การสู้รบเป็นการป้องกันอธิปไตยของทั้ง 2 ประเทศ

18.47 น. สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เผยยังไม่ขอพูดทหารกัมพูชาเล็งยิงใส่ชุมชนมากกว่าตามแนวชายแดน ระบุ มทภ.2อยู่ในพื้นที่แล้ว


ไทยรัฐออนไลน์

• โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
• 4 กุมภาพันธ์ 2554, 18:41 น.

นาทีต่อนาที 'ทหารไทย-เขมรปะทะเดือดภูมะเขือ' - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ชาวบ้านตายทหารไทยปะทะเดือดเขมร

​

ยิงปะทะเดือด ทหารไทย-เขมร ใกล้พระวิหาร แม่ทัพภาค 2 ยันทหารเขมรลงมือยิงก่อน ชาวบ้านตาย

เมื่อ วันที่ 4 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ บริเวณด่านตรวจที่ 1 สะพานห้วยดาน ถนนวิหาร หมู่ 12 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งห่างจากปราสาทพระวิหาร 10 กม. ว่า ทหารหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 กองกำลังสุรนารี และกองพลทหารราบที่ 6 กองทัพภาคที่ 2 พร้อมอาวุธครบมือ ยังคงห้ามบุคคลภายนอกและยานพาหนะ ที่ไม่เกี่ยวกับกองทัพไทย ผ่านเข้าออกอย่างเด็ดขาด เนื่องจากทหารในสังกัดกองพลทหารราบที่ 6 กองทัพภาคที่ 2 ได้ทำการซ้อมรบตามยุทธวิธีทหาร ที่บริเวณเทือกเขาพนมดงรักใกล้กับพื้นที่พิพาทเชิงเขาพระวิหาร
โดย ทหารเกณฑ์และทหารอาสา ได้ทำการฝึกขุดหลุมหลบภัยหลังเขตแดน และขุดหลุมดินขนาดใหญ่ เอากระสอบบรรจุทรายมาวางเรียงและใช้ดินที่สั่งซื้อจากเอกชนมาถมทับทำเป็น เนิน พร้อมนำผ้าใบมากางบังแดดกันฝน สร้างเป็นบังเกอร์เรียงรายหลายร้อยหลุม ท่ามกลางสายตาของทหารกัมพูชา ที่ตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่พิพาท ซึ่งเฝ้าดูการฝึกของทหารไทย อย่างให้ความสนใจ ส่วนทหารกรมทหารปืนใหญ่ที่ 6 กองพลทหารราบที่ 6 กองทัพภาคที่ 2 ได้เคลื่อนปืนใหญ่ รุ่นจีเอชเอ็น 45 ขนาด 155 มม. และรุ่นแอลจี 1 เอ็มเค 2 ขนาด 105 มม. เข้าประจำการตามฐานต่างๆ เสริมกับกองทัพรถถังหลักรุ่นเอ็ม 60 เอ 1 และเอ 3 ที่เข้าประจำการก่อนหน้านี้แล้ว
แหล่งข่าวทหารกัมพูชา เปิดเผยว่า ทหารการข่าวกัมพูชา ได้รับคำสั่งให้ติดตามความเคลื่อนไหว ของกองกำลังทหารไทยอย่างใกล้ชิดและรายงานสถานการณ์ให้ทราบทุกครึ่งชั่วโมง เนื่องจากไม่ไว้วางใจว่า จะเป็นการซ้อมรบตามที่กล่าวอ้าง กัมพูชาจึงได้ส่งรถถังหลักรุ่นไทป์ 59 ติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 105 มม. ผลิตในสาธารณรัฐประชาชนจีน เคลื่อนจากศูนย์ฝึกรถถัง จ.กัมปงชนัง มาเสริมทัพรถถังหลักรุ่นที 55 ที่มาประจำการก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมเสริมเครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง รุ่นพีเอฟ 89 ขนาด 80 มม. ให้กับหน่วยเผชิญหน้าแทนอาร์พีจี 7 ด้วย โดยมีภารกิจหลักคือ ป้องกันมิให้ทหารไทย บุกเข้ามาถอนธงชาติกัมพูชา ที่ปักอยู่เหนือซุ้มประตูวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ
ส่วนแหล่งข่าวทหาร ไทย กล่าวว่า กัมพูชาส่งรถถังรุ่นใหม่มาประชิด ก็เพื่อเตรียมพร้อมป้องกันตนเอง เพราะสถานการณ์ในพื้นที่ค่อนข้างคุกรุ่น ต่างฝ่ายต่างระแวงซึ่งกันและกัน ผู้บัญชาการหน่วยทหารในพื้นที่ ก็ยังเจรจากันไม่ลงตัว เนื่องจากไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ต่างต้องรอดูท่าทีรัฐบาล กลายเป็นว่า ตรึง-รุก-ถอย-ซ้อม อยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ขอยืนยันว่ากำลังพลในพื้นที่ ไม่ได้รับคำสั่งให้บุกเข้าไปยึดวัดแก้วฯ หรือถอนธงชาติกัมพูชาแน่นอน ถือเป็นเรื่องปกติที่กองกำลังทหารอยู่ที่ใด ก็จะมีธงชาติอยู่ที่นั่น หากกองกำลังทหารไทยไปที่วัดแก้วฯ ก็จะนำธงชาติไทยไปด้วยเช่นกัน แต่เราคงไม่ปักคู่ธงชาติกัมพูชา เพราะจะกลายเป็นว่าท้าทายกัน ส่งผลให้เกิดการปะทะตามมาได้ง่ายๆ สรุปก็คือทั้งทหารไทยและเขมร ไม่มีใครอยากรบ มันหมายถึงความสูญเสีย ทหารพลีชีพมา ใครรับผิดชอบ ชาวบ้านก็เดือดร้อน

ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ในการประชุมคณะกรรมาธิการความร่วมมือทวิภาคี (เจซี)ไทย-กัมพูชา ร่วมกับนายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ รัฐมนตรีต่างประเทศของทั้ง 2 ประเทศ ได้หารือแบบสองต่อสองนานประมาณ 20 นาที

จากนั้นนายฮอร์ นัม ฮง ได้กล่าวเปิดประชุมเจซีไทย-กัมพูชา ว่า ขอแสดงความยินดีที่สังเกตเห็นว่า 2 ประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น หลังมีการพบปะกันหลายครั้ง รวมทั้งมีกิจกรรมต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนทั่วไทย (จีบีซี) ไทย-กัมพูชา ที่เมืองพัทยา การแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างรัฐมนตรีและสื่อมวลชน การฉลองครบ 60 ปีความสัมพันธ์ 2 ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกเลิกการตรวจลงตราหนังสือเดินทางธรรมดาที่ทำให้ ประชาชนทั้ง 2 ประเทศเดินทางไปมาหาสู่และทำมาค้าขายระหว่างกันมากขึ้น ขณะที่เอกสารผลการประชุมเจซีจะเป็นแนวทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไป ปฏิบัติใช้ เพื่อที่จะทำให้ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศดีขึ้น

"เป็นเรื่องปกติที่ประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกันก็ต้องมีปัญหาคั่งค้าง ซึ่งเราต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาเหล่านั้นเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ อย่างมีความสุขต่อไป" นายฮอร์ นัม ฮง กล่าว

ขณะที่นายกษิต กล่าวว่า สังคมไทยและกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านที่ข้องแวะกันมานานหลายร้อยปี เรามีความเหมือนมากกว่าความต่างซึ่งสามารถนับเป็นต้นทุนร่วมกัน รัฐบาลและประชาชนควรส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ประเทศที่ติดกันตัดขาดกันไม่ได้ ปัญหากระทบกระทั่ง ความเข้าใจผิด และมุมมองที่ต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ความเหมือนในอดีตและอนาคตที่ดีร่วมกันมีอีกมากมาย เราต้องไม่ให้ปัญหาเป็นปัญหาต่อเนื่องและขยายเป็นปัญหาต่อๆไป แต่ต้องมุ่งแก้ปัญหาควบคู่ไปกับการร่วมมือเพื่อความสงบสุขของประชาชนทั้งสอง ประเทศ

"แม้จะมีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2553 แต่ไทย-กัมพูชาก็สามารถประชุมเจซีร่วมกันได้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจจริงของ 2 ประเทศที่จะร่วมกันส่งเสริม และกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ให้มีความคืบหน้าแน่นแฟ้นและแสดงให้โลกเห็นว่าทั้ง 2 ประเทศยังคำนึงถึงภาพใหญ่ มีความสุขุม มีสติที่จะฟันฝ่ากระแส และกระทำในสิ่งที่ควรทำ เราต้องมองข้ามความขัดแย้งที่เกิดจากปมปัญหาในอดีต และต้องไม่ให้อดีตมาเป็นอุปสรรคต่ออนาคต" นายกษิต กล่าว

ต่อมานายกษิต ได้เปิดเผยอีกครั้งหลังการประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง ว่า การประชุมทั้งในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสและระดับรัฐมนตรี เป็นไปด้วยความราบรื่น มีบรรยากาศที่อบอุ่นและสร้างสรรค์ โดยพูดคุยกันถึงความร่วมมือที่ค่อนข้างสมบูรณ์และรอบด้าน ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนความสัมพันธ์ให้กระชับยิ่งขึ้นและจะเป็นประโยชน์ต่อภาค เอกชนและประชาชนโดยรวม สำหรับการหารือกับนายฮอร์ นัม ฮง นั้น ได้พูดถึงภาพรวมของความสัมพันธ์ว่าจะขับเคลื่อนไปอย่างไร รวมถึงการที่จะให้ประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชาโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ทุกอย่างสามารถขับเคลื่อนไปได้ เพราะมีเรื่องที่ 2 ฝ่ายสามารถทำร่วมกันได้ในระหว่างที่รอรัฐสภาพิจารณาบันทึกการเจบีซีฯ ทั้ง 3 ฉบับ

นอกจากนี้ยังคุยถึงเรื่องที่ 2 ฝ่ายจะพยายามในการสร้างความสงบตลอดแนวชายแดน ทั้งการให้ข่าวสารข้อมูล การดูแลรักษาความปลอดภัย และการพยายามหลีกเลี่ยงการดำเนินการสิ่งที่จะสร้างความขัดแย้ง ซึ่งตนได้ขอบคุณที่นายนัม ฮง ที่ช่วยประสานให้ตนได้เข้าเยี่ยมนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ รวมถึงยังได้ขอให้กัมพูชาเร่งดำเนินการด้านต่าง ๆ และการพิจารณาให้ทั้ง 2 คนกลับไทยได้ โดยดูว่ากระบวนการยุติธรรมจบตรงไหน และฝ่ายบริหารจะเข้ามาต่อได้อย่างไร เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องคาใจหรือก่อให้เกิดแรงกดดันที่จะทำให้มี ผลกระทบกับความร่วมมือ 2 ฝ่าย ซึ่งตนคิดว่านายนัม ฮง น่าจะเข้าใจประเด็นของความเป็นไปในการเมืองภายในของไทยที่เกี่ยวกับนายวีระ และรู้ว่าเราจะต้องร่วมมือกันในการบรรเทาประเด็นปัญหา เพื่อให้ความสัมพันธ์ในภาพรวมมีความคืบหน้า เพราะมีสิ่งที่เราต้องทำร่วมกันอีกมาก

เมื่อถามว่า ได้คุยเรื่องปัญหาบริเวณปราสาทพระวิหาร การปลดธง และเรื่องวัดแก้วสิขาคีรีสะวาระหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า ได้พูดกันหมดแล้วว่าเรื่องอย่างนี้สร้างความร้อนแรง และไม่ได้มีประโยชน์อะไร มีแต่จะทำให้โกรธกัน อะไรที่เลิกรากันได้ก็ทำกันไป และเมื่อพูดคุยกันแล้วตกลงกันในหลักการว่าจะไม่สร้างความหวั่นไหว โต้ตอบกันไปมา หลีกเลี่ยงการกระทำอะไรที่จะเป็นการปลุกระดม ปลุกเร้า สร้างความเข้าใจผิดหรือสร้างความตึงเครียดทั้ง 2 ฝ่ายต้องพยายามบอกคนในประเทศตัวเองว่าให้บรรเทากันไว้ ซึ่งตนบอกนายนัม ฮง ว่าถ้ามีอะไรก็ให้โทรศัพท์หากันโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ลุกลาม

เมื่อถามถึงการที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ยื่นเส้นตายให้นำตัวนายวีระ และน.ส.ราตรี กลับไทยภายในวันที่ 5 ก.พ.นี้ โดยไม่มีคดีติดตัว นายกษิต กล่าวว่า คนพูดมันก็พูดง่าย แต่ต้องดูเหตุและที่มาที่ไปเสียก่อน รัฐบาลพยายามให้ความช่วยเหลือทุกอย่างอย่างเต็มที่แล้ว อย่างไรก็ตาม การนำตัวคนทั้งสองกลับมาก็อยู่ที่ทั้งสองด้วยว่าจะเอาอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่าฝ่ายกัมพูชาตอบรับในหลักการที่จะให้ไทยนำเอาสระตราวและโบราณสถานโดย รอบพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกและบริหารจัดการร่วมกับฝ่ายไทย นายกษิต กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ประเด็นเหล่านี้มีคณะกรรมการระดับชาติที่ดูแลอยู่แล้ว ที่สำคัญคือเรื่องนี้ต้องให้รัฐบาลสองฝ่ายเห็นชอบจะว่ากันฝ่ายเดียวไม่ได้

ด้านนายนัม ฮง กล่าวว่า การประชุมมีการสานต่อปัญหาหลายเรื่องที่สำคัญคือหารือเรื่องการค้ามนุษย์ที่ คนกัมพูชาถูกหลอกลวงเข้าไปค้าแรงงานในไทยและถูกจับกุม ซึ่งอยากให้ฝ่ายไทยช่วยดูแลโดยยึดหลักสิทธิมนุษยชน ถ้าคนกัมพูชาทำผิดก็สามารถจับกุมได้แต่อย่าใช้วิธีรุนแรงเช่นถูกยิงแต่ให้ ดำเนินการการไปตามกฎหมาย การทำเอ็มโอยูเรื่องราคาสินค้าเกษตร นอกจากนี้ยังได้หารือกันถึงการเปิดด่านใหม่นอกเหนือจากที่มีอยู่เพื่อเป็น ช่องทางให้คนสองประเทศไปมาหาสู่กันได้สะดวกมากขึ้น

นายนัม ฮง กล่าวอีกว่า ในส่วนปัญหาชายแดน นายกษิต ได้แจ้งว่าจะมีการดำเนินการเรื่องเจบีซีให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องรอให้เอ็มโอยูทั้ง 3 ฉบับ ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาก่อน เพราะมีสิ่งที่สามารถทำได้ก่อนคือ การทำภาพถ่ายทางอากาศ เพื่อหาหลักเขตทั้งหมด ควบคู่กับการให้ผู้เชี่ยวชาญลงตรวจสอบพื้นที่ทางบก ซึ่งขณะนี้มีหลักหมุดที่หาเจอแล้ว 33 หลักเขต ที่ยังถกเถียง 15 หลัก และหาไม่เจอ 25 หลัก ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับการแก้ไขปัญหาเรื่องเขตแดน ทั้งนี้ตนเห็นว่าการประชุมเจบีซีเร็วขึ้นจะได้ช่วยลดความตึงเครียดตามแนวชาย แดน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตามแนวชายแดนเกิดความตึงเครียดเพราะมีการเสริมกำลังทหาร นายนัม ฮง กล่าวว่า ไม่มีความตึงเครียดเลย สถานการณ์ก็ยังธรรมดาอยู่ แต่ที่ผ่านมา ฝ่ายไทยนำอาวุธมาฝึกตามแนวชายแดน กัมพูชาจึงต้องนำอาวุธไปฝึกตามแนวชายแดนเหมือนกัน เราก็ต้องเตรียมตัวไว่ก่อน แต่ตนเชื่อมั่นว่าในเวลานี้จะไม่มีการปะทะกันตามแนวชายแดน

เมื่อถามว่า ได้มีการพูดถึงเรื่องวัดแก้วฯ และข้อเรียกร้องให้ปลดธงชาติกัมพูชา หรือไม่ นายนัม ฮง กล่าวว่า วัดแก้วฯ อยู่ในดินแดนภายใต้อธิปไตยกัมพูชา ส่วนเรื่องจะย้ายธงไปตรงไหนนั้น ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะที่นั่นคือดินแดนของเรา
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.15น. เกิดเหตุทหารไทยยิงปะทะกับทหารกัมพูชา บริเวณบ้านภูซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยเบื้องต้นทราบว่าขณะทหารไทยยกกำลังประชิดวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ทหารกัมพูชาจึงเปิดฉายยิงเข้าใส่กลุ่มทหารไทยทันที จนเกิดการปะทะกันขึ้น คาดว่าน่าจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็หลังทั้ง 2ฝ่ายปะทะกันเกิดควันไฟพุ่งขึ้นบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร อย่างไรก็ตามเบื้องต้นพบศพนายเจริญ ผาหอม อายุ 59 ปี ถูกกระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชา เสียชีวิตอยู่ในหมู่บ้านภูซรอล
นางสดศรี ผาผอม ภรรยานายเจริญ กล่าวว่า เมื่อเวลา 15.00น. มีเจ้าหน้าที่มาบอกใ้ชาวบ้านเตรียมตัวอพยพหรือไม่ก็ไปหาที่หลบ แต่ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์จะรุนแรงขนาดนี้
เวลาประมาณ 17.00 น.มีกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายทหารกัมพูชายิงเข้ามาตกในพื้นที่หมู่บ้านชุมชนของ ต.เสาธงชัย อย่างต่อเนื่องจำนวนหลายนัด ทั้งตกใส่บ้านเรือนประชาชนภายในหมู่บ้านภูซรอล ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังตกลงบริเวณโรงเรียนบ้านภูซรอล ทำให้อาคารได้รับความเสียหาย และจุดใกล้ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เสาธงชัยด้วย
พล.ท.ธวัช ชัย สุมทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ทหารเขมรได้เปิดฉายยิงทหารไทยก่อนโดยมีลูกกระสุนปืนใหญ่มาตกในฝั่งไทยกว่า 10 ลูก อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้อพยพชาวบ้านในจุดเกิดเหตุไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว หลังมีลูกกระสุนของฝ่ายกัมพูชาตกลงมาในหมู่บ้านโนนเจริญ บ้านภูซรอล บ้านโนนดู่
ขณะที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ตรวจสอบทราบว่า เวลา 15.15 น. ได้มีประสุนมาตกใกล้ๆกับที่วางกำลังของทหารไทยบริเวณภูมะเขือ ทหารจึงยิงตอบโต้กลับไป หลังจากนั้นกองกำลังของกัมพูชาได้ยิงกระสุนนานาชนิดเข้ามา เราจึงยิงตอบโต้กลับไปแบบสมน้ำสมเนื้อ ตลอดระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. อยู่ระหว่างเจรจากับนายทหารระดับสูงของกัมพูชา เพื่อควบคุมการปะทะและให้จบสิ้นโดยเร็ว ขอแจงว่าเราไม่ได้อ่อนด้อยกว่ากัมพูชา ทหารไทยมีความพร้อมและมั่นใจในการดูแลพื้นที่
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ทหารไทยที่ถูกจับตัวอยู่ขณะนี้ทราบว่าทหารของเรายังอยู่ในจุดประสานงาน ขณะที่เกิดควันที่วัดแก้วฯ คาดว่ามาจากสะเก็ดระเบิด อย่างไรก็ตามมีทหารไทยบาดเจ็บเล็กน้อย 2 นาย เนื่องจากถูกสะเก็ดระเบิด ทางด้านสุรินทร์ยังไม่มีเหตุการณ์อะไร ผู้บังคับชาพยายามติดต่อกันและเจรจา แต่ยืนยันว่าเราไม่ได้กลัวกัมพูชาแต่อย่างใด
ด้านสำนักข่าวเอเอฟฟี รายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ว่า ทหารไทย กับทหารกัมพูชาได้เกิดการปะทกันขึ้นใกล้กับปราสาทพระวิหาร โดยนายเขียว หันหะริธ โฆษกรัฐบาลกัมพูชา แถลงว่า มีการปะทะกันจริง
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า สื่อของกัมพูชาได้รายงานข่าวว่า ขณะนี้ทหารกัมพูชาสามารถจับกุมทหารไทยได้ 5 นาย และสามารถทำลายรถถังของฝั่งไทยอีกอีก 2 คัน
ที่มา : คลิปวีดีโอจากช่อง 3


คลิกตามลิงค์เพื่อดูข่าว





Daily News Online > หน้าการเมือง > ชาวบ้านตายทหารไทยปะทะเดือดเขมร

 

ทหารไทย-เขมรปะทะเดือด ชาวศรีสะเกษเตรียมอพยพ



ทหารไทย-เขมรปะทะเดือด ชาวศรีสะเกษเตรียมอพยพ

<style>p { margin: 0px; }</style> เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 4 ก.พ. ที่ จ.ศรีสะเกษ ทหารกัมพูชาปะทะกับทหารไทย บริเวณภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร โดยได้มีการระดมยิงทั้งปืนใหญ่และอาวุธนานาชนิดเข้าใส่กันอย่างต่อเนื่อง เสียงกระสุนปืนได้ยินเข้ามาถึงบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อย่างชัดเจน และจากการปะทะอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดเพลิงไหม้ป่าตลอดแนวเขาพระวิหาร

ขณะนี้ ทหารทั้งสองฝ่ายยังคงปะทะกันอยู่และมีกลุ่มควันจากเพลิงไหม้พุ่งขึ้นสู่ท้อง ฟ้า แต่ยังไม่มีรายงานทหารทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

ขณะเดียวกันที่หมู่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย บรรดาครู นักเรียนและชาวบ้านต่างพากันวิ่งหนีเข้าหลุมหลบภัยกันวุ่นวาย เนื่องจากว่ามีกระสุนปืนใหญ่จากทางฝ่ายกัมพูชาตกอยู่ห่างจากหมู่บ้านภูมิซรอ ลทางด้านทิศตะวันออก ประมาณ 1 กม. ซึ่งหลังจากที่ครูเห็นว่าไม่มีเสียงปืนใหญ่เข้ามาอีก จึงอนุญาตให้นักเรียนกลับบ้าน ส่วนบรรดาผู้ปกครองนักเรียนได้พากันเก็บทรัพย์สินและของมีค่าเพื่อเตรียม อพยพ


เอเอฟพีรายงานว่าทหารไทยและกัมพูชาเปิดฉากปะทะกันตามบริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชาใกล้กับวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ นายเขียว กันหะฤทธิ์ โฆษกรัฐบาลกัมพูชายืนยันว่าการสู้รบยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทหารกัมพูชาตรึงกำลังใกล้กับปราสาทพระวิหาร ซึ่งมีรายงานว่ามีการใช้ปืนใหญ่ สู้รบกันด้วย แต่ไม่แน่ชัดว่าเป็นปืนใหญ่ขนาดเท่าใดหรือฝ่ายใดเป็นฝ่ายยิง

ด้าน ทหารไทยนายหนึ่งกล่าวว่ามีการสู้รบประปรายตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากนั้น ทั้งสองฝ่ายมีการเสริมกำลังตามแนวชายแดนเมื่อหลายวันก่อน

และเผยว่าการปะทะกันครั้งนี้ เริ่มปะทุขึ้นเมื่อเวลา 15.10 น. ที่บริเวณภูมะเขือ ใกล้ปราสาทพระวิหาร จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ยุติการสู้รบและยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายหรือผู้ ได้รับบาดเจ็บ

ส่วนเจ้าหน้าที่อำเภอกันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษเผยว่าแนะนำให้ชาวบ้าน 9 หมู่บ้านตลอดแนวชายแดนไทยให้จัดหาที่กำบังหรือออกจากพื้นที่และกล่าวว่าตน ได้ยินเสียงปืนใหญ่อยู่ แต่ไม่รู้ว่ายิงจากฝ่ายไหน

สำหรับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กำลังเยือนกัมพูชาเพื่อร่วมประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือ ทวิภาคี (JC) ไทย-กัมพูชาและมีกำหนดไปเยี่ยมนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ที่เรือนจำเปรย์ซอว์ในวันที่ 4 ก.พ.




http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJNU5qZ3hNVEkwTkE9PQ==&sectionid

 

"ไก่อู" ยันไทยโต้เขมรสมน้ำสมเนื้อ พร้อมปกป้องอธิปไตย



"ไก่อู" ยันไทยโต้เขมรสมน้ำสมเนื้อ พร้อมปกป้องอธิปไตย

<style>p { margin: 0px; }</style> วันที่ 4 ก.พ. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าเกิดเหตุปะทะขึ้นจริงที่ชายแดนไทย-เขมร บริเวณภูมะเขือ ใน ต.เขาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อเวลา 15.15 น.โดยฝ่ายทหารกัมพูชา ได้ใช้ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง หรือ ปรส. ไม่ทราบขนาด ยิงมาจำนวน 1 นัด ตกใกล้ฐานกำลังทหารไทย ทหารไทยจึงได้ยิงโต้ตอบกับไป การยิงโต้ตอบไม่ได้ต้องการขยายให้เกิดการปะทะ แต่ต้องดำเนินการตามกฎของการใช้กำลัง เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบว่ามีกระสุนของท่านข้ามมาตก ขณะนี้หน่วยในพื้นที่ยังเชื่อว่า อาจจะไม่เกิดจากความตั้งใจของใครคนใดคนหนึ่ง เพียงแต่อาจจะเป็นความผิดพลาดจากกรณีหนึ่งกรณีใด

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า นอกจากนี้ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้รายงานพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. รับทราบ พร้อมกำลังติดต่อประสานงานกับผู้บังคับหน่วยของทางฝั่งกัมพูชา เพื่อควบคุมการปะทะให้อยู่ในขอบเขตจำกัดและจบสิ้นโดยเร็ว ขณะที่รับทราบรายงานทหารกัมพูชาควบคุมตัวทหารไทยไว้แล้ว 5 นาย พร้อมกับยืนยันว่าการปฏิบัติของฝ่ายทหารไทยได้ปฏิบัติถูกต้องทุกอย่าง เมื่อเขายิงเข้ามา เราก็ต้องยิงตอบโต้กลับไป เป็นหลักของการปะทะ

ในเบื้องต้น มีทหารไทยบาดเจ็บเล็กน้อย 2 รายและมีรายงานว่าชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวได้เข้าไปอพยพอยู่ในหลุม หลบภัยแล้ว ส่งผลให้สถานการณ์ขณะนี้ตรึงเครียด

นอกจากนี้ ตนไม่อยากบ่งชี้ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายเริ่ม แต่ในอดีตที่ผ่านมา ฝ่ายไทยไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มก่อนและไทยไม่ต้องการพัฒนาสถานการณ์ให้รุนแรงมาก ขึ้น แต่ต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายกัมพูชาด้วย

ล่าสุด หลังจากเวลา 17.00 น. ทั้งสองฝ่ายหยุดยิงปืนใหญ่แล้ว แต่ยังมีการยิงปะทะกันประปรายด้วยปืนเล็กทั้งซีกซ้ายและขวาของปราสาทพระ วิหารประมาณ 10 กม.





http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJNU5qZ3hPVFEwTWc9PQ==&sectionid

 

อรัญประเทศโกลาหลผู้ค้าแตกตื่นปิดร้านหนีเหตุปะทะ

อรัญประเทศโกลาหลผู้ค้าแตกตื่นปิดร้านหนีเหตุปะทะ


พ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรนับพันในตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศผวาเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-เขมร แห่ปิดร้านหนีกลับประเทศโกลาหล...

เมื่อ เวลา 16.00 น. วันที่ 4 ก.พ. ที่ตลาดโรงเกลือ ใกล้จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งอยู่ตรงข้ามกรุงปอยเปต อ.โอวจโรว จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ได้เกิดความโกลาหล และตื่นตระหนกของพ่อค้า แม่ค้าชาวกัมพูชา หลังได้รับทราบข่าวว่า เกิดการยิงปะทะระหว่างทหารไทย และทหารกัมพูชา ทางด้านชายแดนปราสาทพระวิหาร ทำให้ชาวเขมรกลัวว่าด่านพรมแดนฯ จะถูกสั่งปิด จึงตะโกนบอกกันให้รีบปิดร้านเดินทางกลับประเทศ ทำให้บริเวณหน้าด่านพรมแดนฯ เกิดความโกลาหลเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยพยายามแจ้งว่า ยังไม่มีอะไรรุนแรง แต่ชาวเขมรไม่ยอมฟังต่างรีบเดินทางกลับประเทศกันอย่างเร่งรีบ ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยคอยดูแลและอำนวยความสะดวก

ทั้งนี้ ในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เจ้าหน้าที่ ตม.กัมพูชา ได้มายืนดู และสอบถามความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย กับชาวเขมรที่เดินทางกลับประเทศ.







ไทยรัฐออนไลน์

• โดย ทีมข่าวภูมิภาค
• 4 กุมภาพันธ์ 2554, 17:37 น.

อรัญประเทศโกลาหลผู้ค้าแตกตื่นปิดร้านหนีเหตุปะทะ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

(แฟ้มภาพข่าว)
(4 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือและรอบเขาพระวิหาร ชายแดน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กระสุนปืนใหญ่เข้ามาตกฝั่งไทย ทำให้ชาวบ้านภูมิซรอล เด็กนักเรียนวิ่งหนีตายเข้าหลุมหลบภัยกันอลหม่าน ด้านผอ.โรงเรียนภูมิซรอลสิ่งปิดเรียนให้ นร.กลับบ้านเป็นการเร่งด่วนแล้ว

จาก การปะทะทำให้เกิดเพลิงไหม้บริเวณป่าตลอดแนวเขาพระวิหาร ซึ่งการปะทะครั้งนี้เบื้องต้นยังไม่มีรายงานทหารทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตแต่อย่างใด ตลอดเวลาทหารทั้งสองฝ่ายยังคงปะทะยิงถล่มเข้าใส่กันอย่างต่อเนื่อง

ด้าน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ทหารไทยและทหารกัมพูชาได้ปะทะกันใกล้บริเวณเขาพระวิหาร ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่าย โดยนายเขียว กันหะริด โฆษกรัฐบาลกัมพูชาเปิดเผยว่า การปะทะได้ปะทุขึ้นแล้ว ขณะที่ทหารกัมพูชาที่ประจำการใกล้เขาพระวิหาร ซึ่งถูกอ้างกรรมสิทธิจากทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา กล่าวกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพีทางโทรศัพท์ระบุว่า การสู้รบระหว่างทั้งสองไทยและกัมพูชาได้เกิดขึ้นแล้ว โดยผู้สื่อข่าวยังได้ยินเสียงปืนระหว่างการสัมภาษณ์ด้วย

อย่างไรก็ ตาม มีรายงานข่าวว่า ทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงใส่ทหารไทยก่อน ทหารไทยจึงยิงตอบโต้เพื่อรักษาอธิปไตย นอกจากนี้ ทางด้านช่องสะงำได้สั่งให้คนไทยกลับประเทศแล้ว ขณะที่ตลาดโรงเกลือ ผู้ค้าชาวกัมพูชาได้รีบปิดร้านและเดินทางข้ามชายแดนกลับบ้าน หวั่นสถานการณ์บานปลาย

Update

นายประเวศ พนมใส ผู้อำนวยการโรงเรียนภูมิซรอลเปิด เผยเมื่อเวลา 17.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ว่า มีกระสุนปืนใหญ่มาตกอยู่หลังโรงเรียนทำให้ประชาชนและนักเรียนต่างพากันหนี เข้าไปในหลุมหลบภัย นับตั้งแต่มีการยิงกันตั้งแต่เวลา 15.00 น. มีเสียงปืนใหญ่ดังเกือบทุกนาที จนถึงขณะนี้ยังระบุไม่ได้ว่ามีใครบาดเจ็บหรือไม่

Update

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ระบุว่าจนถึงขณะนี้ยังมี การปะทะกัน สาเหตุเบื้องต้นได้รับรายงานจากทหารในพื้นที่ว่า มีลูกกระสุน ปลส.หรือปืนใช้แรงสะท้อนถอยหลัง ไม่ทราบขนาด จำนวน 1 นัด ของฝั่งกัมพูชามาตกที่ฝั่งไทย ใกล้กับที่ตั้งการวางกำลังของไทย บริเวณภูมะเขือ ที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และหลังจากนั้นได้ทหารแจ้งเตือนด้วยการยิงกลับไป ตามกฎของการใช้กำลัง ในชั้นต้นเท่าที่ตรวจสอบ ยังไม่อยากระบุชัดเจนว่าทางกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เพราะจะเป็นการโต้ตอบกันไปมา ซึ่งยังเชื่อมั่นว่าเบื้องต้นอาจเกิดความเข้าใจผิดกัน กรณีหนึ่งกรณีใด

พ.อ.สรรเสริญ ระบุว่า การปะทะนั้นไทยไม่ได้อ่อนด้อยกว่ากัมพูชา สมน้ำสมเนื้อ แต่ มีวัตถุประสงค์ไม่ต้องการให้การปะทะขยายตัวรุนแรงไป ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ผู้บัญชาการทหารบก แม่ทัพภาค 2 ผบ.กองกำลังสุรนารี ก็พยายามประสานกับผู้บังคับหน่วยของทหารกัมพูชาในพื้นที่ ที่จะควบคุมไม่ให้การปะทะขยายวงออกไป และให้จบสิ้นโดยเร็ว จนถึงขณะนี้การปะทะยังจำกัดอยู่ในพื้นที่ภูมะเขือ และพระวิหาร และยังคงมีการพูดคุยกันของผู้บัญชาการของทั้ง 2 ฝ่าย มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บแต่ยังอยู่ในขั้นการตรวจสอบ และย้ำว่าหากสถานการณ์รุนแรงขึ้นไปอยากให้สบายใจว่าทหารของกองทัพบกมีความ พร้อมที่จะดูและรักษาอธิปไตยของไทยขอให้ประชาชนไทยเกิดความมั่นใจ มั่นใจว่าดูแลได้ และขณะนี้ก็กำลังพยายามเจรจากันอยู่แต่ก็ต้องรอดูสถานการณ์ในพื้นที่ต่อไป

Update

เมื่อเวลา 18.05 น. นายสุริยา สิทธิพล ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านภูมิซรอล ให้สัมภาษณ์ผ่านช่องทีเอ็นเอ็น ว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย เบื้องต้นทราบว่าเป็นชาย ชื่อนายเจริญ ผาหอม อายุ 50 ปี ซึ่งศพยังอยู่ในที่เกิดเหตุและยังไม่ได้รับการช่วยเหลือแต่อย่างใด

Update

เมื่อเวลา 18.25 น. สถานีโทรทัศน์ CTN ของกัมพูชา รายงานว่ามีชาวกัมพูชาเสียชีวิตแล้ว 2 คน จากเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และทหารไทยถูกกัมพูชาควบคุม 4 นาย

Update

เมื่อเวลา 18.49 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการข่าวว่า พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กำลังเจรกับผู้นำระดับสูงของกัมพูชาเพื่อให้หยุดยิง ส่วนทหารไทยที่ถูกควบคุมไปนั้นปลอดภัยดี แต่ไม่อยากชี้ว่าเป็นการควบคุมตัวหรือถูกจับกุม โดยยืนยันว่าจุดที่ทหารไทยถูกคุมตัวคือจุดประสานงานร่วมกับเขมรบนวัดแก้ว สิกขาคีรีสวาระ

Update

เมื่อเวลา 19.10 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าให้รอฟังกองทัพแถลงเหตุปะทะที่ชายแดนเขมร ยืนยันขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิงแล้ว

news.sanook.com/999775-ด่วน-ทหารไทย-เขมร-ประทะเดือดบริเวณภูมะเขือ.html

 

ภูมะเขือเริ่มสงบหลังปะทะหนัก พบชาวบ้านดับ1ทหารเจ็บ2

ภูมะเขือเริ่มสงบหลังปะทะหนัก พบชาวบ้านดับ1ทหารเจ็บ2


สถานการณ์สงบ หลังปะทะเดือด ภูมะเขือ บ้านภูมิซรอล สรีสะเกษ สถานการณ์ตึงเครียด ชาวบ้านตาย1 ทหารเจ็บ2 ผู้ว่าลงพื้นที่ตรวจความเสียหาย ทหารทั้ง2ฝ่าย เจรจาหยุดยิง...



เมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. วันที่ 4 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ ใกล้ปราสาทพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ว่า สื่อกัมพูชาอ้างว่าทหารไทย พร้อมรถแท็กเตอร์ จะรุกเข้าไปในวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ จึงเกิดเหตุปะทะกันขึ้น นอกจากนี้ยังรายงานอ้างว่า จุดที่ปะทะกัน 3 จุดอยู่ในเขตกัมพูชาทั้งหมด ทั้งนี้ มีรายงานว่า ทหารไทย จำนวน 2 รายได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกันของทั้ง 2 ฝ่าย

ขณะที่ นายสุริยา ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านภูมิซรอล จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า มีชาวบ้านภูมิซรอล 1 รายเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ เป็นผู้ชายอายุ 50 ปีทราบชื่อต่อมา นายเจริญ ผาหอม และเห็นทหารไทยบาดเจ็บ 2 คน ด้าน ผอ.โรงพยาบาลกันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับตัวชาวบ้านผู้บาดเจ็บ 1 คน และทหารไทย 1 นาย เข้ารับการรักษา

ล่าสุด นายโชคชัย สายแก้ว นายก อบต. เขาธงชัย จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด และรองผู้ว่าราชการจังหวัดได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่ได้รับความเสียหายแล้ว ขณะที่ทหารไทยได้เดินทางเข้าไปในจุดปะทะ เพื่อเจรจากับทางกัมพูชา ส่วนชาวบ้านภูมิซรอลได้ อพยพหนีหมดแล้ว เบื้องต้น ทราบที่บ้านโนนเจริญ อ.กันทรลักษณ์ มีบ้านเรือนราษฎรถูกลูกระเบิดตกใส่ ไฟไหม้บ้านเสียหาย จำนวน 12 หลัง มีผู้เสียชีวิต 1 คน มีชาวบ้านเจ็บ 1 คน ทหารไทยอีก 1 นาย ทั้งนี้ อาคาร เรียน ร.ร.บ้านภูซรอล ถูกลูกระเบิดตกใส่ไฟไหม้ได้รับความเสียหาย


ต่อมาเวลา 18.40 น. เสียงปืนจากการปะทะกันของกองทหารทั้งสองฝ่าย ได้สงบลงแล้ว โดย พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองฝ่ายกำลังอยู่ระหว่างการเจรจา โดยเริ่มตั้งแต่เสียงปืนแรกนัดแรก ดังขึ้น จนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ดี ณ สถานการณ์ปัจจุบันขณะนี้กำลังเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น

ส่วน ประเด็นทหารไทย 4 นาย ที่ทางฝ่ายกัมพูชาอ้างว่า ได้จับกุมตัวไปนั้น ทาง พอ.สรรเสริญ กล่าวว่า ทั้งหมดถูกควบคุมตัวไป ณ จุดที่มีการการตั้งจุดประสานงานร่วมกันบนวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ซึ่งมีกองกำลังไม่ติดอาวุธของทั้งสองฝ่ายประจำการอยู่ ซึ่งโดยส่วนตัวอยากให้ความเห็นว่า ในกรณีนี้ น่าจะเป็นเพราะการที่ทางฝ่ายกัมพูชา น่าจะรู้ก่อนว่าจะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดลงไป จึงได้เข้าควบคุมตัวทหารไทยทั้ง 5 นาย โดยล่าสุดทหารทั้ง 5 นาย ยังปลอดภัยดีอยู่และยังอยู่บนจุดประสานงานบนวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ

ส่วน จุดเริ่มต้นของการปะทะกันในครั้งนี้ เกิดจากมีกระสุนปืนร้ายแรงสะท้อนถอยหลัง ของกัมพูชาไม่ทราบขนาด 1 นัด มาตกที่บริเวณใกล้เคียงกับจุดที่ทหารไทยวางกำลังอยู่บนภูมะเขือ ทางฝ่ายไทยจึงยิงเครื่องยิงลูกระเบิด 120 มิลลิเมตรตอบโต้กลับไป เพื่อตอบโต้และแก้เกมตามกฎของการใช้กำลัง แต่หลังจากนั้นสถานการณ์กลับพัฒนาขึ้นไป โดยทางฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธนานาชนิดยิงตอบกลับมา ตั้งแต่ปืนเล็ก อาร์พีจี ปืนกล จนกระทั่งปืนใหญ่ ซึ่งเป็นเหตุจำเป็นที่ทางฝ่ายไทยจะต้องตอบโต้กลับไปแบบสมน้ำสมเนื้อ

อย่าง ไรก็ดี เมื่อเวลา 17.50 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวกับผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่า ยังพูดรายละเอียดเรื่องเหตุการณ์ไม่ได้ จนกว่าจะได้รับรายงานอย่างเป็นทางการ ขณะนี้ได้รับรายงานเหตุการณ์เรื่องที่ทหารไทย กับกัมพูชายิงกันเท่านั้น และยังไม่ได้รับรายงานเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ได้ติดตามสถานการณ์มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 15.00 น. แล้ว

เมื่อถาม ว่า มีข่าวว่าทางทหารกัมพูชาได้จับกุมตัวทหารไทยเอาไว้ถึง 5 นาย และการยิงเข้ามาทางทหารกัมพูชาได้เล็งเพื่อยิงเข้าใส่ชุมชนมากกว่าที่จะยิง ตามแนวชายแดน นายสุเทพ กล่าวว่า อย่าเพิ่งพูดรอรายงานก่อน ขณะนี้แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว และคงไม่ต้องกำชับอะไรเป็นพิเศษ เพราะเขาทำตามหน้าที่คอยติดตามสถานการณ์อยู่แล้ว

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการอพยพประชาชนในพื้นที่แล้วหรือยัง นายสุเทพ กล่าวว่า ยัง รอรายงานสถานการณ์ก่อน เมื่อถามย้ำว่า ตอนนี้สถานการณ์รุนแรงหรือไม่ นายสุเทพ ไม่ได้ตอบคำถามนี้แต่อย่างใด.
ขณะที่ล่าสุดเมื่อเวลา 19.30น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาระบุว่าทราบเรื่องเหตุการณ์ปะทะ กันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ทางกองทัพจะเป็นผู้แถลงอีกครั้ง ซึ่งตนเองก็ได้ติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา ทั้งนี้การปะทะกันระหว่างทหารไทยกใับกัมพูชา บริเวณ แนวชายแดน ก็เป็นเครื่องยืนยันว่า ไทยไม่ได้มีการถอนทหารออกมาจากพื้นที่ อย่างที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้


ไทยรัฐออนไลน์

• โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
• 4 กุมภาพันธ์ 2554, 18:59 น.

http://www.thairath.co.th/content/region/146619

 

หมัด ต่อ หมัด ไทย-เขมร

หมัด ต่อ หมัด ไทย-เขมร


<table border="1"><tbody><tr><td>
</td> <td>ไทย


</td> <td>กัมพูชา


</td></tr></tbody> <tbody><tr><td>ทหารประจำการ</td> <td>360,000 นาย</td> <td>124,300 นาย</td></tr> <tr><td>รถถังหลัก</td> <td>333 คัน</td> <td>318 คัน</td></tr> <tr><td>รถถังเบา</td> <td>434 คัน</td> <td>102 คัน</td></tr> <tr><td>ปืนใหญ่ ปืนวิถีโค้ง</td> <td>400+</td> <td>620+</td></tr> <tr><td>จรวดนำวิถี</td> <td>218+</td> <td>33</td></tr> <tr><td>เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อ</td> <td>60+</td> <td>220</td></tr> <tr><td>เครื่องบินขับไล่-โจมตี.</td> <td>166 ลำ</td> <td>8 ลำ</td></tr> <tr><td>ยานลำเลียงพลหุ้มเกาะ</td> <td>1884 คัน</td> <td>390 คัน</td></tr> <tr><td>ยานรบทหารราบ</td> <td>70+</td> <td>-</td></tr> <tr><td>เฮลิคอปเตอร์โจมตี</td> <td>62 ลำ</td> <td>8 ลำ</td></tr> <tr><td>เรือผิวน้ำ</td> <td>28 ลำ</td> <td>11 ลำ</td></tr> <tr><td>กำลังพลสำรอง</td> <td>27 ล้านคน</td> <td>3 ล้านคน</td></tr> <tr><td>งบประมาณทางทหาร</td> <td>5000 ล้านเหรียญ</td> <td>112 ล้านเหรียญ</td></tr> <tr><td>งบประมาณทางทหาร</td> <td>1%จากGDP</td> <td>2.5%จาก GDP</td></tr></tbody></table> กองทัพอากาศไทย
-Lockheed Martin F-16 Fighting Falcon 29
-Lockheed Martin F-16 Fighting Falcon F-16ADF 15 (with AIM-120)
-Northrop F-5T Tigris F-5T ~15 (upgraded by Israel, armed with Python 4 missile)
-Northrop F-5E Tiger II F-5E ~15 (due for replacement)
-Northrop F-5B Freedom Fighter F-5B 2 (early model F-5B's used for training purposes)
-F-5F Tiger II ~5
กองทัพอากาศเขมร
-Aero L-39 5
-Aerospatiale AS350 Ecureuil 3
-Aerospatiale SA365 Dauphin 1
-Britten Norman Islander 3
-Harbin Y-12 2
-Mikoyan MiG-21 4
-Mil Mi-8 4
-Mil Mi-17 2
-Mil Mi-26 2
-UH-1 Iroquois unknown
กองทัพเรือไทย
เรือบรรทุกเครื่องบิน
-911 ร.ล.จักรีนฤเบศร
-เรือฟริเกต (เรือ ฟก.)
-461 ร.ล. พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
-462 ร.ล. พุทธเลิศหล้านภาลัย
-421 ร.ล. นเรศวรปืนใหญ่ 1 กระบอก จรวดต่อต้านเรือรบ Harpoon 8 ท่อยิง ปืนกลข้างเรือ 2 กระบอก
-422 ร.ล. ตากสิน โรงเก็บ ฮ.1เครื่อง ฮ.ประจำเรือ Super Lynx 300 สามารถค้นหา, ทำลายเรือดำนำ
-431 ร.ล. ตาปี
-432 ร.ล. คีรีรัฐ
-433 ร.ล. มกุฎราชกุมาร
-441 ร.ล. รัตนโกสินทร์
-442 ร.ล. สุโขทัย
-331 ร.ล.ชลบุรี
-332 ร.ล.สงขลา
-333 ร.ล.ภูเก็ต
-511 ร.ล. ปัตตานี
-512 ร.ล. นราธิวาส
-เรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำ
-531 ร.ล. คำรณสินธุ์
-532 ร.ล. ทะยานชล
-533 ร.ล. ล่องลม
-กำลังทางบกของกองพลนาวิกโยธินและหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
- Type-69II Main Battle Tank
- V-150 Armoured Personnel Carrier
- GHN-45A 155 mm. Artillery
- GC - 45 155 mm. Artillery
- M425 105 mm Artillery
- Type-74 37 mm Anti-Aircraft Gun
- PL-9 Surface-To-Air Missile
กองทัพเรือกัมพูชา
-กอง ทัพเรือกัมพูชายังมีสถานการณ์เป็นกองทัพเรือใกล้ฝั่ง (Green Navy)โดยกัมพูชามีเรือตรวจการณ์ลำน้ำชั้น Kaoh จำนวน 2 ลำ และเรือเร็วโจมตี(ปืน) อีก 2 ลำ ในปี 2548 รัฐบาลจีนได้บริจาคเรือตรวจการณ์ขนาด 46 เมตรจำนวน 4 ลำเรือตรวจการณ์ขนาด 20 เมตรจำนวน 3 ลำ และเรือลำเลียงสัมภาระอีก 1ลำให้กองทัพเรือกัมพูชาเพื่อช่วยเหลือในการป้องกันการกระทำผิดกฏหมายทาง ทะเลและลาดตระเวนปราบโจรสลัด ทั้งนี้หลังจากการค้นพบแหล่งน้ำมันของกัมพูชาในบริเวณอ่าวไทยทำให้เชื่อได้ ว่ากองทัพเรือกัมพูชาอาจจำเป็นต้องจัดหาเรือตรวจการณ์ที่มีขนาดใหญ่เพิ่ม เติมเพื่อลาดตระเวนคุ้มกันแหล่งผลิตน้ำมันของตน.
Arcom Roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook อาคม รวมสุวรรณ | Facebook


ไทยรัฐออนไลน์

• โดย ไทยรัฐออนไลน์
• 4 กุมภาพันธ์ 2554, 20:20 น.

หมัด ต่อ หมัด ไทย-เขมร - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

'ประยุทธ์'เชื่อแค่เข้าใจผิด เหตุทหารไทยปะทะเขมร

'ประยุทธ์'เชื่อแค่เข้าใจผิด เหตุทหารไทยปะทะเขมร


"ประยุทธ์" เชื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิด เหตุทหารไทยปะทะเขมร อาจเกิดจากปืนลั่นหรืออะไรสักอย่าง อยู่ระหว่างสอบหาสาเหตุ ย้ำชัดรัฐบาล-ทหาร พร้อมรักษาอธิปไตย...

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 4 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐกรณีเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา บริเวณบ้านภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษว่า หลังได้รับรายงานทางโทรศัพท์ก็ได้สั่งการไปแล้ว เชื่อว่าคงอาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดว่า มีการยิงเข้ามาจากฝั่งกัมพูชาก่อน จึงได้มีการใช้อาวุธยิงโต้ตอบไประยะหนึ่ง ซึ่งอันนี้การยิงทั้งสองฝ่ายได้ยุติลงไปแล้ว ก็กำลังสอบหาสาเหตุว่ามันเกิดจากอะไร ส่วนรายงานความเสียหายผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่ได้เตรียมการในส่วนของเราไว้พร้อมไม่ต้องเป็นกังวล



ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวต่อว่า การสู้รบผมบอกแล้วว่ามันไม่มีประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่ถ้าต้องเกิดเหตุขึ้นมาเราต้องระมัดระวังให้ดีที่สุดไม่ให้กำลังพลบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต และประเด็นสำคัญก็คือประชาชนผู้บริสุทธิ์การสัญจรไปมาตามชายแดนไทย-กัมพูชา มันจะมีปัญหาต่อไปในอนาคต ผมคิดว่าจากวันนี้ค่อนข้างมีปัญหาในการสัญจรหรือการหากินของประชาชนใน พื้นที่ก็อยากจะเรียนว่าการแก้ปัญหาใดๆ ก็ตามให้ใช้เหตุและผลด้วยการเจรจาและ เป็นไปตามขั้นตอนก่อนที่จะทะเลาะเบาะแว้งกันนั้นมันไม่ได้เกิดประโยชน์ใดๆ กับใครทั้งสิ้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพิ่มว่า ถึงตอนนี้ทางกองทัพบกพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยที่บริเวณเขาพระวิหารอย่างไม่ ย่อท้อ และพร้อมเสียสละ ช่วยเป็นกำลังใจให้ทหารทุกคนที่กองทัพภาคที่ 2 ตอนนี้ประจำแนวอยู่ และที่ผ่านมาก็ได้ใช้อาวุธยิงตอบโต้กันอยู่เป็นระยะหนึ่งก็มีความรุนแรงพอ สมควร และล่าสุดเพิ่งได้รับรายงานว่าได้หยุดยิงกันไปทั้งสองฝ่ายแล้ว ซึ่งมีการเจรจากันโดยพูดคุยระหว่างผู้บังคับบัญชาทั้งสองฝั่ง ผมก็ได้ให้ทางแม่ทัพภาคที่ 2 เจรจากับฝั่งโน้นผ่านกระบวนการในการพูดคุยกันเราจะมีทหารทั้งสองฝ่ายเป็นผู้ ประสานงานในพื้นที่

ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวอีกว่า ในช่วงแรกผมเข้าใจว่าอาจจะเกิดปืนลั่น หรืออะไรสักอย่างผมไม่แน่ใจมันเกิดขึ้นจากฝั่งนอกประเทศด้านกัมพูชาก่อน เราก็จำเป็นที่จะต้องตอบโต้ไปบ้างทั้งนี้เพื่อให้เขารู้ว่ามันมีการยิงเข้า มาในฝั่งเรานะเขาต้องหยุดแล้วอะไรทำนองนี้ ไม่ได้มุ่งหมายเอาเป็นเอาตายกันหรอกครับ ผมว่ามันรบกันลำบาก แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าการปะทะด้วยปืนเล็ก ปลส. ปืนคอร์ มันลามไปถึงปืนใหญ่อะไรอย่างอื่นขึ้นมามันเดือดร้อนกันหมด เพราะอาวุธต่างๆ เหล่านี้มันยิงไกลระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร 40 กิโลเมตร มันไม่ได้รบกันที่เขาพระวิหาร อย่างเดียว แต่มันยิงเข้ามาข้างในมันก็เดือดร้อนทั้งสองฝ่าย เพราะฉะนั้นประชาชนที่อื่นก็จะอันตรายด้วยมันจะไม่ปลอดภัยด้วย ต้องขอร้องใครก็ตามรวมไปถึงกลุ่มผู้เคลื่อนไหวช่วยกันไปในทางสันติดีกว่าผม คิดว่าเราไม่อยากให้คนไทยบาดเจ็บและเสียชีวิต ทหารก็ไม่อยากให้ใครบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมันก็ต้องไปได้

ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญคนไทยที่ติดคุกถูกดำเนินคดีอยู่ 2 คนในปัจจุบันก็ยังไม่รับการปล่อยตัวถ้าเราแก้ปัญหาแบบไม่มีสติและแบบไม่มี เหตุมีผลไม่ใช้กลไก "เจทีซี" ไม่ใช้การเจรจาของรัฐบาลผมว่ามันเป็นไปไม่ได้ ประเทศถ้ารบกันผมไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไรกันต่อและเป็นเรื่องของรัฐบาลที่ ต้องตัดสินใจ ทางทหารก็พร้อมจะดูแลพ่อแม่พี่น้อง และดูแลแนวชายแดนให้ปลอดภัย.



ไทยรัฐออนไลน์

• โดย ทีมข่าวภูมิภาค
• 4 กุมภาพันธ์ 2554, 20:44 น.

'ประยุทธ์'เชื่อแค่เข้าใจผิด เหตุทหารไทยปะทะเขมร - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ปืนใหญ่ถล่มไทย ศีรษะขาด เซ่นสงครามเขมร

ปืนใหญ่ถล่มไทย ศีรษะขาด เซ่นสงครามเขมร


ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ถึงจุดเดือดเมื่อทหารทั้งสองฝ่ายเปิดฉากปะทะกันนับชั่วโมง ขณะที่จังหวัดอพยพราษฎรหนีตายโกลาหล สุดท้ายทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 8 นาย ชาวบ้านดับ 1 ...

เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 4 ก.พ. ทหารไทยกับทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงปะทะกันบริเวณฐาน ตชด.เก่า ลำห้วยตามาเลีย พื้นที่ทับซ้อนชายแดนไทย-กัมพูชา ห่างจากวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระประมาณ 400 เมตร ยาวไปถึงภูมะเขือ เป็นระยะทางประมาณ 2 กม. ห่างจากผามออีแดง ทางขึ้นเขาพระวิหาร ประมาณ 4 กม. โดยทหารเขมรเปิดฉากใช้ปืนเล็กประจำกายทั้งปืนเอ็ม 16 และปืนอาก้า กราดยิงเข้ามายังฝั่งไทยก่อน ทหารจากกองกำลังทหารพรานที่ 23 ที่ประจำการอยู่ในพื้นที่ จึงใช้ปืนประจำกายยิงตอบโต้กลับไป จนเกิดการยิงปะทะดุเดือดต่อเนื่อง สร้างความตกใจให้กับชาวบ้าน ในพื้นที่ต่างวิ่งหลบหนีเข้าที่กำบังเป็นที่ชุลมุน

ระดมยิงปืนใหญ่ถล่มดังกึกก้อง

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากทั้ง 2 ฝ่ายใช้ปืนประจำกายยิงตอบโต้กันประมาณ 30 นาที ต่างฝ่ายต่างก็เริ่มใช้อาวุธหนักทั้งปืนใหญ่ เครื่องยิงกระสุนปืน 120 มม. และจรวดอาร์พีจี โดยฝ่ายกัมพูชาระดมยิงปืนใหญ่ ถล่มเข้ามายังฝั่งไทย ทหารไทยจึงใช้ปืนใหญ่ยิงตอบโต้ไปจาก 3 ฐาน คือฐานบ้านโนนศิริ ฐานบ้านโนนเจริญ และฐานซำแต ถล่มเข้าไปยังฝั่งกัมพูชา เสียงระเบิดดังกึกก้องต่อเนื่องตลอดแนวชายแดน หลังจากนั้นก็มีเพลิงไหม้และกลุ่มควันพวยพุ่งมาจากแนวทุ่งหญ้าในพื้นที่ทับ ซ้อนจุดที่กระสุนปืนใหญ่ของแต่ละฝ่ายยิงไปตก นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มควันจากไฟไหม้บริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระด้วย

ชาวบ้านหนีตายลงหลุมหลบภัย

หลัง เกิดการยิงถล่มปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา สร้างความแตกตื่นตกใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่ โดยเฉพาะที่บ้านภูมิซรอล ใกล้จุดปะทะ ต่างพากันวิ่งหนีเข้าไปในหลุมหลบภัยที่สร้างไว้ ส่วนคนที่มีรถยนต์ส่วนตัวก็ขับออกจากพื้นที่ไปยังที่ปลอดภัย ขณะเดียวกันก็มีกระสุนปืนใหญ่จากฝั่งกัมพูชาเข้ามาตกภายในโรงเรียนภูมิซรอ ลวิทยา แต่ขณะเกิดเหตุทั้งครูและนักเรียนในโรงเรียนพากันหลบหนีออกจากโรงเรียนไปหมด แล้ว ส่วนชาวบ้านบ้านหนองเม็ก ห่างจากจุดปะทะราว 4 กม. ก็พากันอพยพออกจากพื้นที่ โดยขึ้นรถปิกอัพ ทยอยเดินทางเข้าไปในตัวอำเภอกันทรลักษ์ ขณะที่ รพ.กันทรลักษ์ คณะแพทย์และพยาบาลต่างเตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจาก เหตุปะทะที่เกิดขึ้น

ปะทะดุเดือด 2 ชั่วโมงหยุดยิง

กระทั่ง เวลา 17.30 น. หลังจากการปะทะกันอย่างดุเดือดของทหารไทยกับทหารกัมพูชานานประมาณ 2 ชม. เสียงปืนทั้ง 2 ฝ่ายก็สงบลงและหยุดยิงในที่สุด ต่อมาผู้สื่อข่าวเข้าไปตรวจสอบสภาพความเสียหายที่บ้านภูมิซรอล พบว่ามีกระสุนปืนใหญ่ตกใส่บ้านไฟไหม้ 2 หลัง คือบ้านของนายสมพร แสงประดับ และบ้านของนายวันดี ชัยสอง เป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้น ปลูกติดกัน ห่างจากตู้ยามตำรวจภูมิซรอลประมาณ 400 เมตร ถูกกระสุนปืนใหญ่ตกใส่ตัวบ้านจนเกิดไฟไหม้วอดทั้ง 2 หลัง แต่ขณะเกิดเหตุคนในบ้านหลบหนีออกไปได้ จึงไม่มีใครได้รับอันตราย

ร.ร.ภูมิซรอลวิทยาโดนบึม 2 ลูก

ส่วน ที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา พบว่าลูกระเบิดจากทหารกัมพูชายิงตกเข้ามาในบริเวณโรงเรียน 2 ลูก ลูกแรกตกข้างสนามฟุตบอลเป็นหลุมลึก 1 คืบ ส่วนอีกลูกตกหลังอาคารเรียน แรงระเบิดทำให้กระจกหน้าต่างแตกเสียหายหลายบาน นายประมูล แสวงผล ผอ.โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา เผยว่า วันนี้โรงเรียนให้ อบต.เสาธงชัยจัดแข่งขันกีฬา มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็กลับบ้าน จนกระทั่งช่วงเกิดการปะทะกันแรกๆ ผู้ใหญ่บ้านประกาศแจ้งเตือนภัย ก็สามารถอพยพนักเรียนออกไปได้ทันเวลาพอดี ส่วนบริเวณนาข้าวฝั่งตรงข้ามโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ชาวบ้านได้ปลูกสวนยางพาราสูงประมาณ 2 เมตร เป็นจุดตกของลูกระเบิดจากฝั่งกัมพูชา มีลูกระเบิดตกลงมาประมาณ 20 ลูก ทำให้เกิดไฟไหม้เป็นบริเวณกว้างกว่า 50 ไร่ สวนยางพาราของชาวบ้านที่เพิ่งปลูกได้ประมาณ 3 ปี ได้รับความเสียหายหมด

ชาวบ้านถูกระเบิดหัวขาดกระจุย

ขณะ เดียวกัน เจ้าหน้าที่เข้าไปเคลียร์พื้นที่ พบศพ ผู้เสียชีวิตอยู่ในร่องน้ำแห้งกลางทุ่งนา ห่างจากโรงเรียนภูมิซรอลประมาณ 1 กม. ชื่อนายเจริญ ผาหอม อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 386/1 หมู่ 13 บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ สภาพศพถูกระเบิดหัวขาดกระจุย เหลือแต่ช่วงคอลงมาเป็นที่น่าสยดสยอง ห่างจากศพประมาณ 300 เมตร มีไฟไหม้ต้นข้าวแห้งเป็นวงกว้าง จากการระเบิดของกระสุนปืนใหญ่ของทหารกัมพูชา นางสดศรี ผาหอม ภรรยาผู้ตายเล่าว่า ตนและสามีมาทำนา ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 15.00 น. ทางการประกาศให้ประชาชนเข้าไปอยู่ในหลุมหลบภัย เพราะมีเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ได้ยินเสียงระเบิดดังเป็นระยะๆ ตนและสามีจึงวิ่งหาที่หลบ โดยสามีวิ่งลงไปหลบอยู่ในร่องน้ำที่เกิดเหตุ แต่ตนเห็นว่ายังไม่ปลอดภัย พยายามชวนสามีวิ่งไปหลบในหลุมหลบภัยจะปลอดภัยกว่า แต่สามีเข้าใจว่าเหตุการณ์จะไม่รุนแรง บอกว่าหลบอยู่นี้ปลอดภัยแล้ว ประกอบกับความชุลมุน ต่างคนก็ต่างหาที่หลบ กระทั่งเสียงปืนใหญ่เริ่มเบาลง ก็พบศพสามีถูกระเบิดปืนใหญ่เสียชีวิตในร่องน้ำดังกล่าว

"เทือก" ยังไม่ตอบทหารไทยถูกกักตัว

เวลา 17.50 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ยังพูดรายละเอียดเรื่องเหตุการณ์ไม่ได้ จนกว่าจะได้รับรายงานอย่างเป็นทางการ ขณะนี้ได้รับรายงานเหตุการณ์ เรื่องที่ทหารไทยกับกัมพูชายิงกันเท่านั้น และยังไม่ได้รับรายงานเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ได้ติดตามสถานการณ์ มาตั้งแต่เมื่อเวลา 15.00 น.แล้ว เมื่อถามว่า มีข่าวว่าทางทหารกัมพูชาได้จับกุมตัวทหารไทยเอาไว้ถึง 5 นาย และการยิงเข้ามาทางทหารกัมพูชาได้เล็งเพื่อยิงเข้าใส่ชุมชนมากกว่าที่จะยิง ตามแนวชายแดน นายสุเทพกล่าวว่า อย่าเพิ่งพูด รอรายงานก่อน ขณะนี้แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว และคงไม่ต้องกำชับอะไรเป็นพิเศษ เพราะเขาทำตามหน้าที่คอยติดตามสถานการณ์อยู่แล้ว เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการอพยพประชาชนในพื้นที่แล้วหรือยัง นายสุเทพกล่าวว่า ยังรอรายงานสถานการณ์ก่อน เมื่อถามย้ำว่า ตอนนี้สถานการณ์รุนแรงหรือไม่ นายสุเทพไม่ได้ตอบคำถามนี้แต่อย่างใด

มท.พร้อมเข้าช่วยเหลือประชาชน

เวลา 18.00 น. นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีเหตุปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ได้รับรายงานจาก ผวจ.ศรีสะเกษว่า บริเวณที่เป็นปัญหาที่อำเภอกันทรลักษ์นั้น ฝ่ายปกครองเป็นหน่วยพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง ทำหน้าที่เป็นฝ่ายสนับสนุน ในส่วนของการดูแลประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว เมื่อมีการเตือนภัยประชาชนจะได้ลงหลุมหลบภัยที่มีการเตรียมไว้แล้ว จากนั้นเมื่อสงบลงจะอพยพเคลื่อนย้ายชาวบ้านออกจากพื้นที่ที่มีการสู้รบ ทั้งนี้ สำหรับกระทรวงมหาดไทยมีการตั้งศูนย์เพื่อเป็นหน่วยข่าวรับทราบและรายงาน สถานการณ์ ส่วนจังหวัดและอำเภอที่เกิดเหตุการณ์ มีศูนย์ช่วยเหลือประชาชนอยู่แล้ว นอกจากนี้ สำหรับจุดรอยต่อต่างๆ เช่นตามตะเข็บชายแดนที่จังหวัดสุรินทร์หรือสระแก้ว กำลังมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากเกิดเหตุปะทะ ฝ่ายปกครองจะเข้าช่วยเหลือประชาชนทันที ขณะเดียวกันได้มีการอพยพราษฎรแล้ว 5 หมู่บ้าน รวม 600 ครัวเรือนไปอยู่ยังที่ว่าการอำเภอ ห่างแนวชายแดน 15 กม. และจะอพยพในจุดเสี่ยงทั้งหมดที่ อ.กันทรลักษ์ จำนวน 3 ตำบล รวม 19 หมู่บ้าน

ยืนยันไม่มีทหารไทยถูกจับกุม

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ทหารทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิงแล้ว โดยการประสานงานกันทุกระดับ ทั้งรัฐบาล รัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่จุดประสานงาน ที่วัดแก้วฯ ส่วนที่มีข่าวว่าทหารไทยถูกควบคุมตัวนั้น ความจริงไม่ใช่ เป็นหน้าที่ที่จะประสานกับเจ้าหน้าที่กัมพูชา ไม่มีทหารไทยถูกควบคุมตัวแต่อย่างใด ส่วนที่กัมพูชาออกข่าวนั้นก็แล้วแต่ ทหารก็ทำหน้าที่ของทหารในการติดต่อจนกระทั่งล่าสุดหยุดยิง และไม่มีการถูกควบคุมตัว ส่วนทหารบาดเจ็บมี 4 นาย อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้สื่อ กัมพูชารายงานว่า มีการควบคุมทหารไทย โดย พล.อ. เตียบันห์ รมว.กลาโหมกัมพูชา ยืนยันว่ามีทหารไทยถูกจับในวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ 4 นาย และผู้บัญชาการกอง กำลังพื้นที่ทั้ง 2 ประเทศได้นัดเจรจากันในเวลา 20.00 น. แต่ยังไม่ได้ระบุสถานที่ชัดเจน และหากมีการพิจารณาปล่อยตัวทหารทั้ง 4 นายจริง ก็น่าจะเป็นในวันรุ่งขึ้น

ผบ.ทบ.ยันไม่มีทหารไทยถูกจับ

เวลา 18.30 น. ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่บ้านภูมะเขือ ว่า สถานการณ์ล่าสุดเรียบร้อยแล้ว ทหารกัมพูชายุติการปะทะกันเมื่อเวลา 18.00 น. การอยู่ในสนามรบค่อนข้างยากในการประสานงานกัน ช่วงที่มีการรบเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น ไม่อยากโทษว่าใครเริ่มก่อน ดังนั้น ทหารทั้งสองประเทศต่างทำหน้าที่ของตนเอง การปะทะกันนานพอสมควร ตั้งแต่ 15.00-18.00 น. ทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่ไม่ทราบการสูญเสีย เท่าที่ทราบฝ่ายเราบาดเจ็บเล็กน้อยจำนวนหนึ่ง ตนบอกว่าถ้ารบกันก็ต้องมีการบาดเจ็บ สูญเสีย มีชาวบ้านภูมิซรอลบาดเจ็บสาหัส เพราะมีกระสุนปืนใหญ่บางนัดตกเข้าในฝ่ายไทยหลังแนวเขาพระวิหาร ส่วนที่มีการข่าวว่าทหารไทยถูกจับนั้นไม่มี ตนเคยว่า แนวเขตชายแดนอยู่ห่างกันไม่มาก ดังนั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้ อาจจะเกิดการเข้าใจผิดกันก็ได้สถานการณ์การรบที่อยู่ในการกดดัน เวลามีอะไรที่ผิดปกติก็อาจจะมีคนที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดการปะทะกันก็ได้ แต่เราก็พยายามอย่างดีที่สุดที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย ซึ่งเราก็สามารถหยุดได้ในเวลาที่ไม่นานนัก

ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 8 นาย

สำหรับ เหตุการณ์ปะทะครั้งนี้มีทหารไทยได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 8 นาย ถูกช่วยเหลือนำส่ง รพ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประกอบด้วย จ.ส.ต.มงคล พลเยี่ยม อายุ 49 ปี มีเลือดออกใต้ตาจากแรงสะเก็ดระเบิด ทหารพรานดำรง พรหมโอตร อายุ 51 ปี หูอื้อจากแรงระเบิดและมีแผลถลอกที่ข้อมือขวา จ.ส.ต.วิรัตน์ งามสูงเนิน อายุ 49 ปี ปวดศีรษะจากแรงระเบิด ทหารพรานสุวรรณ บ่อแก้ว อายุ 40 ปี ศีรษะแตก พลทหารวิทยา สีนันตะ อายุ 22 ปี โดนสะเก็ดระเบิดที่ขาซ้าย จ.ส.อ.สุมน จันประโคน อายุ 50 ปี โดนสะเก็ดระเบิดที่แขน อาสาสมัครเสถียร ศรีมุกดา อายุ 46 ปี โดนสะเก็ดระเบิดที่ขา และ ส.อ.ธีรวัฒน์ ศรีวรินทร์ อายุ 26 ปี โดนสะเก็ดระเบิดที่ขา


ไทยรัฐออนไลน์

• โดย ทีมข่าวภูมิภาค
• 5 กุมภาพันธ์ 2554, 05:30 น.

ปืนใหญ่ถล่มไทย ศีรษะขาด เซ่นสงครามเขมร - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เขมรซัดยิงเพราะไทยไม่สนคำเตือน

เขมรซัดยิงเพราะไทยไม่สนคำเตือน


โฆษกรัฐบาลกัมพูชา เผยการยิงต่อสู้ที่เกิดขึ้น เพราะทหารไทยไม่สนคำเตือนไม่ให้ข้ามมายังเขตแดนกัมพูชา ...

ขณะ เดียวกัน สำนักข่าวเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์ รายงานเหตุยิงปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชาด้วยเช่นกัน โดยระบุว่าทั้ง 2 ฝ่าย ต่างกล่าวหากันและกันว่า เป็นฝ่ายยิงก่อน และว่าการยิงต่อสู้กันเริ่มเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. บริเวณภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้พื้นที่ตั้งปราสาทพระวิหารที่ต่างอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนและเกิดต่อ เนื่องกว่า 1 ชม. อีกทั้งพบด้วยว่ามีการยิงปืนใหญ่เข้าใส่กันด้วย แต่ไม่ทราบแน่ชัดเป็นของฝ่ายไหนหรือว่าใช้กันทั้ง 2 ฝ่าย

นายเขียว กันหาริด โฆษกรัฐบาลกัมพูชา เผยว่าการยิงต่อสู้เกิดขึ้นเพราะทหารไทยไม่สนคำเตือนไม่ให้ข้ามมายังเขตแดน กัมพูชา จนทหารกัมพูชาต้องยิงปืนขึ้นฟ้าเตือน แต่ทหารไทยกลับยิงตอบโต้เอาคืน ส่วนตำรวจกัมพูชาเผยว่าเหตุยิงปะทะทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 2 นาย ขณะที่ฝ่ายไทยระบุไม่มีรายงานทหารบาดเจ็บ ขณะที่นายชุม โสเจียต โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา แถลงว่าทหารทั้ง 2 ฝ่าย ใช้ทั้งปืนครกและปืนใหญ่ยิงปะทะกัน ขณะที่สถานีโทรทัศน์รัฐบาลกัมพูชาอ้างการเปิดเผยของนายพาย สีพัน โฆษกรัฐบาลกัมพูชา ระบุว่ามีทหารไทยอย่างน้อย 4 นาย ถูกฝ่ายกัมพูชาจับตัว กล่าวหาทหารไทยเป็นฝ่ายรุกล้ำอาณาเขต กัมพูชาจึงมีสิทธิ์ปกป้องตนเอง ส่วนนายฮอร์ นัมฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา เผยว่ากัมพูชาจะยื่นร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) กล่าวหาฝ่ายไทยรุกล้ำเขตแดนกัมพูชา


ไทยรัฐออนไลน์

• โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
• 5 กุมภาพันธ์ 2554, 06:30 น.

เขมรซัดยิงเพราะไทยไม่สนคำเตือน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ตร.คุมเข้มสถานทูตกัมพูชาในไทย

ตร.คุมเข้มสถานทูตกัมพูชาในไทย


ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ ยัน ดูแลทั่วถึงชาวบ้านหนีหลบภัยที่ว่าการอำเภอกันทรลักษณ์ กว่า 3 พันคน คาดเหตุการณ์ไม่ยืดเยื้อ ขณะตำรวจ คุมเข้มสถานทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย...

ความ คืบหน้าเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชา บริเวณชายแดน จ.ศรีสะเกษ ช่วงเช้า วันที่ 5 ก.พ.​ นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ให้สัมภาษณ์ เมื่อเวลาประมาณ 07.30 น. ว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่มีการปะทะกันเพิ่มเติม มีชาวบ้านเสียชีวิต 1 ราย ทหารได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ไม่มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากหลบอยู่ในหลุมหลบภัย ช่วงที่มีการปะทะกัน ขณะที่มีชาวบ้านประมาณ 3,000 คน มารวมกันอยู่ที่หอประชุม ที่ว่าการอำเภอกันทรลักษณ์ ซึ่งเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ พอเพียง มีบริเวณกว้าง อาหารการกิน น้ำ พร้อม ทางราชการดูแลอย่างดี และมีพี่น้องประชาชน องค์กร มูลนิธิ มาดูแลกันเต็มที่

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ความเสียหายกำลังตรวจสอบ ของทางราชการที่เสียหาย มีโรงเรียนมัธยมภูมิซรอล ที่กระสุนปืนใหญ่ตกที่หลังคา ชำรุดเสียหาย ของประชาชนมีไฟไหม้บ้าน 8 หลัง ขณะที่ช่วงค่ำ ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ อปพร. เข้าไปช่วยลาดตระเวน ให้ความอุ่นใจ คาดว่าสถานการณ์ไม่ยืดเยื้อ เนื่องจากเป็นการปะทะระยะไกล หน่วยความมั่นคง คงเจรจาแก้ไขกันได้ หากมีีการอพยพ เราเตรียมแผนอพยพไว้ทุกอำเภออยู่แล้ว มีรถพร้อมที่จะเคลื่อนประชาชนส่วนที่เหลือมาที่ว่าการอำเภอ เสียดายว่า 1 รายที่เสียชีวิต ไปอยู่ที่นาข้างนอก กลับเข้ามาหลุมหลบภัยไม่ทัน

ขณะ ที่ประมาณเวลา 23.20 น. วันที่ 4 ก.พ. บรรยากาศบริเวณรอบสถานทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย ถนนประชาอุทิศ แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม.เต็มไปด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งจุดสกัดตรวจค้นบุคคลและยานพาหนะ ต้องสงสัย ซึ่งหลังจากที่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา ช่วงชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ทาง พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. สั่งการให้ พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.วังทองหลาง ควบคุมกำลังเจ้าหน้าที่ ปจ.บก.น.4 จำนวน 1 กองร้อย สนธิกำลังกับสายตรวจและฝ่ายสืบสวน สน.วังทองหลาง ออกตั้งด่านรอบๆ พื้นที่

นอก จากนี้ กระทรวงต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์เมื่อคืนนี้ ชี้แจงการปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาเมื่อวานนี้ บริเวณชายแดนปราสาทพระวิหาร ระบุกองทัพไทยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการรักษาสิทธิที่จะป้องกันตนเองตาม กฎหมายระหว่างประเทศ แต่ในขณะเดียวกันยังยืนยันที่จะแก้ไขปัญหาพิพาทชายแดนด้วยวิธีการสันติ แต่ขอสงวนสิทธิอันชอบธรรมที่จะปกป้องอธิปไตย

อย่างไรก็ตาม นายวีรยุทธ์ ดวงแก้ว กำนัน ต.เขาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ​จ.ศรีสะเกษ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังขึ้นเป็นระยะ จากการปะทะกันของทหารไทยและกัมพูชา บริเวณทางตะวันตกของบ้านภูมิซรอลและบ้านภูมะเขือ ตั้งแต่เวลา 06.45 น. วันที่ 5 ก.พ.จนถึงขณะนี้เสียงปืนใหญ่ยังดังต่อเนื่อง มีกระสุนตกมาใกล้หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหายหนัก โชคดีที่ทางราชการได้อพยพชาวบ้านออกไปบ้างแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ ล่าสุดยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บเพิ่มเติม


ไทยรัฐออนไลน์

• โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
• 5 กุมภาพันธ์ 2554, 08:14 น.

ตร.คุมเข้มสถานทูตกัมพูชาในไทย - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เดือดไทยปะทะเขมรดับ6ศพ

​

ยิงปะทะเดือด ทหารไทย-เขมร ใกล้พระวิหาร แม่ทัพภาค 2 ยันทหารเขมรลงมือยิงก่อน ชาวบ้านตาย

เมื่อ วันที่ 4 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ บริเวณด่านตรวจที่ 1 สะพานห้วยดาน ถนนวิหาร หมู่ 12 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งห่างจากปราสาทพระวิหาร 10 กม. ว่า ทหารหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 กองกำลังสุรนารี และกองพลทหารราบที่ 6 กองทัพภาคที่ 2 พร้อมอาวุธครบมือ ยังคงห้ามบุคคลภายนอกและยานพาหนะ ที่ไม่เกี่ยวกับกองทัพไทย ผ่านเข้าออกอย่างเด็ดขาด เนื่องจากทหารในสังกัดกองพลทหารราบที่ 6 กองทัพภาคที่ 2 ได้ทำการซ้อมรบตามยุทธวิธีทหาร ที่บริเวณเทือกเขาพนมดงรักใกล้กับพื้นที่พิพาทเชิงเขาพระวิหาร
โดย ทหารเกณฑ์และทหารอาสา ได้ทำการฝึกขุดหลุมหลบภัยหลังเขตแดน และขุดหลุมดินขนาดใหญ่ เอากระสอบบรรจุทรายมาวางเรียงและใช้ดินที่สั่งซื้อจากเอกชนมาถมทับทำเป็น เนิน พร้อมนำผ้าใบมากางบังแดดกันฝน สร้างเป็นบังเกอร์เรียงรายหลายร้อยหลุม ท่ามกลางสายตาของทหารกัมพูชา ที่ตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่พิพาท ซึ่งเฝ้าดูการฝึกของทหารไทย อย่างให้ความสนใจ ส่วนทหารกรมทหารปืนใหญ่ที่ 6 กองพลทหารราบที่ 6 กองทัพภาคที่ 2 ได้เคลื่อนปืนใหญ่ รุ่นจีเอชเอ็น 45 ขนาด 155 มม. และรุ่นแอลจี 1 เอ็มเค 2 ขนาด 105 มม. เข้าประจำการตามฐานต่างๆ เสริมกับกองทัพรถถังหลักรุ่นเอ็ม 60 เอ 1 และเอ 3 ที่เข้าประจำการก่อนหน้านี้แล้ว
แหล่งข่าวทหารกัมพูชา เปิดเผยว่า ทหารการข่าวกัมพูชา ได้รับคำสั่งให้ติดตามความเคลื่อนไหว ของกองกำลังทหารไทยอย่างใกล้ชิดและรายงานสถานการณ์ให้ทราบทุกครึ่งชั่วโมง เนื่องจากไม่ไว้วางใจว่า จะเป็นการซ้อมรบตามที่กล่าวอ้าง กัมพูชาจึงได้ส่งรถถังหลักรุ่นไทป์ 59 ติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 105 มม. ผลิตในสาธารณรัฐประชาชนจีน เคลื่อนจากศูนย์ฝึกรถถัง จ.กัมปงชนัง มาเสริมทัพรถถังหลักรุ่นที 55 ที่มาประจำการก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมเสริมเครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง รุ่นพีเอฟ 89 ขนาด 80 มม. ให้กับหน่วยเผชิญหน้าแทนอาร์พีจี 7 ด้วย โดยมีภารกิจหลักคือ ป้องกันมิให้ทหารไทย บุกเข้ามาถอนธงชาติกัมพูชา ที่ปักอยู่เหนือซุ้มประตูวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ
ส่วนแหล่งข่าวทหาร ไทย กล่าวว่า กัมพูชาส่งรถถังรุ่นใหม่มาประชิด ก็เพื่อเตรียมพร้อมป้องกันตนเอง เพราะสถานการณ์ในพื้นที่ค่อนข้างคุกรุ่น ต่างฝ่ายต่างระแวงซึ่งกันและกัน ผู้บัญชาการหน่วยทหารในพื้นที่ ก็ยังเจรจากันไม่ลงตัว เนื่องจากไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ต่างต้องรอดูท่าทีรัฐบาล กลายเป็นว่า ตรึง-รุก-ถอย-ซ้อม อยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ขอยืนยันว่ากำลังพลในพื้นที่ ไม่ได้รับคำสั่งให้บุกเข้าไปยึดวัดแก้วฯ หรือถอนธงชาติกัมพูชาแน่นอน ถือเป็นเรื่องปกติที่กองกำลังทหารอยู่ที่ใด ก็จะมีธงชาติอยู่ที่นั่น หากกองกำลังทหารไทยไปที่วัดแก้วฯ ก็จะนำธงชาติไทยไปด้วยเช่นกัน แต่เราคงไม่ปักคู่ธงชาติกัมพูชา เพราะจะกลายเป็นว่าท้าทายกัน ส่งผลให้เกิดการปะทะตามมาได้ง่ายๆ สรุปก็คือทั้งทหารไทยและเขมร ไม่มีใครอยากรบ มันหมายถึงความสูญเสีย ทหารพลีชีพมา ใครรับผิดชอบ ชาวบ้านก็เดือดร้อน

ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ในการประชุมคณะกรรมาธิการความร่วมมือทวิภาคี (เจซี)ไทย-กัมพูชา ร่วมกับนายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ รัฐมนตรีต่างประเทศของทั้ง 2 ประเทศ ได้หารือแบบสองต่อสองนานประมาณ 20 นาที

จากนั้นนายฮอร์ นัม ฮง ได้กล่าวเปิดประชุมเจซีไทย-กัมพูชา ว่า ขอแสดงความยินดีที่สังเกตเห็นว่า 2 ประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น หลังมีการพบปะกันหลายครั้ง รวมทั้งมีกิจกรรมต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนทั่วไทย (จีบีซี) ไทย-กัมพูชา ที่เมืองพัทยา การแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างรัฐมนตรีและสื่อมวลชน การฉลองครบ 60 ปีความสัมพันธ์ 2 ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกเลิกการตรวจลงตราหนังสือเดินทางธรรมดาที่ทำให้ ประชาชนทั้ง 2 ประเทศเดินทางไปมาหาสู่และทำมาค้าขายระหว่างกันมากขึ้น ขณะที่เอกสารผลการประชุมเจซีจะเป็นแนวทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไป ปฏิบัติใช้ เพื่อที่จะทำให้ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศดีขึ้น

"เป็นเรื่องปกติที่ประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกันก็ต้องมีปัญหาคั่งค้าง ซึ่งเราต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาเหล่านั้นเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ อย่างมีความสุขต่อไป" นายฮอร์ นัม ฮง กล่าว

ขณะที่นายกษิต กล่าวว่า สังคมไทยและกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านที่ข้องแวะกันมานานหลายร้อยปี เรามีความเหมือนมากกว่าความต่างซึ่งสามารถนับเป็นต้นทุนร่วมกัน รัฐบาลและประชาชนควรส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ประเทศที่ติดกันตัดขาดกันไม่ได้ ปัญหากระทบกระทั่ง ความเข้าใจผิด และมุมมองที่ต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ความเหมือนในอดีตและอนาคตที่ดีร่วมกันมีอีกมากมาย เราต้องไม่ให้ปัญหาเป็นปัญหาต่อเนื่องและขยายเป็นปัญหาต่อๆไป แต่ต้องมุ่งแก้ปัญหาควบคู่ไปกับการร่วมมือเพื่อความสงบสุขของประชาชนทั้งสอง ประเทศ

"แม้จะมีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2553 แต่ไทย-กัมพูชาก็สามารถประชุมเจซีร่วมกันได้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจจริงของ 2 ประเทศที่จะร่วมกันส่งเสริม และกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ให้มีความคืบหน้าแน่นแฟ้นและแสดงให้โลกเห็นว่าทั้ง 2 ประเทศยังคำนึงถึงภาพใหญ่ มีความสุขุม มีสติที่จะฟันฝ่ากระแส และกระทำในสิ่งที่ควรทำ เราต้องมองข้ามความขัดแย้งที่เกิดจากปมปัญหาในอดีต และต้องไม่ให้อดีตมาเป็นอุปสรรคต่ออนาคต" นายกษิต กล่าว

ต่อมานายกษิต ได้เปิดเผยอีกครั้งหลังการประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง ว่า การประชุมทั้งในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสและระดับรัฐมนตรี เป็นไปด้วยความราบรื่น มีบรรยากาศที่อบอุ่นและสร้างสรรค์ โดยพูดคุยกันถึงความร่วมมือที่ค่อนข้างสมบูรณ์และรอบด้าน ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนความสัมพันธ์ให้กระชับยิ่งขึ้นและจะเป็นประโยชน์ต่อภาค เอกชนและประชาชนโดยรวม สำหรับการหารือกับนายฮอร์ นัม ฮง นั้น ได้พูดถึงภาพรวมของความสัมพันธ์ว่าจะขับเคลื่อนไปอย่างไร รวมถึงการที่จะให้ประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชาโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ทุกอย่างสามารถขับเคลื่อนไปได้ เพราะมีเรื่องที่ 2 ฝ่ายสามารถทำร่วมกันได้ในระหว่างที่รอรัฐสภาพิจารณาบันทึกการเจบีซีฯ ทั้ง 3 ฉบับ

นอกจากนี้ยังคุยถึงเรื่องที่ 2 ฝ่ายจะพยายามในการสร้างความสงบตลอดแนวชายแดน ทั้งการให้ข่าวสารข้อมูล การดูแลรักษาความปลอดภัย และการพยายามหลีกเลี่ยงการดำเนินการสิ่งที่จะสร้างความขัดแย้ง ซึ่งตนได้ขอบคุณที่นายนัม ฮง ที่ช่วยประสานให้ตนได้เข้าเยี่ยมนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ รวมถึงยังได้ขอให้กัมพูชาเร่งดำเนินการด้านต่าง ๆ และการพิจารณาให้ทั้ง 2 คนกลับไทยได้ โดยดูว่ากระบวนการยุติธรรมจบตรงไหน และฝ่ายบริหารจะเข้ามาต่อได้อย่างไร เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องคาใจหรือก่อให้เกิดแรงกดดันที่จะทำให้มี ผลกระทบกับความร่วมมือ 2 ฝ่าย ซึ่งตนคิดว่านายนัม ฮง น่าจะเข้าใจประเด็นของความเป็นไปในการเมืองภายในของไทยที่เกี่ยวกับนายวีระ และรู้ว่าเราจะต้องร่วมมือกันในการบรรเทาประเด็นปัญหา เพื่อให้ความสัมพันธ์ในภาพรวมมีความคืบหน้า เพราะมีสิ่งที่เราต้องทำร่วมกันอีกมาก

เมื่อถามว่า ได้คุยเรื่องปัญหาบริเวณปราสาทพระวิหาร การปลดธง และเรื่องวัดแก้วสิขาคีรีสะวาระหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า ได้พูดกันหมดแล้วว่าเรื่องอย่างนี้สร้างความร้อนแรง และไม่ได้มีประโยชน์อะไร มีแต่จะทำให้โกรธกัน อะไรที่เลิกรากันได้ก็ทำกันไป และเมื่อพูดคุยกันแล้วตกลงกันในหลักการว่าจะไม่สร้างความหวั่นไหว โต้ตอบกันไปมา หลีกเลี่ยงการกระทำอะไรที่จะเป็นการปลุกระดม ปลุกเร้า สร้างความเข้าใจผิดหรือสร้างความตึงเครียดทั้ง 2 ฝ่ายต้องพยายามบอกคนในประเทศตัวเองว่าให้บรรเทากันไว้ ซึ่งตนบอกนายนัม ฮง ว่าถ้ามีอะไรก็ให้โทรศัพท์หากันโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ลุกลาม

เมื่อถามถึงการที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ยื่นเส้นตายให้นำตัวนายวีระ และน.ส.ราตรี กลับไทยภายในวันที่ 5 ก.พ.นี้ โดยไม่มีคดีติดตัว นายกษิต กล่าวว่า คนพูดมันก็พูดง่าย แต่ต้องดูเหตุและที่มาที่ไปเสียก่อน รัฐบาลพยายามให้ความช่วยเหลือทุกอย่างอย่างเต็มที่แล้ว อย่างไรก็ตาม การนำตัวคนทั้งสองกลับมาก็อยู่ที่ทั้งสองด้วยว่าจะเอาอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่าฝ่ายกัมพูชาตอบรับในหลักการที่จะให้ไทยนำเอาสระตราวและโบราณสถานโดย รอบพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกและบริหารจัดการร่วมกับฝ่ายไทย นายกษิต กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ประเด็นเหล่านี้มีคณะกรรมการระดับชาติที่ดูแลอยู่แล้ว ที่สำคัญคือเรื่องนี้ต้องให้รัฐบาลสองฝ่ายเห็นชอบจะว่ากันฝ่ายเดียวไม่ได้

ด้านนายนัม ฮง กล่าวว่า การประชุมมีการสานต่อปัญหาหลายเรื่องที่สำคัญคือหารือเรื่องการค้ามนุษย์ที่ คนกัมพูชาถูกหลอกลวงเข้าไปค้าแรงงานในไทยและถูกจับกุม ซึ่งอยากให้ฝ่ายไทยช่วยดูแลโดยยึดหลักสิทธิมนุษยชน ถ้าคนกัมพูชาทำผิดก็สามารถจับกุมได้แต่อย่าใช้วิธีรุนแรงเช่นถูกยิงแต่ให้ ดำเนินการการไปตามกฎหมาย การทำเอ็มโอยูเรื่องราคาสินค้าเกษตร นอกจากนี้ยังได้หารือกันถึงการเปิดด่านใหม่นอกเหนือจากที่มีอยู่เพื่อเป็น ช่องทางให้คนสองประเทศไปมาหาสู่กันได้สะดวกมากขึ้น

นายนัม ฮง กล่าวอีกว่า ในส่วนปัญหาชายแดน นายกษิต ได้แจ้งว่าจะมีการดำเนินการเรื่องเจบีซีให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องรอให้เอ็มโอยูทั้ง 3 ฉบับ ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาก่อน เพราะมีสิ่งที่สามารถทำได้ก่อนคือ การทำภาพถ่ายทางอากาศ เพื่อหาหลักเขตทั้งหมด ควบคู่กับการให้ผู้เชี่ยวชาญลงตรวจสอบพื้นที่ทางบก ซึ่งขณะนี้มีหลักหมุดที่หาเจอแล้ว 33 หลักเขต ที่ยังถกเถียง 15 หลัก และหาไม่เจอ 25 หลัก ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับการแก้ไขปัญหาเรื่องเขตแดน ทั้งนี้ตนเห็นว่าการประชุมเจบีซีเร็วขึ้นจะได้ช่วยลดความตึงเครียดตามแนวชาย แดน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตามแนวชายแดนเกิดความตึงเครียดเพราะมีการเสริมกำลังทหาร นายนัม ฮง กล่าวว่า ไม่มีความตึงเครียดเลย สถานการณ์ก็ยังธรรมดาอยู่ แต่ที่ผ่านมา ฝ่ายไทยนำอาวุธมาฝึกตามแนวชายแดน กัมพูชาจึงต้องนำอาวุธไปฝึกตามแนวชายแดนเหมือนกัน เราก็ต้องเตรียมตัวไว่ก่อน แต่ตนเชื่อมั่นว่าในเวลานี้จะไม่มีการปะทะกันตามแนวชายแดน

เมื่อถามว่า ได้มีการพูดถึงเรื่องวัดแก้วฯ และข้อเรียกร้องให้ปลดธงชาติกัมพูชา หรือไม่ นายนัม ฮง กล่าวว่า วัดแก้วฯ อยู่ในดินแดนภายใต้อธิปไตยกัมพูชา ส่วนเรื่องจะย้ายธงไปตรงไหนนั้น ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะที่นั่นคือดินแดนของเรา
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.15น. เกิดเหตุทหารไทยยิงปะทะกับทหารกัมพูชา บริเวณบ้านภูซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยเบื้องต้นทราบว่าขณะทหารไทยยกกำลังประชิดวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ทหารกัมพูชาจึงเปิดฉายยิงเข้าใส่กลุ่มทหารไทยทันที จนเกิดการปะทะกันขึ้น คาดว่าน่าจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็หลังทั้ง 2ฝ่ายปะทะกันเกิดควันไฟพุ่งขึ้นบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร อย่างไรก็ตามเบื้องต้นพบศพนายเจริญ ผาหอม อายุ 59 ปี ถูกกระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชา เสียชีวิตอยู่ในหมู่บ้านภูซรอล
นางสดศรี ผาผอม ภรรยานายเจริญ กล่าวว่า เมื่อเวลา 15.00น. มีเจ้าหน้าที่มาบอกให้ชาวบ้านเตรียมตัวอพยพหรือไม่ก็ไปหาที่หลบ แต่ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์จะรุนแรงขนาดนี้
เวลาประมาณ 17.00 น.มีกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายทหารกัมพูชายิงเข้ามาตกในพื้นที่หมู่บ้านชุมชนของ ต.เสาธงชัย อย่างต่อเนื่องจำนวนหลายนัด ทั้งตกใส่บ้านเรือนประชาชนภายในหมู่บ้านภูซรอล ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังตกลงบริเวณโรงเรียนบ้านภูซรอล ทำให้อาคารได้รับความเสียหาย และจุดใกล้ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เสาธงชัยด้วย
พล.ท.ธวัช ชัย สุมทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ทหารเขมรได้เปิดฉายยิงทหารไทยก่อนโดยมีลูกกระสุนปืนใหญ่มาตกในฝั่งไทยกว่า 10 ลูก อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้อพยพชาวบ้านในจุดเกิดเหตุไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว หลังมีลูกกระสุนของฝ่ายกัมพูชาตกลงมาในหมู่บ้านโนนเจริญ บ้านภูซรอล บ้านโนนดู่
ขณะที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ตรวจสอบทราบว่า เวลา 15.15 น. ได้มีประสุนมาตกใกล้ๆกับที่วางกำลังของทหารไทยบริเวณภูมะเขือ ทหารจึงยิงตอบโต้กลับไป หลังจากนั้นกองกำลังของกัมพูชาได้ยิงกระสุนนานาชนิดเข้ามา เราจึงยิงตอบโต้กลับไปแบบสมน้ำสมเนื้อ ตลอดระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. อยู่ระหว่างเจรจากับนายทหารระดับสูงของกัมพูชา เพื่อควบคุมการปะทะและให้จบสิ้นโดยเร็ว ขอแจงว่าเราไม่ได้อ่อนด้อยกว่ากัมพูชา ทหารไทยมีความพร้อมและมั่นใจในการดูแลพื้นที่
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ทหารไทยที่ถูกจับตัวอยู่ขณะนี้ทราบว่าทหารของเรายังอยู่ในจุดประสานงาน ขณะที่เกิดควันที่วัดแก้วฯ คาดว่ามาจากสะเก็ดระเบิด อย่างไรก็ตามมีทหารไทยบาดเจ็บเล็กน้อย 2 นาย เนื่องจากถูกสะเก็ดระเบิด ทางด้านสุรินทร์ยังไม่มีเหตุการณ์อะไร ผู้บังคับชาพยายามติดต่อกันและเจรจา แต่ยืนยันว่าเราไม่ได้กลัวกัมพูชาแต่อย่างใด
ด้านสำนักข่าวเอเอฟฟี รายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ว่า ทหารไทย กับทหารกัมพูชาได้เกิดการปะทกันขึ้นใกล้กับปราสาทพระวิหาร โดยนายเขียว หันหะริธ โฆษกรัฐบาลกัมพูชา แถลงว่า มีการปะทะกันจริง
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า สื่อของกัมพูชาได้รายงานข่าวว่า ขณะนี้ทหารกัมพูชาสามารถจับกุมทหารไทยได้ 5 นาย และสามารถทำลายรถถังของฝั่งไทยอีกอีก 2 คัน
สำหรับทหารที่ได้รับบาด เจ็บทราบชื่อ ส.อ.ธีรวัฒน์ ศรีวรินทร์ จ.ส.อ.มงคล พลเยี่ยม อาสาสมัครทหารพรานดำรง พรมโอตร จ.ส.ต.นิรัตน์ งามสูงเนิน และ อาสาสมัครทหารพรานสุวรรณ ก่อแก้ว ซึ่งมทั้งหมดได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
ด้าน พล.อประยุทธิ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวว่า เกิดจากความเข้าใจผิดอะไรบ้างอย่าง โดยมีเสียงปืนดังตามแนวชายแดน ทหารที่ตรึงกำลังอยู่ได้ยิงเตือนกลับไป แต่ไม่ได้มุ่งหมายชีวิตต่อมาทหารทั้ง 2ฝ่ายได้มีการเจรจาและหยุดยิง ส่วนการแก้ไขปัญหาต้องใช้การเจรจาเป็นไปตามขั้นตอนการทะเลาะเบาะแว้งไม่เกิด ประโยชน์กับใคร
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่ามีบ้านเรือน ในหมู่บ้าน ภูซรอล ต.เขาธงชัย 7 หลัง ได้รับความเสียหาย โรงเรียนบ้านภูซรอลหลังคาทะลุ อย่างไรก็ตามชาวบ้านสาวนใหญ่ที่อพยพออกมาได้อาศัยอยู่ที่ว่าการอำเภอกันทร ลักษ์ แต่อีกส่วนยังคงอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน แต่หากมีเหตุการณ์อะไรชาวบ้านก็หนีลงไปในหลุมหลบภัยได้ทัน
เมื่อเวลา 21.40 น.ที่ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์หลังจากเดินทางกลับมาจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาถึงกรณีทหารไทยปะทะกับทหารกัมพูชา ว่า ในระหว่างที่เกิดเหตุการณ์ปะทะนั้น ตนอยู่กับทูตไทยที่กรุงพนมเปญ ซึ่งทั้งตนและทูตไทยก็ได้โทรศัพท์ติดต่อกับผู้นำฝ่ายไทยและกัมพูชา เพื่อขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายยุติการปะทะ ซึ่งภายหลังก็ได้ยุติการปะทะกัน ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะเป็นเครื่องเตือนให้กับยูเนสโกและ คณะกรรมการมรดกโลกว่าการพิจารณาเขาพระวิหารขึ้นเป็นมรดกโลกเป็นสาเหตุทำให้ เกิดการปะทะ
“ ในส่วนของการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงนั้นเป็นหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งตนไม่อยากให้เรื่องนี้ไปเกี่ยวข้องกับกรณีของนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ และขอย้ำว่ากระทรวงการต่างประเทศยังคงใช้การเจรจาในการแก้ไขปัญหา ไทย-กัมพูชาเป็นหลัก สำหรับเรื่องที่นายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ระบุว่ากัมพูชาได้ยื่นยูเอ็นว่าทหารไทยรุกล้ำดินแดนก่อนและเป็นฝ่ายเปิดฉาก ยิงทหารกัมพูชาก่อนนั้น ผมไม่คิดว่าจะยื่นได้เร็วขนาดนี้ และคาดว่าทางกัมพูชายังคงจำคำพูดของเลขาธิการยูเอ็นได้ ที่เคยบอกว่าปัญหาชายแดนคือเรื่องของทั้งสองฝ่ายต้องแก้ไขปัญหากันเอง ต่อไปนี้ทุกฝ่ายต้องใช้ความพยายาม สุขุม มีสิต อดทน” นายกษิต กล่าวและว่า ในส่วนเรื่องที่กัมพูชาได้ชะลอการแสดงสินค้าออกไปก่อนนั้นตนอยากให้ภาคเอกชน ทบทวน อีกทั้งเรื่องการประชุมเจบีซีนั้นก็ได้มีการตกลงกับรมว.ต่างประเทศของ กัมพูชาก่อนเกิดเหตุการณ์ปะทะคาดว่าไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดจากการปะทะดังกล่าวส่งผลให้มีทหารและชาวบ้านเสียชีวิต รวม 6 คน แบ่งเป็นฝั่งไทย 3 คนและ กัมพูชา 3 คน ทั้งนี้หน่วยข่าวในพื้นที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ



Daily News Online > หน้าการเมือง > เดือดไทยปะทะเขมรดับ6ศพ

 

สหรัฐวอนไทย-เขมร อดกลั้น หลังเหตุปะทะเดือด

<style>p { margin: 0px; }</style> เมื่อวันที่ 5 ก.พ. เอเอฟพีรายงานว่า โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา แถลงเรียกร้องให้ไทยและกัมพูชา ใช้ความอดกลั้นขั้นสูงสุดหลังเหตุการณ์ปะทะกันของสองฝ่าย พร้อมระบุว่า "เราจับตาสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด"

เอเอฟพีรายงานว่าทหารไทยและกัมพูชาเปิดฉากปะทะกันตามบริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชาใกล้กับวัดแก้วสิกขาคีรี โดยเริ่มปะทุขึ้นเมื่อเวลา 15.10 น. ที่บริเวณภูมะเขือ ใกล้ปราสาทพระวิหาร จากนั้นมีรายงานผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นทหารกัมพุชา 1 ราย และชาวบ้านไทย 1 ราย

ที่จ.ศรีสะเกษ ทหารกัมพูชาปะทะกับทหารไทย บริเวณภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร โดยได้มีการระดมยิงทั้งปืนใหญ่และอาวุธนานาชนิดเข้าใส่กันอย่างต่อเนื่อง เสียงกระสุนปืนได้ยินเข้ามาถึงบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อย่างชัดเจน และจากการปะทะอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดเพลิงไหม้ป่าตลอดแนวเขาพระวิหาร

ขณะเดียวกันที่หมู่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย บรรดาครู นักเรียนและชาวบ้านต่างพากันวิ่งหนีเข้าหลุมหลบภัยกันวุ่นวาย เนื่องจากว่ามีกระสุนปืนใหญ่จากทางฝ่ายกัมพูชาตกอยู่ห่างจากหมู่บ้านภูมิซรอ ลทางด้านทิศตะวันออก ประมาณ 1 กม. ซึ่งหลังจากที่ครูเห็นว่าไม่มีเสียงปืนใหญ่เข้ามาอีก จึงอนุญาตให้นักเรียนกลับบ้าน ส่วนบรรดาผู้ปกครองนักเรียนได้พากันเก็บทรัพย์สินและของมีค่าเพื่ออพยพ





http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJNU5qZ3hNVEkwTkE9PQ==&sectionid

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=vXvw-hZZyns]YouTube - 04Feb11 ข่าวเจ็ดสี ข่าวกัมพูชาบอกทหารไทยนำรถไถเข้าไปในวัด[/ame]

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=jcU7WeiP2jI]YouTube - ข่าว ไทย เขมร ปะทะชายแดน[/ame]

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=rpCw8jeaqO0]YouTube - เจาะข่าวเด่น กัมพูชายิงใส่ไทย (4-2-54) 1/2[/ame]

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=vYV6OO3KFYM]YouTube - เจาะข่าวเด่น กัมพูชายิงใส่ไทย (4-2-54) 2/2[/ame]

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=Q_yzvGPSX6A]YouTube - ข่าวดึก tvthai เหตุปะทะไทย กัมพูชา 5ก พ 54[/ame]

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=CrKMItCEHEE]YouTube - ผู้บัญชาการทหารบก_กรณีเขมร_1/2[/ame]

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=IJnFpWpq5Jk]YouTube - ผู้บัญชาการทหารบก_กรณีเขมร_2/2[/ame]