ถ้ามีคนเชื่อข่าวลือว่าคุณเป็นคนไม่ดี ก็ไม่มีประโยชน์อะไรจะแก้ตัว

ถ้ามีคนเชื่อข่าวลือว่าคุณเป็นคนไม่ดี ก็ไม่มีประโยชน์อะไรจะแก้ตัว
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>

​

ถ้ามีคนเชื่อข่าวลือว่าคุณเป็นคนไม่ดี ก็ไม่มีประโยชน์อะไรจะแก้ตัว



เพราะคนที่ตั้งเป้ามองว่าคุณไม่ดี หรือ เชื่อในข่าวลือ

มันแปลว่าเขามองคุณไม่ดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจ ไปแคร์ ไปงอนง้อแก้ตัว เสียเวลาเปล่าๆ

เพราะจริงๆ เขาสมน้ำหน้าอยู่แล้ว ในสังคมมันก็มีคนอยู่4 ประเภทแหล่ะ

คนที่รักและช่วยเหลือเราเสมอ ( คนแบบนี้หวังดี ไม่คิดร้ายเราอยู่แล้วมั่นใจได้เลยว่าเขาจะไม่ทรยศ)

คนที่เฉยๆ ไม่ใส่ใจอะไร(คนแบบนี้คบได้ เพราะมันจะดีมากที่ได้ทำงานร่วมกับคนที่มุ่งมั่นกับงานมากกว่า
เอาเวลาไปเสีย กับเรื่องไร้สาระของคนอื่น)

คนที่สมน้ำหน้าสะใจที่เห็นคนอื่นเดือดร้อน(คนแบบนี้ ไม่อยากให้ใครได้ดีกว่าตัวเองพอคบได้แต่อย่าไปใส่ใจมาก)

คนที่เจตนาร้ายหวังจะทำให้เราเดือดร้อน(คนแบบ นี้ ควรห่างให้ไกลเพราะ เขาจะร้ายกับทุกคน แม้กับญาติตัวเองก็ร้ายได้)

พระพุทธเจ้ายังตรัสให้เลือกคบมิตรเลย เพราะ อะไรรู้ไหมคะ

เพราะในสังคมมีคนหลายประเภท ถ้าไม่เลือกที่จะคบมิตร ต่อไปจะมีปัญหาตามมาแน่นอน

การนินทาใส่ร้ายคนอื่น หรือ การพูดให้ร้ายคนอื่น โดยการนินทา สอดรู้สอดเห็นสาระแน

คิดร้ายคนอื่นมันเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์และไม่สร้างสรรค์อะไร

ควรเอาเวลาไปทำมาหากินสร้างความเจริญให้ตัวเองดีกว่า

คนในสังคมมันก็ งี้แหล่ะ มีปัญหาทุกที่

ในแวดวงทำงาน ก็มีการอิจฉาริษยาคิดร้ายกัน มีการแข่งขันกันในสายงานโดยลืมคำว่า เพื่อน ไป

คำว่า เพื่อน เพื่อน เพื่อน มันก็ฟังดูง่ายนะ แต่มันจะหาเพื่อนแท้คงจะยาก มันเป็นเรื่องของดวง

โดยส่วนตัวก็เจอมาแล้ว คนที่ดูเป็นนางมารร้าย ไม่น่าคบ น่ากลัว จริงๆ เป็นคนดีจริงใจต่อคนอื่น

น้ำใสใจจริงนั้น สะอาด ไม่อิจฉาริษยาใคร

แต่เพื่อนที่ท่าทางเรียบร้อย หงิมๆ จริงๆตัวร้ายเลยยยยยยยยยยย

กับคนที่เฉยๆ บางทีอาจจะดีกว่า คบกับคนที่ชอบ สมน้ำหน้าคนอื่น

ถ้าคบแล้วมันไม่มีความจริงใจกัน ก็สู้อย่าคบดีกว่า เพราะมัวแต่ใส่หน้ากากเข้าหากัน

มันจะมีประโยชน์อะไร

แข่งกันสร้างภาพ ให้คนอื่นมารัก

แข่งกันสร้างภาพว่าตัวเองดี ตัวเองเป็นคนน่ารักใครก็รัก ตัวเองจะเข้านิพพาน จะเป็นคนดี
แต่กลับทำเรื่องไม่ดี มันจะมีความสุขเหรอในเมื่อหลอกตัวเอง


ถ้าใครคิดว่าตัวเองเป็นคนดีจริง ก็ควรก้มหน้าก้มตาทำงานไป
ไม่ควรยุ่งวุ่นวายเรื่องของคนอื่นให้มาก

หรือ หาเรื่องชาวบ้านเพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร เพราะมันไร้สาระ
ควรเอาเวลาไปทำเรื่องที่มีประโยชน์จะดีกว่า ที่พุดอยากให้ตาสว่างกันสักที

เกิดมา28ปีแล้ว เจอคนมาหลายแบบ

มันมีอะไรที่เหนือความคาดหมายอีกมาก

อย่าคิดว่าคนที่คุณมองเขาดี เขาจะดีจริง
หรือคนที่คุณมองว่าเขาไม่ดี เขาจะร้ายกาจอะไร



เขียนเมื่อ : 04/12/07 19:20:48 (04/12/07 19:39:12) อ่านทั้งหมด : 1 ครั้ง
​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

บางทีไม่แก้ตัว ก็ไม่ไหวครับ
มันลือกันหนาๆหูเข้า คนชักเริ่มหวั่นไหว
น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน
เริ่มมีการสมัครพรรค พวกหาทางดักกระทืบเรา

อันนี้ต้องแถลงข่าวแก้ตัว...

ก็อย่างว่า คนดีแก้ไข
แต่น้องบุญยง เลือกแก้ตัวดีกว่า...มันง่ายดี

 

ก็เป็นแค่ข่าวลือนี่ ถ้าเขาว่าเราไม่ดีแล้วเราจะไม่ดีตามปากเขาอะป่าว แล้วถ้าเขาว่าเราดี แต่เราไม่ดี มันจะดีตามปากเขาอะป่าว หุ หุ หุ

 

ฮิๆๆๆๆๆๆๆ จะบอกอะไรให้

คนเราเนี่ยมีความเป็นตัวตนอยู่ 3 อย่าง คือ

1. เราเป็นตัวของเราในปัจจุบันจริงๆ
2. เราฝันว่าเราอยากจะเป็นอะไรในอนาคต ซึ่งเป็นตัวตนในจินตนาการ
3. เป็นตัวเราตามที่คนอื่นเค้าอยากให้เป็น

ไอ้อย่างที่ 3 เนี่ยแหละที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความขัดแย้งของมนุษย์ เพราะคนอื่นไปคาดหวังในสิ่งที่ตัวเราไม่ต้องการเป็นเช่นนั้น

แล้วนี่ก็คือ โลกธรรมแปด ซึ่งมีคู่กันมากับโลกตั้งแต่มีมนุษย์ เพราะ ลาภ สุข สรรเสริญ นินทา ย่อมไม่ห่างไปจากชีวิตมนุษย์

เมื่อรู้ทันในเหตุ-ปัจจัยเช่นนี้แล้ว ก็ควรวางอุเบกขาเสีย
อะไรที่ชี้แจงแล้วมีผลให้เกิดความเข้าใจ ก็รีบทำเสีย
อันไหนที่ไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะมันฝังในจิตของคนอื่น ก็เฉยเสียเท่านั้น

ยิ่งเอาจิตไปจับตรงนั้นมาก มันก็ยิ่งทุกข์ น่ะซิ......โยม

 

ก็จะต้องดูว่าบุคคลท่านนั้นเป็นเช่นไร อย่างไร? เฉย ๆ นึกว่าสงสารเขา

 

ที่เขาบอกว่าชีวิตคือละคร ตอนนี้เชื่อแล้ว
จะว่าไปแล้วในโลกนี้ความจริงมันไม่มีคนดีหรือไม่ดี เพราะคนดีอาจกลายเป็นคนเลว และคนเลวอาจกลายเป็นคนดีได้เหมือนกัน หรืออาจจะมีทั้งเลวและดีปนๆกันไปก็ได้ ไม่ใช่เพียงแต่คนอื่นที่เรามอง แต่อาจหมายถึงตัวเราเองด้วย ในความเชื่อที่ว่าตัวเราเองเป็นคนดี แต่ในสายตามุมมองมิติความคิดของคนอื่น เขาอาจจะคิดว่าเราเลวก็ได้ จะมีใครรู้ใจคนทั้ง 6,000ล้านคนบนโลกได้ อีกอย่าง..ถ้าเรามัวแต่ไปสนใจกับความคิดของคนอื่น คงเป็นบ้าตายก่อน 6,000ล้านคนบนโลก เหมือนคลื่นวิทยุ 6,000ล้านความถี่ คุณจะมานั่งเสียเวลาจูนคลื่นของคุณเข้าหาทุกคนเหรอ

 

แม้พระพุทธเจ้ายังไม่พ้นคนนินทา เราจะไปสนใจทำไมกับปากคนพูดได้สารพัดถ้าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง อภัยเขาเถอะค่ะ คนที่ชอบนินทาคนอื่นก็มีกรรมเป็นตัวเอง แถมพูดนินทาคนอื่นก็เท่าเพิ่มบาปกรรมให้กับตัวเองไปอีก อนุโมทนา สาธุค่ะ

 

การเจอข่าวลือ หรือเจอคนนินทา ถ้ามองในแง่ดีบางครั้ง มันเป็นแรงผลักดันให้เราหันหน้าเข้าหาธรรมมะมากขึ้น ทำให้เรารู้จักการวางเฉย เข้าใจคะว่ายังไง คำพูดของคนเหล่านั้น มันก็เป็นสิ่งบั่นทอนจิตใจเราได้เหมือนกัน เราไม่สามารถตัดความรู้สึกไม่ดีที่คนมองเราในแง่ร้ายไม่ได้ เราบังคับเขาไม่ได้ แต่เราบังคับตัวเองได้ ให้วางเฉย "มีชอบ มีเกลียด มีสรรเสริญ มีนินทา" นะคะ

 

ทองแท้ไม่กลัวไฟครับอย่าไปสนมนุษโลกให้มากนักจิตของเราเองที่เราควบคุมอยู่วูปหนึ่งเปลี่ยนไปเท่าไรนะครับชั่วหายใจเข้าออกองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ของเราแท้ๆแล้วนับประสากับคำว่าคนอื่นครับที่อยู่นอกกายเราที่จะเปลี่ยนแปลงไปเท่าไรเพียงคำไม่กี่คำที่ฟังมานั้นฟังมาครบถูกต้องตามคำพูดหมดแล้วแต่ไม่พิจารณาพอพิจารณาแล้วคนนึงเอาแปดหารไปบอกต่ออีกคนเอาสิบหารเป็นเรื่องครับ ดูที่ตัวเองก่อนลองเอาไปลนไฟดูหากยังเป็นทองอยู่แสดงว่าธรรมมะนี่เข้าไปได้ถึงแล้วครับแม้ไม่บริสุทธิก็หมั่นขัดหมั่นถูหากเราเป็นทองจริงกลัวอะไรกับไฟครับหล่นไปในส้วมคนยังตามล้วงเลยไม่เชื่อลองดูนะครับ