ทรงแนะเลี่ยงจุดธูปบูชาพระต้นเหตุโรคมะเร็ง “ฟ้าหญิง”ทรงไหว้ ขอร้องเลี่ยงจุดธูปบูชาพระ ทรงชี้เป็นต้นเหตุมะเร็งน่ากลัวมากกว่าควันพิษจากรถยนต์ แนะจุดเทียน วันนี้ 22 ก.พ.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมพิบูลสงคราม รพ.ราชวิถี เมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธานเปิดการประชุมวิชาการ รพ.ราชวิถี ครั้งที่ 22 ประจำปี 2554 ในวาระครบรอบ 60 ปี รพ.ราชวิถี โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข นพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ พญ.วารุณี จินารัตน์ ผอ.รพ.ราชวิถี พร้อมแพทย์และข้าราชการกว่า 1,000 คน เฝ้ารับเสด็จ ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงบรรยายปาฐกถาพิเศษ Oncology (การศึกษาและการรักษาด้านเนื้อบอกของร่างกาย) ความตอนหนึ่งว่า เรื่องที่อันตรายมากคือเรื่องของควันธูปซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์ เป็นวิถีชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะคนสูงอายุ จะบอกให้เปลี่ยนหรือบอกไม่ให้ทำ บางครั้งก็เคยลองพูดบ้างแล้วก็โดนเถียงกลับมาว่ามันเป็นประเพณี ก็เลยกุมหัวแล้วถามผู้ใหญ่ท่านนั้นว่า แล้วจะเป็นประเพณีของคนไทยต่อไปด้วยหรือเปล่า ที่จะต้องร่วงผล็อยๆ ตายด้วยโรคมะเร็ง เพราะว่าจริง ๆ แล้ว มันหลีกเลี่ยงได้หลายทาง เช่นว่า ถ้ายังอยากจะจุดอยู่ให้จุดในห้องที่มีอากาศถ่ายเทไปข้างนอกได้ ไม่ใช่มาจุดในห้องแอร์แล้วมานั่งสูดดมกันอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าเลี่ยงได้เลยก็ควรเลี่ยง “จริง ๆแล้วที่ข้าพเจ้าทำงานมามีโอกาสได้พูดกับพระหลายวัด และพระท่านร่วมมือดีมาก เดี๋ยวนี้เวลามีคนไปบูชาพระท่านบอกว่าจุดเทียนเฉย ๆ นะไม่ต้องจุดธูป จริง ๆ เทียนก็มีสารพวกนี้ออกมาเหมือนกันจากการเผาไหม้ แต่เมื่อเทียบกันแล้วเป็นส่วนน้อยมาก ส่วนธูปมันมากจนน่ากลัว น่ากลัวมากกว่าควันพิษที่ออกมาจากรถยนต์เสียอีก เพราะฉะนั้นอยากจะขอร้องทุกท่านในที่นี้ ข้าพเจ้าเข้าใจว่าส่วนใหญ่ก็เป็นแพทย์กันทั้งนั้น แพทย์ก็มีหน้าที่ต้องดูแลสุขภาพของคน เพราะฉะนั้นเชื่อว่าแพทย์ทุกคนก็คงคิดเหมือนข้าพเจ้า คือ ไม่อยากเห็นคนไข้เป็นมะเร็ง เห็นแล้วมันเศร้าใจจริง ๆ และท่านที่เป็นผู้ใหญ่ ในที่นี้ก็มีผู้ใหญ่ที่สามารถจะช่วยเหลือประชาชนด้วยการตัดสินใจของท่านหรือด้วยการแนะนำของท่านในเพื่อนนักการเมืองด้วยกัน หรือผู้ปกครองระดับปกครองด้วยกันก็คิดว่าท่านจะสามารถช่วยได้มาก” ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงกล่าว ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงกล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องควันของไอเสียก็คงต้องแก้ไขในเรื่องของระบบจราจร ซึ่งกรณีนี้ข้าพเจ้าไม่เชี่ยวชาญ แต่เรื่องควันธูปขอร้องกันหน่อยว่า จุดให้น้อยลง หรือจุดในที่ที่มีอากาศถ่ายเท ก็จะลดเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงลงได้เยอะ และอีกแง่หนึ่งคือว่า ที่จะช่วยให้คนเข้าใจขึ้นคือต้องมีการเผยแพร่ข้อมูลการวิจัยโดยใช้ภาษาง่าย ๆ ว่ามันอันตรายเพราะอะไรและอันตรายเกิดขึ้นอย่างไร ข้าพเจ้าทำงานอยู่ทางนี้ก็มี รพ.มะเร็ง จริง ๆ ข้าพเจ้าคิดว่าจะทำเหมือนกัน น่าจะทำเป็นแผ่นพับแจกก็ได้ หรือไม่ก็ทำเป็นฝึกอบรมสำหรับคนทั่วไปใครสนใจให้มาฝึกอบรมว่า คนเราทำไมถึงได้เป็นมะเร็ง ซึ่งข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกระดับทุกชนชั้นของคนรู้จักแล้วทั้งนั้นแล้วก็รู้ว่าเป็นโรคที่ทรมาน ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงกล่าวอีกว่า จริง ๆ ถ้ามองในแง่ของรัฐบาล มะเร็งเป็นโรคที่รัฐบาลขาดทุน เพราะการรักษาคนไข้มะเร็งต่อ 1 คนต่อปี ค่าใช้จ่ายอย่างต่ำ 1 ล้านบาทต่อคน เพราะฉะนั้นถ้าคนเป็นมะเร็งยิ่งมากรัฐบาลยิ่งย่ำแย่ เพราะฉะนั้นถ้าอะไรที่จะเรียกว่าตัดวงจรนี้ได้ ไม่ให้เกิดเป็นมะเร็งตัดวงจรตรงอัตราความเสี่ยงออก หรือ ให้น้อยลง น้อยที่สุด เปอร์เซ็นต์ที่จะเกิดเป็นมะเร็งมันก็จะน้อยลงตามด้วย “ในฐานะที่ข้าพเจ้าก็แก่แล้ว ไม่ใช่เด็กแล้ว เนื่องจากเป็นผู้น้อยและมีมีท่านผู้ใหญ่อยู่ในที่นี่หลายท่าน ก็ขอไหว้ ขอความกรุณาทุกคนช่วยกันหน่อย นะคะเรื่องโรคมะเร็ง”ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงระบุ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังการพูดจบศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงยกมือไหว้ โดยที่ประชุมได้ปรบมือเสียงดังกึกก้องอยู่นานหลายนาที. เดลินิวส์ออนไลน์ Daily News Online > หน้าการศึกษา > ทรงแนะเลี่ยงจุดธูปบูชาพระต้นเหตุโรคมะเร็ง
อนุโมทนาด้วยครับ อาจจะบังเอิญตรงกับจริต จะไหว้พระด้วยสองมือเสมอมา แล้วกำหนดจิตกราบองค์ท่าน (เพื่อน ๆ ญาติ ๆ ไม่เข้าใจ ก็ตำหนิเหมือนกัน ) เนื่องจากอยู่วัดต่างจังหวัด และบรรพชาอุปสมบทมาตั้งแต่เด็ก ในสมัยก่อนธูปจะไม่มีหลายชั้นหลายเกรตเหมือนสมัยนี้ เวลาจุดครั้งนึง ควันโขมง เพราะมีส่วนผสมขี้เลื่อยและ สารเคมี เวลานั่งสวดอภิธรรมศพ ควันก็ลอยเข้าหน้าเข้าปาก รู้สึกอึดอัด ญาติโยมก็เกรงพระจะร้อน ก็เอาพัดลมมาเป่า ยิ่งรวมควันพ่นเข้าใส่พระ หลังสวดเสร็จคอแห้ง ปากแห้ง หลังจากลาสิกขามาไม่เคยจุดธูปอีกเลย และแพ้ธูปที่มีควัน แต่จะมีธูปชนิดหนึ่งจำยี่ห้อไม่ได้ มีกลิ่นหอมธูปเบา ๆ ควันน้อยมาก จนแทบจะไม่มี เป็นที่น่ารื่นรมย์อยู่ไม่น้อย
ไหว้พระ สวดมนต์ ระลึกถึง พระรัตนตรัย ด้วยใจศรัทธรา และปฏิบัติด้วยใจบริสุทธิ์เป็นเนืองนิจ ได้บุญกุศลมหาศาล
สองมือของข้าพเจ้าขอพนมแทนดอกไม้บูชา ดวงตาทั้งสองของข้าพเจ้าขอแทนดั่งธูปเทียนทอง ของถวายแด่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า,พระรัตนตรัย ผมว่าคำๆนี้ใช้ได้ดีนะครับ อ่านเจอในหนังสือสวดหลายเล่ม มันบอกทุกอย่างได้ครบถ้วนอยู่แล้ว
อนุโมทนาครับ ผมเองก็เป็นอีกคนหนึ่งครับที่ไม่ได้จุดธูปหรือเทียนไหว้พระ แต่จะปฏิบัติถวายแทน มีคนว่าอยู่เหมือนกันว่าไหว้พระไม่จุดธูปก็เหมือนไม่ได้ไหว้ แรกๆก็คิดมากอยู่นะ แต่ตอนนี้เราปฏิบัติมากขึ้นเข้าใจมากขึ้น ใจก็สะบายขึ้น เคยได้ยินมาว่า ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ ใจเป็นใหญ่...ใจเป็นประทาน
ตามที่พระราชปฏิภาณวิจิตร เจ้าคุณพิพิธ วัดสุทัศน์ ได้บอกว่าเวียนเทียนไม่ต้องจุดธูป ก็คงเพราะเหตุอย่างนี้ๆ และเพื่อไม่ได้ธูปเทียนลนชาวบ้านเขา ... สาธุ ...
* เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา </O> *
ในความคิดดิฉัน ธูปหรือเทียนที่จุดไหว้พระน่าจะเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์เท่านั้น ไม่ใช่ส่วนสำคัญของพิธีการ และที่สำคัญกว่าคือใจที่ต้องเคารพนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างแท้จริง และเน้นการปฏิบัติบูชาเป็นหลัก แต่การสู้กับความเชื่อมั่นยึดถือของคนก็เป็นเรื่องที่ยากเหมือนกัน เรื่องนี้นอกจากแพทย์จะช่วยในเรื่องการให้ความรู้แล้ว วัดเองก็คงจะต้องช่วยด้วยการไม่ให้จุดธูปในพื้นที่ที่ไม่มีอากาศถ่ายเท ถ้ากลัวว่าจะโดนคนที่ยึดถือกับประเพณีมาโวยวาย ก็อาจจะใช้วิธีจัดที่ด้านนอกให้ปักธูปแทน (ซึ่งเดี๋ยวนี้หลายๆ วัดก็ทำอยู่แล้ว ถ้าทำได้ทั้งหมดก็ดี) ควันธูปในที่อับ รมคนที่อยู่ข้างในให้เป็นอันตราย เป็นมะเร็ง กับคนที่เข้าไปประเดี๋ยวประด๋าวยังเป็นมะเร็งได้ แล้วบางที่มีพระนั่งประจำเพื่อรับสังฆทานบ้าง ดูแลการเช่าวัตถุโบราณบ้าง หรือทักทาย+ตอบคำถามธรรมะกับบรรดาผู้มาเยือนบ้าง ท่านต้องนั่งอยู่วันละหลายๆ ชั่วโมง ถ้ามีการจุดธูปภายในสถานที่นั้น ท่านก็โดนรมควันเป็นประจำ เสี่ยงมะเร็งมากขึ้นอีก แล้วมันจะเป็นบุญของคนที่ไปไหว้พระหรือ ( เอาควันธูปไปรมพระก็เหมือนฆ่าท่านทางอ้อมแหละ ฆ่าพระบาปไม่ใช่เหรอ ) ดิฉันไม่ได้ไปเวียนเทียนนานมากแล้ว ก็เพราะการจุดธูปนี่แหละ บางทีเดินๆ โดนธูปจี้โดนตัวทั้งร้อนทั้งเจ็บ หรือบางทีก็โดนธูปเจาะเสื้อผ้าด้านหลังไหม้เป็นรูชำรุดเสียของ ผลก็คือการเวียนเทียนไหว้พระครั้งนั้นก็เสียเปล่าไม่ได้บุญเพราะใจขุ่นมัว+โกรธ เลยไหว้พระอยู่ที่บ้านดีกว่า หวังว่าเรื่องนี้จะมีทางออกที่ดีสำหรับทุกฝ่ายนะคะ
อนุโมทนาสาธุครับ กับการพยายามลดละเลิกการจุดธูป เพราะเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ด้วย นอกจากสารก่อมะเร็งร้าย
ถ้าหากจุดบูชาที่โล่งแจ้ง อากศถ่ายเทได้ดีคงอันตรายน้อย แต่ถ้าหากท่านจุดในห้องพระในบ้านนี่คงอันตรายมาก สูดควันธูปควรเทียนเข้าไปทุกวันอันตรายมากคะสาธุคะ