สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม.. พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย paang, 21 กรกฎาคม 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    <CENTER>[​IMG]
    </CENTER>
    <!--images-->เราทั้งหลายต่างเกิดมาด้วยวาสนา มีบุญพอเป็นมนุษย์ได้อย่างเต็มภูมิ ดังที่ทราบอยู่แก่ใจ อย่าลืมตัวลืมวาสนา โดยลืมสร้างคุณงามความดีเสริมต่อ ภพชาติของเราที่เคยเป็นมนุษย์ จะเปลื่ยนแปลงและกลับกลายหายไป เป็นชาติที่ต่ำทราม ไม่ปรารถนาจะกลายมาเป็นตัวเราเข้า แล้วแก้ไม่ตก ความสูงศักดิ์ ความต่ำทราม ความสุขทุกข์ ขั้นจนถึงบรมสุข และความทุกข์จนเข้าขั้นมหันตทุกข์เหล่านี้ มีได้กับทุกคนตลอดสัตว์ ถ้าตนเองทำให้มีอย่าให้มี อย่าเข้าใจว่ามีได้ เฉพาะผู้กำลังเสวยอยู่เท่านั้น โดยผู้อื่นไม่มี เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติกลาง แต่กลับกลายมาเป็นสมบัติเฉพาะของผู้ผลิตผู้ทำเองได้


    ท่านจึงสอนไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามกัน เมื่อเห็นเขาตกทุกข์หรือกำลังจน จนน่าทุเรศ เราอาจมีเวลาเป็นเช่นนั้น หรือยิ่งกว่านั้นก็ได้ เมื่อถึงวาระเข้าจริง ๆ ไม่มีใครมีอำนาจหลีกเลื่ยงได้ เพราะกรรมดี กรรมชั่ว เรามีทางสร้างได้เช่นเดียวกับผู้อื่น จึงมีทางเป็นได้เช่นเดียวกับผู้อื่นและผู้อื่นก็มีทางเป็นได้เช่นเดียวกับที่เราเคยเป็น ศาสนาเป็นหลักวิชาตรวจตราดูตัวเองและผู้อื่นได้อย่างแม่นยำ ไม่มีวิชาใดในโลกเสมอเหมือน


    สิ่งดี-สิ่งชั่วที่มี และเกิดอยู่กับตนทุกระยะ มีใจเป็นตัวการ พาให้สร้างกรรมประเภทต่างๆ จนเห็นได้ชัดว่ากรรมมีอยู่กับผู้ทำ มีใจเป็นเหตุของกรรมทั้งมวล " กรรม " เป็นของลึกลับและมีอำนาจมาก ไม่มีผู้ใดหนีกฎแห่งกรรมได้เลย ถ้าเราสามารถรู้เห็น กรรมดี-กรรมชั่ว ที่ตนและผู้อื่นทำแต่ความดี ซึ่งเป็นของเย็นเหมือนน้ำ ความเดือดร้อนในโลกก็จะลดน้อยลงเพราะต่างก็รักษาตัว กลัวบาปอันตราย ท่านว่า ดี-ชั่ว มิได้เกิดขึ้นมาเอง แต่อาศัยการทำบ่อยก็ชินไปเอง เมื่อชินแล้วก็กลายเป็นนิสัย ถ้าเป็นฝ่ายชั่วก็แก้ไขยาก คอยแต่จะไหลไปตามนิสัยที่เคยทำอยู่เสมอ ถ้าเป็นฝ่ายดี ก็นับว่าคล่องแคล่วกล้าขึ้นเป็นลำดับ เราเกิดมาเป็นมนุษย์ มีความสูงศักดิ์มาก อย่านำเรื่องของสัตว์มาประพฤติ มนุษย์เราจะต่ำลงกว่าสัตว์ และจะเลวกว่าสัตว์อีกมากมาย อย่าพากันทำ ให้พากันละบาป บำเพ็ญบุญทำแต่คุณความดี อย่าให้เสียชีวิตเปล่าที่มีวาสนาเกิดมาเป็นมนุษย์



    การทำความเข้าใจเรื่องของกรรม เป็นการศึกษาธรรมะเพื่อเตรียมพร้อมที่จะรับภาวะของตัวเราเอง ซึ่งจะต้องเป็นไปตามกรรมที่ได้ทำไว้ ตามพุทธภาษิตที่มีว่า " กรรม จำแนกสัตว์ให้ทรามและประณีตต่างกัน " ผู้สงสัยกรรม หรือไม่เชื่อกรรมว่ามีผล คือ ลืมตนจนกลายเป็นผู้มืดบอดอย่างช่วยไม่ได้ แม้เขาจะเกิดและได้รับการเลี้ยงดูจาก พ่อ-แม่ ว่าได้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูตนมาอย่างไรบ้าง แต่เขาจะมองเห็นเฉพาะร่างกายเขาที่เป็นคนหนึ่งกำลังรกโลกอยู่โดยเจ้าตัวไม่รู้เท่านั้น ไม่สนใจคิดว่าเขาเติบโตมาจากท่านทั้งสอง ซึ่งเป็นแรงหนุนร่างกาย ชีวิตจิตใจเขาให้เจริญเติบโตจนถึงปัจจุบัน การดื่มกินเป็นการสร้างสุขภาพ ความเจริญเติบโตแก่ร่างกายไม่จัดว่าเป็นกรรม " กรรม " คือการกระทำ ดี-ชั่ว ทางกาย - วาจา - ใจ ต่างหาก ผลจริงคือ ความสุข-ทุกข์ ที่ได้รับกันอยู่ทั่วโลก กระทั่งสัตว์ผู้ไม่รู้จักกรรม รู้แต่กระทำคือหากินหาอยู่ ทางศาสนาเรียกว่า กรรมของสัตว์ ของบุคคล และผลกรรมของสัตว์ของบุคคล ความมีเมตตาสงสารในสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งมีความ เกิด - แก่ - เจ็บ - ตาย เช่นเดียวกันกับเรา ไม่มีอะไรยิ่งหย่อนกว่ากัน ความยิ่งหย่อนแห่งวาสนาบารมีนั้นมีได้ทั้งคนและสัตว์ สัตว์บาง่ตัวมีวาสนาบารมีและอัธยาศัยดีกว่ามนุษย์บางคน แต่เขาตกอยู่ในภาวะความเป็นสัตว์ก้จำต้องทนรับเสวยไป สัตว์เดรัจฉานก็ยังมีและเสวยกรรมไปตามวิบากของมัน มิให้ประมาทเขาว่าเป็นสัตว์ที่เกิดในกำเนิดต่ำทราม

    ความจริงเขาเพียงเสวยกรรมตามวาระที่เวียนมาถึงเท่านั้น เช่นเดียวกับมนุษย์ขณะที่ตกอยู่ในความทุกข์ จนค่นแค้น ก็จำต้องทนเอา จนกว่าจะสิ้นกรรม เมื่อมนุษย์เราเกิดเสวยชาติเป็นคน มีสุขบ้างทุกข์บ้าง ตามวาระของกรรมที่อำนวย มนุษย์ก็มีกรรมชนิดหนึ่งที่พาให้มาเป็นเช่นนี้ ซึ่งล้วนผ่านกำเนิดต่าง ๆ มาจนนับไม่ถ้วน ให้ตระหนักในกรรมของสัตว์ ว่ามีต่าง ๆ กัน เพราะฉะนั้น ไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามในชาติกำเนิดความเป็นอยู่ของกันและกัน และสอนให้รู้ว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมดี กรรมชั่วเป็นของๆตน
     

แชร์หน้านี้

Loading...