อย่าสีแกลบ อย่าแบกโลก (คนมีปัญหารัก อยากให้อ่าน)

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย TupLuang, 11 กรกฎาคม 2008.

  1. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    [​IMG]







    แกลบ คือ เปลือกของเม็ดข้าวสาร ที่ไม่มีราคาค่างวดอะไร ทำประโยชน์ได้น้อย หรือไม่ได้ใช้ทำอะไรเลย นอกจากทิ้งให้ผุหรือเผาไฟเป็นเชื้อถ่าน รวมความว่า เป็นสิ่งที่ไร้ราคา

    ถ้าใครเอาแกลบ ที่เขาสีเอาเม็ดข้าวสารออกแล้วไปสีอีก นอกจากจะเสียเวลาเสียแรงงานเปล่าแล้ว ยังอาจจะถูกคนเขามองว่า เป็นคนไม่ครบ ๔ สลึงเสียอีกด้วย เพราะไปทำในสิ่งที่ไร้ประโยชน์

    ในทำนองเดียวกัน ก็มี คนเป็นอันมาก ที่มักจะปล่อยเวลาให้หมดไปกับสิ่งที่ไร้สาระ และไม่อาจจะเรียกร้องให้กลับคืนมาได้อีก เช่น

    - สามีหรือภรรยา หนีไปอยู่กับเมียน้อย หรือหนีตามชู้ไป
    - คนรักตายจากไป ของรักของหวงหายไปหรือไฟไหม้
    - ลูกที่แสนรักมาตายจากไป สัตว์เลี้ยงตายจากไป


    ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือบุคคล ที่เรารักและหวงแหนได้ตีจากหรือตายจากไปแล้ว ไม่อาจที่จะเรียกร้องให้กลับคืนมา หรือให้อยู่ในสภาพเดิมได้อีกแล้ว แต่ใจมันก็ยังไปผูกพัน อาลัยอาวรณ์คิดถึงแต่สิ่งนั้นไม่อาจที่จะสลัด หรือตัดอารมณ์นั้นๆ ได้ จึงต้องมานั่งหรือนอนสีแกลบกันอยู่เรื่อยไปไม่มีวันจบสิ้น

    เหตุที่เป็นดังนี้ ก็เกิดจาก “จิตวางไม่ลง” ในอารมณ์นั้นๆ ทั้งๆ ที่รู้แน่แก่ใจอยู่แล้วว่า สิ่งนั้นจะไม่กลับคืนมาอีกแล้วก็ตาม เพราะจิตเกิดทิฐิผิด ๓ ประการ คือ

    ๑. อ่อนปัญญา (ไม่ใช่ปัญญาอ่อน) คือ ฟังหรืออ่านน้อย บวกกับความเป็นคนจิตใจคับแคบ และเห็นแก่ตัวจัด จึงไม่อาจที่จะสลัดอารมณ์นั้นๆ ได้

    ๒. ไม่ซึ้งในกฎแห่งกรรม คือ ยังไม่เข้าใจกระบวนการทำงานของกรรมอย่างถูกต้อง

    ๓. ขาดสติ คือ ไม่ได้เจริญสติ ไม่ฝึกสติ ก็ย่อมจะไม่รู้ว่าในขณะนั้น ๆ ตนกำลังคิดอะไรอยู่ ? และขาดสัมปชัญญะ คือไม่รู้ตัวด้วยว่า สิ่งที่ตนคิดนึกนั้นควรหรือไม่ควร ? และจะพรากจากการเป็นนักค้าฝันนั้นได้อย่างไร

    จากประสบการณ์พบว่า ผู้ที่ชอบหากินกับอดีตอันหวานชื่น คือชอบนึกคิดในสิ่งที่ล่วงมาแล้ว มักจะเป็นคนที่สังคมแคบ ชอบเก็บตัว ไม่ยอมเผชิญหน้ากับความจริงไม่ยอมรับความจริง เป็นคนไม่ชอบแลกหมัด แต่ชอบแทงข้างหลังหรือชอบจับเงา

    ทางแก้ที่ควรทำ แต่ก็ทำยาก เพราะคนพวกนี้ไม่ชอบทำ แต่ชอบคิด ได้นำมาเสนอไว้ เพื่อใครเกิดนึกขลังอยากจะทำตามบ้าง ดังนี้

    ๑. อบรมปัญญา ด้วยการฟัง การอ่านให้มากๆ ใช้ปัญญาพิจารณาหาเหตุผล คบหากับท่านผู้รู้ หมั่นสอบถามเมื่อสงสัย หมั่นฝึกฝนอบรมจิตอยู่เสมอๆ มองโลกให้กว้างและลึก

    ๒. ศึกษากฎแห่งกรรม ด้วยการศึกษาธรรมชาติของชีวิต ให้เข้าใจอย่างถูกต้อง จนรู้ความจริงว่ามันไม่มีอะไรเป็นสาระหรือจริงจัง จิตก็ย่อมจะคลายความยึดถือลงได้บ้าง

    ๓. เจริญสติ ด้วยการฝึกสติในชีวิตประจำวัน ในทุกอิริยาบถ จนสติมีความคล่องตัว เมื่อจิตไปจับอารมณ์ในอดีต ก็จะระลึกได้เร็วและสามารถตัดกระแสความคิดลงได้ในฉับพลันทันที


    ที่สำคัญก็อย่าอยู่ว่าง ควรหางานอะไรทำอย่าได้ขาดมือเพราะนอกจากจะทำให้เพลิดเพลินแล้ว ยังจะมีผลพวงมาอีก ๒ คือ ได้งานอันเป็นเหตุให้ได้เงินด้วย และทำให้ลืมเรื่องในอดีต อันไร้สาระเสียได้ในช่วงนั้น

    เมื่อเหตุการณ์ต่างๆ ได้ล่วงเลยไปนานเข้า ความประทับใจก็ย่อมจะลดน้อยลง จนถึงกับลืมไปเองโดยไม่ต้องฝืน นี่ก็นับว่าเป็นผลดีของจิต ที่มักจะลืมอะไรง่ายๆ อยู่แล้ว ขอแต่ว่าให้จิตมันมีเรื่องใหม่ ๆ คิดหรือทำเถอะ

    ดังนั้น เมื่อจิตของเรามันเผลอ หรือตั้งใจไปคิดนึกเรื่องเก่าที่ประทับใจ หรือลืมไม่ลงก็ตาม แล้วทำให้เกิดความเศร้าหมอง ขุ่นมัวจนหมดความสุข

    ก็จงเตือนตนด้วยสติและปัญญา คือระลึกถึงเรื่องที่คิดและผลเสียที่จะเกิดแก่จิตใจ รวมทั้งเวลาที่เสียไปโดยไร้ประโยชน์ ไร้สาระและทำลายตนเอง

    ควรระลึกไว้เสมอๆ ว่า การนึกคิดเช่นนี้ เป็นการสีแกลบ หรือเลื่อยขี้เลื่อย เป็นเรื่องที่น่าละอาย เป็นการกระทำของคนปัญญาอ่อน หรือคนที่สิ้นคิดแล้วเท่านั้น !

    เมื่อมันเผลอไปคิด ถึงเรื่องที่ไร้สาระอีก ก็จงตั้งสติคอยกระตุ้นมันว่า
    “นั่นแน่, สีแกลบอีกแล้ว ! เลื่อยขี้เลื่อยอีกแล้ว ไม่เอา, ไม่เอา !!”
    หมั่นระลึกบ่อยๆ มันก็จะเกิดความละอาย และจะเลิกไปในที่สุด.


     
  2. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371

    <CENTER>อย่าแบกโลก</CENTER>

    คนแบกโลก คือ คนที่จริงจังกับโลกและชีวิตเกินไป ตั้งความหวังไว้อย่างไร ? ก็จะต้องให้มันเป็นไปเช่นกัน ไม่ได้ก็ไม่ย่อม จะหมดจะเปลืองเท่าไรไม่ว่า ขอให้ได้สนองตัณหาก็แล้วกัน

    คนประเภทนี้ ถ้าไม่ฆ่าตัวตาย ก็ต้องเป็นโรคประสาทแน่ๆ จะไม่อยู่ถึงจนแก่ตายเองหรอก เพราะโลกและชีวิตนี้ ไม่มีอะไรแน่นอนหรือจริงจัง มันไหลไปตามเหตุและปัจจัยของมัน เราเพียงแต่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ถูกต้องที่สุดก็พอ ส่วนผลที่ได้นั้น ก็แล้วแต่ธรรมะ หรือพระเจ้าท่านประทานให้

    ความคิดที่ว่า อะไรๆ ก็ต้องเป็นฉัน ฉันคนเดียวจะเป็นผู้บันดาล ให้เป็นไปได้ทุกสิ่ง ถ้าขาดฉันแล้ว บ้านนี้วัดนี้ สังคมนี้ ประเทศนี้ จะไม่เจริญ จะไม่เรียบร้อย จะไม่สงบ จะ... นั้น

    ใครที่คิดอย่างนี้ นั่นแสดงว่า ความคิดหรือจิตของท่านไม่ครบ ๔ สลึงแล้ว เพราะทุกอย่างในโลกนี้ ย่อมมีตัวตายตัวแทน ท่านคนเดียวหรือคณะเดียว ไม่อาจที่จะทำอะไรให้ครบถ้วนบริบูรณ์ตลอดไปได้หรอก !

    เมื่อหลายปีมาแล้ว ได้เดินธุดงค์ไปทางภาคตะวันออกไปพบพระรูปหนึ่ง ท่านบวชเมื่อแก่ อายุกว่า ๖๐ ปีแล้ว ท่านคิดว่าจะหาความสงบ จึงได้สละบ้านเรือนออกบวช

    แต่พอบวชได้เพียง ๒-๓ พรรษาเท่านั้น สมภารได้มอบลูกกุญแจห้องต่างๆ ให้ท่านรับผิดชอบ เช่น กุญแจห้องเก็บของ กุญแจศาลา กุญแจโบสถ์ เป็นต้น

    จากนั้นมา ท่านก็เลยไปไหนไม่ได้เลย ห่วงว่าจะไม่มีคนดูแล แม้จะมีคนอื่นทำให้ ท่านก็ว่ามันไม่เหมือนเรา หรือไว้ใจไม่ได้ กลัวว่าจะไม่เรียบร้อย กลัวของจะเสีย กลัวของจะสูญหาย เป็นต้น

    ท่านก็เลยกลายเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ของวัดไป เพราะมีความสำคัญตนเองว่า ตนเท่านั้นที่ทำอะไรได้ดีกว่าคนอื่น ลืมคิดไปว่า ก่อนหน้านี้เขาก็อยู่กันมาได้ และต่อไปเขาก็จะต้องอยู่กันต่อไปได้ มันจะต้องมีตัวตายตัวแทนกันตลอดไป สมภารตายมากี่รูปแล้ว วัดมันก็ยังอยู่ ?

    ความยึดถือ และความจริงจังกับหน้าที่และชีวิตเกินไปทำให้จิตขาดความเป็นอิสระ และเพิ่มอัตตาตัวตนขึ้น จนเป็นต้นเหตุให้หลงตนเอง จนถึงดูหมิ่นคนอื่นเสียสิ้น นี่คือการขุดหลุมฝังตัวเองอย่างน่าเวทนายิ่ง

    โลกจะหนักอย่างยิ่ง ถ้าเราไปแบก (ยึดถือ) มันไว้ แต่โลกก็จะเบาอย่างยิ่ง ถ้าเราไม่แบกหรือไม่ยึดถือ และถ้าเราสามารถยืนอยู่บนโลกได้ด้วย ก็จะทำให้เรามองเห็นจักรวาลต่างๆ ได้มากมาย

    การยอมรับความจริง ว่าทุกสิ่งในโลกนี้ ทั้งสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุผลและปัจจัยของมัน ไม่มีใครจะไปฝืนหรือเพียงแต่หยุดยั้งมันได้เลย เมื่อคิดได้ปลงได้อย่างนี้ ใจก็ย่อมสงบเย็นและเป็นสุข.


    ที่มา : หนังสือสู่ความสุข โดย ธรรมรักษา


    http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=7406

     
  3. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    กุศลผลบุญใด ๆ ก็ตามที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้
    ข้าพเจ้าขออุทิศให้
     
  4. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    25
    ค่าพลัง:
    +29,754
    ขออนุญาติคัดลอกต่อนะครับ

    ..................ความจริงง่ายๆ ที่คนเรามองข้าม จนทำให้ชีวิตง่ายๆ มีทุกข์สาหัส
     

แชร์หน้านี้

Loading...