เปิดโผ 25 ประเทศ เสี่ยงวิกฤตอาหาร

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 29 มกราคม 2011.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,494
    เปิดโผ 25 ประเทศ เสี่ยงวิกฤตอาหาร

    [​IMG]

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>ราคาสินค้าคอมโมดิตี้ที่พุ่งขึ้นตั้งแต่ปีกลายจนถึงปัจจุบันส่งผลกระทบต่อกระเป๋าเงินของคนทั่วโลก ซึ่งราคาสินค้าคอมโมดิตี้ที่เพิ่มขึ้น ย่อมหมายถึงราคาสินค้าสำเร็จรูปที่แพงขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน

    และคาดกันว่า ทั้งผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกจะต้องขยับราคาสินค้าพื้นฐานขึ้นในปีนี้ ตั้งแต่เนื้อสัตว์ กาแฟ ไปจนถึงเสื้อผ้า เพื่อผลักภาระต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้บริโภค

    วอลล์สตรีต เจอร์นัล ระบุว่า เมื่อปีกลาย ราคาสินค้าคอมโมดิตี้หลายชนิด เช่น ข้าวโพด ฝ้าย ข้าวสาลี กาแฟ น้ำตาล โกโก้ และถั่วเหลือง พุ่งขึ้นถ้วนหน้า เนื่องจากปัญหาภัยธรรมชาติ และความต้องการบริโภคที่สูงขึ้นของประเทศอย่างจีนและอินเดีย และเทรนด์ดังกล่าวจะดำเนินต่อไปในปีนี้
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    แต่ราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาคอมโมดิตี้เพียงอย่างเดียว ทว่าขึ้นอยู่กับวิธีการผลิตสินค้านั้น ๆ ด้วย โดยยิ่งใช้กระบวนการแปรรูปน้อยลง ราคาค้าปลีกก็จะสะท้อนราคาสินค้าเกษตรมากขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ทำให้การผลิตและส่งสินค้ามีต้นทุนเพิ่มขึ้น ส่วนบรรจุภัณฑ์และโฆษณาก็มีผลต่อราคาสินค้าเช่นกัน

    ปัจจุบัน ภาวะเงินเฟ้อของราคาอาหารกลายเป็นปัญหาหลักที่หลายประเทศกำลังเผชิญอยู่ และโนมุระได้เปิดเผยชื่อ 25 ประเทศที่รัฐบาลต้องรับมือกับวิกฤตอาหารที่อาจเกิดขึ้นในประเทศ โดยพิจารณาจากจีดีพีต่อหัว ในสกุลเงินดอลลาร์ สัดส่วนของอาหารต่อการบริโภครวมของภาคครัวเรือน และสัดส่วนยอดการส่งออกอาหารสุทธิ เมื่อเทียบกับจีดีพี ดังนี้

    ส่วนประเทศอื่น ๆ ที่ติดอันดับครั้งนี้ คืออันดับ 10 อาเซอร์ไบจาน

    11.แองโกลา 12.โรมาเนีย 14.เคนยา 15.ปากีสถาน 16.ลิเบีย 17.สาธารณรัฐโดมินิกัน 18.ตูนิเซีย 19.บัลแกเรีย 20.ยูเครน 23.ลัตเวีย และ 25.เวเนซุเอลา


    --------------
    ประชาชาติธุรกิจ
    ��Դ�� 25 ������ ����§�ԡĵ����� : ��ЪҪҵ��͹�Ź�
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    49,472
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,051
    แผ่เมตตา ปล่อยวางๆ ขอบคุณจขกท ค่ะ
     
  3. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,494
    โลกวิกฤตอาหาร!กักตุนล้านล้านเหรียญ

    รายงานของสหประชาชาติ ทั่วโลกใช้เงินมากถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซื้ออาหารไปกักตุนไว้แล้ว สำหรับครัวของโลกอย่างไทยแปลงวิกฤตครั้งนี้ให้เป็นโอกาสได้แค่ไหน...


    เมื่อช่วงสายของวันที่ 22 พ.ย. 2553 นักเรียนจีนกว่าพันคนของโรงเรียนมัธยมปลายหมายเลข 2 ในเมืองหลิวปันฉุ่ย มณฑลกุ้ยโจว พร้อมใจกันรวมตัวที่โรงอาหาร นักเรียนเหล่านี้ไม่ได้ไปซื้อข้าวกินเหมือนทุกวัน แต่ไปเพื่อขว้างปากระจก รื้อค้นทำลายข้าวของ ท่ามกลางอารมณ์ที่คุกรุ่นจากการขึ้นค่าอาหารอีกครั้ง ต่อเนื่องจากหลายๆ ครั้งก่อนหน้านี้ แม้ว่าราคาที่ขึ้นครั้งล่าสุดจะเพิ่มเพียงแค่ไม่เกิน 50 เซนต์ต่อจาน

    ขณะที่ประชาชนราว 5,000 คน ในเมืองแอลลัลลากัว ทางตะวันตกเฉียงใต้ของโบลิเวีย ได้เดินขบวนประท้วงราคาสินค้าที่พุ่งสูงจนเกินจะรับไหว และบานปลายไปสู่ความรุนแรงในหลายพื้นที่ ภายหลังจากที่รัฐบาลระงับการอุดหนุนราคาน้ำมันเมื่อเดือน ธ.ค. แม้รัฐบาลจะกลับลำหันมาเดินหน้านโยบายอุดหนุนในเวลาต่อมา แต่กลับไม่ช่วยให้ราคาสินค้าลดลงได้มากนักเหมือนตอนปรับขึ้น


    [​IMG]

    ส่วนในทวีปแอฟริกาตอนเหนือ ชาวแอลจีเรียได้สังเวยชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 2 คน บาดเจ็บกว่า 300 คน และถูกจับกุม|อีกเกือบพันคน กับเหตุจลาจลประท้วงราคาอาหารแพงในหลายเมืองทั่วประเทศ เมื่อต้นเดือน ม.ค.นี้ ส่งผลให้ประธานาธิบดี อับเดลาซิซ บูเตฟลิกา ส่งสัญญาณเตรียมปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่เพื่อรับมือความวุ่นวาย และเตรียมออกมาตรการลดภาษีอากรนำเข้าสินค้าในกลุ่มอาหารบางประเภท

    เหตุจลาจลจากข้าวปลาอาหารแพง (Food Riots) เหล่านี้ เป็นเพียงตัวอย่างชิมลางเบื้องต้นที่สะท้อนได้ดียิ่งกว่าดัชนีตัวเลขใดๆ ว่า วิกฤตการณ์อาหารโลก (World Food Crisis) ระลอกใหม่นั้นรุนแรงมากแค่ไหน

    หากปัญหาข้าวยากหมากแพงเช่นนี้ ถูกผนึกรวมเข้ากับประเด็นการเมือง ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจรุนแรงถึงขั้นเป็นการโค่นล้มผู้นำและเปลี่ยนแปลงรัฐบาลได้ เหมือนกับที่เกิดขึ้นให้เห็นในประเทศตูนิเซียมาแล้ว

    องค์การอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาอาหารโลกเมื่อเดือน ธ.ค. 2553 ส่งท้ายปีเสือ ได้พุ่งทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ และแพงแซงหน้าสถิติเดิมเมื่อปี 2541 ไปแล้ว จากปัจจัยหลักด้วยปัญหาสภาพอากาศที่เลวร้ายทั่วโลก ทั้งภาวะแล้งในรัสเซียและออสเตรเลีย ไปจนถึงภาวะ|น้ำท่วมใหญ่และฤดูมรสุมที่โหดร้ายในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน และออสเตรเลียอีกเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ผลิตผลทางการเกษตรของโลกในปีนี้ลดลงอย่างน่าใจหาย และถีบราคาสินค้าเกษตรเกือบทุกตัวให้พุ่งสูงทุบสถิติใหม่กันแทบจะวันเว้นวัน โดยดัชนีราคาอาหารโลกเดือน ธ.ค. 2553 ขยับเพิ่มขึ้นไปถึงเกือบ 4.2% จากเดือนก่อนหน้าไปอยู่ที่ 214.7 จุด
    ขณะเดียวกันก็ยังเป็นผลพวงจากภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงหลังจากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว โดยมีกลไกขับเคลื่อนหลักจากจีนและกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ด้วย อาทิ ตัวเลขเงินเฟ้อจีนที่พุ่งถึง 5% อินเดีย 18% และบราซิล 5.9% ไม่เว้นแม้แต่ประเทศในกลุ่มยุโรป ที่เริ่มเผชิญภาวะเงินเฟ้อถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังเป็นผลจากการเก็งกำไรในตลาดสินค้าล่วงหน้า การแห่กักตุนสินค้า และปัจจัยพื้นฐานที่จำนวนประชากรทั่วโลกมีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกปีๆ

    จึงไม่น่าแปลกใจที่ปัญหาวิกฤตการณ์ราคาอาหารแพงจะกลับมาเป็นวาระสำคัญของบรรดาเวทีการประชุมสำคัญระดับโลกในปีนี้อีกครั้ง อาทิ เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม (WEF) และการประชุมกลุ่มประเทศ จี20 ท่ามกลางการตั้งการ์ดออกมาตรการตั้งรับของแต่ละประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะมาตรการเพิ่มการนำเข้า แต่จำกัดการส่งออกในกลุ่มสินค้าเกษตร การระบายสินค้าจากสต๊อกของทางการ
    สหประชาชาติ ประเมินว่า ในปีที่ผ่านมาทั่วโลกอาจทุ่มเงินไปอย่างน้อยถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อนำเข้าสินค้าเกษตรมากักตุนในช่วงราคาอาหารโลกขาขึ้น และทำให้กลุ่มประเทศที่ยากจนต้องจ่ายแพงขึ้นกว่าในปีก่อนหน้าถึงราว 20%
    ทว่า เมื่อหันมามองเมืองไทย ประเทศกึ่งเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม ที่ประกาศลั่นจะเป็นครัวของโลก ก็มีปัญหาราคาสินค้าแพงเช่นกัน แม้รัฐบาลจะกัดฟันอุ้มน้ำมันดีเซลและก๊าซ ทั้งแอลพีจีและซีเอ็นจี (เอ็นจีวี) ซึ่งเป็นต้นทุนพลังงาน ที่นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอกว่าต้องตรึงไว้ เพื่อไม่ให้เป็นต้นทางสร้างผลกระทบต่อต้นทุนเชื้อเพลิงใช้ผลิต ต้นทุนค่าขนส่ง ทำให้สินค้าหรือบริการค่าโดยสารต่างๆ ใช้อ้างไปขึ้นราคา ดันเงินเฟ้อให้สูงขึ้นได้ แต่สินค้าเกษตรบางตัวก็สร้างความปั่นป่วนให้ไทย


    [​IMG]

    เห็นได้จากน้ำมันปาล์มขวด ที่ขาดตลาดและขายราคาแพงกว่าที่รัฐกำหนดขวด (1 ลิตร) ละ 47 บาท ยังไม่นับเนื้อหมู เนื้อไก่ ส้ม เครื่องเซ่นไหว้ ที่ราคาพุ่งพรวดรับเทศกาลตรุษจีนวันที่ 3 ก.พ.นี้ ดังนั้นปัญหาระดับโลกวิกฤตอาหารแพงเช่นนี้ จะเป็น “วิกฤต” หรือ “โอกาส” ของไทย

    อภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยืนยันความเป็นครัวของโลกท่ามกลางวิกฤตอาหารและพลังงานว่า ประเทศไทยยังมีความมั่นคงทางอาหารมากเพียงพอและเหลือสำหรับการส่งออก ไทยมีพื้นที่การเกษตรประมาณ 130 ล้านไร่ จากพื้นที่ประเทศ 320 ล้านไร่ แบ่งเป็น ปลูกข้าว 57-60 ล้านไร่ ยางพาราประมาณ 14 ล้านไร่ ปาล์มน้ำมัน 4.5 ล้านไร่ อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพด ใช้พื้นที่ปลูกรวมประมาณ 20 ล้านไร่ ที่เหลือเป็นพืช ผัก ผลไม้ พืชอื่นๆ และการเกษตรด้านปศุสัตว์ ประมง โดยสินค้าที่ไทยส่งออกมากสุดในโลก อาทิ ข้าว ปีนี้ผลิตได้ 21 ล้านตันข้าวสาร ยังสามารถแบ่งไปส่งออกได้ 10-11 ล้านตัน

    ฉะนั้น ประเทศไทยจะไม่มีการฉวยโอกาสจากวิกฤตอาหาร สร้างสถานการณ์ ยกเลิกการส่งออก หรือปั่นราคาให้สินค้าเกษตรสูงเกินจริง จนส่งผลกระทบต่อราคาอาหาร โดยขาดเหตุผลของต้นทุนการผลิตอย่างแน่นอน รวมทั้งจะพยายามคุมการขยายพื้นที่ปลูกพืชพลังงานที่เพิ่มขึ้น จนกระทบต่อพื้นที่ปลูกพืชอาหาร แม้ว่าขณะนี้พืชพลังงานจะมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ

    “ไทยมีนโยบายชัดเจนว่า เป้าหมายสำคัญของการผลิต คือ ไทยให้ความสำคัญกับการผลิตพืชอาหาร ก่อนการผลิตพืชพลังงาน” อภิชาต กล่าว

    และนี่คือคุณธรรมในการเป็นครัวโลกของไทย ท่ามกลางวิกฤตอาหารโลกแพง รวมทั้งคนไทยเองจะได้รับประทานอาหารในราคาเป็นธรรมกับทุกฝ่าย



    ----------------
    โพสต์ทูเดย์ วิเคราะห์ : โลกวิกฤตอาหาร!กักตุนล้านล้านเหรียญ
     

แชร์หน้านี้

Loading...