เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 13 มกราคม 2025 at 19:40.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,183
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +26,442
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,183
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +26,442
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศที่วัดอุทยาน หมู่ที่ ๕ ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี อยู่ที่ ๑๗ องศาเซลเซียส เป็นเรื่องแปลกที่ว่ากระผม/อาตมภาพกลับรู้สึกว่าหนาว เหมือนกับตนเองไม่ได้ไปที่ไหนมาเลย ทั้ง ๆ ไปสถานที่ซึ่ง -๓๐ กว่าองศาเซลเซียสมาแล้ว

    เมื่อวานนี้ช่วงเช้าพวกเราซึ่งพักอยู่ที่โรงแรม Splendent Resort Hotel ก็ต้องถือว่าทำอะไรค่อนข้างจะสบาย เนื่องเพราะว่า ๗ โมงเช้า พวกเราก็ลงไปที่ห้องอาหาร ซึ่งชอบใจตรงที่ว่าโรงแรมนี้ก็น่าจะ "มีระดับ" อยู่เหมือนกัน เพราะว่าเจอคนจีนที่ค่อนข้างจะสุภาพเรียบร้อย เช่นเดียวกับที่โรงแรมโมเดิร์นโฮเต็ล

    ฉันเช้าเสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพก็มาจัดเก็บข้าวของ พยายามปลดเครื่องกันหนาวให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องเพราะว่ากระเป๋าใบที่ฝากท้องเครื่องไปนั้น ทางบริษัทเติมเต็มทราเวลจะส่งไปยังท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิเลย ให้พวกเราถือกระเป๋าขึ้นเครื่องเพียงใบเดียวเท่านั้น

    ครั้นเวลา ๘ โมงเช้าพวกเราก็นำกระเป๋าลงมาเพื่อโหลดขึ้นรถ และส่งคืนกุญแจห้องพัก จากนั้น ๙ โมงเช้าก็เริ่มออกเดินทางไปยังสนามบินฮาร์บินไท่ผิง ซึ่งโรงแรม Splendent Resort Hotel แห่งนี้อยู่นอกเมือง จึงทำให้รถค่อนข้างที่จะว่าง พวกเราเดินทางไปถึงสนามบินได้โดยแทบจะไม่เจอรถติดเลย อากาศช่วงเช้ามืดนั้นอยู่ที่ -๒๓ องศาเซลเซียส แต่พอมาถึงสนามบินปรากฏว่าขึ้นมาที่ -๑๗ องศาเซลเซียส พวกเราจึงออกอาการร้อนไปตาม ๆ กัน..!

    กระผม/อาตมภาพมอบเงินสินน้ำใจให้กับพลขับไป ๒๐๐ หยวน และมอบให้น้องปูเป้ไกด์สาวชาวลาวไป ๕๐๐ หยวน คนอื่นก็ให้กันมากน้อยตามกำลังกระเป๋าของตนเองที่เหลืออยู่ เมื่อเข้าไปภายในสนามบิน ทุกคนก็จัดการถอดเครื่องกันหนาวสารพัดสารเพ บรรจุลงกระเป๋าใบขึ้นเครื่องให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อที่ตนเองจะเหลือน้ำหนักติดตัวให้น้อยที่สุด

    ทางบริษัทเติมเต็มทราเวลบริการทุกระดับประทับใจมาก เพราะว่าไปขอออกตั๋วขึ้นเครื่องทั้งที่สนามบินฮาร์บินไท่ผิง และสนามบินไป๋หยุนกว่างโจว นำมามอบให้กับพวกเราในระยะเวลาอันรวดเร็ว ยังไม่ทันจะเก็บข้าวของเสร็จก็มาแจ้งว่า ได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่เป็นพิเศษ ให้พวกเราตรวจเช็คขึ้นเครื่องและฝากกระเป๋าก่อนเวลาได้เลย พวกเราจึงค่อนข้างที่จะสบายใจมาก เพราะว่าเหลือเพียงกระเป๋าขึ้นเครื่องติดมือไปใบเดียว ผ่านการเอ๊กซเรย์และตรวจร่างกายที่ค่อนข้างจะเข้มงวดแล้ว ก็เข้าไปเจอ "ซอยละลายทรัพย์" อยู่ข้างใน
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,183
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +26,442
    ต้องบอกว่าคณะของเรานั้นอยู่ในลักษณะของ "ธรรมะจัดสรร" ว่าให้โชคดีสุด ๆ เนื่องเพราะว่ามาตรงกับช่วงที่เขาจะแข่งกีฬา Asian Winter Games ๒๐๒๕ พอดี ทุกสถานที่จึงจัดเต็มอยู่ในลักษณะสวยที่สุดเท่าที่จะพึงมีได้ เท่านั้นยังไม่พอ ยังเป็นช่วงที่ประเทศจีนหนาวที่สุดในรอบ ๓๐ ปีอีกต่างหาก จนกระทั่งน้องปูเป้ยังบอกว่า ทำหน้าไกด์ประจำคณะทัวร์มาหลายปีแล้ว ส่วนมากก็อยู่ที่แค่ -๑๐ กว่าองศาเซลเซียสเท่านั้น เจอแต่คณะของ "หลวงตา" นี่แหละที่ลบถึง ๓๑ องศาเซลเซียส จนถือว่าเป็นเกียรติประวัติเฉพาะตนได้เลย..!

    พวกเราเที่ยวหาซื้อข้าวของต่าง ๆ โดยเฉพาะมาสค็อต หรือว่าตุ๊กตานำโชคทั้ง "ปินปิน" และ "นีนี่" ซึ่งเป็นมาสค็อตนำโชคของงาน Asian Winter Games ๒๐๒๕ มากน้อยตามจำนวนคนที่จะต้องเอาไปฝาก ครั้นจ่ายเงินปรากฏว่าคอมพิวเตอร์พังไปเรียบร้อย..! กระผม/อาตมภาพจึงขนของออกจากร้านโดยที่ไม่มีใบเสร็จมาด้วย คุณนายโย (นางสาวทัศน์วรรณ พิพัฒน์รังสรรค์) นิมนต์พระไปฉันเพล พร้อมกับประเคนอาหารมังสวิรัติมาให้ ก็คือมีพายและผลไม้ต่าง ๆ มากมาย

    เมื่อฉันเสร็จแล้ว ต่างคนต่างก็เดินดูสิ่งของตามอัธยาศัย กระผม/อาตมภาพตรงไปยังทางออกขึ้นเครื่องเลย นั่งรออยู่ตรงนั้นพักใหญ่ก็ได้ "ข่าวร้าย" มาว่า พวกเราต้องเดินออกนอกอาคารเพื่อไปขึ้นรถบัส นำไปส่งที่ท้ายสนามบิน ได้ยินดังนั้น กระผม/อาตมภาพก็นึกถึง "ต้าเหนียง" กับบริวารทันที ว่าถ้าเป็นแบบนี้ คณะของอาตมภาพน่าจะกลายเป็นไอศกรีมแท่งก่อนที่จะขึ้นรถอย่างแน่นอน..!

    "ต้าเหนียง" บอกว่า "ไม่เป็นไร เพราะว่าเทียนหวางท่านมารับ" เมื่อหันไปมองตามทิศที่สายตาของทุกท่าน เห็น "ท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณ" มายืนตระหง่านค้ำฟ้า พร้อมกับ "ท่านพี่อสุรินทราหู" ที่พุงใหญ่พอกับภูเขา พอนึกแค่นั้นพี่ท่านก็ค้อนตากลับ บอกว่า "ถ้าไม่ได้ผมคอยแทรกกำลังให้ ท่านก็หนาวตายไปแล้ว ยังจะมาตำหนิ (บูลลี่) พุงของผมอีก..!"

    แถมความรู้ให้ด้วยว่า "กลับไปถึงเมืองไทยแล้ว โดยเฉพาะที่ทองผาภูมินั้น ให้ไปแช่น้ำพุร้อนเสีย ๒ - ๓ วัน เพื่อไล่ความเย็นออก ไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะเป็นโรคหนาวในกระดูก จนกระทั่งรู้สึกปวดไปทั้งตัวก็ได้ ส่วนท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณได้ขอบอกขอบใจ "ต้าเหนียง" และคณะ ซึ่งทั้งหมดตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "เป็นหน้าที่ซึ่งพึงปฏิบัติ"

    อากาศก็เลยโดนดึงฮวบ ๆ ขึ้นมาอยู่ที่ -๑๑ องศาเซลเซียส เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วและอนุญาตให้พวกเราไปขึ้นรถบัส จึงกลายเป็นอะไรที่ "ชิล" มาก รู้สึกว่าสดชื่นจริง ๆ เนื่องเพราะว่าอากาศถ้าต่างกัน ๒ องศาเซลเซียสก็จะรู้สึกอุ่นแล้ว นี่กระโดดขึ้นมาจาก -๒๓ องศาเซลเซียส มาเป็น -๑๗ องศาเซลเซียส และตอนนี้อยู่ที่ -๑๑ องศาเซลเซียส แต่กระนั้นก็ตาม สนามบินฮาร์บินไท่ผิงทำไมถึงได้ใหญ่โตขนาดนั้น ? ใช้เวลาเป็น ๑๐ นาทีกว่าที่พวกเราจะวิ่งไปถึงเครื่องที่จอดอยู่ท้ายสนามบิน ถ้าเป็นบ้านเราก็ประมาณว่าเดินทางข้ามตำบลกันเลยทีเดียว..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,183
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +26,442
    เมื่อขึ้นเครื่องและเข้าที่นั่งเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็น้อมจิตน้อมใจอุทิศส่วนกุศลให้กับ "ต้าเหนียง" และบริวาร "ท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณ" และ "ท่านพี่อสุรินทราหู" ตลอดจนกระทั่งเจ้าที่เจ้าทางซึ่งรักษาตลอดเส้นทาง ที่ต้องเดินทางวันหนึ่งคืนหนึ่งนี้ ขอให้ทุกท่านอนุโมทนา และช่วยดูแลรักษาทั้งคณะให้ได้รับความสะดวกปลอดภัยด้วย แล้วกระผม/อาตมภาพก็เข้าสมาธิยาว ๆ ไปเลย คลายออกมาอีกที เครื่องก็ใกล้จะลงสู่สนามบินไป๋หยุนกว่างโจวแล้ว ปรากฏว่ามาเร็วกว่าเวลาปกติถึง ๕๐ นาที..! ต้องขอบพระคุณทุกท่านที่ช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้

    จากการที่เติมเต็มทราเวลได้จัดให้พวกเราต้องมาต่อเครื่องภายในแบบนี้ กลับเป็นเรื่องดีเสียอีก เพราะว่าเราแค่ผ่าน ตม.ให้ประทับตราออกจากประเทศเท่านั้น ไม่มีการผ่านเครื่องเอ๊กซเรย์หรือว่าตรวจร่างกายอีก เมื่อผ่านมาได้ก็ต้องผ่าน "ซอยละลายทรัพย์" ตามเคย แต่ตอนนี้ถ้าไม่ใช่ทุกคนมีภูมิคุ้มกันแล้ว ก็อาจจะเป็นเพราะว่าซื้อข้าวของจนไม่มีสตางค์เหลือติดตัว ก็เลยเดินผ่านไปแบบไม่แยแส..!

    กระผม/อาตมภาพไปนั่งรอที่ประตูขึ้นเครื่อง ยังเจอ FC วัดท่าขนุน คณะของศิริรัตน์ - คุณมยุรี - คุณหนึ่ง (ปัทมา) ซึ่งเดินทางมาเที่ยวฮาร์บินตามที่ได้ฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน หลังจากที่ทักทายกันด้วยความดีอกดีใจและถ่ายรูปร่วมกันแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันไปหามุมของตนเองตามอัธยาศัย

    โดยที่คุณนายปุ๊ก (นางสาวพิกุลฉัตร พิจารณ์จิตร) บอกว่า "ปีหน้าหนูขอนิมนต์หลวงพ่อเดินทางไปนอร์เวย์ ไปทดสอบอากาศต่ำสุดทางด้านนั้นดูบ้าง พร้อมกับจะได้ชมแสงเหนือไปด้วย" กระผม/อาตมภาพก็รับปากว่า "ถ้าเวลาเดินทางตรงกับช่วงที่ว่างก็ยินดีจะไปด้วย แต่ถ้าหากว่าติดการอบรมบาลีก่อนสอบก็ไม่ไป"

    เรื่องนี้ทำให้กระผม/อาตมภาพยังคิดต่อไปว่า เดือนหน้าก็ต้องเดินทางไปร่วมหล่อพระที่วัดท่าช้าง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งทำให้สามารถ "ตก" น้องปูเป้ไปได้ด้วย เพราะว่าอีกฝ่ายติดใจคณะของเราที่ทำอะไรรวดเร็วทันใจ ไม่เคยที่ให้ต้องรอ สามารถไปตามตารางกำหนดได้ครบถ้วนสมบูรณ์

    โดยเฉพาะการเข้าชมงานเทศกาลแกะสลักน้ำแข็งนั้น น้องปูเป้พยายามที่จะให้ทัวร์ทุกคณะ ได้เข้าชมทั้งบรรยากาศในแสงธรรมชาติ และบรรยากาศแสงสีตามที่เขา "จัดเต็ม" เอาไว้ แต่ว่าพยายามอยู่หลายปี เพิ่งมีคณะของเราที่สามารถทำได้ เนื่องเพราะว่ารักษาเวลากันดีมาก โดยเฉพาะพวกเรามาพบกับอากาศที่หนาวที่สุดในรอบ ๓๐ ปี ถึงขนาด -๓๑ องศาเซลเซียส ทำให้กลายเป็นเกียรติประวัติส่วนตัวของไกด์ท้องถิ่นไปด้วย
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,183
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,595
    ค่าพลัง:
    +26,442
    พวกเราขึ้นเครื่องแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ภาวนาเป็นหลัก จนกระทั่งเวลา ๒๒.๑๑ น. ของประเทศไทย เครื่องก็มาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และลงได้สะดวกสุด ๆ เนื่องเพราะว่าเดินออกจากงวงมา เลี้ยวไปแค่ ๑๐๐ กว่า ๒๐๐ เมตรเท่านั้น ก็เป็นด่าน ตม.ไทย..!

    พวกเราผ่านออกมาได้ด้วยความสะดวก รับกระเป๋ากันแล้วก็ต่างคนต่างบอกลา นัดแนะกันว่าเดือนหน้าถ้าหากว่าใครจองทัวร์ของเติมเต็มทราเวลไว้ ก็ไปพบกันที่เวียงจันทน์ ประเทศลาว แล้วกระผม/อาตมภาพก็เดินทางกลับสู่ที่พัก โดยที่พระครูต้นไม้ (พระครูสมุห์กรณ์พัฒน์ กนฺตวณฺโณ) และคุณปิง (นายณัฐภาคย์ องค์วรวิทย์) มารับจนถึงสนามบิน เมื่อกลับไปถึงที่พัก กระผม/อาตมภาพเห็นว่าเลยเที่ยงคืนไปแล้ว และไม่ใช่เวลานอน จึงได้ทำการทำงานไปเรื่อย เนื่องเพราะว่าเป็นคนที่มีนิสัยตื่นแล้วตื่นเลย..!

    เรื่องอื่นที่อยากจะพูดถึงก็คือ งวดนี้กระผม/อาตมภาพได้รับการอนุเคราะห์สงเคราะห์ ให้ใช้ eSIM โดย "ไอ้ตัวเล็ก" เป็นเจ้าภาพให้ ปรากฏว่าใช้ได้ดีมาก มีความคล่องตัวสมใจนึก ตลอดจนกระทั่งโทรศัพท์และพาวเวอร์แบงค์โดนความหนาวขนาดนั้น ก็ไม่ได้สูญเสียประจุไฟฟ้าเหมือนที่ทุกคนกลัวกัน ขนาดที่หน้าจอโทรศัพท์น้ำแข็งเกาะ ต้องเอาซุกเข้ากระเป๋าให้ละลาย แล้วถึงจะถ่ายรูปใหม่ได้ ก็ไม่ได้มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย..!

    แต่ว่าโทรศัพท์อีกยี่ห้อหนึ่งซึ่งยอดนิยมของทางด้านตะวันตกนั้น น็อกดับไปหลายต่อหลายเครื่องด้วยกัน..! ทำเอาพวกเราขำก็ขำ เพราะกระผม/อาตมภาพชี้ให้ดูว่า ได้เขียนยันต์ลงเอาไว้ในอุปกรณ์ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ก็เลยไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะว่ายันต์นี้ขลัง หรือว่าบรรดาท่านทั้งหลายช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้กันแน่..!

    อีกประการหนึ่งที่สมควรกล่าวถึงก็คือ บริษัทเติมเต็มทราเวลนั้นบริการทุกระดับประทับใจ อาหารการกินเต็มที่ทุกมื้อ กระผม/อาตมภาพเองกลับมาแล้ว ยังรู้สึกว่าตนเองน่าจะน้ำหนักขึ้นเสียด้วยซ้ำไป และต้องเจริญพรขอบพระคุณท่านทั้งหลายที่ช่วยสงเคราะห์ ปกติกลับมาจากต่างแดนก็มักจะเจ็บไข้ได้ป่วย แต่ครั้งนี้รู้สึกแข็งแรงผิดปกติ ถึงขนาดสามารถเดินแข่งกับญาติโยมทั้งหลายเพื่อไปยังด่าน ตม.ได้อีกด้วย..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๑๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...