แผ่นดิน พระพุทธเจ้าหลวง

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย สร้อยฟ้ามาลา, 20 กันยายน 2008.

  1. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๑.

    [​IMG]
    พระราชประวัติ(โดยย่อ)
    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๙ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ กับพระนางเธอพระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์(เมื่อสิ้นพระชนม์ได้รับการเฉลิมพระนามเป็นสมเด็จพระนางเจ้ารำเพยภมราภิรมย์ ,ในรัชกาลที่ ๕ ทรงสถาปนาพระบรมอัฐิ เป็น กรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ , ในรัชกาลที่ ๖ ทรงสถาปนาพระบรมอัฐิ เป็น สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี)

    [​IMG]

    ทรงพระราชสมภพ เมื่อเดือน ๑๐ แรม ๓ ค่ำ ปีฉลู ตรงกับวันอังคารที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ.๒๓๙๖ ได้รับพระราชทานพระนามว่า สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพมหามงกุฎ บุรุษยรัตนราชรวิวงศ์ วรุตมพงษ์บริพัตร สิริวัฒนราชกุมาร

    [​IMG]
    วันที่ ๒๐มีนาคม พ.ศ. ๒๔๐๔ ได้รับการสถาปนาขึ้นทรงกรมเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมหมื่นพิฆเนศวรสุรสังกาศ พระองค์ทรงผนวชตามราชประเพณี ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ภายหลังจากการทรงผนวช พระองค์ได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธยขึ้นเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานาถ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๑๐ โดยทรงกำกับราชการกรมมหาดเล็ก กรมพระคลังมหาสมบัติ และกรมทหารบกวังหน้า


    [​IMG]

    วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๑๐ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตภายหลังทรงเสด็จออกทอดพระเนตรสุริยุปราคา โดยก่อนที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะสวรรคตนั้น ได้มีพระราชหัตถเลขาไว้ว่า "พระราชดำริทรงเห็นว่า เจ้านายซึ่งจะสืบพระราชวงศ์ต่อไปภายหน้า พระเจ้าน้องยาเธอก็ได้ พระเจ้าลูกยาเธอก็ได้ พระเจ้าหลานเธอก็ได้ ให้ท่านผู้หลักผู้ใหญ่ปรึกษากันจงพร้อม สุดแล้วแต่จะเห็นดีพร้อมกันเถิด ท่านผู้ใดมีปรีชาควรจะรักษาแผ่นดินได้ก็ให้เลือกดูตามสมควร" ดังนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเสด็จสวรคต จึงได้มีการประชุมปรึกษาเรื่องการถวายสิริราชสมบัติแด่พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ ซึ่งในที่ประชุมนั้นประกอบด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และพระสงฆ์ โดยพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทเวศร์วัชรินทร์ ได้เสนอสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานาถ พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งที่ประชุมนั้นมีความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ ดังนั้น พระองค์จึงได้รับการทูลเชิญให้ขึ้นครองราชสมบัติต่อจากสมเด็จพระราชบิดา โดยในขณะนั้น ทรงมีพระชนมายุเพียง ๑๕ พรรษา ดังนั้น จึงได้แต่งตั้งเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จนกว่าพระองค์จะทรงมีพระชนมพรรษครบ ๒๐ พรรษา โดยทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๑๑ โดยได้รับการเฉลิมพระปรมาภิไธยว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ฯ พระจุฬาลงกรณ์เกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีพระนามตามจารึกในพระสุบรรณบัฎว่า
    "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยมหามงกุฏ บุรุษรัตนราชรวิวงศ วรุตมพงศบริพัตร วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาติสังสุทธเคราะหณี จักรีบรมนาถ อดิศวรราชรามวรังกูร สุภาธิการรังสฤษดิ์ ธัญลักษณวิจิตรโสภาคยสรรพางค์ มหาชโนตมางคประนตบาทบงกชยุคล ประสิทธิสรรพศุภผลอุดม บรมสุขุมมาลย์ ทิพยเทพาวตารไพศาลเกียรติคุณอดุลยวิเศษ สรรพเทเวศรานุรักษ์ วิสิษฐศักดิ์สมญาพินิตประชานาถ เปรมกระมลขัติยราชประยูร มูลมุขราชดิลก มหาปริวารนายกอนันต มหันตวรฤทธิเดช สรรวิเศษสิรินทร อเนกชนนิกรสโมสรสมมติ ประสิทธิ์วรยศมโหดมบรมราชสมบัติ นพปดลเศวตฉัตราดิฉัตร สิริรัตโนปลักษณมหาบรมราชาภิเษกาภิลิต สรรพทศทิศวิชิตชัย สกลมไหสวริยมหาสวามินทร์ มเหศวรมหินทร มหารามาธิราชวโรดม บรมนาถชาติอาชาวศรัย พุทธาทิไตยรัตนสรณารักษ์ อดุลยศักดิ์อรรคนเรศราธิบดี เมตตากรุณาสีตลหฤทัย อโนปมัยบุญการสกลไพศาล มหารัษฎาธิบดินทร ปรมินทรธรรมิกหาราชาธิราช บรมนาถบพิตร พระจุฬาลงกรณ์เกล้าเจ้าอยู่หัว"

    [​IMG]
    ภาพถ่ายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงผนวช เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๖ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม


    [​IMG]
    ภาพถ่าย ณ พระพุทธรัตนสถานมนทิราราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๖
    จากซ้ายไปขวา
    ๑. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เมื่อครั้งทรงผนวช
    ๒. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค็เจ้าอรุณนิภาคุณากร วัดราชบพิธ
    ๓. พระสุคุณคณาภรณ์ (นิ่ม) วัดเครือวัลย์
    ๔. สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ พระราชอุปัธยาจารย์ (สมเด็จท่านนี้ สร้างพระกริ่งปวเรศฯ เป็นที่โด่งดัง หายากและมีราคาแพงมาก)
    ๕. พระจันทรโคจรคุณ (ยิม จันทรังสี) วัดมกุฏกษัตริยาราม
    ๖. พระพิมลธรรม(สมเด็จพระวันรัต ทับ พุทธสิริ) วัดโสมนัสวิหาร
    ๗. พระอริยมุนี (พระพรหมมุนี เหมือน สุมิตฺโต) วัดบรมนิวาส
    ๘. พระพรหมมุนี (สมเด็จพระพุฒาจารย์ ศรี) วัดปทุมคงคา
    ๙. พระสาสนโสภณ (สมเด็จพระสังฆราชสา ปุสฺสเทโว) วัดราชประดิษฐ์ พระราชกรรมวาจาจารย์




    เมื่อพระองค์ทรงมีพระชนมายุครบ ๒๐ พรรษา จึงทรงลาผนวชเป็นพระภิกษุ และได้มีการจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งที่ ๒ ขึ้น เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๑๖ โดยได้รับการเฉลิมพระปรมาภิไธยในครั้งนี้ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีพระนามตามจารึกในพระสุบรรณบัฎว่า
    "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยมหามงกุฏ บุรุษรัตนราชรวิวงศ วรุตมพงศบริพัตร วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาติสังสุทธเคราะหณี จักรีบรมนาถ อดิศวรราชรามวรังกูร สุภาธิการรังสฤษดิ์ ธัญลักษณวิจิตรโสภาคยสรรพางค์ มหาชโนตมางคประนตบาทบงกชยุคล ประสิทธิสรรพศุภผลอุดม บรมสุขุมมาลย์ ทิพยเทพาวตารไพศาลเกียรติคุณอดุลยวิเศษ สรรพเทเวศรานุรักษ์ วิสิษฐศักดิ์สมญาพินิตประชานาถ เปรมกระมลขัติยราชประยูร มูลมุขราชดิลก มหาปริวารนายกอนันต มหันตวรฤทธิเดช สรรวิเศษสิรินทร อเนกชนนิกรสโมสรสมมติ ประสิทธิ์วรยศมโหดมบรมราชสมบัติ นพปดลเศวตฉัตราดิฉัตร สิริรัตโนปลักษณมหาบรมราชาภิเษกาภิลิต สรรพทศทิศวิชิตชัย สกลมไหสวริยมหาสวามินทร์ มเหศวรมหินทร มหารามาธิราชวโรดม บรมนาถชาติอาชาวศรัย พุทธาทิไตยรัตนสรณารักษ์ อดุลยศักดิ์อรรคนเรศราธิบดี เมตตากรุณาสีตลหฤทัย อโนปมัยบุญการสกลไพศาล มหารัษฎาธิบดินทร ปรมินทรธรรมิกหาราชาธิราช บรมนาถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว"


    พระองค์ทรงมีพระขนิษฐาและพระอนุชารวม 3 พระองค์

    ๑.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล กรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์
    [​IMG]



    ๒.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์
    [​IMG]



    ๓.สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช
    [​IMG]




    ยังไม่จบเจ้าค่ะ...โปรดติดตามต่อวันพรุ่งนี้....

    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 19.jpg
      19.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.1 KB
      เปิดดู:
      9,820
    • 05.jpg
      05.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.9 KB
      เปิดดู:
      7,868
    • 1191402144.jpg
      1191402144.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17.6 KB
      เปิดดู:
      11,175
    • 1191402249.jpg
      1191402249.jpg
      ขนาดไฟล์:
      25.2 KB
      เปิดดู:
      10,152
    • 1182745377.jpg
      1182745377.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.8 KB
      เปิดดู:
      14,985
    • 1182745664.jpg
      1182745664.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.8 KB
      เปิดดู:
      14,885
    • untitled2.jpg
      untitled2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.6 KB
      เปิดดู:
      7,648
    • 1192767946.jpg
      1192767946.jpg
      ขนาดไฟล์:
      11.2 KB
      เปิดดู:
      9,089
    • cnc10n.gif
      cnc10n.gif
      ขนาดไฟล์:
      17.1 KB
      เปิดดู:
      7,801
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2013
  2. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    จะคอยติดตามค่ะ พรุ่งนี้จะมาอ่านต่อนะคะ ภาพประกอบสวยมากค่ะ
     
  3. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ขอบคุณขอรับคุณสร้อยฟ้า ฯ ...

    กระทู้มงคล มหามงคลยิ่งแล้ว....มิเคยได้อ่านจากที่ไหนมาก่อนเลย

     
  4. หนึ่ง99999

    หนึ่ง99999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,369
    ค่าพลัง:
    +1,922
    วันนี้มีงานที่ลาดพระรูปครับ เวลา 17.30 น ถึง 20.00 น ครับ
     
  5. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,684
    ค่าพลัง:
    +9,239
    เป็นเรื่องราวที่ดีมากค่ะ พระมหากรุณาธิคุณยิ่งใหญ่ ชาติไทยไม่เสียเอกราช
    ขออนุโมทนาค่ะ
     
  6. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๑.

    ๑.
    a.jpg

    a.jpg
    ในรัชสมัยของพระองค์เป็นรัชสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมีผลทำให้สังคมไทยเปลี่ยนแปลงจากจารีตประเพณีมาสู่การเป็นสังคมสมัยใหม่ เป็นการเริ่มต้นมาสู่สังคมปัจจุบัน


    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์เมื่อพระชนมายุเพียง ๑๕ พรรษา ทำให้ต้องมีผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์ ในระหว่างนั้น พระองค์ทรงเร่งศึกษาราชกิจต่างๆ จนกระทั่งพระองค์ทรงรับผิดชอบในราชการบ้านเมืองโดยเด็ดขาดหลังพระชนมายุ ๒๐ พรรษา


    พระราชกรณียกิจแบ่งเป็นข้อใหญ่ๆ ได้ดังนี้
    ๑. ด้านการปกครอง
    ๒. ด้านดารศึกษา
    ๓. ด้านการศาสนา
    ๔. ด้านเศรษฐกิจ
    ๕. ด้านสาธารณูปโภค
    ๖. ด้านประเพณีและวัฒนธรรม
    ๗. ด้านการต่างประเทศ

    a.jpg

    a.jpg
    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์เป็นระยะเวลาถึง ๔๒ ปี ทรงพัฒนาประเทศให้เจริญก้านหน้าเป็นอันมา อันเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยในปัจจุบันเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาในสายตาของชาวโลก ไม่ว่าด้านการปกครอง การศึกษา ด้านตุลาการ สาธารณูปโภค และในด้านที่สำคัญที่สุดคือ ทรงประกาศเลิกทาส ซึ่งไม่ทำให้เสียเนื้อเลือดเลย ทรงเป็นที่รักของพสกนิกรจากอดีตจนถึงปัจจุบันไม่เสื่อมคลาย ทรงเอาพระทัยใส่ในความเป็นอยู่ของประชาชนด้วยการเสด็จประพาต้น ทรงพบปะกับราษฎรและข้าราชการชั้นผู้น้อยเสมอ พระองค์ยังทรงเสด็จประพาสต่างประเทศเพื่อศึกษาความเจริญก้าวหน้าของประเทศต่างๆ ในยุโรป และได้ส่งพระราชโอรสไปศึกษาในวิชาการแขนงต่างๆ เพื่อกลับมาพัฒนาประเทศ
    a.jpg

    ในคราวที่เสด็จประพาสยุโรปครั้งที่สอง มีผลดีประเทศไทยเป็นอย่างมาก ทั้งการฑูตและทางการเมือง ทำให้ความตึงเครียดกรณีพิพาทดินแดนกับประเทศฝรั่งเศสผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ทำให้ความสัมพันธ์กับประเทศทางยุโรปแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เป็นการถ่วงดุลย์อำนาจทางการเมืองที่ลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง นับว่าพระองค์ ทรงมีความเป็นอัจฉริยะที่ทรงมองเห็นการณ์ไกลทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการตกเป็นประเทศราชของอังกฤษและฝรั่งเศส
    a.gif

    ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่นี้ พสกนิกรของพระองค์ต่างขนามพระนามพระองค์ว่า "สมเด็จพระปิยมหาราช" ซึ่งมีความหมายว่ากษัตริย์อันเป็นที่รักของประชาชน

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จสวรรคตในวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๓ ด้วยโรคพระวักกะ(ไต)พิการ รวมพระชนมายุ ๕๗ พรรษา


    a.jpg

    หากพระราชประวัติโดยย่อมีข้อผิดพลาดประการใด ในเหตุที่ข้าพเจ้าไม่ทราบในข้อเท็จจริงด้วยเบาปัญญา ข้าพเจ้าขอรับผิดทุกประการ

    หากประโยชน์ที่เกิดขึ้นด้วยยังประทีปแห่งปัญญาของผู้ที่เข้ามาอ่านให้เกิดขึ้น โดยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ แม้เพียงแค่เศษเสี้ยวหรือยิ่งใหญ่ปานใด ข้าพเจ้าขอถวายเป็นส่วนพระราชกุศลในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ โสภางคทัศนิยลักษณ์ อรรควรราชกุมารี สมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์น้อง ผู้ที่เกี่ยวข้องและผูกพันกัน

    สุดท้ายขอขอบคุณ คุณเฮียปอ ตำมะลัง และหนู PUCCA ที่ช่วยจุดประกายและแนะนำให้ตั้งกระทู้นี้ขึ้น ขอบคุณเจ้าค่ะ

    จบพระราชประวัติโดยย่อ


    บทต่อไปจะเป็นพระราชประวัติที่ค่อนข้างจะละเอียดขึ้น
    ซึ่งสร้อยฟ้าฯ ได้วางโครงเรื่องได้ทั้งหมด ๑๕ ตอนใหญ่
    และอีกหลายตอนย่อย

    อย่างเพิ่งเบื่อที่จะอ่านนะเจ้าคะ
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • เจ้าพระยา.jpg
      เจ้าพระยา.jpg
      ขนาดไฟล์:
      87.8 KB
      เปิดดู:
      11,334
    • มัฆวาน.jpg
      มัฆวาน.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.3 KB
      เปิดดู:
      11,166
    • GrandPalace.jpg
      GrandPalace.jpg
      ขนาดไฟล์:
      69.1 KB
      เปิดดู:
      11,227
    • YakWatJang.jpg
      YakWatJang.jpg
      ขนาดไฟล์:
      102.6 KB
      เปิดดู:
      11,495
    • 166897.jpg
      166897.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81.6 KB
      เปิดดู:
      11,702
    • 172.gif
      172.gif
      ขนาดไฟล์:
      106.5 KB
      เปิดดู:
      12,422
    • images.jpg
      images.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.2 KB
      เปิดดู:
      12,568
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2021
  7. เวฬุวัล

    เวฬุวัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +506
    อนุโมทนาสาธุค่ะ

    เป็นกระทู้ที่เป็นมหามงคลอย่างยิ่ง

    ขอบคุณ คุณสร้อยฟ้าฯ สำหรับสาระข้อมูลดีๆค่ะ
     
  8. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๒.

    พระราชสมภพ
    ย้อนความเดิม:
    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชสมภพ ในวันอังคารที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ.๒๓๙๖ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับสมเด็จพระนางเจ้ารำเพยภมราภิรมย์

    พระราชมารดา

    a.jpg
    สมเด็จพระนางเจ้ารำเพยภมราภิรมย์

    ย้อนกลับไปในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงโปรดการสร้างวัดและบูรณะวัดเป็นอันมาก ถึงกับมีการกล่าวกันว่า ใครสร้างวัดก็โปรด
    พระองค์ มีพระราชโอรสซึ่งเป็นกำลังสำคัญพระองค์หนึ่ง พระนามว่า พระองค์เจ้าสิริวงศ์ กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ (ในรัชกาลที่ ๕ ทรงสถาปนาพระอัฐิเป็น สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ เป็นต้นราชสกุล สิริวงศ์ ณ อยุธยา)

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในเรื่องพระธรรมเทศนาเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวตอนหนึ่งว่า "ได้ทรงบังคับบัญชาการกรมช่างมุก ทำบานประตูวัดพระเชตุพนและการอื่นๆ และได้ทรงเป็นนายด้านทำการทั่วไปในพระอุโบสถวัดพระเชตุพน และได้ทรงเป็นนายด้านทำการวัดหนังจนแล้วสำเร็จ ครั้งเมื่อสิ้นพระชนม์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระอาลัยเป็นอันมาก ด้วยเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในขณะนั้น จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดการปลูกพระเมรุ พระราชทางเพลิง ณ ท้องสนามหลวงเป็นการใหญ่ แล้วให้เชิญพระบรมอัฐิบรรจุในพระโกศทองคำมาประดิษฐานไว้ ณ ตำหนักกรมสมเด็จพระศรีสุลาลัยในพระบรมมหาราชวัง ครั้งภายให้สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ซึ่งโปรดเกล้าให้ช่างทำพระโกศจำหลักลายลงยาราชาวดีเปลี่ยนถวายใหม่แล้วให้ปรากฏพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ มาจนบัดนี้"

    "สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอพระองค์นั้น มีพระโอรสและพระธิดาหลายพระองค์ ในเวลาเมื่อพระบิดาสิ้นพระชนม์นั้นยังทรงพระเยาว์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งเป็นพระไอยกา โปรดเกล้าให้เสด็จมาอยู่ในพระบรมมหาราชวัง พระองค์ใหญ่ๆ ได้รับราชการฉลองพระเดชพระคุณในที่ใกล้ชิดตามเสด็จอย่างพระเจ้าลูกเธอตลอดมา พระโอรสพระองค์ใหญ่ สมเด็จพระบรมไอยกา พระราชทานนามว่า มงคลเลิศ ในรัชกาลที่ ๔ ก็โปรดให้เป็นพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้า ทรงพระเมตตาเป็นอันมาก พระองค์เจ้ามงคลเลิศ มีบุตรและบุตรี ได้รับราชการฉลองพระเดชพระคุณหลายคน มีพระยาไชยสุรินทร์เป็นต้น พระธิดาพระองค์ใหญ่ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาใช้สอยสนิท โปรดว่าอยู่งานพัดดี จึงพระราชทานนามว่า รำเพย ภายหลังมาได้เป็น สมเด็จพระบรมราชเทวีในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวปรากฎพระนามว่า สมเด็จพระนางเจ้ารำเพยภมราภิรมย์"

    ในหนังสือราชนิกูลรัชกาลที่ ๓ได้กล่าวไว่ว่า
    หม่อมเจ้ารำเพย อันสมเด็จพระไอยกาธิราชได้พระราชทานพระนามในเมื่อเวลาถวายอยู่งานพัด เมื่อรัชกาลที่ ๔ พระราชทานสมมตยาภิเษกเป็นพระราชเทวี ทางพระนามว่า "พระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์" ครั้นถึงรัชกาลที่ ๕ ทรงดำริพระอิสริยศักดิ์เป็น สมเด็จพระบรมราชชนนีพระพันปีหลวง มีพระนามว่า กรมสมเด็จพระเทพศิรินทรา บรมราชินี พระองค์ไร้พระชนกและพระชนนีแต่เมื่อยังเยาว์อยู่ในรัชกาลที่ ๓ ได้เสด็จเข้ามาพระทับอยู่ในพระบรมมหาราชวังกับพระปิตุจฉา คือสมเด็จกรมพระยาสุดารัตนราชประยูร ณ พระตำหนักตึกซึ่งเดิมเป็นพระตำหนักของสมเด็จพระศรีสุลาลัย ต่อมาไปประทับอยู่กับกรมหลวงวรเสฐสุดา ซึ่งเดิมทรงพระนามว่า พระองค์เจ้าบุตรี ในรัชกาลที่ ๓ เพื่อทรงศึกษาอักขระวิธีและพระราชประเพณี ณ ตำหนักต้นจำปีในพระบรมมหาราชวังนั้นเอง ครั้นถึงรัชกาลที่ ๔ เสด็จมาพระทับอยู่สำนักเดิม ณ พระตำหนักตึก ในสมัยเมื่อมีพระอิสริยศักดิ์เป็นพระราชเทวีแล้ว มีที่ประทับพักเดิมอยู่ที่ชานพระที่นังไพศาลทักษิณ ในหมู่พระราชมณเฑียรเก่า ต่อมา ณ พระที่นั่งจันทรทิพโยภาส ในหมู่พระราชมณเฑียรใหม่สวนขวา ซึ่งมีนามว่าพระอภิเนาวนิเวศน์ ภายหลังโปรดให้สร้างที่ประทับในหมู่พระตำหนักตึกหลัง ๑ เรียกว่าพระตำหนักหอ แลต่อกับหลังเดิมอีกหลัง ๑ เรียกว่าพระที่นั่งศีตลาภิรมย์ ในบริเวณนั้นเป็นที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จมาพระทับอยู่ได้และมีที่เสด็จออกข้างหน้าได้ด้วย และพระที่นั่งศีตลาภิรมย์ทั้งพระตำหนักหอก็ดี ตำหนักอื่นๆ ในหมู่พระตำหนักตึกเดิมนั้นก็ดี ตั้งอยู่ ณ สถานซึ่งเป็นหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาททุกวันนี้ สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชีนี ประทับอย่ ณ พระตำหนักหอนั้น จนถึงกาลสิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๔ นั้นเอง"

    a.jpg
    พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าหญิงละม่อม สมเด็จกรมพระยาสุดารัตนราชประยูร


    a.jpg
    พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุตรี กรมหลวงวรเสฐสุดา อาทิอักษรวรรคศรี

    สมเด็จพระนางเจ้ารำเพยภมราภิรมย์ ประสูติ ณ วันพฤหัสบดี เดือน ๘ ขึ้น ๑๒ ค่ำ ปีมะเมีย ตรงกับวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๓๗๗ และเมื่อมีพระราชโอรสพระองค์แรกนั้นทรงมีพระชนมายุเพียง ๑๙ พรรษา ซึ่งจะลำดับพระราชโอรส พระราชธดาดังนี้
    ๑. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
    ๒. สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงจันทรามณฑลโสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกระษัตรีย์
    ๓. สมเด็จเจ้าฟ้าจาตุรณรัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์
    ๔. สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช

    หลังจากประสูติสมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์แล้ว สมเด็จพระนางเจ้ารำเพยภมราภิรมย์ ก็ทรงพระประชวรเรื่อยมา จากพระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระองค์เจ้าปัทมราชฉบับลงวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๔๐๓ ตอนหนึ่งว่า
    "แม่รำเพย ตั้งแต่คลอดบุตรชายภาณุรังษีสว่างวงศ์มาแล้ว ป่วยไอและซูบผอมมากไป กลัวจะตั้งวัณโรคภายใน"

    และอีกฉบับลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๔๐๔ ความว่า " แม่เพย ไออาเจียนเป็นโลหิตออกมามาก ออกทางจมูกออกทางปากได้ตัวสัตว์ออกมากับโลหิตตัวหนึ่ง มีอาการคล้ายตัวหนอนเล็กหางสามแฉก แต่หมอยังแก้ไขก็ค่อยคลายมา โลหิตออกบ้างเล็กน้อยจางไปแล้ว ครั้น ณ วันอาทิตย์ ขึ้นสี่ค่ำ เดือนสิบ เวลากลางคืน เธอว่าค่อยสบายไปห่างไปนอนหลับได้มาก ตั้งแต่สามยามไปจนสามโมงเช้า ครั้น ณ วันจันทร์ ขึ้นห้าค่ำ เดือนสิบ ตื่นขึ้นอีกเวลาสามโมงเช้า รับประทานอาหารได้ถ้วยฝาขนาดใหญ่ แล้วนั่งเล่นอยู่กับบุตรคนเล็ก ไอเป็นโลหิตออกมา แล้วก็เกิดโลหิตพลุ่งพล่านมากที่สุด ออทั้งทางจมูกทางปาก หลายถ้วยแก้วกระบอก ไม่มีขณะหายใจ พอโลหิตมากแล้วชีพจรทั้งตัวก็หยุดทีเดียว ไม่พื้นเลย ได้รับประทานจัดการไว้ศพในโกดังตั้งไว้ที่ตึกต้นสน แต่ตกแต่งตึกเสียใหม่ให้งามดี เพดานแลบานประตูหน้าต่างปิดลายเงิน ฝาผนังปิดกระดาษลายแลตกแต่งสิ่งอื่นมากพอสมควร ครั้นจะยกขึ้นไปไว้บนพระมหาปราสาทเห็นว่าจะกีดขวางการพระราชพิธีไม่พอที่ แต่เท่านั้นก็ดีอยู่แล้ว ศพจะเอาไว้นานต่อเดือนสี่เดือนห้า จึงจะได้เผา เดี๋ยวนี้ก็ได้รับประทานทำบุญต่างๆ มีเทศนาแลบังสกุลอยู่เนืองๆ เมื่อวันพุธ แรมสิบสามค่ำ เดือนสิบ เจ้านายและคุณหม่อมต่างวังมาถือน้ำและแวะไปเยี่ยมศพ ได้นิมนต์พระบังสกุลคนละเล็กละน้อย เป็นพระสงฆ์ถึงหมื่นเศษ เจ้านายและข้าราชการในกรุงแลหัวเมือง แลเจ้าภาษีนายอากรก็นำผ้าขาวแลสิ่งของแลเงินสลึงเงินเฟื้องมาช่วยในการศพก็เป็นอันมาก ที่ให้เป็นอนุเคราะห์แก่ชายจุฬาลงกรณ์ หญิงจันทรมณฑล ชายจาตุรนต์รัศมี ชายภาณุรังษีสว่างวงศ์ บุตรแม่เพยทั้งสี่ก็มีบ้าง กระหม่อมฉันคิดขอบบุญขอบคุณท่านทั้งปวงครั้งนี้นั้นหนักหนา แม่เพยตายลงครั้งนี้ เมื่อดูอาการก็ควรจะตายอยู่แล้ว ด้วยป่วยโรคนี้มาตั้งแต่เสาะแสะมาถึงห้าปี ตั้งแต่ปีมะเส็งมา รักษาก็หลายหมอหลายยาแล้วไม่หาย จึงเห็นว่าถึงคราวที่จะสิ้นอายุตายอยู่แล้ว อายุนับปีเท่ากับกรมหมื่นมาตยาพิทักษ์บิดานั้น เหมือนกันกับชายมงคลเลิศซึ่งเป็นพี่ชาย ว่าโดยละเอียดไปกรมหมื่นมาตยาพิทักษ์มีอายุนับตั้งแต่วันเกิดจนตายได้ ๙๙๐๓ วัน แพ่เพยนับอายุตั้งแต่วันเกิดจนตายได้ ๙๙๒๓ วัน มากกว่ากรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ ๒๘๔ วัน มากกว่าชายมงคลเลิศ ๒๐ วัน ศพชายมงคลเลิศนั้นได้รับประทานชักไปเผาเสียที่เมรุวัดบวรนิเวศในวันอาทิตย์แรมสามค่ำเดือนสิบแล้ว"

    เมื่อสิ้นพระชนม์นั้นบรรดาฝรั่งพากันลดธงครึ่งเสาให้สามวันซึ่งเห็นจะเป็นครั้งแรก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • q.jpg
      q.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.5 KB
      เปิดดู:
      10,310
    • 1191401226.jpg
      1191401226.jpg
      ขนาดไฟล์:
      9.2 KB
      เปิดดู:
      11,782
    • 1177666531.jpg
      1177666531.jpg
      ขนาดไฟล์:
      16.9 KB
      เปิดดู:
      9,652
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2021
  9. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ขอบคุณสาระดีดี มีมงคลครับ ^^ รออ่านตอนต่อไปครับ


    .
     
  10. janepat2549

    janepat2549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,963
    ค่าพลัง:
    +1,285
    ขอบคุณครับ
    มีสาระมากๆ
    ขอคุณอีกครั้ง...
     
  11. sandland

    sandland เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +225
    สาธุ เป็นบุญที่ได้อ่านและได้เห็นภาพสวยๆ และเรื่องราวที่ดีและเป็นมงคลแก่ชีวิตค่ะ
    ขอบคุณมากค่ะ
     
  12. มาร-

    มาร- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +487
    สาธุ สาธุ สาธุ

    ดีแล้ว ชอบแล้ว


    _____________________


    บุญกุศลเหล่าใดที่ข้าพเจ้าได้ทำ จำได้ก็ดี จำไม่ได้ก็ดี ร้อยชาติก็ดี หมื่นชาติก็ดี อสงไขย์ชาติก็ อนันตชาติก็ดี

    ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจคุณพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ทั่วทั้งอนันตจักวาลโดยมี ภันเต ภควา สมเด็จองค์พระประถม สิขี ทศพล ญาณที่ 1 เป็นองค์พระประธาน

    ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจคุณพระธรรม คำสั่งสอน ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

    ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจคุณพระปัจเจกพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ทั่วอนันตจักวาล

    ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจคุณพระสงฆ์ พระสาวกแห่งองค์ ภันเต ภควา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

    ข้าพระพุทธขอน้อมอำนาจ คุณพระบิดา พระมารดา ของข้าพเจ้าทุกๆชาติ ทุกๆภพ ทุกๆภูมิ

    ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจแห่งคุณพระอาจารย์ ทุกๆรูป ทุกๆนาม ที่ ได้ประสิทธิ ประสาท วิชา

    ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจคุณของ พระพรหม และเทพ เทวา ทุกๆ พระองค์ จงร่วมกันบันดาล และ อนุโมทนา

    ข้าพระพุทธเจ้าขออุทิศ กุศลผลบุญ เหล่าใด ที่ข้าพระพุทธเจ้าได้ทำมา ได้บำเพ็ญมาโดยชอบ จำได้ก็ดี จำมิได้ก็ดี ข้าพระพุทธเจ้าขออุทิศกุศลเหล่านั้น แด่ สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกรูป ทุกนาม ทุกภพ ทุกภูมิ ขอให้ได้ร่วมอนุโมทนา ขอให้มีส่วนร่วมในกองกุศลของข้าพเจ้า เพื่อยังผลให้ที่สุดแห่งกองทุกข์ จงหมดสิ้นไปด้วยเทอญ....
     
  13. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๒.

    หลังจากที่สมเด็จพระนางเจ้ารำเพยภมราภิรมย์ สิ้นพระชนม์แล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งขณะนั้นดำรงพระยศคือ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมหมื่นพิฆเณศวรสุรสังกาส พระชนมายุ ๘ พรรษา จึงทรงเป็นกำพร้า และทรงอยู่ในความดูแลของพระองค์เจ้าหญิงละม่อม

    a.jpg

    พระองค์เจ้าหญิงละม่อม
    เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาทรัพย์ ทรงเป็นพระขนิษฐาร่วมพระชนกชนนีเดียวกับสมเด็จพระบรมมาตามหัยกาเธอ (พระองค์เจ้าสิริวงศ์) จึงทรงเป็นเส็ดจอา แท้ๆ ของสมเด็จพระนางเจ้ารำเพยภมราภิรมย์ ซึ่งสมเด็จกรมพระยาสุดารัตนราชประยูร(พระองค์เจ้าหญิงละม่อม) ก็ทรงเลี้ยงดูสมเด็จพระนางเจ้าฯ มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ด้วยสมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ สิ้นพระชนม์เมื่อพระชันษาเพียง ๒๘

    สมเด็จกรมพระยาสุดารัตนราชประยูร จึงทรงอภิบาลพระราชโอรส ๓ พระองค์ ในสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี(สมเด็จพระนางเจ้ารำเพยภมราภิรมย์) คือ สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ สมเด็จเจ้าฟ้าชายจาตุรนต์รัศมี สมเด็จเจ้าฟ้าชายภาณุรังษีสว่างวงศ์

    ดังนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงเคารพรักและเกรงพระทัยสมเด็จกรมพระยาสุดารัตนราชประยูร มาก ทรงยกย่องเสมอพระชนนีตรัสเรียกว่า "เสด็จยาย" และโปรดให้พระราชโอรสพระธิดาออกพระนามว่า "ทูลหม่อมย่า" และชาววังต่างออกพระนามว่า "ทูลกระหม่อมแก้ว" ดังนั้นบุคคลใดเป็นที่โปรดปรานในสมเด็จกรมพระสุดารัตนราชประยูร จึงเป็นที่โปรดปรานในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย

    พระองค์เจ้าละม่อมทรงได้รับการสถาปนาเป็น พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมพระสุดารัตนราชประยูร เมื่อ พ.ศ.๒๔๑๑และทรงเลื่อนเป็น พระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร เมื่อ พ.ศ.๒๔๑๖

    พระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร เสด็จสวรรคตเมื่อวันจันทร์ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙ ปีวอก ตรงกับวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๓๙ พระชันษา ๗๗ ปี (รัชกาลที่ ๕ ทรงโปรดให้ใช้คำว่า สวรรคต เสมอพระบรมราชชนนี) ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงออกพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร


    a.jpg
    เมื่อสมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ เจริญพระชันษาพอสมควรแก่การศึกษาแล้ว ได้ทรงเริ่มศึกษาในสำนัก พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุตรี กรมหลวงวรเสฐสุดา อาทิอักษรวรรคศรี โดยทรงศึกษาด้านวิชาการ และโบราณราชประเพณีต่างๆ นอกจากนี้ยังได้ทรงศึกษาภาษาอังกฤษกับนางแอนนา เลียวโนเวนส์(Anna H. Leonowens) ครูสตรีชาวอังกฤษที่สมเด็จพระบรมชนกนาถจ้างมาสอน ทำให้ทรงมีความรู้ทางด้านภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี และเนื่องจากได้ทรงติดตามใกล้ชิดสมเด็จพระบรมชนกนาถอยู่เสมอ ทำให้ทรงได้รับพระราชทานพระบรมราโชวาทฝึกสอนในด้านรัฐประศาสนศาสตร์ ราชประเพณีและโบราณคดีทั้งปวง

    นางแอนนา เลียวโวนส์(Anna H. Leonowens)
    a.jpg




    วันนี้ขอหยุดอยู่ที่นางแอนนาเลียวโวนส์

    จะเล่าประวัติของนางแอนนา เป็นยาวๆ หรือแบบย่อๆ ดีเจ้าคะ
    ขอความเห็นก่อนที่จะเขียนต่อ ......

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1191405310.jpg
      1191405310.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.6 KB
      เปิดดู:
      10,993
    • anna.jpg
      anna.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17.4 KB
      เปิดดู:
      9,969
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2021
  14. จิตต์ปภัสสร

    จิตต์ปภัสสร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2007
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +4,545
    วัดกู้.jpg วัดกู้1.jpg
     
  15. เวฬุวัล

    เวฬุวัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +506
    ขอบคุณสำหรับเนื้อหาสาระดีๆที่เป็นมงคลอย่างหาที่สุดมิได้

    จะติดตามอ่านต่อไปค่ะ
     
  16. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๒.
    นางแอนนา เลียวโวนส์(Anna H. Leonowens)
    [​IMG]

    ในต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประเทศอังกฤษเป็นมหาอำนาจ ส่งเรือรบออกแสดงฤทธิ์เดชทั่วทุกท้องทะเล พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงรู้ว่าประเทศสยามยังมีความล้าหลัง อ่อนแอกว่ามหาอำนาจประเทศตะวันตก จึงทรงพยายามศีกษา เล่าเรียน เพื่อนำวิชาการและสิ่งก้าวหน้าของโลกมาใช้เป็นประโยชน์แก่ประเทศ

    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปรารถนาให้พระราชโอรสพระราชธิดาได้ทรงเรียนรู้ภาษาอังกฤษ จึงติดต่อไปยังกงสุลไทยในประเทศสิงคโปว์ ขณะนั้นเรามีกงสุลเป็นคนจีนชื่อ นายคิมชิง นายคิมชิงจึงแนะนำผู้หญิงชาวอังกฤษคนหนึ่งเป็นแม่มาย มีลูกติด ๒ คน คนหนึ่งอยู่ประเทศอังกฤษ อีกคนหนึ่งอยู่กับเธอที่สิ่งคโปว์ ชื่อ นางแอนนา เลียวโนเวนส์

    ในวันที่ ๒๖ กุมภาภพันธ์ ๒๔๐๕ ได้มีพระลายลักษณ์อักษรจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวถึงนางแอนนา โดยตรง นางแอนนา ได้บันทึกไว้ว่า ประมาณ ๑ อาทิตย์ก่อนที่เธอและลูกชายจะเดินทางสู่ประเทศสยาม กัปตันเรือสำเภาอังกฤษชื่อ Rainbow ได้มาพบพร้อมเตือน ห้ามเธอและลูกชายไม่ให้ไปเสี่ยงโชคชะตาและชีวิตในเมืองสยาม แต่นางแอนนา ได้ตัดสินใจแล้วจึงไม่รับฟัง ได้ขนข้าวของและลูกชายลงเรือเจ้าพระยาถึงกรุงเทพฯ วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๔๐๕

    นางแอนนา ได้เล่าถึงการเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งแรก ดังนี้

    เธอเข้าวังโดยมีกัปตันเรืออังกฤษผู้หนึ่งเป็นคนนำ เมื่อไปถึงก็มิได้รั้งรอให้เสียเวลา เดินผ่านเหล่าขุนนางไทยซึ่งรอเข้าเฝ้ากันอยู่หนาแน่น เร่งฝีเท้าขึ้นบันไดหินอ่อน และเปิดประตูเข้าไปในห้องท้องพระโรงอย่างอาจหาญโดยมิต้องขออนุญาตใคร พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทอดพระเนตรมาเห็นฝรั่งทั้งสอง จึงตรัสถามอย่างพิโรธว่า
    "ใคร ใคร ใคร"
    เมื่อกัปตันกราบทูลว่า เธอคือสตรีที่จะมาสอนภาษาอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงยื่นพระหัตถ์มาสัมผัสมือกับทั้งสองคน ทรงเดินมาหยุดตรงหน้าเธอ ชี้นิ้วแล้วตรัสถาม
    "หล่อนอายุเท่าไร"
    นางแอนนา พยายามกลั้นยิ้มแล้วจึงตอบอย่างสุภาพเรียบร้อยว่า "๑๕๐ปี"
    เธอเล่าต่อว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทำท่าแปลกพระทัย ทรงพระสรวลและตรัสถามต่อว่า
    "หล่อนเกิดปีอะไร" แอนนาตอบว่า " ปี๑๗๑๒"
    "แล้วหล่อนแต่งงานได้ทั้งหมดกี่ปี" "หลายปี..."
    "แล้วหล่อนมีลูกหลานกี่คนแล้วล่ะ กี่คน กี่คน"
    พระองค์ทรงพระสรวลอีก ส่วนนางแอนนาและกัปตันอังกฤษจึงหัวเราะตามไปด้วย ทันใดนั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ยื่นพระหัตถ์มาคว้ามือของเธอ และลากตัวเธอให้เดินตามอย่างรวดเร็ว ผ่านห้องหับต่างๆ ในพระราชวัง จนกระทั่งถึงห้องหนึ่ง ซึ่งมีสตรีผู้หนึ่งดูรูปร่างหน้าตาเหมือนเด็กน้อย และทรงอธิบายว่า เธอคือท้าวตลับ เป็นพระมเหสีองค์หนึ่ง ต้องการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ นางแอนนามีหน้าที่สอน

    หลังจากนั้นจึงทรงพาไปพบกับพระราชโอรสพระราชธิดาทั้งหลาย รับสั่งว่ามีพระราชโอรสพระราชธิดาทั้งหมด ๖๗ พระองค์ แอนนามีหน้าที่สอนภาษาอังกฤษแก่พระโอรสพระธิดาทุกพระองค์ รวมทั้งพระสนมกำนัลทั้งหลาย ที่ต้องการเรียนรู้ภาษาฝรั่ง

    จากเหตุการณ์ที่นางแอนนา ได้เล่าไว้ทำให้ไม่เห็นถึงความเป็นผู้ดีของสตรีชาวอังกฤษเลย และมีหลายตอนที่อ่านแล้วรู้สึกเหลือเชื่อ นางแอนนา ต้องการให้คนอ่านเชื่อว่า สิ่งแรกที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสต่อเธอ คือถามว่าอายุเท่าไร หลังจากนั้นยังทรงคว้ามือเธอลากให้เดินตามไปพบพระมเหสี พระราชโอรสพระราชธิดา พระเจ้าแผ่นดินไทยทรงพระปรีชาสามารถเกินว่าที่จะเริ่มต้นการสนทนาด้วยคำพูดเช่นนั้น และเป็นไปไม่ได้ที่จะลดพระองค์มาจับมือผู้หญิงฝรั่งให้เดินตามไปด้วย จึงน่าเชื่อว่านางแอนนา ได้บิดเบือนความจริงและแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้เห็นว่าตัวเธอนั้นเก่งกล้า ไม่มีความยำเกรงและอาจหาญ คราวนี้เราลองมาเปรียบเทียบการเล่าเหตุการณ์กับคำแปลในหนังสือ แอนนากับพระเจ้าสยามของ อ.สนิทวงศ์ ได้แปลไว้ว่า

    "
    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเข้าพระทัยความหมายถ้อยคำที่หล่อนกราบทูลตอบโดยเร็ว ทรงพระสรวลและกระแอม แล้วหันไปรับสั่งถามอีกว่า "เธอเกิดปีอะไร"
    ทันใดนั้นแอนนาก็นั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหล่อนได้ทูลตอบว่า "ขอเดชะฯ หม่อมฉันเกิดปี ค.ศ.๑๗๑๒ เพคะ"
    เมื่อได้ฟังหล่อนเช่นนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็มีสีพระพักตร์เปลี่ยนไป กัปตันบุชหลบเข้าไปแอบหัวเราะอยู่หลังเสา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงกระแอมอีกครั้งหนึ่ง ทำให้นางแอนนารู้สึกตกใจกลัวและคิดสงสัยว่าการที่หล่อนบังอาจกราบทูลเช่นนั้นอาจทำให้ขุ่นเคืองพระทัย เพราะหล่อนหลีกเลี่ยงไม่ยอมตอบคำถามของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา แล้วพระองค์ก็รับสั่งอะไรอีก ๒-๓ คำกับพวกขุนนางที่หมอบอยู่ใกล้ๆ พวกเหล่านั้นยิ้มแล้วก้มลงดูพรม มีแต่เจ้าพระยากลาโหมคนเดียวที่หันมามองดูหล่อนแล้วทำหน้าบึ้งตึง

    ในระหว่างนี้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงตรัสถามหล่อนว่า "เธอแต่งงานมากี่ปีแล้ว" "หลายปีแล้วเพคะ" หล่อนตั้งใจว่าจะไม่ยอมจำนนตอ่คำตรัสถามเช่นนี้ และหล่อนจะไม่ยอมเปิดเผยชีวิตส่วนตัวให้พวกขุนนางเหล่านั้นทราบเป็นอันขาด
    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รับสั่งถามอย่างมีชัยชนะว่า "เวลานี้เธอควรจะมีหลานกี่คนแล้ว บอกมาซิว่า...มีกี่คน"
    ทุกๆคนหัวเราะอย่างร่าเริง ทั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครูประจำบ้านและกัปตันบุช พวกขุนนางทีรู้ภาษาอังกฤษมากพอที่จะเข้าใจถ้อยคำก็พากันหัวเราะด้วย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงชนะในการพูดโต้ตอบครั้งนี้ "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2013
  17. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๒.
    a.gif

    นางแอนนา เลียวโนเวนส์ สอนภาษาอังกฤษในกรุงสยามหลายปี ได้มีโอกาสใกล้ชิดเป็นทั้งครูและพี่เลี้ยงของเจ้าฟ้าชายเจ้ฟ้าหญิงทั้งหลาย โดยเฉพาะ สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ นั้น นางแอนนา เขียนเล่าไว้ว่าเป็นเจ้าชายที่ทรงพระปรีชาสามารถอย่างยิ่ง เมตตากรุณาต่อประชาชน พระทัยประเสริฐ แสดงความสงสารข้าทาสทั้งหลาย ถึงกับเคยตรัสไว้ว่า "คนเหล่านี้ความจริงมิใช่ข้าทาสชั้นต่ำ แต่เป็นผู้มีจิตใจสูง เพราะเขารู้จักอดทน พวกเราต่างหากเป็นเจ้าชายเจ้าหญิงจะต้องเรียนรู้ว่า ฝ่ายใดมีจิตสูงกว่ากัน ผู้กดดันหรือผู้ถูกกดขี่"
    a.jpg


    มีตัวอย่างเหตุการณ์หนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า นางแอนนา ไม่เข้าใจในขนบธรรมเนียมต่าวๆ ในราชสำนัก คือ สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงจันทรมณฑลโสภณภควดี ซึ่งเป็นเจ้าฟ้าหญิงองค์โปรดของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นลูกศิษย์ของนางแอนนา เจ้าฟ้าหญิงทรงมีความเฉลียวฉลาดอย่างแปลกประหลาด ทรงเรียนรู้ภาษาสันสกฤตและวรรณดคีไทยตั้งแต่พระชนมายุได้เพียง ๓ พรรษา และสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว หลังจากเรียนกับนางแอนนาเพียงไม่กี่เดือน


    a.jpg
    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดปรานพระราชธิดาองค์นี้นัก ทรงป้อนข้าวป้อนนมด้วยพระองค์เองมาแต่เล็ก แต่เมื่อเจ้าฟ้าหญิงมีพระชนม์ได้เพียง ๘ พรรษา เกิดโรคอหิวาต์ระบาดในกรุงเทพฯ ผู้คนล้มตายเป็นหมื่น เจ้าฟ้าหญิงองค์นี้ก็สิ้นพระชนม์ด้วย

    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกันแสงเสียพระทัยเป็นอย่างมาก และเมื่อพอจะควบคุมพระสติได้ จึงประกอบพระราชพิธีน้อยๆ ขึ้นภายในพระราชวัง โดยให้นางแอนนา นั้งบนเก้าอี้ เอาสายสิญจน์พันหน้าผากของเธอและเชื่อมโยงมาที่หนังสือเรียนเล่มต่างๆ ซึ่งเคยเป็นสมบัติของเจ้าฟ้าหญิง แล้วพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงสวดมนต์และรดน้ำมนต์ด้วยพระองค์เอง แต่งตั้งให้นางแอนนามีตำแหน่งเป็น เจ้าคุณครูใหญ่ พร้อมทั้งพระราชทานที่ดินให้อีกในจังหวัดลพบุรีและสระบุรี
    การกระทำเช่นนี้ สตรีที่เป็นผู้ดีไม่ว่าจะเป็นชนชาติไหน จะต้องซาบซึ้งในพระมาหกรุณาธิคุณ แต่นางแอนนานั้น เธอได้บันทึกไว้ว่า เธอรู้สึกอับอายและสมเพชเวทนาที่ต้องไปนั่งเป็นตัวตลกอยู่อย่างนั้น และเป็นห่วงเหลือเกินว่า เก้าอี้ซึ่งเพิ่งทาสีแดงนั้น จะมาเปื้อนกระโปรงสีขาวของเธอ


    นอกจากสอนหนังสือแล้ว นางแอนนายังมีหน้าที่แต่งจดหมายต่างๆเป็นภาษาอังกฤษที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงส่งไปถึงผู้ครองประเทศทั้งหลายในตะวันตก นอกจากนั้น การที่ได้อยู่ใกล้ชิดเปรียบเสมือนเลขานุการส่วนพระองค์ ทำให้มีคนไทย คนจีนมากมายมาขอร้องให้เธอช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ เธอจึงมีหน้าที่ต้องนำเรื่องร้องทุกข์มาเสนอต่อองค์พระเจ้าแผ่นดิน ขอพระมหากรุณาแก้ไข จนในที่สุดหลังจากผ่านไปหลายปี เธอรู้สึกเหนื่อยเต็มที ไม่อยากอยู่ในประเทศต่อไป

    จนหน้าร้อน พ.ศ.๒๔๐๙ นางแอนนา รู้สึกตัวว่าสุขภาพไม่ดี จึงขออนุญาตกลับไปสิงคโปว์เป็นเวลา ๖ เดือน เมื่อถึงเวลาออกจากกรุงสยาม เธอจึงกราบทูลลาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันที่ ๕ กรกฏาคม พ.ศ.๒๔๑๐ เธอและผู้ติดตามขึ้นเรือกลไฟเจ้าพระยาออกจากสยามหลังจากนั้นนางแอนนาก็ไม่กลับมาอีกเลย แต่ไปดำเนินชีวิตที่อเมริกา และแต่งหนังสือเรื่อง The English Governess At The Siamese Court จนมีคนนำมาสร้างเป็นหนังเรื่อง The King And I ซึ่งประเทศไทยเราไม่ยอมให้หนังสือของนางแอนนาเข้าเมือง ส่วนหนังก็ถูกห้ามเช่นกัน

    ด้วยหนังสือที่นางแอนนา แต่งขึ้นนี้เขียนผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง นางแอนนาเป็นผู้หญิงอังกฤษยุควิคตอเรียน ซี่งไม่มีความสามารถหรือฉลาดพอที่จะเข้าใจวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมของสยาม ซึ่งอะไรที่ผิดจากวัฒนธรรมตะวันตกของเธอ ก็เห็นเป็นสิ่งผิดไปเสียหมด คนที่เป็นผู้ดีมีจิตสูง หากได้รับเกียรติมาสอนหนังสือในพระราชวังและรับใช้ใกล้ชิดองค์พระเจ้าแผ่นดินของประเทศใดก็ตาม ก็คงจะมีบุญอำนาจวาสนาไปในที่สุด แต่นางแอนนา เลียวโนเวนส์ ไม่ทราบถึงลักษณะจิตและวิธีวางตัวของชนชั้นสูง ชิวิตของเธอในพระราชสำนักจึงไม่ประสบความสำเร็จ จนครบเวลาห้าปี เธอจึงต้องอำลาเดินทางออกจากกรุงสยาม....

    วันนี้รู้สึกออกนอกเรื่องเสียยืดยาว
    แต่สร้อยฟ้าฯ ต้องการให้ทราบถึงเกร็ดประวัติเล็กๆน้อยๆ
    ของนางแอนนา เลียวโนเวนส์ ซึ่งสร้อยฟ้าฯ ไม่ได้มีเจตนา
    ที่จะต้องการปรามาศใคร
    แต่ต้องการให้ผู้อ่านได้ทราบในข้อเท็จจริงบางประการ
    ซึ่งที่จริงมีข้อมูลมากกว่านี้ แต่ย่อมาให้อ่านเพื่อให้ได้รับรู้เท่านั้น

    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2021
  18. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    กระจ่างขึ้นเยอะครับ สำหรับ คุณแอนนา...^^

    ขอบคุณครับ คุณสร้อยฟ้า ฯ .... สนุก น่าอ่าน น่าติดตาม ... เป็นกำลังใจให้ครับ
     
  19. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๒.

    a.jpg
    ตอนนี้เราก็ทราบแล้วว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ ทรงได้รับการศึกษาจากสำนัก พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุตรี กรมหลวงวรเสฐสุดา ในด้านวิชาการ โบราณราชประเพณีต่างๆ ได้ทรงศึกษาภาษาอังกฤษกับนางแอนนา เลียวโนเวนส์ ครูสตรีชาวอังกฤษ และทรงได้รับพระราชทานพระบรมราโชวาทฝึกสอนในด้านรัฐประศาสนศาสตร์ ราชประเพณีและโบราณคดีจากการที่ได้ทรงติดตามใกล้ชิดสมเด็จพระบรมชนกนาถอยู่เสมอ ถึงแม้เวลาเสด็จประพาสหัวเมือง ก็โปรดให้โดยเสด็จทุกครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรถพระที่นั่ง เกิดเหตุรถพระที่นั่งล่มต้องบาดเจ็บ พระองค์ได้ทรงตรัสเล่าเรื่องในพระราชหัตถเลขาถึงท่านฑูตไทยในประเทศอังกฤษว่า


    a.jpg

    a.jpg

    " เมื่อวันอังคารขึ้น ๑๓ ค่ำเดือน ๑๐ ปีมะโรง อัฐศก พ.ศ.๒๓๙๙ เวลาเย็นมีเหตุบังเกิดขึ้น เป็นที่ตกใจมากในที่พระบรมมหาราชวังนี้ เวลาบ่ายวันนั้นข้าออกไปดูนาที่ท้องสนามหลวง ตัวข้าขี่ม้าออกไป แต่ลูกข้า ๔ คน ยิ่งเยาวลักษณ์ ทักษิณชา โสมาวดี ชายจุฬาลงกรณ์ไปบนรถที่ข้าเคยขี่(เป็นรถ ๒ ล้อ มีประทุนพับได้) ครั้นไปถึงที่ท้องสนามหลวง ลงดูนาดูสวนที่นั่นแล้ว เมื่อกลับมาตัวข้าขึ้นรถกับลูก ๔ คนด้วยกัน ขับรถกลับเข้ามาแล้วหาได้เข้าประตูวิเศษไชยศรีไม่เลยลงไปดูการที่ทานนอก (โรงทานนั้นตั้งอยู่ตรงหน้าหอธรรมสังเวช) และดูการที่ป้อมอินทรังสรรค์จะก่อแท่นเป็นที่ยิงปืน ไปหยุดที่โน่นนานจนเย็นจวนค่ำ ข้าขับรถกลับมา ลูกข้าทั้ง ๔ คนนั่งบนที่นั่งเต็มหมดจนไม่มีที่นั่ง ตัวข้าเองข้างหลังยันเบาะเท้าทั้งสองยันพนักหน้ารถนั่งลอยมา เพราะข้าวของเล็กๆ น้อยๆ ลูก ๔ คน หาประทุกมาเต็มชานหน้ารถไม่มีที่นั่งที่ยืน ตลอดทางที่ไปนั้นมีแต่จะชักรถเลี้ยวข้างขวาอย่างเดียว ไม่มีทางที่จะชักรถเลี้ยวข้างซ้าย เพราะฉะนั้นสายถือข้างซ้ายชำรุดอยู่ด้วยด้ายที่เย็บหนังแถบสายถือที่คล้องเหนี่ยวประวินที่ปากบังเหียนม้าข้างซ้ายนั้นเปื่อยผุนัก แล้วหามีใครสังเกตไม่ ตัวข้าก็ไม่รู้เลย เมื่อรถตรงเข้ามาตามถนนวิเศษไชยศรี ม้าก็เร็วเข้ามาตามตรง ข้าก็ถือสายมา ถือรวบเข้าทั้งสองสายมือเหนี่ยวหน่วงไว้เบาๆ ครั้นกระบวนมาถึงที่ทางเลี้ยวจะไปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พวกทหารแห่เลี้ยวเข้าไปข้างนั้น แล้วยืนอยู่ตามเคย ครั้นรถมาถึงมุมทิมสงฆ์ ก็เป่าแตรตีกลองตามเคย ม้าก็กระโชกวิ่งหนักเข้า ข้าเห็นกระโชกนักกลัวลูกนั่งบนรถจะคะมำลง จึงรั้งสายถือพร้อมกันทั้งสองอยู่ในมือเดียวนั้นแรงหนักเข้ามา ม้าก็เดินเลี่ยงแฉไปข้างซ้ายไม่รอช้าดังประสงค์ เพราะสายถือหนักไปข้างซ้ายข้างเดียว ข้างขวาขาดเสียแล้ว ข้าหาเห็นไม่ ด้วยหนังยังเกี่ยวอยู่ ข้าเห็นม้าเดินเขื่อนไปผิดทางข้างซ้าย จึงแก้บังเหียนข้างขวาชักหนักมาสายเดียว ปลายสายแถบก็หลุดออกมา ข้าเห็นแล้วก็ร้องให้คนช่วย ก็ไม่มีใครช่วยทัน ข้างรถก็กระทบกับแท่นปากกลางต้นชัยพฤกษ์และรั้วล้อม กงข้างซ้ายก็ปีนไปบนแท่นก่อด้วยอิฐ หลังคาประทุนรถกระทบปลายรั้วล้มเทมาข้างซ้าย ข้าก็สิ้นที่พึ่ง เพราะสายถือขาดเสียแล้ว ไม่รู้ที่จะทำอย่างไร ตัวข้าก็นั่งลอยนักแก้ตัวไม่ทันพลัดตกหกตะแคงลงมากับลูกทั้ง ๔ คน ตัวข้ากลัวรถจะทับตายเอามือขวาดันไว้ รถจึงทับได้ที่ตะคากข้างขวา แต่แขนซ้ายนั้นตัวทับลงไปยกขึ้นไม่ได้ รถทับข้างขวากดลงไปกับอิฐเสือกไปแขนซ้ายและตะคากก็ถลอกช้ำชอก เป็นแผลเจ็บหลายแห่งแต่ตะคากข้างขวาช้ำบวมห้อโลหิต กับชายโครงขวานั้นโสมาวดีพลัดตกทับลงจึงเจ็บยอกเสียดไป แต่ลูก ๔ คนที่ตกลงมาด้วยกันนั้น ชายจุฬาลงกรณ์ศีรษะแตกสามแห่งแต่น้อย ลางแห่งฟกบวมบ้าง ยิ่งเยาวลักษณ์เท้าเคล็ดห้อยยืนในเวลานั้นไม่ได้ ขัดยอกที่สันหลังด้วย แต่มีแผลเล็กน้อย โสมาวดีมีแผลบ้าง หลังบวมแห่งหนึ่ง แต่ทักษิณชาป่วยมาก จะเป็นอะไรทับก็สังเกตุไม่ได้ หลังเท้าขวาฉีกยับเยิน โลหิตตกมากทีเดียว ขณะนั้นลูกก็ร้องไห้วุ่นไปทั้ง ๔ คน แต่เดชะบุญเทวดาช่วย ม้าก็หยุดวิ่งไป คนวิ่งตามช่วยยกรถที่ล่มขึ้นได้ ข้าก็ลุกขึ้นวิ่งมาได้ในขณะนั้น ลูก ๔ คนก็มีคนมาอุ้มขึ้นได้ แต่ทักษิณชานั้นอาการน่ากลัวมาก โลหิตไหลไม่หยุดสักชั่วทุ่มหนึ่ง ต้องแก้ไข แต่หมอว่ากระดูกไม่แตก เป็นแต่เนื้อแหลกแหลวไป ในกลางคืนวันนั้นให้ชักให้กระตุกตัวสั่นไป แต่ก็แก้ไขมาก็ค่อยยังชั่วขึ้น แต่ยิ่งเยาวลักษณ์นั้นเอาน้ำมันนวดก็หายแล้ว โสมาวดีอาเจียนออกมาในเวลากลางคืนเป็นแต่เสมหะไม่มีโลหิต ให้กินยาก็หายเป็นปกติแล้ว ชายจุฬาลงกรณ์เป็นแต่หัวแตกสามแห่งแผลเล็กๆ แต่ตัวข้านั้นนป่วยบ้าง ที่ตะคากขวาบวมช้ำห้อโลหิตแห่งหนึ่ง
    ชายโครงขวายอกเสียดช้ำไปแห่งหนึ่ง แต่แขนซ้ายชายสะบักซ้ายข้างลงดิน เป็นแผลช้ำบ้าง ถลอกบ้างหลายแห่ง แต่มีแผลใหญ่สองแผลช้ำมาก เดี๋ยวนี้บุพโพขาวข้นไหล แต่ค่อยยังชั่วแล้วไม่เป็นอะไร ในเหตุอันนี้ข้ากลัวคนจะตื่นไปต่างๆ ก็ไม่ได้บอกป่วย ออกมาตามเวลาเสมอทุกวัน และให้มีงานทำบุญสวดมนต์เลี้ยงพระสงฆ์ และดูละครตามปกติไม่ได้บอกป่วย แผลหลายแผลก็ใส่เสื้อซ่อนเสีย หน้าตาและหัวยังดีอยู่แล้ว และเดินได้อยู่แล้วก็ไม่เป็นอะไรดอก"


    ...................

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1159609515horawejcom1.jpg
      1159609515horawejcom1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.4 KB
      เปิดดู:
      5,409
    • s1n6go.jpg
      s1n6go.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.8 KB
      เปิดดู:
      5,541
    • small.jpg
      small.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.2 KB
      เปิดดู:
      5,238
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2021
  20. โป๊ยเซียนสาว

    โป๊ยเซียนสาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,543
    ค่าพลัง:
    +2,279
    อนุโมทนาค่ะ คุณสร้อยฟ้ามาลา
    เข้ามาอ่านเจอ เลยตามติดอ่านตลอด
    ยิ่งบางภาพก็ไม่เคยเห็นเหมือนหาหนังสือภาพเก่าอีกเล่มเจอน่ะ ^^

    เคยอ่านเรื่องนางแอนนา ที่เป็นคนอังกฤษ
    แล้วมีโอกาสได้อยู่บนแผ่นไทยอย่างมีเกียรติ

    แต่ไม่เคยสำนึกบุญเหมือนกันค่ะ เสียความรู้สึกกับประเทศที่ได้ชื่อว่าผู้ดี แต่กลับจอมปลอมสิ้นดี ซ้ำยโสโอหัง ตั้งแต่ได้พบพระพักตร์ ร.4 อีก คงคิดว่าพระองค์ไม่ทันเกมส์ที่แสนตื้นๆ แบบนี้กระมัง
     

แชร์หน้านี้

Loading...