แฟนนอกใจและเคยนอกกายสุดแสนทรมานครับอยากหาทางออกครับ

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย ืีnuikitty, 2 เมษายน 2013.

  1. ืีnuikitty

    ืีnuikitty สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +20
    ขอคำชี้แนะจากทุกคนด้วยนะครับ


    แต่ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมจริงๆ ผมก้าวผิดเพียงครั้ง ทำให้ชีวิตตอนนี้ผมล้มลง แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้หรอกนะครับ ผมเข้าใจทุกอย่างแล้วพยายามจะปล่อยวาง แต่ก็ยังมีจิตใจที่ยึดติด เป็นห่วง อาลัยอาวรณ์ อยู่พอสมควร ยังต้องการคำชี้แนะและทางสว่าง
    เรื่องมีอยู่ว่า ผมกับแฟนรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนจนมาถึงวันนี้ก็ประมาณ 7 ปี ครับ และอยู่กินฉันสามีภรรยาประมาณ 2 ปี ที่บ้านแฟน วันนึงเกิดจากความไม่เข้าใจส่วนหนึ่งและวิบากกรรมที่ทำมา ผมกับแฟนเริ่มห่างกันเรื่อยๆ เนื่องจาก ครั้งแรกที่ผมผิดต่อแฟนผมคือ ผมแอบคุยกับผู้หญิงคนอื่น แต่ใจจริงนั้นเหมือนแค่คุยสนุกๆ และและไม่คิดว่าเป็นนการนอกใจ แต่แฟนผมจับได้ เค้าเสียใจมาก ผมก็เลยเลิกคุยกับผู้หญิงอื่น ประกอบกับที่คบกันมา 7 ปี พ่อแม่ผมและพ่อแม่เค้าไม่เคยคุยกันเลย ประกอบกับความน้อยใจนึกว่าแม่ผมไม่ชอบเค้า ปัญหาเลยสะสมมาเรื่อย วันนึงผมชวนแฟนผมเล่นเกมออนไลน์ แฟนผมก็เล่นแล้วได้ไปรู้จักกับชายคนหนึ่งในเกม ความเหินห่างเริ่มมากขึ้น แฟนผมวันนึงได้ลองใจให้ผมไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นได้เพราะแฟนผมไม่มีเวลาให้ ด้วยความโง่เขลาไม่ได้คิดอะไรก็ไปมีอะไรกับหญิงคนหนึ่ง หลังจากนั้น เหมือนกิเลสครอบงำ ผมก็คุยกับผู้หญิงอื่นไปเรื่อยๆ ส่วนแฟนผมก็รู้จักกับชายคนหนึ่งในเกม เค้าคุยและสนิทสนมกันประมาณหนึ่งปี และได้เจอกันตามงานเกม และปีใหม่ที่ผ่านมาเขาบอกไปเที่ยวกับเพื่อนในเกมหลายคน ผมก็ให้ไป และเขาผลักไสให้ผมไปเที่ยวปีใหม่กับผู้หญิงคนอื่น จนหลังจากกลับมาปีใหม่ เหมือนมีอะไรดลใจให้ผมเลิกทุกๆๆอย่างกลับตัวกลับใจ แต่มันก็ช้าไปเสียแล้ว ความจริงปรากฏ แฟนผมโกหกตลอดมาตั้งแต่เริ่มคบกัน คือผมไม่ใช่คนแรกของเขา ทุกครั้งที่บอกไปเที่ยวกับเพื่อนคือไปเที่ยวกับชายในเกม และปีใหม่ก้ได้ไปมีอะไรกับชายในเกม พอได้รู้ความจริงใจมันหายวูปๆ เพราะเคยบอกไว้ว่าถ้าพลาดไปมีอะไรกับคนอื่นคือเลิกกัน แฟนผมผลักไสให้ออกจากบ้านให้ได้ เพราะเค้ารู้สึกผิด ผมบอกแฟนผมว่าผมอโหสิกรรมให้ทุกอย่าง แล้วเริ่มต้นกันใหม่ แต่แฟนผมก็ได้ตกลงกับชายในเกมและผมว่า จะดูกันอีก 1 ปี ผมได้ทำดีทุกอย่างสวดมนต์ ชวนเค้านั่งสมาธิ เพราะไปดูดวงมาพระท่านว่าดวงตกทั้งคู่ ทุกอย่างเริ่มจะดีขึ้นแฟนผมเริ่มเบื่อชายในเกม และได้บอกเลิกไป แต่มันไม่จบเพียงเท่านี้ครับได้มีชายคนใหม่เข้ารู้จักกันทางโปรแกรมไลน์ ชายคนนี้เข้ามาจีบแฟนผม ทำให้แฟนผมอยากเจอชายคนใหม่มาก บอกว่าอยากเจอและเป็นเพื่อนกันเฉยๆ แต่ผมไม่อยากให้เค้าทำผิดซ้ำสอง ถึงแม้เจอกันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่จะพัฒนาเป็นอย่างอื่นได้ จึงบอกเค้าไว้ว่าถ้าจะเจอกันผมคงต้องเลิกกับเค้า ทุกวันนี้เค้าบอกว่าเค้ารักผมนะ แต่ก็อยากจะเจอชายคนใหม่ ควรทำยังไงดีครับ

    เหตุผลที่ผมลังเลเพราะ ผมก็เคยเป็นจุดที่แฟนผมกำลังเป็นอยู่(ก็คือเคยมีคนอื่นเหมือนกัน แต่รักแฟนไหม ก็รัก ) แต่ผมก็กลับมาได้เห็นว่าแฟนผมดีที่สุด และแฟนผมรักผมไหมเค้าตอบว่ารัก แต่เค้ายังบอกว่าเค้าเลว เลยอยากให้ผมไป

    ตอนนี้ผมสับสนมากคือจะสวดมนต์ นั่งสมาธิให้เค้ากลับมา เหมือนกับครั้งแรกที่ผมทำได้


    หรือจะตัดสินใจเลิกไปเลยดีครับ ขอผู้มีประสบการณ์ช่วยชี้แนะทีครับ


    แต่ ณ ปัจจุบันผมเตรียมใจไว้ส่วนหนึ่งแล้วครับ


    ขอให้ตัวอย่างผมนี้เป็นประโยชน์กับท่านที่ได้เริ่มศึกษาธรรมมะใหม่ หรือบุคคลทั่วไปๆ ที่ยังไม่เชื่อกฏแห่งกรรมโดยสนิทใจ ไว้ว่าเวรกรรมมีจริง ทำอย่างไรได้อย่างนั้น ขอให้เชื่อมั่นในพระพุทธเจ้านะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2013
  2. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ขอให้ทราบว่า ไม่มีใครทำใครอื่นให้ดีหรือเลวได้จริง ตนเองเท่านั้นจึงทำได้ทั้งดีหรือเลว..เหตุผลที่ท่านจขกท ยกมาข้างบนจึงไม่ถูกต้องเลย..

    ทั้งท่านจขกทและแฟนต่างมีฐานะเท่าเทียมกันอย่างหนึ่งคือ ความไม่รู้ว่าสิ่งใดดีหรือเลวอย่างแท้จริง..จึงได้หลงทำสิ่งที่ผิดพลาดด้วยกันเช่นนั้น..

    ท่านจขกท บัดนี้ได้ทราบตามแนวทางแห่งพระธรรมว่าตนเองเดินทางผิดอยู่ นึกละอายชั่วกลัวบาปได้ นับว่าน่าอนุโมทนานัก ส่วนแฟนนั้นไม่ทราบว่าเธอมีบุญดีได้ทราบข้อธรรมบ้างหรือไม่ ...

    ท่านจขกท มีจิตที่ดีคิดสงเคราะห์เธอทางธรรม ก็นับว่าเป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญ แต่เเฟนนั้นเธอจะมีบุญเก่ามารองรับการเข้าหาพระธรรมหรือไม่ ท่านจขกทต้องอาศัยเวลาและความอดทน..

    ปัญหาที่ว่าท่านควรปล่อยเธอไปตามทางของเธอหรือว่าท่านควรรั้งเธอไว้นั้น ท่านจขกทพึงวินิจฉัยไปตามสภาพจริงที่ปรากฏแก่ท่านเถิด ว่าเมื่อท่านยังมีใจจริงปรารถนาให้เธอมาครองคู่ ..แล้วเธอเล่ามีความปรารถนาเช่นเดียวกับท่านหรือไม่...ทั้งนี้ ขอให้ท่านจขกท เข้าใจหลักการครองคู่ที่จะยั่งยืนด้วยดีก็ด้วยความเสมอกันของคู่รักในด้าน ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะและปัญญา..

    หากเธอไม่มีใจแก่ท่านจขกท แล้ว การดิ้นรนเพื่อยื้อยุดฉุดดึงเธอ จะเป็นบาปเวรภัยที่ท่านต้องพิจารณาละเสีย..แม้การทำเช่นนั้นก็เป็นอาการของทาสที่เขาปลดปล่อยเป็นอิสระแล้ว แต่ทาสนั้นกลับไม่ยินดีในอิสระ ยังอยากคงตัวไว้ในฐานะทาสต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องน่าสงสารนัก..ขอให้ท่านพิจารณาด้วยดีแล้วทำสิ่งที่สมควรตามจริงครับ
     
  3. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,061
    แฟนเคยนอกใจและนอกกาย

    และคุณก็เคยทำมาแล้วด้วย

    คุณคิดว่าแฟนคุณมีแนวโน้มจะทำอีก หรือเปล่าล่ะคะ

    คุณรับได้ หรือเปล่าล่ะ ดูเหมือนว่า แฟนคุณก็กลับมาได้ คุณก็กลับมาได้

    อืม จะไปๆกลับๆ กันอีกกี่ครั้ง ล่ะคะ น่าเวียนหัวดีแท้ๆ

    ยิ่งกว่านั้นยังเข้าไปเล่นกับโลกออนไลน์ ด้วย อืม ไม่ง่ายนะที่จะเลิก

    พบคนใหม่ไปเรื่อยๆ อยากเจอไปเรื่อยๆ จะสิ้นสุดตรงไหน กันน๊า

    คุณทั้งสองคงยังไม่ได้แต่งงาน จดทะเทียนเป็นสามี ภรรยากัน ใช่ไหมคะ

    หากพูดตามจริง ก็เหมือนยังมีอิสระที่จะทำ

    แต่คุณและแฟนล่ะ จะพากันสับสนกับการไปๆกลับๆ ของกันและกันหรือเปล่าคะ

    ลองคุยกันดีๆสักครั้งว่า จะเอายังไงกันดี

    คิดว่า คุณทั้งสองคงหาทางออกที่ดีที่สุดได้ค่ะ

    หากคิดจะสร้างครอบครัวกันจริงๆ ต้องมีศีล และธรรมค่ะ

    ถ้าตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะทำได้ ก็ขอให้พิจารณากันใหม่นะคะ

    จะคบกันไปเฉยๆ แบบต่างคนต่างอิสระ หรือจะ ยังไงต่อกันดี

    ขอให้ธรรมะคุ้มครองคุณทั้งสอง ให้พบทางสว่างค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2013
  4. ทะเล้น

    ทะเล้น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +208
    ก. อยากให้เข้าใจตรงนี้ก่อนนะครับว่า ผู้ที่ยังไม่เข้าใจหรือไม่เคยศึกษาธรรมมะนั้น มักจะใช้อารมณ์ความรู้สึกเป็นใหญ่มากกว่าใช่้เหตุและผลทำความเข้าใจก่อนเสมอๆ เมื่อเจออะไรนิดหน่อยก็มักจะสะสมๆไว้เรื่อยๆ สุดท้ายแล้วมันก็ระเบิดออกมา แต่จะระเบิดออกมายังไงนั้นก็แล้วแต่นิสัยของคนแต่ละคนที่ต่างๆกันไป หากเป็นคนที่ คิดดี พูดดี ทำดี เขาก็คงไม่คิดที่จะกระทำอะไรผิดๆ เว้นแต่ถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจเสียจนเกินทน
    ข. ธรรมชาติของคนทั่วไปไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ผมหรือใครๆที่ในเวบนี้ หรือคนทั้งโลก เว้นแต่พระอริยะเจ้าทั้งหลาย มักจะมองหาสิ่งที่ตนเองคิดว่าดีกับตนที่ตนชอบหรือต้องการ พอเมื่อเจอโอกาสเล็กๆน้อยๆ ก็จะทำให้รีบทะยานมุ่งเข้าไปหาสิ่งนั้นโดยไม่สนใจว่าผิดหรือถูก นี่เรียกว่า กามตัณหา คือ ความทะยานอยากใคร่ได้ที่จะเสพย์ในสิ่งที่ตนพอใจยินดีต้องการ
    - นี่คือผมแสดงให้มองใน 2 แง่มุม ทั้งเรื่องที่การเสพย์อารมณ์และธรรมชาติของคนทั่วไป ซึ่งมันเป็นอยู่อย่างนี้ของมันเองไม่มีใครไปบังคับ ยื้อหยุด ฉุดรั้ง หรือ กระทำไรๆให้มันเป็นอย่งใจต้องการได้ นี่คือ ธรรมชาติที่เรียกว่า คน


    - สภาพความแตกร้าวของคุณ ก็เกิดมาจากเหตุผลทั้ง 2 ข้อนี้ ทางแก้ไขใดๆนั้นลองดูตามนี้ครับ

    1. เลิกเล่น Chat เสีย แล้วหันมาชักจูงทั้งตัวคุณและแฟนให้รู้จักทำบุญทำทาน ปฏิบัติธรรม มีศีลเป็นเบื้องต้น โดยมองดูตามนัยยะเบื้องต้นดังนี้นะครับ

    ๑. การปฏิบัติมีศีล 5 เป็นเบื้องต้น เพื่อปฏิบัติตนไม่เป็นผู้เบียดเบียนตนเองและคนอื่น ปฏิบัติดีงามด้วยกายและวาจา ศีล 5 มีความหมายคือ
    ๑.๑ เว้นจากทำลายชีวิต ลองคิดดูว่าหากทีคนคิดปองร้ายเรา หมายเอาชีวิตเรา แล้วมาฆ่าเรา พรากชีวิตเราไปจากโลกที่เราอยากจะอยู่จะเป็น เราชอบ เรารู้สึกดีไหมครับ เมื่อเราไม่ชอบไม่พอใจ เราก็ควรอดที่จะกระทำอย่างนั้นต่อคนอื่น
    ๑.๒ เว้นจากถือเอาของที่เขามิได้ให้ ลองคิดดูว่าหากมีคนมาขโมยของๆเรา หรือหยิบเอาสิ่งที่เราไม่ให้ ไม่อนุญาติด้วยความหวงแหน เป็นสิ่งมีค่าของเรา เราจะรู้สึกดีพอใจกับการกระทำนั้นไหมครับ เมื่อเราไม่ชอบไม่พอใจ เราก็ควรอดที่จะกระทำอย่างนั้นต่อคนอื่น
    ๑.๓ เว้นจากประพฤติผิดในกาม คือ ผิดต่อ ลูก ภรรยา สามี พี่ น้อง พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย น้า อา ลุง ป้า ของตนเองและคนอื่นเป็นต้น ลองคิดดูนะครับว่าหากคนที่เรารักหรือใครก็ตามมากระทำผิดในกามต่อครอบครัวเรา เราจะชอบไหมครับ เมื่อเราไม่ชอบไม่พอใจ เราก็ควรอดที่จะกระทำอย่างนั้นต่อคนอื่น
    ๑.๔ เว้นจากพูดเท็จ-โกหก ส่อเสียดให้ร้ายหรือทำร้ายคนอื่น ลองคิดดูนะครับว่า หากคนอื่นบางคน หรือทุกคน คอยรักแต่โกหกปิดบังความจริงเรา พูดส่อเสียด พูดให้ร้ายเรา ด่าเรา เราคงไม่ชอบใช่ไหมครับ เมื่อเราไม่ชอบไม่พอใจ เราก็ควรอดที่จะกระทำอย่างนั้นต่อคนอื่น
    ๑.๕ เว้นจากของเมา คือ สุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ลองคิดดูนะครับว่า การดื่มสุรานั้นทำให้เราเสียเงินโดยไม่จำเป็น เสียจากส่วนที่ควรจะใช้ประโยขน์ได้มากกว่านั้น คนที่รักก้อไม่ชอบใจ อาจจะหนีเราไปเลยเพราะชอบเมาสุรา เงินที่ควรจะเก็บไว้ใช้จ่ายเพื่อภาระต่างๆ กองทุนต่างๆที่คาดไว้ก็หายไป เงินไม่พอใช้ ต้องมากู้หนี้ ยืมสินใหม่อีก มีแต่เสียกับเสีย บางครั้งอาจจะฆ่าคนตายเพราะฤทธิ์แห่งสุราได้ด้วย หรือจะกระทำพลาดพลั้งใดๆก้อได้ แล้วก็มาเสียใจในภายหลัง เมื่อเราไม่ชอบไม่พอใจ ไม่อยากจะได้รับผลกระทบเช่นนี้ๆ เราก็ไม่ควรที่จะดื่มสุราเมรัย เพื่อจะได้ไม่กระทำหรือรับผลกระทบเช่นนั้น
    - ตรงนี้จะสอนให้ผู้ปฏิบัตินั้นรู้จักข้อศีลหรือความผิดที่ตนเองกระทำ จนถึงมีจิตเป็นกุศลตั้งในความไม่เบียดเบียนตนเองและคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นการกระทำทางกาย วาจา ฯ ด้วยสภาพจิตที่ผ่องใส สงบ อบอุ่น เบาบาง ไม่ติดข้อง ต้องใจ ขุ่นมัว หมองมัว ทำด้วยความไม่ยึดมั่นฝืนใจทำของเรา อานิสงส์จะช่วยให้มีความปกติสุขยินดี ไม่ร้อนรุ่ม-ร้อนรน ทั้งกายและใจ


    2. ทำสมาธิเพื่อความสงบและดับไปซึ่งความพยาบาทกับตัณหา

    ๒. นั่งสมาธิ หรือ เดินจงกรม ไม่ก็นอนแล้วตั้งจิตมั่นทำสมาธิ ซักวันละ 10-30 นาที อาจจะระลึกบริกรรมถึงพุทธานุสสติ คือ หายใจเข้ายาวๆ ระลึก "พุทธ" หายในออกยาวๆ ระลึก "โธ" การหายใจเข้า-ออกยาวๆ เริ่มต้นซักประมาณ 3-10 ครั้ง แล้วจึงปล่อยลมหายใจอยู่ในสภาพที่หายใจปกติ เพื่อปรับสภาพธาตุ ลมปราณ เพื่อให้มีสมาธิตั้งมั่นในเบื้องต้น เป็นประตูผ่านจุดแรกให้เข้าสมาธิง่ายๆ ทำให้ใจเย็นขึ้น อุ่นขึ้น ขยะในสมองหรือความคิดฟุ้งซ่านจะลดลง ใจเต้นสูบฉีดเลือดในสภาวะปกติมากขึ้น ไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป (สังเกตุสภาวะเมื่อทำสมาธิเช่นนี้ๆจิตใจเราจะสั่นเครือ อัดอั้น ตันใจ คับแค้นใจน้อยลง มีสติมากขึ้น ใจไม่เต้นแรง หรือ ถี่จนสั่นเครือ) หากว่าหายใจ เข้า-ออก ยาวๆแล้วรู้สึกดีขึ้นทั้งสภาพกายและใจก็สามารถที่จะกระทำไปเรื่อยๆจนร่างกายและสภาพของธาตุในร่างกายเริ่มชินกับกายหายใจเข้า ออก ยาวๆ ก็ได้
    หากว่าเรานั้นเวลาทำสมาธิหรือก่อนทำมีใจที่ฟุ้งไปในความโกรธ หรือ โทสะ ให้เราระลึกถึงการมี ทาน และ พรหมวิหาร๔ (อธิบายไว้ในข้อ ๓-๔) จากนั้นระลึกถึงเรื่องดีๆเป็นกุศลให้เรามีความผ่อนคลายจนถึงแก่ความนิ่งว่างแห่งสมาธิ
    หากว่าเรากำลังเสียใจกับเรื่องราวต่างๆมีความพลัดพรากตั้งอยู่ ก็เริ่มจากคิดถึงเรื่องที่ดีเป็นกุศลผ่อนคลาย จนถึงแก่เรียนรู้พิจารณาถึงความเกิดมา ตั้งอยู่ ดับไป ไม่เที่ยง ไม่มีตัวตน เป็นทุกข์ ในทุกสิ่งทุกอย่างว่า
    - ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีสิ่งใดจะคงอยู่ตลอดไปกับเราได้ ย่อมจะสุญสลายจากไปตามกาลเวลา และ การดูแลรักษาของเรา ไม่ว่าจะเป็นความตาย หรือ การจากลา เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่คงอยู่กับเราเที่ยงแท้แน่นอน
    - ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีตัวตน ไม่ใช่ของเรา เราเพียงแค่ยืมเขามาใช้เพื่อเสพย์ความสุขพอใจยินดีในช่วงเวลาหนึ่งไม่นานก็ต้องปล่อยเขาคืนกลับไป ที่กล่าวเช่นนี้เพราะเราไม่สามารถไปบังคับ จับต้อง ให้เป็นดั่งที่ใจเราต้องการได้ทุกอย่าง ไม่สามารถบังคับแม้แต่ใจเราเอง น้ำตาเราเอง ว่าไม่ให้เสียใจ ไม่ให้ร้องไห้ ไม่สามารถไปบังคับจับต้องสิ่งใดๆได้เลย
    - เมื่อสิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน เมื่อเราไม่อาจจะไปบังคับจับต้องให้เป็นไปดั่งที่ใจปารถนาต้องการได้ มันจึงก่อเกิดเป็นความทุกข์ เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดมา ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป
    พิจารณาเช่นนี้ไปควบคู่กับ ทาน และ พรหมวิหาร ๔ จนจิตใจเราวางใจกลางๆได้มากขึ้น (อธิบายไว้ในข้อ ๓-๔)
    ความโลภ ใคร่ได้ต้องการก็เช่นกัน ให้พิจารณาตามข้อ ๓-๖
    - ตรงนี้จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติคุมสติให้นิ่งได้ง่ายขึ้น ใจเย็นลง จิตใจจะลดความฟุ้งซ่าน โมโห กลัว สับสน ลดใจที่สั่นเครือลง อานิสงส์ คือ จะทำให้ใจเรามีความสงบ ผ่องใส นิ่งอยู่โดยปราศจาก ความอาฆาต พยาบาท และ กามตัณหา ทั้งหลาย


    3. เรียนรู้ที่จะกระทำเพื่อคนอื่นมากกว่ากระทำเพื่อเสพย์สมอารมณ์ความรู้สึกที่ทะยานอยากใคร่ได้ของตน

    ๓. เพียรระลึกปฏิบัติ ทำไปเพื่อการให้ที่เรียกว่า ทาน
    ๓.๑ ทาน คือ การให้โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆจากผู้รับ ให้เพราะหวังให้ผู้รับได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เราให้นั้น ให้ไปแล้วไม่มาคิดเสียดายหรือเสียใจในภายหลัง ด้วยสภาพจิตที่ผ่องใส สงบ อบอุ่น เบาบาง ไม่ติดข้อง ต้องใจ ขุ่นมัว หมองมัวของเรา
    ๓.๒. เมตตาทาน คือ การให้เพื่อหวังให้ผู้อื่นได้รับความสุข ได้พบประสบความสุขจากการให้ของเรา หรือ จากสิ่งที่เราได้ให้เขาไป ด้วยสภาพจิตผ่องใส สงบ อบอุ่น เบาบาง ไม่ติดข้อง ต้องใจ ขุ่นมัว หมองมัวของเรา
    ๓.๓ อภัยทาน คือ การให้เพื่อความเว้นจากความพยาบาทเบียดเบียนผู้อื่น ให้เพื่อผู้อื่นได้รับอิสระสุขจากการให้นั้นของเรา รู้ให้อภัยด้วยจิตใจที่เป็นกุศล เป็นการเว้นไว้ซึ่งโทษ งดโทษ อดโทษแก่คนอื่น เป็นไปเพื่อความไม่เบียดเบียนผู้อื่นด้วยกาย วาจา ใจ ให้เพราะความมีใจเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ อนุเคราะห์ อยากให้เขาไม่รู้สึกอึดอัด อัดอั้นใจ เป็นทุกข์ ทรมาน ทั้งกาย-ใจ ให้เพราะอยากให้ผู้รับมีจิตใจเบิกบาน ไม่ขุ่นข้องหมองใจ ด้วยสภาพจิตที่ผ่องใส สงบ อบอุ่น เบาบาง ไม่ติดข้อง ต้องใจ ขุ่นมัว หมองมัวของเรา
    - ตรงนี้จะช่วยให้ผู้ปฏิบัตินั้นได้รู้จักการให้เพื่อคนอื่นไม่ใช่แต่จะรับอย่างเดียว ลดความเห็นแก่ตัว-เอาแต่ได้ของตัวเองลง โดยการที่เราจะสามารถเข้าถึงสภาพจิตและการดำเนินไปใน ทาน เป็นผลสำเร็จสมบูรณ์ได้นั้น เราต้องเจริญปฏิบัติและเข้าถึงในสภาพจิตของ เมตตาจิต กรุณาจิต และ มุทิตาจิต ให้ได้ก่อน สภาพจิตที่เป็นไปใน ทาน ของเรานั้นจึงจะเป็นผลสมบูรณ์เต็ม


    4. การเจริญทางใจเพื่อส่งผลให้การกระทำทาง กาย และ วาจา งดงามมีคุณประโยชน์ต่อตนเองและคนอื่น

    ๔. ระลึกรู้ปฏิบัติทำใน พรหมวิหาร ๔ คือ
    ๔.๑ เมตตา คือ สภาพที่จิตมีความปารถนาให้คนอื่นเป็นสุข หรือ กระทำเพื่อต้องการให้ผู้อื่นได้รับความสุขจากการกระทำของตน ด้วยจิตผ่องใส ด้วยสภาพจิตที่ผ่องใส สงบ อบอุ่น เบาบาง ไม่ติดข้อง ต้องใจ ขุ่นมัว หมองมัวของเรา
    ๔.๒ กรุณา คือ สภาพที่จิตมีความสงสารเห็นอก-เห็นใจคนอื่น เข้าใจผู้อื่น หรือ กระทำเพื่อคนอื่นด้วยความอนุเคราะห์ ความเอื้อเฟื้อ-เผื่อแผ่ ความโอบอ้อมอารีย์ รู้แบ่งปันให้แก่ผู้อื่น ด้วยสภาพจิตที่ผ่องใส สงบ อบอุ่น เบาบาง ไม่ติดข้อง ต้องใจ ขุ่นมัว หมองมัวของเรา
    ๔.๓ มุทิตา คือ สภาพที่จิตมีความยินดีแจ่มใส เมื่อเห็นคนอื่นเขาพ้นทุกข์ได้ประสบกับความสุข ด้วยจิตที่ดีงามเป็นกุศล ด้วยสภาพจิตที่ผ่องใส สงบ อบอุ่น เบาบาง ไม่ติดข้อง ต้องใจ ขุ่นมัว หมองมัวของเรา
    ๔.๔ อุเบกขา คือ สภาพที่จิตมีความวางใจไว้กลางๆ ไม่หยิบจับเอาความพอใจยินดี ไม่พอใจยินดีจิตจะวางเป็นกลาง เช่น เมื่อได้กระทำสิ่งใดๆในทางที่ดีเป็นกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นหรือตนเองอย่างเต็มที่แล้ว ก็ให้พึงระลึกในใจว่า ได้ก็เอา-ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราได้กระทำอย่างดีที่สุดแล้ว เต็มที่ เต็มใจที่ทำแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรม นั่นคือ การกระทำโดยเจตนาไม่ว่าในปัจจุบันนี้หรือในกาลก่อน ต้องยอมรับความจริงปล่อยให้มันเป็นไป ไม่มีความติดข้องใจใดๆ ไม่ตั้งความยึดมั่นถือมั่นทะยานอยากได้ อยากให้เป็น หรือ ไม่อยากได้ ไม่อยากให้เป็นอีกต่อไปป ด้วยสภาพจิตที่ผ่องใส สงบ อบอุ่น เบาบาง ไม่ติดข้อง ต้องใจ ขุ่นมัว หมองมัวของเรา
    - การเจริญในพรหมวิหาร๔ หรือ เจริญใน เมตตา กรุณา มุทิตา หลวงปู่แหวนท่านกล่าวไว้ว่า ให้พึงกระทำและระลึกแบบความรู้สึกของ พ่อ-แม่ ที่มีต่อลูก ที่อยากให้ลูกมีสุข ได้ดี แบ่งปัน เอื้อเฟื้อ เมื่อลูกทำได้ หรือได้ดีมีสุข พ่อ-แม่ก็ยินดีมีสุขกับความสุขสำเร็จนั้นของลูกด้วย โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน แนวทางการปฏิบัติและเข้าสู่สภาพจิตของเมตตานี้ พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้วใน "กรณียเมตตสูตร" ท่านทั้งหลายสามารถศึกษาเพิ่มเติมจากพระสูตรต่างๆที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วได้ ที่ได้แปลความหมายเป็นภาษาไทยเพื่อความเข้าใจง่าย เพราะนั่นคือแนวทางการเจริญกัมมัฏฐานและปฏิบัติทั้งหลายนั่นเองครับ
    - ตรงนี้จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติรู้จักคิดและทำเพื่อคนอื่น เห็นใจคนอื่น เมตตาสงสารคนอื่น รู้จักเอื้อเฟื้อคนอื่น มากกว่าที่จะทำเพื่อความพอใจยินดีของตนเอง (ความพอใจยินคือก็คือความโลภนั้นเองครับ) จะทำให้ผู้ปฏิบัติรู้จักคิดและทำเพื่อสิ่งที่ดีที่ถูกต้องแก่ตนเองและคนอื่นมากขึ้น จนถึงแก่ขั้นวางใจกลางๆ มีจิตเป็นกลางไม่ยึดมั่นถือมั่นในความพอใจยินดี ไม่พอใจยินดี การระลึกใน พรหมวิหาร๔ เช่นนี้จะช่วยให้จิตใจของผู้ปฏิบัติผ่อนคลายเป็นกุศลจิต มีใจไม่ยึดมั่นติดข้องต้องใจจากความพอยินดีของตนเอง แต่จะเริ่มรู้จักการคิด-ทำเพื่อคนอื่น และจะเชื่อมโยงให้ผู้ปฏิบัติมี ขันติ ได้เองโดยอัตโมัติ

    ดูอุบายวิธีการเจริญเมตตาจิตในการสวดมนต์แผ่เมตตาให้แก่บุคคลทั้งหลาย ตาม Link นี้ได้เลยครับ
    วิธีการเจริญเมตตาจิตในการสวดมนต์แผ่เมตตาให้แก่บุคคลทั้งหลาย

    วิธีการเข้าสู้อุเบกขาจิตนั้น ดูแนวทางพิจารณาได้ตาม Link นี้ครับ
    วิธีการเข้าถึงอุเบกขาจิต


    5. ต้องรู้จักมีความอดทน อดกลั้น

    ๕. ขันติ คือ ความอดทน อดทนได้ทั้งสิ่งที่ชอบและชัง ด้วยจิตใจที่เป็นกุศล ไม่ใช่ฝืนทน ด้วยจิตใจที่เป็นกุศล ไม่ใช่ฝืนทน นั่นคือ กิริยาของจิตที่รู้ว่าสิ่งนี้ ควรอด ควรละ ควรผ่อน ควรปล่อย ควรผ่านไป ควรหยุดไว้ก่อน ไม่ควรยึดมั่น ไม่ควรถือมั่น รู้ว่าควรอด-ควรละในการกระทำทาง กาย วาจาใดๆ รู้ว่าควรอดใจไว้ไม่ควรติดข้องใจใดๆในสิ่งนั้น ไม่มีการฝืนใจตนเองใดๆอันที่จะทำให้โทสะเกิดขึ้น สามารถอดทนกระทำเพื่อสิ่งที่เป็นผลที่ดีในวันข้างหน้าได้ อดทนเพียรพยายามกระทำในสิ่งที่ดีงาม ไม่ว่าจะเป็นการงาน คำด่า และ การกระทำที่ส่อเสียด ฯลฯ ด้วยสภาพจิตผ่องใส สงบ อบอุ่น เบาบาง ไม่ติดข้อง ต้องใจ ขุ่นมัว หมองมัว ทำด้วยความไม่ยึดมั่นฝืนใจทำของเรา เป็นต้น ซึ่งจะทำให้สืบต่อไปถึงอุเบกขาจิต (แรกๆหากยังวางในกลางๆไม่ได้อาจจะเป็นการฝืนทำ แต่หากถึงความเป็นกลางของใจไม่ยึดเกาะความพอใจยินดี ไม่พอใจยินดีได้แล้วการกระทำใดๆด้วยความเพียรพยายามอดทนก็จะไม่ฝืนทนอีก อาจจะมองว่ามันเป็นหน้าที่ที่ควรจะทำเป็นต้น)
    - ตรงนี้จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติอดทนต่อคำเสียดสีต่างๆ การกระทำไม่ดี อดทนต่อความเหนื่อยล้าทางกาย-ใจ


    6. ต้องรู้มีความข่มใจ แล้วพิจารณาถึง..ส่วนได้ส่วนเสีย ส่วนดีส่วนร้าย จากนั้นก็เลือกสิ่งที่ควรเสพย์ที่ถูกและควร อันเป็นกุศลดีงามเป็นประโยชน์ต่อตนเองและคนอื่น

    - ตรงนี้จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติอดทนต่อคำเสียดสีต่างๆ การกระทำไม่ดี อดทนต่อความเหนื่อยล้าทางกาย-ใจ

    ๖. รู้จักหยุด รู้จักประมาณตน รู้จักพอ
    การเจริญปฏิบัติในข้อนี้ต้องพึงปฏิบัติตามข้อที่ ๑-๕ ให้ได้ก่อน จะสามารถเข้าสู่สภาพจิตและการปฏิบัติในข้อนี้ได้ง่ายขึ้นโดยปราศจากการฝืนใจใดๆ เพราะข้อนี้จะใช้ความมี สติ ปัญญา สัมปชัญญะ สมาธิ ศีล พรหมวิหาร ๔ และ ขันติ รวมเข้าด้วย มีวิธีการปฏิบัติดังต่อไปนี้
    ๖.๑ รู้จักหยุด คือ รู้จักหยุดคิดก่อนที่จะลงมือทำอะไร ให้ใช้สติระลึกรู้พิจารณาก่อนจะลงมือทำอะไร ให้รู้แยกแยะถูก-ผิด แยกแยะดี-ชั่ว ให้พิจารณาถึง ผลดี-ผลเสีย ที่จะเกิดขึ้น หรือ ผลตอบกลับมาที่เราจะได้รับ ในสิ่งที่เรากำลังคิดที่จะ พูด หรือ ทำ ลงไป ก่อนที่เราจะกระทำสิ่งใดๆลงไป
    ๖.๒ รู้ประมาณตนเอง คือ ต้องมองย้อนดูตนเองว่าผิดพลาด บกพร่องตรงไหนบ้าง ไม่สำคัญตัวเองจนมากเกินไป เหมือนว่าตัวเองเหนือกว่าใคร เก่งกว่าใคร อยู่สูงกว่าใคร หรือ เป็นคนสำคัญในทุกอย่างกับทุกคน แล้วพิจารณาแก้ไขตนเองให้ดีขึ้น
    ๖.๓ รู้จักพอ คือ พอใจในสิ่งที่มีอยู่ ไม่ใช่ได้คืบจะเอาศอก ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ไม่ละโมบโลภมาก อย่าอยากได้ต้องการไม่รู้หยุด ถ้าไม่รู้จักพอก็จะยิ่งสืบสานทะยานอยากไม่สิ้นสุด พอไม่ได้ตามปารถนานั้นก้อเป็นทุกข์ คิดว่าสิ่งที่ตนมีอยู่ก็มีค่ามากแล้วไม่ควรละเลย
    - ตรงนี้จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติรู้จักใช้สติ แยกแยะ ไต่ตรอง ตรึกนึก คำนึงถึง สิ่งที่ถูกที่ควรก่อนการลงมือกระทำการใดๆมากขึ้น



    คุณและแฟนต้องเจริญปฏิบัติให้ได้ หากทำได้คนเดียว ผู้ที่จะได้ผลจากการปฏิบัติก็มีเพียงคนเดียว หากไม่ทำหรือทำไม่ได้แม้ข้อเดียว ก็ไม่มีทางไหนจะช่วยชีวิตคู่ของคุณทั้ง 2 คนได้ ที่เหลือก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรม หรือ การกระทำใดๆโดยเจตนา ทั้งปัจจุบันและในกาลก่อนของคุณและแฟนแล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 เมษายน 2013
  5. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    จะเลิกหรือจะอยู่ด้วยกันต่อไปไม่มีใครให้คำตอบคุณได้หรอก เหตุผลอะไรก็เอามาใช้ไม่ได้ คุณต้องตัดสินใจเองนะ คนอื่นเขาไม่ได้มีส่วนได้เสียอะไรด้วย แต่แนะนำให้พูดคุยกันให้เข้าใจนะ อย่าปล่อยให้มีปมในใจ หรือความไม่เข้าใจกันต่างๆ การพูดคุยเปิดใจกันช่วยได้มากนะ อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกค้างคาใจ
     
  6. thitiwats

    thitiwats เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    744
    ค่าพลัง:
    +4,414
    [​IMG]
    คู่แท้...เป็นแค่คําหลอกๆ จริงๆมีแต่คู่บุญ หรือคนที่ใช่ที่สุด ที่เราเลือก เช่นนี้แล...

    มีหลายท่านอยากจะหาเคล็ดที่ทำบุญอย่างไร จะช่วยเสริมผลบุญให้ชีวิตคู่มีแต่คว...ามสุขหรือเสริมผลบุญไม่ให้ชีวิตขมขื่น หรือระหว่างเรากับคนรักทำไมทะเลาะกันบ่อย ทั้งที่ไม่เป็นเรื่อง จู่ๆแฟนเราก็เอาแต่เข้าใจผิดหึงไร้สาเหตุ ชีวิตนี้ไม่มีความสุข ผมขอแนะนำวิธีทำบุญเพื่อเสริมความรัก ของหลวงพ่อเงิน กตสาโร และหวังว่าอานิสงส์ผลบุญจากวิธีนี้จะช่วยให้ชีวิตคู่ชีวิตรักเดินหน้าต่อไปได้
    หลวงพ่อเงิน กตสาโร ท่านบอกว่ามันต้องแก้ที่นิสัยก่อนคือต่างฝ่ายต่างเอาความดีความจริงเข้าหากัน และหมั่นถือศีล 5 โดยเฉพาะข้อ 3 ไว้ให้มั่น จะทำให้ชีวิตรักไปได้ดังจุดหมาย หลวงพ่อเงินกล่าวว่าการทำบุญจะช่วยให้ผลแห่งความดีและกุศล ชะลอกรรมเก่าให้ออกผลน้อยลงหรือช้าลง
    หลวงพ่อเงินท่านว่าคนที่ชีวิตรักไม่ราบรื่นเกิดจากกรรมเก่าที่เคยพรากเนื้อคู่ สามี หรือภรรยาเขามา หรืออิจฉาทำให้คนรักผิดใจซึ่งกันและกัน หรือชาติที่แล้วเราอาจข่มเหงรังแกน้ำใจคนรักเราหรือไปทำบุญกับคนรักแบบไม่เต็มใจ
    หลวงพ่อเงินท่านจึงบอกให้ลองเอาเคล็ดนี้ไปใช้ดูเพื่อขออโหสิกรรมเก่าต่อกัน ก็คือให้ฝ่ายที่ผิดหวังหรือเป็นทุกข์ในความรักทำสังฆทานขออโหสิกรรมเก่า ดังนี้

    1.เตรียมเทียนสีผึ้งขาวหอมอย่างดี หนัก 2 บาท 1 คู่ ธูปหอมพิเศษ 1 แพค
    2.ให้จัดสังฆทานสดเป็นอาหารหวานคาว และขนมหวานที่นามเป็นมงคล และดอกไม้หอม (ห้ามเป็นดอกกุหลาบ)
    3.และให้จัดเครื่องสังฆทานอีกชุดเป็นข้าวของเครื่องใช้ในการทำความสะอาดวัด เช่นน้ำยาล้างห้องน้ำ หรือสบู่
    4.ปัจจัยเป็นจำนวนเลขคู่
    5.พระพุทธรูปปางประจำวันของเราขนาด 3 นิ้วขึ้นไป 1 องค์

    ให้จัดเตรียมชุดสังฆทานเครื่องใช้ และปัจจัย พระพุทธรูป เหล่านี้ก่อนวันไปทำบุญ 1 วัน ในตอนกลางคืนให้จุดธูปเทียนบูชาพระที่บ้านแบบปกติ เมื่อเสร็จแล้วให้อธิษบานกับเครื่องสังฆทานดังนี้

    "อุกาสะ อุกาสะ สังฆทานของข้าพเจ้าขาวดังดอกบัวประนมขึ้นเหนือหัวถวายเป็นพระพุทธบูชา พระธรรมบูชา พระสังฆบูชา เนื่องด้วยข้าพเจ้ามีเคราะห์ในเรื่องความรัก หรือชีวิตครอบครัว (แล้วก็แล้วแต่อธิษฐานว่าท่านจะขอเรื่องใด) ด้วยอานิสงส์ที่จะไปถวายสังฆทานนี้ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่จองเวรข้าพเจ้าเรื่องความรัก ขอให้อโหสิกรรมต่อกันอย่ามาเบียดเบียนกันอีกเลยตั้งแต่บัดนี้ตราบเท่าเข้าสู่นิพพานเทอญ"

    เสร็จแล้วให้ตั้งเครื่อสังฆทานไหว้หน้าพระประธานในบ้าน พอรุ่งเช้าก็เอาสังฆทานนี้ไปถวายพระ โดยก่อนจะนำเครื่องสังฆทานไปถวายพระให้จุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทางดังนี้

    ตั้งนะโม 3 จบ
    "อิติสุคโต อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ ปฐวีคงคา พระภุมเทวา ขมามิหัง
    ลูกขอกราบพระภูมิมงคลเจ้าที่วันนี้ลูกจะขอไปทำบุญเสดาะห์เคราะห์เรื่องชีวิตคู่ขอเสด็จพระภูมิมงคลเจ้าที่จงโปรดอนุโมทนาร่วมกับลูกและดลบันดาลให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้นด้วยเถิด"

    เมื่อไปถึงวัดก็ให้ถวายสังฆทานอย่าเลือกพระสงฆ์ เจอท่านใดก็ถวายเลย เสร็จแล้วให้กรวดน้ำดังนี้

    "อิทังปุญญังพะลัง ขอเทพเจ้าเหล่าพยดาทั้งหลายมีพระอินทร์พระพรหม พญายมกาล ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ สิริคุตตอำมาตย์ที่เป็นนายบัญชี ท้าวมาตลี ท้าวทศรถ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักข์ แม่นางพระธรณีเจ้าเอ๋ย จงเป็นสักขีพยาน ให้แก่ข้าพเจ้า วันนี้ข้าพเจ้าได้ถวายเครื่องสังฆทานบูชาคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ กรรมใดเวรใดในอดีตเรื่องชีวิตคู่ที่ข้าพเจ้าได้กระทำไว้แล้วขอจงอดโทษกรรมและอโหสิกรรมนั้นด้วยเถิด"

    เป็นอันเสร็จพิธีทำบุญเพื่อเสริมรักแก้ไขชีวิตคู่ ตำรับหลวงพ่อเงิน กตสาโร และหลวงพ่อเงินท่านแถมท้ายว่า หากคิดแก้ไขเรื่องกรรมชีวิตคู่มีอุปสรรคท่านให้นั่งสมาธิภาวนาพุทโธหรืออะไรก็ได้เสร็จแล้วแผ่ให้เจ้ากรรมนายเวร เป็นประจำจะช่วยให้ชีวิตดีขึ้นครับ.....thitiwats
     
  7. ืีnuikitty

    ืีnuikitty สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +20
    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ แต่การที่จะให้แฟนผมเลิกแชทคงจะยาก ผมก็พยายามดึงให้เค้าสวดมนต์นั่งสมาธิ แต่แฟนผมก็ทำไม่บ่อย อีกทั้งดูหมอดูในเวปนี้หลายท่านก็บอกไม่ใช่เนื้อคู่ทำให้ผมสนับสนุนที่จะไม่ยึดติดและกำลังจะตัดสินใจเลิกกัน แต่ผมเสียดายนะครับเพราะทุกอย่างในชีวิตผมกับแฟนดีขึ้นในทุกๆทั้งด้านครอบครัว และการงาน พร้อมทุกอย่าง แต่เค้าก็ยังไม่ตัดสินใจที่จะแต่งงานกับผม มันทรมานมากครับ มันผูกพัน ผมรู้นะครับว่าไม่ควรยึดติด แต่ก็เป็นการที่ทำใจได้ยากคบกันมา 7 ปี
     
  8. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,061
    เห็นชอบกับการตัดสินใจของคุณค่ะ

    น่าเสียดาย เพราะว่าทุกอย่างเกือบจะพร้อมแล้ว

    คุณและแฟนคงต้องให้เวลาซึ่งกันและกันค่ะ

    คงไม่ต้องถึงขั้นตัดขาดจากกันไปเลย

    แต่ขอให้วางใจ ไว้กลางๆในฐานะมิตร

    เพราะคุณและแฟน ก็ไม่ได้ โกรธเคืองอะไรกันใช่ไหมล่ะคะ

    เมื่อถึงเวลา ทุกอย่างพร้อมใจพร้อม

    บทสรุปจะออกมาเอง โดยที่เราจะไม่ขุ่นข้องหมองใจกับเรื่องนี้อีกต่อไปค่ะ

    ณ ตอนนี้ก็คือ เป็นการห่างกันที่เข้าใจความต้องการของกันและกัน

    ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอให้คุณคลายจากความเป็นทุกข์กังวลนี้ได้โดยไวนะคะ
     
  9. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941

    ครับ ทุกสิ่งที่เราเข้าไปเกี่ยวข้องด้านดี ไม่ว่าจะนานหรือไม่นาน หากเจ้าสิ่งดีๆนั้นเกิดพังทลายสลายลงไป ล้วนเป็นที่มาของความ"น่าเสียดาย"ทั้งนั้น..นั่นเพราะเหตุไร?

    ตอบว่า เมื่อเราได้สิ่งดีน่าปรารถนาแล้ว เราย่อมสร้างอุปาทานหรือตัณหาที่มีกำลังมากเข้ายึดมั่นในสิ่งน่าปรารถนานั้นว่า"นั่นมันของเรานี่นา" ครั้นมีของเราแล้ว สิ่งนั้นเเปรไปเป็นอย่างอื่น เหมือนขบถออกไปนอกการบังคับควบคุม"ของเรา"เท่านั้น ความเศร้าโศกรันทดย่อมพรั่งพรูมาราวเขื่อนแตกทีเดียว เนื่องจากเราไม่เคยเห็นตามจริงว่า สภาพต่างๆที่มีที่เป็นไปนั้น"ไม่เที่ยงแท้แน่นอนอะไร" ใครๆไม่มีอำนาจบังคับบัญชาอะไรๆได้อย่างแท้จริงเลย...แต่เราเคยชินกับภาพลวงตาที่ทำให้รู้สึกเหมือนว่า"เราสามารถจัดการให้อะไรๆเป็นไปตามความประสงค์ของเราได้"....ซึ่งเป็นการหลอกตนเอง ในทางธรรมเรียกว่า..สัญญาวิปลาส เห็นว่าเที่ยงแท้นิรันดรบ้าง เห็นว่าสุขบ้าง เห็นว่าสวยงามบ้าง เห็นว่าเป็นเราหรือของเราบ้าง..

    บัดนี้ท่านจขกท ได้ประจักษ์แจ้งแล้วว่า แม้จะนานมาถึง๗ปี ก็ไม่ได้หมายความว่าคนรักจะมีใจเหมือนเดิมการที่ท่านจะยึดถือด้วยมั่นหมายว่าเธอต้องเป็นหรือทำในสิ่งที่ท่านชอบใจเท่านั้นจึงเป็นเรื่องที่นำไปสู่ความผิดหวังเท่านั้น..

    ท่านพึงเพียรพิจารณาสภาพธรรมนี้ให้ถ่องแท้ อันจะเป็นปัจจัยนำปัญญามาสู่ใจ เมื่อปัญญาเกิดได้และแข็งแรงดี ท่านจะไม่กังวลหรือโทมนัสอีกว่าเธอจะรักท่านต่อไปจนแต่งงานหรือไม่ บางทีในตอนนั้นปัญญานั่นแหละจะสาดส่องสว่างให้ทราบว่า คู่ที่ไม่มีศรัทธา ศีล จาคะและปัญญาเสมอกันนั้น ย่อมพากันล่มสลายไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง..ท่านอาจดีจที่เธอไม่แต่งงานกับท่านเพื่อที่จะหย่าร้างในภายหลัง..เพราะในตอนนั้น ท่านอาจได้ภาระอื่นมาร่วมและเพิ่มทุกข์ให้ตนเช่น มีลูกหรือหนี้สินที่ท่านไม่อาจชดใช้ได้หมดจนตลอดชีวิตทีเดียว...

    ท่านพึงยงใจให้ร่าเริงในบุญอันดีทั้งหลายที่ท่านทำมาแล้วด้วยดี ท่านพึงทราบว่า คนเรานั้น อย่าว่าแต่๗ปีเลย..ต่อให้๗๐ปีก็ยังเปลี่ยนใจได้ ท่านอาจนึกขำๆ แต่ท่านพึงทราบว่าิ่งนี้มีจริงและเป็นไปทั่วโลก ให้ได้รู้เห็นกันตามข่าว แม้ในเว็บนี้ แต่งงานกันมา๒๐กว่าปีหรือมากกว่ายังเลิกรากันไปเพราะใจเปลี่ยน ไม่เชื่อลองค้นดู..

    ขอให้ยุติความเสียดาย แล้วมองสิ่งที่เกิดตามจริง ไม่เอาตนไปแขวนกับคนอื่น..รักตนให้เป็นด้วย ฝึกรักตนฝึกที่จะอยู่คนเดียวให้เป็น ไม่ทำตัวราวกับคนง่อยเปลี้ย ที่ต้องมีอีกคนคอยประคับประคองอยู่..เราเกิดมาคนเดียว และจะไปคนเดียวเมื่อหมดลมหายใจเช่นกัน..

    ขอให้พ้นโศกไวๆครับ เอาใจช่วยครับ
     
  10. comfx22

    comfx22 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2011
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +234
    ทุกข์เกิดที่ใจ สุขก็อยู่ที่ใจ เจอมุมมองคิดถูก ใจก็หาทางออกได้เองครับ.
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=2JfPeoM8f4g]ตารางดวงใจ-ชาญ เย็นแข - YouTube[/ame]
     
  11. ืีnuikitty

    ืีnuikitty สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +20
    ขอบคุณทุกคนนะครับที่ให้กำลังใจ
     
  12. ทะเล้น

    ทะเล้น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +208


    เมื่อคุณรู้ว่าไม่ควรยึดติดก็ไม่ควรเป็นทุกข์ด้วย ความไม่ยึดติด คือ ต้องมีใจที่ปล่อยวางได้ มีความวางใจกลางๆได้ ถึงจะเป็นผลที่สุด หากทำใจไม่ได้ก็ให้พิจารณาดังนี้นะครับ

    - ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นของไม่เที่ยง มีความแปรเปลี่ยนไป มีความเสื่อมสูญสลายเป็นธรรมดา ไม่ด้วยกาลเวลา ก็ด้วยสภาพแวดล้อม หรือ ความปรุงแต่งนึกคิด หรือ การดูแลรักษา ไม่มีสิ่งใดๆในโลกนี้จะคงอยู่นาน หรือ คงอยู่ตลอดไป
    - ทุกสิ่งทุกอย่าง มันไม่มีตัวตนอันที่เราจะไปบังคับ จับต้อง ยื้อหยุด ฉุดรั้ง ให้มันเป็นไปดั่งที่ใจเราต้องการได้
    - ก็ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้เป็นของไม่เที่ยง เป็นของไม่มีตัวตน เมื่อเราเข้าไปปารถนาใคร่ได้ที่จะเสพย์มันจึงเป็นทุกข์
    - ทุกสิ่งทุกข์อย่างบนโลกนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายอย่าปารถนาในสิ่งที่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรานี้เลย เพราะมันเป็นทุกข์" (สิ่งที่ไม่ใช่เรา-ไม่ใช่ของเราที่พระพุทธเจ้าตรัสแสดงนี้ ทั้งการรับรู้จากอายตนะทั้ง 6 หรือ รูป นาม ทั้งหลายนั้นไม่ใช่ของเรา)

    เจริญในใจเนืองๆอย่างนี้ ความเข้าไปยึดมั่นถือมั่นจะเบาบางลง และ ยอมรับความจริงได้จนถึงมีสภาพจิตเข้าถึงอุเบกขาจิตได้ในที่สุด (อุเบกขามี 10 ประเภท ไม่ใช่มีแค่ในพรหมวิหาร ๔ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงจำแนกไว้ในแต่ละอย่างแล้ว ดูเพิ่มเติมที่นี่ อุเบกขา สงเคราะห์ลงได้ข้อใดในขันธ์5 ครับ หรือ อุเบกขา - วิกิพีเดีย หรือ http://palungjit.org/threads/ว่าด้วย-อุเบกขา-อย่าเข้าใจผิด.166216/)
     
  13. ปทานุกรม

    ปทานุกรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +8
    คู่คุณกำลังเผชิญปัญหาคล้ายๆ กันกับของผม มีรายละเอียดแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย ผมอายุ 27 ปี แฟนผม 29 ปี คบกันมา 7 ปี ย่างปีที่ 8 ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ผมเป็นคนทำให้เธอทุกข์ใจและตรอมใจมาตลอด จนมาถึงจุดถึง เธอเลือกที่จะแก้แค้นผม ทำสิ่งที่ผมเคยทำกับเธอ ความรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงมันถาโถมเข้ามาพร้อมๆ กัน เพราะเธอตั้งใจกลับบ้านดึก ตั้งใจไปเที่ยวสถานที่อโคจร ตั้งใจคุยกับผู้ชายคนอื่น ทุกการกระทำนี้ เธอพยายามที่จะให้ผมรับรู้ตลอด พยายามให้ผมเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด ในขณะที่ผมคิดว่าควรบอกลากัน เพราะผมทนต่อไปแบบนี้ไม่ไหวแล้ว บังเอิญผมได้อ่านไดอารี่ของเธอ ซึ่งบันทึกความเลวร้ายตลอดชีวิตคู่ที่อยู่ด้วยกันมา ... ผมถึงสำนึกว่า ที่ผมเจ็บมันยังเทียบกับที่เธออดทนเพื่อผมมาไม่ได้เลย ผมถึงตัดสินใจจะสู้ เพื่อชิงเธอคืนมา

    เกิดมาผมไม่เคยดูดวงเลย ณ วันที่ผมเหนื่อยและหมดหวัง (ประมาณสัปดาห์ก่อน) ผมตัดสินใจลองดูดวงสักที เลยไปเดินหาหมอดูแถวท่าพระจันทร์ แล้วก็เจอคุณหมอหมึก อยากแนะนำให้ลองเช็กดวงดูครับ เพราะแกทำนายให้ผมเป็นผลบวก เป็นกำลังใจมาก วันต่อมา ผมจึงพาแฟนไปดูด้วย แกทำนายจากลายมือและไพ่ทาโรท์ ไม่น่าเชื่อว่า แฟนผมหยิบไ่พ่ออกมาเหมือนผมในทุกๆ คำถาม ผมอยากให้ลองดูครับ เจอสิ่งดีๆ ก็อยากแนะนำ 0814221899 นี่เบอร์แกครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...