10.ตามหาความทรงจำที่ขาดหาย ตอน พระราชวังบางปะอิน

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย สร้อยฟ้ามาลา, 4 สิงหาคม 2009.

  1. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๑๐

    ตามหาความทรงจำที่ขาดหาย ตอน พระราชวังบางปะอิน

    จากกระทู้ ตามหาความทรงจำที่ขาดหาย ตอน พระราชวังพญาไท ที่สร้อยฟ้ามาลา ได้ร่วมรำลึกโดยมี คุณหญิงพี่พิชญ์ และน้องภัค มารำลึกด้วยนั้น ก็ขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกท่านที่เข้ามาอ่านและเป็นกำลังใจให้เสมอๆ มิขาด อยากจะเอ่ยนามในที่นี่แต่ก็เกรงว่าจะเอ่ยไม่ครบถ้วนจะกลายเป็นสร้างความน้อยเนื้อต่ำใจ จึงไม่ขอเอ่ยนาม แต่ขอฝากคำขอบคุณอย่างสูงไปยังทุกท่านด้วย


    มาถึงกระทู้ ตามหาความทรงจำที่ขาดหาย ตอน พระราชวังบางปะอิน ในครั้งนี้ สร้อยฟ้ามาลา มีความตั้งใจที่จะไป เคยไปเมื่อครั้งยังเด็ก ตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยม ก็แปลกที่จำชื่อพระที่นั่งได้เกือบทุกพระที่นั่ง ยังรฤกถึงเสมอมาจนบัดนี้ จะหาเวลากลับไปให้หายคิดถึงก็ไม่มีโอกาสสักที มาครั้งนี้ได้มีโอกาสไปเสียที ก็ชวนแต่แมงปอแก้วกับหลานของแมงปอแก้วอีก ๑ คน ไปเป็นเพื่อนด้วย

    วันอาทิตย์ที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๒ สร้อยฟ้ามาลา ขับรถมาถึง พระราชวังบางปะอิน ประมาณ ๑๒.๒๐ น. เสียค่าจอดรถ ๒๐ บาท จอดรถเสร็จ ก็เดินไปซื้อบัตรเข้าในราคาผู้ใหญ่ ๓๐ บาท ๒ ใบ และเด็กอีก ๑ ใบ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่เก็บค่าบัตรของเด็ก จึงเสียค่าผ่านแค่ ๖๐ บาท....

    a.jpg

    เดินผ่านเข้ามาก็เจอกับ รถไฟฟ้า หรือ รถกอล์ฟ สำหรับให้เช่ารู้สึกว่าค่าเช่าคันละ ๒๐๐ กว่าบาท แต่สร้อยฟ้ามาลา ไม่เช่าเพราะว่าเดินดีกว่าจะได้สูดอากาศของพระราชวังบางปะอินให้เต็มปอดไปเลย....

    a.jpg

    ระหว่างเดินอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอกนี้ ก็ขอเล่าถึงประวัติความเป็นมาของ
    พระราชวังบางปะอิน ในเบื้องต้นก่อน



    พระราชวังบางปะอิน ตั้งอยู่ในตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ห่างจากเกาะเมืองลงมาทางทิศใต้ประมาณ ๑๘ กิโลเมตร เป็นพระราชวังโบราณตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เนื่องจากเป็นที่ประสูติของพระองค์ ใช้เป็นสถานที่ที่ทรงใช้ประทับแรม ของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ด้วยเป็นพระราชวังใกล้พระนครนั่นเอง


    เมื่อครั้งเสียกรุงแก่พม่าครั้งที่สอง พระราชวังบางปะอินถูกปล่อยให้รกร้างมาระยะหนึ่ง พระราชวังบางปะอินกลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งเมื่อสุนทรภู่ ซึ่งได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชไปนมัสการ พระพุทธบาทสระบุรี ได้ประพันธ์ถึงพระราชวังบางปะอินไว้ในนิราศพระบาท จนกระทั่ง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้เริ่มการบูรณะพระราชวังขึ้น และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้บูรณะครั้งใหญ่ โดยสร้างพระที่นั่ง พระตำหนัก และตำหนักต่าง ๆ ขึ้นมากมายเพื่อใช้เป็นที่ประทับ รับรองพระราชอาคันตุกะ และพระราชทานเลี้ยงในโอกาสต่าง ๆในบรรดาพระราชวังทั้งหมดที่สร้างขึ้น ตลอดช่วงรัชสมัยอันยาวนานกว่าสี่ทศวรรษ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น "พระราชวังบางปะอิน" ถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่รับเอาอิทธิพลตะวันตกเข้ามารุ่นแรกสุด เพราะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี ๒๔๑๕ เมื่อทรงมีพระชันษาเพียง ๑๙ พรรษา หลังจากเสด็จครองราชย์ได้แค่ ๔ ปีเท่านั้น


    พระราชวังบางปะอินได้รับแรงดาลใจ มาจากพระราชวังทรงยุโรปที่เคยทอดพระเนตร ณ กรุงปัตตาเวียอย่างไม่ต้องสงสัย เนื่องจากปีที่เริ่มก่อสร้างพระราชวังบางปะอินนั้น เป็นปีรุ่งขึ้นภายหลังจากการเสด็จประพาสชวา และสิงคโปร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๔ เพียงปีเดียว


    ฉะนั้นพระราชวังบางปะอินจึงเป็นสถาปัตยกรรมที่ค่อนข้างบริสุทธิ์ ตอบสนองความใฝ่ฝันขององค์ยุวกษัตริย์ที่ปรารถนาจะยกระดับประเทศขึ้นสู่ความเป็น "ศิวิไลซ์" ทัดเทียมโลกตะวันตกรวมทั้งเพื่อนบ้าน บนเงื่อนไขของการที่ยังไม่เคยเสด็จประพาสยุโรปมาก่อน (ผิดกับการก่อสร้างพระราชวังดุสิตในตอนปลายรัชกาล) อีกทั้งยังไม่ได้มีการจ้างวานนายช่างชาวตะวันตกให้มาทำงานในราชสำนักสยาม (ผิดกับพระที่นั่งอีกหลายองค์ในช่วงกลางรัชกาล)
    การกำเนิดพระราชวังบางปะอิน จึงเป็นไปในลักษณะของการมอบหมายให้บริษัทรับเหมาของชาวต่างชาติ ซึ่งมีเพียงไม่กี่รายในยุคนั้น เป็นผู้ดำเนินการออกแบบและก่อสร้าง บริษัทนี้มีชื่อว่า Grassi Brothers & Co. มีนายโจคิม หรือจาโคโม กับนายอันโตนิโย กราซี สองพี่น้อง ซึ่งตั้งห้างอยู่ที่ฝั่งธนบุรีใกล้กับปากคลองสาน โดยพวกเขามีประสบการณ์ในสยามมาแล้วเป็นเวลา ๒ ปี ก่อนหน้าที่จะได้รับการไว้วางพระราชหฤทัย ให้ดำเนินการก่อสร้างพระราชวังบางปะอิน


    สัญชาติของพี่น้องตระกูลกราซีนี้ค่อนข้างคลุมเครือ เนื่องจากพวกเขาพูดภาษาอิตาเลียน และมีความเจนจัดในรูปแบบสถาปัตยกรรมของอิตาลีมากเป็นพิเศษ แต่แดนเกิดนั้นอยู่ในรอยต่อระหว่างจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งต่อมาตกเป็นของอิตาลี (ปัจจุบันกลายเป็นส่วนหนึ่งของสโลเวเนีย) เมื่อแรกเข้ามายังกรุงสยามพวกเขาถือสัญชาติออสเตรียน แต่แล้วในที่สุดก็ได้โอนสัญชาติเป็นคนบังคับของฝรั่งเศสเนื่องด้วยเหตุผลทางธุรกิจ อย่างไรก็ดี ในความรู้สึกของชาวไทยสมัยนั้น ยังคงมองว่าพี่น้องตระกูลนี้เป็นนายช่างอิตาเลียนอยู่นั่นเอง เห็นได้จากการเรียกพวกเขาว่า "ซินยอร์กราซี"


    a.jpg


    พระราชวังบางปะอิน

    พระราชวังมีแต่ครั้ง..............บุราณมา
    จอมกษัตริย์อยุธยา..............ท่านสร้าง
    เรืองนามทั่วทิศา.................บางปะ อินแล
    ริมฝั่งลำน้ำกว้าง.................แจ่มหล้า จรัสศรีฯ


    ในปัจจุบัน พระราชวังบางปะอินอยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวัง และยังใช้เป็นสถานที่แปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ รวมถึงประกอบพระราชพิธีสังเวยพระป้าย แต่ได้เปิดให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวเข้าชมได้ โดยต้องแต่งกายให้สุภาพ

    มีเรื่องเล่าว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อครั้งที่สมเด็จพระเอกาทศรถ ยังทรงดำรงพระยศพระมหาอุปราช วันหนึ่งพระองค์ได้เสด็จประพาสทางชลมารค เมื่อถึงบริเวณเกาะบางปะอิน เรือพระที่นั่งถูกพายุใหญ่พัด ทำให้เรือพระที่นั่งล่มลง สมเด็จพระเอกาทศรถทรงว่ายน้ำขึ้นไปบนเกาะนี้ ซึ่งเดิมชื่อ "เกาะบ้านเลน" และประทับอยู่กับชาวบ้าน


    ในระหว่างประทับอยู่ ณ ที่นี้ สมเด็จพระเอกาทศรถได้หญิงชาวเกาะเป็นบาทบริจาริกา มีนามว่า "อิน" จึงเป็นเหตุให้คนทั่วไปเรียกเกาะนี้ต่อมาว่า "เกาะบางปะอิน" ต่อมาเมื่อพระองค์จะเสด็จกลับ พระองค์ก็ทรงพานางอินนี้กลับไปกรุงศรีอยุธยาด้วย นางอินผู้นี้จึงเป็นพระสนมในเวลาต่อมา และมีพระราชโอรสด้วยกัน เล่ากันว่าพระราชโอรสพระองค์นั้น คือ สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง


    ปี พ.ศ. ๒๑๗๕ หลังจากที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงขึ้นครองราชย์แล้ว พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดขึ้นตรงบริเวณนิวาสสถานเดิมของพระมารดา และได้พระราชทานนามว่า "วัดชุมพลนิกายาราม" และได้สร้างพระที่นั่งองค์หนึ่งเพื่อฉลองการที่พระราชเทวีประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระนารายณ์ราชกุมาร พระราชทานนามว่า "พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์" พระราชวังบางปะอินจึงเป็นสถานที่ประทับของพระมหากษัตริย์ในฤดูร้อนสืบเนื่องกันมา จนกระทั่ง กรุงศรีอยุธยาได้เสียแก่พม่าเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๑๐ ซึ่งทำให้พระราชวังแห่งนี้ถูกปล่อยให้รกร้างไป


    พระราชวังบางปะอินกลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้ง เมื่อสุนทรภู่ได้ตามเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชไปนมัสการพระพุทธบาทสระบุรี ซึ่งได้เดินทางผ่านพระราชวังบางปะอิน และได้ประพันธ์ถึงพระราชวังแห่งนี้ในนิราศพระบาท ว่า

    รำพึงพายตามสายกระแสเชี่ยว
    ยิ่งแสนเปลี่ยวเปล่าในฤทัยถวิล
    สักครู่หนึ่งก็มาถึงบางเกาะอิน
    กระแสสินธุ์สายชลเป็นวนวัง
    อันเท็จจริงสิ่งนี้ไม่รู้แน่
    ได้ยินแต่ยุบลในหนหลัง
    ว่าที่เกาะบางอออินเป็นถิ่นวัง
    กษัตริย์ครั้งครองกรุงศรีอยุธยา


    ครั้นมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังกรุงศรีอยุธยา ประพาสผ่านพระราชวังบางปะอิน ทอดพระเนตรเห็นความร่มรื่นโดยรอบเป็นที่ต้องพระราชหฤทัย อีกทั้งยังเป็นเขตพระราชวังเก่าในสมัยกรุงศรีอยุธยา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะพระราชวังบางปะอิน โดยสร้างพระที่นั่งองค์หนึ่งเป็นที่ประทับ เรือนแถวสำหรับเจ้านายฝ่ายในหนึ่งหลัง พลับพลาริมน้ำ และพลับพลากลางเกาะ พร้อมทั้งปฏิสังขรณ์วัดชุมพลนิกายารามขึ้นใหม่


    ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงพิจารณาเห็นว่า บางปะอินเป็นเกาะกลางน้ำ มีความเงียบสงบ มีเส้นทางการเดินเรือได้หลายทาง สมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร และเป็นสถานที่เสด็จประพาสของพระบรมชนกนาถ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ สำหรับแปรพระราชฐานดังที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้


    / เดี๋ยวมาเล่าต่อนะ....


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7162s.jpg
      IMG_7162s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50 KB
      เปิดดู:
      7,980
    • IMG_6818s.jpg
      IMG_6818s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      80.7 KB
      เปิดดู:
      9,630
    • IMG_6819s.jpg
      IMG_6819s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.5 KB
      เปิดดู:
      8,095
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2023
  2. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๒.


    คราวนี้ก็ได้ทราบประวัติพระราชวังบางปะอินมาพอสมควรแล้ว

    ในเขตพระราชฐานชั้นนอกที่สร้อยฟ้ามาลากำลังเดินชมอยู่นี้นั้น เป็นบริเวณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้สำหรับการออกมหาสมาคมหรือประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ

    แล้วก็เดินมาถึง หอหอเหมมณเฑียรเทวราช หรือ ศาลพระเจ้าปราสาททอง ซึ่งจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ ไปไหวพระเจ้าปราสาททองพร้อมๆ กัน


    [​IMG]


    หอเหมมณเฑียรเทวราช หรือ ศาลพระเจ้าปราสาททอง สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๑๕ - ๒๔๑๙ มีลักษณะเป็นปรางค์ศิลา ซึ่งจำลองแบบจากปรางค์ขอม ภายในประดิษฐานเทวรูปพระเจ้าปราสาททอง ตั้งอยู่ ณ ริมสระน้ำใต้ต้นโพธิ์

    [​IMG]

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างหอเหมมณเฑียรเทวราชขึ้นในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๑๕ - ๒๔๑๙ ต่อมา มีการสร้างในครั้งที่ ๒ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๓ เนื่องจากเหตุการณ์เรือพระประเทียบของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ล่ม เป็นเหตุให้พระองค์สิ้นพระชนม์พร้อมพระราชธิดาและพระราชโอรส(ธิดา)ในพระครรภ์ ดังนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระราชวิตกว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ จะทรงได้รับอันตรายจึงทรงบนว่าถ้าสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศปลอดภัยจากการเดินทางในครั้งนี้จะทรงสร้างศาลถวายใหม่

    [​IMG]


    [​IMG]

    ภายในหอเหมมณเทียรเทวราช มีเทวรูปของพระเจ้าปราสาททองประดิษฐานอยู่ด้วย ซึ่งมีผู้พิมพ์คำถวายสักการะไว้ ก็ขออนุญาตพิมพ์ไว้ในกระทู้นี้ด้วยเลยโดยขอลงชื่อ และนามสกุลของผู้พิมพ์คำถวายสักกระไว้ด้วยนะเจ้าคะ


    ถวายแด่บรมครู

    สมเด็จพ่อพระเจ้าปราสาททอง

    คาถาบูชาสมเด็จพ่อ

    โอม นะโม สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง นะมะพะทะ

    ขอพระราชาอนุญาตถึงเทพไท้........................ผู้เป็นใหญ่อยู่ในแดนกรุงศรี
    ผ่านมาแล้วประมาณสามร้อยกว่าปี.................เทพองค์นี้สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
    พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ปราดเปรื่อง...........ความรุ่งเรืองเสริมได้เพราะโหรหลวง
    เข้ายุคทองสุดยิ่งใหญ่ในทั้งปวง.......................ลุสรวงสวรรค์แดนมนุษย์สุดบาดาล
    เหล้าข้าพระพุทธเจ้าขอกราบพระบาท............ทรงอนุญาตให้เข้าเฝ้าและสรรหา
    จัดธูปเหมือนตั้งเคารพและบูชา.......................ด้วยศรัทธา ธ. ประสาทพร
    ขอเทิดทูลเกียรติยศอันลือลั่น...........................อเนกอนันต์สมโภชสโมสร
    ให้เกรียงไกรยิ่งใหญ่ไม่อมรณ์...........................ขอวิงวอนกราบบังคมและบูชา

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
    ข้าพระพุทธเจ้า
    นายวิเชียร นางไสว ศรีวิศาลภพ และลูกหลาน
    ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๑
    แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๑

    [​IMG]


    /.......
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_6822s.jpg
      IMG_6822s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      85.2 KB
      เปิดดู:
      8,658
    • IMG_6823s.jpg
      IMG_6823s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      87.4 KB
      เปิดดู:
      9,370
    • IMG_6831s.jpg
      IMG_6831s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.3 KB
      เปิดดู:
      8,368
    • IMG_6832s.jpg
      IMG_6832s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      84.3 KB
      เปิดดู:
      8,948
    • IMG_6837s.jpg
      IMG_6837s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58.1 KB
      เปิดดู:
      7,688
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2013
  3. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๓.



    พอกราบพระเจ้าปราสาททองเสร็จแล้ว สร้อยฟ้ามาลาก็เดินตรงมาเรื่อยๆ ก็จะพบกับสะพานตุ๊กตา และกระโจมแตร



    [​IMG]
    สะพานตุ๊กตา


    [​IMG]


    [​IMG]
    กระโจมแตร

    มองจากกระโจมแตรก็จะเห็น พระที่นั่งพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์อยู่ตรงกลางสระน้ำ ทางด้านขวามือจะเห็นประตูเทวราชครรไล ส่วนทางด้านซ้ายมือจะเห็นพระที่นั่งวโรภาษพิมาน

    กระโจมแตร สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๖

    พระราชวังบางปะอินนี้ ถือว่าเป็นตำหนักยอดนิยมของกษัตริย์กรุงรัตนโกสินทร์ตอนกลางเป็นอันมาก เพราะนอกจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะทรงโปรดปรานพระราชวังนี้มากจนถึงกับเสด็จประพาสอยู่บ่อยครั้งต่อปี พอมาถึงพระราชโอรสคือพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ฯ ต่อนั้น พระองค์ก็โปรดที่จะเสด็จพระราชดำเนินมาพักพระอิริยาบทที่พระราชวังนี้อยู่เนืองๆ เช่นกัน ดังที่กล่าวไว้ว่าพระราชวังที่เป็นคล้ายสัญลักษณ์ของรัชกาลที่ ๕ อีกทั้งพระที่นั่งและสิ่งก่อสร้างในที่นี่เกือบจะทั้งหมดสร้างเป็นครั้งแรกในรัชกาลที่ ๕ นั้น ก็ยังมีสิ่งก่อสร้างบางอย่างเหมือนกันที่ถูกสร้างขึ้นหลังยุคพระพุทธเจ้าหลวง และหนึ่งในสิ่งก่อสร้างนั้นมี “กระโจมแตร” รวมอยู่ด้วย

    กระโจมแตร สิ่งก่อสร้างทรงยุโรปที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากประตูเทวราชครรไลและพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์นั้น เป็นกระโจมขนาดกลางที่สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าพระองค์เองก็เป็นผู้ที่โปรดปรานงานศิลปะแบบตะวันตกเหมือนพระราชบิดา โดยความคิดที่สร้างกระโจมแตรมาจากความคิดที่จะสร้างศาลาพักกลางแจ้งที่โล่งโปรงเพื่อใช้เป็นที่สังสรรค์กัน ยืนจิบชาโดยมีวงดนตรี ๓ - ๔ ชิ้นบรรเลงขับกล่อมแขกผู้มีเกียรติอยู่ใกล้ตามแบบธรรมเนียมนิยมของพวกผู้ดีในยุโรป เมื่อดำริเช่นนี้แล้ว รัชกาลที่ ๖ จึงโปรดให้สร้างกระโจมให้เป็นทรง Gazebo ซึ่งเป็นลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบเยอรมันที่เป็นที่นิยมกันอย่างสูงในปลายศตวรรษที่ ๑๙


    กระโจมแตรทรงโปร่งกลางแจ้งนี้กลายมาเป็นสถานที่โปรดของรัชกาลที่ ๖ เพราะข้าราชบริพารทั้งหลายมักจะเห็นพระองค์ทรงงานอยู่ที่กระโจมหลังงามนี้จนเจนตา และมีบทพระราชนิพนธ์ที่สำคัญๆ มากมายที่พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์ภายใต้กระโจมหลังนี้ มาในปัจจุบัน กระโจมแตรนี้ก็เป็นที่พักพิงยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาทัศนาพระราชวังบางปะอินนี้เช่นกัน

    /........
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_6839s.jpg
      IMG_6839s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.7 KB
      เปิดดู:
      7,682
    • IMG_6845s.jpg
      IMG_6845s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      70.2 KB
      เปิดดู:
      7,836
    • IMG_6849s.jpg
      IMG_6849s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.4 KB
      เปิดดู:
      7,732
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2013
  4. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๔.



    [​IMG]


    พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ เป็นพระที่นั่งปราสาทโถงกลางน้ำ สร้างในแบบจตุรมุข พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จำลองแบบมาจาก พระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๔๑๙ และพระราชทานนามว่า "พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์" ตามนามพระที่นั่งองค์แรก ซึ่งสมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น ณ พระราชวังบางปะอินแห่งนี้


    พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์จัดได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเคยได้รับเกียรติให้สร้างจำลองแบบไปแสดงในงานมหกรรมนานาชาติ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๑


    แต่เดิมนั้นพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ เป็นพระที่นั่งที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อฉลองการที่พระราชเทวีประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระนารายณ์ราชกุมาร โดยพระราชทานนามว่า "พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์" ซึ่งหมายความว่า พระองค์ได้มีพระราชสมภพที่นี่ และได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน พระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา จนกระทั่ง เสียกรุงให้แก่พม่าเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๑๐ พระที่นั่งองค์นี้จึงถูกปล่อยให้รกร้างไป


    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จพระราชดำเนินผ่านพระราชวังบางปะอิน เมื่อครั้งเสด็จฯ ประพาสพระนครศรีอยุธยา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการบูรณปฏิสังขรณ์พระที่นั่งขึ้นใหม่ โดยใช้เครื่องไม้สร้างพระที่นั่งขึ้นใหม่ ณ บริเวณที่ตั้งเดิมของพระที่นั่งในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โดยยังคงใช้ชื่อ "พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์" ดังเดิม


    ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้รื้อพระที่นั่งองค์เดิมลง เพื่อขยายสระน้ำให้กว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งองค์ใหม่ ซึ่งเป็นพระที่นั่งที่สร้างจากเครื่องไม้บริเวณกลางสระน้ำ โดยให้จำลองแบบพระที่นั่งมาจากพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาทในพระบรมมหาราชวัง และพระราชทานนามว่า "พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์" ซึ่งยังคงชื่อพระที่นั่งไว้ดังเช่นในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง

    พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์เคยเป็นที่ประดิษฐานพระศพและงานบำเพ็ญพระราชกุศลพระศพของพระองค์เจ้าหญิงศรีวิลัยลักษณ์

    พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ์ กรมขุนสุพรรณภาควดี ทรงเป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประสูติก่อนที่พระองค์จะเสด็จฯ ขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ ทรงเป็นพระราชธิดาคู่ทุกข์คู่ยากของรัชกาลที่ ๕ หลังจากการทรงกรมเป็น "กรมขุนสุพรรณภาควดี " ได้เพียง ๑ ปี ก็สิ้นพระชนม์ รัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานบำเพ็ญพระราชกุศล ณ พระราชวังบางปะอิน โดยใช้พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์เป็นที่ประดิษฐานพระศพ และโปรดให้จัดงานพระราชทานเพลิงพระศพ ณ วัดนิเวศธรรมประวัติ ซึ่งถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มาก จนเป็นที่กล่าวขานในหมู่ชาววังว่า ใครไม่ได้มาร่วมงานในครั้งนี้ถือเป็นคนนอกสังคมชาววัง

    ในระหว่างการจัดงานพระราชทานเพลิงพระศพของพระองค์เจ้าหญิงศรีวิลัยลักษณ์ นั้น สมเด็จเจ้าฟ้าจันทราสรัทวาร ซึ่งทรงสนิทกับพระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ์มาก ทรงพระประชวรและสิ้นพระชนม์ ณ วรนาฎเกษมสานต์ ภายในพระราชวังบางปะอินนั่นเอง ซึ่งในนวนิยายเรื่อง สี่แผ่นดิน ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ไว้ว่า “เชิญพระศพพระเจ้าลูกเธอพระองค์หนึ่งขึ้นไป แล้วก็กลับต้องเชิญพระศพอีกพระองค์หนึ่งลงมา ”


    ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้บูรณปฏิสังขรณ์พระที่นั่งอีกครั้ง โดยได้เปลี่ยนพื้นและเสาเป็นแบบคอนกรีต แทนเครื่องไม้ซึ่งผุง่ายเมื่ออยู่ในน้ำ พร้อมทั้งให้สร้างพระบรมรูปหล่อสัมฤทธิ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขนาดเท่าพระองค์จริงในฉลองพระองค์เต็มยศจอมพลทหารบกมาประดิษฐาน ณ พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์จนถึงปัจจุบัน

    [​IMG]


    [​IMG]


    แล้วสร้อยฟ้ามาลาก็เดินตรงมาเรื่อย เดินตรงอย่างเดียว เดินข้ามสะพานก็เข้าสู่เขตพระราชฐานชั้นใน (ขอบอกว่าเดินมั่วมากๆ ไม่รู้จะไปทางไหนก็ตรงอย่างเดียว ที่จริงเขตพระราชฐานชั้นนอกยังมีพระที่นั่งอีกหลายองค์ เดี๋ยวจะเดินย้อนกลับมาเล่าให้ฟังนะเจ้าคะ)



    .........
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7122s.jpg
      IMG_7122s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      70.2 KB
      เปิดดู:
      7,874
    • IMG_7147s.jpg
      IMG_7147s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.3 KB
      เปิดดู:
      170
    • IMG_6855s.jpg
      IMG_6855s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      86.8 KB
      เปิดดู:
      8,277
    • IMG_6857s.jpg
      IMG_6857s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      109.9 KB
      เปิดดู:
      8,325
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2013
  5. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๕.


    พอข้ามสะพานก็จะพบกับพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร


    [​IMG]

    พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน ตรงข้ามกับสระทางด้านตะวันออก ของพระราชวังบางปะอิน พระที่นั่งองค์นี้สร้างด้วยไม้ สไตล์ยุโรป แบบสวิสชาเล่ต์ ๒ สวิตเซอร์แลนด์ โดยทาสีเขียวอ่อนและสีเขียวแก่สลับกันทั้งองค์ ประดับประดาไปด้วยลวดลายฉลุไม้แบบยุโรปที่แสนงดงาม มีระเบียงแล่นโดยรอบพระที่นั่ง ภายในมีการตกแต่งแบบยุโรปด้วยเครื่องเรือนฝรั่งเศสสมัยพระเจ้านโปเลียนที่ ๓ ที่เข้าชุดกันทั้งหมด พระที่นั่งองค์นี้ถือได้ว่าเป็นพระที่นั่งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดปรานมากที่สุด ชั้น มีกำแพงแก้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียรขึ้นเมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๒๐ โดยโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ทรงออกแบบ โดยพระราชทานเงิน ๗๐ ชั่ง หรือประมาณ ๕,๖๐๐ บาท

    ทุกปีในฤดูฝน พระองค์จะเสด็จมาประทับที่พระที่นั่งองค์นี้ปีละ ๓ ครั้ง

    [​IMG]

    [​IMG]


    เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๓ แกรนด์ดุ๊กซาร์วิตส์แห่งรัสเซีย (พระยศขณะนั้น) ได้เสด็จเยือนประเทศไทย พระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้พระที่นั่งองค์นี้เป็นที่ประทับของแกรนด์ดุ๊กซาร์วิตส์ และในปี พ.ศ. ๒๔๕๒ ยังใช้เป็นที่ประทับของดยุคโยฮัน อัลเบรตแห่งเยอรมันด้วย


    [​IMG]

    ถ่ายรูปจากหอวิฑูรทัศนา


    ในวันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ได้มีการบูรณะซ่อมแซมพระที่นั่งต่าง ๆ ในพระราชวังบางปะอิน ขณะดำเนินการทาสีพระที่นั่งนั้นได้เกิดเหตุเพลิงไหม้พระที่นั่งทั้งองค์ ซึ่งเหลือเพียงหอน้ำ หรือหอยุโรป (หอน้ำเป็นที่ประทับที่มีน้ำฉีดบนหลังคาให้เย็น) ข้างพระที่นั่งเท่านั้นที่ไม่ถูกเพลิงไหม้ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๑ สำนักพระราชวังจึงสร้างพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียรขึ้นมาใหม่เลียนแบบพระที่นั่งองค์เดิม เพื่อใช้เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงภาพเขียนและวัตถุโบราณ


    [​IMG]


    จนกระทั่ง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๗ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ให้จัดสร้างพระที่นั่งขึ้นใหม่ ขึ้นโดยใช้คอนกรีต แทนไม้ โดยทาสีขาวสลับเขียวตามแบบเดิมทั้งองค์พระที่นั่ง ต่อมาได้มีการรื้อดัดแปลงสร้างใหม่อีกครั้งหนึ่งตามลักษณะที่ปรากฏในปัจจุบัน เพื่อใช้เป็นที่ประทับของ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ ๒ แห่งสหราชอาณาจักรในคราวเสด็จเยือนประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๙ การดัดแปลงใหม่ครั้งนี้ได้ใช้ศิลปะสถาปัตยกรรมแบบวิคตอเรียน ตัวอาคารเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ชั้นกรุกระจกโดยรอบองค์พระที่นั่ง องค์พระที่นั่งทาสีม่วงชมพูอย่างงดงาม

    ปัจจุบัน พระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นที่ประทับในการเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐาน ณ พระราชวังบางปะอิน และเป็นสถานที่รับรองพระราชอาคันตุกะ เป็นสถานที่เดียวในพระราชวังบางปะอินที่ไม่เปิดให้เข้าชม


    [​IMG]


    จากพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร ก็ถึงทางแยกจะไปซ้ายดีหรือเลี้ยวขวาดี สร้อยฟ้ามาลาตัดสินใจเดินเลี้ยวขวา ก็จะพบสะพานอีกแล้ว



    /..........
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7062s.jpg
      IMG_7062s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81.5 KB
      เปิดดู:
      8,266
    • IMG_7063s.jpg
      IMG_7063s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      89.5 KB
      เปิดดู:
      7,869
    • IMG_6865s.jpg
      IMG_6865s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.4 KB
      เปิดดู:
      7,823
    • IMG_7027s.jpg
      IMG_7027s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      83.6 KB
      เปิดดู:
      7,896
    • IMG_7059s.jpg
      IMG_7059s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81.9 KB
      เปิดดู:
      7,659
    • IMG_6860s.jpg
      IMG_6860s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      65.1 KB
      เปิดดู:
      12,218
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2013
  6. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๖.


    เมื่อเดินข้ามสะพานก็จะพบกับอนุสาวรีย์แห่งความอาลัยรัก อนุสาวรีย์แห่งความพลัดพรากและความสูญเสียที่ทำให้เกิดความเศร้าสะเทือนใจอย่างที่สุด ขอกล่าวถึงอนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์


    [​IMG]


    [​IMG]

    อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์

    อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ เป็นอนุสาวรีย์ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ตั้งอยู่ด้านตะวันออกของพระราชวังบางปะอิน ถัดจากหอวิฑูรทัศนา โดยมีลักษณะเป็นฐานรูปทรงสี่เหลี่ยมและยอดหกเหลี่ยมทรงสูง สร้างด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี ด้านทั้ง ๔ ประกอบด้วย

    ด้านทิศตะวันตก แกะสลักคำไว้อาลัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นภาษาไทยว่า

    ที่รฦกถึงความรัก

    แห่ง

    สมเดจพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรตน์

    พระบรมราชเทวี อรรคมเหษี

    อันเสดจทิวงคตแล้ว

    ซึ่งเธอเคยมาอยู่ในสวนนี้ โดยความศุขสบาย

    แลเปนที่เบิกบานใจพร้อมด้วยผู้ซึ่งเปนที่รัก แลที่

    สนิทอย่างยิ่งของเธอ

    อนุสาวรี นี้สร้างขึ้น

    โดย

    จุฬาลงกรณ์ บรมราช

    ผู้เปนสวามี อันได้รับความเศร้าโศกเพราะความทุกข์

    อันแรงกล้าในวลานั้น แทบจะถึงแก่ชีวิตร

    ถึงกระนั้นยังมิได้หักหาย

    จุลศักราช ๑๒๔๓


    [​IMG]

    ด้านทิศตะวันออก แกะสลักคำไว้อาลัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นภาษาอังกฤษ



    [​IMG]
    ด้านทิศใต้ ประดิษฐานพระนามาภิไธยย่อของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ (ส ภายใต้พระมงกุฏ)


    [​IMG]
    ด้านทิศเหนือ ประดิษฐานรูปช่อดอกไม้ล้อมรอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์

    [​IMG]
    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างอนุสรณ์แห่งความรักแห่งนี้ขึ้น พร้อมทั้งได้เสด็จพระราชดำเนินเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๒๖ ซึ่งตรงกับวันที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์เสด็จทิวงคตครบรอบ ๓ ปี

    ในเรื่องพระประวัติของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ โสภางคทัศนิยลักษณ์ อรรควรราชกุมารี สร้อยฟ้ามาลาขออนุญาตไม่นำมาลงในกระทู้นี้ ซึ่งความละเอียดของพระประวัติของพระองค์นั้น สร้อยฟ้ามาลากำลังเขียนอยู่ในกระทู้ “แผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวง

    ส่วนทางด้านขวามือของอนุสาวรีย์ จะมีศาลาไทย ซึ่งเล่ากันว่า สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ทรงโปรดที่จะเสด็จมาประทับพักผ่อนพระอิริยาบถซึ่งรอบๆ บริเวณนี้จะมีสวนและต้นไม้อยู่ บรรยากาศสงบเงียบ ลมพัดเอื่อยๆ เย็นๆ น่านั่งเล่นเสียจริงๆ...

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
    ภายในศาลาจะประดิษฐานพระฉายาทิศลักษณ์ของพระองค์




    /.........
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_6903s.jpg
      IMG_6903s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      105.4 KB
      เปิดดู:
      7,575
    • IMG_6875s.jpg
      IMG_6875s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.8 KB
      เปิดดู:
      8,827
    • IMG_6882s.jpg
      IMG_6882s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.3 KB
      เปิดดู:
      7,805
    • IMG_6884s.jpg
      IMG_6884s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93.6 KB
      เปิดดู:
      7,358
    • IMG_6879s.jpg
      IMG_6879s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      70.4 KB
      เปิดดู:
      7,688
    • IMG_6899s.jpg
      IMG_6899s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      77.5 KB
      เปิดดู:
      7,920
    • IMG_6897s.jpg
      IMG_6897s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      112.9 KB
      เปิดดู:
      7,803
    • IMG_6889s.jpg
      IMG_6889s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      92.8 KB
      เปิดดู:
      7,400
    • IMG_6892s.jpg
      IMG_6892s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      95.2 KB
      เปิดดู:
      7,560
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2013
  7. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๗.


    a.jpg

    ใกล้ๆ กับอนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ก็จะพบกับอนุสาวรีย์ราชานุสรณ์ ตั้งอยู่ด้านตะวันออกของพระราชวังบางปะอิน เป็นอนุสาวรีย์สร้างด้วยหินอ่อน ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาฯ โปรดเกล้าให้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพระอัครชายาเธอ ๑ พระองค์ พระราชโอรส ๒ พระองค์ และพระราชธิดา ๑ พระองค์ ที่สิ้นพระชนม์ในปีเดียวกัน โดยแต่ละด้านของอนุสาวรีย์ประดับด้วยพระรูปเหมือนแกะสลักด้วยหินอ่อนของทั้ง ๔ พระองค์ คือ


    a.jpg


    a.jpg

    ๑. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๓๐


    a.jpg


    a.jpg

    ๒. พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคนารีรัตน์ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๓๐


    a.jpg


    a.jpg

    ๓. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย กรมพระเทพนารีรัตน์ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๐


    a.jpg


    a.jpg
    ๔. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าตรีเพ็ชรุตม์ธำรง สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๐



    .........
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_6927s.jpg
      IMG_6927s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93.6 KB
      เปิดดู:
      6,466
    • IMG_6922s.jpg
      IMG_6922s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.4 KB
      เปิดดู:
      6,754
    • IMG_6915s.jpg
      IMG_6915s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.7 KB
      เปิดดู:
      7,098
    • IMG_6914s.jpg
      IMG_6914s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      69.6 KB
      เปิดดู:
      6,688
    • IMG_6911s.jpg
      IMG_6911s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.7 KB
      เปิดดู:
      6,955
    • IMG_6926s.jpg
      IMG_6926s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.3 KB
      เปิดดู:
      6,418
    • IMG_6923s.jpg
      IMG_6923s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      70.3 KB
      เปิดดู:
      6,457
    • IMG_6904s.jpg
      IMG_6904s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      77.7 KB
      เปิดดู:
      6,430
    • IMG_6908s.jpg
      IMG_6908s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.4 KB
      เปิดดู:
      7,135
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2018
  8. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๘.


    เมื่อถวายสักการะพระราชานุสาวรีย์ทั้ง ๒ แล้ว สร้อยฟ้ามาลา ก็เดินตรงไปข้างหน้าอีก ตอนนี้ด้านซ้ายมือจะมองเห็นพระที่นั่งเวหาศน์จำรูญและหอวิฑูรทัศนา แต่ตรงบริเวณที่เดินอยู่นี้เป็นบริเวณของพระตำหนัก ตำหนัก และเรือนของพระบรมวงศ์ฝ่ายใน ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นในของพระราชวังบางปะอิน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นสำหรับเป็นที่ประทับของเจ้านายฝ่ายในเพื่อเป็นที่ประทับเมื่อเสด็จแปรพระราชฐานมา ณ พระราชวังแห่งนี้ โดยมีดังต่อไปนี้


    [​IMG]

    พระตำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
    พระตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงเป็นพระบรมราชเทวีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระตำหนักมีสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ก่ออิฐถือปูน มี ๒ ชั้น โดยมีห้องบรรทม ๕ ห้อง แบ่งเป็น ห้องบรรทมชั้นบน ๒ ห้อง และห้องบรรทมชั้นล่าง ๓ ห้อง ผนังอาคารทาสีไข่ไก่ ชั้นบนและชั้นล่างมีโถงกลาง ชั้นบนมีระเบียงประตูมุข ๓ บาน มุขระเบียงประดับด้วยลวดลายกลึงไม้ ลวดลายเครือเถา


    [​IMG]

    พระตำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าตั้งอยู่ใกล้กับ พระราชนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี และ พระราชานุสาวรีย์ราชานุสรณ์


    [​IMG]
    เรือนเจ้าจอมเอี่ยม เอิบ อาบ เอื้อน และเจ้าจอมมารดาอ่อน
    เรือนที่พักของเจ้าจอมเอี่ยม เอิบ อาบ เอื้อน และเจ้าจอมมารดาอ่อน (เจ้าจอมก๊กออ) เจ้าจอมและเจ้าจอมมารดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยตัวอาคารเป็นไม้ และฐานอาคารก่ออิฐถือปูน มี ๒ ชั้น ชั้นบนมี ๒ ห้องนอน และชั้นล่างมี ๒ ห้องนอน ๑ ห้องรับแขก ตัวอาคารทาสีม่วงตัดด้วยสีขาว มีทางขึ้นเรือน ๓ ทาง ด้านหน้าเรือน ๑ ทางและด้านข้างอีก ๒ ทาง
    เรือนเจ้าจอมเอี่ยม เอิบ อาบ เอื้อน และเจ้าจอมมารดาอ่อน ตั้งอยู่ระหว่างเรือนเจ้าจอมมารดาแสและพระตำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า


    [​IMG]
    เรือนเจ้าจอมมารดาแส
    เรือนที่พักของเจ้าจอมมารดาแส โรจนดิศ เป็นเจ้าจอมมารดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตัวอาคารก่ออิฐถือปูน มี ๒ ชั้น ชั้นบนมี ๓ ห้องนอน ๓ ห้องน้ำ แต่ละห้องมีประตูเข้าด้านหน้า
    เรือนเจ้าจอมมารดาแส ตั้งอยู่ระหว่างพระตำหนักสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวีและเรือนเจ้าจอมเอี่ยม เอิบ อาบ เอื้อน และเจ้าจอมมารดาอ่อน


    [​IMG]
    พระตำหนักสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี
    พระตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ทรงเป็นพระราชเทวีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระตำหนักมีสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ตัวอาคารประธานมีลักษณะ ๘ เหลี่ยม มี ๒ ชั้น ชั้นล่างก่ออิฐถือปูน มีห้องบรรทม ๒ ห้อง และห้องสำราญพระอิริยาบถ ๑ ห้อง และชั้นบนสร้างจากไม้ มีห้องบรรทม ๑ ห้อง ห้องสรง ๑ ห้อง ระเบียงด้านหน้าพระตำหนักมีลูกกรงไม้ทาสีขาว มีบันไตขึ้นสู่อาคารด้านหน้า ๒ ทางและทางด้านหลังอีก ๑ ทาง
    พระตำหนักสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ตั้งอยู่ระหว่างพระตำหนักพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา และ เรือนเจ้าจอมมารดาแส


    [​IMG]
    พระตำหนักพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา
    พระตำหนักเป็นที่ประทับของพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา ทรงเป็นพระอัครชายาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระตำหนักมีสถาปัตยกรรมแบบยุโรป อาคารประธานก่ออิฐถือปูน มี ๒ ชั้น ชั้นบนเป็นห้องบรรทม ๑ ห้อง ชั้นล่างเป็นห้องสำราญพระอิริยาบถ ๑ ห้อง อาคารด้านหน้าพระตำหนักเป็นเรือนไม้ชั้นเดียว แบ่งเป็นเป็นห้องบรรทม ๑ ห้อง ชั้นล่างเป็นห้องสำราญพระอิริยาบถ ๑ ห้อง และห้องสรง ๓ ห้อง ตัวอาคารทาด้วยสีม่วงตัดขอบสีขาว มีทางขึ้นด้านหน้า ๒ ทาง และด้านหลัง ๓ ทาง



    [​IMG]


    [​IMG]
    พระตำหนักพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา ตั้งอยู่ใกล้กับพระตำหนักสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี


    [​IMG]

    ตำหนักเก้าห้อง
    ตำหนักเก้าห้อง เป็นตำหนักที่ประทับของพระบรมวงศ์ฝ่ายใน ที่ตามเสด็จฯ คราวแปรพระราชฐานมาประทับที่พระราชวังบางปะอิน โดยมีสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ก่ออิฐถือปูน มี ๒ ชั้น มี ๓ มุข ได้แก่ มุขข้าง ๒ ด้าน และมุขกลาง (คล้ายรูปตัว E) ผนังระหว่างเสาชั้นล่างเป็นวงโค้ง และชั้นบนเป็นช่องสี่เหลี่ยมมีการประดับด้วยไม้ฉลุลาดขนมปังขิง มีทางขึ้นตำหนัก ๕ ทาง ด้านหน้าตำหนัก ๓ ทาง และระเบียงหลัง ๒ ทาง

    ตำหนักเก้าห้อง ตั้งอยู่ระหว่างตำหนักพระราชชายา เจ้าดารารัศมีและพระตำหนักพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา ปัจจุบัน ใช้เป็นที่พักของนายทหารของศูนย์รักษาความปลอดภัยตั้งแต่ยศพันตรีขึ้นไป


    [​IMG]
    ตำหนักพระราชชายา เจ้าดารารัศมี
    ตำหนักที่ประทับของพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ทรงเป็นพระราชชายาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระตำหนักไม้ยกพื้นชั้นเดียว ตัวอาคารทาสีเขียว ด้านในตำหนักทาสีขาว มีห้องบรรทม ๒ ห้องมีห้องสรงอยู่ภายใน ห้องสำราญพระอิริยาบถ ๑ ห้อง ห้องพระเครื่องต้น ๑ ห้อง โดยทุกห้องสามารถเปิดถึงกันหมด มีทางขึ้นตำหนักด้านหน้า ๑ ทางและด้านหลัง ๑ ทาง
    ตำหนักพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับตำหนักเก้าห้อง


    ตำหนักที่ถูกรื้อ
    ในปัจจุบัน บางตำหนักได้ถูกรื้อลงแล้ว ได้แก่
    ตำหนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์
    ตำหนักที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์ โดยสร้างแบบเรือนแพอยู่บริเวณทิศตะวันออกของหอวิฑูรทัศนา ติดกับสะพานที่จะข้ามไปยังอนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ และ อนุสาวรีย์ราชานุสรณ์

    ตำหนักกรมขุนสุพรรณภาควดี
    ตำหนักที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ์ กรมขุนสุพรรณภาควดี พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เดิมตั้งอยู่ที่สนามช้างในปัจจุบัน

    ตำหนักวรนาฏเกษมสานต์
    ตำหนักวรนาฏเกษมสานต์ เป็นตำหนักที่ประทับของพระบรมวงศ์ฝ่ายในหลายพระองค์ประทับอยู่ด้วยกัน โดยในนวนิยายเรื่อง สี่แผ่นดิน นั้น แม่พลอยซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่องก็ได้มาพักที่ตำหนักนี้ ในรัชกาลที่ ๖ ตำหนักแห่งนี้ได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นโรงละครประจำพระราชวัง โดยเปลี่ยนชื่อเป็น "วรนาฏยศาลา" เมื่อสิ้นรัชกาลที่ ๖ จึงรื้อโรงละครออกไป ปัจจุบันเป็นสนามกว้างปลูกต้นไม้เป็นรูปสัตว์ต่างๆแทน

    [​IMG]


    /.............
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_6932s.jpg
      IMG_6932s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      104.6 KB
      เปิดดู:
      12,173
    • IMG_6938s.jpg
      IMG_6938s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      99 KB
      เปิดดู:
      7,950
    • IMG_6937s.jpg
      IMG_6937s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      103.7 KB
      เปิดดู:
      8,962
    • IMG_6944s.jpg
      IMG_6944s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      94 KB
      เปิดดู:
      9,826
    • IMG_6949s.jpg
      IMG_6949s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.3 KB
      เปิดดู:
      10,570
    • IMG_6952s.jpg
      IMG_6952s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91.6 KB
      เปิดดู:
      10,495
    • IMG_6954s.jpg
      IMG_6954s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.6 KB
      เปิดดู:
      7,201
    • IMG_6956s.jpg
      IMG_6956s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      84.4 KB
      เปิดดู:
      7,613
    • IMG_6958s.jpg
      IMG_6958s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.5 KB
      เปิดดู:
      7,608
    • IMG_6960s.jpg
      IMG_6960s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      84.2 KB
      เปิดดู:
      9,364
    • IMG_6974s.jpg
      IMG_6974s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81.6 KB
      เปิดดู:
      6,710
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2013
  9. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๙.




    หลังจากที่สร้อยฟ้ามาลาเดินผ่านหมู่พระตำหนัก และเรือนต่างๆ แล้ว คราวนี้ก็เดินมาถึง พระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ


    [​IMG]
    ถ่ายรูปจากบนหอวิฑูรทัศนา

    พระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ เป็นพระที่นั่งสองชั้น สถาปัตยกรรมแบบจีน ตั้งอยู่ภายในพระราชวังบางปะอิน สร้างในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ. ๒๔๓๒ พระที่นั่งองค์นี้มีนามในภาษาจีนว่า เทียน เม่ง เต้ย แปลเป็นไทยว่า พระที่นั่งฟ้าสว่าง (เทียน แปลว่า เวหา , เม่ง แปลว่า จำรูญ , เต้ย แปลว่า พระที่นั่ง) ใช้เวลาในการสร้างประมาณ ๑๐ ปี และเป็นพระที่นั่งองค์สุดท้ายที่สร้างขึ้นในรัชกาลที่พระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ เป็นของถวายของข้าราชการกรมท่าซ้าย คือ พ่อค้าใหญ่ชาวจีน โดยมีพระยาโชฎึกราชเศรษฐี (ฟัก โชติกสวัสดิ์) เป็นนายงาน หลวงสาทรราชายุกต์(ยม พิศลยบุตร) และ หลวงโภคานุกุล (จื๋ว) เป็นผู้ควบคุมในการก่อสร้าง และสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองแถม กรมหมื่นสรรพศาสตร์ศุภกิจ เป็นผู้ควบคุมดูแล
    เมื่อพระที่นั่งสร้างเสร็จ รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ จัดให้มีพระราชพิธีเฉลิมขึ้นพระที่นั่งตามแบบจีน เมื่อวันที่ ๒๗ - ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๒




    [​IMG]


    ห้องภายในพระที่นั่ง

    ชั้นล่าง

    ชั้นล่างของพระที่นั่งเวหาศน์จำรูญนั้น ใช้เป็นห้องพระบรรทมพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะอยู่ทางทิศตะวันออกของพระที่นั่ง และใช้เป็นท้องพระโรง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน ได้แก่ ท้องพระโรงล่าง และท้องพระโรงบน โดยบริเวณทางขึ้นท้องพระโรงบนนั้นมีแผ่นหินอ่อนเป็นตราสัญลักษณ์ลัทธิเต๋าของจีน รูปหยินหยางประดับไว้( ที่เป็นสัญลักษณ์บนธงเกาหลีใต้ หยิน-หยางเป็นความเชื่อในทางลัทธิเต๋าที่ว่า สิ่งต่างๆในโลก ล้วนแต่มีคู่ เป็นหลักของความสมดุล เช่น มีขาว ก็มีดำ มีดีก็ต้องมีชั่ว) แผ่นหินอ่อนนี้ในประเทศจีนเขาไว้ให้ทำพิธี "เกาเทา" หรือการทำความเคารพฮ่องเต้ที่เราเห็นกันในหนังชุดของจีน ว่ากันว่า พวกตงฉินหรือขุนนางดีจะโขกหัวที่เจ้าแผ่นหินอ่อนนี้ จนหัวแตกในกรณีที่กษัตริย์จีนไม่อยู่ในธรรม มีพระราชอาสน์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตั้งอยู่ตรงกลางและ โต๊ะเสนาบดี รวมทั้งมีแผ่นป้าย "ทรงพระเจริญหมื่นๆ ปี" ที่เป็นอักษรจีนอยู่ด้วย ตู้และโต๊ะต่างๆ ฝังมุกสีแดง หรือที่เขาเรียกกันว่า " มุกไฟ " ท่านที่ไปเที่ยวชมที่พระที่นั่งนี้เขามีป้าย "ห้ามถ่ายรูป" ติดอยู่ที่ประตูทางเข้า และให้ผู้เข้าชมถอดรองเท้าก่อนเข้าไปด้านใน ที่น่าสนใจอีกอย่างคือพื้นที่ทั้งหมดในพระที่นั่งนี้ (ส่วนที่ให้เข้าชมได้) จะปูด้วยพรมสีแดงทั้งหมด พื้นของโถงด้านล่างปูด้วยกระเบื้องที่มีลวดลายทิวทัศน์ทั้งหมด คาดว่าที่ปูพรมทั้งหมดก็คงเพื่อรักษาเจ้ากระเบื้อง (เก่าๆ ) เหล่านี้ไว้

    นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวยังโปรดเกล้าฯ ให้คัดลอกแผ่นป้ายคำโคลงสรรเสริญข้าราชการที่ทำคุณความดี ๙ บท ๑๗ แผ่นป้าย มาประดับไว้ด้วย ส่วนท้องพระโรงบนนั้น เป็นห้องประชุมเสนาบดี และใช้เป็นที่ประทับของรัชกาลที่ ๕ โดยมีการตั้งป้าย ๘ เหลี่ยมซึ่งเขียนเป็นภาษาจีนว่า "เทียน เหมง เต้ย" และ "ว่าน ว่าน ซุย" ซึ่งแปลว่า ทรงพระเจริญหมื่น ๆ ปี และที่เพดานท้องพระโรงมีอักษรไทยที่เขียนเลียนแบบอักษรจีนเป็นคำว่า "กิม หลวน เต้ย" ซึ่งแปลว่า โอรสจากสวรรค์


    [​IMG]


    ชั้นบน

    ห้องชั้นบนของพระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ ประกอบด้วย ๔ ห้องใหญ่ ได้แก่ ห้องบรรทมสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ห้องบรรทมพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ห้องทรงพระอักษร และห้องพระป้าย

    ห้องทรงพระอักษร
    ห้องทรงพระอักษรตั้งอยู่ในทางทิศใต้ของพระที่นั่ง ภายในห้องมีโต๊ะทรงพระอักษรของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวตั้งอยู่ ปัจจุบัน ใช้เป็นที่เก็บหนังสือภาษาจีนในรัชสมัยรัชกาลที่ ๕

    ห้องพระป้าย
    ห้องพระป้ายติดกับห้องทรงพระอักษรเป็นที่ประดิษฐานพระวิมาน ๓ องค์ติดต่อกัน เรียงจากทิศตะวันตก ไปตะวันออก ทำด้วยไม้แกะสลักลวดลายต่าง ๆ ลงรักปิดสีทองอร่ามช่องตะวันตกเป็นสถานที่ประดิษฐานพระป้ายจารึก (อักษรจีน) พระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ พระนามาภิไธย สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระอัครมเหสีในรัชกาลที่ ๔ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๓ ช่องกลางเป็นสถานที่ประดิษฐาน พระพุทธรูป ในการประกอบพระราชพิธีสังเวยพระป้าย
    ช่องตะวันออกเป็นสถานที่ประดิษฐานพระป้ายจารึก(อักษรจีน) พระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ พระนามาภิไธย สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐
    นอกจากนี้ เสาด้านหน้าพระวิมานได้แขวนป้ายสุภาษิตจีนได้ โดยด้ายซ้ายแปลว่า "ในหมู่ชนจะหาความสามัคคีธรรมเสมอพี่น้องได้ยาก" และด้านขวา แปลได้ว่า "ในใต้หล้าจะหาความผิดในพ่อแม่ไม่มี" ปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บำเพ็ญพระราชกุศลสังเวยพระป้าย ในวันตรุษจีนทุกปี (สาเหตุที่มีการสังเวยป้ายตามธรรมเนียมจีน เพราะพ่อของแม่ (ตา) ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ เป็นชาวจีนชื่อพระศุรเยนต์)

    นอกจากนี้ ยังมีห้องอีก ๒ ห้อง ได้แก่ ห้องบรรทมพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และห้องบรรทมสมเด็จพระบรมราชินีนาถ โดยห้องบรรทมสมเด็จพระบรมราชินีนาถนั้น ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของพระที่นั่ง ภายในมีพระแท่นบรรทม ๒ องค์ สำหรับทรงใช้ในฤดูร้อนและฤดูหนาว เพดานเหนือพระแท่นมีการแกะสลักลายมังกรดั้นเมฆ ซึ่งหมายถึง พระมหากษัตริย์ที่คอยปกป้องคุ้มครองพระมเหสี



    [​IMG]

    นอกจากนี้ยังมีโต๊ะที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖ทรงพระอักษรใช้แปลบทละครต่างๆ อย่าง เรื่องเวนิสวานิชโรมิโอกับจูเลียตเทียนเม่งเต้ยเป็นพระที่นั่งที่พระองค์ใช้ประทับในฤดูหนาวเพราะที่นี้มีกระจกกั้นกันลมหนาว พระองค์ยังเติมห้องสรง (ห้องอาบน้ำ)ให้มีฝักบัวรูปมังกรพ่นน้ำ และที่พระที่นั่งนี้มี ลิฟท์เป็นแห่งแรกแต่ไม่ไช่ลิฟท์ที่วิ่งขึ้น-ลงเร็วเหมือนสมัยนี้ สมัยก่อนเขาใช้มือหมุน (ชักรอก)สาเหตุที่ต้องมีลิฟท์ก็คือ ช่วงหนึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖พระพลานามัยไม่แข็งแรงจึงจำเป็นต้องใช้ลิฟท์ในการขึ้นลงและในรัชกาลปัจจุบันก็ได้มีการซ่อมแซมครั้งใหญ่โดยมีเศรษฐีชาวจีนถวายงบซ่อมแซมประมาณ ๗๐ล้านบาท
    [​IMG]


    /..............
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7035s.jpg
      IMG_7035s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91.7 KB
      เปิดดู:
      6,847
    • IMG_6979s.jpg
      IMG_6979s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90.7 KB
      เปิดดู:
      6,996
    • IMG_6984s.jpg
      IMG_6984s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91.4 KB
      เปิดดู:
      7,331
    • IMG_6987s.jpg
      IMG_6987s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      119.9 KB
      เปิดดู:
      7,810
    • IMG_6982s.jpg
      IMG_6982s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.6 KB
      เปิดดู:
      6,655
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2013
  10. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๑๐.


    จากที่ได้ชมความงามของพระที่นั่งเวหาศน์จำรูญแล้ว สร้อยฟ้ามาลาก็จะขอพาไปขึ้นไปชมทัศนียภาพมุมสูงกันบ้าง นั่นก็คือ หอวิฑูรทัศนา


    [​IMG]


    หอวิฑูรทัศนาหรือ เรียกกันอีกชื่อว่า "พระที่นั่งหอสูง" เป็นหอสูงยอดมน สถาปัตยกรรมตะวันตกผสมที่หอแห่งนี้มีศิลปะพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง เป็นศิลปะที่นิยมกันในสมัยรัชกาลที่ ๖ คือการทำไม้เจาะฉลุ เรียกกันว่า "ศิลปะขนมปังขิง" (Gingle Bread) สังเกตตรงส่วนที่ย้อยลงมาจากหลังคาจะเป็นไม้แกะฉลุทั้งหมด


    หอวิฑูรทัศนา ตั้งอยู่กลางเกาะในพระราชอุทยาน อยู่ระหว่างพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียรและพระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นภายในพระราชวังบางปะอิน แล้วเสร็จเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๔ พร้อมทั้งได้พระราชทานนามหอนี้ว่า "หอวิฑูรทัศนา"


    [​IMG]


    [​IMG]


    หอวิฑูรทัศนา ใช้สำหรับเป็นที่เสด็จขึ้นไปทอดพระเนตรภูมิประเทศโดยรอบของพระราชวัง กล่าวกันว่าเมื่อแรกสร้างนั้น ยังมองเห็นช้างป่าเป็นโขลง ๆ เดินอยู่ตามชายทุ่ง หรือถ้าขึ้นไปดูในช่วงฤดูทำนาก็จะเห็นความงามของทุ่งนาในช่วงต่าง ๆ จนมีคำกล่าวว่า "ดูนาที่ไหนเล่า ไม่เท่าที่บางปะอิน"


    [​IMG]

    หอวิฑูรทัศนามีความสูง ๓๐ เมตร ลักษณะเป็นหอคอยสูง ๓ ชั้น ๑๒ เหลี่ยม ยอดหอคอยคลุมด้วยหลังคารูปครึ่งวงกลม มีสถาปัตยกรรมผสมผสานของยุโรป ตัวอาคารทาสีแดงสลับเหลือง ภายในมีบันไดเวียนขึ้นสู่ชั้นบน ๑๑๒ ขั้น โดยแบ่งเป็น จากพื้นชั้นล่างขึ้นไปยังชั้นที่ ๑ จำนวน ๑๘ ขั้น จากชั้นที่ ๑ ขึ้นไปยังชั้นที่ ๒ จำนวน ๕๕ ขั้น และจากชั้นที่ ๒ ขึ้นไปยังชั้นที่ ๓ จำนวน ๓๙ ขั้น


    [​IMG]

    หลังจากที่สร้อยฟ้ามาลาซุกซน ขึ้นไปตากลมเย็นบนหอวิฑูรทัศนา(แต่สูงมากเลย มองลงมาข้างล่างหวาดเสียว หัวใจหล่นอยู่ที่ตาตุ่ม) ก็เดินออกมาทางด้านหน้าของพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร ซึ่งในตอนแรกนั้นเดินเลาะผ่านมาทางด้านหลังของพระที่นั่ง ก็จะมาพบกับ เก๋งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นไว้ทรงประทับชมดอกไม้ และพระราชทานชื่อว่า "เก๋งบุปผาประพาส" เก๋งนี้เป็นเก๋งสร้างด้วยไม้ขนาดเล็ก อยู่ในสวนริมสระต่อจากพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร ออกไปทางทิศตะวันตก


    จากนั้นก็เดินมาทางด้านหลังของเก๋งบุปผาประพาส ก็จะพบกับ แพทรงบาตร

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
    สภาพภายในของแพทรงบาตร




    /.............
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_6870s.jpg
      IMG_6870s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62 KB
      เปิดดู:
      7,084
    • IMG_6990s.jpg
      IMG_6990s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.5 KB
      เปิดดู:
      7,171
    • IMG_7058s.jpg
      IMG_7058s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81.1 KB
      เปิดดู:
      7,415
    • IMG_6977s.jpg
      IMG_6977s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      106.8 KB
      เปิดดู:
      6,716
    • IMG_7076s.jpg
      IMG_7076s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      86.3 KB
      เปิดดู:
      6,536
    • IMG_7111s.jpg
      IMG_7111s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.5 KB
      เปิดดู:
      7,339
    • IMG_7084s.jpg
      IMG_7084s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.7 KB
      เปิดดู:
      6,560
    • IMG_7088s.jpg
      IMG_7088s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.4 KB
      เปิดดู:
      6,611
    • IMG_7089s.jpg
      IMG_7089s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.8 KB
      เปิดดู:
      6,557
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2013
  11. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๑๑.


    ขึ้นจากแพทรงบาตรได้ สร้อยฟ้ามาลาก็เดินตรงมาเจอวงเวียน ซึ่งทางด้านหนึ่งของวงเวียนจะเป็นแยกทางเดินเมื่อคราวแรกที่สร้อยฟ้ามาลาตัดสินใจว่าจะเดินเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาดี แล้วก็ตัดสินใจว่า เดินเลี้ยวขวาก่อน


    [​IMG]


    [​IMG]

    แต่อาคารที่มองเห็นอยู่ด้านหน้านี้ก็คือ ประตูเทวราชครรไล

    ประตูเทวราชครรไลนี้เดิมใช้เป็นประตูสำหรับพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกจากเขตพระราชฐานชั้นในไปยังท้องพระโรงซึ่งก็จะมีสะพานเชื่อมไปยัง พระที่นั่งวโรภาษพิมานซึ่งเป็นท้องพระโรงสำหรับให้ขุนนางเข้าเฝ้าฯ


    [​IMG]

    ด้านข้างของประตูเทวราชครรไลจะพบกับสะพานเสาวรส ตัวสะพานจะมีบานเกร็ดเป็นช่องๆ ให้ผู้ที่เดินอยู่บนสะพานสามารถมองออกไปเห็นของเขตพระราชฐานชั้นนอก นั่นคือ ผู้ที่อยู่บรนิเวณเขตพระราชฐานชั้นนอกเมื่อมองมายังสะพานจะมองไม่เห็นผู้ที่เดินอยู่บนสะพานเสาวรสนี้เลย



    [​IMG]

    ประตูสู่สะพานเสาวรส เชื่อมระหว่างเขตพระราชฐานชั้นนอกกับเขตพระราชฐานชั้นใน ซึ่งขณะนี้มองออกไปสุดปลายสะพานคือเขตพระราชฐานชั้นนอก และเป็นที่ตั้งของพระที่นั่งวโรภาษพิมาน


    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]



    /...........
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7100s.jpg
      IMG_7100s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      80.4 KB
      เปิดดู:
      6,601
    • IMG_7094s.jpg
      IMG_7094s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.7 KB
      เปิดดู:
      6,652
    • IMG_7106s.jpg
      IMG_7106s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.3 KB
      เปิดดู:
      6,705
    • IMG_7097s.jpg
      IMG_7097s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      89.2 KB
      เปิดดู:
      7,296
    • IMG_7099s.jpg
      IMG_7099s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      83 KB
      เปิดดู:
      7,642
    • IMG_7107s.jpg
      IMG_7107s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      69.9 KB
      เปิดดู:
      6,525
    • IMG_7110s.jpg
      IMG_7110s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      69.3 KB
      เปิดดู:
      6,391
    • IMG_7119s.jpg
      IMG_7119s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.1 KB
      เปิดดู:
      6,686
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2013
  12. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๑๒.


    และแล้วสร้อยฟ้ามาลาก็เดินออกมาสู่เขตพระราชฐานชั้นนอกอีกครั้ง ขณะนี้ก็จะพบกับพระที่นั่งวโรภาษพิมาน


    [​IMG]


    พระที่นั่งวโรภาษพิมาน เป็นพระที่นั่งตึกชั้นเดียว โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นตรงบริเวณที่ประทับเดิมของของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๙ เมื่อแรกสร้างก็ยังเป็นอาคารตึก ๒ ชั้น แต่ต่อมาได้ดัดแปลงรื้อลง เป็นชั้นเดียว อาคารนี้เป็นศิลปะ กรีก-โรมัน หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่า "นีโอคลาสิก"

    มีท้องพระโรงสำหรับเสด็จออกว่าราชการ และใช้เป็นที่ประทับ ภายในห้องทรงพระสำราญ และห้องโถงรับรอง ประดับภาพเขียนสีน้ำมัน ภาพเขียนสีฝุ่น และพระราชพงศาวดารจากวรรณคดีไทยหลายเรื่อง ประกอบโคลงบรรยายภาพอันงดงามทรงคุณค่า ภาพเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ไทย และฉากต่างๆจากวรรณคดีไทยหลายเรื่อง เช่น กรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ทรงประพันธ์บทกลอน ตอน "พระเจ้าเสือคล้องช้าง" พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้วาดภาพเหล่านี้ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๐ นอกจากนี้ ยังมี สิ่งประดับล้ำค่าชิ้นเอกของโลกด้วย คือแจกันสลับสีเขียนลายทอง


    [​IMG]


    ในรัชกาลปัจจุบัน พระที่นั่งวโรภาษพิมานยังใช้เป็นที่ประทับ เมื่อมีการเสด็จแปรพระราชฐาน ณ พระราชวังบางปะอิน แต่ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้โดยไม่สามารถถ่ายภาพภายในพระที่นั่งได้ และสุภาพสตรีต้องสวมกระโปรงเข้าชม สิ่งที่น่าชมภายในพระที่นั่งวโรภาษพิมานได้แก่ อาวุธโบราณตุ๊กตาหินสลักด้วยฝีมือประณีตและภาพเขียนสีน้ำมันเป็นเรื่องราวภาพชุดพระราชพงศาวดารอีกทั้งภาพวรรณคดีไทยเรื่องอิเหนา พระอภัยมณี สังข์ทอง และจันทรโครพตลอดจนเป็นที่เก็บเครื่องราชบรรณาการต่างๆ


    ด้านข้างของพระที่นั่งวโรภาษพิมาน ซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำ จะมีตำหนักแพ(ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ชม) และ เรือนแพพระที่นั่ง


    [​IMG]


    [​IMG]


    เรือนแพพระที่นั่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นแบบเรือนไทย ตัวเรือนสร้างด้วยไม้สักทอง หลังคามุงด้วยจากแบบโบราณ ภายในจัดแบ่งเป็นห้องต่างๆเป็นสัดส่วน บานประตูเฟี้ยมแกะสลักเป็นลวดลายเครือเถาลงสีทองเรือนแพพระที่นั่งนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงใช้เป็นที่พักแรมสำหรับการเสด็จพระพาสต้น เป็นที่สำราญพระราชอิริยาบท และได้นำขึ้นไปรับพระราชชายาเจ้าดารารัศมีที่จังหวัดอ่างทองเมื่อคราวเสด็จฯ กลับจากนครเชียงใหม่


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    /....................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7124s.jpg
      IMG_7124s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      85.8 KB
      เปิดดู:
      6,614
    • IMG_7135s.jpg
      IMG_7135s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78 KB
      เปิดดู:
      6,915
    • IMG_7145s.jpg
      IMG_7145s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      86.9 KB
      เปิดดู:
      7,416
    • IMG_7143s.jpg
      IMG_7143s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      73.2 KB
      เปิดดู:
      6,967
    • IMG_7136s.jpg
      IMG_7136s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.4 KB
      เปิดดู:
      6,681
    • IMG_7139s.jpg
      IMG_7139s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82 KB
      เปิดดู:
      7,993
    • IMG_7140s.jpg
      IMG_7140s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      85 KB
      เปิดดู:
      6,946
    • IMG_7141s.jpg
      IMG_7141s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      77.5 KB
      เปิดดู:
      6,473
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2013
  13. พิชญ์

    พิชญ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    760
    ค่าพลัง:
    +3,392
    ตามมาให้กำลังจายจ่ะ....บลา บลา ... [​IMG]

    ทางเดิน ร้อยลี้
    อยากหลีกหนี ความสับสน
    เฝ้าคลุกฝุ่น วิ่งเวียนวน
    สุดท้ายจน ด้วยหนทาง...

    ดั่งจิตปถุชน
    อยากหลุดพ้น วัฏสังสาร
    หากยังไร้ ซึ่งพยายาม
    ความอ้างว้าง คงมาเยือน....

    ปรมัต จ๊ะ ญ น้อง เพิ่งผุดมาสด ๆ.... คงมิยากเกิน ..[​IMG]

     
  14. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๑๓.


    หลังจากขึ้นจากเรือนแพพระที่นั่งแล้วจากนี้ไปจะเป็นช่วงทางเดินสู่ทางออกพระราชวังบางปะอินแล้ว ทางด้านซ้ายมือจะพบกับสภาคารราชประยูร

    a.jpg

    สภาคารราชประยูร

    ในบรรดาวังหลวงทั้งหลายของไทยนั้นเมื่อพระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชดำริให้สร้างวังขึ้นในแต่ละแห่งแล้วโดยมากวังเหล่านั้นที่มีอาคารรับรองแขกบ้านแขกเมืองหรือไม่ก็เป็นที่ประทับรับรองบรรดาเจ้าขุนมูลนายทั้งหลายที่มารอเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชวังบางปะอินนี้จะสังเกตุได้ว่ามีอาคารอยู่เพียงอาคารเดียวในพระราชวังที่ไม่ได้ขึ้นต้นด้วยคำว่าพระที่นั่งอาคารที่ว่านี้ก็คือ สภาคารราชประยูร สร้างในปี พ.ศ.๒๔๒๒


    a.jpg


    เป็นอาคาร ๒ ชั้น ศิลปะแบบนีโอคลาสสิค ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก ริมสระน้ำตรงข้ามกับหอเหมมณเฑียรเทวราช ปัจจุบัน อาคารนี้มีความพิเศษกว่าอาคารอื่นๆใดทั้งหมดในวังบางปะอินตรงที่ระเบียงหน้าบันทรงสามเหลี่ยมมีลายปูนปั้นตามแบบที่กำลังเป็นที่นิยมทำกันในวังหลวงอื่นๆและบ้านขุนนางทั้งหลายในสมัยนั้นๆ และเป็นอาคารเพียงแห่งเดียวในวังนี้ที่ทำมุขหน้าเป็นปีก ๒ข้างและต่อพื้นที่แยกซ้ายขวาออกไปเป็นเฉลียงด้านบนและด้านล่างพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จัดสร้างสภาคารราชประยูรขึ้น เพื่อพระราชทานให้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอฯ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ และเจ้านายฝ่ายหน้า


    แต่อาคารนี้ก็ไม่ใคร่จะมีบทบาทใดๆ มากนักจนกระทั่งมาถึงแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเมื่อครั้งสงครามมหาเอเชียบูรพา ในครั้งนั้น นายปรีดี พนมยงค์ได้พาพระยุวกษัตริย์มาถวายการอภิบาล ณ พระราชวังบางปะอินและนายปรีดีฯ ก็ได้เข้าพักที่ สภาคารราชประยูรแห่งนี้


    ปัจจุบันใช้เป็นอาคารจัดแสดงประวัติและเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ของพระราชวังบางปะอิน

    นอกจากนั้น สภาคารราชประยูรยังเป็นที่ทำการของ "หอทะเบียนเมืองกรุงเก่า" ซึ่งเป็นสำนักงานที่ดินกรุงเก่าแห่งแรกของประเทศไทยด้วย


    ต่อจากสภาคารราชประยูรก็จะพบเรือนและพระตำหนักอีก


    a.jpg
    เรือนนี้ชื่ออะไรไม่ทราบไม่มีป้ายบอก

    a.jpg
    พระตำหนักของกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์

    a.jpg
    ด้านหลังของพระตำหนัก


    a.jpg
    ในแผนที่เขาว่าเป็น อาคารรับรอง

    a.jpg

    อาคารที่ทำการของพระราชวังบางปะอิน


    a.jpg

    ภาพที่เห็นครั้งสุดท้ายก่อนจะก้าวออกจากพระราชวังบางปะอิน ยังคงรฤกถึงเสมอ ไม่เสื่อมคลายลงได้เลย



    ปล. การเดินชมพระราชวังบางปะอิน ขอให้ระวังรถกอล์ฟด้วย เพราะเสียงเงียบมาก มาข้างหลังไม่รู้ตัวเดี๋ยวจะโดนชนได้ เพราะท่านทั้งหลายวิ่งกันให้ขวักไขว่และบางคันก็วิ่งเร็วเหลือเกิน จนเดินไประแวงไปว่าจะเจ็บตัวโดยไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พรบ.ประกันภัยทางรถยนต์.....!!!



    ข้อมูลจาก วิกีพีเดีย และ google
    เรียบเรียงใหม่ คำโม้และภาพถ่ายโดย สร้อยฟ้ามาลา





    อีกเดี๋ยวมีประมวลภาพมาให้ชมกันต่ออีกนะ........





    ....................


    [​IMG]




    ..................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_6825s.jpg
      IMG_6825s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.6 KB
      เปิดดู:
      6,064
    • IMG_7148s.jpg
      IMG_7148s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81.3 KB
      เปิดดู:
      6,176
    • IMG_7152s.jpg
      IMG_7152s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81.1 KB
      เปิดดู:
      5,795
    • IMG_7153s.jpg
      IMG_7153s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81.7 KB
      เปิดดู:
      5,995
    • IMG_7155s.jpg
      IMG_7155s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      84.5 KB
      เปิดดู:
      5,971
    • IMG_7154s.jpg
      IMG_7154s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88 KB
      เปิดดู:
      5,777
    • IMG_7156s.jpg
      IMG_7156s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      99.8 KB
      เปิดดู:
      5,892
    • IMG_7158s.jpg
      IMG_7158s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67 KB
      เปิดดู:
      5,749
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2023
  15. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ในที่สุดก็ถึงวาระที่ได้ไปเยือน ดีใจด้วยนะจ๊ะ ^___^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2009
  16. walaphako

    walaphako ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +1,599
    บางประอิน ชอบไปตั้งแต่เด็กๆแล้ว สวยๆๆๆ
     
  17. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,186
    ขอบคุณค่ะคุณสร้อย ยังไม่เคยไปเลย คิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปให้ได้ค่ะ
     
  18. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]


    ไปพระราชวังบางปะอินมาแล้วหลายครั้งค่ะ..
    แต่เห็นภาพทีไร ก็ยังสวยคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ..

    ต้องยกนิ้วให้กับฝีมือการถ่ายภาพคุณสร้อยฯ อีกแล้ว..งานนี้..
     
  19. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ขอบคุณจ่ะ ท่านพี่ ...

    ปรมัต ตอนนี้คงไม่ไหว ขอเป็นข้าวต้มมัดก่อนได้ไหมกำลังหิว....
     
  20. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837

    ขอบคุณจ้าพี่อ้อ หาจังหวะไปมานาน กว่าจะได้โอกาส เดี๋ยวต้องหาเวลาเหมาะๆ ไปอีก
     

แชร์หน้านี้

Loading...