คาถา บูชาเสด็จเตี่ย (กรมหลวงชุมพร) - เอื้ออังกูร

ในห้อง 'รวมบทสวดมนต์และคาถา' ตั้งกระทู้โดย torphak, 1 กุมภาพันธ์ 2021.

  1. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
     
  2. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    ที่มา : youtube Pacific Inspiration Channel : PIC
    รัชกาลที่ 5 ตอน พระราชกรณียกิจด้านการศึกษา พัฒนาคน
    www.youtube.com/watch?v=xrJc07NXPaA


    เบญจศีลและเบญจธรรม เป็นธรรมคู่กัน คนที่มีเบญจธรรมจึงจะเป็นผู้มีเบญจศีล ซึ่งหากคนมีศีลและธรรมดังกล่าวแล้ว จะเว้นจากการทำความชั่ว รู้จักควบคุมตนให้ตั้งอยู่ในความดี ไม่เบียดเบียนตนและคนอื่น และประพฤติชอบทางกาย วาจา และใจ จะทำให้อยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข

    title17.png

    [​IMG]เบญจศีล หมายถึง ศีล 5 ข้อ เป็นการรักษาเจตนาที่จะควบคุมกาย และวาจาให้เป็นปกติ คือ ไม่ทำบาป โดยการละเว้น 5 ประการ คือ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ ละเว้นจากการลักขโมย ละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ละเว้นจากการพูดปด ละเว้นจากการเสพสุรา

    002.png เบญจศีล เป็นเครื่องรักษาเจตนาที่จะควบคุมกาย และวาจาให้เป็นปกติ คือ ไม่ทำบาป โดยการละเว้น 5 ประการ คือ
    [​IMG]1. ปาณาติบาต คือ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ และการเบียดเบียนสัตว์
    [​IMG]2. อทินนาทาน คือ ละเว้นจากการลักขโมย ปล้นจี้ ฉกชิง วิ่งราว เป็นต้น
    [​IMG]3. กาเมสุมิจฉาจาร คือ ละเว้นจากการประพฤติผิด ล่วงละเมิดลูกเมียผู้อื่น
    [​IMG]4. มุสาวาท คือ ละเว้นจากการพูดปด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ พูดส่อเสียด
    [​IMG]5. สุราเมระยะ คือ ละเว้นจากการเสพสุรา เพราะเป็นสาเหตุให้ทำผิดศีลข้อ

    002.png อานิสงส์ของการรักษาศีล
    [​IMG]1. ทำให้มีความสุขกายสุขใจ ทำให้ไม่เป็นคนหลงลืมสติ
    [​IMG]2. ทำให้เกิดทรัพย์สมบัติมากขึ้นได้
    [​IMG]3. ทำให้สามารถใช้สอยทรัพย์นั้นได้เต็มที่ โดยไม่ต้องหวาดระแวงภัย
    [​IMG]4. ทำให้ไม่ต้องหวาดระแวงว่าจะมีใครมาทวงทรัพย์คืน
    [​IMG]5. ทำให้เกียรติคุณฟุ้งขจรขจายไป ทำให้ผู้อื่นเกิดความเคารพเชื่อถือ
    [​IMG]6. ตายแล้วย่อมไปเกิดในสุคติภูมิ

    เบญจศีลทั้ง 5 ข้อจะเกิดขึ้นมาได้ก็เพราะบุคคลผู้นั้นมีเบญจธรรมประจำตัว

    title18.png

    เบญจธรรม เป็นหลักธรรมที่ควรปฏิบัติ มี 5 ประการ ได้แก่
    [​IMG]1. เมตตากรุณา คือ บุคคลใดที่มีเมตตาย่อมไม่ฆ่า หรือเบียดเบียนสัตว์ ด้วยรู้ดีว่าทุกชีวิตย่อมมี ความรักตัวกลัวตายเช่นเดียวกับเรา ทำให้ไม่ผิดศีลในข้อที่ 1
    [​IMG]2. สัมมาอาชีพ คือ ประกอบอาชีพที่สุจริต มีรายได้ รู้จักใช้จ่าย และที่สำคัญรู้จักคำว่าพอดี และมีหิริโอตตัปปะ คือ ความละอาย และเกรงกลัวต่อผลของบาป จึงทำให้ไม่ผิดศีลข้อที่ 2
    [​IMG]3. ความสำรวมอินทรีย์ คือ ระมัดระวัง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ทำให้ ความใคร่ในกามคุณ คือ การติดในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ลดน้อยลง เมื่อความสำรวมเกิดขึ้น จึงทำให้ไม่ผิดศีลข้อที่ 3
    [​IMG]4. ความซื่อสัตย์ คือ การพูดความจริง เป็นสิ่งที่ทำให้ไม่เกิดการมุสาวาท ทำให้ไม่ผิดศีลข้อที่ 4
    [​IMG]5. สติ คือ การรู้สึกตัว ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายกุศล ทำให้ชีวิตไม่ประมาท เพราะรู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว ทำให้ไม่เกลือกกลั้วกับสิ่งที่จะทำให้ชีวิตตกต่ำ เช่น สุราเมื่อคนดื่มกินก็ทำให้มึนเมาและขาดสติ การมีสติจึงทำให้ไม่ผิดศีลข้อที่ 5

    ที่มา : http://www.digitalschool.club/digitalschool/social1_1_1/social2_1/more/page14.php
     
  3. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  4. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  5. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  6. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    upload_2022-10-23_9-17-55.jpeg
    ตัวนี้หน้าตาแปลกๆ มาจากไหนมาอยู่ในบ้านฉันได้ยังไง ยังๆๆมองหน้าอีก ใส่ปลอกคอสะด้วย ฉันไม่ไปไหนหรอกนี่มันบ้านฉัน จะนั่งเฝ้าแกอยู่นี่แหละ สมน้ำหน้าข้าวแกก็จะไม่ได้กิน น้ำแกก็จะไม่ได้กิน ไปไหนก็ไม่ได้ไป...
     
  7. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    จิตคืออะไร

    จิต คือธรรมชาติที่รู้อารมณ์ หรือธรรมชาติที่ทำหน้าที่ เห็น ได้ยิน รู้กลิ่น รู้รส รู้สึกต่อการสัมผัสถูกต้องทางกาย และรู้สึกนึกคิดทางใจ จิตนี้ไม่ว่าจะเกิดแก ่สัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา หรือพรหมก็ตาม ย่อมมีการรู้อารมณ์เป็นลักษณะ เหมือนกันทั้งสิ้น

    จิต เป็นธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มองไม่เห็น สัมผัสด้วยกายไม่ได้ ไม่มีรูปร่างสัณฐาน สีสัน วรรณะใด ๆ แต่เป็นธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มีอยู่จริงๆ เป็นปรากฏการณ์ของธรรมชาติฝ่ายนามธรรม ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับ ไปอย่างรวดเร็ว โดยอาศัยเหตุอาศัยปัจจัยต่าง ๆ ทำให้เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปตามกฎของธรรมชาติ

    อำนาจของจิตมีอยู่มากมาย เช่น มีอำนาจในการกระทำ การพูด การคิด การสั่งสมกรรมดี กรรมชั่ว นอกจากนี้ยังมีอำนาจในการสร้างฤทธิ์ ทำสมาธิ ทำฌาน ทำอภิญญา และอื่น ๆ ให้เกิดขึ้นได้อย่างมหัศจรรย์

    จิต จะเกิดดับอย่างรวดเร็วมาก ชั่วเวลาลัดนิ้วมือเดียว จิตจะมีการเกิดดับถึงแสนโกฏิขณะ คือ ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ครั้ง (หนึ่งล้านล้านครั้ง) จึงเป็นการยากที่บุคคลจะรู้เท่าทันได้

    สถานที่เกิดของจิต มีอยู่ด้วยกัน ๖ แห่ง คือ
    . ที่ตา เพื่อทำหน้าที่เห็นรูป
    ที่ปรากฏทางตา
    จิตนี้มีชื่อว่า จักขุวิญญาณ (จักขุ = ตา)

    . ที่หู เพื่อทำหน้าที่ได้ยินเสียง
    ที่ปรากฏทางหู
    " โสตวิญญาณ (โสต = หู)

    . ที่จมูก เพื่อทำหน้าที่รู้กลิ่น
    ที่ปรากฏทางจมูก
    " ฆานวิญญาน (ฆาน = จมูก)

    . ที่ลิ้น เพื่อทำหน้าที่รู้รส
    ที่ปรากฏทางลิ้น
    " ชิวหาวิญญาณ (ชิวหา = ลิ้น)

    . ที่กาย เพื่อทำหน้าที่รับความรู้สึก
    ต่อการสัมผัสถูกต้องทางกาย
    " กายวิญญาณ

    . ที่ใจ เพื่อทำหน้าที่ รู้สึก
    นึก คิด ทางใจ
    " มโนวิญญาณ (มโน = ใจ)

    ดังนั้น จิต หรือ วิญญาณ จึงหมายถึงสิ่งเดียวกัน นอกจากนี้ จิต ยังมีชื่อเรียกอีกหลายชื่อ เช่น หทัย, ปัญฑระ, มโน, มนัส, มนินทรีย์, มโนธาตุ, มโนวิญญาณธาตุ, วิญญาณขันธ์, มนายตนะ เป็นต้น จึงขอให้เข้าใจว่า แม้จะเรียกชื่ออย่างไรก็ตาม ชื่อเหล่านั้นก็คือ จิต นั่นเอง

    ที่เกิดของจิต
    เปลวเทียน ต้องอาศัยไส้เทียนในการลุกไหม้ฉันใด จิตจะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องมีที่ตั้งให้อาศัยเกิดฉันนั้น
    ที่ตั้งให้อาศัยเกิดของจิตมี ๖ แห่ง ได้แก่
    ๑. ประสาทตา
    ๒. ประสาทหู
    ๓. ประสาทจมูก
    ๔. ประสาทลิ้น
    ๕. ประสาทกาย
    ๖. หทยวัตถุรูป

    ประสาทตา (จักขุปสาท) เป็นที่ตั้งของจิตเห็น (จักขุวิญญาณ) ประสาทตานี้ มิได้หมายถึง ดวงตาหรือลูกตาทั้งลูก แต่หมายเฉพาะประสาทตาหรือแก้วตาที่อยู่กลางตาดำ โตประมาณเท่ากับศีรษะของเหา เป็นเยื่อบางดุจปุยนุ่น ที่ชุ่มด้วยน้ำมันซ้อนกันอยู่ ๗ ชั้น มีความสามารถในการรับคลื่นแสง (รูปารมณ์) ที่มากระทบ

    ปสาทหู (โสตปสาท) เป็นที่ตั้งของจิตได้ยิน (โสตวิญญาณ) อยู่ภายในช่องหู มีลักษณะเป็นวงกลมคล้ายวงแหวน และขนมีอันละเอียดอ่อนสีแดงปรากฏอยู่โดยรอบ มีความสามารถในการรับเสียง (สัททารมณ์) ที่มากระทบ
    ประสาทจมูก (ฆานปสาท) เป็นที่ตั้งของจิตดมกลิ่น (ฆานวิญญาณ) อยู่ภายในช่องจมูก มีลักษณะคล้ายกีบเท้าแพะ มีความสามารถในการรับกลิ่น (คันธารมณ์) ที่มากระทบ

    ประสาทลิ้น (ชิวหาปสาท) เป็นที่ตั้งหรือที่อาศัยเกิดของจิตลิ้มรส (ชิวหาวิญญาณ) อยู่ตรงกลางลิ้น มีลักษณะเหมือนปลายกลีบดอกบัวเรียงรายซ้อนกันเป็นชั้น ๆ มีความสามารถในการรับรส (รสารมณ์) ที่มากระทบ

    ประสาทกาย (กายปสาท) เป็นที่ตั้งของจิตที่รับสัมผัสทางกาย (กายวิญญาณ) ประสาทกายนี้จะเกิดอยู่ทั่วร่างกาย ยกเว้นที่เส้นผม ขน เล็บ ฟัน กระดูก และบริเวณที่มีหนังหนาด้าน มีลักษณะคล้ายสำลีที่แผ่บาง ๆ ชุบน้ำมันจนชุ่มซ้อนกันหลาย ๆ ชั้น มีความสามารถในการนรับความรู้สึกเย็นร้อน อ่อนแข็ง หย่อนตึง (โผฏฐัพพารมณ์) ที่มากระทบ

    หทยวัตถุรูป เป็นที่ตั้งหรือที่อาศัยเกิดของมโนวิญญาณ อันได้แก่ จิตที่ไม่ได้อาศัยปสาทรูปทั้ง ๕ ข้างต้น เป็นที่เกิดอยู่ภายในช่องเนื้อหัวใจ ซึ่งมีลักษณะเหมือนบ่อ มีโลหิตอันเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจบรรจุอยู่ประมาณ ๑ ซองมือ มีสัณฐานโตประมาณเท่าเมล็ดในดอกบุนนาค เป็นรูปอันเป็นที่อาศัยเกิดของมโนวิญญาณ


    ปสาทรูปทั้ง ๕ อันได้แก่ จักขุปสาทรูป, โสตปสาทรูป, ฆานปสาทรูป, ชิวหาปสาทรูป, กายปสาทรูป นอกจากจะเป็นที่อาศัยเกิดของจิตแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นประตู (ทวาร) สำหรับรับอารมณ์ที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น และกาย อีกด้วย ดังนั้น จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า จักขุทวาร, โสตทวาร, ฆานทวาร, ชิวหาทวาร และกายทวาร ส่วนหทยวัตถุรูป ซึ่งเป็นที่อาศัยเกิดของ มโนวิญญาณ นั้น ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นมโนทวารด้วย เพราะองค์ธรรมของมโนทวาร คือ ภวังคจิต ไม่ใช่หทยวัตถุรูป

    " ตัวเราหรือสัตว์ทั้งหลาย จึงมีส่วนประกอบอยู่ ๓ ส่วน ได้แก่ กาย จิต และเจตสิก "
    เจตสิก (อ่านว่า เจตะสิก) แปลว่า ธรรมที่ประกอบกับจิต, สิ่งที่เกิดในใจ, ทางใจ

    เจตสิกหมายถึงอาการหรือการแสดงออกของจิต จัดเป็นสมรรถนะของจิต มีลักษณะที่เกิดดับพร้อมกับจิต รับอารมณ์เดียวกับจิต มีวัตถุที่อาศัยเดียวกับจิต แยกโดยละเอียดแล้วมี 52 ประการ จัดเป็นหมวดใหญ่ๆ ได้ 3 หมวด คือ

    หมวดอัญญสมานาเจตสิก มี 13 เช่น ผัสสะ เวทนา เจตนา มนสิการ วิตก วิจาร
    หมวดอกุศลเจตสิก มี 14 เช่น โลภะ โทสะ โมหะ มัจฉริยะ ถีนะ มิทธะ วิจิกิจจา
    หมวดโสภณเจตสิก มี 25 เช่น สัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ สัมมาวาจา กรุณา มุทิตา
    เจตสิกจัดเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของพระอภิธรรมปิฎกซึ่งมี 4 เรื่องคือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน และจัดเป็นเรื่องสำคัญของพระพุทธศาสนาอย่างหนึ่งด้วย

    R1277-5.jpg

    " ตัวเราหรือสัตว์ทั้งหลาย จึงมีส่วนประกอบอยู่ ๓ ส่วน ได้แก่ กาย จิต และเจตสิก "

    ดังนั้น จิต หรือ วิญญาณ จึงหมายถึงสิ่งเดียวกัน นอกจากนี้ จิต ยังมีชื่อเรียกอีกหลายชื่อ เช่น หทัย, ปัญฑระ, มโน, มนัส, มนินทรีย์, มโนธาตุ, มโนวิญญาณธาตุ, วิญญาณขันธ์, มนายตนะ เป็นต้น จึงขอให้เข้าใจว่า แม้จะเรียกชื่ออย่างไรก็ตาม ชื่อเหล่านั้นก็คือ จิต นั่นเอง

    ที่มา : http://www.dhammathai.org/webboard/dbview.php?No=1277
     
  8. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  9. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    images?q=tbn:ANd9GcScCWHRixH-MgTw4GpwOzvEV2N08r6vvbV3fw&usqp=CAU.jpg

    เบื่อคนชอบนินทาตอนสวยไม่อยู่ ไม่ต้องหันไปมองทางอื่น เธอ 2 คนนี่ล่ะ ทำไมชอบนินทาสวยฮืม...ตอบมาซิ

    เอาเพลงเพราะๆ ไปฟัง นี่สวยมาเพื่อการนี้เลยนะ ไปดีกว่า ไปกวาดใบไม้ ล้างรถ รีดผ้า งานเยอะแยะไปหมด ผอมแน่ๆ (ถ้าไม่กินเข้าไปเพิ่ม) o_O
     
  10. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
     
  11. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    “เสด็จเตี่ย” กรมหลวงชุมพรฯ ตอนที่ ๔๕ – “เถ้าแก่” บรรดาศักดิ์
    13 เมษายน 2022 ศรัณย์ ทองปาน : เรื่อง

    แม้จนนักเรียนนายเรือที่เคยเป็นลูกศิษย์ของกรมหลวงชุมพรฯ เข้ารับราชการแล้ว ทว่าความผูกพันยังคงสืบเนื่องเรื่อยมา ดังมีเรื่องเล่าว่า “เสด็จเตี่ย” เคยเสด็จตามลำพังกับลูกศิษย์นายทหารรุ่นหนุ่ม เพื่อไปเป็นเถ้าแก่ทาบทามสู่ขอหญิงสาวให้ คุณหญิงอารีพันธุ์ สุนาวินวิวัฒ จำได้ว่าวันหนึ่งในปี ๒๔๖๔ ตั้งแต่ก่อนรู้จักกับคุณหลวงสุนาวินวิวัฒ (๒๔๓๗-๒๕๑๘) คุณแม่ให้หาไปพบ แล้วเล่าว่า
    hrh-flag.jpg
    “เมื่อตอนสายวันนั้นมีรถยนต์คันหนึ่งมาจอดที่นอกรั้ว แลเห็นคนสองคนเดินมาเคาะประตูหน้าบ้าน เด็กรับใช้ได้ไปเปิดประตูรับ และขึ้นมาเรียนคุณแม่ว่ามีแขกมาหาเป็นผู้ชายสองคน ครั้งแรกคุณแม่คิดว่าคงเป็นเพื่อนของลูกชาย แต่เด็กรับใช้เรียนย้ำว่าชายสองคนนั้นอยากพบคุณแม่ คุณแม่จึงลงไปที่ห้องรับแขก จำได้ว่าชายคนหนึ่งนั้นคือคุณพิศาล เป็นเพื่อนของลูกชาย (ต่อมาได้เลื่อนยศและบรรดาศักดิ์ เป็นพลเรือโท หลวงสุนาวินวิวัฒ ซึ่ง ณ ที่นี้ดิฉันขอเรียกสรรพนามท่านว่า คุณหลวง) แต่อีกคนหนึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นใคร เมื่อคุณหลวงทำความเคารพคุณแม่แล้ว ก็ได้แนะนำให้คุณแม่ทราบว่า ท่านที่มาด้วยคือ เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตร์อุดมศักดิ์ พอได้ยินชื่อเช่นนั้น คุณแม่ก็ตกตะลึง เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมีเจ้านายสูงศักดิ์เสด็จมาที่บ้าน และเกรงกลัวไปว่าการต้อนรับไม่สมพระเกียรติ เพราะคุณแม่แต่งตัวลงมารับแขกด้วยเสื้อผ้าแบบอยู่กับบ้าน เสด็จในกรมฯ ทรงเห็นอาการตกตะลึงของคุณแม่ ทรงรีบรับสั่งว่า ‘ไม่มีอะไรหรอก ฉันมาที่นี่ก็เพื่อจะมาขอลูกสาวแม่ล้วนให้ลูกศิษย์ฉัน’ จากนั้นก็ทรงสนทนาเรื่องต่างๆ ต่อไปจนคุณแม่ค่อยสบายใจแล้ว คุณแม่จึงกราบทูลว่า ‘บุตรสาวของหม่อมฉันยังเด็กนัก ยังเรียนหนังสืออยู่ ยังไม่เป็นแม่บ้านแม่เรือน และลูกได้ตั้งใจที่จะเรียนหนังสือให้จบ หม่อมฉันก็รับปากกับลูกไว้แล้ว’ เสด็จในกรมฯ ทรงรับสั่งทันที ‘ไม่เป็นไร ลูกศิษย์ฉันเรียบร้อย ตำน้ำพริกก็อร่อย’ แล้วก็ทรงพระสรวล เมื่อเห็นคุณแม่ไม่กราบทูลอะไรก็รับสั่งต่อว่า ‘ค่อยคิดดูใหม่ จะให้มาฟังข่าววันหลัง” คุณแม่เล่าว่า พระองค์ท่านดีเหลือเกิน รับสั่งด้วยพระสุรเสียงนุ่มนวล ไม่ทรงถือพระองค์เลย…’

    รองศาสตราจารย์ สัตวแพทย์หญิง ดร.นิตย์ คำอุไร อดีตอาจารย์ประจำคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ธิดาคนสุดท้องของหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (รังษี คำอุไร) เจ้ากรมของ “เสด็จเตี่ย” เล่าด้วยเช่นกันว่า ช่วงที่พ่อคือเจ้ากรมรังษี ยังเป็นหนุ่มโสดอยู่ในวัง คืนหนึ่งไปดูละครแล้วเกิดติดใจสาวคนหนึ่งที่เห็นบนเวที พอละครเลิก จึงเรียกรถเจ๊ก (รถลาก นั่งได้ ๑ – ๒ คน มีอาแป๊ะเป็นคนลากรถ) ให้แล่นตามรถเจ๊กของนักแสดงสาวคนนั้นจนถึงบ้านของเธอย่านตรอกขี้เถ้า ใกล้วัดคอกหมู (วัดสิตาราม) ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่รู้ว่ามีชายหนุ่มตามมา เมื่อรู้ว่าบ้านช่องอยู่ที่ไหนแล้ว เจ้ากรมรังษีจึงกลับเข้าวัง

    ต่อมาไม่ช้าไม่นาน ครอบครัวของนางเอกคณะละครผู้นั้นต้องตกใจแทบสิ้นสติ ที่อยู่ดีๆ ก็มี “เจ้าใหญ่นายโต” เสด็จมาถึงบ้าน เสด็จในกรมฯ เสด็จมาทรงเป็นเถ้าแก่ด้วยพระองค์เอง ตรัสว่าท่านมาสู่ขอลูกสาวบ้านนั้นไปเป็นภรรยาให้เจ้ากรมของท่าน

    นักแสดงสาวผู้นั้น ต่อมาคือแม่ผิว คำอุไร คุณแม่ของอาจารย์นิตย์นั่นเอง

    ที่มา : https://www.sarakadee.com/2022/04/13/เถ้าแก่/
     
  12. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  13. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    upload_2022-10-24_18-43-42.jpeg
    แบกรักมาหนัก.. ก็วางสิจ๊ะรออะไร... อิอิ

    upload_2022-10-24_18-44-14.jpeg
    อะไรนะ!!! อยากจะวาง แต่เจอเราเลย ขอแบกไว้....ต่อไปปปปปปปป
     
  14. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    col01221058p1(2).jpg

    พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ หรือที่เรียกกันว่า “เสด็จเตี่ย” นี้เป็นสมญานามที่ประชาราษฎร์ต่างพากันพร้อมในเรียกสมญานี้ เหตุเพราะพระเมตตากรุณาที่มีต่อประชาราษฎร์ดุจลูกหลานของท่านเอง จะเห็นได้จากการทุ่มเทพระวรกายในการปฏิบัติราชการในราชนาวีไทยเพื่อรักษาเสถียรภาพแห่งกองทัพเรือไว้ และยังทรงเป็นหมอพรของชาวบ้านที่ดูแลรักษา ผู้เจ็บไข้ได้ป่วยอย่างไม่เลือกชนชั้นวรรณะ และไม่รับกระทั้งเงินทองทรัพย์สินใด ทุกอย่างที่เสด็จเตี่ยได้ทำลงไปนั้น ก็ล้วนแต่เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของราษฎรทั้งสิ้น ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือเรื่องราวทางอิทธิปาฏิหาริย์ของท่าน ที่กล่าวได้เลยว่า ท่านคือฆราวาสจอมขมังเวทย์คนหนึ่งเพราะท่านได้ร่ำเรียนอาคมต่างๆ กับเกจิดังแห่งยุค โดยเฉพาะหลวงปู่ศุข แห่งวัดคลองมะขามเฒ่า ที่เป็นที่ยอมรับถึงความศักดิ์สิทธิ์จนถึงทุกวันนี้ !

    luangpusuk03(4).jpg
    หลวงปู่ศุข

    ดังนี้แล้ว เมืองเสด็จในกรมฯ สิ้นพระชนม์ลง ความรักและเคารพเทิดทูนของประชาชนที่มีให้แก่ท่านก็ไม่ได้สิ้นตาม ท่านจึงกลายเป็นดังเทพองค์หนึ่งซึ่งเป็นที่พึ่งทางใจของผู้คน จึงทำให้ท่านได้รับการนับถือจวบจนทุกวันนี้

    ด้วยพระเมตตากรุณาที่มีมาตั้งแต่ครั้งยังทรงมีชีวิต ประชาชนทั้งหลายจึงหวังพึ่งพิงพระบารมี จึงเกิดการสักการะบูชาเพื่อขอพรจากเสด็จเตี่ย ในทุกๆเรื่อง เพราะเชื่อว่าเสด็จเตี่ยฯ นั้นมีความเมตตากรุณามาก จึงพากันขอพรตั้งแต่เรื่อง การค้า การงาน การเงิน โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพและเรื่องการเรียน เนื่องจากชื่อของ “หมอพร” ยังตรึงในดวงใจของผู้คน จึงส่งผลให้ผู้ที่ต้องการของพรทางด้านสุขภาพ ได้มาบนบานกับท่าน อีกทั้งท่านทรงพระปรีชาสามรถ ทำให้ผู้ที่ต้องการขอพรด้านการเรียน ก็มาบนบานกับท่านเช่นกัน

    สำหรับความศักดิ์สิทธิ์ของเสด็จเตี่ยนั้น สิ่งที่เป็นหลักประกันถึงความศักดิ์สิทธิ์ คือจำนวนพระอนุสาวรีย์ที่จัดสร้างขึ้นอีกหลายแห่ง วัตถุมงคลอย่าง เหรียญห้อยคอ และแม้กระทั้งการประกาศตนของผู้ที่นับถือเสด็จเตี่ยว่า เป็นลูกของเสด็จเตี่ยนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่ยืนยันความศักดิ์สิทธิ์ของท่านได้เป็นอย่างดี

    tnews_1547694771_7318.jpg
    กรมหลวงชุมพร

    วิธีการปฏิบัติบูชา
    จุดธูป 9 ดอก หรือ 19 ดอก
    โดยเครื่องสักการะ
    เป็นดอกกุหลาบแดง, พวงมาลัยดอกมะลิหรือดอกเขี้ยวกระแต, หมากพลู, จุดประทัดถวาย, ยิงปืนถวายด้วยกระสุนจริงหรือถวายสมอเรือ, พังงาเรือ, ปืนใหญ่จำลอง, เรือรบจำลอง

    เครื่องเสวย
    น้ำตาลเมา ( โปรดเป็นพิเศษ ), เบียร์, บรั่นดี, ซิการ์หรือบุหรี่แบบซิกาแร็ต, น้ำชาจีน, ขนมจีนน้ำพริก (โปรดเป็นพิเศษ), ขนมและผลไม้ไทยทั่วไป กับข้าวแบบไทยทั่วไป (รสจัด), เป็ด, ไก่, ปลา, กุ้ง

    สิ่งที่ไม่ควรกระทำ
    1. การเอาพวงมาลัยไปสวมพระเศียร
    2. อาหารที่ปรุงด้วยเนื้อวัว เนื้อหมู ( โดยเฉพาะพะแนงเนื้อ ห้ามเด็ดขาด มีผู้เคยถวายแล้วเกิดอาเพศกับผู้นั้น)

    สำหรับการบวงสรวงกรมหลวงชุมพรนั้น ส่วนใหญ่จะนิยมกระทำกันในวันที่ 19 ธันวาคม อันเป็นวันอาภากรรำลึก หรือ
    เป็นวันคล้ายวันประสูติของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ นั้นเอง

    สำหรับเครื่องบวงสรวง มีดังต่อไปนี้
    1. ข้าวปากหม้อ(ข้าวทัพพีแรกเมื่อหุงเสร็จ)
    2. หมูต้ม 1 ชิ้น(ประมาณครึ่งกิโลกรัมขึ้นไป)
    3. ไก่ต้ม 1 ตัว (หรือ 1 ชิ้นถ้าหากมีฐานะยากจนแต่ชิ้นต้องไม่เล็กเกินไป)
    4. ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน 1 จาน
    5. ขนมจีนน้ำพริก

    วิธีการบนคือให้ตั้งโต๊ะกลางแจ้ง ปูผ้าขาว พร้อมข้าวตอกดอกไม้ ธูป เทียนและเครื่องบวงสรวงด้านบน ก่อนบนต้องตั้งเครื่องบนครั้งหนึ่งเมื่อได้ผลแล้ว จะต้องตั้งเครื่องบนอีกครั้งหนึ่ง แล้วตามด้วยคำบนว่า ข้าพเจ้าชื่อ.....นามสกุล.....ขอบนต่อเสด็จกรมหลวงชุมพรว่า ขอให้ลูก.....(บอกให้ละเอียด ว่า ที่ไหน เวลาอะไร เรื่องอะไร) ขอให้ลูกได้ตามที่ปรารถนา(หรือตามที่บนไว้)และลูกจะนำเครื่องบวงสรวงนี้มาสักการะอีกครั้งหนึ่ง

    อย่างไรก็ตามจะขอพรหรือบนให้สำเร็จดังที่หวังไว้นั้น จำเป็นต้องเกิดจากความศรัทธาและตั้งใจจริง รวมทั้งการประพฤติดีของผู้ที่ต้องการจะขอพรหรือบนบานนั้นเพราะแน่นอนว่าท่านย่อมเมตตาเฉพาะผู้ที่ประพฤติในความดีเท่านั้น


    tnews_1547694771_7558.jpg
    กรมหลวงชุมพร
    คาถา

    พระคาถาอาราธนา กรมหลวงชุมพร
    (จุดธูป 9 ดอก หรือ 19 ดอก)

    ตั้งนะโม 3 จบ
    ชุมพรจุตติ อิทธิกรณัง สุโข นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ มะอะอุ
    ชุมพรจุตติ อิทธิกรณัง สุโข นะโมพุทธายะ ทะอะระหัง ทะจะพะกะสะ มะอะอุ
    พุทธสังมิ ธัมมะสังมิสังฆะสังมิ [ 3 จบ ]

    เครื่องสักการะ...กุหลาบแดง พวงมาลัย ดอกมะลิ น้ำตาลเมา ขนมจีนน้ำพริก
    คาถาบูชาเสด็จเตี่ย
    ชุมพรจุตติ อิทธิกรณัง สุโข นะโมพุทธายะ
    มะอะอุ อิสะวาสุ สุสะวาอิ อิทธิฤทธิอิทธิฤทธัง
    อรหังพุทโธ พุทธะมหาลาโภ มหาเทโว พุทโธโลกะนาถัง
    พุทธะอรหังอะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ
    หุลูหุลู สวาหายะ ภะวันตุเม


    ที่มา : https://www.tnews.co.th/variety/204866
     
  15. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    images?q=tbn:ANd9GcTUe85bm3M6PVggWsRGvcwJrrGu3uTTu_ZaHg&usqp=CAU.jpg
    ใครจะบน จะขอ ก็ตามนี้ แต่เสาร์นี้เราขอคิวแรกนะเธอ

    งานนี้เชิญตัวพ่อมาเองเลย เสรีขอพร เป็นไงล่ะเธอ แฟน แฟนทุกคน...สงสารทอภัค (เถอะ)
    เอาอีกเวอร์ชั่น ดีกว่านะ เวอร์ชั่นแรกพี่เสรี เสียงออกแหบๆ เดี๋ยวคำขอจะไม่กังวาล พี่ไม่ได้มาเล่น ๆ o_O
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2022
  16. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  17. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  18. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ.2565
    29 October 2022

    ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือนสิบสอง(๑๒) ปีขาล
    โสรวาร(ส) กัตติกมาส จัตวาศก จ.ศ. 1384 , ค.ศ. 2022 , ม.ศ. 1944 , ร.ศ. 241
    สุริยคติ เป็น ปกติสุรทิน , จันทรคติ เป็น ปกติมาส ปกติวาร
    ปฏิทินโหราศาสตร์ไทย สุริยยาตร์
    สมผุส ณ เวลา 24:00น. เวลาท้องถิ่นกรุงเทพฯ (UTC+06:42)

    ดาว ราศี ° '
    ๑. อาทิตย์ 06 : ตล 11 31
    ๒. จันทร์ 08 : ธน 07 30 11:10น.
    ๓. อังคาร 02 : มถ 01 28 พ.
    ๔. พุธ 06 : ตล 11 19
    ๕. พฤหัสบดี 11 : มน 06 25 พ.
    ๖. ศุกร์ 06 : ตล 10 54 ส.
    ๗. เสาร์ 09 : มก 18 50
    ๘. ราหู 00 : มษ 18 39
    ๙. เกตุ 08 : ธน 16 37
    ๐. มฤตยู 01 : พภ 00 32 พ.

    ฤกษ์ 18 , 34 นท. มูละ (19) 11:10น.
    ดิถีเพียร 04 , 40 นท. ขึ้น 5 ค่ำ (5) 09:20น.
    ดาวเนปจูน, พลูโต, แบคคัส (นิรายนะวิธี ลาหิรี)

    ดวงจันทร์
    ดวงจันทร์ขึ้น เวลา 09:49น. (ปัดใต้ 28°) ดวงจันทร์ตก เวลา 21:19น. (ปัดใต้ 28°) , ความสว่าง 17% up@2x.png
    จันทร์เพ็ญ(ปูรณมี) 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2565 18:02น. ,จันทร์ดับ(อามาวสี) 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2565 05:57น.

    กาลโยค ศก 241
    ธงชัย อธิบดี อุบาทว์/อุบาสน โลกาวินาศ
    วัน พุธ (4) อังคาร (3) อังคาร (3) พฤหัสบดี (5)
    ยาม 09:00-10:30น.
    21:00-22:30น. (3) 10:30-12:00น.
    22:30-24:00น. (4) 07:30-09:00น.
    19:30-21:00น. (2) 16:30-18:00น.
    04:30-06:00น. (8)
    ราศี พิจิก (7) สิงห์ (4) ตุล (6) ธนู (8)
    ดิถี ขึ้น 13 ค่ำ (13) แรม 13 ค่ำ (28) ขึ้น 12 ค่ำ (12) ขึ้น 14 ค่ำ (14)
    ฤกษ์ มูละ (19) มาฆะ (10) เชษฐา (18) ปุรพษาฒ (20)

    ฤกษ์ล่าง (จันทรคติ)
    ราชาโชค(+) อำมฤตโชค(++) วันจม(-) อัคนิโรธ(-ที่ดิน)

    ฤกษ์บน (ฤกษ์จันทร์)
    สมโณฤกษ์ เชษฐานักษัตร (18) 11:10น.[1] ทลิทโทฤกษ์ มูละนักษัตร (19)
    ฤกษ์เข้า ฤกษ์ยายี (18) 11:10น.[1] ฤกษ์เข้า ฤกษ์นคร (19)

    สัปตฤกษ์ (ดิถีเพียร)
    พยายะ (4) 09:20น.[1] มรณะ (5)


    กาลโยค (ฤกษ์จันทร์)
    เชษฐานักษัตร (18) เป็น อุบาทว์/อุบาสน มูละนักษัตร (19) เป็น ธงชัย(+)


    ที่มา : https://www.myhora.com/ปฏิทิน/ปฏิทิน-ตุลาคม-พ.ศ.2565.aspx



    ‘เสาร์ 5’ ไม่ใช่แค่บทประพันธ์ แต่เป็นคติความเชื่อที่ว่ากันว่า ‘แรงที่สุด’
    • เสาร์ 5 เป็นคติความเชื่อไทยมาตั้งแต่โบราณ ตามคำบอกกล่าวของโหราจารย์เชื่อว่าวันเสาร์ ขึ้นหรือแรม 5 เดือน 5 จะเป็นวันที่ฤกษ์งามยามดีที่สุด

    5-saturday-thai-belief-spacebar-main.jpg

    ชาวไทยจำนวนไม่น้อยอาจเคยได้ยินคำว่า ‘วันเสาร์ 5’ ซึ่งว่ากันว่าเป็นวันที่แรงที่สุด มีฤกษ์ประกอบงามที่สุด เมื่อใดก็ตามที่ถึงวันนี้ มักจะมีการประกอบพิธีทางศาสนา รวมถึงทำพิธีปลุกเสกพระเครื่อง หรือวัตถุมงคลวัตถุธาตุกายสิทธิ์ การประกอบพิธีพุทธา ภิเษกวัตถุมงคล เพื่อบังเกิดอิทธิคุณด้านมหาอำนาจ มหาอุจจ์ เหนือกว่าฤกษ์ปรกติ โดยคติความเชื่อนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ แต่เป็นสิ่งที่บอกกล่าวกันจากอาจารย์โหราศาสตร์ รวมถึงมีบันทึกในตำราจากโบราณจารย์

    บางคนอาจสงสัยว่า เสาร์ 5 คืออะไร จริงๆ แล้ว คำว่า เสาร์ 5 ย่อมาจาก วันเสาร์ในวันขึ้นหรือแรม 5 ค่ำ เดือน 5 ไม่ใช่วันเสาร์ที่ 5 ของทุกเดือน หรือ วันเสาร์ประจำเดือนที่ 5 ของปี แต่อย่างใด

    อาจารย์ลักษณ์ เรขานิเทศ เลขาธิการสถาบันพยากรณ์ศาสตร์ หรือเจ้าของฉายา โหรฟันธง กล่าวว่า ตามคติความเชื่อของโบราณาจารย์เชื่อว่า ดาวเสาร์เป็นดาวแห่งความเข้มแข็ง และมีพลังมาก หากมีการประกอบพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลในวันเสาร์ห้า จะมีพุทธคุณด้านคงกระพัน และแคล้วคลาด

    5-saturday-thai-belief-spacebar-photo01.jpg
    จากตำนานเรื่องเล่า และความเชื่อนี้ ทำให้มีบทประพันธ์เรื่อง ‘เสาร์ 5’ ของ ประสิทธิ์ โรหิตเสถียร เป็นที่รู้จักกันในนามปากกา ‘ดาเรศร์' ในบทประพันธ์นั้นเป็นเรื่องราวของ ขบวนการเสาร์ 5 ที่ต้องออกมาขจัดองค์กรข้ามชาติ โดยแฝงเรื่องคติความเชื่อเกี่ยวกับ เสาร์ 5 เอาไว้ด้วย บทประพันธ์เรื่องนี้เคยนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ไทยชื่อเดียวกันในปี พ.ศ. 2519 กำกับโดย วินิจ ภักดีวิจิตร

    ภายในบทประพันธ์ เสาร์ 5 หลวงพ่อในเรื่องได้อธิบายเกี่ยวกับ เสาร์ 5 เอาไว้ว่า
    “วันเสาร์ห้า หมายถึง วันเสาร์ที่ตรงกับขึ้นหรือแรมห้าค่ำ เดือนห้า” หลวงพ่อเริ่มเล่า “เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนนั้น มีวันเสาร์ห้า แรมห้าค่ำ เดือนห้าที่มีฤกษ์ประกอบงามที่สุด พระห้าองค์ที่เป็นเพื่อนรักใคร่กันสนิทสนมมาก และต่างมีวิชาความรู้ติดตัวกันพอสมควร ประชุมคิดกันว่า วันเสาร์ห้าที่จะถึงนั้น จะนั่งปรกปลุกเสกของตลอดคืน ภิกษุทั้งห้าองค์นั้นมีพระเครื่องที่เก่าแก่ที่งามที่สุดและรักที่สุดองค์ละองค์ มีพระกริ่ง คลองตะเคียน พระยอดธง พระท่ากระดาน พระสมเด็จ และพระนางพญา”
    5-saturday-thai-belief-spacebar-photo02.jpg
    Photo: Wikipedia

    “เสาร์ห้าคืนนั้น ที่นี่แหละ พระห้าองค์นั่นก็นั่งปรกตลอดคืน เพ่งจิตเฉพาะพระเครื่องของใครก็ของใคร ประมาณสักตีห้า พระเครื่องแต่ละองค์ที่วางราบไว้แต่หัวค่ำ ก็ผงกองค์ขึ้นตั้งอยู่สักอึดใจ แล้วก็เอนราบลงไปใหม่ฟ้าสางพอดี เช้าขึ้นเราก็แยกย้ายกันไป ก่อนจากกันเราคิดกันว่าจะมอบพระเครื่องที่ขลังได้ที่ให้กับทายาทหรือลูกศิษย์ที่พอที่จะเป็นหัวแก้วหัวแหวนก้นกุฎีได้ หลวงพ่อเมี้ยนก็เสนอว่า เราจะออกหาเด็กที่เกิดในคืนวันนั้นคือวันเสาร์ห้า ต้องเป็นผู้ชายแล้วขอรับไว้เป็นลูก ก็ได้เด็กเกิดตามที่ต้องการทุกองค์ พ่อได้ไอ้ดอนที่กาญจนบุรีนี่เอง เลี้ยงมันมาจนโตพอ มันจะไปเป็นทหาร พ่อก็มอบพระท่ากระดานให้ มติที่ประชุมอีกเหมือนกันที่ตกลงว่า ไม่ว่าเด็กนั้นสกุลเดิมจะอย่างไร เราจะเปลี่ยนเป็นสกุลพระเครื่องให้ทั้งหมด จึงได้มี เทิด ยอดธง มีกริ่ง คลองตะเคียน มีดอน ท่ากระดาน ยอด นางพญา และ เดี่ยว สมเด็จ”

    มาถึงตรงนี้ใครที่เกิดในวันเสาร์ขึ้นหรือแรม 5 ค่ำ เดือน 5 แม้จะเกิดขึ้นได้ยาก แต่ต้องมีสักคนกันบ้าง ต้องเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยบารมี มีพลังเต็มเปี่ยม อย่างแน่นอน

    ที่มา : https://spacebar.th/en/culture/5-saturday-thai-belief
     
  19. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  20. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    upload_2022-10-29_19-53-14.jpeg
    ตัวตึงบางซื่อ o_O
     

แชร์หน้านี้

Loading...