ถกอาเซียนเริ่มแล้ว! ไทยย้ำไม่เคยลงนามหยุดยิง

ฮุนเซนร้องยูเอ็น จวกไทย จี้ยุติโจมตีเขมร

ฮุนเซนร้องยูเอ็น จวกไทย จี้ยุติโจมตีเขมร


สื่อนอกตีข่าวปะทะเดือดรอบ 3 ขณะที่นายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ของกัมพูชา ร้องไปยังสหประชาชาติให้ช่วยยุติการโจมตีของไทย หลังอ้างว่า ปืนใหญ่ที่ยิงจากไทย ทำให้ปราสาทพระวิหารเสียหายบางส่วน...

สถานี โทรทัศน์แห่งชาติของกัมพูชา รายงานแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ที่ระบุว่า เขาได้ส่งจดหมายไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้จัดการประชุมฉุกเฉิน เพื่อหาทางให้ไทยยุติการโจมตีกัมพูชา หลังจากการปะทะกันระหว่างทหารทั้ง 2 ฝ่ายครั้งล่าสุดเมื่อวานนี้ (6 ก.พ.) ส่งผลให้ส่วนปีกของปราสาทพระวิหารได้รับความเสียหายบางส่วน จากการที่ไทยยิงปืนใหญ่เข้าไปยังพรมแดนฝั่งกัมพูชา

สื่อต่างประเทศ รายงานว่า การปะทะกันระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายครั้งล่าสุด ถือเป็นการสิ้นสุดข้อตกลงหยุดยิงที่ทั้งไทยและกัมพูชาได้ตกลงกันไว้ในช่วง การปะทะกันครั้งก่อนหน้านี้ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตของทั้ง 2 ฝ่าย รวม 5 คน ขณะที่ทั้งไทยและกัมพูชาต่างออกมากล่าวหาอีกฝ่ายว่าเริ่มยิงก่อน.



ไทยรัฐออนไลน์

• โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
• 7 กุมภาพันธ์ 2554, 02:45 น.

ฮุนเซนร้องยูเอ็น จวกไทย จี้ยุติโจมตีเขมร - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ปืนใหญ่ถล่มเดือด ปะทะอีก หนีตายโกลาหล!

ปืนใหญ่ถล่มเดือด ปะทะอีก หนีตายโกลาหล!


ไทย-เขมรปะทะกันอีกระลอกสาม หลังหยุดยิงได้แค่วันเดียว โดยสื่อนอกตีข่าว กัมพูชายังเสริมทัพเข้ามาไม่หยุดหลังสื่อไทยประโคมผลปะทะทหารเขมรตายเจ็บ เพียบ แต่สื่อเขมรโต้ทันควัน ทหารตายแค่ 1...

หลัง ผ่านเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่บริเวณพื้นที่พิพาทปราสาทพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทำให้มีทหารทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บ เสียชีวิต และชาวบ้านต้องหอบข้าวของหนีตายออกมานอก พื้นที่ก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลงชั่วคราวด้วยการเจรจาของ บิ๊กทหารทั้งสองฝ่ายเมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา

ต่อมาในช่วงเช้าวัน ที่ 6 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวจากชายแดนเขาพระวิหาร ด้านภูมะเขือ บ้านชำเม็ง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่า เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ยินเสียง ปืนคาดว่าจะเป็นปืนประจำกายยิงปะทะกันเป็นห้วงสั้นๆ ประมาณ 5 นาที บริเวณใกล้กับช่องโดนเอาว์ จุดที่ ส.อ. วุชรินทร์ ชาติคำดี ทหารจาก ร.16 พัน 2 ค่ายบดินทรเดชา จ.ยโสธร เสียชีวิต แหล่งข่าวระบุว่าไม่มีฝ่ายใดเสียชีวิต แต่ทหารไทยสามารถจับทหารกัมพูชาได้ 6 นาย หลังจากทำประวัติเรียบร้อยแล้วจึงได้ปล่อยตัวไปเพราะไม่อยากให้เกิดภาวะตึง เครียด อย่างไรก็ดี เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถาม ไปยังฝ่ายทหาร ยืนยันว่าไม่มีการปะทะและจับตัวชาวกัมพูชา แต่อย่างใด

จากนั้นไม่นาน นัก สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างการเปิดเผยของผู้บัญชาการกองทัพกัมพูชาไม่ระบุ นาม ว่าเกิดการปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชาอีกเป็นครั้งที่ 3 ในบริเวณพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร ใกล้ปราสาทเขาพระวิหาร เมื่อเวลาประมาณ 18.35 น.แม้ทั้งสองฝ่ายเพิ่งตกลงหยุดยิงกันได้เพียง 1 วัน พร้อมอ้างว่าทหารไทยเป็นผู้เปิดฉากยิงก่อน ส่วนสำนักข่าวเอพีรายงานอ้างการเปิดเผยของร้อยโทเพ็น ส่อง นายทหารกัมพูชาในพื้นที่พิพาท ระบุว่าเกิดการปะทะที่เขาพนมโตร๊ป หรือภูมะเขือ ห่างจากเขาพระวิหารไป 3 กิโลเมตร ทั้งสองฝ่ายมีการยิงปืนใหญ่ รวมถึงปืนครกใส่กัน แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ต่อมา ผู้สื่อข่าวรายงานเวลาประมาณ 20.00 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ได้ให้สัมภาษณ์ถึงรายละเอียดการปะทะกันครั้งล่าสุดว่า เกิดขึ้นที่บริเวณชายแดน ในพื้นที่ภูมะเขือ และบ้านโดนเอาว์ ต.รุง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยทหารกัมพูชาได้ใช้กระสุนส่องสว่างยิงเข้ามาตกที่ภูมะเขือและช่องโดนเอาว์ ขณะที่ทหารไทยได้ยิงปืนใหญ่ตอบโต้ และการปะทะยังคงดำเนินไป อย่างต่อเนื่อง

นอก จากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากในพื้นที่การปะทะว่า ในช่วงค่ำที่เริ่มเปิดฉากปะทะรอบใหม่นั้น ทหารเขมรได้เปิดฉากใช้ปืนใหญ่ขนาด 105 มม. ยิงถล่มเข้ามาในเขตไทยอีกระลอก กระสุนตกบริเวณบ้านโนนเอาว์ ต.รุง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และตลอดแนวชายแดนจากบ้านโนนเอาว์ ไปจนถึงบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย ระยะทางประมาณ 5 กม. เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ระหว่างนั้นทหารไทยที่ตั้งฐานปืนใหญ่จำนวน 3 ฐาน ได้ใช้ปืนใหญ่ ยิงตอบโต้ไปจนเกิดดวลกันด้วยปืนใหญ่เข้าใส่กันเป็นระลอก และเป็นที่สังเกตว่าการยิงของทหารเขมรได้ใช้หน่วย ตรวจการหน้ายิงลูกแฟร์ หรือไฟส่องสว่างเข้ามาก่อนจะยิงปืนใหญ่ตามมา และค่อนข้างจะแม่นยำ อย่างไรก็ตาม จนถึงช่วงประมาณ 21.00 น. การสู้รบของทั้ง 2 ฝ่ายยังคงเป็นอย่างดุเดือด มีการยิงถล่มกันด้วยปืนใหญ่อย่างหนักและต่อเนื่อง ซึ่งตรงกับที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่า การยิงตอบโต้กันยังไม่มีท่าทีว่าจะสงบ อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าทางผู้บังคับบัญชาและผู้ใหญ่ในรัฐบาลได้พยายามประสานไปยังผู้ใหญ่ ฝ่ายกัมพูชาขอให้หยุดยิง ซึ่งก็ยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ฉะนั้น ทางฝ่ายทหารไทยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตอบโต้ เพื่อไม่ให้เกิดการเสียเปรียบในการเจรจาหยุดยิง แต่ก็เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะคลี่คลายได้ในที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงาน อีกว่า การยิงถล่มของฝ่ายกัมพูชาครั้งนี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนในเขต เทศบาลเมืองกันทรลักษ์ ต่างพาครอบครัวขนย้ายข้าวของขึ้นรถอพยพหนีภัยกันอลหม่าน ทำให้การจราจรบนเส้นทางสายวารินชำราบ-กันทรลักษ์ รถยนต์ติดกันยาวเหยียดระยะทางประมาณ 10 กม. และเส้นทางสายกันทรลักษ์-ศรีสะเกษ รถราติดยาวเหยียดร่วม 10 กม. เบื้องต้นมีรายงานว่าการยิงถล่มของฝ่ายกัมพูชาครั้งนี้ทำให้ชาวบ้านในหมู่ บ้านโนนเอาว์ ถูกแรงระเบิดจากกระสุนปืนใหญ่ได้รับบาดเจ็บไปหลายราย ส่วนความเสียหายด้านอื่นๆยังไม่มีรายงานเข้ามา

ด้านนายบุญรวม พงษาปาน ผอ.โรงเรียนบ้านภูมิซรอล เปิดเผยแก่ผู้สื่อข่าวขณะหลบเข้าไปอยู่ในหลุมหลบภัยว่า มีกระสุนปืนใหญ่ถูกยิงจากฝั่งกัมพูชาเข้ามาตกบริเวณป่าช้าด้านทิศใต้ของวัด ภูมิซรอล ประมาณ 10 นัด จนเกิดเพลิงลุกไหม้ลามหลายจุด และสะพานข้าม คลองในหมู่บ้านถูกยิงพังเสียหาย

ส่วนบรรยากาศชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณด่านช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพภาคที่ 2 มีคำสั่งให้ปิดด่านในเวลา 19.00 น. ทั้งที่ปกติ ด่านจะปิดเวลา 20.00 น. หลังเกิดการปะทะกันอีกรอบระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่บ้านภูมิซรอล แหล่งข่าวทางทหารเผยว่า กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้วิทยุสั่งการให้ทหารไทยตามแนวชายแดนด้าน จ.สุรินทร์ เตรียมความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก ที่ทหารพรานกองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 960 กรมทหารพรานที่ 23 กองทัพภาค 2 ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ และที่ปราสาทตาควาย บ้านไทยสันติสุข ต.บักได อ.พนมดงรัก ที่ทหารพรานกองร้อยที่ 2602 และกองร้อยที่ 2605 กรมทหารพรานที่ 26 ตั้งฐานปฏิบัติการรับผิดชอบพื้นที่ ขณะที่บริเวณตลาดไทย ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ที่พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชานำสินค้ามือสองมาจำหน่าย พากันติดตามข่าวสารทางโทรทัศน์ หลังรู้ข่าวการปะทะ ต่างรีบเก็บข้าวของเดินทางออกจากตลาดผ่านจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม กลับไปชุมชนโอเสม็ด จ.อุดรมีชัย ฝั่งกัมพูชาทันที

เวลา 22.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก อ.ขุนหาญ ติดกับ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่าเกิดการปะทะกันระหว่างที่ทหารไทยกับกัมพูชามาตั้งแต่หัวค่ำ ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน อาทิ ชาวบ้าน ต.ละลายเจริญ อ.กันทรลักษ์ ต.สำโรงเกียรติ อ.ขุนหาญ ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อระหว่าง อ.ขุนหาญ และ อ.กันทรลักษ์ ได้อพยพเข้ามาหลบภัยการสู้รบอยู่บริเวณวงกลมขุนหาญ และที่ว่าการอำเภอขุนหาญ ประมาณ 1,000 คน และยังคงมีชาวบ้านอพยพเข้ามาย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่เทศบาล ตำรวจ และอาสาสมัคร ต่างระดมเร่งให้ดูแลการช่วยเหลือเป็นการด่วน โดยนายเทเวศน์ มีศรี ปลัดอำเภอขุนหาญ เปิดเผยว่า ตอนนี้ประชาชนอาศัยอยู่ตามแนวชายแดน พบเห็นลูกปืนเป็นประกายไฟอยู่บนเชิงเขา ได้อพยพเข้ามาหลบที่ในตัวอำเภอขุนหาญอย่างต่อเนื่อง เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย โดยเราได้มีการจัดเตรียมสถานที่พักให้ หลับนอนชั่วคราว 4 แห่ง คือ ห้องประชุม โรงเรียนขุนหาญวิทยาสรรค์ โรงเรียนสิริขุนหาญ โรงเรียนอนุบาลขุนหาญ และวัดศรีขุนหาญ คาดว่าตลอดทั้งคืนจะมีชาวบ้านเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จึงมีการเตรียมเจ้าหน้าที่เทศบาล ตำรวจ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้อพยพ มีการจัดน้ำดื่มและอาหารบางส่วนให้ แต่ยังขาดอาหารอีกเป็นจำนวนมากอยู่ รวมทั้งได้มีการประสานแพทย์พยาบาลเข้ามาอยู่แลอย่างใกล้ชิด

ต่อมา ผู้สื่อข่าวรายงานถึงผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะไทย-กัมพูชาหนล่าสุด ทราบแล้วจำนวน 7 ราย เป็นทหาร 5 นาย ชาวบ้าน 2 ราย ประกอบด้วย 1.จ่าสิบเอกสุนทร ไวมงคุณ สังกัด ร.23 พัน 1 2.จ่าสิบเอกสนธยา วรดี 3.สิบเอกวรากร ผ่องตะคุ 4.สิบเอกธนากร บุญเพิ่ม สังกัด ฉก.ทพ.23 และ 5.อส.ทพ.ดุสิต จันทร์มนตรี ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย ชื่อนายประมาณ ทองแดง และนางพันธ์ เพชรศิลลา ราษฎรบ้านโนนสำราญ ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ โดยผู้บาดเจ็บถูกลำเลียงส่งไปรักษาที่ รพ. กันทรลักษ์ รวม 6 ราย เหลืออีก 1 ราย คือสิบเอกธนากร บุญเพิ่ม ติดอยู่ในพื้นที่ยังนำออกมาไม่ได้ ขณะนี้อยู่ ระหว่างจัดส่ง ฮ.เข้าไปรับตัว ขณะเดียวกัน นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.ศรีสะเกษ ได้สั่งอพยพชาวบ้านตามแนวชายแดนกัมพูชาด้าน อ.กันทรลักษ์ ออกนอกพื้นที่มาพำนักอยู่บนที่ว่าการอำเภอเมืองศรีสะเกษราว 300 คน เนื่องจากการปะทะเป็นไปอย่างหนักหน่วง

เวลา 22.30 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ได้ให้สัมภาษณ์สื่อถึงการปะทะระหว่างกองกำลังทหารไทยกับกองกำลังทหารกัมพูชา อีกครั้งว่า เมื่อเวลา 21.25 น. ได้รับแจ้งจากทหารไทยในพื้นที่การปะทะกันว่า ทหารกัมพูชาได้หยุดยุติการระดมยิงมายังฝั่งไทยแล้ว ทางทหารไทยจึงยุติการยิงปืนใหญ่เช่นกัน ทั้งนี้ ยืนยันว่ามาตรการตอบโต้ของไทยทั้งหมดเกิดขึ้นตามความเหมาะสม แต่ยอมรับว่าการยิงตอบโต้ครั้งนี้รุนแรงกว่าการปะทะเมื่อวันที่ 4 และ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา เพราะมีกระสุนตกลึกเข้ามาในไทยมากกว่าเดิม และมีทหารบาดเจ็บกว่า 10 นาย แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต เพราะได้ให้อพยพชาวบ้านเข้ามาแล้ว


ไทยรัฐออนไลน์

• โดย ทีมข่าวหนังสือพิมพ์
• 7 กุมภาพันธ์ 2554, 06:15 น.

ปืนใหญ่ถล่มเดือด ปะทะอีก หนีตายโกลาหล! - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

[FONT=Tahoma,]หยุดยิงไม่สำเร็จ รบกันต่อ เขมรถล่มห่าจรวด

ซัดหลายร้อยลูก ปืนใหญ่ไทย-โต้ ดวลดุเดือด3ชม. 'จำลอง'นัดพธม. เคลื่อนม็อบ11กพ.



<table align="left" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"><tbody><tr bgcolor="#400040"><td>
ถล่มไทย - ทหารเขมรเสริมกำลังและอาวุธหนักตามแนวชายแดนด้านเขาพระวิหาร จากนั้นระดมยิงจรวดเข้าใส่ทหารไทยจนเกิดการยิงตอบโต้อย่างดุเดือดกว่าที่ ผ่านๆ มา

</td></tr></tbody></table>ทหารไทยปะทะกับเขมร อีกใกล้เขาพระวิหารที่เดิม หลังจากเจรจาหยุดยิงไปหมาดๆ สองฝ่ายเปิดฉากถล่มกันด้วยอาวุธหนักอย่างดุเดือดกว่าทุกครั้ง เสียงระเบิดดังระงมหลายชั่วโมงต่อเนื่อง เบื้องต้นฝ่ายไทยบาดเจ็บ 7 ราย เป็นทหาร 5 พลเรือน 2 ขณะที่ทางการช่วยอพยพราษฎรหนีตายอลหม่าน ทั้งที่เพิ่งออกจากศูนย์อพยพกลับไปอยู่ที่บ้านไม่กี่ชั่วโมง เผยคณะของปลัดมหาดไทยตรวจพื้นที่'ภูมิซรอล' เผ่นหนีแทบไม่ทัน สั่งปิดโรงเรียนตามแนวชายแดนเขมร 3 วัน 'มาร์ค'โวยงง เป็นคนค้านขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารมาตลอด กลับถูกด่า ฉะพธม.พูดเท็จเพียบ ขณะที่'จำลอง' นัดรวมตัวใหญ่ 11 ก.พ.นี้ เตรียมเคลื่อนม็อบ โดยไม่บอกไปที่ใด เป้าหมายขับไล่อภิสิทธิ์

มาร์คย้ำเขมรยิงไทยก่อน

เมื่อ วันที่ 6 ก.พ. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ถึงเหตุ การณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณปราสาทพระวิหาร ผามออีแดง ภูมะเขือ และพื้นที่ใน จ.ศรีษะเกษ ว่า สถานการณ์ดังกล่าวทำให้พี่น้องประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบ มีความวิตกกับเหตุการณ์ ตนอยากจะเรียนว่าตอนที่พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. หรือพ.อ. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ลำดับเหตุการณ์ให้ประชาชนทราบนั้นค่อนข้างสมบูรณ์ ประเด็นที่เกิดขึ้นคือเมื่อมีการยิงเข้ามาในดินแดนไทย ทางฝ่ายไทยจำเป็นที่ต้องปกป้องอธิปไตย และมีการยิงตอบโต้จากฝ่ายไทย ซึ่งการยิงตอบโต้ก็เป็นการยิงไปยังที่หมายทางการทหาร คือยิงมาทางไหนก็ยิงกลับไปทางนั้น และนั่นคือนโยบายของรัฐบาลมอบและกองทัพนำไปปฏิบัติ ด้วยความเห็นที่สอดคล้องกัน เพราะว่าประเทศไทยไม่ต้องการไปรุกรานใคร แต่เมื่อใดที่มีการรุกรานอธิปไตยเราต้องปกป้องอย่างถึงที่สุด เรารู้สึกเสียใจกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะราษฎรไทย และทหารไทย ขณะเดียวกันการตอบโต้ของเราไม่เคยตอบโต้ไปยังเป้าหมายที่มีพลเรือน แม้ว่าจะมีรายงานข่าวความสูญเสียในเขตกัมพูชา

ป้องทหารทำตามหลักสากล

นายกฯ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าประเทศไทยดำเนินการตามหลักสากล เคารพกฎ บัตรของสหประชาชาติ แต่ทางกัมพูชามีการออกแถลงการณ์ และเราก็ออกแถลง การณ์เช่นกัน ตนให้ทางกระทรวงการต่างประเทศเชิญคณะทูตในประเทศที่มีบทบาทในสหประชาชาติ ทั้งในส่วนของกรรมการมรดกโลก และขณะเดียวกันจะมีการยืนยันเหตุการณ์จริงทั้งหมดว่าประเทศไทยไม่ได้ไป รุกรานใคร แต่รักษาสิทธิ์ปกป้องดินแดนสมควรแก่เหตุการณ์เท่านั้น ซึ่งเรื่องการชี้แจงมีความจำเป็น ขณะเดียวกันมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องกับกระทรวงการต่างประเทศ และทหารของทั้งสองฝ่ายที่จะทำให้ขณะนี้สถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ ยืนยันว่าการแก้ไขเรื่องของเขตแดนต้องดำเนินการด้วยสันติวิธี ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกต้อง มีประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติในระยะยาว

"เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ละเลยในการปกป้องอธิปไตย ก่อนหน้านี้มีบางฝ่ายไปพูดว่ารัฐบาลถอนกำลังจากพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เหมือนจะปล่อยให้กัมพูชารุกล้ำเข้ามาในดินแดนไทย เหตุการณ์และผลที่เกิดขึ้นยืนยันว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น ทางรัฐบาลกับกองทัพมีเอกภาพ รัฐบาลสนับสนุนกองทัพอย่างเต็มที่ ผมเรียนว่าไม่มีกรณีใดที่รัฐบาลจะปล่อยให้การเสียดินแดน การรุกล้ำเกิดขึ้น และรัฐบาลรักษาสิทธิ์และปกป้องตามแนวทางที่พึงกระทำ ในฐานะประเทศประชาคมโลกเคารพกติกาสากล" นายอภิสิทธิ์กล่าว

ไม่แปลกใจพธม.ไล่รัฐบาล

นาย อภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) มีการยกระดับขึ้น โดยขณะนี้เป้าหมายอยู่ที่การขับไล่รัฐบาลชุดปัจจุบัน ตนเรียนว่าไม่ได้แปลกใจต่อการประกาศที่เกิดขึ้น เพราะคาดแต่ต้นว่าการยื่นเงื่อนไขที่จะไม่พูดคุยเจรจากับตน ต้องนำมาสู่การยกระดับเช่นนี้ แต่สิ่งที่อยากย้ำว่าขอให้ประชาชนรับฟังข้อมูลทุกด้าน เปิดใจกว้างกันจริงๆ เหมือนกับที่รัฐบาลเปิดใจรับฟังกลุ่มพธม. จะเห็นว่าการดำเนินการของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับเขตแดน หรือคนของรัฐบาลที่เข้าไปเกี่ยวข้องพยายามที่จะรับฟังความห่วงใยของพธม.โดย ตลอดไม่ว่าจะเป็นการตั้งคณะกรรมาธิการดูแลบันทึกการประชุมของเจบีซี มีการตั้งที่ปรึกษาภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม แม้กระทั่งกรณี 7 คนไทยที่นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส. ประชาธิปัตย์เข้าไปดูผลกระทบในพื้นที่ ก็เป็นความตั้งใจของรัฐบาลมาโดยตลอด

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ข้อมูลที่มีการนำเสนอบนเวทีหรือผ่านสื่อทำให้พี่น้องประชาชนจำนวนมากเข้าใจ ว่ารัฐบาลนี้ไม่ยึดผลประโยชน์ของประเทศไทย ตนขอเรียนว่าหากตนเชื่อข้อมูลเหล่านั้นก็คงจะโกรธและมาไล่รัฐบาลเช่นกัน แต่ปัญหาคือว่าข้อมูลที่นำเสนอมีความคลาดเคลื่อน ตนพยายามเปิดรายการโทรทัศน์ให้มาพูดคุยกัน เพื่อนำสิ่งเหล่านี้มาอยากจะชี้ให้เห็นในประเด็นข้อเรียกร้องของกลุ่ม พธม.เพื่อจะแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องที่เรียกร้องอย่างไร และขอแจ้งขอเท็จจริงเพื่อไม่ให้ประชาชนสับสน

ค้านขึ้นทะเบียนพระวิหารตลอด

นาย อภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ในเรื่องของมรดกโลกต้องเข้าใจว่ารัฐบาลต้องตามแก้ปัญหา เพราะว่าในช่วงหนึ่งมีรัฐบาลที่ไปเซ็นข้อตกลงทำนองที่ว่ายอมให้กัมพูชา สามารถขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทพระวิหารได้ฝ่ายเดียว แม้ภายหลังศาลจะชี้ว่าเป็นโมฆะ และรัฐบาลแจ้งไปทางกัมพูชาว่าแผนการร่วมดังกล่าวใช้ไม่ได้ แต่เมื่อรัฐบาลเข้ามารับตำแหน่งนั้นการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดก โลกในนามของกัมพูชาผ่านขั้นตอนการขึ้นทะเบียนไป สิ่งที่รัฐบาลทำตลอด 2 ปีที่ผ่านมาคือเดินหน้าคัดค้านการขึ้นทะเบียนดังกล่าวว่ามีความผิดปกติ ที่สำคัญมีการขึ้นทะเบียนมรดกโลกแล้วจะมีการนำเสนอแผนบริหารพื้นที่บริเวณ รอบๆ สิ่งที่เป็นมรดกโลก ซึ่งกรณีปราสาทพระวิหารก็ชัดเจนว่าพื้นที่รอบๆ โดยเฉพาะบนเขาเป็นพื้นที่ด้านนี้ของสันปันน้ำ ซึ่งเป็นดินแดนของไทย รัฐบาลเดินหน้าคัดค้านเป็นเวลานาน และประสบความสำเร็จเพราะทำให้กัมพูชาไม่สามารถเสนอแผนบริหารดังกล่าวเพื่อ ให้ได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการมรดกโลกได้ เราประกาศชัดเจนว่าจะไม่ยินยอมให้มีคณะกรรมการไม่ว่ากี่ชาติเข้ามาบริหาร จัดการพื้นที่ของเรา นี่คือจุดยืนของรัฐบาลตลอด 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการจัดทำแผนที่ประกอบการบริหารพื้นที่รอบๆ ปราสาทพระวิหาร ทางกัมพูชายอมรับในเอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการมรดกโลกว่าไม่สามารถที่จะทำ แผนที่ โดยเฉพาะบริเวณทิศเหนือกับทิศตะวันตกของปราสาทพระวิหารได้ ด้วยเหตุผลที่ว่าปัญหาการจัดทำหลักเขตแดนนี้ยังไม่มีข้อยุติ ที่ยังไม่มีข้อยุติกัมพูชามาเซ็นเอ็มโอยูปี 2543 มีกลไกจีบีซีทำหน้าที่เจรจา ตรงนี้ตนอยากจะย้ำว่าการมีเอ็มโอยูตรงนี้เหมือนมีการมัดทางกัมพูชาเอาไว้ ทำให้ยังไม่สามารถดำเนินการบริหารจัดการพื้นที่รอบๆ ปราสาทที่ถือว่าเป็นดินแดนของเรา

"ผมมีความรู้สึกแปลกใจว่าข้อเรียก ร้องของทางกลุ่มพันธมิตรฯ ต้องการให้เราถอนตัวจากมรดกโลกและยกเลิกเอ็มโอยูทันที จะเป็นประโยชน์ต่อเราจริงหรือไหม การจะถอนตัวออกจากมรดกโลกเท่ากับเราปล่อยให้ประเทศต่างๆ ที่อยู่ในมรดกโลก และประชาคมโลก ฟังความจากกัมพูชาฝ่ายเดียว จะไม่เป็นประโยชน์เลยหากไม่มีคนไปคัดค้าน หมายความว่าต่อไปกัมพูชาจะได้รับความเห็นชอบจากแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบ ปราสาท ถึงเวลานั้นก็จะมีชาติต่างๆ เข้ามาวุ่นวายในบริเวณนี้มากขึ้นและจะผลักให้คนเหล่านั้นกลับมาเป็นปฏิปักษ์ กับไทย ผมไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรเลยในการเป็นสมาชิกมรดกโลกในขณะนี้ แต่ผมยอมไม่ได้ เพราะผมไม่ต้องการให้เราเสียเปรียบมากยิ่งขึ้นในเรื่องดินแดนและอธิปไตยของ เรา แต่การถอนตัวในขณะนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์เลย" นายอภิสิทธิ์กล่าว

ไม่ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน

นาย อภิสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับเรื่องเอ็มโอยูนอกเหนือจากประโยชน์ที่เราใช้ในการดำเนินการเรื่องมรดก โลก ข้อห่วงใยจากประชาชน นักวิชาการ ซึ่งบางคนตนได้พูดคุยด้วยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เข้าใจตรงกันว่าเอ็มโอยูไปยอมรับแผนที่ 1:200,000 โดยเฉพาะแผนที่ระวางดงรัก ที่เกี่ยวข้องกับปราสาทพระวิหาร ตนขอเรียนว่าตนต่อต้านการยอมรับแผนที่ดังกล่าวมาโดยตลอด นี่เป็นรัฐบาลแรกที่แจ้งต่อกัมพูชาว่าเราไม่ยอมรับแผนที่ 1:200,000 ซึ่งเป็นสิ่งที่พันธมิตรมีจุดยืนเช่นนี้ แต่ว่าความเข้าใจที่อาจจะคลาดเคลื่อนหรืออะไรก็แล้วแต่ กลับไปหยิบข้อมูลที่ทำให้สับสน ต้องไม่ลืมว่าแผนที่ดังกล่าวหรือแผนที่ฝรั่งเศสไม่ได้มีระวางเดียว แต่ละพื้นที่ก็มีข้อเท็จจริงไม่เหมือนกัน แม้แต่ 7 คนไทยที่ถูกจับ ที่ตนนำแผนที่ออกมาแสดง เป็นการลายแผนที่ 1;50,000 L7018 ซึ่งยังไม่ทำหลักเขต

"รัฐบาลไม่มีผลประโยชน์อื่นใด ผมจะไปมีประโยชน์อะไรกับการยกดินแดนให้ต่างชาติ ผมต้องดูแลพี่น้องว่าแนวทางการแก้ปัญหาของไทยเป็นแนวทางที่ยอมรับในสากล ไม่ให้เสียเปรียบต่อการต่อสู้ หากแม้ว่าผมมีผลประโยชน์แม้แต่นิดเดียวในการแลกกับอธิปไตยของไทย ผมไม่เพียงแต่ออกจากรัฐบาล แต่ออกจากประเทศไทยด้วยซ้ำ ผมไม่ทำแน่นอน และก็ไม่มีหลักฐานอะไร หรือข้อมูลที่นำเสนอว่าผมไปทำเช่นนั้น สิ่งที่ผมทำมีเหตุผลรองรับ กองทัพและหน่วยงานต่างๆ ปฏิบัติตรงกันและปกป้องอธิปไตย เวลานี้กำลังตึงเครียด ทำไมเราคนไทยไม่มาสนับสนุนกองทัพในการปฏิบัติหน้าที่ จริงอยู่ที่มีความสูญเสีย แต่ข้อเท็จจริงก็ปรากฏออกมาชัดเจนว่าคนและกองทัพของเราทำเต็มที่ เรามีหน้าที่ให้กำลังใจ รวมพลังสามัคคีกันเพื่อปกป้องดินแดนและอธิปไตยของไทย ไม่ควรใช้เวลานี้มาเล่นการเมืองบั่นทอนกัน" นายอภิสิทธิ์กล่าว<table align="right" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"><tbody><tr bgcolor="#400040"><td>
1.ทัพเขมร - ทหารกัมพูชาระดมอาวุธหนักตรึงกำลังตลอดแนวชายแดนด้านปราสาทเขาพระวิหาร ก่อนเปิดฉากยิงถล่มกับทหารไทยเมื่อเย็นวันที่ 6 ก.พ.อย่างหนักหน่วง กว่าเดิม

2.เขมรอพยพ-ชาวเขมรที่อาศัยอยู่ใกล้เขาพระวิหาร หอบลูกจูงหลานหนีกระสุนปืนใหญ่จากการสู้รบ โดยฝั่งเขมรเสริมกำลังทหารและอาวุธเข้ามายังชายแดนไทยเป็นจำนวนมาก

3.หลั่งเลือด - เจ้าหน้าที่ลำเลียงทหารไทยที่บาดเจ็บจากการปะทะกับทหารกัมพูชา เข้ารักษาตัวที่ร.พ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ หลังการสู้รบปะทุขึ้นครั้งใหญ่ในช่วงเย็นวันที่ 6 ก.พ.

4.ไทยอพยพ - ชาวบ้านตามแนวชายแเดนไทย-เขมร อพยพลี้ภัยสงครามมาพักอยู่ศูนย์อพยพชั่วคราวหอประชุมที่ว่าการอ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อย่างต่อเนื่อง ขณะที่สถานการณ์สู้รบยังรุนแรง

</td></tr></tbody></table>

ย้ำถอนทหารจากพื้นที่ไม่ได้

นาย อภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า ขอย้ำว่าขณะนี้จะเห็นได้ชัดว่าปัญหาการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก กำลังเป็นปัญหาที่นำไปสู่ความขัดแย้ง ดังนั้น ไทยจึงต้องเดินหน้าคัดค้าน และตนคิดว่าควรทำให้ทั่วโลกเข้าใจสถานการณ์ความเป็นจริงซึ่งประเทศไทยได้ พยายามชี้แจงมาโดยตลอด ก็เชื่อว่าน่าจะมีความเข้าใจที่ดีขึ้น โดยมีการทำหนังสือชี้แจงไปแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหาการยิงปะทะกันบริเวณแนวชายแดน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงต้องดูอีกครั้งว่าจะทำกันอย่างไร แน่นอนว่าทางกัมพูชาพยายามขอให้มีการถอนทหาร ซึ่งตนยืนยันมาตลอดว่าไทยคงทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะไทยต้องรักษาสิทธิ ดังนั้น การตรึงกำลังของทั้งสองฝ่ายอยู่ในพื้นที่ข้อพิพาทย่อมมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ก็ต้องพยายามหาวิธีการในการประสานงาน เมื่อถามว่าการที่กัมพูชายื่นหนังสือร้องไปยังองค์การสหประชาชาติจะเกิดผล กระทบอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ไทยก็ได้ชี้แจงไปแล้ว โดยยืนยันว่าไทยไม่ได้ดำเนินการก่อน สิ่งที่ประเทศไทยทำเป็นการปกป้องและตอบโต้ไปตามเป้าหมาย เพราะมีการยิงเข้ามาเท่านั้นเอง

นายกฯ กล่าวต่อว่า ถ้าไม่มีเอ็มโอยูคงจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นตลอดแนวชายแดนและตลอดเวลา ดังนั้น จึงอยู่ที่การดำเนินการเพื่อให้ได้ข้อยุติที่ตรงกัน จะไปบังคับให้จบได้อย่างไร หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่สามารถยอมรับผลต่างๆ ได้ ต่างประเทศก็เป็นอย่างนี้ ในหลายๆ ประเทศก็เป็นอย่างนี้ คือต้องค่อยๆ ดำเนินการไป แต่จะเป็นตัวรั้งไม่ให้ทั้งสองฝ่ายหันไปใช้วิธีการใช้กำลังเพียงอย่างเดียว

บอกตรงๆ-พธม.พูดเท็จเพียบ

ผู้ สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ทางกลุ่มพันธ มิตรฯ ยังเคลื่อนไหวไม่หยุดและยกระดับสูงขึ้น นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าต้องมีหน้าที่ให้ข้อมูลให้มากที่สุด ส่วนการประสานงานก็มีคนของรัฐบาลไปพูดคุยกับแกนนำพันธ มิตรฯ แต่ยังเห็นไม่ตรงกัน แต่จะไปห้ามไม่ให้เกิดเป้าหมายในการชุมนุมอย่างไรคงห้ามไม่ได้ แต่ตนเป็นห่วงว่าการรับฟังข้อมูลนั้นควรรับฟังทุกด้าน เพราะรัฐบาลก็รับฟังข้อมูล ตนจึงไม่เข้าใจว่าการปฏิเสธการเจรจานั้นเพื่อวัตถุประสงค์ใด นอกเสียจากว่าเป็นเรื่องการเมืองไปแล้ว เมื่อถามว่า แต่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้มีฉันทามติเรียกร้องให้รัฐบาลทั้งคณะลาออก นายกฯ กล่าวว่า จะไม่ฉันทามติอย่างไรในเมื่อคนที่อยู่ตรงนั้นย่อมเห็นด้วยกันอยู่แล้ว

"เห็น ได้ชัดว่าบรรดาผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการหลายคน ยินดีที่จะคุย แต่ทางพันธมิตรฯ ไม่ยอมคุย และนักวิชาการอีกหลายคนที่ให้ข้อมูลก็ยินดีที่จะคุย ซึ่งตนได้เชิญมาคุยและจะพยายามคุยต่อไป และความจริงกลุ่มพันธมิตรฯ เคยมาออกโทร ทัศน์ด้วยกันแล้ว และผมคิดว่าถ้าเขาสนใจตนก็ยินดี แต่อย่างที่บอกคือแปลกใจที่ไปกล่าวหาอะไรรุนแรงกันไปเสียหมด แต่เป็นเรื่องเท็จหลายเรื่อง ขอบอกกันตรงๆ" นายอภิสิทธิ์กล่าว และว่า ตนพร้อมจะคุย เพราะตนอยู่กับข้อมูลที่เป็นจริง และไม่เปลี่ยนแปลง แต่อย่างไรก็ตาม การจะมาออกรายการร่วมกันนั้นย่อมต้องมีกติการ่วมกัน ขณะนี้ยังมอบให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลการเคลื่อนไหวและชุมนุมของกลุ่ม ต่างๆ เพื่อให้ทุกอย่างอยู่ในกรอบกฎหมาย และตนเรียกร้องผู้ชุมนุมด้วยว่าต้องเคารพกฎหมาย

ปลัดมท.รุดเยี่ยมชายแดน

เมื่อ เวลา 09.30 น. ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายมงคล สุระสัจจะ อธิบดีกรมการปกครอง นายประทีป กีรติเรขา รองอธิบดีกรมการปกครอง และข้าราชการระดับสูงของกรมการปกครอง เดินทางไปประชุมร่วมกับนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ. ศรีสะเกษ และคณะ หัวหน้าส่วนราชการของ จ.ศรีสะเกษ เพื่อรับทราบข้อมูลเบื้องต้น กรณีการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยสงครามจากการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับ ทหารกัมพูชา ซึ่ง ผวจ.ศรีสะ เกษได้รับรายงานสรุปสถานการณ์ให้ทราบ โดยได้มอบเงินช่วยเหลือชาวบ้านที่บ้านเรือนโดนไฟไหม้ทั้งหลัง เนื่องจากโดนกระสุนปืนใหญ่จากทหารกัมพูชา จำนวน 7 ราย รายละ 30,000 บาท จากนั้น ปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมประชาชนที่อพยพหนีภัยสงครามที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอ กันทรลักษ์หลังใหม่ที่อยู่ใกล้กัน และได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ตัวแทนประชาชน เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน

นายวิเชียรกล่าวว่า ขณะนี้มีประชาชนชาวศรีสะเกษที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อพยพหนีภัยสงครามจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 6,000 คน ซึ่ง ผวจ.ศรีสะเกษได้จัดเตรียมเงินราชการเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย สงคราม จำนวนทั้งสิ้น 50 ล้านบาท และยังไม่มีปัญหาในการให้ความช่วยเหลือประชาชนแต่อย่างใด ส่วนประชาชนที่บ้านเรือนโดนไฟไหม้ทั้งหลังและเสียหายเป็นบางส่วนนั้น ตนจะได้ให้การช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการรายละ 30,000 บาท ส่วนผู้เสียชีวิตได้ช่วยเหลือจำนวน 10,000 บาท แต่อย่างไรก็ตาม ตนได้รับทราบนโยบายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงว่า ทางรัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือสร้างบ้านทั้งหลังให้กับประชาชนที่บ้านเรือน โดนกระสุนปืนใหญ่และไฟไหม้ โดยจะสนับสนุนเงินมาให้และขอรับการสนับสนุนแรงงานในการก่อสร้างจากวิทยาลัย เทคนิคศรีสะเกษ และวิทยาลัยการอาชีพศรีสะเกษ เพื่อขอให้ส่งนักศึกษาช่างก่อสร้างมาช่วยดำเนินการก่อสร้างให้ชาวบ้าน โดยจะไม่มีการสร้างบ้านแบบสำเร็จ รูปให้ เนื่องจากว่าการสร้างบ้านจะต้องสร้างตามใจผู้อยู่นั่นเอง

ศรีสะเกษปิดโรงเรียน 3 วัน

ปลัด กระทรวงมหาดไทยกล่าวต่อไปว่า ส่วนการช่วยเหลือชาวบ้านที่สวนยางพาราถูกกระสุนปืนใหญ่และไฟไหม้เสียหายนั้น จะต้องใช้เงินที่ได้รับบริจาคมาให้การช่วยเหลือ เนื่องจากว่าไม่มีระเบียบกำหนดไว้เกี่ยวกับการให้การช่วยเหลือในส่วนนี้ ตนจะได้รายงานเรื่องนี้ให้ รมว.มหาดไทยทราบ เพื่อที่จะได้หาทางช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยสงครามในครั้งนี้ อย่างเต็มที่ต่อไป

เวลา 12.30 น. วันเดียวกัน ที่โรงเรียนบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ นายวรรณะ บุญสุข ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 4 ได้นำคณะมาตรวจสอบสภาพโรง เรียนที่ถูกกระสุนปืนใหญ่จำนวน 2 ลูก จากนั้นกล่าวว่า ขณะนี้ตนได้สั่งการให้ผู้บริหารโรงเรียนที่อยู่ติดกับแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และได้รับผลกระทบจากการปะทะกัน สั่งปิดโรงเรียนประถมศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ศรีสะเกษ เขต 4 จำนวนทั้งสิ้น 20 โรง เป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 7-9 ก.พ. เพื่อความปลอดภัยของครูและนักเรียน หากสถานการณ์ยังไม่ปลอดภัยก็อาจจะต้องสั่งปิดโรงเรียนออกไปอีก จนกว่าเหตุการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าจากการปะทะกันทำให้เด็กนักเรียนได้รับผลกระทบ จำนวนทั้งสิ้น ประมาณ 5,000 คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์การเรียนการสอนต่างๆ ได้สูญหายไประหว่างวิ่งหลบหนีภัยสงคราม

ปะทะอีก-คณะปลัดหนีกระเจิง

ต่อ มาเวลา 13.30 น. นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทร ลักษ์ โดยขณะกำลังเดินตรวจสอบสภาพความเสียหายของโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ซึ่งโดนกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชาได้รับความเสียหายพังยับเยิน ปรากฏว่าได้รับแจ้งทางวิทยุสื่อสารว่าเกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหาร กัมพูชาที่บริเวณบ้านซำแต ทางด้านเขื่อนห้วยขนุน ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ คณะของปลัดกระทรวงมหาดไทยรีบพากันวิ่งไปขึ้นรถเพื่อออกนอกพื้นที่อย่างเร่ง ด่วน เพื่อหนีวิถีกระสุนปืนใหญ่

นายบุญรวม พงษาปาน ผอ.ร.ร.บ้านภูมิซรอล กล่าวว่า มีการปะทะกันที่ช่องซำแต มีเสียงปืน ค.ดังขึ้นจำนวน 3 นัด แต่ไม่ทราบว่าเป็นเสียงปืนที่ยิงจากฝ่ายใด เวลาเดียวกันยังเกิดการปะทะกันที่ช่องตาเฒ่า ใกล้เขาพระวิหาร โดยมีการใช้อาวุธปืนประจำกายยิงปะทะกันประมาณ 5 นาที ยังไม่ทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด

ทางด้าน นายมงคล สุระสัจจะ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า กรณีที่เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.ศรีสะเกษ ให้การช่วยเหลือชาวบ้านเป็นไปอย่างรวดเร็วดีมาก และไม่มีปัญหาในการให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยสงครามแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านอาหารการกิน เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ชาวบ้านได้รับประทานอาหารเพียงวันละ 3 มื้อเท่านั้น แต่เมื่อมาอยู่ที่ศูนย์อพยพได้รับประทานอาหารถึงวันละ 5 มื้อทีเดียว

แฉยิงกันกลางดึกที่ภูมะเขือ

แหล่ง ข่าวทางทหารแจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. เมื่อคืนวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่บริเวณช่องโดนอาว ติดกับภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร ด้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่ส.อ.วุธชรินทร์ ชาติคำดี หัวหน้าชุดยิง ร.16 พัน 2 ค่ายบดินทรเดชา จ.ยโสธร ถูกซุ่มยิงเสียชีวิตคาที่ ได้เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาด้วยอาวุธประจำกาย นานประมาณ 5 นาที โดยไม่มีรายงานว่ามีทหารไทยและทหารกัมพูชาได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ทหารไทยจับตัวทหารกัมพูชาได้ 6 คน แต่ได้ปล่อยกลับไปเมื่อเวลาประมาณ 05.30 น. วันที่ 6 ก.พ.ไปแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดภาวะตึงเครียดมากขึ้น

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์อพยพผู้ประสบภัยโรงเรียนบ้านท่าสว่าง หมู่ที่ 2 ต.โนนสำราญ อ.กันทรลักษ์ มีราษฎรในพื้นที่บ้านท่าสว่าง บ้านโนนสำราญ บ้านโศกขามป้อม และจากหมู่บ้านใกล้เคียง อพยพมาอาศัยอยู่จำนวนประมาณ 2 พันคน โดยทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมที่นอนบนอาคารเรียนให้ผู้อพยพได้นอนพัก นอกจากนั้นก็ได้กางเต็นท์ไว้กลางสนามของโรงเรียนอีกด้วย เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์แจ้งว่าข้าวปลาอาหารไม่เพียงพอ เนื่องจากอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง ผู้ที่นำสิ่งของบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยก็จะนำไปที่ศูนย์อพยพที่ว่าการ อำเภอกันทรลักษ์เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากสะดวกกว่า

นางธีรภัทร ดอกรัก อายุ 20 ปี อยู่บ้านโศกขามป้อม ต.ภูผาหมอก หนึ่งในผู้อพยพ กล่าวว่า เพิ่งคลอดลูกคนแรกได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น ต้องพามาอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพ ลูกต้องอยู่อย่างลำบาก กลางคืนอากาศหนาวเย็นมากอยากให้สถานการณ์การสู้รบที่ชายแดนเขาพระวิหารยุติ ลง และกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพราะชาวบ้านเขาเดือดร้อนกันหมดทุกคน หลายคนสูญเสียบ้าน บางคนสูญเสียคนรัก อยากให้รัฐบาลรีบแก้ไขปัญหาให้จบโดยเร็วด้วย

พ่อค้าเขมรปิดร้านแต่หัววัน

ผู้ สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับประชาชนชาวบ้านภูมิซรอลส่วนหนึ่ง ที่อพยพหนีภัยสงครามไปอยู่ที่ศูนย์อพยพหอประชุมที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ เมื่อเห็นข่าวว่ามีการประกาศหยุดยิงแล้ว จึงเดินทางกลับบ้านด้วยความเป็นห่วงทรัพย์สินหลายสิบครอบครัวด้วยกัน แต่พอมีข่าวการปะทะซ้ำอีก จึงหอบลูกจูงหลานกลับมาเช่นเดิม ทั้งนี้ ในหมู่บ้านภูมิซรอลมีตำรวจคอยประจำการป้องกันการโจรกรรมทรัพย์สินผู้อพยพหนี ภัยสงคราม

เวลา 15.00 น. กลุ่มพ่อค้าชาวกัมพูชาในตลาดช่องจอม อบจ.บ้านด่านพัฒนา ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ต่างเร่งรีบจัดเก็บสินค้าปิดร้าน เพื่อเดินทางกลับโอเสม็ด อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา หลังรับชมข่าวโทรทัศน์มีข่าวลือว่ามีเสียงปืนดังขึ้นที่บริเวณเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ หวั่นทหารสั่งปิดประตูด่านช่องจอม

นายพิจิตร บุญทัน นายอำเภอกาบเชิง กล่าวว่า เป็นข่าวโคมลอยขอให้ประชาชน พ่อค้า รับฟังข่าวสารจากทางราชการ หากเกิดเหตุการณ์ปะทะสู้รบจริงอำเภอจะแจ้งให้ทราบ

ไก่อูยันไม่มีเหตุปะทะซ้ำ

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกอง ทัพบก กล่าวว่า ไม่มีทหารไทยถูกจับกุม ซึ่งทั้ง 4 นายที่ถูกอ้างถึงนั้นเป็นชุดประสานงานที่ทางไทยส่งไปประสานงานกับกัมพูชา ซึ่งขณะนี้ได้ถอนกำลังทั้งหมดกลับมาแล้ว ส่วนอีก 1 นายเป็นทหารกองประจำการที่พลัดหลงเข้าไปในพื้นที่โดยไม่ได้ตั้งใจ และขณะนี้ทางการกัมพูชาก็ได้รับตัวไว้ดูแล โดยเข้าใจว่าไม่ได้มีความตั้งใจ และพร้อมที่จะส่งกลับมาภายใน 1-2 วันนี้ ส่วนประชาชนที่อพยพจากพื้นที่หมู่บ้านภูมิซรอลก็คาดว่าในวันพรุ่งนี้จะ สามารถทยอยเดินทางกลับพื้นที่ได้ในบางส่วน

พ.อ.สรรเสริญยังกล่าวถึง กระแสข่าวเกิดการยิงปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชาอีกรอบว่า จากการตรวจสอบกับกองกำลังสุรนารีที่ดูแลในพื้นที่ยืนยันว่าไม่มีเหตุดัง กล่าว ส่วนจะเกิดเสียงปืนดังขึ้นหรือไม่นั้นยังไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่หากเป็นการยิงปืนก็อาจเกิดจากเหตุเรื่องอื่นมากกว่า จากการเจรจากันวานนี้ก็มีมติร่วมกันแล้วว่าจะไม่มีการยิงหรือปะทะกัน ซึ่งทหารไทยและกัมพูชาต่างก็รักษาอธิปไตยของตนเอง

ชินวรณ์ชี้โรงเรียนพัง 3 ล้าน

นาย ชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิ การ (ศธ.) กล่าวว่า ได้มอบให้เขตพื้นที่การศึกษาประเมินความเสียหายของโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ที่ถูกกระสุนปืนใหญ่จากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 3 ล้านบาท เนื่องจากหลังคาและอาคารแบบเรียน 2 ชั้นพังทลาย ส่วนการเปิดการเรียนการสอนของโรงเรียนคาดว่าไม่กระทบ โดยให้ใช้อาคารหอประชุม และเต็นท์สนามเป็นอาคารเรียนชั่วคราว

นาย ชินวรณ์ยังกล่าวถึงความปลอดภัยของโรงเรียนตามแนวชายแดนว่า ได้มอบหมายให้เขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดศรีสะเกษประเมินสถานการณ์ และมีอำนาจการตัดสินใจ โดยให้เน้นเรื่องของความปลอดภัยเป็นสำคัญ และให้ประสานความร่วมมือกับแม่ทัพภาคที่ 2 และทำความเข้าใจกับผู้ปกครองและนักเรียน หากมีสถานการณ์ฉุกเฉินให้หลบในที่ปลอดภัย และให้ครูทำหน้าที่เสมือนทูตสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนที่อยู่ ตามแนวชาย แดน เนื่องจากส่วนใหญ่อยู่อาศัยกันแบบญาติ และบางส่วนก็เป็นญาติพี่น้องกัน

เพื่อไทยไล่มาร์ค-กษิตออก

เมื่อ เวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสีย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นความล้มเหลวในการทำงานของรัฐบาลที่ ไร้เดียงสา ขาดความสามารถ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นผิดตั้งแต่ที่นายอภิสิทธิ์แต่งตั้งนายกษิต ภิรมย์ เป็น รมว.ต่างประเทศ การส่งนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่จนถูกจับกุมดำเนินคดี ในข้อหารุกล้ำพื้นที่กัมพูชา จนกลุ่มพันธ มิตรฯ นำมาเป็นประเด็นกดดันรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลยังลอยตัวอยู่เหนือปัญหา โดยโยนให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศในการชี้แจง

นายพร้อม พงศ์กล่าวว่า ฝ่ายค้านเป็นห่วงเจ้าหน้าที่ ประชาชน ที่บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ขณะที่นักการเมืองยังทำงานอยู่ใน กทม.โดยไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ทั้งที่ปัญหาดังกล่าวเกิดจากที่การเมืองสร้างขึ้น โดยตั้งคนที่ไม่ถูกกับงานมาทำหน้าที่ จึงขอให้รัฐบาลทบทวนนโยบายต่างประเทศใหม่ เพราะประชาชนไม่ต้องการให้เกิดการรบกัน ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือประชาชน เพราะเห็นว่าประเทศเพื่อนบ้านกันน่าจะหาประโยชน์ร่วมกันมากกว่าที่จะมารบกัน พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์แก้ปัญหาในประเทศ และอย่านำปัญหาของกลุ่มพันธมิตรฯ ไปผูกโยงกับต่างประเทศ ที่สำคัญคือต้องทบทวนนโยบายต่างประเทศใหม่ และต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นโดยการลาออกไปพร้อมกับนายกษิต และให้คนที่มีความรู้ความสามารถในการบริหารประเทศมาทำหน้าที่แทน เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังมีคนที่ดี รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาลน่าจะมีคนดีที่พร้อมทำหน้าที่อีกมาก

โพลชี้แก้ปัญหาด้วยสันติวิธี

วัน เดียวกัน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สรุปผลสำรวจ "ประชาชนคิดอย่างไรกับเหตุปะทะไทย-เขมร" พบว่า อันดับ 1 มาจากปัญหาการล้ำเส้นเขตแดนที่เป็นปัญหายืดเยื้อมานาน และยังหาข้อยุติไม่ได้ คิดเป็น 49.27% อันดับ 2 เป็นห่วงชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นได้รับอันตรายหรือถูกลูกหลง คิดเป็น 36.21% อันดับ 3 ไม่อยากให้มีการปะทะกัน เพราะไทยกับเขมรก็เป็นเพื่อนบ้านกัน 14.52%

เมื่อถามว่าจากเหตุปะทะ กันรัฐบาลควรดำเนินการอย่างไร อันดับ 1 รัฐบาลต้องแก้ปัญหาด้วยการเจรจาอย่างสันติวิธี ประนี ประนอม 44.58% อันดับ 2 รัฐต้องแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เด็ดขาด เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของประเทศชาติ 34.63% อันดับ 3 รัฐต้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับคนไทยและต่างชาติเข้าใจสถานการณ์ที่ เกิดขึ้น พร้อมหาแนวร่วม 20.79% เมื่อถามต่อว่า จากเหตุดังกล่าวกองทัพไทยควรดำเนินการอย่างไร อันดับ 1 ต้องปกป้องรักษาแผ่นดินไทยไม่ให้ทหารเขมรเข้ามายึดครองได้ 38.66% อันดับ 2 ต้องมีการข่าวที่ดี มีการวางแผนเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจบานปลาย/ไม่ประมาท 33.09% อันดับ 3 ต้องเตรียมพร้อมทั้งด้านกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ 28.25%

ส่วน ถามว่าในฐานะประชาชนจะมีส่วนช่วยในเรื่องนี้อย่างไร อันดับ 1 เป็นแรงใจและส่งกำลังใจให้กับทุกฝ่าย โดยเฉพาะทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตย 52.16% อันดับ 2 ติดตามข่าวสารต่อเนื่อง มีวิจารณญาณในการรับข้อมูลไม่สร้างความวุ่นวายให้สังคม 27.40% อันดับ 3 ให้ความช่วยเหลือ บริจาคเงินข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้ชาวบ้านที่เดือดร้อน 20.44% สุดท้ายถามว่าทางออกของเรื่องนี้ควรทำอย่างไร อันดับ 1 คงหาทางออกได้ยาก เนื่องจากเป็นปัญหามานานตั้งแต่สมัยปู่ ย่า ตา ยาย 53.26% อันดับ 2 ไทยและเขมรจะต้องมีความจริงใจแก้ปัญหา นำข้อมูลหลักฐานที่เป็นจริงออกมาพิสูจน์กัน 24.56% อันดับ 3 ผู้นำของทั้ง 2 ประเทศควรเจรจาตกลงกัน โดยทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับได้ 22.18%

มหานัดพธม.รวมตัว 11 ก.พ.

เมื่อ เวลา 10.00 น. ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายประพันธ์ คูณมี และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ ร่วมกันแถลงข่าวรายวันเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลให้ลาออก และการแก้ไขปัญหาชาย แดนไทย-กัมพูชา โดยพล.ต.จำลองกล่าวว่า ในวันที่ 11 ก.พ. เวลาประมาณ 09.30 น. ขอให้สมาชิกพันธมิตรฯ ทุกคนมารวมตัวกันบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์แห่งนี้ เพื่อเคลื่อนขบวนไปยังสถานที่สำคัญ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยสถานที่ที่จะเดินทางไป โดยการเคลื่อนไหวครั้งนี้เพื่อกดดันเรียกร้องนายอภิสิทธิ์และรัฐบาลช่วย พิจารณาตนเองด้วยการลาออก อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ก็ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน จำนวน 10 คน เพื่อจะเข้ามาดูแลข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มีต่อรัฐบาลให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนบรรยากาศในพื้นที่การชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ตั้งแต่ช่วงเช้ามี ผู้ชุมนุมบางตา บนเวทีเป็นการจัดรายการข่าว เนื้อหาส่วนใหญ่โจมตีรัฐบาลอย่างดุเดือด รวมทั้งเหตุการณ์สู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา มีผู้ชุมนุมนั่งฟังหน้าเวทีประมาณ 100 คน ส่วนการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณทำเนียบรัฐบาล พบว่ามีกำลังตำรวจชุดปราบจลาจลหลายกองร้อยประจำการอยู่ภายใน มีโล่ กระบอง แก๊สน้ำตา และรถห้องขัง พร้อมปฏิบัติการทันที หากมีผู้ชุมนุมบุกเข้ามาในทำเนียบ

เขมรเปิดฉากถล่มปืนใหญ่อีก

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. ทหารไทย-กัมพูชา ได้เปิดศึกปะทะกันอย่างหนักอีกครั้ง ถล่มกันด้วยกระสุนปืนใหญ่ อาวุธหนักนานาชนิดและอาวุธประจำกาย ที่บริเวณช่องโดนอาว ชายแดนไทย-กัมพูชา ทางด้านทิศตะวันออกของเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากนั้นทหารทั้ง 2 ฝ่ายได้เปิดฉากปะทะกันอีกหลายจุดตลอดแนวเขาพระวิหาร ทั้งด้านทิศตะวันออกของเขาพระวิหาร คือ ช่องโดนอาว ช่องตาเฒา รวมทั้งบนเขาพระวิหาร และภูมะเขือ ทางด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร เสียงปืนทั้งอาวุธหนักและอาวุธประจำกายดังระงมอย่างต่อเนื่อง ส่วนชาวบ้านตามหมู่บ้านแนวชายแดนเขาพระวิหาร ทั้งประชาชนชาวไทยและชาวกัมพูชา ได้ถูกสั่งให้เร่งอพยพออกจากพื้นที่แนวชายแดนกันครั้งใหญ่อย่างเร่งด่วนแล้ว

ทหาร กัมพูชายังได้ยิงปืนใหญ่ถล่มเข้ามาตลอดแนวชายแดน ไปจนถึงกิ่ง อ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี นอกจากนั้นยังได้เล็งปืนใหญ่มาถล่มที่บ้านซำเม็ง บ.ชำร่อง บ.ภูมิซรอล ต.เสาธงไชย ทำให้เกิดไฟไหม้ และบ้านเรือนเสียหาย ส่วนทหารได้ใช้ปืนใหญ่ยิงไปที่ฐานที่ตั้งของทหารในฝั่งกัมพูชา และรอบประสาทเขาพระวิหาร

อพยพชาวบ้านหนีโกลาหล

ขณะ เดียวกัน ทางส่วนราชการได้ระดมรถบรรทุกไปอพยพชาวบ้านตามแนวชาย แดนทั้งหมด ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเช้าเพิ่งออกจากศูนย์อพยพกลับบ้าน เนื่องจากคิดว่าสถานการณ์สงบลงแล้ว แต่ก็ต้องรีบหนีกลับออกมาอย่างโกลาหล โดยปืนใหญ่กัมพูชาจะเล็งเป้าไปที่บ้านเรือนประชาชนเป็นหลัก และภายในเขต อ.กันทรลักษ์ มีรถบรรทุกพาผู้อพยพไปติดอยู่ที่ศูนย์อพยพ เนื่องจากศูนย์ไม่สามารถรองรับผู้อพยพได้ทั้งหมด ซึ่งนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.ศรีสะเกษ ได้ระดมเจ้าหน้าที่มาที่ศูนย์เพื่อรองรับผู้อพยพแล้ว ขณะเดียวกันมีชาวบ้านจำนวนมากนำรถยนต์ไปเติมน้ำมัน แล้วขับมุ่งหน้าไปทาง จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี ซึ่งอยู่ห่างออกไป 60 ก.ม. เพื่อหนีวิถีกระสุน

เวลา 19.40 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์และยันยันว่า เมื่อเวลา 18.40 น. ทหารกัมพูชาได้ยิงกระสุนส่องสว่างนำก่อนที่จะยิงจรวดข้ามฝั่งมายังฝั่งไทย หลายนัด บริเวณภูมะเขือ บ้านโดนอาว อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ หลังจากที่ได้มีการปะทะกันเมื่อ 3 วันก่อน โดยทางกองทัพไทยได้ยิงตอบโต้ไปเช่นกัน ขณะนี้ก็ยังมีการปะทะกันอยู่ และยังไม่มีรายงานความสูญเสียและความเสียหาย ตอนนี้กำลังมีการประสานงานกันระหว่างกอง ทัพไทยและกองทัพกัมพูชาเพื่อให้มีการยุติการปะทะกันครั้งนี้อยู่

ยิงสู้แหลกนับชั่วโมงไม่เลิก

ต่อ มาเวลา 20.10 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศสถานการณ์บริเวณที่หมู่บ้านภูมิซรอล ยังมีการปะทะกันอยู่ โดยทางทหารไทยได้ยิงปืนใหญ่ตอบโต้ไปฝั่งกัมพูชา หลังจากที่ทหารกัมพูชาได้ยิงเข้ามาฝั่งไทย และทำให้บ้านเรือนเสียหายเป็นจำนวนมาก และที่บริเวณศูนย์พักพิงชั่วคราว อ.กันทรลักษ์ ขณะนี้มีชาวบ้านติดค้างอยู่ประมาณ 2,000 กว่าคน จุดนี้ห่างจากชายแดนประมาณ 30 กิโลเมตร ซึ่งค่อนข้างปลอดภัยจากวิถีกระสุนที่ทหารไทยกับทหารกัมพูชายิงตอบโต้กันไปมา ทางเจ้าหน้าที่ได้สั่งให้ชาวบ้านปิดไฟในบ้านของตัวเองทั้งหมด และรีบอพยพไปยังจุดที่ปลอดภัย ตอนนี้ถนนที่มุ่งหน้าออกไปจากชายแดนมีรถจำนวนมากออกไป ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนไม่สามารถออกไปได้ทัน โดยเฉพาะชุดรักษาความปลอดภัยของชาวบ้านซึ่งมีอยู่ประมาณ 30-40 คนที่ตกค้าง ได้หลบไปตามหลุมหลบภัยเป็นการชั่วคราว ซึ่งหลุมหลบภัยน่าจะมีเพียงพอ

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการปะทะกันที่ทหารไทยกับทหารกัมพูชายิงตอบโต้กันไปมาเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมงแล้ว และไม่มีทีท่าที่จะหยุดยิง ทำให้ชาวบ้านภูมิซรอลที่อยู่ติดกับแนวชายแดนไทย-กัมพูชา รวมไปถึงชาวบ้านที่อยู่ที่ศูนย์อพยพหรือพักพิงชั่วคราว อ.กันทรลักษ์ ต่างพากันหนีตายกันอลหม่าน ภาพลูกไฟที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าได้สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านเป็นจำนวนมาก หลังจากมีเหตุปะทะกันบริเวณภูมะเขือ ซึ่งเกิดขึ้นมาอีกระลอกในเวลา 19.00 น. มีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะๆ และมีความถี่มากขึ้นในช่วงเวลา 19.20 น. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้าง ความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านจำนวนมาก หลังจากตอนเช้าชาวบ้านได้กลับมาเพื่อดูแลบ้านเรือนของตัวเองแล้ว เพราะคิดว่าคงไม่มีการยิงปะทะเกิดขึ้นอีก

แฉเขมรยิงจรวดหลายร้อยลูก

ส่วน บนถนนสายกันทรลักษ์-ผามออีแดง มีรถวิ่งสวนกลับเข้ามาในตัวเมืองเป็นจำนวนมาก การจราจรค่อนข้างติดขัดจนเกิดความวุ่นวาย เจ้าหน้าที่ทหารได้สั่งให้หมู่บ้านที่อยู่ติดกับบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดับไฟป้องกันการโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม มีรายงานว่าทหารกัมพูชาได้ยิงจรวดหลายลำกล้องเข้ามายังบ้านซำเม้ง ต.เสาธงชัย จำนวนหลายร้อยนัดเพื่อโจมตีทหาร ไทย

ต่อมาเมื่อเวลา 20.45 น. ที่บริเวณสามแยกท่าสว่าง ต.บึงมะรู ได้มีนายชนแดนไทย สมมงคล อายุ 43 ปี เป็น จนท. อุทยานเขาพระวิหาร ขับขี่รถจยย. โดยมีนางสุกัญญา สุภาพงศ์ อายุ 27 ปี และ ด.ช.ศุภากร ชีพเพชร อายุ 3 ขวบ ขับขี่ด้วยความเร็วสูงหนีลงมาจากบริเวณเขาพระวิหาร จนเกิดอุบัติ เหตุได้รับบาดเจ็บ โดยนายชนแดนไทยกล่าวว่า ขณะเกิดเหตุกำลังกินข้าวอยู่ที่บ้านพักอุทยานเขาพระวิหาร โดยฝ่ายกัมพูชาถล่มไปที่ภูมะเขือ ก็รีบพาลูกเมียหลบ ขณะที่ทหารไทยที่อยู่บนอุทยานเขาพระวิหารได้ใช้ปืนเอ็ม 16 ยิงต่อสู้กับทหารกัมพูชาที่บุกเข้ามา แต่ตนเองไม่กล้าออกไปดู เพราะกระสุนวิ่งมาถูกบ้านที่พักอาศัยอยู่ จากนั้นได้พาหลบออกมา ซึ่งขณะนี้บริเวณอุทยานเขาพระวิหารยังมีเจ้าหน้าที่อีก 3 คนที่ยังออกมาไม่ได้ คือ นายสวัสดิ์ ลุนผง นายเดือน อุตะมัย นายถวิล ติจะนา

สำนัก ข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงพนม เปญอ้างแหล่งข่าวในกองทัพกัมพูชาระบุว่า เกิดการยิงสู้รบกันอีกครั้งระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาบริเวณพื้นที่พิพาท หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายเพิ่งทำข้อตกลงหยุดยิงกันไปเมื่อวันเสาร์ โดยแหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อระบุว่า "เรากำลังยิงต่อสู้กัน โดยฝ่ายทหารไทยเปิดฉากยิงใส่เราก่อน" การยิงปะทะกันครั้งล่าสุดเกิดขึ้นราวเวลา 18.35 น.

ระบุถล่มกันหนักกว่าทุกครั้ง

เมื่อ เวลา 21.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผ่านมาแล้วกว่า 2 ช.ม. ยังคงมีการปะทะกันในพื้นที่ และดูเหมือนว่าสถานการณ์ในพื้นที่ยังไม่มีท่าทีสงบลง และยิ่งจะบานปลายมากขึ้นตามลำดับด้วย ตอนนี้ยังคงมีจรวดยิงเข้ามาที่บ้านซำเม็งจำนวนหลายลูก และบนท้องฟ้าก็ยังคงมีลูกไฟลอยอยู่เป็นจำนวนมากบริเวณชายแดน ฝ่ายทหารไทยก็มีการเสริมกำลังเข้าไปในพื้นที่ด้วย

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ที่บริเวณโรงพยาบาลกันทรลักษ์ มีผู้บาดเจ็บจากการปะทะส่งมารักษาตัวจำนวน 7 ราย เป็นทหารราบ 3 ราย ทหารพราน 2 ราย พลเรือน 2 ราย โดยพลเรือนที่ได้รับบาดเจ็บ เกิดจากการถูกสะเก็ดระเบิด ขณะนี้ได้มีการระดมทีมแพทย์จาก อ.ขุนหาญ อ.เบญจลักษณ์ อ.กันทรา รมย์ และอุปกรณ์การแพทย์ รวมทั้งรถฉุกเฉิน เข้ามาตั้งประจำจุดร.พ.กันทรลักษ์ เพื่อช่วยลำเลียงผู้บาดเจ็บจากการปะทะกัน เนื่องจากวันนี้ การปะทะค่อนข้างจะดุเดือดรุนแรงกว่า 3 วันที่ผ่านมา

ผู้ สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่า สถานีโทรทัศน์ในกัมพูชา ได้รายงานออกอากาศในกรุงพนมเปญถึงเหตุการณ์ปะทะ มีทั้งหมดด้วยกัน 3 จุด โดยผู้สื่อข่าวกัมพูชารายงานว่ามีกระสุนปืนใหญ่ตกเข้ามาในเขตกัมพูชา เมื่อประมาณทุ่มกว่าๆ สังเกตเห็นเครื่องบินคาดว่าจะเป็นเครื่องบินทหารไทย บินอยู่เหนือบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร เหตุการณ์ปะทะเกิดขึ้นเวลา 18.40 น. บริเวณป้อมโดนอาว อ.กันทรลักษ์ ซึ่งเป็นบริเวณจุดเดียวกับที่เคยเกิดเหตุปะทะกันเมื่อ 3 วันก่อน ห่างจากปราสาทพระวิหารประมาณ 500 เมตร ประชาชนอยู่ในความสับสนและยังไม่สามารถติดต่อถึงกันได้ การติดต่อสื่อสารค่อนข้างยากลำบาก ประชาชนบางส่วนยังหลบอยู่หลุมหลบภัย บางส่วนก็หนีออกมาได้

[/FONT]

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNVEEzTURJMU5BPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHdNaTB3Tnc9PQ

 

ดุเดือดไทย-เขมรถล่มรอบ3ฮุนเซนโร่ร้องUN

​

ร้อนระอุไทย-เขมรเปิดฉากถล่มกันระลอกที่3เจ็บนับ10รบ.เขมรอ้างประสาทพัง ฮุน เซน ร้องUNประชุมฉุกเฉิน

วันนี้ 7 ก.พ.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังทหารไทยและกัมพูชาเปิดศึกยิงถล่มกันด้วยอาวุธหนัก 2 รอบ ในพื้นที่ชายแดนบริเวณภูมะเขือ ซึ่งอยู่ใกล้กับปราสาทพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีษะเกษ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ต้องพบกับฝันร้ายที่กลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง ต่างพากันหอบลูกหลานอพยพหนีไฟสงครามที่เริ่มตั้งเค้าขึ้น โดยเหตุปะทะล่าสุดทำให้ ส.อ.วุธชรินทร์ ชาติคำดี ทหารสังกัด ร.16 พัน 2 จ.ยโสธร เสียชีวิต และมีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บหลายราย ขณะเดียวกัน พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เปิดโต๊ะเจรจากับ พล.ท.เจีย มอญ ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชา ได้ข้อยุติให้มีการหยุดยิง แต่นายฮอ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ กัมพูชา ได้เดินเกมเรียกร้องไปยังสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นว่าไทยรุกล้ำดินแดน ขณะที่รัฐบาลไทยกลับต้องตั้งรับจากศึกภายใน คือบรรดาสารพัดม็อบที่ออกมาขับไล่ประท้วงรายวัน ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น

ตูมสนั่นรับปลัดมหาดไทย
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 07.50 น. วันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศช่วงเช้า ที่หอประชุมอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่ง เป็นที่พักชั่วคราวของประชาชนที่อพยพหนีภัยสงคราม ภายหลังฝ่ายไทย-กัมพูชา ได้เจรจาหยุดยิงกันแล้วเมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา เริ่มมีประชาชนบางส่วน ได้ทยอยเดินทางกลับบ้านเรือนของตนเองแล้ว เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินและสัตว์เลี้ยง แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ คงปักหลักอยู่ที่พักชั่วคราวเพื่อรอดูของสถานการณ์

ต่อมาเวลา 13.30 น.นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายมงคล สุระสัจจะ อธิบดีกรมการปกครอง และนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.ศรีสะเกษ ได้เดินทางลงพื้นที่หมู่บ้านภูมิซรอล หมู่ 2 และ หมู่ 12 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ เพื่อตรวจสอบสถานการณ์การให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งวางมาตรการอพยพประชาชนในกรณีฉุกเฉิน ต่อมาคณะของปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ไปตรวจสอบความเสียหายของบ้านเรือนประชาชน และให้สัมภาษณ์ที่ รร.ภูมิซรอลวิทยา จู่ๆ เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น 1 ครั้ง ที่บริเวณฐานทัพซำแต ใกล้กับช่องตาเฒ่า ห่างจากปราสาทพระวิหาร ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ 2 กม. ทำให้นายวิเชียรพร้อมคณะถึงกับตกใจตื่นหน้าถอดสี และได้รีบช่วยกันอพยพชาวบ้าน ก่อนขึ้นรถเดินทางกลับไปยังจุดอพยพใน อ.กันทรลักษ์ ทันที โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) จ.ศรีสะเกษ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บึงมะลู พร้อมอาวุธครบมือ คุ้มกันดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด

มทภ.2บินเช็กสถานการณ์
ภายหลังนายวิเชียร กล่าวว่า เสียงระเบิดและข่าวปะทะกันอีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้ เป็นข่าวจากวิทยุท้องถิ่นซึ่งไม่ได้กลั่นกรอง เมื่อมีการกระจายเสียงออกมาว่ามีการปะทะกันอีกครั้ง ทำให้ทางคณะฯ ของตนซึ่งขณะนั้นอยู่ใน รร.ภูมิซรอล รีบแจ้งเตือนให้ชาวบ้านรีบหลบภัยทันที แต่เมื่อตรวจสอบจากฝ่ายข่าวทหารจึงทราบว่าไม่มีการปะทะ แต่ถึงอย่างไรต้องไม่ประมาท ข่าวที่ออกมานั้นเป็นเพราะความระแวงยังมีอยู่ ทั้งนี้ ตนได้ประชุมกับผู้ว่าฯ และสั่งให้มีการจ่ายเงินสำรองฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ที่ผู้ว่าฯมีอำนาจเบิกจ่ายได้ 50 ล้านบาท โดยครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้เงิน 50,000 บาท ส่วนบ้านเรือนที่เสียหายได้หลักละ 30,000 บาท

ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ท.ธวัชชัย สุมทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พล.ต.ชวลิต ชุนประสาร ผบ.กองพลทหารราบที่ 6 และ ผบ.กองกำลังสุรนารี ได้บินด่วนโดยเฮลิคอปเตอร์ ลงจอดที่สนามหน้า รร.ภูมิซรอลวิทยา และรีบเร่งเดินทางขึ้นไปที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ในเขตพื้นที่พิพาท เชิงเขาพระวิหารทันที เพื่อควบคุมและติดตามสถานการณ์ กรณีที่มีเสียงระเบิดขึ้นอีกครั้ง ที่บริเวณชายแดนเขาพระวิหาร ทั้งๆที่ได้เจรจาสงบศึกกับทางกัมพูชาไปเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่ด่านผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ

ชายแดนยิงตอบโต้ประปราย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แม้จะเจรจาสงบศึกไปแล้ว แต่เสียงปืนตามแนวชายแดนเขาพระวิหาร ยังคงดังต่อเนื่องเป็นระยะๆ โดยเมื่อเวลา 22.00 น. คืนวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้เกิดการปะทะกันระหว่างทหารหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารที่ 23 กองกำลังสุรนารี กองพลทหารราบที่ 6 กองทัพภาคที่ 2 กับทหารกองพลน้อยสนับสนุนที่ 8 และ 11 ของกัมพูชาอีกครั้ง ที่ฐานทัพพนมตรุบนภูมะเขือ ห่างจากปราสาทพระวิหาร ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 2 กม. เป็นการยิงโต้ตอบด้วยอาวุธปืนเอ็ม 16 และอาก้า เอเค 47 เป็นเวลาสั้นๆ ประมาณ 5 นาที เสียงปืนจึงสงบลง โดยทหารทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

เวลา 17.00 น. สถานการณ์ที่หน้าผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ห่างจากปราสาทพระวิหาร 2 กม. ทหารไทยและกัมพูชายังคงปฏิบัติตามข้อตกลง ทั้ง 4 ข้อ ที่มีการเจรจากันไว้อย่างเคร่งครัด โดยผู้บังคับบัญชาทั้งสองฝ่ายดูแลควบคุมเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการไม่ให้ทำ การล่อแหลมที่อาจจะนำไปสู่เหตุการณ์บานปลาย ขณะนี้มีเพียงการวางกำลังตามแนวชายแดน แต่จะไม่มีการเสริมกำลัง และทหารทั้งสองฝ่ายจะประสานงานกันมากขึ้นเพื่อความเข้าใจที่ดีต่อกัน

ยอดผู้อพยพทะลุ 8 พันคน
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ล่าสุดประชาชนอพยพเข้ามาพักอาศัยอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือ ขณะนี้มีจำนวนกว่า 8,000 คน โดยกระจายออกไปพักอยู่ตามจุดต่างๆทั้งหมด 12 จุด นอกจากนี้ บริเวณที่ว่าการ อ.กันทรลักษ์ยังเปิดจุดรับบริจาค เพื่อนำมาจัดซื้ออาหารและยารักษาโรค และเครื่องกันหนาวให้กับผู้อพยพทั้งคนชรา ผู้หญิงและเด็ก ที่พบว่าป่วยเป็นไข้หวัด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
ด้านนายวรรณะ บุญสุข ผอ.สพท.ศรีสะเกษ เขต 4 เปิดเผยว่า ในขณะนี้ได้สั่งปิดโรงเรียนในพื้นที่เสี่ยงรวม 3 ตำบล คือ ต.เสาธงชัย ภูผาหมอก และโนนสำราญ รวม 23 โรงเรียน โดยมอบให้ผู้บริหารแต่ละโรงเรียนพิจารณาสั่งเปิดการเรียนการสอนเมื่อ สถานการณ์ไว้ใจได้

ขณะที่บรรยากาศบริเวณด่านตรวจที่ 1 สะพานห้วยดาน ถนนวิหาร หมู่ 12 บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย ห่างจากปราสาทพระวิหาร 10 กม. กองกำลังติดอาวุธของหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 กองกำลังสุรนารี และกองพลทหารราบที่ 6 กองทัพภาคที่ 2 ยังคงตรึงกำลังเข้ม สร้างบังเกอร์ นำท่อคอนกรีต รั้วลวดหนามวางขวางถนน ไม่อนุญาตให้บุคคลและยานพาหนะ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพผ่านเข้าออกอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้คณะของแม่ทัพภาคที่ 2 ยังไม่ได้เดินทางผ่านด่านกลับลงมาแต่อย่างใด

“ไก่อู”บูดเหวี่ยงสื่อเต้าข่าว
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกระแสข่าวการปะทะที่ จ.ศรีสะเกษ ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ว่าน่าจะเป็นการปล่อยข่าวเพื่อหวังผลบางอย่าง สร้างความเข้าใจผิด สับสนระส่ำระสาย ตนอยากทราบว่าผู้สื่อข่าวไปเอาข่าวมาจากไหน อยากให้คนปล่อยข่าวพาไปดูว่าเขายิงกันที่ไหน ยืนยันว่าไม่มีการยิงกันเพราะเราได้ทำข้อตกลงหยุดยิงไปแล้ว

เมื่อถามถึงตัวเลขที่กัมพูชาเสียชีวิตถึง 64 ศพ โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ไม่อยากจะให้พูดกันว่าใครแพ้ชนะ เพราะเราต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทหารของทั้ง 2 ประเทศคือผู้เสียสละ ตอนนี้ห่วงแต่ทหารไทยที่ถูกจับกุมตัว ตอนนี้กำลังรอผลเจรจาเพื่อขอปล่อยตัว

ด้านนายทหารคนสนิท พล.อ.เตีย บัน รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมกัมพูชา กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ พล.อ.เตีย บัน ไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง เรื่องที่เกิดมาจากคนไม่กี่คนที่มาทำให้ความสัมพันธ์ที่ดีของ 2 ประเทศต้องชะงัก ส่วนคนที่ก่อเรื่องกลับไม่อยู่ที่ชายแดนสักคน พล.อ.เตีย บัน รู้สึกเบื่อปัญหาเหล่านี้มาก และบอกว่าหากใครอยากเล่นเกมการเมืองก็เล่นไป แต่อย่าทำให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศต้องมารับกรรม และบาดเจ็บล้มตาย

ศพทหารกล้ากลับมาตุภูมิ
ที่บ้านเลขที่ 75 หมู่ 5 บ้านโคกสีไค ต.แวง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ซึ่งเป็นบ้านพักของ ส.อ.วุธชรินทร์ ที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีญาติของผู้ตายมารอรับศพท่ามกลางความโศกเศร้า โดยนายอุดม ชาติคำดี อายุ 61 ปี บิดาผู้ตายกล่าวเสียงสั่นเครือว่า ผู้ตายเป็นลูกคนที่ 6 สุดท้อง ส่วนแม่เขาเสียชีวิตไปกว่า 3 ปีแล้ว ตนเสียใจมากที่ต้องสูญเสียลูกชายซึ่งเป็นกำลังหลักของครอบครัว แต่ภูมิใจที่ลูกชายได้สละชีพเพื่อชาติอย่างสมศักดิ์ศรีชายชาติทหาร ลูกตนเคยบอกอยู่เสมอว่ารักประเทศชาติ อยากเป็นทหารเพื่อปกป้องมาตุภูมิจนลมหายใจสุดท้าย

ด้าน น.ส.สุปราณี มาตเนตร อายุ 20 ปี แฟนสาวของผู้ตาย กล่าวทั้งน้ำตาว่า พวกตนคบกันมาเกือบ 3 ปี และเมื่อวันที่ 4 ก.พ. ผู้ตายเพิ่งบอกว่าเตรียมให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอในเดือน เม.ย.นี้ แต่เมื่อตนเห็นข่าวยิงปะทะและโทรฯ ไปหาผู้ตายในวันที่ 5 ก.พ. จึงทราบว่าเขาเสียชีวิตจากเหตุปะทะไปแล้ว ตนเสียใจมาก อยากให้ทั้ง 2 ประเทศมีความสงบสุข

นายสุทิน บัวตูม ที่ปรึกษาคณะกรรมการนโยบายและแผนกลาโหม กระทรวงกลาโหม ได้กล่าวแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวทหารหาญที่พลีชีพจากการปกป้องอธิปไตย ชายแดนไทย-กัมพูชาพร้อมวอนให้คนไทยสามัคคีกันและให้กำลังใจทหารที่ปฏิบัติ หน้าที่ด้วย

เมินอาเซียนเข้าไกล่เกลี่ย
เช้าวันเดียวกัน ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เสนอให้อาเซียนเข้ามาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา ว่า ขณะนี้กลไกเป็นการพูดคุยกันระหว่างสองประเทศในกรอบทวิภาคี ตนคิดว่ายังไม่จำเป็นที่อาเซียนจะเข้ามา แต่ประเทศสมาชิกที่มีความห่วงใย สามารถเข้ารับฟังข้อมูลได้ จากนี้ไปคงใช้กลไกในกรอบของคณะกรรมมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา มาแก้ปัญหาต่อไป ส่วนการที่องค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ขอให้ผู้มีอำนาจของทั้ง 2 ประเทศ เปิดช่องทางการติดต่อแบบสายตรงระหว่างกันเพื่อลดความตึงเครียดนั้นคงต้องดู สถานการณ์ก่อน ตนคิดว่าขณะนี้เหตุการณ์เริ่มคลี่คลายไปมากแล้ว และขอย้ำว่าปัญหาการนำปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก กำลังเป็นปัญหาที่นำไปสู่ความขัดแย้ง เราจึงต้องเดินหน้าคัดค้านในเรื่องนี้ ขณะนี้น่าจะทำให้ทั่วโลกเข้าใจสถานการณ์ตามความเป็นจริงและสิ่งที่ประเทศไทย บอกมาตลอดได้ดีขึ้น

เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการยิงปะทะกันอีก นายกฯ กล่าวว่าคงต้องดูอีกครั้งว่าจะทำอย่างไร แต่ทางการกัมพูชาอาจพยายามขอให้ไทยถอนทหาร ซึ่งตนยืนยันมาตลอดว่าทำไม่ได้เพราะเราต้องรักษาสิทธิ์ แม้การตรึงกำลังของทั้งสองฝ่ายในพื้นที่พิพาทอาจมีความเสี่ยง แต่เราต้องพยายามหาวิธีในการประสานงาน ส่วนกรณีกัมพูชายื่นหนังสืออ้างว่าฝ่ายไทยเปิดฉากยิงก่อนถึงสหประชาชาตินั้น ตนยืนยันว่าฝ่ายไทยไม่ได้ดำเนินการก่อน แต่สิ่งที่ทำทั้งหมดเป็นการปกป้องและตอบโต้ไปตามเป้าหมาย ยืนยันว่าไทยไม่เคยคิดรุกรานใคร แต่เมื่อมีการล่วงล้ำละเมิดอธิปไตยของเราๆ ก็ต้องปกป้องอย่างถึงที่สุด โดยยิงไปที่เป้าหมายทหารไม่ได้มีเป้าหมายเป็นพลเรือน

“มาร์ค”ยันไม่เลิกเอ็มโอยู
นายกฯ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ยกระดับไปสู่การขับไล่รัฐบาลว่า ตนคาดการณ์มาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ขณะนี้อยากให้ประชาชนรับฟังข้อมูลทุกด้านและเปิดใจกว้าง โดยข้อมูลที่นำเสนอบนเวทีชุมนุมหรือผ่านสื่อนั้น ทำให้ประชาชนจำนวนมากเข้าใจคลาดเคลื่อนว่ารัฐบาลไม่ยึดผลประโยชน์ของคนไทย ตนขอชี้แจงว่า ประเด็นการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ต้องเข้าใจว่ารัฐบาลชุดนี้มาตามแก้ปัญหาที่รัฐบาลชุดก่อนไปเซ็นทำนองยินยอม ให้กัมพูชาสามารถขึ้นทะเบียนได้ฝ่ายเดียว ซึ่งตลอดระยะเวลา 2 ปี รัฐบาลได้เดินหน้าคัดค้านว่าการขึ้นทะเบียนดังกล่าวผิดปกติ ไม่สมบูรณ์ รวมทั้งคัดค้านแผนบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบที่เป็นดินแดนของไทยซึ่งประสบ ความสำเร็จในระดับหนึ่ง ทำให้กัมพูชาไม่สามารถเสนอแผนบริหารดังกล่าวต่อคณะกรรมการมรดกโลกได้ เพราะปัญหาเรื่องการจัดทำหลักเขตแดนยังไม่มีข้อยุติ สืบเนื่องจากเอ็มโอยู 43 ดังนั้น การมีเอ็มโอยูจึงเหมือนการผูกมัดกัมพูชาว่ายังไม่สามารถดำเนินการบริหาร จัดการพื้นที่รอบปราสาทได้ หากยกเลิกไปอาจเสี่ยงต่อการปะทะตามแนวชายแดน ตลอดจนการถอนตัวจากคณะกรรมการมรดกโลกตามที่มีการเรียกร้องก็ไม่ได้เป็น ประโยชน์ใด เพราะเท่ากับเราปล่อยให้กัมพูชาให้ข้อมูลฝ่ายเดียว ตนไม่มีผลประโยชน์ใดและยอมไม่ได้ที่เราจะเสียเปรียบมากขึ้น หากการประชุมมรดกโลกในเดือน มิ.ย.นี้ ยังดึงดันที่จะพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป เราค่อยมาพิจารณาทบทวนท่าทีอีกครั้ง

เลิกบั่นทอนวอนสามัคคี
“ก่อนหน้านี้ พธม.เคยพูดว่าถ้าปะทะกัน ยังไงเรื่องก็ไม่มีทางไปถึงยูเอ็น แต่ตอนนี้กัมพูชาทำหนังสือถึงยูเอ็นเรียบร้อย เราก็ต้องไปตามแก้ ผมจึงอยากบอกให้เราฟังข้อมูลให้ครบถ้วนทุกด้าน ตั้งสติว่าเราจะปกป้องอธิปไตยของเราอย่างไร ถ้าผมมีผลประโยชน์แม้แต่นิดเดียว ผมควรจะถูกให้ออกจากประเทศด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่ไล่ออกจากรัฐบาล ดังนั้นผมไม่ทำแน่นอน เวลานี้เป็นเวลาที่มีความตึงเครียด สุ่มเสี่ยง ทำไมเราคนไทยด้วยกันไม่สนับสนุนกองทัพ ให้กำลังใจกองทัพในการปฏิบัติหน้าที่ ผมคิดว่ากองทัพทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา แม้จะมีความสูญเสียเกิดขึ้น เราควรให้กำลังใจ รวมพลังสามัคคีเพื่อปกป้องดินแดนไทย ไม่ควรใช้เวลานี้มาเล่นการเมืองหรือบั่นทอนกัน” นายกฯ กล่าว

ดีเดย์11กพ.พันธมิตรฯลุย
ที่กระทรวงศึกษาธิการ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา เรามีการเสนอเป็นเอกฉันท์ว่า นายกฯและรัฐบาลได้ก่อให้เกิดความเสียหายกับแผ่นดินเรื่อยมา จนรอต่อไปได้แล้ว ประชาชนจำนวนมากจึงลงมติให้นายกฯ และครม.ลาออก และในวันที่ 11 ก.พ.นี้ เราจะเคลื่อนขบวนในเวลา 09.00 น.ไปเรียกร้องให้มีการออกมาปกป้องแผ่นดินโดยยังไม่ขอบอกสถานที่ที่จะเคลื่อน ขบวนไป จากนั้นจะกลับมาชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ เหมือนเดิม นอกจากนั้น เราจะจัดตั้งคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดินเพื่อประสิทธิภาพในการดำเนินการ พันธมิตรฯ ยืนยันว่าจะชุมนุมเรียกร้องเพื่อปกป้องแผ่นดิน จนกว่าข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อจะบรรลุผล

ด้านนายประพันธ์ คูณมี แกนนำ กล่าวว่า นายกฯ ควรเข้าใจว่าดินแดนไทยถูกทหารกัมพูชายึดครองไปแล้ว เพราะจุดปะทะล้วนอยู่ในเขตแดนไทยทั้งนั้น หากนายอภิสิทธิ์มั่นใจว่าไทยไม่เสียดินแดน ก็ขอให้ลงพื้นที่วัดแก้วสิขาคีรีสวาระ พวกเราจะดูว่านายกฯ มีปัญญาเข้าไปในในวัดได้หรือไม่ เพราะขนาดทหารยังเข้าไปไม่ได้

ที่พรรคการเมืองใหม่ นายสำราญ รอดเพชร รองหัวหน้าและโฆษกพรรค กล่าวว่า ทางพรรคฯ ขอสนับสนุนและเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ คือ ให้ยกเลิกเอ็มโอยู 43 ถอนตัวจากภาคีมรดกโลก และผลักดันกองกำลังและชุมชนชาวกัมพูชาออกจากผืนแผ่นดินไทย และไม่เห็นด้วยกรณีนายกฯ ระบุว่ากลุ่มผู้ชุมนุมนำเรื่องอธิปไตยของชาติมาเป็นวาระทางการเมือง เพราะเป็นการเรียกร้องภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวท้าทายว่าใครที่อยากรบให้ไปที่เขาพระวิหารนั้น ถือว่าเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจผู้รักชาติจึงขอให้ระมัดระวังการให้สัมภาษณ์

“พท.”จี้นายกฯ ไขก๊อก
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเหตุการณ์ปะทะกันของ 2 ประเทศว่า ทางพรรคฯ ขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสีย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนความล้ำเหลวในการบริหารงานของรัฐบาลที่ไร้ เดียงสา โดยเฉพาะการแต่งตั้งนายกษิต ภิรมย์ เป็น รมว.ต่างประเทศ ตลอดจนการส่งนายพนิช วิกิตเศรษฐ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่จนถูกทางการกัมพูชาจับกุมดำเนินคดี จนกลุ่มพันธมิตรฯ นำมาเป็นประเด็นกดดันรัฐบาล แต่รัฐบาลยังลอยตัวเหนือปัญหา โยนให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศในการชี้แจง จึงขอให้รัฐบาลทบทวนนโยบายต่างประเทศใหม่ เพราะประชาชนไม่ต้องการให้รบกัน ประเทศเพื่อนบ้านกันน่าจะหาประโยชน์ร่วมกันมากกว่า ขอให้นายกฯ อย่านำปัญหาของกลุ่มพันธมิตรไปผูกโยงกับต่างประเทศ และต้องทบทวนนโยบายต่างประเทศใหม่ จึงขอให้ลาออกไปพร้อมกับ รมว.ต่างประเทศ เชื่อว่าในพรรคประชาธิปัตย์ยังมีคนดีที่มีความรู้ ความสามารถอีกมากมาทำหน้าที่แทน

ด้านสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนกรณีทหารไทยปะทะกับทหารกัมพูชา พบว่า ร้อยละ 49 คิดว่าเหตุปะทะมาจากปัญหาการรุกล้ำเส้นเขตแดนยืดเยื้อและหาข้อยุติไม่ได้ ร้อยละ 36 รู้สึกเป็นห่วงชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น และจากเหตุดังกล่าวร้อยละ 44 เห็นว่า รัฐบาลต้องแก้ปัญหาด้วยวิธีการเจรจาอย่างสันติวิธี ร้อยละ 20 อยากให้รัฐบาลชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับคนไทยและต่างชาติ ส่วนกองทัพไทย ร้อยละ 38 คิดว่าจะต้องปกป้องแผ่นดินไทยและแสดงแสนยานุภาพของกองทัพ ในฐานะประชาชนจะมีส่วนช่วยในเรื่องนี้ โดยร้อยละ 52 คิดจะเป็นแรงใจและส่งกำลังใจให้กับทุกฝ่ายโดยเฉพาะทหาร และทางออกของปัญหานั้น ร้อยละ 53 คิดว่า คงจะหาทางออกได้ยากเพราะเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานาน และร้อยละ 24 เสนอให้ทั้งไทยและเขมรจะต้องมีความจริงใจในการแก้ปัญหา

เขมรได้ใจอัดไทยผ่านสื่อ
ด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ไทยและกัมพูชากำลังดำเนินการเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดสถานการณ์บริเวณชาย แดนหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ที่จะยุติการสู้รบอย่างดุเดือดใกล้กับ ปราสาทพระวิหาร คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 5 ศพ อย่างไรก็ตาม ผู้นำทางทหารของกัมพูชาที่ประจำการอยู่ที่ปราสาทพระวิหาร ยอมรับว่า สถานการณ์ยังคงตึงเครียด ทหารของทั้งสองฝ่ายอยู่ในภาวะเตรียมพร้อม หลังการเจรจาระหว่างกองทัพซึ่งตกลงกันได้ที่จะยกระดับสถานการณ์ให้ดีขึ้น พร้อมกันนี้ เอเอฟพียังได้แพร่ภาพ การเคลื่อนกำลังพลและรถหุ้มเกราะที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งจะมุ่งหน้าไปประจำการ ยังปราสาทพระวิหารในเขตจังหวัดพระวิหาร ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 500 กม. หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้เรื่องหยุดยิง ส่วนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับปราสาทพระวิหารได้ออกมารับอาหารแห้งและน้ำ ดื่มจำนวนมาก

ขณะที่สำนักข่าวเอพีรายงานว่า พล.ต.สเรย์ ดค ผู้บังคับการทหารกัมพูชาประจำปราสาทพระวิหาร กล่าวว่า สถานการณ์ตลอดแนวชายแดนกำลังกลับสู่ภาวะปกติ แต่ทางกัมพูชายังยืนกรานในจุดยืนที่จะปกป้องตนเองต่อไป

ด้านสื่อกัมพูชา ได้เกาะติดรายงานข่าวเหตุการณ์ปะทะกัน โดยรายงานอ้างอิงคำสัมภาษณ์ของนายซู ภิริน ผวจ.เสียมราฐ ที่ระบุว่า ในสมัยสมเด็จเดโช ฮุน เซน เราไม่ให้ศัตรูไทยรุกราน เข้ามาในเขตแดนเราได้ ทหารกัมพูชาจะตีโต้ตอบศัตรูไทยให้ตายในสมรภูมิ ไทยเกิดหลังกัมพูชา ดังนั้นจึงไม่สามารถชนะเราได้ รวมทั้งหัวใจที่องอาจกล้าหาญของกองทัพกัมพูชาเราซึ่งมีผู้นำที่มีความ เก่งกาจ นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ทางการกัมพูชาจะมอบเชลยศึกหนึ่งคนให้กับฝ่ายไทย รวมถึงการเจรจาระหว่างผู้นำทหารทั้ง 2 ฝ่าย ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้.

ปะทะเดือดรอบ 3 หนักหน่วง
ต่อมาเวลา 19.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดเหตุปะทะกันอีกครั้ง ที่บริเวณฐานทัพพนมตรุ ต.เสาธงชัย ห่างจากปราสาทพระวิหารไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ใกล้เคียงจุดปะทะเดิม โดยทหารกองพลน้อยสนับสนุนที่ 8 กองทัพบกกัมพูชา ได้เปิดฉากใช้อาวุธปืนอาก้ายิงใส่กองพลทหารราบที่ 6 กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งทหารไทยได้ยิงตอบโต้กลับไปเป็นระยะ โดยล่าสุดมีรายงานว่ามีการใช้อาวุธหนัก อาทิ จรวดอาร์พีจีและปืนใหญ่ ยิงถล่มใส่กันอย่างต่อเนื่องนานนับ 30 นาที และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด โดยทั้งสองฝ่ายต่างเรียกกำลังเสริมจากหน่วยเหนือ ท่ามกลางสถานการณ์อันตึงเครียด

ทบ.ยันปะทะไทย-เขมรที่ภูมะเขือจริง
ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ได้เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยและทหารเขมร เมื่อเวลา 18.40 น. โดยทางฝ่ายกัมพูชาได้ยิงกระสุนส่องสว่างขึ้นมาก่อน และขณะนี้ได้มีการยิงจรวดจากทางฝ่ายกัมพูชาเข้ามาทางฝั่งไทย ซึ่งได้มีการประสานงานกันระหว่างกองทัพไทยและกัมพูชา เพื่อให้มีการยุติการยิงปะทะกันในครั้งนี้ โดยสถานการณ์ล่าสุดขณะนี้ยังมีการปะทะกันอยู่ที่บริเวณภูมะเขือ


ปะทะทหาร-ปชช.เจ็บ7ราย หนีตายวุ่น
เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. นายบุญรวม พงษาปาน ผอ.โรงเรียนภูมิซรอล เปิดเผยขณะยังหลบอยู่ในหลุมหลบภัย ว่า ช่วงเวลาเริ่มปะทะมีประชาชนในพื้นที่ประมาณ 300-400 คน จากนั้นมีเสียงตามสายให้ออกจากนอกพื้นที่ โดยล่าสุดมีชาวบ้านอยู่ที่หลุมหลบภัยของหมู่บ้านประมาณ 100 คน และมีการยิงปืนใหญ่เข้ามาตกใหล้เคียงหลุมหลบภัยอย่างต่อเนื่อง บางลูกตกห่างจากหลุมหลบภัยประมาณ 300 เมตร ซึ่งไม่มีการเลือกว่าเป็นเป้าหมายว่าเป็นทหารหรือประชาชน ล่าสุดมีรายงานว่า มีทหาร5 นาย และชาวบ้าน 2 ราย รวม 7 ราย ได้รับบาดเจ็บ ถูกนำส่ง รพ.กันทรลักษณ์

"ที่ไม่หนีไปตอนที่มีการประกาศเตือน เพราะเชื่อว่าการเจรจาน่าจะเป็นผล แต่ตอนนี้น่าจะไม่ใช่เช่นนั้น น่าจะเป็นสงครามกันแล้ว " นายบุญรวม ระบุ

เขมรรับชายแดนยังตึงเครียด
ด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ไทยและกัมพูชากำลังดำเนินการเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดสถานการณ์บริเวณชาย แดนหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ที่จะยุติการสู้รบอย่างดุเดือด ใกล้กับปราสาทพระวิหาร คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 5 ศพ อย่างไรก็ตาม ผู้นำทางทหารของกัมพูชาที่ประจำการอยู่ที่ปราสาทพระวิหาร ยอมรับว่า สถานการณ์ยังคงตึงเครียด ทหารของทั้งสองฝ่ายอยู่ในภาวะเตรียมพร้อม หลังการเจรจาระหว่างกองทัพ ซึ่งตกลงกันได้ที่จะยกระดับสถานการณ์ให้ดีขึ้น ขณะที่สำนักข่าวเอพีรายงานว่า พล.ต. สเรย์ ดค ผู้บังคับการทหารกัมพูชาประจำปราสาทพระวิหาร กล่าว สถานการณ์ตลอดแนวชายแดนกำลังกลับสู่ภาวะปกติ แต่ทางกัมพูชายังยืนกรานในจุดยืนที่จะปกป้องตนเองต่อไป

สำนักข่าวเอเอฟพียังได้แพร่ภาพ การเคลื่อนกำลังพลและรถหุ้มเกราะที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งจะมุ่งหน้าไปประจำการ ยังปราสาทพระวิหารในเขตจังหวัดพระวิหาร ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 500 กม. หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้เรื่องหยุดยิง ส่วนชาวบ้านของกัมพูชาที่อาศัยอยู่ใกล้กับปราสาทพระวิหาร ก็ได้ออกมารับอาหารแห้งและน้ำดื่มที่รัฐบาลกัมพูชานำมาแจกจ่ายให้กับประชาชน

"บัวแก้ว"ส่งหนังสือแจ้ง"ยูเอ็นเอสซี"ปมปะทะ
นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ส่งหนังสือถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ชี้แจงเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชาแล้ว แต่ขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเพราะต้องรอให้หนังสือถึงเจ้าหน้าที่ยูเอ็นเอส ซีก่อน คาดว่าจะเผยแพร่ได้ต้นสัปดาห์ ส่วนการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไทย-กัมพูชาเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปว่าจะจัดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา ภายในเดือนนี้โดยฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียนจะเดินทางรับทราบข้อมูลจากฝ่ายกัมพูชาก่อน และจะมาถึงไทยในวันที่ 8 ก.พ. ราว 12.00 น.


ทบ.ระบุยังไม่ใช้การตอบโต้ทางอากาศ
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก (ทบ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ได้รับทราบสถานการณ์ปะทะรอบใหม่บริเวณชายแดนแล้ว โดยขณะนี้ไทยจะยังคงใช้การตอบโต้ทางบกเท่านั้น และยังไม่มีการตอบโต้ทางอากาศ

"ไทยจะตอบโต้อย่างพอเหมาะสม ที่เราไม่อยากทำหนักเพราะกลัวคำครหาว่าเราไปรังแกประเทศที่ด้อยกว่า เพราะเรามีศักยภาพที่มากกว่า และขอย้ำว่าเราแสดงออกชัดเจนว่าเราไม่ประสงค์จะรุกรานเขาก่อน"

พ.อ.สรรเสริญกล่าว และว่า ทั้งนี้ ทางกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงกระสุนส่องสว่างและยิงกระสุนปืนยาวก่อน ทางไทยจึงมีการตอบโต้ และบานปลายจนปัจจุบันเขมรใช้เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องยิงเข้ามา ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่พยายามเร่งประสานกับเขมรอยู่

เขมรเผยตัวประสาทพระวิหารพังทลาย
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ว่า รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ ระบุว่าการยิงปะทะกันในวันที่ 3 ระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ทำให้ตัวประสาทพระวิหารพังทลายลงบางส่วน โดยรัฐบาลได้รับรายงานจากผู้บัญชาการทหารในพื้นที่ว่า ปีกปราสาทด้านหนึ่งพังเสียหาย อันเป็นผลจากการยิงกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายไทยเมื่อวันอาทิตย์ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นยังไม่มีความเห็นจากเจ้าหน้าที่ทางการไทยในเรื่องนี้

รพ.เผย ทหารยอดเจ็บพุ่ง10ราย
ต่อมาเวลา 22.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นจุดที่ถูกทหารกัมพูชาใช้อาวุธหนักยิงถล่มอย่างรุนแรงว่า กลุ่มชาวบ้านหลายร้อยครัวเรือน ทั้งลูกเด็ก เล็กแดงตลอดจนพระสงฆ์ ต่างเก็บข้าวของขึ้นรถยนต์ จยย. หนีตายจากบ้านเกิดที่กลายเป็นดินแดนมิคสัญญี เพราะมีการยิงปืนใหญ่และอาวุธสงครามใส่กันนานกว่า 3 ชั่วโมง โดยชาวบ้านได้มุ่งหน้าเข้าไปหลบภัยที่ศาลากลางจังหวัด ทั้งนี้ มีชาวบ้านรายหนึ่งกล่าวว่า ได้ยินเสียงยิงปืนใหญ่ดังขึ้นตั้งแต่เวลา 18.00 น. ทำให้ชาวบ้านต่างหวาดผวา รีบออกจากศูนย์หลบภัยและหลุมหลบภัย ขับรถมาเติมน้ำมันเพื่อหลบหนีให้พ้นระยะยิงของปืนใหญ่ฝั่งกัมพูชา ที่คาดการณ์ว่ามีระยะยิงเข้ามาในชายแดนถึง 50 กม. อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านที่หลบหนีมาอยู่ที่ศาลากลางจังหวัด ต้องประสบกับปัญหาอากาศหนาวเย็น เพราะบางรายไม่ทันได้เก็บเครื่องนุ่งห่ม ล่าสุด มีรายงานว่า ผวจ.ศรีสะเกษ สั่งการให้อพยพชาวบ้านในพื้นที่ ต.บักดอง อ.ขุนหาญ ที่มีแนวเขตติดกับจุดปะทะ ส่วนที่ อ.ภูสิงห์ ได้แจ้งเตือนให้ชาวบ้านเตรียมพร้อมอพยพ

ด้าน นพ.วันชัย เหล่าเสถียรจิต ผอ.รพ.กันทรลักษณ์ เปิดเผยว่า ทางโรงพยาบาลรับตัว3ทหารที่ได้รับบาดเจ็บมารักษาตัว 10 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 9 ราย เจ็บสาหัส 1 ราย เพราะถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ศีรษะ ขณะนี้ได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่ จ.อุบลราชธานี

ส่วนที่ จ.อุบลราชธานี นายสุรพล สายพันธ์ ผู้ว่าฯ ได้รับรายงานว่ามีกระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่บ้านไพบูลย์ อ.น้ำขุ่น 2 ลูก ส่วนที่ อ.น้ำยืน ชาวบ้านต่างแตกตื่นกับเสียงกระสุนปืนที่ทั้ง 2 ฝ่ายระดมยิงใส่กันอย่างหูดับตับไหม้ ทำให้ชาวบ้านกว่า 1,500 คน พากันอพยพไปอยู่ที่ว่าการอำเภอทุ่งศรีอุดม และ รร.น้ำขุ่นวิทยา เพื่อความปลอดภัย
ปราสาทพระวิหารเสียหาย

เวลา 22.10 น. นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยผ่านทางทีวีไทยว่า ทางรัฐบาลได้ติดตามเหตุการณ์และได้รับรายงานจากทางกองทัพอย่างต่อเนื่อง โดยจะให้ทางกระทรวงการต่างประเทศประสานข้อมูลทั้งหมด เพื่อทำหนังสือประท้วงไปทางฝ่ายกัมพูชาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดใน ครั้งนี้ ทั้งนี้เห็นได้ชัดว่าทางฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธสงครามหลายประเภทระดมยิงเข้า มาฝั่งไทยก่อน ทางทหารจึงต้องตอบโต้กลับไป

ฮุน เซน ออกโรงร้องยูเอ็นประชุมฉุกเฉิน
ขณะที่สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกโรงเรียกร้องต่อสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ให้เรียกประชุมฉุกเฉิน เพื่อช่วย “หยุดยั้งการรุกรานของไทย” โดยแถลงการณ์ที่อ่านออกทางสถานีโทรทัศน์ของทางการกัมพูชา เมื่อคืนวันอาทิตย์ สมเด็จฮุน เซน ได้เรียกร้องไปยังประธานคนปัจจุบันของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ให้จัดการประชุมประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงเป็นการด่วน เพื่อยุติการรุกรานของไทย




Daily News Online > หน้าภูมิภาค > ดุเดือดไทย-เขมรถล่มรอบ3ฮุนเซนโร่ร้องUN

 

รัฐบาลไทยพร้อมแจงคณะมนตรีความมั่นคง

​

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ไทยพร้อมชี้แจงคณะมนตรีความมั่นคง
วันนี้ 7 ก.พ. นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังนายกรัฐมนตรี ฮุนเซ็น ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเข้ามาแทรกแซง สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างกัมพูชาและไทยว่า ก่อนหน้านี้เราได้ชี้แจงไปยังคณะมนตรีความมั่นคงฯแล้ว แต่หากทางกัมพูชาร้องเรียนไปอีก เราก็พร้อมชี้แจงเพิ่มเติม

นายปณิธานกล่าวต่อไปว่า ตามปกติแล้วการนำเรื่องใดๆเข้าสู่ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงนั้น ต้องขึ้นอยู่กับความเห็นของสมาชิกถาวรและสมาชิกหมุนเวียน หมายความว่าสมาชิกทั้งหมดต้องให้ความเห็นก่อน ถ้าอะไรที่เกี่ยวกับเรา เราก็จะทำความเข้าใจก่อน อย่างเช่นตอนที่มีการชี้แจงกับทูตเมื่อไม่กี่วันก่อน ถัดมาหากทางคณะมนตรีคว่ามมั่นคงต้องการนัดเปิดประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ จริง เราก็เตรียมคนชี้แจงอยู่แล้ว ส่วนการที่คณะมนตรีความมั่นคงจะมีมติใดๆออกมาก็ต้องมีการลงมติซึ่งมีขั้นตอน ที่ซับซ้อน ประเทศสมาชิกก็มีสิทธิวีโต้หากไม่รับ หรือไม่เห็นด้วย

"ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการประเมินสถานการณ์โดยไม่มีมติผูกมัด ถ้าจะผูกมัด เช่น กรณีในบางประเทศต้องการจะผูกมัดด้วยการส่งกองกำลังเข้าไป ก็จะต้องมีสมาชิกจาก 5 ประเทศหลักเห็นด้วย เป็นต้น ซึ่งการเปิดประชุมเรื่องใด หรือจะยกเรื่องใดเป็นเรื่องหลัก มันต้องมีความร้ายแรง อย่างตอนนี้ก็มีกรณีที่เกิดขึ้นที่อิยิปต์ หรือตูนิเซีย เพราะฉะนั้นเรื่องของไทยกับกัมพูชามันต้องไปตามขั้นตอน ถ้าเขาร้องไปเราก็มีหน้าที่ไปชี้แจงเพิ่มก็เท่านั้น" นายปณิธานกล่าว



Daily News Online > หน้าการเมือง > รัฐบาลไทยพร้อมแจงคณะมนตรีความมั่นคง

 

ทหารกล้าเจ็บ15นาย-กัมพูชาจ้องยึด2เนินเขา

​

ยอดทหารบาดเจ็บพุ่ง 15 นายส่วนใหญ่จะถูกสะเก็ดระเบิด เขมรจ้องยึดบริเวณเนินภูมะเขือ-เนินเขาสัตตะโสม
วันนี้ 7 ก.พ. นพ.วันชัย เหล่าเสถียรกิจ ผอ.รพ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า สำหรับยอดทหารที่ได้รับบาดเจ็บมีทั้งหมดจำนวน 15 นาย ส่วนใหญ่จะถูกสะเก็ดระเบิดเข้าตามร่างกาย ในจำนวนนี้มีอาการสาหัส 1 นาย ถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลในจังหวัดอุบลราชธานี และมีพลเรือนได้รับบาดเจ็บ 12 ราย อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลก็มีความพร้อมที่จะให้บริการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ตลอดเวลา

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาซึ่งเริ่มตั้งแต่ช่วงค่ำและหยุดยิงเวลา 21.25 น. จากนั้นเวลา 23.40 น. ทางกองกำลังสุรนารีแจ้งว่าเกิดการยิงกันอีกประปราย โดยเฉพาะทางกัมพูชาต้องการจะยึดบริเวณเนินภูมะเขือและเนินเขาสัตตะโสม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เรายึดไว้ แต่กำลังทหารไทยสามารถผลักดันไม่ให้ทหารกัมพูชายึดได้ ที่ผ่านมาทางการไทยรักษากติกาที่เจรจากันมาโดยตลอด ซึ่งคาดว่าทางกัมพูชาจะสูญเสียมากจึงเปิดฉากยิงก่อน



Daily News Online > หน้าภูมิภาค > ทหารกล้าเจ็บ15นาย-กัมพูชาจ้องยึด2เนินเขา

 

ลือหนักเขมรบุกยึดปราสาทหินโดนตวลฝั่งไทย

​

อ้างทหารเขมร บุกยึดปราสาทหินโดนตวล ซึ่งอยู่ในพื้นที่ฝั่งไทย ห่างจากหมู่บ้านภูมิซรอลเพียง 8 กิโลเมตร
วันนี้ 7 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในพื้นที่ว่า เหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ช่วงค่ำที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่าทหารกัมพูชา ได้บุกยึดปราสาทหินโดนตวล ซึ่งอยู่ในพื้นที่ฝั่งไทย ห่างจากหมู่บ้านภูมิซรอลเพียง 8 กิโลเมตร และอยู่ห่างจาก อ.กันทรลักษ์จ.ศรีสะเกษ ประมาณ 38 กิโลเมตร ขณะเดียวกันได้ยินเสียงชาวบ้านและทหารที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ร้องโอดครวญ ซึ่งการลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลกันทรลักษ์ เป็นไปด้วยยากความลำบาก

ทั้งนี้ปราสาทหินโดนตวล ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ลักษณะเป็นปรางค์รูปสี่เหลี่ยมย่อมุม ซุ้มประตูก่อด้วยศิลา มีรูปสิงโต ถือเป็นปราสาทที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ที่อยู่บริเวณชายแดนของประเทศไทย ห่างจากผามออีแดงเพียง 300 เมตร



http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=420&contentID=119787

 

เบื้องลึก 'ยุทธศาสตร์' 'ศึกกัมพูชา' ใครจะได้-ไทยจะเสีย

​

สถานการณ์ การ ’ปะทะ“ กัน ระหว่างทหาร ’ไทย-กัมพูชา“ บริเวณแนวชายแดน อันเนื่องจากข้อพิพาทเรื่องเขตแดน มาถึงวันนี้คลี่คลายลงหรือยิ่งเขม็งเกลียวก็อย่างที่ทราบ ๆ กัน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะอย่างไร...พลันที่เสียงอาวุธสงครามดังขึ้นอีกครั้งบริเวณชายแดนไทย- กัมพูชา เมื่อวันที่ 4 ก.พ. นี่ย่อมมิใช่เรื่องดีแน่นอน

และเรื่องนี้ก็เคยมีการวิเคราะห์ไว้ในทางวิชาการทหาร

ประเด็นที่น่าคิดก็คือ...ประเทศไทยใช่จะได้เปรียบ??

ทั้งนี้ รองผู้อำนวยการกองการเมือง วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร พ.อ.ดร.ธีรนันท์ นันทขว้าง ได้วิเคราะห์สถานการณ์ไทย- กัมพูชา ไว้ในเว็บไซต์ tortaharn.net รวมถึงวิเคราะห์ไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัวตั้งแต่เดือน ก.ย. 2553 โดยเน้นไว้ว่าการวิเคราะห์นี้ ไม่ได้สนับสนุนการก่อสงคราม หากแต่เป็นการวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นตามบริบท-ตามกระแส และหากมีการเปลี่ยนแปลงขั้นการเมือง การวิเคราะห์นี้จะไม่ครอบคลุม อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้ ก็ถือเป็นการมองภาพอนาคตที่น่าสนใจ โดยสังเขปคือ...

ในระยะประมาณ 1 ปี เชื่อว่า มีโอกาสที่ไทยจะใช้กำลังเข้ายึดพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง และเลยเข้าไปในดินแดนกัมพูชา ความ สำเร็จของปฏิบัติการทางทหารมีความเป็นไปได้สูง ถ้าไม่มีการแทรกแซงจากประเทศมหาอำนาจ เพราะไทยมีศักยภาพทางการรบสูงกว่า แต่
จะกระทำได้โดยเร็ว สูญเสียน้อย หรือยืดเยื้อยาวนาน ขึ้นกับบริบทและสถานการณ์ ทั้งนี้ ปัจจุบันยังไม่มีแนวทางการดำเนินการหลังปฏิบัติการทางทหารสำเร็จ เช่น มิติกฎหมายระหว่างประเทศ การดำเนินการต่อพื้นที่ที่เข้ายึดครอง ซึ่งประเด็นหลังนี่ก็ใช่ว่าไม่น่าคิด

จีนต้องการมีอิทธิพลลงใต้ ขณะที่สหรัฐยุคนี้ปรับเปลี่ยนนโยบายต่างประเทศที่ให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้ ทำให้เป็นโอกาสที่จะเข้ามาแทรกแซงเพื่อผลประโยชน์ของชาติตนในภูมิภาคนี้

บทวิเคราะห์ยังมีการระบุแผนภูมิ สถานการณ์ 5 ขั้น กล่าวคือ... ขั้นที่ 1 การใช้เงื่อนไข สิ่งที่อาจจะเกิดคือ 1. พื้นที่ขัดแย้ง 2. ประชาชนเข้าอยู่อาศัยในพื้นที่ขัดแย้ง 3. เกิดการกระทบกระทั่งบริเวณชายแดน ขั้นที่ 2 นำสู่การพัฒนาสถานการณ์ สิ่งที่อาจจะเกิดคือ 1. ความยึดมั่นประวัติศาสตร์ในอดีต 2. การปลุกกระแสชาตินิยม 3. กระแสการสูญเสียดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงในอดีต ขั้นที่ 3 นำพาไปสู่การใช้กำลัง สิ่งที่อาจเกิดคือ 1. ไทย-กัมพูชา มีการเพิ่มกำลังทหารในพื้นที่ 2. มีการปะทะประปราย 3. ต่างฝ่ายต่างยิงปืนใหญ่ตกในดินแดนของอีกฝ่าย

ขั้นที่ 4 นำสู่การ พังความเป็นเพื่อน มีการใช้กำลังเข้ายึดครอง ซึ่งความเป็นไปได้คือ 1. ใช้เวลาไม่นาน สูญเสียน้อย 2. ใช้เวลานาน สูญเสียมาก 3. มหาอำนาจเข้าแทรกแซงก่อนสำเร็จ ขั้นที่ 5 เคลื่อนสู่การแทรกแซงของมหาอำนาจ ความเป็นไปได้คือ 1. จีนอาสาเป็นคนกลางเปิดการเจรจา 2. สหรัฐอาสาเป็นคนกลางเปิดเจรจา

ตั้งแต่ 4 ก.พ. สถานการณ์ก็ถึงขั้นที่ 3 แล้ว?!?!?

พ.อ.ดร.ธีรนันท์ วิเคราะห์ไว้อีกว่า... ทางกัมพูชาได้มีการเตรียมการทางยุทธศาสตร์ คือ 1. สร้างเส้นทางยุทธศาสตร์ 2. จัดตั้งหมู่บ้านป้องกันตนเอง 3. พัฒนาพื้นที่ทางยุทธศาสตร์บริเวณชายแดน และ 4. เตรียมกำลังรบและอาวุธในเชิงยุทธศาสตร์ไว้ โดยกัมพูชา
มีความเข้มงวดกวดขันวินัยทหาร พัฒนาขีดความสามารถด้านการสนับสนุนการปฏิบัติการทางทหารและการส่งกำลังบำรุง ซึ่งจุดแข็งของทหารกัมพูชาคือประสบการณ์ การรบนอกแบบ การเมืองภายในมีเสถียรภาพ นำการทหาร และสามารถเปิดรับการช่วยเหลือทางทหารทุกรูปแบบ

ถ้าสถานการณ์บานปลาย สิ่งที่กองทัพไทยต้องเผชิญก็คือ การขาดเสรีในการปฏิบัติการทางทหาร เนื่องจากกัมพูชาอาจใช้ โล่มนุษย์ ทหารกัมพูชาเน้นตั้งรับโดยดึงกำลังทหารเข้าพื้นที่ทางลึก จากนั้นใช้สงครามประชาชนเข้าขัดขวาง แล้วใช้หน่วยที่มีขีดความสามารถสูงเข้าทำการตีโต้ตอบ นอกจากนี้ทางกัมพูชาอาจใช้ ปฏิบัติการจิตวิทยา ปฏิบัติการข่าวสาร ร่วมกับปฏิบัติการทางทหาร เพื่อชดเชยอำนาจกำลังรบที่เสียเปรียบ

หากมีการใช้กำลังทางทหาร แม้กองทัพไทยจะมีอำนาจรบที่สูงกว่า ปฏิบัติการทางทหารตามแบบมีความได้เปรียบมากกว่ากัมพูชา แต่ไทยอาจต้องเผชิญปฏิบัติการรูปแบบใหม่ และอาจถูกเวทีโลกมองว่ารังแกประเทศที่อ่อนแอกว่า และหากใช้กำลังทหารข้ามเขตแดนไปเมื่อไหร่ นักการเมืองก็อาจไม่ร่วมรับผิดชอบด้วย ซึ่งอาจเรียกได้ว่า ’ได้เปรียบทางยุทธการ แต่เสียเปรียบทางยุทธศาสตร์“

ทั้งนี้ นักวิชาการทหารคนเดิมยังวิเคราะห์ถึงปัจจัยที่จะนำไปสู่การเปลี่ยน แปลงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเกี่ยวพันกับการเมืองระหว่างประเทศ การเมืองภายใน-ท่าทีผู้นำ การเคลื่อนไหวภาคประชาสังคม ของแต่ละประเทศ สถานการณ์ในพื้นที่ รวมถึงมีการเสนอแนะ พร้อมทั้งตั้งคำถามเชิงยุทธศาสตร์ที่น่าคิด คือ...

เมื่อเกิดการ ’ใช้กำลังทางทหาร“ ผู้มีส่วนได้เสียในไทย-กัมพูชาจะดำเนินการอย่างไร? ไทยและกัมพูชาจะทำอย่างไรในขั้นต่อไป? จะแก้ไขโดยใช้กรอบทวิภาคี ได้หรือไม่? ในแง่ของกฎหมายระหว่างประเทศและเวทีโลก ไทย-กัมพูชาจะดำเนินการต่อไปอย่างไร? และรวมถึง.....

ใคร...คือเพื่อนที่จะยืนอยู่ข้างไทย??.




Daily News Online > หน้าการเมือง > สกู๊ปหน้า 1 > เบื้องลึก 'ยุทธศาสตร์' 'ศึกกัมพูชา' ใครจะได้-ไทยจะเสีย

 

อัพเดตข่าว

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="664" height="300"><tbody><tr></tr><tr><td valign="top" width="660">

ทหารไทยยิงตอบโตทหารเขมร ต่อเนื่องหลังปะทะตั้งแต่19.00น.ชาวบ้านอพยพหนีตายวุ่น ด้านกำนันเสาชัยเร่งพาลูกบ้านเข้าที่ปลอดภัยแล้ว

​

​

<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td height="5">
</td> </tr> </tbody></table>

19.48 น. ทหารกัมพูชา ภายใต้การบัญชาการของ พล.อ.ฮิง บุนเฮียง (Hing Bunheang) ได้ยิงจรวด BM-21หลายร้อยลูกเข้าใส่ฐานบัญชาการของไทย

19:53 น. ฝ่ายไทยขอเจรจากับ พล.อ.ฮิง บุนเฮียง แต่ก็ไม่เป็นผล กัมพูชายังไม่ยอมตกลงเจรจาด้วย

20.16 น. ทหารกัมพูชา ได้ยิงกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เข้าใส่ฐานบัญชาการของไทย ขณะที่ทหารกัมพูชาที่ชายแดนด่านตาเส็ม ส่งข้อความผ่านสำนักข่าว DAP ถึง สมเด็จฮุน เซน ให้ได้รับทราบว่า ในขณะนี้กัมพูชายังไม่ได้รับความเดือดร้อน และความสูญเสียใดๆ และยังคงโจมตีไทยอย่างหนักหน่วง

20.42 น. นายโสวาน กล่าวว่า กองทัพไทยได้ยิงกระสุนปืนใหญ่ขนาด 130 และ 150 มิลลิเมตร ใส่ปราสาทพระวิหาร

20.45 น. นายชาญ สุคน ผู้บัญชาการทหารกัมพูชา ในพื้นที่ด่านพนมโตร๊ป กล่าวว่าขณะนี้ ทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายได้เปรียบ และเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์ ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตยังไม่ปรากฏ

20.50 น. โฆษก ทบ. เผย สถานการณ์ล่าสุด เหตุทหารไทยปะทะกัมพูชา ยังไม่ยุติ ยิงอาวุธหนักตลอดแนว 10 กิโลเมตร เขาพระวิหาร มีทหารไทยบาดเจ็บแล้ว

20.54 น. ไทยสั่งปิดด่านถาวรช่องจอม ก่อนกำหนด หลังเหตุปะทะระลอกใหม่ ใกล้ปราสาทพระวิหาร พร้อมสั่งทหารเตรียมพร้อม 100 % ย้ำ อย่าตกหลุมพรางการยั่วยุจากกัมพูชา

21.22 น. ชาวบ้านที่รอดตายจากเหตุการณ์ปะทะเดือด เล่านาทีระทึก ทหารกัมพูชายิงถล่มหมู่บ้านภูมิซรอล และบ้านซำเม็ง พื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ทำบ้านเรือนเสียหายยับเยิน

21.27 น. สถานการณ์ล่าสุดที่บ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษณ์ 4 ชม. บาดเจ็บ 5 นาย นำส่งรพ.แล้ว ยังมีเสียงปืนดังต่อเนื่อง ล่าสุดปราสาทพระวิหารเสียหายอย่างหนัก

21.32 น. โฆษก ทบ. เผย เมื่อเวลาประมาณ 21.25 น. เสียงปืนสงบแล้ว แต่ยังไม่ประมาท เพราะฝ่ายไทยไม่เริ่มอยู่แล้ว ไม่รับรองจะยิงอีกหรือไม่ กระสุนหลงตกเขต จ.อุบลราชธานี

22.55 น. โฆษกกองทัพบก วอนไทยอย่าเชื่อเขมรปล่อยข่าวลือ ด้าน ปณิธาน ชี้ เช้านี้ยื่นหนังสือประท้วงแจงเขมรยิงไทยก่อน พร้อมหาสาเหตุหลังเจรจาเรียบร้อยแต่ยังปะทะ

23.52 น. รถพยาบาบลลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่ง ร.พ.กันทรลักษ์ ด้านหอประชุมผู้อพยพแน่น จราจรติดขัดอย่างหนัก

00.50 น. กต. รู้ ฮุนเซน ร้อง UN ให้แทรกแซง "ไทย-เขมร" แล้ว ยัน ยังยึดเจรจาทวิภาคี

01.28 น. ผอ.ร.พ.กันทรลักษ์ เผย มีผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะ รวม 14 ราย

02.27 น. เร่งอพยพชาวบ้าน 5 ตำบล ออกจากพื้นที่ หลังเสียงปืนสงบ พร้อมเตรียมลงพื้นที่ เช้านี้

03.35 น. รัฐบาลกัมพูชา เผย สื่อต่างประเทศ โดยอ้าง ประสาทพระวิหาร เสียหายบางส่วน จากการโดนทหารไทยโจมตี โดยยังอ้างกับสื่อต่างประเทศอีก ทหารไทย เป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน และมีรายงานว่า ทหารเขมร ได้บุกยึดปราสาทหินโดนตวล ที่อยู่ในพื้นที่ไทยแล้ว

05.25 น. ผู้นำกัมพูชา ออกแถลงการณ์ ผ่านโทรทัศน์หลักทุกช่องของกัมพูชาและส่งหนังสือร้องเรียน ไปยัง ประธานคณะมนตรีความมั่นแห่งสหประชาติ ขอให้เรียกประชุมด่วน เพื่อหยุดยั้งการรุกรานจากไทย โดยอ้าง เป็นการคุกคามต่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค

06.52 น. "ปณิธาน" เผย ไทย พร้อมชี้แจงคณะมนตรีความมั่นคงฯ หลังกัมพูชา ออกแถลงการณ์ให้เข้ามาแทรกแซง
ยืนยัน กัมพูชา ละเมิดกฎบัตรยูเอ็น เหตุ ยิงใส่พลเรือน

07.25 น. โฆษกกองทัพบก ยอมรับ มีทหารพลัดหลงถูกกัมพูชา คุมตัวไว้ 1 นาย ยืนยัน ทหารไทย จะหยุดตอบโต้ เมื่อกัมพูชา หยุดยิงเท่านั้น

07.35 น. ผอ.โรงเรียนภูมิซรอล เผย นาทีชีวิต วิ่งหลบกระสุนปืนใหญ่ พร้อม สั่งปิดโรงเรียนไม่มีกำหนด ด้าน ยอดผู้บาดเจ็บ ล่าสุด 27 ราย แล้ว​

ไอเอ็นเอ็นออนไลน์
​

</td></tr></tbody></table>

 

หนังสือที่ร้องถึงยูเอ็นอ้างไทยรุกรานก่อน

http://p.s1sf.com/ns/0/wb/i/ui/200/...:width=580;static:p_s1sf_ns_0;file:dc111a.jpg

 

เขมรยึดปราสาทโดนตวลบอกสื่อไทยยิงก่อน




ทหารไทย ปะทะ ทหารเขมร



ทหารไทย ปะทะ ทหารเขมร



ทหารไทย ปะทะ ทหารเขมร



ทหารไทย ปะทะ ทหารเขมร



ทหารไทย ปะทะ ทหารเขมร



ทหารไทย ปะทะ ทหารเขมร


ทหารไทย ปะทะ ทหารเขมร

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยโพสต์
​

รัฐบาลกัมพูชา เผยสื่อต่างประเทศ อ้างประสาทพระวิหาร เสียหายบางส่วนจากการโดนทหารไทยโจมตี โดยยังอ้างกับสื่อต่างประเทศอีก ทหารไทยเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน และมีรายงานทหารเขมรบุกยึดปราสาทหินโดนตวลที่อยู่ในพื้นที่ไทยแล้ว

สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลกัมพูชา ออกแถลงการณ์ระบุว่า การยิงปะทะกันในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ระหว่าง ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ทำให้ตัวประสาทพระวิหารพังทลายลงบางส่วน โดยรัฐบาลได้รับรายงานจากผู้บัญชาการทหารในพื้นที่ว่า ปีกปราสาทด้านหนึ่งพังเสียหาย อันเป็นผลจากการยิงกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายไทยเมื่อวันอาทิตย์ โดยสำนักข่าวต่างประเทศ อ้างนายทหารระดับสูงของกัมพูชาว่า มีการยิงปะทะกันรอบใหม่ ในเมื่อช่วงเย็นเมื่อวานนี้ โดยกล่าวว่า มีการยิงปะทะรอบใหม่ โดยกล่าวหาว่า ไทยเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน เมื่อเวลา 18.35 น. ของช่วงเย็นวันที่ 6 ก.พ.ตามเวลาไทย

ขณะ เดียวกัน ดืมอัมปึล สื่อของกัมพูชา รายงานจากการเผยของผู้บัญชาการทหารบกของกัมพูชา ที่กล่าวว่า กัมพูชากับไทยได้ใช้อาวุธหนักเข้าปะทะใส่กัน ขณะเดียวกันบอกว่า เราจะต่อสู้ในตอนนี้เพราะฝ่ายไทยเริ่มยิงเราก่อน โดยยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวอีกว่าปีกของปราสาทพระวิหาร ได้พังเสียหายบางส่วน เป็นผลโดยตรงจากการยิงระเบิดปืนใหญ่ของฝ่ายไทย

ทั้ง นี้ แหล่งที่มายังกล่าวอีกว่า ไทยได้ส่งทหาร ประมาณ 2,000 นาย ถึงชายแดนเเล้ว ส่วนบริเวณของจังหวัด บันเตีย-เมียนเจย ของกัมพูชาไฟฟ้าได้ดับลงหมดเเล้ว นอกจากนี้ ดืมอัมปึล ยังเสนอข่าวอีกว่า เหตุการณ์สู้รบกันมี ชาวกัมพูชา เสียชีวิตเพียง 2 คน เป็นทหาร 1 นาย จากการปะทะกัน เมื่อวันที่ 4-5 ก.พ.ที่ผ่านมา มีชาวกัมพูชาเสียชีวิตเพราะทำปืนลั่น ไม่ได้ถูกทหารไทยยิงตาย อีกคนเป็นชาวบ้าน มีผู้บาดเจ็บรวม 20 คนเท่านั้น และยังเสนอภาพ อ้างว่าเป็นกองเสบียงอาหาร และน้ำดื่มจำนวนมากที่ชาวกัมพูชาทั่วประเทศส่งมาช่วยทหารต่อสู้กับไทย

สำหรับ สถานการณ์ล่าสุดจากเหตุการณ์ปะทะกัน ระหว่าง ทหารไทย-เขมร ทหารเขมร ได้บุกยึดปราสาทหินโดนตวล ที่อยู่ในพื้นที่ไทย อยู่ห่างจากหมู่บ้านภูมิซรอล ประมาณ 8 กิโลเมตร และห่างจากตัว อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ 38 กิโลเมตร ได้ถูกทหารเขมรยึดได้แล้ว ยังมีการปะทะตลอดแนวชายแดนระยะ 10 กิโลเมตร


ส่วน จำนวนทหารผู้บาดเจ็บล่าสุด นายแพทย์วันชัย เหล่าเสถียรกิจ ผอ.ร.พ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้เปิดเผยว่า สำหรับยอดผู้ที่ได้รับบาดเจ็บของทหารไทยนั้นมีจำนวนทั้งสิ้น 14 ราย โดยส่วนใหญ่จะถูกสะเก็ดระเบิดเข้าตามร่างกาย และมีจำนวน 1 รายที่มีอาการสาหัส

พร้อมกันนี้ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า การ ปะทะกันยังไม่สิ้นสุด ซึ่งในช่วงค่ำยังมีการยิงประทะกันประปรายเมื่อประมาณ 21.25 น. โดยทางกัมพูชา ต้องการจะยึดบริเวณเนินภูมะเขือและเนินเขาสัตตะโสม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เรายึดไว้ แต่กำลังทหารไทย สามารถผลักดันไม่ให้ทหารกัมพูชายึดได้ ที่ผ่านมาทางการไทย รักษากติกาที่เจรจากันมาโดยตลอด ซึ่งคาดว่า ทางกัมพูชาจะสูญเสียมากจึงเปิดฉากยิงก่อน

ทั้งนี้บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เสียงปืนใหญ่ได้เงียบสงบลงไปแล้ว เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกัน อพยพชาวบ้านอีก 5 ตำบล ประกอบด้วย ต.รุง ต.เสาธงชัย ต.ภูผาหมอก ต.ละลาย ต.บึงมะลู ออกจากบริเวณพื้นที่ หรือ จุดเป็นภัยอันตรายแล้ว ขณะที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ได้นำเต็นท์มากางบริเวณ หน้าที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ เพิ่มอีกจำนวน 60 หลัง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวบ้าน ที่เพิ่งอพยพมาถึง โดยในวันนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง พร้อมกำลังตำรวจตระเวนชายแดน จะเข้าตรวจสอบความเสียหายของ 5 ตำบล ที่ได้รับผลกระทบเพื่อเร่งฟื้นฟูให้กลับเข้าสู่สภาพปกติโดยเร็ว

​

ส่วน ทางด้านผู้นำกัมพูชาได้ออกมาแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์หลักทุกช่องของกัมพูชาและ ส่งหนังสือร้องเรียนไปยัง ประธานคณะมนตรีความมั่นแห่งสหประชาติขอให้เรียกประชุมด่วน อ้างถูกไทยรุกราน

สม เด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งหนังสือร้องเรียนไปยังประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติคน ปัจจุบัน ให้เรียกประชุมฉุกเฉินด่วน เพื่อช่วยหยุดยั้งการรุกรานของไทย โดยแถลงการณ์ที่อ่านออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ของทางการกัมพูชา เมื่อคืนวันอาทิตย์

โดย เมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.50 น. ของวันที่ 6 ก.พ. โทรทัศน์ช่องทีวีบายอนของกัมพูชา ได้เผยแพร่แถลงการณ์ของ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ส่งถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ให้ออกจดหมายเวียนอย่างเป็นทางการถึงประเทศสมาชิก โดยระบุว่า กอง ทัพไทย ได้รุกรานกัมพูชา ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา ทำให้ทางกัมพูชา ต้องปกป้องอธิปไตยของตนเอง พร้อมกับฟ้องว่า ทางการไทยได้รุกล้ำดินแดนของกัมพูชาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ แถลงการณ์ของผู้นำกัมพูชา ยังอ้างด้วยว่า สงครามระหว่างไทยกับกัมพูชา ส่งผลให้ปราสาทพระวิหาร ซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ตั้งแต่ปี 2551 ได้รับความเสียหาย จึงเรียกร้องให้ทางสหประชาชาติเข้าแทรกแซงเพื่อยุติสงคราม


[6 กุมภาพันธ์]เกาะติดสถานการณ์ ไทยปะทะเขมร ชายแดน ไทย - กัมพูชา
​

​

ไทย-เขมร ปะทะรอบ 3 ยุติแล้ว หลังทหาร 2 ฝ่ายตั้งโต๊ะเจรจา ขณะที่หมู่บ้านภูมิซรอล ไฟไหม้หนัก ชาวบ้านอพยพนับหมื่น ชี้วันนี้ปะทะหนักสุด

วันนี้ (6 กุมภาพันธ์) เวลาประมาณ 18.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดการปะทะรอบที่ 3 นับจากวันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ โดยเกิดเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะระหว่างภูมะเขือกับช่องโดนเอาว์ ชายแดนไทย-กัมพูชา พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นว่า ทางทหารกัมพูชา ได้ยิงปืนพลุส่องสว่างขึ้น แล้วระดมยิงมายังฝั่งไทย ด้วยกระสุนปืนใหญ่จากรถถัง มาตกที่ช่องโดนเอาว์ จากนั้นทางทหารกัมพูชาใช้เครื่องยิงจรวด BM21 เข้าใส่ฝ่ายไทย ซึ่งทางฝ่ายทหารไทยได้ตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ และยืนยันว่าจะยังไม่ตอบโต้ทางอากาศ

โฆษกกองบัญชาการทหารบก เผยต่อว่า สถานการณ์ล่าสุด เหตุทหารไทยปะทะกัมพูชา ยังไม่ยุติ มีการยิงอาวุธหนักตลอดแนว 10 กิโลเมตร เขาพระวิหาร ซึ่งการตอบโต้จากฝั่งไทยจะเป็นไปแบบพอเหมาะสม เพื่อไม่ให้ไทยถูกครหาว่า เป็นประเทศที่มีศักยภาพมากกว่ารังแกประเทศด้อยกว่า แต่ทางสื่อเขมรรายงาน อ้างไทยขอยอมจำนน

ทั้งนี้ การปะทะรอบ 3 ต่อเนื่องยาวนานกว่า 3 ชั่วโมง กระทั่งเวลาประมาณ 21.45 น. ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ เผยการปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา ยุติลงแล้วเมื่อ 21.45 น. หลังทหาร 2 ฝ่ายตั้งโต๊ะเจรจา โดยทาง พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า รายงานความสูญเสียของทหารไทย มีทหารบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่ระบุไม่ได้ และยืนยันว่าตัวเมือง อ.กันทรลักษ์ ปลอดภัยจากกระสุนแน่นอน เนื่องจากจรวด BM21 ของเขมร ยิงไกลสุดได้ประมาณ 20 กิโลเมตร

โดย รายงานล่าสุดที่ โรงพยาบาลกันทรลักษ์ ยอดคนเจ็บล่าสุด อยู่ที่ 10 ราย เป็นพลเรือน 1 ทหาร 9 ในจำนวนนี้สาหัส 1 ส่งตัวไปต่อที่โรงพยาบาลอุบลฯ ด้าน นักข่าวในพื้นที่ประเมินเหตุปะทะวันนี้ หนักที่สุด เสียงปืนดังเป็นระยะขณะรายงานข่าว ส่วนบรรยากาศในตัวเมือง อ.กันทรลักษ์ บ้านเรือน-ร้านค้าปิดเงียบ ชาวบ้านบางส่วนทยอยเดินทางไป จ.อุบลราชธานี

ขณะ ที่ ผอ.โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา เปิดเผยว่า ในช่วงการปะทะหมู่บ้านภูมิซรอล เหมือนอยู่ในภาวะสงคราม เนื่องจากฝั่งกัมพูชาจงใจยิงอาวุธลงในพื้นที่เขตพลเรือน เฉลี่ย 150 นัด/นาที ทำให้สภาพหมู่บ้านเหมือนจมอยู่ในทะเลเพลิง ไฟไหม้หนัก ประชาชนบางส่วนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย และมีรายงานไฟไหม้ที่ด่านเก็บเงิน ทางขึ้นเขาพระวิหาร โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ บางส่วนยังติดค้างในพื้นที่ด้วย

ขณะเดียวกัน กำนัน ต.เสาธงชัย ให้สัมภาษณ์ว่า ชาวบ้านจาก 13 หมู่บ้าน ใน อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ จำนวนกว่า 11,000 คน อพยพมาที่ศูนย์อพยพชั่วคราวต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งที่ศูนย์อำนวยการอพยพต้องการคือ ผ้าห่ม เครื่องนุ่งห่ม ยากันยุง ส่วนอาหารมีพอสมควรแล้ว

ทั้งนี้ หากต้องการบริจาค ผ้าห่ม น้ำดื่ม อาหาร ให้ชาวบ้านชายแดน ติดต่อได้ที่ ศูนย์ช่วยเหลือ อ.กันทรลักษ์ โทร. 045-661-422 และสำนักงานบรรเทาทุกข์ฯ สภากาชาดไทย โทร. 0-2251-7853-6, 0-2251-7614-5


ชาวบ้านเล่านาทีระทึก เขมรถล่มภูมิซรอลยับ

ชาวบ้านที่รอดตายจากเหตุการณ์ปะทะเดือด เล่านาทีระทึก ทหารกัมพูชายิงถล่มหมู่บ้านภูมิซรอล และบ้านซำเม็ง พื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ทำบ้านเรือนเสียหายยับเยิน

เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. ที่บริเวณสามแยก บ้านท่าสว่าง ต.ท่าสว่าง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ไปสู่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร มี นายชนแดนไทย เสริมมงคล อายุ 43 ปี เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมี นางสุกัญญา สุมาพงษ์ อายุ 27 ปี และเด็กชายศุภกร ชีพเพชร อายุ 3 ปี ซ้อนท้ายลงมา ด้วยท่าทางที่ยังไม่หายจากอาการตระหนกตกใจ

นายชนแดนไทย กล่าวว่า เมื่อเวลา 18.45 น. ขณะที่ตนกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่กับครอบครัว ทหารกัมพูชาได้ระดมยิงปืนใหญ่ใส่ทหารไทย ที่บริเวณภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร ได้ยิงถล่มหมู่บ้านภูมิซรอล และบ้านซำเม็ง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งทหารไทยได้ใช้ปืนใหญ่ยิงตอบโต้

ขณะที่ทั้งหมู่บ้านที่ถูกยิงถล่มนั้น บ้านเรือนของชาวบ้านได้รับความเสียหายยับเยิน



[6 ก.พ.] เกาะติด เหตุปะทะไทย-เขมร ชายแดนพระวิหาร


23.40 น. ทหารที่สาหัส 1 นาย คือ ส.อ.ธนากร พูลเพิ่ม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 จ.ศรีสะเกษ ถูกสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะ

23.34 น. รถติดยาวจาก อ.กันทรลักษ์ มุ่งหน้าออกไปทางอุบลฯ ตัวเมืองศรีสะเกษ

23.30 น. สั่งอพยพชาวบ้านด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ หลังเขมรเสริมกำลังประชิดฝั่งโอร์เสม็ด

23.23 น. กองทัพบก เผยผ่านทีวีไทย ส่งปืนใหญ่อัตตาจร 155 มม. Caesar จาก ป.พัน 711 ลพบุรี เข้าไปในพื้นที่การปะทะ [ทีวีไทย]

23.19 น. รพ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ยังคงลำเรียงทหารที่ได้รับบาดเจ็บ 10 นาย และชาวบ้านอีก 2 คน เข้ารับการรักษา [ThaiPBS]

23.15 น. พ.อ.สรรเสริญ ยืนยันไม่มีกำลังของกัมพูชาเข้ามาในพื้นที่ฝ่ายไทย ตามที่สื่อกัมพูชารายงาน [ThaiPBS]

23.12 น. BAYON TV เผยแพร่แถลงการณ์ฮุนเซ็น เรียกร้องให้ยูเอ็นจัดการประชุมยุติการทำสงคราม ไทย-กัมพูชา

22.47 น. มีเสียงปืน-ระเบิด ดังขึ้นอีกครั้งจากฝั่งไทย ที่บ้านโนนดู่ แต่ไม่นาน [สปริงนิวส์]

22.43 น. พ.อ.สรรเสริญ เผยปะทะรอบนี้ ยอดคนเจ็บยังไม่นิ่ง ทหารเจ็บกว่าสิบนาย ยันตัวเมืองกันทรลักษ์ ปลอดภัยจากกระสุน ชี้ BM21 ของเขมร ยิงไกลสุดได้ประมาณ 20 กม. [ข่าวสามมิติ]

22.36 น. กำนัน ต.เสาธงชัย บอกยังมีชาวบ้านติดค้างตามหลุมหลบภัยในหมู่บ้านภูมิซรอลประมาณ 100 คน เร่งระดมรถไปช่วยเหลือ

22.31 น. เผยอาวุธหลักกองทัพกัมพูชา เป็นเครื่องยิงไร้แรงสะท้อน หรือจรวด BM-21 รุ่นสงครามโลก

22.20 น. ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ เผยการปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา ยุติลงแล้วเมื่อ 21.45 น. หลังทหาร 2 ฝ่ายตั้งโต๊ะเจรจา [สำนักข่าวเนชั่น]

22.14 น. ปณิธาน ระบุตอนนี้ปะทะเบาบางแล้วหลายจุด พรุ่งนี้เตรียมประท้วงกัมพูชา ยิงเข้ามาในเขตไทย กระทบพลเรือน [ทีวีไทย]

22.02 น. รพ.กันทรลักษ์ รายงานยอดคนเจ็บล่าสุด อยู่ที่ 10 ราย เป็นพลเรือน 1 ทหาร 9 ในจำนวนนี้สาหัส 1 ส่งตัวไป รพ.อุบลฯ

22.00 น. กองทัพกัมพูชา ยันต่อสู้สุดกำลัง เพื่อคุมสมรภูมิรบให้ได้มากที่สุด คุยมีคลังแสงที่ดี-จรวด BM-21 เพียบ

21.55 น. ตัวเมืองกันทรลักษ์เงียบ คนบางส่วนอพยพไปศรีสะเกษ-อุบลฯ ส่วนธนาคาร-ร้านค้า ปิดหมด

21.51 น. รพ.กันทรลักษ์ สั่งเสริมเตียง หลังมีคนเจ็บทั้งทหาร และชาวบ้าน

21.48 น. ปณิธาน เผยนายกฯ รู้แล้วเหตุปะทะยก 3 ขณะที่โฆษก ทบ.ยันเสียงปืนยังสนั่น

21.42 น. เตีย บันห์ ยันความสัมพันธ์สองประเทศยังเหมือนเดิม แม้จะเกิดเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา

21.30 น. โฆษกกองทัพบกไทย ระบุยังไม่ใช้การตอบโต้ทางอากาศ ขณะที่บ้านภูมิซรอลถูกแรงระเบิดไฟไหม้อย่างหนัก

21.26 น. กรมการปกครอง จัดงบ 50 ล้านบาท ช่วยชาวบ้านจากเหตุปะทะชายแดนไทย-เขมร ผู้เสียชีวิตช่วยรายละ 10,000

21.19 น. กำนัน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ บอกขณะนี้ มีประชาชน นับหมื่น เข้ามาหลบภัยยังศูนย์อำนวยการอพยพ

21.15 น. ผอ.ร.ร.ภูมิซรอล ชี้ชายแดนไทย-เขมร น่าจะอยู่ในภาวะสงครามแล้ว หลังฝั่งกัมพูชาจงใจยิงอาวุธลงในพื้นที่เขตพลเรือน

21.11 น. มีไฟไหม้ที่ด่านเก็บเงิน ทางขึ้นเขาพระวิหาร จนท.อุทยานบางส่วนยังติดค้างในพื้นที่

21.08 น. จากเหตุปะทะชายแดนไทย-เขมร ล่าสุด มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 คน ทั้งทหารพราน ทหารราบ และพลเรือน

21.03 น. กองทัพกัมพูชา บอกการปะทะกันครั้งนี้ เกิดจากไทยร้ำแดนก่อน ลั่นทำลายฐานบัญชาการไทย และยึดครองสมรภูมิรบได้มากกว่า

21.00 น. จนท.นำแผงลวดหนามมากั้น-ตั้งด่านตรวจเข้ม บริเวณสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย หวั่นโดนป่วน

20.56 น. รพ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เผยมีคนเจ็บ 4 คน เป็นชาวบ้าน 2 คน ทหาร 2 คน โดนสะเก็ดระเบิด

20.54 น. ชาวบ้านอพยพหนีภัยสงคราม ต้องการข้าวสาร-อาหารแห้ง-น้ำดื่ม ติดต่อ สนง.บรรเทาทุกข์ฯ สภากาชาดไทย โทร. 0-2251-7853-6/ 0-2251-7614-5

20.50 น. โฆษก ทบ.ยันโต้เขมรพอเหมาะสม-ไม่หนัก เกรงคำครหา ไทยมีศักยภาพมากกว่ารังแกประเทศด้อยกว่า

20.48 น. ปูนบำเหน็จเป็นร้อยเอก ส.อ.วุธชรินทร์ เสียชีวิตจากเหตุไทยปะทะเขมร พระราชทานเพลิงศพ 9 ก.พ.นี้

20.41 น. ผอ.ร.ร.ภูมิซรอล เผยเขมรยิงเฉลี่ย 150 นัด/นาที ชี้การยิงกระสุนส่องสว่าง ให้ประโยชน์ในการเคลื่อนกำลังพล

20.37 น. เผยใช้จรวดหลายลำกล้องปูพรม และให้ทหารราบเข้าตีฐานทหารไทย เสียหายพอสมควร

20.32 น. เจ้าหน้าที่ขอให้นักข่าวออกจากที่ตั้ง บริเวณหมู่บ้านภูมิซรอล 10 กม. หวั่นกระสุนตกใส่ พร้อมสั่งทุกหมู่บ้านดับไฟป้องกันการโจมตี

20.30 น. แนวการยิงปะทะเกิดขึ้นตลอดระยะทาง 10-11 กม. ทั้งซ้าย-ขวาของปราสาทพระวิหาร ล่าสุด เสียงปืนลดลงแล้ว แต่ยังตอบโต้เป็นระยะ

20.25 น. พ.อ.สรรเสริญ ยันเขมรยิงกระสุนส่องสว่างตกแถวภูมะเขือ ก่อนยิงจรวด ไทยจึงตอบโต้ด้วยปืนใหญ่

20.20 โฆษกกองทัพบก เชื่อความสูญเสียจากการปะทะ มีแน่ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน และเข้าตรวจสอบ

20.17 น. ก.ต่างประเทศ ส่งหนังสือแจงเหตุไทยปะทะเขมร ถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ พร้อมเตรียมจัดประชุมเจบีซีภายในเดือนนี้

20.13 น. ผอ.รร.ภูมิซรอล เผยมีรถพยาบาลมารับคนเจ็บออกไปแล้ว ชี้เสียงปืนส่วนใหญ่ดังมาจากทิศตะวันออกของเขาพระวิหาร

20.10 น. นักข่าวในพื้นที่ชายแดนไทย-เขมร ประเมินเหตุปะทะวันนี้ หนักที่สุด เสียงปืนดังเป็นระยะขณะรายงานข่าว

20.06 น. รถกู้ภัย ยังเข้าหมู่บ้านภูมิซรอลไม่ได้ เหตุไม่มั่นใจความปลอดภัย ชาวบ้าน-พระสงฆ์ หลบในบังเกอร์ อยู่ในความปลอดภัย

20.00 น. สื่อเขมรรายงาน ทหารไทย-กัมพูชา เปิดฉากปะทะกันอีกครั้ง ล่าสุดมีรายงาน อ้างไทยขอยอมจำนน

19.54 น. สถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร ยังไม่คลี่คลาย เผยหมู่บ้านภูมิซรอล เป็นทะเลเพลิง ไฟไหม้หนัก ชาวบ้านอพยพด่วน

19.41 น. ชายแดนระอุอีก เขมรยิงจรวด-ไทยยิงปืนใหญ่ตอบโต้ ชาวบ้านภูมะเขือได้รับบาดเจ็บแล้ว 2 ราย

19.29 น. ชาวบ้านใกล้ปราสาทมตาเมือนธม ติดชายแดนไทย - กัมพูชา จัดจุดรวมพลเตรียมพร้อมอพยพหนีภัยสงคราม หากเขมรรุก

19.08 น. มีรายงาน เสียงปืนดังขึ้นอีกเป็นระยะ ที่ภูมะเขือช่องโดนเอาว์-ยังเป็นปืนเล็ก

18.50 น. ผลเจรจาระหว่างผู้บัญชาการทหารไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 2 ในวันนี้ ตกลงที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะกันด้วยอาวุธ

17.53 น. เขตการศึกษา จ.ศรีสะเกษ สั่งปิด 20 โรงเรียน พื้นที่เสี่ยง 3 วัน พร้อมระบุมีเด็กนักเรียนได้รับผลกระทบกว่าครึ่งหมื่น

17.35 น. สื่อกัมพูชาอ้าง ทหารกัมพูชาสังหารทหารไทย ไปแล้ว 32 นาย ในเหตุปะทะพื้นที่ชายแดน

15.18 น. โฆษก สตช.เผย ตชด.เร่งอพยพชาวบ้านกว่า 5,000 ชีวิต ใน อ.กันทรลักษณ์ จ.ศีรสะเกษ หนีการปะทะชายแดนไทย-เขมร

14.45 น. ชายแดนไทย-กัมพูชา เสียงปืนสงบแล้ว ชี้เป็นเสียงปืนเล็ก เชื่อเป็นการยิ่งยั่วยุจากฝ่ายเขมร

13.47 น. เสียงปืนดังอีก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะคณะปลัด มท.กำลังตรวจ ร.ร.ภูมิซรอลวิทยา หนีตายจ้าละหวั่น

13.33 น. โฆษกกองทัพบก ยืนยัน ทหารไทยไม่ได้ถูกจับ พร้อมคาดประชาชนเดินทางกลับเข้าพื้นที่บางส่วนได้พรุ่งนี้

13.01 น. นายกฯ ยันไม่จำเป็นต้องให้อาเซียน เข้าแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา เพราะยังเจรจากันได้ ลั่นไม่ถอนกำลังทหารออกนอกพื้นที่

12.06 น. ดุสิตโพล ระบุ เหตุปะทะทหารไทย-เขมร เกิดจากปมข้อพิพาทเรื่องพื้นที่ที่สะสมมานาน แนะเจรจาสันติวิธี

11.14 น. สถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย เช้านี้ยังสงบ ตำรวจนครบาล 4 จัดกำลังดูแลเข้ม หวั่นเกิดเหตุป่วน

09.48 น. ลือ ปะทะรอบ 2 ทหารเขมรตาย 64 ศพ ปณิธาน ระบุต้องใช้เวลาตรวจสอบก่อน

09.25 น. ชายแดนไทย-เขมร สงบแล้ว แต่ชาวบ้านภูมิซรอล ยังไม่มั่นใจสถานการณ์ บางส่วนต้องอาศัยหลุมหลบภัย

​

ขณะที่ผลการเจรจาครั้งที่ 2 ระหว่างผู้บัญชาการทางหารทหารของไทยและกัมพูชา ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ต.สรัย ดึ๊ก ผู้บัญชาการทหารกัมพูชา ส่วนไทย นำโดย พล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อเสนอแนวทางการลดความตึงเครียดในเหตุปะทะครั้งร้ายแรงในช่วงบ่ายวัน ศุกร์ และเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา ในพื้นที่พิพาทชายแดนใกล้กับปราสาทพระวิหาร

ภายหลังการหารือนานราว 1 ชั่วโมงครึ่ง พล.ท.สรัย ดึ๊ก กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ทั้ง 2 ฝ่าย ได้ตกลงกันที่จะไม่สั่งเคลื่อนย้ายกำลังพลเข้ามาในพื้นที่พิพาท และจะถอนกำลังกลับสู่ฐานที่มั่นของตน แต่หากกองทัพไทย ยังคงพยายามที่จะบุกรุกเข้ามาในดินแดนของกัมพูชา กัมพูชาก็จะใช้สิทธิ์ในการป้องกันตัวเอง เพื่อปกป้องดินแดนของตน และจะเกิดการปะทะขึ้นอีกหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับท่าทีของไทย ในอนาคต

นอกจากนี้ ยังมีการตกลงว่า จะคืนตัวทหารไทย 5 คน และกัมพูชาอีก 5 คน ที่จับกุมมาได้ระหว่างการปะทะ รวมถึง ชาวบ้านที่ถูกอพยพมาอยู่ที่ ที่ลี้ภัยชั่วคราว เนื่องจาก เป็นช่วงของการเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้าน

ขณะที่ นายปาย สิฟาน โฆษกคณะรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวในวันนี้ว่า เหตุปะทะกัน 2 วันที่ผ่านมา ระหว่างกองกำลังทหารไทยและกัมพูชา ส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชา เสียชีวิต 2 นาย แต่หนึ่งในนั้นไม่ได้เสียชีวิตจากกระสุนปืนของไทย แต่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ส่วนฝ่ายไทยนั้น พบมีทหารเสียชีวิต 32 นาย ในผืนแผ่นดินของกัมพูชา และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก

สำหรับความเสียหายจากการปะทะระลอก 2 วานนี้ (5 ก.พ.) ส่งผลให้ทหารไทยบาดเจ็บอีก 4 นาย เสียชีวิต 1 นาย รวมทหารไทยบาดเจ็บทั้งสิ้น 12 นาย เสียชีวิต 1 นาย แต่มีพลเรือนไทยเสียชีวิตด้วย 1 ราย ส่วนฝ่ายกัมพูชา ทราบว่าได้รับความเสียหายเยอะ ทหารเสียชีวิตจากการปะทะ 60-64 นาย สูญเสียรถถังและยานเกราะ 12-13 คัน แต่ไม่มีพลเรือนกัมพูชาเสียชีวิต

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เบื้องต้นรัฐบาลได้รับรายงานว่า ฝั่งกัมพูชามีตัวเลขสูญเสียค่อนข้างสูง โดย ข่าวลือที่ว่าทหารกัมพูชาเสียชีวิต 64 ศพ อาจต้องใช้เวลาตรวจสอบอีกสักระยะ ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศจะเรียกเอกอัครราชทูตกัมพูชามาพบเพื่อยื่นหนังสือ ประท้วง และยังได้เตรียมหนังสือไว้ชี้แจงต่อองค์กรระหว่างประเทศอื่นด้วย

ขณะที่เว็บไซต์ ฟิฟทีนมูฟ รายงานอ้างข้อมูลจาก สำนักข่าวต้นมะขาม (ดืม อัม ปึม) ระบุว่า พลเอก เจีย ดารา รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่เปิดเผยกับ นายซอย สุเพียบ จากบายนทีวี และเจ้าของสำนักข่าวฯ ว่า ระหว่างการต่อสู้
2 วัน เย็นวันที่ 4 ก.พ. และเช้าตรู่วันที่ 5 ก.พ.ทหารกัมพูชาสังหารทหารไทยไปทั้งสิ้น 32 นาย ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก และจับตัวทหารไทย 5 นาย

ส่วนฝ่ายกัมพูชา พบวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ และปราสาทพระวิหาร ได้รับความเสียหายร้ายแรงโดยกระสุนปืนใหญ่ขนาด105 ม.ม., 130 ม.ม. และ 150 ม.ม.ของไทย และกระสุนปืนใหญ่ของไทย ที่เปิดทางให้ทหารราบเคลื่อนเข้ายึดวัด และปราสาทพระวิหาร แต่ก็ถูกผลักดันถอยร่น โดยทหารกัมพูชา ทิ้งทหารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บไว้ข้างหลัง ซึ่งในขณะสู้รบ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก มาเยือนปราสาทพระวิหาร และได้รับการปกป้องจากทหารกัมพูชา และได้อพยพออกจากพื้นที่อย่างปลอดภัย แต่อย่างไรก็ดี กลับมีช่างภาพคนหนึ่ง เสียชีวิตจากลูกหลง ที่ทหารไทย สาดปืนกลเข้ามายังปราสาทพระวิหาร

​

ส่วน บรรยากาศบริเวณ ที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ในช่วงเช้าของวันนี้ (6 กุมภาพันธ์) มีประชาชนบางส่วนที่เข้ามาพักชั่วคราวได้ทยอยเดินทางกลับเข้าบ้านพักของตน เองในหมู่บ้านต่าง ๆ เนื่องจากมีความมั่นใจว่า สถานการณ์สงบแล้ว แต่ก็มีชาวบ้านบางส่วนที่อยู่ติดแนวชายแดน เชิงทางขึ้นปราสาทพระวิหาร อาทิ หมู่บ้านภูมิซรอล ยังคงพักอาศัยอยู่ เพราะยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ และขอรอดูความชัดเจนก่อน 1-2 วัน ว่าจะกลับเข้าบ้านของตนเองหรือไม่

ทั้งนี้ นายนคร ศิริปริญญานันท์ ปลัดอำเภอกันทรลักษ์ รักษาการนายอำเภอกันทรลักษ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้จะยังไม่อนุญาตให้ประชาชนกลับเข้าไปในพื้นที่ได้ และจะเร่งทำความเข้าใจกับประชาชน อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย จะลงพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ เพื่อเยี่ยมประชาชนด้วย

​

[5 ก.พ.] แม่ทัพภาค 2 เผยผลเจรจา สรุปหยุดยิงทั้ง 2 ฝ่าย

แม่ ทัพภาคที่ 2 เผยผลการเจรจากัมพูชา ได้ข้อยุติในการหยุดยิง พร้อมเปิดด่านช่องจอม-ช่องอานม้า-ช่องสะงำ คืนภาวะปกติ หลังเกิดเหตุ ไทยปะทะเขมร ระลอก 2 เช้านี้ ทหารไทยตาย 1 เจ็บ 4 ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา ออกแถลงการณ์ อ้างถูกไทยรุกราน โบ้ยเหตุแห่งสงครามเกิดจาก นายกฯอภิสิทธิ์

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2554 มีรายงานว่า ช่วง เช้าตรู่ประมาณ 06.00 น. เกิดเสียงปืนดังสนั่นขึ้นอีกครั้งที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ แต่เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต จนกระทั่งเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง เสียงปืนจึงสงบลง ส่งผลให้ ส.อ.วุฒิชริน ชาติคำดี เสียชีวิต และมีทหารบาดเจ็บ 4 นาย ท่ามกลางการตรึงกำลังของ เจ้าหน้าที่ทหารทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา โดยมีรายงานด้วยว่าทั้งสองฝ่ายกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อยุติการใช้ กำลัง

พลโท ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ อยู่ระหว่างการดำเนินการ เพื่อหาแนวทางขอเจรจากับทางการกัมพูชา หาข้อยุติและร่วมหาออก เพื่อแก้ไขปัญหา หลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบและกำลังเจ้าหน้าที่ทหารไทย ปะทะกับ ทหารกัมพูชา ส่งผลให้ชาวบ้านกว่า 3 พันคน ได้รับความเดือนร้อน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมาก ขณะเดียวกันได้ปฏิเสธที่จะตอบว่า แนวทางการดำเนินการดังกล่าวนั้น จะดำเนินการอย่างไร เพียงแต่ให้รอติดตามสถานการณ์เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เวลาประมาณ 15.00 น. พล.ท.ธวัช ชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้า การเจรจากับทางกัมพูชาว่า เบื้องต้นนั้น ถือว่าทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี และได้มีข้อสรุปร่วมกัน 4 ข้อ คือ การตกลงหยุดยิง ไม่มีการเพิ่มกำลังทหารเพิ่มเติม ให้ผู้บังคับบัญชา ทั้ง 2 ฝ่าย ดูแลกำลังพล ไม่ให้เปิดการปะทะก่อน และสั่งถอนชุดประสานงานกลับออกมาจากพื้นที่ เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดเรื่องการถูกควบคุมตัว

พร้อมกันนี้ยังได้สั่งเปิดด่านชายแดน ช่องอานม้า ช่องจอม และช่องสะงำ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยประชาชนสามารถเดินทางติดต่อกันได้ตามปกติ ขณะที่การกลับเข้าพื้นที่ของชาวบ้าน โดยเฉพาะที่บ้านภูมิซรอล นั้น พล.ท.ธวัชชัย กล่าวว่า ต้องรอให้ทางจังหวัด และฝ่ายปกครอง เป็นผู้จัดลำดับและดำเนินการ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่งก่อนที่ประชาชนจะกลับเข้าบ้านได้ตามปกติ ซึ่งรายละเอียดนั้นได้แจ้งให้ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ทราบแล้ว

ขณะที่ทางด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ไม่มีการจับกุมตัวทหารไทย โดยทหารกัมพูชาทั้งสิ้น โดยเป็นการเข้าใจผิด จากการส่งชุดประสานงานเข้าไปดำเนินการ ซึ่งได้มีการถอนออกจากพื้นที่แล้ว พร้อมระบุ ไทยเตรียมยื่นฟ้องต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เช่นเดียวกัน หลัง กัมพูชา ยื่นฟ้องว่า ไทยรุกล้ำดินแดน และเปิดฉากยิงก่อน

ทั้ง นี้ เว็บไซต์ ฟิฟทีนมูฟ ได้ทำการเผยแพร่แถลงการณ์ด่วนจากกระทรวงการต่างประเทศ และความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2011 ระบุวานนี้ ระหว่างเวลา 15.00 - 17.00 น. ทหารไทยประมาณ 300 นาย ได้บุกรุกเข้ามายังดินแดนกัมพูชา และโจมตีทหารกัมพูชา ในพื้นที่ 3 จุด อันได้แก่ ขะมุม (ใกล้กับบันไดปราสาทพระวิหาร ประมาณ 500 เมตร), พื้นที่คานม้า และพนมโตร๊ป หรือภูมะเขือ พร้อมอ้างว่า สองจุดหลังนี้ "ตั้งอยู่จากเส้นเขตแดน เข้ามาในแผ่นดินกัมพูชา 1,120 เมตร และ 1,600 เมตร ตามลำดับ

ตามด้วยการยิงกระสุนปืนใหญ่ ขนาด 130 ม.ม. และ 155 ม.ม. เข้ามาในดินแดนกัมพูชา ประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นผลให้ปราสาทพระวิหาร ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลก เสียหายอย่างรุนแรง กอปรกับการเสียชีวิต และบาดเจ็บของทหารกัมพูชา และชาวบ้านกว่าสิบราย ซึ่ง การตอบโตกลับจากฝ่ายกัมพูชา เป็นไปเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรภาพแห่งดินแดน ในสภาวะที่ไร้ทางเลือก อันเนื่องมาจากการถูกโจมตี พร้อมโยนความผิด ในเหตุแห่งการเกิดสงคราม ที่ยืนยันมาจากถ้อยแถลงของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา ว่า "การใช้กำลังเป็นทางเลือกสุดท้าย และรัฐบาลไทย ไม่กลัวที่จะทำสงครามกับกัมพูชา"

นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ มีการแก้ปัญหาพรมแดน โดยเฉพาะในพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือ องค์กรระหว่างประเทศอื่นใด หากการทำความตกลงไม่สามารถเป็นไปได้ผ่านช่องทางทวิภาคี

ทั้งนี้ ตามรายงานของ ฟิฟทีนมูฟ ระบุว่า แถลงการณ์ดังกล่าว ออกด้วยความรีบร้อนถึงขั้นย่อหน้าผิดอีกด้วย

ขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศของไทย ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ทหารไทย ปะทะ ทหารกัมพูชา โดยระบุเป็นว่า เมื่อบ่าย วันที่ 4 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 15.20 น. ทหารกัมพูชา เปิดฉากยิงใส่ฐานที่มั่นของเจ้าหน้าที่ทหารไทย ที่ประจำการอยู่ใกล้ภูมะเขือ ซึ่งเป็นดินแดนของประเทศไทย โดยใช้ปืนใหญ่ไร้แรงสะท้อน นอกจากนี้ เวลา 16.20 น. ของวันเดียวกัน ทหารกัมพูชา ก็ได้ยังยิงปืนเข้าใส่พื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร และบริเวณใกล้เคียงฐานที่มั่นของเจ้าหน้าที่ทหารไทย ใกล้ผามออีแดง ซึ่งอยู่ในเขตแดนประเทศไทยเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ ก็ได้มีกระสุนปืนใหญ่อีกหลายลูก ที่ยิงมาจากทหารฝ่ายกัมพูชา ตกเข้าไปในหมู่บ้านภูมิซรอล ในจังหวัดศรีสะเกษของประเทศไทย ซึ่งอยู่ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 5 กิโลเมตร อีกด้วย ซึ่งที่เหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้พลเรือนไทยรายหนึ่งเสียชีวิต และเจ้าหน้าที่ทหาร อีก 6 นาย ได้รับบาดเจ็บ บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 7 หลังคาเรือน ส่วนประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวอีกกว่า 3 พันคน ต้องเร่งอพยพออกจากพื้นที่

ทั้งนี้ การโจมตีจากฝ่ายกัมพูชาดังกล่าว ถือว่าเป็นการกระทำที่รุกรานและละเมิดอำนาจอธิปไตยของประเทศไทยอย่างชัดเจน ประเทศไทยไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากการตอบโต้ตามสิทธิ์ โดยยังยืนยันว่า ต้องการแก้ไขข้อพิพาทต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นโดยสันติวิธี แต่ก็ต้องสงวนสิทธิ์ในการปกป้องอธิปไตยของตนเองไว้ด้วยเช่นเดียวกัน

ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวผ่าน สำนักข่าวเอเอฟพี เรียกร้องให้ไทยและกัมพูชา ใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างถึงที่สุด และทำในสิ่งที่จำเป็น และไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพื่อลดความตึงเครียดและหลีกเลี่ยงความขัดแย้งต่อกัน ซึ่งสหรัฐอเมริกา ก็กำลังจับตาดูสถานกาณ์อย่างใกล้ชิด

สำหรับการออกมาเรียกร้องดังกล่าว มีขึ้นหลังจากการปะทะกันวานนี้ ระหว่างกองกำลังทหารไทยและกัมพูชา จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต อย่างน้อย 2 ราย และบาดเจ็บจำนวนมาก โดย นายเขียว กัญญาฤทธิ์ รัฐมนตรีกระทรวงข่าวสารกัมพูชา ระบุว่า ได้เตือนไปยังฝ่ายไทยแล้ว ไม่ให้รุกล้ำเข้ามาในดินแดนของกัมพูชา แต่พวกเขากลับไม่เชื่อ เจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชา จึงยิงปืนขึ้นฟ้า แต่ทหารฝ่ายไทย กลับยิ่งปืนใส่กองกำลังของกัมพูชา


รายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุ ไทยปะทะเขมร เบื้องต้นมี 9 ราย คือ...

สิบเอก ธีรวัฒน์ ศรีวะรินทร์

จ่าสิบเอก มงคล พลเยี่ยม

ทพ.ดำรง พรหมโคตร

พลทหารวิทยา ศีมันตะ

จ่าสิบเอก สุมน จาบประโคน

ทพ.สุวรรณ ถ่อแก้ว

นายวิเชียร อัตพงษ์

นายเสถียร ศรีมุกดา

จ่าสิบเอก วิรัตน์ งามสูงเนิน

ส่วนผู้เสียชีวิตคือ นายเจริญ ผาหอม และ ส.อ.วุฒิชริน ชาติคำดี

​

[5 ก.พ.] เกาะติด เหตุปะทะไทย-เขมร ชายแดนพระวิหาร


22.00 น. รมว.กลาโหม เผยกัมพูชาเตรียมส่งทหารไทยคืน หลังพลัดหลง

21.30 น. สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว เผยบริษัททัวร์ ยกเลิกโปรแกรมเที่ยวกัมพูชาเพียบ หวั่นไม่ปลอดภัย สูญรายได้แล้วหลายร้อยล้านบาท

21.27 น. บุรีรัมย์ ตรึงกำลังทหาร 3 อำเภอ ตามแนวชายแดนติดกัมพูชา ตลอด 24 ชม.

20.26 น. รมว.พัฒนาสังคมฯ รุดเยี่ยมทหารประจำการผามออีแดง ขณะที่ยอดผู้อพยพใน อ.กันทรลักษ์ อยู่ที่ประมาณ 3,000 คน และ อ.น้ำยืน 1,300 คน

20.14 น. โฆษก ก.ต่างประเทศ เผยยื่นหนังสือต่อ คกก.มรดกโลก เลื่อนการพิจารณาปราสาทเขาพระวิหารแล้ว ขณะที่ ประธานอาเซียน เยือนไทย 8 ก.พ. รับทราบข้อเท็จจริงเหตุปะทะ

20.08 น. พธม. แถลงซัดแม่ทัพภาคที่ 2 ชี้เจรจาเขมรแก้ปัญหาไม่ถูกจุด บอกทำตาม 3 ข้อเรียกร้อง ปัญหาจบ

19.37 น. รมว.ต่างประเทศ แจงทูต 16 ประเทศ ระบุเหตุปะทะชายแดน ไทยอดกลั้นจนถึงที่สุด ยันตอบโต้เฉพาะพื้นที่ทางทหารเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับพลเรือน

19.11 น. แม่ทัพภาคที่ 2 ร่วมรดนำศพ ส.อ.วัธชรินทร์ ท่าจันดี อายุ 26 ปี ทหารที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะ ที่วัดศิริวราวาส จ.ศรีสะเกษ

18.05 น. ทหารไทย-เขมร ยังคงตรึงกำลัง และเผชิญหน้ากัน บริเวณช่องกร่าง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ด้านปราสาทตาเมือนธม ยังเปิดตามปกติ แต่ไร้นักท่องเที่ยว

17.40 น. ยูเนสโก ออกแถลงการณ์แสดงความเป็นห่วง เหตุการณ์ปะทะ ระหว่างไทย-กัมพูชา เรียกร้องให้สองฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้น

16.35 น. เปิดด่านช่องสะงำ จ.สุรินทร์ แล้ว หลังแม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เจรจาเขมร ขณะที่ตลาดโรงเกลือ เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ

16.11 น. ปณิธาน มั่นใจแจงคณะกรรมการมรดกโลก ปมพระวิหารได้ เชื่อความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ในภาพรวมยังดี

15.38 น. นายกฯ เสียใจเหยื่อเหตุปะทะ ยันไทยไม่ได้รุกรานเขมรก่อน ชี้พื้นที่เขาพระวิหารละเอียดอ่อน ไม่ควรขึ้นเป็นทะเบียนมรดกโลก

14.57 น. แม่ทัพภาคที่ 2 เผยผลการเจรจากัมพูชา ได้ข้อยุติในการหยุดยิง พร้อมเปิดด่านช่องจอม-ช่องอานม้า-ช่องสะงำ

14.19 น. ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ สั่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเสียหายบ้านเรือนจากการปะทะกัน ล่าสุด เสียหายแล้ว จำนวน 13 หลัง

13.36 น. ตำรวจ สภ.บึงมะลู จ.ศรีสะเกษ ยังคงเปิดไซเรน ประกาศให้ชาวบ้านอพยพออกจากพื้นที่ เพื่อความปลอดภัย

12.49 น. ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังตึงเครียด ล่าสุด มีรายงาน ทหารเขมรเคลื่อนรถถัง 30 คัน จากซำแต มาภูมะเขือ

12.20 น. รมว.ต่างประเทศ กษิต ภิรมย์ เชิญทูตต่างประเทศ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์ ก่อนเปิดแถลงข่าว 16.30 น.

11.27 น.แกนนำพันธมิตรฯ ออกแถลงการณ์ ประณาม ทหารกัมพูชา เปิดศึกยิงทหารไทย ระบุ เป็นการรุกรานอธิปไตยไทย พร้อมปฏิเสธไม่ขอเจรจากับรัฐบาล

11.23 น.ผู้ว่าฯอุบล เปิดรับบริจาคข้าวสารอาหารและน้ำดื่ม เพื่อช่วยเหลือชาวศรีสะเกษ ที่อพยพหลบเหตุปะทะชายแดนไทย-เขมร

11.15 น.พลเอกเตีย บันห์ ยอมรับ มีการจับกุมทหารไทย 1 นาย ยัน ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ขณะ ฮอร์ นัม ฮง ระบุ หากเจรจาไม่สำเร็จ ส่งเรื่องให้ UN ไกล่เกลี่ย

11.09 น.ชาวบ้านภูมิซรอล เริ่มเข้าสำรวจความเสียหายบ้านเรือน จากการปะทะกันของทหารไทยและทหารกัมพูชาแล้ว พบพังยับ 7หลัง โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ถูกจรวดยิงมาตกใส่หลังคาพัง

11.02 น. กองทัพเรือ จ.ตราด ออกลาดตะเวน น่านน้ำ หลังเกิดเหตุปะทะที่ จ.ศรีษะเกษ ขณะที่แนวชายแดน.ตราด ทหาพรานตรึงกำลังดูแลเข้ม

10.54 น. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.เพื่อไทย แนะนายกรัฐมนตรีเยือนกัมพูชาเพื่อเจรจาปัญหาชายแดนด้วยตนเอง หวั่นการปะทะกันจะมีขึ้นอีก

10.36 น. ผกก.สน.วังทองหลาง เผย สถานทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย ยังปกติ ไร้ม็อบป่วน ด้าน ตำรวจ สนธิกำลัง 150 นาย ตรึงกำลังเข้ม

10.32 น. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาด ตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้า ปรับตัวลดลงจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา และจลาจลในอียิปต์ ค่าบาท เคลื่อนไหว 30.70-31.20 บาท/ดอลลาร์

10.10 น. อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ยังเปิดปกติ แต่มีชาวเขมร เดินทางเข้าไทยลดลง

09.45 น. แม่ทัพภาค 2 เร่งเจรจานายทหารกัมพูชาแล้ว หลัง ช่วงเช้าเกิดการปะทะซ้ำสอง ส่งผลทหารไทย เสียชีวิต 1 นาย ขณะโฆษกกองทัพบก ยืนยัน ไทยไม่เคยเริ่มก่อน

09.37 น. กลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมแน่น จนเต็ม ถ.ราชดำเนินนอกแล้ว ด้าน แกนนำคนสำคัญ อยู่พร้อมหน้า ขณะกลุ่มผู้ชุมนุม ไม่พอใจรัฐบาลที่กล่าวหา เหตุปะทะเกิดจากผู้ชุมนุม

09.30 น. รมช.พาณิชย์ เผย เหตุปะทะไทย-เขมร ด่านชายแดนการค้า ซบเซา ส่วนการจัดแสดงสินค้า 2 ประเทศ 17-20 ก.พ. ต้องรอประเมิน

09.17 น. ปณิธาน เผยเจ้าหน้าที่ อยู่ระหว่างการประสานเจราจากับทหารเขมร หาข้อยุติ หรือ เร่งดำเนินหารปักปันเขตแดน

09.15 น. ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ ระบุเกิดเหตุปะทะประปรายบริเวณพื้นที่ภูมะเขือ เช้านี้จริง เชื่อเกิดจากความเข้าใจผิดกัน

09.10 น. รองนายกฯ สุเทพ ระบุ สถานการณ์ชายแดนเริ่มคลี่คลายแล้ว ขณะปัดไม่ขอพูดถึงสาเหตุการปะทะหวั่นสร้างความตึงเครียดเพิ่มเติม

09.00 น. เสียงปืนใกล้ปราสาทพระวิหารสงบลงแล้ว ขณะอบต.เขาธงชัย เร่งนำรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุเพลิงไหม้บ้าน ส่วนชาวบ้านภูมิซรอลทั้งหมด อพยพไปที่ศูนย์อพยพหมดแล้ว

08.25 น. แม่ทัพภาคที่ 2 เผย พร้อมหาแนวทางเจรจากับเขมร ปัดตอบแนวทางปฏิบัติ ด้าน ผู้บาดเจ็บทราบชื่อแล้ว 9 ราย

08.20 น. ผู้ว่าบุรีรัมย์ กำชับให้ 3 อำเภอ ติดแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่อย่างเข้มงวด

08.10 น. ตลาดช่องจอม ชายแดนไทย-กัมพูชา เงียบเหงา หลัง พ่อค้า-แม่ค้ากัมพูชา หนีกลับประเทศ ส่วนด่าน ปิดชั่วคราว

07.50 น. กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ต่อเหตุการณ์ ทหารไทยปะทะกัมพูชา วานนี้ ยืนยัน เป็นการใช้สิทธิ์ปกป้องอธิปไตยของชาติ หลังถูกละเมิด ขณะยังย้ำยึดมั่นสันติวิธี แก้ปัญหา

07.40 น. แนวชายแดนใกล้ปราสาทพระวิหาร ยังคงมีการยิงปะทะประปราย ตั้งแต่ช่วงเช้า ขณะชาวบ้านภูมิซรอล จ.ศรีสะเกษ พ้อ เกิดมา 60 ปีไม่เคยเจอภาวะสงครามเช่นนี้มาก่อน

07.37 น. ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ เผยสถานการณ์ยังปกติ เชื่อไม่ยืดเยื้อ พร้อมให้ความช่วยเหลือชาวบ้านอพยพหนีสงคราม พุ่ง 3 พัน

06.15 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งจุดตรวจรักษาความปลอดภัย คุมเข้มสถานทูตกัมพูชา

​

[4 ก.พ.] ไทยยิงตอบโต้กัมพูชา บริเวณภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ

ปัญหาข้อพิพาทเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย ยังไม่จบ! และยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร ขณะที่วันนี้ (4 กุมภาพันธ์) เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ชายบริเวณทางด้านทิศตะวันตกของภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ มีเสียงปืนดังติดต่อกันประมาณ 10 นัด ขณะที่เวลาประมาณ 15.45 น. ก็มีเสียงปืนใหญ่ดังขึ้นอีกครั้งเป็นระยะ ๆ จำนวนอีกหลายสิบนัดในจุดเดิม โดยคาดว่าน่าจะเป็นเสียงปืนใหญ่

ขณะที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ได้กล่าวว่า เกิดการยิงปะทะกันจริง ซึ่งบริเวณจุดที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กับที่ตั้งของทหารไทย ที่ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ กระสุนปืนไร้แรงสะท้อนตกลงมาฝั่งไทยประมาณ 10 นัด โดยมีทหารไทยบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน หลังจากนั้นมีเสียงปืนกลและปืนยาว ทางทหารไทยจึงจำเป็นที่จะต้องยิงโต้ตอบกลับไปเพื่อเป็นการเตือน โดยยืนยันว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มต้นยิงก่อน ทั้งนี้ พล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี กำลังติดต่อประสานกับผู้บังคับหน่วยทหารกัมพูชาในพื้นที่ และในส่วนกลาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ก็กำลังติดต่อประสานทางกัมพูชาเช่นกัน เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ไม่ให้เกิดเหตุเข้าใจผิดในวงกว้าง เพราะคาดว่าอาจจะเกิดจากการซ้อมรบ หรือเกิดเหตุผิดพลาดมากกว่า

ส่วน ที่มีสื่อกัมพูชา รายงานว่า กัมพูชาได้จับทหารไทย 5 คน พร้อมยิงใส่รถถังไทย เหตุเข้าไปรุกล้ำเขตแดนกัมพูชาหลายจุดนั้น ทางด้าน พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่เรียกว่าทหารกัมพูชาจับกุมทหารไทย แต่คงเป็นการควบคุมทหารไทยไว้มากกว่า จาการตรวจสอบแล้ว ทหารที่ถูกควบคุมตัวไปยังปลอดภัยดี และจุดที่ทหารไทยโดนจับไปอยู่ในพื้นที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระซึ่งเป็นพื้นที่พิพาท ทั้ง นี้ ยืนยันว่าไทยไม่เสียเปรียบกัมพูชาแน่นอน ถ้าเหตุบานปลายกว่านี้ กองทัพไทยพร้อมปกป้องอธิปไตยของไทย แต่ตนเชื่อว่า ปัญหาไทย-กัมพูชาจะจบลงที่โต๊ะเจรจา

ขณะที่ นายวีระยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเขาธงชัย จังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า เกิดเสียงปืนดังขึ้นบริเวณภูมะเขือ ใกล้กับวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ชายแดนไทย - กัมพูชา ใกล้ผามออีแดง อำเภอกันทรลักษ์ จากการตรวจสอบพบว่า จุดที่เสียงปืนดังขึ้นนั้น อยู่ช่วงพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยรักษาพยาบาล ได้เตรียมกำลังพร้อมประจำจุดที่โรงเรียนบ้านซำเม็ง ซึ่งชาวบ้านที่อาศัยอยู่ย่านดังกล่าว ต่างพากันวิ่งหลบหนีเข้าหลุมหลบภัยที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้ ทั้งนี้พบว่า กระสุนตกลงยังในพื้นที่ ตำบลเขาธงชัย ซึ่งยังไม่สามารถตรวจสอบความเสียหายได้ ขณะที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้ออกประกาศให้ชาวบ้าน เตรียมหลบในหลุมหลบภัย และคอยเฝ้าฟังการประกาศจากเจ้าหน้าที่

ด้านทางผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านภูซรอล ได้กล่าวว่า ถ้าหากเกิดเหตุรุนแรงขึ้น ตนมั่นใจว่าจะสามารถพานักเรียนทั้งหมด เข้าจุดกำบังที่มีทั้ง 5 จุดได้ภาย 2 นาที ขณะที่ จ.ส.ต.นิธิรันดร์ พิมาทัย ตำรวจประจำสภ.บึงมะลู อำเภอกันทรลักษณ์ กล่าวว่า ตั้งแต่เวลา 15.30 น.ที่ผ่านมา ตนนับลูกปืนใหญ่ได้ประมาณ 20 ลูกแล้ว โดยเสียงปืนใหญ่ดังขึ้นทีไร โรงพักสะเทือนตลอดเวลา ขณะที่บริเวณรอบเขาพระวิหารเกิดเหตุไฟไหม้ โดยมีทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 1 ทางด้านกันทรลักษณ์ สั่งอพยพ 4 หมู่บ้านด่วน

ส่วนบรรยากาศที่ชายแดน ด่านถาวร ช่องสะงำ ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ปืนตกใส่ประมาณ 100 กิโลเมตร เป็นไปด้วยความเงียบเหงา แม่ค้าต่างทยอยปิดร้านพร้อมจับเข่าวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

อย่าง ไรก็ตาม ขณะนี้การตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ยุติลงแล้ว โดยมีกระสุนปืนใหญ่ตกใส่บ้านภูมิซรอล ซึ่งชาวบ้านได้ช่วยดับไฟหลังลูกปืนใหญ่ตกใส่บ้าน และพบว่ามีผู้เสียชีวิต 1 ราย ชื่อ นายเจริญ ผาหอม อายุ 50 ปี ส่วนทางด้านกัมพูชา มีรายงานว่า มีชาวกัมพูชาเสียชีวิตแล้ว 2 ราย ขณะที่ โฆษก ทบ. ออกมาระบุกรณีข่าว 5 หทารไทยถูกเขมรจับว่า ทหารไทยยังอยู่ที่วัดแก้วฯ และยังปลอดภัยดี

​

[4 ก.พ.] เกาะติด เหตุปะทะไทย-เขมร ชายแดนพระวิหาร


18.07 น. โฆษกกองทัพบก ยันจุดจับทหารไทย เป็นจุดตรวจร่วมกับทหารเขมร พร้อมระบุ แม่ทัพเจรจาควบคุมการปะทะ หากรุนแรงพร้อมปกป้องอธิปไตยทันที

18.06 น. สถานีโทรทัศน์ CPN รายงานว่า ทหารไทย ถูกจับกุม 5 นาย และทหารอีกส่วนหนึ่ง ได้ยอมเข้ามอบตัวกับทหารกัมพูชา พร้อมทั้งเผย นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เดินทางเข้าเยี่ยม 2 ผู้ต้องหา ชาวไทยที่เรือนจำเพรย์ซอว์

17.45 น. ชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดหนัก ผู้บังคับการหน่วยในพื้นที่ สั่งกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ทุกนายเตรียมพร้อมรบ 100%

17.36 น. สื่อเขมร อ้างทหารไทย รุกล้ำเข้าเขตแดนกัมพูชา ทำให้กองทัพ จำเป็นต้องตอบโต้ ก่อนที่จะอ้างว่าสามารถทำลายรถถังของกองทัพไทยได้ 2 คัน พร้อมจับทหารได้ 5 นาย

17.17 น. นายก อบต.เขาธงชัย จ.ศรีษะเกษ เผยกระสุนปืนยิงปะทะ ทะลักเข้าหมู่บ้านแล้ว ชาวบ้านหลบหนีกันจ้าละหวั่น พร้อมรอเสียงปืนสงบ ก่อนอพยพจากพื้นที่ ด้านสื่อัมพูชา อ้างทหารไทยเปิดฉากยิงก่อน

17.20 น. รมว.มหาดไทย ทราบข่าว ทหารไทย - กัมพูชา ปะทะกันแล้ว มั่นใจไม่ขยายวงกว้าง ขณะห่วงข่าวลือในพื้นที่ อาจไม่ตรงกับความเป็นจริง

16.59 น. เหตุปะทะไทย - กัมพูชา ฉุดตลาดหุ้นร่วง หลังจากบวกกว่า 13 จุด ในช่วงเช้า เหลือบวกแค่ 4.18 จุด แตะ 984.78 จุด

16.53 น. กลุ่มพันธมิตรฯ วิจารณ์การปะทะกันระหว่าง ทหารไทย - ทหารกัมพูชา ผุ้ชุมนุมส่งกำลังใจให้ทหาร พร้อมเฝ้าจับตาการกดดันรัฐบาล

16.47 น. รมว.ต่างประเทศ ประชุมคณะกรรมาธิการความร่วมมือทวิภาคี (เจซี) ไทย - กัมพูชา แล้ว ในขณะที่บรรยากาศเป็นไปอย่างราบรื่น

16.50 น. ความเคลื่อนไหวที่สถานทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย ยังคงเป็นไปตามปกติ ขณะที่ นางยู ออย เอกอัครราชทูตกัมพูชา ได้เดินทางกลับประเทศไปก่อนหน้านี้แล้ว

16.43 น. ผู้ประกอบการ จ.สระแก้ว ต่างรีบปิดร้านเผ่น หลังทหารเขมร ปะทะทหารไทย บริเวณภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ โดยขณะนี้สถานการณ์ในพื้นที่ยังปกติอยู่

16.35น. ปะทะเดือดเขาพระวิหาร ทหารไทย-กัมพูชา เปิดฉากปะทะรอบเขาพระวิหาร ชาวบ้าน เด็กนักเรียน วิ่งหนีเข้าหลุมหลบภัยกันอย่างอลหม่าน

16.26 น. สื่อต่างชาติ เผยมีเหตุปะทะกันที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณภูมะเขือ ทางด้านทิศตะวันตก ของเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ แต่ยังไม่มีรายงานผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และความเสียหาย




อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก



http://hilight.kapook.com/view/55887

 

เสียงปืนดังที่ภูมะเขือระลอก4 ชาวบ้านผวาเร่งอพยพ

เสียงปืนดังที่ภูมะเขือระลอก4 ชาวบ้านผวาเร่งอพยพ


ฐานทหารไทยด้านพระลานยาว ภูมะเขือ ถูกโจมตีด้วยปืนเล็ก ปืน ค. ทำให้ทหารไทยต้องตอบโต้กลับ ขณะที่ ผวจ.ศรีสะเกษ ย้ำศูนย์อพยพทั้ง 20 จุด ปลอดภัยแน่นอน ด้าน กต.ส่งหนังสือแจงยูเอ็น ยันสถานการณ์ขณะนี้ยังอยู่ในระดับที่แก้ปัญหากันเองได้ ...

เมื่อ เวลา 08.10 น. วันที่ 7 ก.พ.2554 มีรายงานว่า ฐานทหารไทยที่ประจำการอยู่ด้านพระลานยาว ภูมะเขือ ถูกโจมตีอีกระลอก ด้วยปืนเล็ก ปืน ค. และปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง ทำให้ทหารไทยต้องตอบโต้กลับ โดยเสียงปืนที่เกิดขึ้น ทำให้ชาวบ้านที่จะเข้ามาตรวจสอบทรัพย์สินภายในบ้านภูมิซรอล ต้องถอยออกจากพื้นที่โดยด่วน ขณะที่ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ส่วนบรรยากาศที่บ้านภูมิซรอ ล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ป็นไปด้วยความเงียบเหงา มีเพียงเจ้าหน้าที่ทหารที่มาตรวจดูความเรียบร้อย เนื่องจากชาวบ้านได้อพยพไปอยู่ในพื้นที่ที่ทางจังหวัดจัดเตรียมไว้ให้เพื่อ ความปลอดภัย และจากการสำรวจพบต้นไม้ภายในพื้นที่หักโค่นจำนวนมาก ไฟไหม้หญ้าเป็นวงกว้าง ขณะที่บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย มีกระสุนปืนใหญ่ตกใส่หลังคาบ้าน ถนนได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด ชาวบ้านต้องช่วยกันนำต้นไม้ และยาง มาวางไว้เป็นสัญลักษณ์ให้ผู้ที่ต้องใช้เส้นทางระมัดระวัง ขณะเดียวกัน ชาวบ้านจำนวนหนึ่งได้พากันไปตรวจสอบความเสียหาย พร้อมสำรวจทรัพย์สินภายในบ้านพักของตัวเอง ก่อนจะกลับมารวมตัวอีกครั้งที่ศูนย์อพยพในช่วงบ่าย

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยถึงสถานการณ์ล่าสุดว่า หลังจากที่มีการปะทะกัน และยุติลงชั่วคราว ทั้ง 2 ฝ่าย อยู่ระหว่างการประสานทำความเข้าใจในระดับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติ ซึ่งยอมรับว่่าสถานการณ์ยังไม่มีความแน่นอน จึงอยากประกาศเตือนให้ประชาชนห้ามเข้าใกล้พื้นที่เกิดเหตุ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในรัศมี 20 กิโลเมตร และฝากให้ประชาชนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดผ่านทางสถานีวิทยุกระจายเสียง แห่งประเทศไทย จ.ศรีสะเกษ และผู้นำชุมชน เพื่อป้องกันกระแสข่าวลือต่างๆที่เกิดขึ้น อีกทั้งพื้นที่ศูนย์อพยพทั้ง 20 จุด ก็ปลอดภัยจากกระสุนของฝั่งกัมพูชา

"ทางกองกำลังทหารก็ได้มีการ ประสานงานกันในพื้นที่ ในกรณีที่มีเหตุรุนแรง จะแจ้งมาทางจังหวัดเป็นระยะๆ ป้องกันการตื่นตระหนก แต่ในชั้นนี้ เป็นการปะทะกันตามแนวชายแดน เป็นบางช่วง บางจุด บางเวลา ทางทหารจะพยายามใช้การเจรจาอย่างสันติวิธีเป็นหลัก มากกว่าโต้ตอบด้วยกำลังทางอาวุธ ซึ่งกรณีโต้ตอบด้วยอาวุธ จะเป็นกรณีจำเป็นเมื่อโดนกระทำก่อน เพื่อเป็นการป้องปราม เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อพี่น้องประชาชน และอธิปไตยของประเทศ ทั้งนี้ ทุกจุดอพยพที่กำหนดขึ้น เป็นจุดที่อยู่พ้นจากรัศมีปืนใหญ่ ปืนต่อสู้ระยะไกลของฝ่ายตรงข้ามแน่นอน โดยเฉพาะที่ศูนย์อำนวยการที่ว่าการอำเภอกันทรลักษณ์ เป็นจุดที่ปลอดภัยแน่นอน" นายสมศักดิ์ กล่าว

ส่วนบรรยากาศล่าสุด ที่ศูนย์อำนวยการที่ว่าการอำเภอกันทรลักษณ์ เจ้าหน้าที่ได้นำเต็นท์มากางเตรียมไว้ที่ด้านหน้าอาคารเอนกประสงค์ เพื่อที่จะรองรับผู้ที่จะอพยพมาเพิ่มเติม ทั้งนี้ จำนวนผู้อพยพที่อยู่ที่นี่มีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ภายหลังเกิดกระแสข่าวมาช่วงดึกที่ผ่านมาว่า กระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชาสามารถยิงมาถึงบริเวณนี้ได้ ทำให้ประชาชนบางส่วนอพยพเข้าไปในตัวจังหวัดศรีสะเกษและอุบลราชธานี

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบที่ รพ.กันทรลักษ์ ล่าสุด มีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บจากการปะทะในพื้นที่ทั้งหมด 12 นาย

ด้าน นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เผยว่า ทาง กระทรวงฯได้ทำหนังสือชี้แจงต่อสหประชาชาติแล้ว ยืนยันสถานการณ์ขณะนี้ยังอยู่ในระดับที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาแก้ปัญหากันเอง ได้ยังไม่ถึงขั้นต้องเข้าสู่ระดับอาเซียน ทั้งนี้ได้ประสานกัมพูชาไทยยังยึดแนวทางการเจรจามาโดยตลอด อย่างไรก็ตามในส่วนของการสู้รบเป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคงที่จะต้องดูแล

พ.ต.อ. ประจวบ จันทร์ประวิตร ผกก.ตำรวจภูธรเมืองศรีสะเกษ มีคำสั่งทางวิทยุด่วน ถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ให้เตรียมพร้อม ณ ที่ตั้ง ห้ามขาด -ลา โดยเด็ดขาด เพื่อให้การช่วยเหลือราษฎรตามแนวชายแดน ด้านเขาพระวิหาร ที่อพยพเข้ามาพักหลบภัยปืนใหญ่ทหารเขมร ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา ที่ว่าการอำเภอเมืองศรีสะเกษ


ไทยรัฐออนไลน์

• โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
• 7 กุมภาพันธ์ 2554, 09:20 น.

เสียงปืนดังที่ภูมะเขือระลอก4 ชาวบ้านผวาเร่งอพยพ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=Dem0rX4S0zs]YouTube - ข่าว ไทยปะทะเขมร 7 กพ 54 part 1[/ame]

 

ปิดช่องจอมยาวหวั่นหน่วยแทรกซึมเข้าพื้นที่

ปิดช่องจอมยาวหวั่นหน่วยแทรกซึมเข้าพื้นที่




วันที่ 7 ก.พ.2554 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม บ.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ที่อยู่ติดชุมนโอร์เสม็ด อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ปิดยาวไม่มีกำหนดตามคำสั่งของพล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีวิทยุด่วนให้ปิดตั้งแต่เวลา 19.00 น.ของคืนวันที่ 6 ก.พ. ตม.ไทยได้แจ้งให้นักท่องเที่ยวที่พักรีสอร์ท ในคาสิโน 2 แห่งติดประตูผ่านแดน ให้กลับเข้าประเทศ ไม่ให้คนไทยเดินเข้าไปในกัมพูชาจนกว่าจะมีคำสั่งจากทางทหาร

ต่อมา เวลา 07.00 น.ที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม บ.ด่าน ทหารและฝ่ายความมั่นคง ได้แจ้งให้นายพัฒนา ชื่นยง ผจก.ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม แจ้งพ่อค้าแม่ค้ากัมพูชาเดินทางกลับประเทศไม่ให้มีตกค้าง ร้านค้าชาวกัมพูชาปิดตัวลง มีเฉพาะร้านค้าคนไทยประมาณ 20% ที่เปิดจำหน่ายแต่แทบจะไม่มีลูกค้า การปิดด่านผ่านแดนส่งผลต่อการค้าสูญเสียรายได้วันละหลายล้านบาท

ผู้ สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทหารและฝ่ายมั่นคงได้ลงพื้นที่ ตามหมู่บ้านที่อยู่ติดแนวชายแดน สำรวจชาวกัมพูชาที่มารับจ้างใช้แรงงาน และที่มาพักอาศัยให้เดินทางกลับเข้ากัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ตั้งหน่วยทหาร พร้อมประสาน เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำการใน สภ.ตามแนวชายแดนในด้านการข่าว ป้องกันหน่วยสอดแนมกัมพูชาเข้ามาหาข่าวในพื้นที่


ไทยรัฐออนไลน์

• โดย ทีมข่าวภูมิภาค
• 7 กุมภาพันธ์ 2554, 10:32 น.

ปิดช่องจอมยาวหวั่นหน่วยแทรกซึมเข้าพื้นที่ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ล่าสุดจากเว็ปกระปุก

สรรเสริญ เผยมีทหารไทยพลัดหลงไป 1 นาย แต่ยังไม่มีรายงานปราสาทโดนตวลถูกกัมพูชายึดอย่างที่มีข่าวลือ ลั่นจะหยุดตอบโต้ เมื่อกัมพูชาหยุดยิงเท่านั้น ขณะที่มีรายงานว่า ไทยปะทะกัมพูชารอบ 4 ที่ภูมะเขือ

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เปิดเผยเมื่อคืนที่ผ่านมา ( 6 กุมภาพันธ์) ถึงสถานการณ์การปะทะกันเป็นรอบที่ 3 ระหว่างไทย-กัมพูชาว่า เมื่อ เวลาประมาณ 21.25 น. ยังมีการปะทะกันประปราย โดยทางกัมพูชาต้องการจะยึดบริเวณเนินภูมะเขือและเนินเขาสัตตะโสม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เรายึดไว้ แต่กำลังทหารไทย สามารถผลักดันไม่ให้ทหารกัมพูชายึดได้

ทั้ง นี้ จากเหตุปะทะกันเมื่อคืน มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 14 ราย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารทั้งหมด โดยส่วนใหญ่จะถูกสะเก็ดระเบิดเข้าตามร่างกาย และมี 1 รายที่มีอาการสาหัส ส่วนการประเมินสถานการณ์ในลำดับต่อไปนั้น ไม่สามารถคาดเดาได้ เนื่องจากฝ่ายไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน ขณะที่หากเราเป็นฝ่ายประสานขอหยุดยิงก็จะถูกนำไปอ้างว่า เราแพ้ เราถูกยึดเนินต่าง ๆ ซึ่งมองว่า การประสานงานไม่น่ามีปัญหา เพราะได้ตกลงชัดเจนกันตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมาแล้ว แต่กัมพูชากลับละเมิดเอง

ส่วน ผลกระทบที่เกิดกับทางฝ่ายไทยนั้น มีทั้งที่ตั้งทางทหาร และพลเรือน ซึ่งยอมรับว่า การโจมตีดังกล่าวผิดกฎบัตรยูเอ็นจริง ๆ ส่วนพลเรือนนั้น เจ้าหน้าที่ทหารได้พาอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงหมดแล้ว โดยที่ ต.เสาธงไชย มี 13 หมู่บ้าน ก็ออกมาหมดแล้วเช่นกัน คงมีแต่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านเท่านั้น

นอก จากนี้ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาในระดับกองทัพนั้น มีความเข้าใจกันมาตลอด แต่เนื่องจากต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่ เมื่อเขาเริ่มยิง เราก็ต้องยิง ซึ่งรายงานเมื่อคืนที่ผานมานั้น ที่ อ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี ก็มีลูกระเบิดไปตกอยู่บ้าง ซึ่งอาจเป็นเพราะกัมพูชาใช้กระสุนแตกอากาศ จึงอาจจะกระจายไปได้มาก ส่วนข่าวลือที่ว่า ปราสาทหินโดนตวน จ.ศรีสะเกษ ถูกยึดนั้น พ.อ.สรรเสริญ ยืนยันว่า ยังไม่มีรายงานเรื่องดังกล่าว ส่วน กรณี ทหารไทยที่ถูกจับกุม 1 นาย และมีข่าวว่า อาจถูกนำตัวขึ้นศาลทหารนั้น ยืนยันว่า สำรวจแล้วพบว่า มี 1 นาย ที่พลัดหลงไป แต่ได้คุยกันแล้วว่าจะมีการส่งคืนโดยเร็ว ซึ่งหากว่า มีการส่งตัวขึ้นศาลทหารจริง ก็ถือว่าขัดต่ออนุสัญญาเจนีวา

อย่าง ไรก็ตาม พ.อ.สรรเสริญ ยืนยันว่า ขณะนี้ทางทหารนั้น ยืนยันว่า จะใช้เพียงกองกำลังทางบกเท่านั้น เนื่องจากไม่ต้องการขยายสถานการณ์ให้รุนแรง และจะหยุดยิง เมื่อกัมพูชาหยุดยิงเท่านั้น โดยจะไม่ติดต่อไปก่อนในทุกครั้งเสมอไป แต่ก็จะไม่ปิดช่องทาง หากกัมพูชาต้องการประสานมา

ด้าน นายบุญรวม พงษาปา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านภูมิซรอล เปิดเผยถึงสถานการณ์การยิงปะทะของทหารไทย-กัมพูชา เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาว่า เหตุการณ์ครั้งนี้รุนแรงมากกว่าเหตุเมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา ถึง 10 เท่า โดยตนเองและคณะครูอาจารย์ ได้ออกจากหลุมหลบภัยเมื่อ 04.00 น. ที่ผ่านมา เนื่องจากขณะเกิดเหตุ เวลาประมาณ 18.00 น. ตนเองและคณะครูอาจารย์บางส่วน ได้นั่งทำงานที่โรงเรียน เนื่องจากเชื่อมั่นว่า จะไม่มีเหตุการณ์ปะทะกันอีก ตามคำบอกเล่าของนายกรัฐมนตรี ผ่านรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ จึงทำให้เชื่อมั่น แต่เมื่อเกิดเหตุ ก็เข้าไปหลบในหลุมหลบภัย และได้ยินเสียงปืนใหญ่เป็นระยะ รวมทั้งมีแสงลูกไฟสว่างจ้าเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา บริเวณปราสาทโดนตวล แต่ก็ยังไม่ทราบว่า ลูกไฟดังกล่าวเกิดจากสิ่งใด แต่จุดที่พบนั้น มีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารดูแลอยู่

อย่าง ไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางโรงเรียนได้สั่งปิดการเรียนการสอนจนถึงวันพุธที่ 9 ก.พ. และขอประเมินสถานการณ์เพื่อความปลอดภัยก่อน และรอฟังคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาในจังหวัดสั่งการ ซึ่งเหตุทั้งหมดนั้น ตนเองและผู้นำหมู่บ้านยังไม่ออกจากพื้นที่ ต้องคอยเฝ้าตรวจตราดูแลทรัพย์สินของชาวบ้าน รวมทั้ง ข้าวที่ชาวบ้านเพิ่งเก็บเกี่ยวมา และคอยประสานช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ทหารอีกแรงหนึ่ง

ต่อมาในเวลา 08.15 น. ของวันนี้ ( 7 กุมภาพันธ์) มีรายงานว่า ได้เกิดเหตุทหารไทยปะทะกับทหารกัมพูชาอีกครั้ง ที่บริเวณภูมะเขือ ซึ่งเป็นจุดปะทะเดิมก่อนหน้านี้ โดยมีเสียงปืนเล็กและเสียงปืนใหญ่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้เสียงปืนได้สงบแล้ว ส่งผลให้ชาวบ้านบางคนที่เข้าไปยังบ้าน ต้องพากันอพยพออกไปยังศูนย์อพยพชั่วคราว ที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ ขณะที่บางส่วนวิ่งเข้าหลุมหลบภัยเป็นการเร่งด่วน

สำหรับเหตุปะทะกันเมื่อช่วงค่ำของวานนี้นั้น จากการตรวจสอบพบว่า มีถนนในตำบลเสาธงชัย รวมทั้งบ้านของชาวบ้าน และอาคารของสำนักสงฆ์ธุดงคสถาน พระวิหารเพชร มีหลุมระเบิดขนาดใหญ่ โดยในช่วงเช้า ทหารได้นำดินมากลบหลุมบนถนนแล้ว ขณะที่ผู้อพยพบางส่วน ที่ไปพักอาศัยอยู่ในตัวเมืองจังหวัดศรีสะเกษ จะเดินทางกลับมาพักอาศัยบริเวณที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์



[7 กุมภาพันธ์]เกาะติดสถานการณ์ ไทยปะทะเขมร ชายแดน ไทย - กัมพูชา

10.20 น. หุ้น ไทยเปิดตลาดเช้านี้ยืนอยู่ในแดนลบ โดยหลังเปิดตลาดได้ 7 นาทีเศษ ดัชนี SET ปรับลดลงไป5จุด จากความวิตกกังวลต่อปัญหาการปะทะกันตามแนวชายแดนของไทยกับกัมพูชา

10.10 น. ไทย ปะทะกัมพูชารอบ 4 บนภูมะเขือ ชาวหมู่บ้านซัมร่องใกล้จุดเกิดเหตุวิ่งเข้าหลุมหลบภัยแล้ว ด้านทหารส่ง ฮ.เข้าไปในพื้นที่ คาดรับผู้บาดเจ็บ

09.48 น. สุเทพบอกให้รอฟังคำแถลงจากโฆษก ทบ. บอก มท.ดูแลผู้อพยพดี

08.25 น. โฆษกกองทัพบกเผย ยังไม่มีรายงานทหารกัมพูชาบุกยึดปราสาทโดนตวน

07.35 น. ผอ.โรงเรียนภูมิซรอล เผยนาทีชีวิตวิ่งหลบกระสุนปืนใหญ่ พร้อม สั่งปิดโรงเรียนไม่มีกำหนด ด้านยอดผู้บาดเจ็บ ล่าสุด 27 รายแล้ว

07.25 น. โฆษกกองทัพบกยอมรับมีทหารพลัดหลงถูกกัมพูชาคุมตัวไว้ 1 นาย ยืนยันทหารไทยจะหยุดตอบโต้ เมื่อกัมพูชาหยุดยิงเท่านั้น

06.52 น. "ปณิธาน" เผย ไทยพร้อมชี้แจงคณะมนตรีความมั่นคงฯ หลังกัมพูชา ออกแถลงการณ์ให้เข้ามาแทรกแซง ยืนยันกัมพูชาละเมิดกฎบัตรยูเอ็น เหตุยิงใส่พลเรือน

05.25 น. ผู้นำกัมพูชาออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์หลักทุกช่องของกัมพูชา และส่งหนังสือร้องเรียนไปยังประธานคณะมนตรีความมั่นแห่งสหประชาติ ขอให้เรียกประชุมด่วน เพื่อหยุดยั้งการรุกรานจากไทย โดยอ้าง เป็นการคุกคามต่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค

03.35 น. รัฐบาลกัมพูชา เผยสื่อต่างประเทศ อ้างประสาทพระวิหาร เสียหายบางส่วน จากการโดนทหารไทยโจมตี โดยยังอ้างกับสื่อต่างประเทศอีก ทหารไทยเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน และมีรายงานว่า ทหารเขมรได้บุกยึดปราสาทหินโดนตวลที่อยู่ในพื้นที่ไทยแล้ว

02.27 น. เร่งอพยพชาวบ้าน 5 ตำบล ออกจากพื้นที่ หลังเสียงปืนสงบ พร้อมเตรียมลงพื้นที่ เช้านี้

01.28 น. ผอ.ร.พ.กันทรลักษ์ เผย มีผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะ รวม 14 ราย

00.50 น. กต. รู้ ฮุนเซน ร้อง UN ให้แทรกแซง "ไทย-เขมร" แล้ว ยัน ยังยึดเจรจาทวิภาคี

03.35 น. รัฐบาลกัมพูชา เผยสื่อต่างประเทศ อ้างประสาทพระวิหาร เสียหายบางส่วน จากการโดนทหารไทยโจมตี โดยยังอ้างกับสื่อต่างประเทศอีก ทหารไทยเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน และมีรายงานว่า ทหารเขมรได้บุกยึดปราสาทหินโดนตวลที่อยู่ในพื้นที่ไทยแล้ว

 

ชาวบ้านชายแดนอุบลฯอพยพภัยสู้รบ-โรคเครียดรุม

ชาวบ้านชายแดนอุบลฯอพยพภัยสู้รบ-โรคเครียดรุม


ประชาชนชายแดนด้านจังหวัดอุบลฯ อพยพหนีภัยสู้รบไทย-เขมร สธ.จังหวัดจัดหน่วยพยาบาลลงพื้นที่รักษาประชาชน หลังพบส่วนใหญ่เกิดโรคเครียด ...

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 ก.พ.2554 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดอุบลราชธานี รายงานว่า ตลอดเมื่อคืนที่ผ่านมา (6 ก.พ.) ประชาชนอำเภอน้ำขุ่น อำเภอน้ำยืน และอำเภอทุ่งศรีอุดม จังหวัดอุบลราชธานี ที่อาศัยตามพื้นที่ชายแดนไทย- กัมพูชา ด้านจังหวัดอุบลราชธานี ต่างหลบหนีอย่างอลหม่านจากเหตุการณ์สู้รบของกองกำลังทหารไทยกับทหารกัมพูชา โดยชาวบ้านต่างหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากพบเห็นกระสุนปืน จรวด และลูกไฟ ลอยข้ามไปมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยเป็นพื้นที่ที่มีการสู้รบ ต่างได้เดินทางอพยพ โดยใช้รถยนต์บรรทุก รถยนต์ 6 ล้อ รวมทั้งรถยนต์การเกษตร เดินทางมารวมกันภายในศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยจากการ สู้รบที่โรงเรียนน้ำขุ่นวิทยา อ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี ประมาณกว่า 4 พันคน โดยส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านในเขตพื้นที่ อ.น้ำขุ่น กว่า 80% และบางส่วนจาก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่เป็นเขตแดนติดต่อกันกับ จ.อุบลราชธานี

ทั้ง นี้ เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความแตกตื่นกับชาวบ้านตามพื้นที่ชายแดนไทย กัมพูชาเป็นอย่างมาก โดยส่วนใหญ่จะชักชวนในกลุ่มเครือญาติโดยไปขออาศัยตามสถานที่ราชการ ที่ว่าการอำเภอ สถานีตำรวจในพื้นที่ ขณะที่ชาวบ้านบ้านซำงู อ.ทุ่งศรีอุดม ซึ่งอยู่ลึกจากชายแดนกัมพูชา ประมาณ 30 กิโลเมตร ประชาชนได้จัดชุดเวรยามคอยรักษาความปลอดภัย และจัดศาลากลางหมู่บ้าน ให้ประชาชนที่หลบหนีภัยสู้รบได้ใช้เป็นที่พักแรมชั่วคราว ส่วนโรงเรียนต่างๆตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเงียบเหงา นักเรียนมาเรียนไม่ถึง 20 คน โดยนักเรียนส่วนใหญ่อพยพตามผู้ปกครอง และเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะเหตุสู้รบกันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา บางรายถึงขั้นออกนอกพื้นที่เข้าไปอยู่ตามบ้านญาติในตัวเมืองอุบลราชธานี

จาก การตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มีประชาชนเกิดความเครียดจากการหนีภัยสู้รบเป็นจำนวนมาก บางรายถึงขั้นปวดศีรษะ ไม่ทานอาหาร และอาเจียนออกมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ได้ตั้งหน่วยปฐมพยาบาลเข้าไปให้บริการตรวจรักษา ขณะที่ทางอำเภอ และ อบต. ได้ทำอาหารเลี้ยงเพื่อบรรเทาความหิว และแจกจ่ายเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มให้ชาวบ้านเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนใน เบื้องต้นแล้ว.


ไทยรัฐออนไลน์

• โดย ทีมข่าวภูมิภาค
• 7 กุมภาพันธ์ 2554, 11:34 น.

ชาวบ้านชายแดนอุบลฯอพยพภัยสู้รบ-โรคเครียดรุม - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

วอนปิดด่านชายแดน ป้องส่งน้ำมันเติมรถถังเขมร

วอนปิดด่านชายแดน ป้องส่งน้ำมันเติมรถถังเขมร


คปศ.วอนปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาถาวร ป้องกันส่งน้ำมันเติมรถถังเขมร ร้องจับตาทหารเขมรแต่งเมียคนไทย หวั่นเป็นผู้ชี้เป้าถล่ม ...

เมื่อ เวลา 09.50 น. วันที่ 7 ก.พ.2554 นายอรุศักดิ์ โอชารส เลขาธิการ คณะกรรมการประสานงานเพื่อพัฒนาจังหวัดศรีสะเกษ (คปศ.) เปิดเผยว่า ในสถานะการณ์ที่ทหารเขรบุกโจมตีกองกำลังทหารไทยตามแนวชายแดนด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ตนอยากเรียกร้องไปยังทางราชการไทย ได้ปิดด่านการค้าตามแนวชายแดน เช่น ด่านช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ ช่องอานม้า ช่องพระพลัย ช่องตาเฒ่า ฯลฯ ที่มีติดต่อค้าขายกับกัมพูชา ในช่วยการสู้รบอย่างถาวร เพราะมีการขนส่งน้ำมันดีเซล เข้าไปจำหน่ายในประเทศกัมพูชา ในช่วงนี้เป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ยัง มีการนำเข้าอาหาสด พืช ผัก ผลไม้ ร่วมทั้งอาหารแห้ง ประเภทเส้นหมี่สำเร็จรูป ที่สามารถกินได้ทันที่ในขณะทำการสู้รบ โดยสินค้าเหล่านี้เป็น "ยุทธปัจจัย" ในการสู้รบให้แก่ฝ่ายเขมรเป็นอย่างดี อาจมีการนำน้ำมันดีเซลจากฝั่งไทยไปเติมให้แก่รถถังของทหารฝ่ายตรงข้ามและขอ วิงวอนให้พ่อค้าไทยที่ส่งสินค้าไปขายในกัมพูชายุติการค้าขายกับชาวกัมพูชาใน ช่วงนี้ก่อน เพื่อเห็นแก่ความมั่งคงของประเทศ เพราะว่าตราบใดที่ทหารกัมพูชาสามารถใช้ประชาชนเข้ามาซื้ออาหารจากฝั่งไทย ส่งไปให้กองกำลังทหารของตน ทหารเขมรก็สามารถบุกเข้ามาสู้รบในแผ่นดินไทยได้ตลอดเวลา

เลขาธิการ คปศ.กล่าวด้วยว่า จาการลงพื้นที่มาตลอดและทราบเรื่องต่างๆ ที่มีปัญหาตามชายแดนไทย ตนอยากให้ทางราชการทหาร จับตาทหารเขมร ที่ได้มาแต่งงานกับหญิงในหลายหมู่บ้านชายแดนด้านเขาพระวิหาร และมีลูกหลาน บางคนมีลูกกับภรรยาชาวไทย อายุ 10 กว่าปีแล้ว เกรงว่าบุคคลเหล่านี้จะเป็นหน่วยสอดแนม อาจเป็นผู้ชี้เป้าให้ฝ่ายตนข้ามในการยิงปืนใหญ่ตกเข้ามาในเขตไทย จึงขออยากให้ทางราชการไทย จับตากลุ่มบุคคลเหล่านี้เป็นพิเศษ เพราะสามารถพูดภาษาถิ่นไทยสำเนียงเขมร ได้บุคคลที่มาจากต่างถิ่น จะไม่ทราบเลยว่าเป็นอดีตทหารเขมร หรือ ทหารเขมรลอมแปลงมา เพื่อสืบความลับทางด้านการทหารของไทย


ไทยรัฐออนไลน์

• โดย ทีมข่าวภูมิภาค
• 7 กุมภาพันธ์ 2554, 12:00 น.

วอนปิดด่านชายแดน ป้องส่งน้ำมันเติมรถถังเขมร - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ปิดอุทยานฯเขาพระวิหาร หลังเขมรถล่มยับ

ปิดอุทยานฯเขาพระวิหาร หลังเขมรถล่มยับ


อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารปิดโดยปริยาย หลังโดนกัมพูชาถล่มเสียหายยับ ย้ำจุดยืนไม่เจรจามรดกโลกจนกว่าจะมีการปักปันเขตแดนให้ชัดเจน ...

วัน ที่ 7 ก.พ.2554 ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุนันท์ อรุณนพรัตน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ขณะนี้อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ซึ่งตั้งอยู่ในท้องที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มีเนื้อที่ประมาณ 81,250 ไร่ หรือ 130 ตารางกิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชา ได้ปิดทำการอย่างปริยายแล้ว หลังจากที่ทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ทำให้ที่ทำการอุทยานฯ เสียหายอย่างหนัก อาทิ อาคารสำนักงาน โดนสะเก็ดระเบิดกระจกแตก คอมพิวเตอร์พังเสียหาย ขณะที่บ้านพักก็โดนสะเก็ดระเบิด จนทำให้หลังคาพังลงมาทั้งหมด ค่าเสียหายประมาณ 4 – 5 แสนบาท

อธิบดี กรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวอีกว่า สำหรับในส่วนของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ซึ่งมีทั้งหมด 9 คน ได้อพยพลงมาแล้วและกองทัพภาคที่ 2 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหารให้ขึ้นไปประจำการแล้ว เพื่อตอบโต้กับทหารกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ยังมีอาวุธปืนของอุทยานฯ ประมาณ 8 – 9 กระบอกทั้งปืนเอชเคและปืนลูกซอง ที่ยังไม่ได้นำลงมา ทั้งนี้ จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ ทราบว่าทหารกัมพูชา ได้เปิดฉากยิงใส่ประเทศไทยก่อน ทหารไทยจึงตอบโต้ เพราะถือว่ากัมพูชาละเมิดอธิปไตยของไทยก่อน

นายสุนันท์ กล่าวอีกว่า ส่วนการเจรจาเรื่องมรดกโลก ระหว่างไทยกับกัมพูชา ขณะนี้ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรฯ ยังไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ แต่กรมฯ ได้เตรียมข้อมูลสำหรับแผนพัฒนาประสาทเขาพระวิหารไว้แล้วสำหรับการประชุมคณะ กรรมการมรดกโลกในช่วงกลางปีนี้ที่ประเทศบาร์เรน ทั้งนี้ จุดยืนของประเทศไทย ยังเหมือนเดิม คือ จะไม่เจรจาจนกว่าจะมีการปักปันเขตแดนให้ชัดเจน เพราะเรื่องเขาพระวิหาร ประเทศไทยจะเสียเปรียบไม่ได้.


ไทยรัฐออนไลน์

• โดย ทีมข่าวการศึกษา
• 7 กุมภาพันธ์ 2554, 13:15 น.

ปิดอุทยานฯเขาพระวิหาร หลังเขมรถล่มยับ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

สั่งปิดรร.แนวชายแดนสุรินทร์-อุบลฯ พร้อมอพยพชาวบ้าน

สั่งปิดรร.แนวชายแดนสุรินทร์-อุบลฯ พร้อมอพยพชาวบ้าน


สั่งปิดรร.แนวชายแดนสุรินทร์-อุบลฯ หลังชาวบ้านไม่มั่นใจในสถานการณ์สู้รบ พร้อมอพยพชาวบ้านออกนอกพื้นที่ หากเกิดเหตุรุนแรง ...

วัน ที่ 7 ก.พ. ความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนสุรินทร์ นายชอุ่ม กรไกร ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 3 สุรินทร์ ได้สั่งปิดโรงเรียนบ้านด่าน โรงรียนบ้านโจรก โรงเรียนบ้านควนทอง ต.ด่าน อ.กาบเชิง เนื่องจากผู้ปกครองไม่ยอมให้ลูกหลานมาโรงเรียน เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย จึงจำเป็นต้องหยุดการเรียนการสอนชั่วคราว

ส่วน ฝ่ายปกครอง นายเสริม ไชยณรงค์ ผวจ.สุรินทร์ได้สั่งการให้ได้เตรียมความพร้อมอพยพชาวบ้านตามแนวชายแดน ตั้งแต่ อ.สังข์ อ.บัวเชด อ.กาบเชิง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หากมีเหตุการณ์การสู้รบเกิดขึ้น และมีชาวบ้านบางส่วนในพื้นที่ ต.ด่าน อ.กาบเชิง ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก อพยพนำข้าวของที่จำเป็นออกนอกพื้นที่ เพราะเกรงว่าเหตุการณ์จะบานปลายตามแนวชายแดน จ.สุรินทร์

ด้านตำรวจ ภูธรจังหวัดสุรินทร์ พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ เผยว่า ได้วิทยุสั่งการด่วนไปยังสถานีตำรวจภูธรทุกแห่งในพื้นที่ เตรียมความพร้อมในที่ตั้ง ห้ามออกนอกพื้นที่โดยเด็ดขาด พร้อมให้การสนับสนุนหน่วยความมั่นคงและฝ่ายปกครองตามแผนสนับสนุนความมั่นคง ตามแนวชายแดน

ด้าน จ.อุบลราชธานี นายวิชัย แสงศรี ผอ.สนง.เขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้บริหารโรงเรียนในเขตตะเข็บชายแดนติดกับประเทศกัมพูชา ในพื้นที่ปกครองของตน จำนวน 10 โรงเรียน ได้มีการประกาศปิดเรียนเป็นการชั่วคราวแล้ว ภายหลังทางการข่าวทหารได้มีการประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในรัศมี 20 กม. จากเขตแดนไทยกัมพูชา ให้อพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย เนื่องจากอาจเกิดเหตุการสู้รบอีกระลอกในช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. วันนี้ ทำให้ 10 โรงเรียนตามแนวตะเข็บชายแดน จังหวัดอุบลราชธานี ประกาศปิดเรียนระลอกแรกเป็นเวลา 7 วัน แยกเป็นโรงเรียนในเขต อ.น้ำขุ่น 5 โรงเรียน คือโรงเรียนบ้านโนนยาง โรงเรียนบ้านแสงถาวร โรงเรียนหนองดุม โรงเรียนบ้านตาเกาตาโกย โรงเรียนบ้านโนนตำแก้ว และ เขต อ.น้ำยืน อีก 5 โรงเรียน มีโรงเรียนบ้านซำหวาย โรงเรียนบ้านค้อ โรงเรียนบ้านดวน โรงเรียนบ้านโขง และโรงเรียนบ้านนาสามัคคีซึ่งผลสำรวจความเสียหายจากการสู้รบระหว่างทหารไทย กับกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา(6 กพ.) ยังไม่มีโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานีเขต 5 ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด โดยหากเหตุการณ์ยังไม่สงบอาจมีการสั่งขยายเวลาปิดเพิ่มต่อไป.


ไทยรัฐออนไลน์

• โดย ทีมข่าวภูมิภาค
• 7 กุมภาพันธ์ 2554, 14:20 น.

สั่งปิดรร.แนวชายแดนสุรินทร์-อุบลฯ พร้อมอพยพชาวบ้าน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

'เทือก'ปิดทางอาเซียนหย่าศึกชายแดน ย้ำเป็นเรื่อง2ประเทศ

'เทือก'ปิดทางอาเซียนหย่าศึกชายแดน ย้ำเป็นเรื่อง2ประเทศ


"สุเทพ" ยันไม่ลดระดับสัมพันธ์ไทย-เขมร ลั่นยังคุยกันได้ ปิดทางอาซียนยื่นมือหย่าศึก ย้ำไทยไม่ขาดทุน ไม่เสียเปรียบเขมร ปัดปราสาทไทยถูกยึด พร้อมช่วยเหลือ ประชาชนชายแดนเต็มที่ ...

เมื่อ เวลา 08.50 น. ทำเนียบรัฐบาล นายสุทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงเหตการณ์ปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งล่าสุดเป็นครั้งที่ 3 เมื่อคืนวานนี้ว่า ไม่สามารถวิเคราะห์สาเหตุถึงการปะทะกันในรอบที่ 3 หลังจากที่ทางกองทัพทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงกันแล้ว ต้องค่อย ๆ ดูกันไป เมื่อถามว่าในการเจรจาของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศกับนายฮอร์ นัม ฮง รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศกัมพูชา มีปัญหาอะไรหรือไม่ เพราะในทางการทูตจะไม่ทำกันอย่างนี้ โดยเฉพาะการเปิดยิงกันไล่หลังการเจรจา นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้วิเคราะห์ยากจริง ๆ แต่ใจว่าในกัมพูชาเองก็คงจะมีคนหลากหลายความคิดเหมือนกัน เมื่อถามว่าเมื่อเกิดเหตุเช่นนี้แล้ว ขั้นตอนต่อไปเราจะทำอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่าตนยืนยันว่า โดยหลักที่รัฐบาลยึดถืออยู่คือการแก้ไขปัญหาพรมแดนจะใช้การเจรจาของ 2 ประเทศ และพร้อมที่จะดำเนินการตลอดแนว ขึ้นอยู่กับฝ่ายกัมพูชามีความพร้อมเมื่อไร เราไม่ต้องการให้มีกรณีพิพาทกันระหว่าง 2 ประเทศที่เป็นเพื่อนบ้านกัน และยังหวังว่าการเจรจาระหว่าง 2 ประเทศยังทำได้อยู่

เมื่อถามถึงกรณี ทหารกัมพูชาเข้ามายึดบางปราสาทในพื้นที่ของไทยได้ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง ตนว่าที่อันตรายที่สุดก็คือข่าวลือนี่แหล่ะ เอาข่าวลือมาพูดกันเป็นตุเป็นตะ เอามาขยายผลเพิ่ม ทำให้เกิดความโกรธเคือง จนเกิดเป็นปัญหาตนคิดว่าดีที่สุด ก็คือฟังคำแถลงของโฆษกกองทัพบก ซึ่งชี้แจงตามข้อเท็จจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านมาการแถลงของโฆษกกองทัพบกก็ยังไม่แม่นอย่างเช่นคนเจ็บ คนตาย หรือคนเจ็บ รองนายกฯ กล่าวว่า ตนติดตามอยู่ในเรื่องคนถูกจับไม่ใช่เรื่องที่กองทัพบกแถลง แต่มีคนพูดกันไปเอง แต่ความจริงไม่ได้ถูกจับ เมื่อถามต่อว่า มีการรายงานจากทางกัมพูชาว่ามีทหารไทยถูกจับไปจริงและกำลังจะถูกนำไปขึ้นศาล รองนายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ทราบข้อมูลอย่างนั้น

“ผมถึงกังวลว่าใน สถานการณ์ที่เกิดเหตุระหว่างประเทศ ถ้าเราไปเอาข่าวลือกันมาเป็นเรื่อง เป็นราว เราก็จะวุ่นวายกันมาก การเสนอข่าวของเราก็ต้องระมัดระวัง ผมเห็นการเสนอข่าวของสื่อบางประเภท บอกชัดเลยว่าพิกัดอยู่ตรงนั้น ตรงนี้ กระสุนมาตกตรงนั้น ตรงนี้ เหมือนกับช่วยบอกฝ่ายโน้นด้วยว่ายิงพลาดเป้าไป ขยับมาอีกหน่อยก็ได้ มันก็เกินไป ไม่ต้องสื่อไปขนาดนั้นก็ได้” รองนายกฯ กล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่าจุดที่มีปัญหานี้ เราจะต้องปิดด่านชั่วคราวหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าจำเป็นทางฝ่ายกองทัพก็จะเสนอมา แต่ทั้งหมดกาจะตัดสินอะไรก็ต้องคำนึงถึงพี่น้องประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดน เป็นสำคัญ ถ้าเห็นว่าจะไม่ปลอดภัย จะเป็นปัญหาเราก็ต้องป้องกันไว้ก่อน ต้องสั่งอพยพ สั่งปิดชายแดน เมื่อถามว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้มองว่าเป็นสงครามสู้รบได้หรือยัง รองนายกฯ กล่าวว่า อย่าไปถึงขนาดนั้นเลย เอาเป็นว่ามันมีอุบัติเหตุ มีการปะทะเกิดขึ้น และเมื่อมีการปะทะเกิดขึ้น ฝ่ายเราก็ยืนยันว่าเราไม่ไปรุกรานเขา และเป็นหน้าที่เราที่ต้องดูแลอธิปไตยของเรา ซึ่งที่ผ่านมากองทัพไทยเราก็ทำหน้าที่ได้ดี สมศักดิ์ศรี

ผู้สื่อ ข่าวถามถึงความพยายามที่จะเรียกร้องให้อาเซียนเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย ปัญหานี้ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่ายังอยู่ในวิสัยที่ 2 ประเทศสามารถพูดคุยกันได้ รัฐบาลยังมองว่าการเจรจาเป็นหนทางการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด เมื่อถามถึงการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.เตียห์ บัน ที่ระบุว่าการเจรจาของฝ่ายไทย ทางกัมพูชาไม่สามารถทำตามข้อเสนอได้ และบอกว่าฝ่ายไทยไม่มีความจริงใจ นายสุเทพ กล่าวว่า ความจริง พล.อ.เตียห์ บัน พูดมากกว่านั้นอีก โดยเฉพาะที่บอกว่ามีบางพวกที่อยากให้เกิดการพุ่งรบกัน ก็น่าเบื่อหน่ายพวกที่ยุยง ปลุกปั่น ซึ่งพล.อ.เตียห์ บันอยากให้มีการเจรจาที่สามารถยุติสงครามได้ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งตนก็ฟังและก็รู้ว่า พล.อ.เตียห์ บัน ปรารถนาดีที่จะให้มีความสงบสุข ตนถึงบอกว่าอย่าเพิ่งไปพูดกันว่าใครเริ่มก่อน เริ่มหลัง ประเด็นเฉพาะหน้าขณะนี้คือทำอย่างไรให้หยุดยิงกันได้ ทำอย่างไรให้กลับสู่ความสงบได้

ต่อข้อถาม เห็นชัดเจนว่าพอเกิดเหตุทางกัมพูชาก็รีบไปร้องต่อยูเอ็นทันที แต่ของไทยวันนี้เพิ่งจะมาบอกว่าจะประชุมกันก่อน ว่าจะร้องไปยูเอ็นหรือไม่ ทำให้ดูเหมือนว่าตามเขาอยู่ตลอด รองนายกฯ กล่าวว่า มันไม่ใช่การวิ่ง 100 เมตรที่จะต้องแข่งกันเป็นวินาที ก็มีเวลาที่จะทำงานได้ ยืนยันว่าเราไม่เสียเปรียบหรอก

“เชื่อผมเถอะ เราไม่ได้ขาดทุน ไม่ได้เสียเปรียบอะไร เราก็ดูแลปกป้องอธิปไตยของประเทศ ดูแลศักดิ์ศรีของประเทศไทยให้ดีที่สุด ทุกฝ่ายก็ทำหน้าที่ตัวเอง ปัญหาคือหากพวกเรากดดันกันมาก ๆ คนที่ทำหน้าที่เขาก็จะรน และระส่ำระสาย ดังนั้นผมยืนยันอีกครั้งว่าตั้งแต่เกิดเหตุมา ประเทศไม่เสียเปรียบเลย และในการปฏิบัติการรบประเทศไทยก็ไม่เสียเปรียบเลย แต่เราจะไปพูดให้มันมีผลทำให้เหตุการณ์บานปลายขึ้นมาไม่ได้ รัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดความเสียหาย หรือเกิดการปะทะขึ้น รัฐบาลถึงพยายามเรียกร้องว่าให้ใจเย็นกันหน่อย ค่อย ๆ พูดจากัน เป็นประเทศเพื่อนบ้านกันต้องอยู่กันด้วยสันติ ผมพูดทุกวัน นายกฯ พูดทุกวัน”นายสุเทพ กล่าว

นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า พวกเราก็เห็นอยู่แล้วว่าเมื่อเกิดเหตุปะทะกัน พี่น้องประชาชนก็เดือดร้อน ต้องอพยพมาอยู่ในที่ปลอดภัย ซึ่งเมื่อวานก็ได้ประสานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดว่า ขอให้ให้ความมั่นใจกับประชาชนที่บ้านเรือนเสียหายว่ารัฐบาลจะสร้างให้ใหม่ ทั้งหมด หรือที่เสียหายบางส่วนก็จะซ่อมให้ใหม่ ตนจะอาสารับหาเงินบริจาคช่วยเขาเอง ขอให้เขามีกำลังใจ

เมื่อถามว่า การตอบโต้ด้วยการปิดด่านชายแดน จะช่วยกดดันกัมพูชาได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เอาเป็นว่าเป็นการกระทำเพื่อแก้ปัญหาก็แล้วกัน เราทำเพราะเราเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของประชาชนคนไทยผู้สื่อข่าวถาม ถึง­ข่าวว่ามีการยิงจากฝั่งไทย ทำให้ปราสาทพระวิหารเสียหายบางส่วนแล้ว ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีรายงาน และทางทหารไทยก็ระมัดระวังที่จะไม่ให้กระสุนไปถูกปราสาทพระวิหารอยู่แล้ว เมื่อถามว่ามีรายงานล่าสุดเกี่ยวกับความเสียหายอย่างไรบ้าง รองนายกฯ กล่าวว่า ก็มีการรายงานตามปกติ และตนก็รับทราบและเห็นว่าทางกองทัพได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว ซึ่งที่ผ่านมานอกจากฟังรายงานข่าวแล้ว ตนยังได้โทรศัพท์โดยตรงถึง ผบ.ทบ. และแม่ทัพภาคที่ 2 ตลอดเวลา ซึ่งการเจรจาขณะนี้มีการทำกันทุกระดับ เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะต้องถึงขั้นลดระดับความสัมพันธ์กับกัมพูชาหรือยัง รองนายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ต้องถึงขั้นนั้น มันเป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันคลี่คลาย ไม่ใช่ไปขยายผล ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าด้านการข่าวของเขามีประสิทธิภาพมากกว่าเรา มีการนำผู้สื่อข่าวต่างประเทศมาถ่ายตอนปะทะกัน ซึ่งเขาก็ต้องพยายามรักษาภาพพจน์ หน้าตาเขา ซึ่งเป็นปกติ แต่เราอย่าไปโกรธเขาเลย เราก็ทำของเราให้ดีก็แล้วกัน.


ไทยรัฐออนไลน์

• โดย ทีมข่าวการเมือง
• 7 กุมภาพันธ์ 2554, 15:00 น.

'เทือก'ปิดทางอาเซียนหย่าศึกชายแดน ย้ำเป็นเรื่อง2ประเทศ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์