ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    ....ภัยธรรมชาติทั้งหลายนี้จะทำให้มนุษย์ในยุคนั้นอยู่กันด้วยความเดือดร้อนเป็นทุกข์อย่างมากทีเดียว
    ทั่วทุกมุมโลกจะมีภัยธรรมชาตินี้เกิดขึ้นเหมือนกัน ทุกประเทศเขตแดนจะไม่มีใครช่วยเหลือกันได้เลย
    ล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาตินี้อย่างทั่วถึงกัน

    ....ภัยธรรมชาตินี้จะเกิดมีทุกฤดูกาล ฤดูแล้ง ฤดูฝน ฤดูหนาว จะเกิดขึ้นต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ เกิด
    ขึ้นในที่ไหนจะทำให้เกิดความเสียหายในที่นั้นๆเป็นอย่างมากทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วาตภัย
    เป็นภัยที่มาอันดับหนึ่ง ถ้าไม่มีฝนตกลงมา ลมก็จะพัดเอาน้ำมหาสมุทรเป็นคลื่นขนาดใหญ่ ทำให้
    เรือน้อยใหญ่ไม่สามารถวิ่งฝ่าคลื่นน้ำขนาดใหญ่ไปได้ เรือพวกพ่อค้าวาณิชที่เคยส่งน้ำมันส่งอาหาร
    จากประเทศนั้นไปสู่ประเทศนี้ก็จะจอดนิ่งทันที ถ้ามีบ้านเรือนที่ปลูกชิดกันกับชายฝั่งก็จะมีผลกระทบ
    อย่างแน่นอน ประชาชนจะมีความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก

    ....นี้เป็นส่วนหนึ่งที่วาตภัยทำให้น้ำในทะเลเกิดความแปรปรวน จะเป็นอยู่อย่างนี้ติดต่อกันยาวนาน
    ต่อเนื่องกันทั้งกลางคืนและกลางวัน ลมที่อุ้มเอาน้ำทะเลให้เป็นคลื่นขนาดใหญ่พัดไปมา ประชาชน
    ที่อยู่ใกล้ฝั่งทะเลจะมีความเดือดร้อน ซึ่งเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ ประชาชนได้รับผลกระทบ
    จากลมที่พัดเอาน้ำทะเลทำให้เกิดความเสียหายมาแล้ว ในช่วงต่อไปไม่นานนักมนุษย์ที่อยู่ริมฝั่งทะเล
    ก็จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน จะทำให้ทรัพย์สินเสียหายและมนุษย์ล้มตายเป็นจำนวนมากทีเดียว
    นี้คือน้ำท่วมอันเนื่องจากลมเป็นต้นเหตุ

    ....วาตภัยที่เกิดขึ้นในตัวของมันเอง ไม่มีน้ำทะเล ไม่มีฝนตกลงมา ลมนี้จะพัดพาไปในทิศทางต่าง
    ของตัวลมเอง ไม่มีสิ่งใดๆจะไปขัดขวางห้ามได้ ถ้าพัดเข้าไปในป่าจะทำให้ต้นไม้ใหญ่น้อยหักโค่น
    ทำลายทรัพยากรป่าไม้เป็นอย่างมาก ถ้าลมได้พัดเข้าที่ชุมชนอยู่อาศัยจะทำให้บ้านเรือนพังพินาศไป
    คนจะขาดที่อยู่อาศัยหรือล้มตายเพราะอาคารบ้านช่องพังทับถม

    ....ลมที่ว่านี้จะมีชื่อตามที่มนุษย์ตั้งให้ ชื่ออะไรไม่สำคัญ ข้อสำคัญคือ ความรุนแรงของลมแต่ละอย่าง
    จะทำให้เกิดความเสียหายเหมือนกัน วาตภัยจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งทั่วทุกหนแห่งของมุมโลก มนุษย์จะ
    มีความทุกข์เดือดร้อนเพราะลมไม่น้อย เงินของรัฐบาลจะสร้างบ้านที่พักอาศัยให้ทุกครอบครัวจึงทำได้ยาก
    เพราะบ้านได้พังเสียหายเนื่องจากลมที่มีความรุนแรง จึงยากที่จะได้รับความสงเคราะห์ให้ทั่วถึงกันได้
    ในเหตุการณ์อย่างนี้จะมีผลกระทบจากลมอย่างรุนแรงในภายภาคหน้าโน้น

    ....วาตภัยเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ถ้ามีฝนตกลงมา จะเป็นพลังบวกกับลมอย่างรุนแรง ถ้าฝนตกลงมาแรง
    ลมก็เกิดขึ้นอย่างรุนแรง จะทำให้เกิดน้ำท่วมในที่ต่างๆอย่างกว้างขวาง ถ้าบ้านปลูกในที่ต่ำ น้ำก็จะ
    ท่วมอย่างหลีกหนีไม่ได้ ทั้งลมก็พัดทำให้บ้านเรือนเกิดความเสียหาย ทั้งน้ำก็ท่วมบ้าน ทรัพย์สิน
    ทั้งหลายเกิดความเสียหาย เรียกว่าสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่มีทรัพย์สมบัติใดๆพอจะนำเอาติดตัวมาได้เลย
    คนก็จะล้มตายเป็นจำนวนมาก จึงยากที่จะพึ่งใครๆได้ หน่วยราชการและหน่วยงานอื่นๆที่รับผิดชอบ
    ก็ถูกภัยธรรมชาตินี้ทำลายเช่นกัน ข้าวปลาอาหาร น้ำดื่ม จะพากันอดอยากเป็นอย่างมาก เครื่องบริโภค
    เครื่องอุปโภค เสื้อผ้า ยารักษาโรค จึงยากที่ทางรัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือได้

    ....ความทุกข็เพราะสิ่งเหล่านี้ก็แสนสาหัสอยู่แล้ว หากคนในครอบครัวมีการพลัดพรากจากกันหรือ
    ได้ตายไปเพราะภัยพิบัตินี้อีก คนทั้งหลายก็จะเพิ่มทวีความทุกข์เดือดร้อนยิ่งขึ้น ในช่วงนั้นจะเรียกร้อง
    ให้ใครๆมาช่วยเหลือเราจึงเป็นไปได้ยาก เพราะทุกคนก็ได้เจอกับภัยธรรมชาตินี้เช่นกัน ในเหตุการณ์
    อย่างนี้นับแต่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ ก็เริ่มเกิดภัยธรรมชาตินี้
    ให้เห็นกันอยู่แล้ว ซึ่งจะมีความรุนแรงมากขึ้นและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ดังที่เห็นกันอยู่ในขณะนี้

    ....ภัยธรรมชาตินี้จะเกิดมีความรุนแรงในภายภาคหน้า ในอดีตหลายล้านปีที่ผ่านมา ก็ได้มีภัย
    ธรรมชาตินี้มาแล้วหลายครั้ง จะเกิดขึ้นในช่วงมนุษย์มีอายุขัยขาลง มีอายุขัยต่ำกว่า ๑๐๐ ปีเป็นต้นไป
    ภัยธรรมชาติก็จะเริ่มก่อตัวเกิดขึ้นเรื่อยๆ เกิดขึ้นน้อยบ้างมากบ้างและเกิดขึ้นอย่างรุนแรงบ้าง จะมี
    ผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ทั้งลมทั้งฝนที่เกิดต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ทั้งอากาศก็แปรปรวนในที่ทั่วไป
    ทำให้เกิดเป็นภัยธรรมชาติเป็นวงกว้างทุกมุมโลกทั่วถึงกันทุกประเทศเขตแดน เครื่องบินที่เคยเหาะ
    เหินเดินอากาศ ก็ไม่สามารถที่จะเดินทางไปไหนได้ เครื่องบินเป็นสิ่งอำนวยความสะดวก
    ของชีวิต ในการเดินทางไปต่างประเทศนั้นประเทศนี้ก็จะสิ้นสุดลงไปตามยุคสมัย
    รถเรือ
    ที่เคยให้ความสะดวกในการไปมา ก็จะพากันจอดอย่างสนิท จะวิ่งไปมาไม่ได้เลย มนุษย์จะอยู่กัน
    เป็นกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ ใครอยู่กันที่ไหนก็อยู่กันไปในที่นั้น จะส่งข่าวสารติดต่อกันด้วยวิธีใดก็จะติดต่อ
    กันไม่ได้เลย

    . ..............................................




    ..... วาตภัย อุทกภัย ธรณีภัย .....

    ....วาตภัย จะทำให้เกิดเป็นลมขึ้น ๒ จุดด้วยกัน คือ

    ๑. วาตภัยที่เกิดขึ้นจากความกดดันในชั้นบรรยากาศของโลกที่แปรปรวน ทำให้ลมเกาะกันเป็น
    กลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ จะเกิดเป็นช่องว่างให้ลมเกิดการหมุนตัว หลายคนเคยนั่งเครื่องบิน ได้ชนกับ
    กลุ่มลมที่หมุนตัวอยู่ จะทำให้เครื่องบินตกหลุมอากาศเหมือนกับเครื่องบินได้วูบตัวลง หรือในบางครั้ง
    เครื่องบินได้ชนกับกลุ่มลมที่หมุนตัวอยู่ จะทำให้เครื่องบินสั่นสะเทือนเพราะอากาศไม่ปกติ มีความ
    แปรปรวน
    ....ถ้าเครื่องบินเล็กเดินทางผ่าน ก็จะเกิดอันตราย บังคับไม่ได้ ทำให้เสียหลักในการทรงตัวแล้ว
    หมุนไปตามกระแสลม หรือตกลงพื้นดิน ทำให้เสียชีวิตดังได้ดูข่าวในปัจจุบัน
    ....ถ้าเครื่องบินลำใหญ่ ลมกลุ่มเล็ก ก็พอจะบินผ่านไปได้ ถ้าลมกลุ่มใหญ่ มีกระแสพัดอย่างรุนแรง
    ถึงเครื่องบินจะใหญ่ก็ไม่สามารถบินผ่านไปได้ เครื่องบินจะขึ้นจากสนามและลงสู่สนามก็เป็นอันตราย
    เช่นกัน ทุกสนามบิน เมื่อมีลมเกิดขึ้นอย่างรุนแรง ห้ามเครื่องบินทุกชนิดขึ้นลง จะทำให้เป็นไปตามกระแส
    จนกว่าจะหมดกำลังลง เมื่อลมกลุ่มนี้หมดไป ลมกลุ่มใหม่เกิดขึ้นทั่วถึงกันในโลกนี้ ทุกสายการบิน
    ในโลกนี้ก็ต้องหยุดในการเดินทาง ถ้าลมเกิดขึ้นยาวนานเครื่องบินก็จอดสนิทยาวนานเช่นกัน

    ....ดาวเทียมเป็นสัญญาณสื่อที่สำคัญในยุคปัจจุบัน เครื่องคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต และเครื่องรับ
    สัญญาณจากดาวเทียมอื่นๆ มีจำนวนมาก ที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นมาเพื่อความสะดวกในการทำงานได้อย่าง
    รวดเร็ว เครื่องที่ใช้งานรับสัญญาณจากดาวเทียมเหล่านี้ ถ้าไม่มีสัญญาณของดาวเทียมในการสื่อสาร
    จะทำงานไม่ได้
    ....ให้ฝึกทำใจไว้เลยว่า อนาคตต่อไปภายภาคหน้า เมื่อดาวเทียมมีปัญหาขัดข้องไม่สามารถส่งสัญญาณได้
    จะไม่มีใครๆขึ้นไปแก้ไขให้ทำงานเป็นปกติได้ เพราะวาตภัยในห้วงอากาศกำลังหมุนตัวอย่างรุนแรง
    ท้องฟ้ากำลังแปรปรวนอย่างหนัก เครื่องบินอวกาศทุกชนิดไม่สามารถขึ้นไปสู่บนท้องฟ้าได้ ดาวเทียม
    ก็จะมีปัญหาขัดข้องส่งสัญญาณข้อมูลอะไรไม่ได้ เครื่องอีเล็คทรอนิคส์ อินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์
    หรือเครื่องรับสัญญาณจากดาวเทียมอื่นๆก็ทำงานไม่ได้ เพราะสัญญาณของดาวเทียมเป็นต้นเหตุ
    ถึงมนุษย์จะมีความรู้ดี ได้สร้างดาวเทียม คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต ขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวก
    ในการทำงาน ก็จะสิ้นสุดลงในยุคสมัย นี้คือจุดจบของมนุษย์ที่จะต้องรับในยุคต่อไป

    ....กรมอุตุนิยมวิทยามีความชำนาญในการติดตั้งเครื่องเตือนภัยทั้งหลาย ที่ได้ติดตั้งเพื่อรับข่าวสาร
    จากภัยธรรมชาติต่างๆก็จะหยุดตัวลง ทำงานไม่ได้ ภัยธรรมชาติจะเกิดขึ้นในลักษณะใดก็ไม่สามารถรู้ได้
    ภัยธรรมชาติจะเกิดขึ้นอย่างไรไม่มีใครๆรู้ล่วงหน้า เมื่อภัยธรรมชาติได้เกิดขึ้น มนุษย์ก็จะได้รับ
    ผลกระทบในทันที ทั้งวาตภัย อุทกภัยที่ได้เกิดขึ้นอย่างรุนแรงติดต่อกันเป็นเวลานาน
    มนุษย์ทั้งหลายในโลกนี้ จะอยู่กินหลับนอนกันไปด้วยความลำบาก

    ....ในยุคต่อไปเปลือกโลกจะเสื่อมอย่างรุนแรง จะก่อให้เกิดภัยธรรมชาติขึ้นในตัวของมันเอง
    เมื่อครบวงจรของเปลือกโลกเสื่อมก็จะมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น จะหาวิธีป้องกันหยุดภัยธรรมชาตินี้
    ไม่ได้ มนุษย์ที่เกิดมาอาศัยโลกอยู่ เมื่อภัยธรรมชาติเกิดขึ้น ทุกคนต้องได้รับผลกระทบต่อภัยธรรมชาตินี้
    ในขณะนี้หลายพื้นที่หลายประเทศได้เห็นภัยธรรมชาตินี้อยู่แล้ว หลายประเทศได้รับผลกระทบ มีความ
    ทุกข์เดือดร้อนไปตามๆกัน ฉะนั้น ทุกคนอย่าประมาท ตั้งสติให้ดี ในโลกนี้
    อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด เมื่อแก้ไขไม่ได้ก็ต้องทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น


    ....๒. วาตภัยอีกจุดหนึ่งที่มนุษย์ต้องได้รับ นั้นคือลมใต้พื้นภิภพ จะมีความกดดันอย่างรุนแรง
    เปลือกโลกจุดไหนที่เสื่อมคุณภาพก็จะเกิดความกดดัน แผ่นดินจะเกิดแตกแยกจากกัน เรียกว่า
    ลมประทุให้หินในพื้นภิภพได้แตกและกระจายอย่างกว้างไกล ถ้าเกิดบนบกก็เรียกว่า แผ่นดินไหว
    จะไหวมากไหวน้อยขึ้นอยู่กับความกดดันของลม มนุษย์จึงคิดคำนวณความรุนแรงออกมาเป็นริคเตอร์
    เท่านั้นเท่านี้ ถ้าเกิดแผ่นดินไหวในที่ชุมชนอย่างรุนแรง ก็จะทำให้บ้านอาคารมีความเสียหายเป็น
    อย่างมาก อาคารต่างๆก็จะพังทับถม หมู่มนุษย์ได้ล้มตายกันไปไม่มีใครๆช่วยกันได้
    ....การเกิดแผ่นดินไหวในลักษณะนี้ มีวาตภัยและธรณีภัยเกิดขึ้นพร้อมกัน และจะเกิดขึ้นบ่อยต่อเนื่อง
    อย่างน้อย ๘ ริคเตอร์ขึ้นไป ถ้าเกิดขึ้น ๑๐ ริคเตอร์ หรือ ๑๒ ริคเตอร์ขึ้นไป ในเหตุการณ์อย่างนี้จะเกิดขึ้น
    ในภายภาคหน้า อาคารบ้านช่องจะพังทลาย มนุษย์จะล้มตายเป็นจำนวนมาก จึงยากที่จะแก้ไขป้องกันได้
    ความเป็นไปในลักษณะนี้ก็เพราะโลกธาตุได้เกิดขึ้นมายาวนาน ทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนแปลงไปตาม
    เหตุปัจจัยในตัวมันเอง ธาตุเดิม คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศธาตุ ทั้งบนอากาศหรือพื้นภิภพต้องเป็นอย่างนี้

    ....ภัยธรรมชาติอีกจุดหนึ่งที่จะเกิดขึ้นพร้อมกัน มีวาตภัย อุทกภัย ธรณีภัย ถ้าพื้นภิภพเสื่อมอยู่ใรท่าม
    กลางมหาสมุทร ลมก็จะเกิดความกดดันให้เปลือกโลกส่วนที่เสื่อมแยกออกจากกัน ที่เรียกว่า
    แผ่นดินไหวในมหาสมุทรอย่างรุนแรง เมื่อแรงกดดันของลมปะทะกับชั้นหินที่มีความแข็ง ก็จะเกิด
    ระเบิดอย่างกว้างขวาง หลายๆประเทศจะได้รับผลกระทบ ตายเป็นจำนวนมาก เมื่อชั้นหินได้แยก
    ออกจากกันเป็นช่องใหญ่หลายจุดพร้อมกัน น้ำทะเลก็จะไหลลงสู่โพรงใต้พื้นภิภพเป็นจำนวนมาก
    น้ำทะเลก็จะลดลงอย่างเห็นได้ชัดทีเดียว เมื่อน้ำทะเลไหลลงสู่สู่โพรงดินขนาดใหญ่เต็มแล้ว วาตภัย
    ในพื้นภิภพก็จะกดดันน้ำทะเลในส่วนนั้นกลับคืน น้ำทะเลก็จะถูกลมกดดันไหลขึ้นท่วมสถานที่ต่างๆ
    อาคารบ้านช่องก็จะพังเสียหายเป็นจำนวนมาก มนุษย์และสัตว์ก็จะล้มตายไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน
    ที่เรียกว่า สึนามิ นั้นเอง
    ....ในลักษณะอย่างนี้เป็นเพียงวาตภัย อุทกภัย ธรณีภัยในพื้นภิภพเท่านั้น ถ้าหากเกิดวาตภัยขึ้น
    ในช่องอากาศที่มนุษย์อาศัยอยู่ ความรุนแรงของภัยธรรมชาติก็จะเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว หรือหาก
    มีอุทกภัยฝนได้กระหน่ำซ้ำเติมลงมาอีก ทั้งลมและฝนบนพื้นโลกไปบวกกับวาตภัยในพื้นภิภพ น้ำทะเล
    เดิมก็มีความปั่นป่วนอยู่แล้ว เมื่อลมและฝนซ้ำเข้าอีก มนุษย์จะอยู่กันอย่างไร เครื่องเตือนภัยสื่อสาร
    กับสัญญาณดาวเทียมใช้ไม่ได้ ใครจะบอกว่าให้มนุษย์พากันหลบภัยในที่ไหน ในหมู่มนุษย์ก็จะเกิด
    ความกลัวตายต่อภัยธรรมชาติเป็นอย่างมาก และยังเห็นเพื่อนมนุษย์ได้ตายให้เห็นต่อหน้าต่อตา
    จะเกิดความโกลาหลวุ่นวาย จะหลบตัวไปที่ไหนก็ไม่มีความปลอดภัย และภัยต่างๆก็จะเกิดตามมา
    เช่น โรคภัย มลพิษภัย อาหารภัย ความอดอยากหิวโหย โรคภัยต่างๆที่เกิดจากมลพิษภัย จะไม่มี
    หมอรักษา จะไม่มียาให้กิน เรียกว่า สิ้นเนื้อประดาตัว ถ้าเราเป็นคนหนึ่งที่ต้องประสบเหตุการณ์นี้
    ลองคิดดูว่าเราจะเป็นอย่างไร


     
  2. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    ***** อัคคีภัย มลพิษภัย โรคภัย อาหารภัย โจรภัย *****

    .... อัคคีภัย หมายถึง ความร้อนจะเกิดขึ้นในโลกนี้อย่างรุนแรง ความแห้งแล้ง
    เพราะฟ้าฝนไม่ตกตามฤดูกาล ที่ผ่านมาเกิดภัยธรรมชาติขึ้นดังที่ได้อธิบายมาแล้ว มีวาตภัย อุทกภัย
    ธรณีภัย และ ภัย เช่น โรคภัย อาหารภัย โจรภัย มลพิษภัย เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน ทำให้มนุษย์ทั้งหลาย
    อยู่ด้วยความลำบาก เป็นทุกข์เดือดร้อนเป็นจำนวนมาก หากมีอัคคีภัยเกิดขึ้นซ้ำเติม ชีวิตความ
    เป็นอยู่ของมนุษย์จะเต็มไปด้วยความทุกข์ยากแร้นแค้นแสนเข็ญ จึงเป็นเหตุให้มนุษย์อยู่ด้วยความ
    อดอยากดิ้นรน ฝนจะตกลงมาน้อยไม่พอที่จะทำไร่ทำนา ดินฟ้าอากาษก็จะเกิดความแปรปรวน
    ไปทั่วหนแห่งทุกมุมโลก
    ....ในบางพื้นที่จะไม่มีฝนตกลงมาเลย ความร้อนจากแสงอาทิตย์แผดเผา ทำไร่ทำนาไม่ได้ผล
    แต่อย่างใด ในเหตุการณ์อย่างนี้จะมีความแห้งแล้งทั่วถึงกันในทุกมุมโลก อาหารการกินจะขาด
    แคลนขัดสน คนจะล้มตายเป็นจำนวนมากเพราะความอดอยากหิวโหย จะเกิดโจรภัย ลักปล้นจี้
    ให้ได้มาซึ่งอาหารเพื่อให้ชีวิตอยู่ได้ ในหมู่สัตว์เดรัจฉานไม่มีอาหารที่จะกินก็จะล้มตายกันไปเช่นกัน
    ....อัคคีภัยที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าโน้น คนที่เกิดมาในยุคนั้นจะได้เผชิญต่อภัยธรรมชาตินี้
    อย่างแน่นอน จะหลบหลีกหนีไปอยู่ในมุมโลกซีกไหนก็ไม่พ้นจากภัยธรรมชาติเหล่านี้ได้ ในยุคสมัย
    ที่ประชากรโลกมีจำนวนประมาณ ๒ หมื่นล้านคน ภัยธรรมชาตินี้จะเกิดขึ้นเต็มรูปแบบทั่วทุกมุมโลก
    มนุษย์จะได้รับผลกระทบล้มตายไปเพราะอัคคีภัยเป็นจำนวนมาก
    ความร้อนจาก
    แสงแดดจะเผาเพิ่มความร้อนขึ้นหลายเท่า การจะรักษาชีวิตอยู่รอดได้นั้นยากมาก นับจากวันนี้ไป
    ความร้อนจะทวีความรุนแรงหลายเท่าตัว จะเกิดความร้อนไปทั่วทุกมุมโลก ความร้อนที่เกิดขึ้น
    จากดวงอาทิตย์บนโลกและความร้อนที่จะเกิดขึ้นในแผ่นดิน จะทำให้เกิดความร้อนระอุขึ้นทุกหน
    แห่ง มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายจะล้มตายเป็นจำนวนมาก จะหาสถานที่หลบภัยในที่ต่างๆหาได้ยาก

    ....ถ้าหากเราเป็นคนหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์อย่างนี้ก็จะได้รับความเดือดร้อนเหมือนคนทั่วไป ก่อให้
    เกิด อาหารภัย คือ ข้าวปลาอาหารเครื่องอุปโภคบริโภค
    จะขาดแคลนอดอยาก ตามมาด้วย โรคภัย คือภัยจากโรคต่างๆก็จะเกิดตามมา
    ในปัจจุบันมีโรคระบาดหลายชนิดที่เกิดขึ้นมาโดยบไม่ทราบสาเหตุ และยังหาวิธีรักษาไม่ได้ ซึ่งเกิด
    ขึ้นทั้งมนุษย์และสัตว์ เช่น โรคเอดส์ โรคไข้หวัดนก โรคไข้หวัดใหญ่ โรคซาร์ เมื่อเกิดโรคภัยอย่าง
    รุนแรง จะหาหมอหายามารักษา จะหาได้ยาก

    ....เมื่อประสบปัญหาอาหารภัย โรคภัย ก็จะเกิดโจรภัยการจี้ปล้นเพื่อให้ได้มาซึ่งอาหาร มนุษย์จะ
    เบียดเบียนกันเอง เกิดความกลัวความหวาดระแวงในทรัพย์สิน ชีวิตของมนุษย์จะมีความเดือดร้อน
    อย่างแสนสาหัส แต่ละครอบครัวจะสูญเสียบุคคลที่เรารัก และพลัดพรากจากกันไป พ่อแม่ลูกหลาน
    ญาติมิตร เหมือนได้ติดอยู่ในความมืด ไม่รู้ข่าวสารซึ่งกันและกัน เพราะได้หนีตายไปคนละทิศ
    ละทาง การไปมาในที่ไหน จะไม่มีความสะดวกสบายเหมือนในยุคปัจจุบัน ไฟฟ้าจะใช้ในเวลา
    ค่ำคืนก็ไม่มี ฟืนที่จะหามาก่อไฟเพื่อบรรเทาความหนาวเย็นก็หาได้ยาก เสื้อผ้าที่จะนำมานุ่งห่ม
    ก็ขาดแคลน เรียกว่า สิ้นเนื้อประดาตัว

    ....เหตุการณ์อย่างนี้จะมีเกิดขึ้นในภาบภาคหน้าอย่างแน่นอน ภัยธรรมชาติเหล่านี้ เมื่อไม่เกิดขึ้น
    กับตัวเองก็รู้สึกว่าเฉยๆเหมือนในยุคนี้ แม้มีภัยธรรมชาติได้เกิดขึ้นอยู่บ้างเราก็ไม่มีความเดือดร้อน
    ดังคำว่า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา เพราะถือว่าไม่ได้เป็นเรื่อง
    ของเราและไม่ใช่ญาติของเรา จึงไม่มีความรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใด เพราะเข้าใจว่าเป็นเรื่อง
    ของคึนอื่น ถ้าเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อไร จึงจะได้เกิดความรู้สึกตัว

    ....อัคคีภัยความร้อนในยุคปัจจุบันก็เริ่มมีผลกระทบอยู่แล้ว ต่อไปจะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น
    มนุษย์จะอยู่ด้วยความลำบากเป็นอย่างมากทีเดียว ความร้อนที่เกิดขึ้นจะหาวิธีป้องกันได้ยาก
    เพราะเป็นภัยธรรมชาติเกิดขึ้นในตัวของมันเอง หมู่มนุษย์แม้จะมีส่วนทำให้ความร้อนของโลกนี้
    เพิ่มพูนขึ้นอยู่บ้าง แต่ในความเป็นจริงแล้ว โลกร้อนขึ้นเพราะเปลือกโลกเสื่อมนั่นเอง

    ....อัคคีภัยความร้อนในพื้นภิภพจะเป็นเหตุให้ภูเขาไฟเกิดการปะทุมากขึ้น ภูเขาไฟจะบวกกับ
    วาตภัยลมก็จะกดดันให้ภูเขาไฟระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ลาวาเถ้าถ่านก็จะฟุ้งกระจายขึ้นไปสู่อากาศ
    และตกลงมา มนุษย์ก็จะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก จะเกิดเป็นมลพิษนานัปการ

    ....มนุษย์จะเกิดการเจ็บป่วยล้มตาย ที่อยู่อาศัยก็จะถูกฝุ่นเถ้าจากภูเขาไฟทับถม สถานที่อาศัยที่
    ได้ถูกภัยธรรมชาติอย่างอื่นทำลายมาก่อนแล้ว ยังได้รับผลกระทบจากภูเขาไฟเพิ่มเติมซ้ำอีก
    มนุษย์จะอยู่ก็ด้วยความลำบาก ความทุกข์ยากก็จะเกิดตามมา จะหาสถานที่หลบภัยที่ไหนก็แทบ
    ไม่มี เพราะในช่วงนี้จะมีอากาศแปรปรวนไปทั่วทุกมุมโลก ความร้อนจากอัคคีภัยจะทำให้ภูเขาไฟ
    เกิดปะทุขึ้นหลายๆจุดต่อเนื่องกัน แต่ละวันมนุษย์จะหาที่หลบภัยจากกลิ่นไออันเป็นพิษอยู่ตลอด
    เวลา จะหาหน่วยงานใดเข้าไปช่วยเหลือนั้นเป็นของยาก มีความลำบากในการกินอยู่หลับนอน
    เนื่องจากภัยธรรมชาติหลายอย่างที่เกิดขึ้น ประเทศใดหรือสถานที่แห่งใดไม่มีภูเขาไฟระเบิดก็ยัง
    ได้รับภัยธรรมชาติอย่างอื่นอยู่นั่นเอง

    ....อัคคีภัยความร้อนจะมีผลกระทบต่อคลังแสง หมายถึงอาวุธที่เป็นพิษภัยที่มนุษย์ได้สร้างเอาไว้
    มาก เช่น ระเบิดปรมาณู นิวเคลียร์ที่เป็นพิษอย่างรุนแรง หลายๆประเทศที่เก็บอาวุธเหล่านี้เอาไว้
    ในสถานที่ต่างๆ อาวุธทั้งหลายเหล่านี้เมื่อถูกความร้อนมากขึ้นก็จะเกิดการระเบิด สารพิษก็จะ
    กระจายขึ้นสู่อากาศ ลมก็จะพัดไปทั่วทุกมุมโลก มนุษย์ที่รับสารพิษเหล่านี้เกิดเป็นโรคภัยก็จะพา
    กันล้มตายเป็นจำนวนมาก ผู้ที่คิดทำอาวุธร้ายแรงนี้ขึ้น ไม่ได้คิดถึงผลกระทบที่จะเกิดตามมา
    เรื่องอัคคีภัยอันเป็นภัยธรรมชาตินั้นอาจจคิดไม่ถึง จึงได้สร้างอาวุธที่ร้ายแรงขึ้น

    ....ปัญหาโลกร้อนในขณะนี้ มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากมนุษย์ทำให้อากาศของโลกมีความร้อน แต่
    ส่วนใหญ่ความร้อนเกืดจากอัคคีภัยอันเป็นความร้อนจากภัยธรรมชาติเอง ดังความร้อนที่มนุษย์ได้
    รับกันอยู่ในขณะนี้ ทุกๆปีความร้อนมีแต่จะเพิ่มขึ้น ดินฟ้าอากาศก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปใน
    ทางที่เลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ มนุษย์จะอยู่ด้วยความลำบาก ภัยธรรมชาตินี้ จะไม่มีวิธีป้องกันได้เลย ถ้า
    หวนคิดย้อนหลังสัก ๕๐ ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จะรู้ได้ชัดว่าความร้อนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และ
    จะมีความร้อนเพิ่มขึ้นทุกๆปี นี้คือมนุษย์ในยุคต่อไปจะได้รับผลกระทบเป็นอย่างยิ่ง

    ....มลพิษภัยที่เกิดขึ้นตามมา คือ มลพิษทางน้ำ น้ำใช้ที่เกิดการปนเปื้อนสารพิษ สารเคมี และสิ่ง
    สกปรก จนเน่าเสีย ซึ่งมาจากการปนเปื้อนสารเคมีของโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ประสบปัญหา
    น้ำท่วมขังเป็นเวลานาน มลพิษทางอากาศ อากาศมีฝุ่นควันที่เป็นพิษปนเปื้อน เมื่อคนหายใจเข้า
    ไป ก่อให้เกิดโรคภัยและล้มตายเป็นจำนวนมาก และมลพิษจากขยะและสิ่งปฏิกูลที่มนุษย์เป็นผู้
    สร้าง ก็จะถูกน้ำพัดออกมาทำให้เน่า เกิดโรคระบาดติดเชื้อมากมาย

    ....มลพิษเหล่านี้ จะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์อาศัยอยู่เป็นอย่างมาก จะมีผลกระทบต่อ
    ร่างกาย ทำให้เกิดเจ็บไข้เป็นโรคร้ายต่างๆตามมานานัปการ ที่ผ่านมามนุษย์ได้คิดค้นทางวิทยา
    ศาสตร์ทางเคมีที่จะนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ แต่หารู้ไม่ว่า สิ่งเหล่านี้จะเกิดเป็นโทษในภายหลัง
    ทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำ ยังได้รับผลกระทบดังที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ แม้มนุษย์ก็ได้รับผลกระทบอยู่
    แต่ยังไม่รู้ตัว ที่เรียกว่า ตายผ่อนส่ง

    ....มลพิษภัยเหล่านี้มีผลกระทบต่อร่างกาย และมีผลกระทบถึงทางใจ ทำให้เกิดอารมณ์ที่หงุด
    หงิด เพราะว่าได้รับผลจากมลพิษภัยธรรมชาตินั้นเอง เมื่อสังคมของมนุษย์ได้รับมลพิษ
    จากภัยธรรมชาติมากขึ้น อารมณ์ที่แสดงต่อกัน ล้วนแล้วแต่มีอารมณ์ที่เป็นพิษด้วยกัน
    นี้เรียกว่า
    ถึงยุคสมัยในการเปลี่ยนแปลงไปของโลก

    ....คำว่า "โลก" มีคำจำกัดความอยู่ ๓ อย่าง คือ

    ....๑. สิ่งที่มีจิตครองร่าง

    ....๒. สิ่งที่ไม่มีจิตครองร่าง

    ....๓. อากาศ

    . ทั้ง๓ อย่างนี้รวมกันจตึงเรียกว่า "โลก" จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ภัยธรรมชาติทั้งหลายที่จะเกิดขึ้น
    ก็เพราะธรรมชาติมีความเสื่อมไปตามอายุขัยในตัวมันเองที่เรียกว่าเปลือกโลกเสื่อม จึงได้เกิดภัย
    ธรรมชาติขึ้นดังที่รู้เห็นกันในปัจจุบัน และจะเกิดขึ้นต่อไปในภายหน้า ผู้ที่เกิดมาในยุคนั้นจะได้
    ประสบต่อภัยธรรมชาตินี้ต่อไป

    *************************************************************
     
  3. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    *จุดจบของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี*

    ....ในยุคสมัยที่พวกเราอยู่ในโลกปัจจุบันนี้ จะมีปัญญาชนที่มีความรู้ดีในหลักวิทยาศาสตร์ มีความ
    ฉลาดในอินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี มีความสามารถทำดาวเทียมขึ้นโคจรในอวกาศ
    เพื่อเป็นสื่อถ่ายทอดข่าวสารลงมาสู่เทคโนโลยีและสื่อสารในอินเตอร์เน็ตอย่างคล่องตัวฉับไวใน
    การทำงาน ได้นำมาใช้เป็นประโยชน์ในสังคมยุคนี้ได้เป็นอย่างดี เรียกว่าเป็นยุคของปัญญาชนมี
    ความโดดเด่นที่สุดเช่นกัน เหตุผลที่ว่านี้ในกลุ่มปัญญาชนทั้งหลายเหล่านี้ยังศึกษาไม่ถึง จึงได้
    มองโลกไปในทางที่ดีไปเสียทั้งหมด ส่วนความไม่ดีที่เลวร้ายไม่ได้คิดวางแผนรองรับไว้เลยนั้น
    คือภัยธรรมชาติที่จะเกิดในยุคต่อไป

    ....หลังจากภัยธรรมชาติได้ผ่านไปแล้ว แทนที่ชีวิตความเป็นอยู่ของมวลมนุษย์จะมีความสุขสบาย
    ก็ตรงกันข้าม ชีวิตความเป็นอยู่ยิ่งย่ำแย่เลวร้ายลง จะได้รับมลพิษจากภัยธรรมชาติที่ตกค้างอยู่เป็น
    อย่างมาก ดินฟ้าอากาศจะมีการเปลี่ยนแปลงไป จะมีมลพิษภัยนานาประการได้เกิดขึ้นอย่างหลีก
    เลี่ยงไม่ได้ มนุษย์ทั้งหลายจะอยู่กันด้วยความเป็นทุกข์ มีความลำบากอย่างแสนสาหัส ทุกคน
    ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตอยู่รอด ไม่มีใครๆช่วยเหลือกันได้

    ....ทางฝ่ายบริหารการปกครอง บ้านเมืองเหมือนได้ถูกยุบตัวลงโดยปริยาย หน่วยงานราชการ
    ทุกกระทรวงทบวงกรม ก็ได้รับผลกระทบต่อภัยธรรมชาตินี้เช่นกัน เอกสารข้อมูลในการทำงาน
    ต่างๆ เกิดความเสียหาย ข้อมูลในอินเตอร์เน็ต เว็บไซต์ คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องรับสัญญาณจาก
    ดาวเทียมสื่อสารต่อกันไม่ได้ เพราะดาวเทียมเองก็เกิดมีปัญหาขัดข้องในการส่งสัญญาณ ไม่ทำ
    งานสื่อสารลงมาสู่คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต หรือเครื่องรับสัญญาณอื่นใดได้เลย ผู้มีความรู้ในทาง
    คอมพิวเตอร์ในแผนกใดก็ตาม เมื่อสัญญาณจากดาวเทียมส่งเข้าไม่ได้ คอมพิวเตอร์ก็ทำงานไม่
    ได้ ความรู้ที่มีอยู่ก็เอาไปทำงานอะไรไม่ได้ นี้คือการทำงานสื่อสารในทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
    ต่างๆก็จะสิ้นสุดจบลงตรงนี้ ชีวิตความเป็นอยู่ก็จะต้องเริ่มตันใหม่ตามธรรมชาติเอง

    ....มนุษย์ในยุคปัจจุบันนี้ ยอมรับว่ามีปัญญา ค้นคิดเอาสิ่งต่างๆมาเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกได้ดี
    คิดประดิษฐ์สื่ออุปกรณ์ในการทำงานช่วยความจำแทนสมองเก็บความรู้เอาไว้ แต่ก็น่าเป็นห่วง ที่
    มนุษย์อ้างตัวว่าเป็นผู้มีความฉลาด แล้วเอาความรู้ความสามารถุไปฝากไว้กับคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต
    เมื่อสัญญาณจากดาวเทียมยังทำงานได้อยู่ก็ทำงานให้สำเร็จได้ เมื่อสัญญาณดาวเทียมมีปัญหาขัดข้อง
    คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ตก็เกิดความขัดข้องเช่นกัน จะทำงานให้สำเร็จเป็นไปได้ยากหรือเป็นไป
    ไม่ได้เลย วิธีการไม่ตรงต่อเป้าหมาย จะนำมาใช้กับปัญญาความรู้ความสามารถของตัวเองไม่ได้
    ในหลักการข้อมูลต่างๆทางหลักปฏิบัติ การเอาปัญญาความรู้ความสามารถไปฝากไว้กับคอมพิวเตอร์
    อินเตอร์เน็ต ก็มีปัญหาไปด้วย จึงไม่สามารถดึงข้อมูลข่าวสารออกมาใช้งานได้เลย ถ้าเป็นอย่างนี้
    ความรู้ความฉลาดก็จะกลายเป็นความโง่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

    ....ความรู้ในทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ หรือศาสตร์อื่นก็เอามาใช้งานไม่ได้ แม้แต่คณิตศาสตร์
    บวก ลบ คูณ หาร ด้วยกระดาษ ปากกาด้วยปัญญาความรู้ของตัวเองก็ทำไม่ได้ ต้องอาศัยเครื่องคิดเลข
    หรือหรือเทคโนโลยีอย่างอื่นช่วยให้ทำงานได้ แม้แต่เบอร์โทรศัพท์ก็บันทึกเก็บเข้าในเครื่องไว้ทั้งหมด
    เมื่อสัญญาณของดาวเทียมมีปัญหา โทรศัพท์ก็มีปัญหาไปด้วย หรือสถานที่ทำงานของราชการ
    และเอกชนจะต้องอาศัยเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต กระแสไฟฟ้า และอาศัย
    สัญญาณของดาวเทียมช่วยให้ทำงานได้ ถ้าสิ่งเหล่านี้ถูกทำลายจากภัยธรรมชาติจนหมดสภาพไปแล้ว
    หลักการวิธีการแผนงานที่เป็นโครงสร้างพัฒนาก็มีปัญหาตามมาเช่นกัน เมื่อในยุคนี้มีเหตุการณ์
    อย่างนี้เกิดขึ้น ความเป็นอยู่ของมนุษย์จะอยู่กันอย่างไร การพัฒนาหรือธุรกิจต่างๆเหมือนกับว่า
    ได้ปิดตัวลงแบบถาวร จากนั้นไปจะไม่มีเทคโนโลยีทุกประเภทมาประกอบสื่อในการทำงานอะไรได้เลย
    คำว่า "ตนแลเป็นที่พึ่งของตน" ก็จะพลอยหมดความหมายทำอะไรไม่ได้
    ความรู้ความสามารถความฉลาดจะหดหายไปจากตัวเองโดยไม่รู้ตัว จะเป็นผลกระทบในการทำงาน
    การปกครองอย่างใหญ่หลวง

    ....ในยุคนี้สมัยนี้เราได้สร้างความเจริญไว้ในโลกมีมากมายหลายอาชีพ ได้สร้างสิ่งอำนวยความสะดวก
    สบายให้แก่ตัวเองและส่วนรวมเอาไว้ จะทำงานในแผนกใดจะทำได้อย่างรวดเร็วทันใจ ทำได้ทั้ง
    ดาวเทียมการใช้สัญญาณสื่อสาร ทำเครื่องบิน รถ เรือ เพื่อเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทาง
    จะไปไหนมาไหนได้รวดเร็วทันใจตามที่ต้องการ เมื่อภัยธรรมชาติยังไม่เกิดความรุนแรง ก็พออาศัย
    ขับขี่ไปมาได้ ในวันหนึ่งข้างหน้าเมื่อเกิดภัยธรรมชาติขึ้นรุนแรง สิ่งอำนวยความสะดวกในการไปมา
    ก็จะหมดยุคหมดสมัยไป มิใช่ว่ามนุษย์มีความรู้ดีมีปัญญาที่ฉลาดมีความสามารถจะรักษาไว้ได้
    ตัวภัยธรรมชาตินั้นเองจะเป็นตัวตัดสินชี้ขาดแทนมนุษย์อยู่แล้ว เพราะเทคโนโลยีที่มนุษย์คิดขึ้นมา
    ใช้งาน จะเป็นเพียงบางยุคบางสมัยเท่านั้น ถ้าได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของโลกว่ามีความเป็นอยู่และ
    เป็นมาอย่างไร ก็ไม่ปรากฏว่ามีเทคโนโลยีที่ก้าวไกลเหมือนในยุคปัจจุบัน ฉะนั้น มนุษย์ไม่ควรลืมตัวว่า
    สิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้นใช่ว่าจะอยู่ถาวรตลอดไป เพราะในทุกอย่างที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ หรือเกิด
    ขึ้นจากความสามารถของมนุษย์สร้างขึ้นมาก็ตาม ทุกอย่างจะต้องตกอยู่ในความเปลี่ยนแปลงไป
    ตามยุคสมัยนั้นๆ


    ....เมื่อวาตภัย อุทกภัย อัคคีภัย และภัยต่างๆ ได้ทำลายในสิ่งอำนวยความสะดวกที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น
    ให้หมดไปแล้ว หมู่มนุษย์ในยุคนั้นก็จะเหลืออยู่น้อยและอยู่กันเหมือนเศษมนุษย์เดนตาย จะพากัน
    อยู่สถานที่ใดก็หาเลี้ยงชีพพอให้มีชีวิตอยู่ได้ไปวันต่อวัน ไม่มีความคิดในการเสริมสร้างพัฒนา
    ความเจริญในทางโลก ไม่มีความเจริญในทางพัฒนาแต่อย่างใด การไปมาหาสู่ซึ่งกันและกันต่าง
    สถานที่ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางเหมือนในยุคปัจจุบัน จะส่งข่างสารต่อกันด้วยวิธีใด
    ก็จะทำไม่ได้ว่าใครพากันอยู่ที่เมืองอะไรอยู่ที่ไหนจะไม่รู้กัน จึงเป็นต่างกลุ่มต่างอยู่ ไม่รู้กันว่าใคร
    เป็นญาติของใคร พี่น้องอยู่ที่ไหนจะไม่รู้กัน

    ....แม้แต่การศึกษาหาความรู้ในหลักวิธีการต่างๆ ก็ไม่มีครูผู้ให้คำแนะนำสั่งสอน จะอ่านหนังสือไม่ได้
    เขียนหนังสือไม่ได้ ต่างคนต่างกลุ่มทำมาหากินเท่านั้น ถ้าจะดูประวัติศาสตร์ประกอบเพื่อเป็นพยาน
    หลักฐาน ก็ให้ดูประวัติแต่ละประเทศว่ามีความเป็นมาอย่างไร ทำไมตัวหนังสือไม่เหมือนกัน ทั้ง
    ภาษาสื่อต่อกันแต่ละประเทศก็พูดกันไม่รู้เรื่อง ก็เพราะครั้งก่อนได้ประสบภัยธรรมชาติ ที่เดนตาย
    ก็เกาะกัยเป็นกลุ่ม นานๆเข้าเป็นกลุ่มใหญ่ กลายเป็นประเทศจึงแตกต่างกันทางภาษา

    ....ที่ข้าพเจ้าได้อธิบายเรื่องภัยธรรมชาติให้ท่านรู้ ก็เพราะมีหลักฐานในประวัติศาสตร์ที่มีความ
    แตกต่างกัน เรื่องภาษา ตัวหนังสือ วัฒนธรรม ประเพณี ที่เหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้าง นับจากถูกภัย
    ธรรมชาติในยุคนั้นผ่านมาอีกยาวนานจนกว่าจะเกาะกลุ่มกันได้ จึงได้ตั้งสื่อภาษาเป็นของตัวเองขึ้น
    เพื่อสื่อสารต่อกัน จนกลายเป็นประเทศในปัจจุบัน มีประเทศใหญ่บ้างประเทศเล็กบ้างตามประชากร
    ของแต่ละประเทศนั้นๆ แต่ละประเทศจะมีภาษากลางของแต่ละประเทศในการสื่อสารกัน แต่ละ
    ประเทศก็มีชนเผ่าหลายกลุ่มผนวกไว้ด้วยกัน แต่ละเผ่าก็มีภาษาเป็นของตัวเอง พูดเฉพาะในกลุ่ม
    ของตัวเอง แต่ก็ต้องศึกษาภาษากลางของประเทศตัวเองเพื่อสื่อสารกันเอาไว้ หลายๆชนเผ่าที่เล็กๆ
    ก็หลงลืมในภาษาเผ่าของตัวเอง เพราะเคยชินต่อภาษาของประเทศจนลืมตัว ภาษากลางแต่ละ
    ประเทศจะพูดไม่เหมือนกัน ถึงความหมายจะเหมือนกันแต่สื่อในการพูดจะไม่เหมือนกัน ส่วนภาษา
    กลางของโลกใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักจะสื่อสารกันได้ทั่วโลก
     
  4. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    ...........***** บทสรุป *****..........

    ....ที่ข้าพเจ้าได้อธิบายประวัติศาสตร์ในพุทธวงศ์ คือวงศ์ของพระพุทธเจ้า และประวัติอายุขัยของ
    มนุษย์ มีขาขึ้นขาลงดังที่อธิบายไว้แล้ว และเรื่องภัยธรรมชาติ ก็ได้อธิบายไว้แล้วเช่นกัน ท่านผู้
    อ่านทั้งหลายที่มีการศึกษามากและมีการศึกษาน้อย หรือผู้ไม่เคยศึกษาในประวัติศาสตร์เหล่านี้
    หลายๆท่านต้องคิดกันหนักพอสมควร ว่าเรื่องเหล่านี้จะพอเชื่อถือได้แค่ไหน หรือไม่เชื่อเลยก็
    เป็นได้

    ....เฉพาะเรื่องภัยธรรมชาติ บางคนไม่เชื่อเลยว่าจะเกิดขึ้น บางคนอาจจะเชื่ออยู่บ้างแต่คิดว่ากว่า
    จะเกิดขึ้นอีกนาน หากตายไปก่อนแล้วจะไม่ได้เจอไม่มีผลกระทบกับตัวเอง ให้ท่านคิดต่อไป
    อีกว่าเชื่อในผลของกรรมหรือไม่ และเชื่อในภพชาติการเกิดใหม่หรือไม่ เมื่อจิตยังมีกิเลสตัณหา
    เป็นเชื้อพาให้มาเกิด จิตก็ต้องกลับมาเกิดเป็นชาติใหม่ได้ เมื่อได้มาเกิดในชาติใหม่ก็จะได้เจอ
    ต่อภัยธรรมชาตินี้อีกมิใช่หรือ เรื่องความไม่เชื่อต่อผลกรรมดีกรรมชั่ว เรื่องไม่เชื่อในภพชาติใน
    การเกิดใหม่ ความไม่เชื่อในเรื่องอย่างนี้นั้น เป็นความเห็นเฉพาะตัวเท่านั้น ในหลักสัจธรรมความ
    จริงจะเป็นสิ่งตายตัว ไม่เป็นไปตามความเห็นตามที่เรามีความเข้าใจอยู่นั่นเอง

    ....ความเห็นของหมู่มนุษย์ในอดีตมีความแตกต่างกันอยู่แล้ว ในยุคปัจจุบันหรืออนาคตภายภาค
    หน้า ความเห็นของมนุษย์ก็จะมีความแตกต่างกันตลอดไป ใครจะมีความเห็นผิดใครจะมีความเห็น
    ถูกเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ เช่นนับถือศาสนาต่างกัน นับถือพระเจ้าคนละองค์ ความเห็นยก็มี
    ความแตกต่างกันอยู่บ้าง ขึ้นอยู่กับนำสื่อคำสอนของพระเจ้ามาตีความเพื่อให้เกิดความเชื่อ ใคร
    เชื่อในคำสอนของพระเจ้าอย่างไรก็ปฏิบัติกันไป หรือนับถือศาสนาอะไรก็ได้ เรื่องบาปบุญคุณ
    โทษ ตายไปจะเกิดใหม่หรือไม่เกิด ก็จะไม่สนใจในสิ่งเหล่านี้

    ....ถึงจะไม่เชื่อในสิ่งเหล่านี้ก็ไม่เป็นไร ข้อสำคัญให้เราทำดีเอาไว้ในชีวิตนี้ก็แล้วกัน เพราะการ
    ทำดีการพูดดีและมีความเห็นที่เป็นธัมมาธิปไตยนี้ต่างหากที่จะเป็นเส้นทางให้จิตจะต้องได้รับผล
    ในทางที่ดี ถ้ามีความเห็นเป็นอัตตาธิปไตย ในทุกเรื่องจะเข้าข้างตัวเอง จะเป็นเหตุให้เกิดปัญหา
    แก่ตัวเองและสังคมส่วยรวม ที่เรียกร้องความสมานฉันท์ความรักสามัคคีให้เกิดขึ้น แต่ไม่หยุด
    ความก้าวร้าว กล่าวคำนินทาว่าร้ายซึ่งกันและกัน จะให้ความสมานฉันท์เกิดขึ้นได้อย่างไรเล่า นี้
    คือเอาอัตตาธิปไตยมาเป็นหลักยืนโดยไม่รู้ตัว ความสมานฉันท์ในกลุ่มน้อยกลุ่มใหญ่จึงเป็นไปได้
    ยากหรือเป็นไปไม่ได้เลย

    ....การศึกษาไม่ควรผูกขาดในใบประกาศนียบัตร ว่าจบในระดับนั้นระดับนี้มาจึงจะเชื่อถือได้ ที่จริง
    ใบประกาศนียบัตรเป็นเพียงหลักฐานยืนยันในวุฒิการศึกษาเท่านั้น หรือจำกัดว่าผู้มีความรู้มากมี
    ความรู้น้อยในสาขาอาชีพนั้นๆ สำหรับความผิดถูกชั่วดี จะเอาวุฒิการศึกษา
    มาเป็นตัวตัดสินไม่ได้ เพราะความผิดถูกชั่วดีเป็นผลที่เกิดจากความเห็น


    ....ถ้ามีความเห็นผิด จะจบการศึกษาในระดับไหนมาก็ลบล้างความเห็นผิดไม่ได้ หนำซ้ำความรู้
    ยังเป็นตัวหนุนให้เกิดความเห็นผิดเพิ่มขึ้นไปอีก ถ้ามีความเห็นถูก ถึงจะมีความรู้น้อยความรู้มาก
    ก็เป็นประโยชน์มีคุณค่าให้แก่ตัวเองและสังคมส่วนรวมได้ หรือผู้ไม่มีความรู้ทางหลักวิชาการในภาค
    การศึกษามา แต่ใจมีความรักความสงสารในหมู่คณะ เป็นผู้ไม่เห็นแก่ตัว มีความเห็นใจและเข้าใจ
    คนอื่น เพียงเท่านี้ความสมานฉันท์ก็เริ่มตั้งหลักได้แล้ว เมื่อตั้งหลักของเหตุปัจจัยในคำว่าสมานฉันท์
    ไม่ถูกต้องและเข้าข้างตัวเอง ความรักสามัคคีความสมานฉันท์จะเกิดขึ้นได้ยาก เพราะไปเอาความรู้
    เอาวุฒิในการศึกษามาประกอบอัตตาของตัวเอง แล้วไปเรียกร้องเอาความถูกต้องชอบธรรมให้เกิดขึ้น
    ในสังคม ในใจตัวเองยังมีอคติ สมานฉันท์จึงเกิดขึ้นไม่ได้

    ....คำสอนของพระพุทธเจ้าหลายหมวดหมู่มีเหตุผลเชื่อถือได้ ข้าพเจ้าได้นำประวัติพุทธวงศ์ ประวัติ
    ของอายุขัยของมนุษย์ และภัยธรรมชาติ ทั้ง ๓ หมวดนี้ นำมาอธิบายโดยย่อพอให้เข้าใจอยู่บ้าง
    เฉพาะเรื่องภัยธรรมชาติให้เราสังเกตติดตามดูให้ดี ว่าภัยธรรมชาติทั้ง ๘ จุดนั้นเป็นอย่างไร ในอดีต
    จนถึงปัจจุบันภัยธรรมชาติเกิดขึ้นอย่างไร นับแต่ปัจจุบันไปสู่อนาคต ต่อไปจะมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้น
    อย่างไรบ้าง

    ....ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ก็ให้รับฟังจากกรมอุตุนิยมวิทยาเตือนภัยไว้บ้าง เฉพาะต่าง
    ประเทศ หลายๆประเทศที่ได้ประสบภัยธรรมชาตินับแต่จะมีความรุนแรงมากขึ้น มนุษย์จะได้รบผล
    กระทบอย่างมาก

    ....มนุษย์มีส่วนทำให้ภัยธรรมชาติเกิดอยู่บ้าง เช่น อาหารภัย ภัยที่ใช้สารเคมีมาเป็นปุ๋ยในพืชผล และ
    ปรุงอาหารชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ภัยธรรมชาติจะเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยในตัวของมันเอง จะมีผล
    กระทบต่อร่างกายและมีผลกระทบเข้าหาใจได้ ถ้าร่างกายเกิดวิบัติจากสิ่งต่างๆมีความเจ็บไข้อย่างไร
    ใจก็จะได้รับความทุกข์ไปด้วย เป็นอันว่ามนุษย์ทั้งหลายมาเกิดท่ามกลางภัยธรรมชาติอยู่แล้ว ดัง
    คำว่า เกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่ได้ชั่วขณะ แล้วแตกสลายตายไป เรียกว่าเวียนเกิดเวียนตาย
    ในภพทั้งสาม

    ....การเกิดมาในโลกนี้ ผู้ที่ไม่ทำกรรมไม่มีในโลก แต่ใครจะทำกรรมดีกรรมชั่ว
    มากกว่ากันเท่านั้น โลกมนุษย์นี้เป็นศูนย์กลาง เป็นสถานที่สร้างกรรม เมื่อตายแล้วกรรมจะเป็นตัวนำพา
    ให้ไปเกิดในภพอื่น หมุนเวียนไปมาเป็นวัฏจักรไม่มีที่จบสิ้น เมื่อผลกรรมหมดลง ก็จะได้มาเกิดในโลก
    มนุษย์ เพื่อสร้างกรรมอีกต่อไป และได้เจอต่อภัยธรรมชาติของโลกนี้อีก จะเป็นอยู่อย่างนี้เรื่อยไป

    ....เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้ต้องตั้งสติให้ดี ใช้ปัญญารอบรู้เท่าทันในความเป็นอยู่ของโลกนี้ให้ได้
    ในยุคต่อไป ในช่วง ๖ พันกว่าปีข้างหน้า จะมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นอย่างรุนแรง ทางที่ดีเราควรหาวิธี
    เว้นวรรคในการเกิดชั่วขณะหนึ่ง
    เมื่อหมดยุคที่มนุษย์มีอายุขัย ๑๐ ปีไปแล้ว จะมีการเปลี่ยนแปลง
    เป็นสังคมยุคใหม่ ภัยธรรมชาติจะสิ้นสุดลงในยุคนั้น สภาพความเป็นอยู่จะมีความสมบูรณ์ มนูษย์จะมี
    อายุขัยเพิ่มขึ้นดังที่ได้อธิบายมาแล้ว เราจะเกิดมาเกิดใหม่ในยุคนั้น สมควรที่จะมาเกิดได้ เพราะในยุคนั้น
    เป็นยุคของผู้มีบุญจะลงมาเกิดร่วมกัน ชีวิตความเป็นอยู่จะมีความสุข ฝนฟ้าจะตกต้องตามฤดูกาล

    ....ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่ออย่างไร ถือว่าเป็นกรรมของสัตว์โลก ช่วยเหลือไม่ได้ ข้าพเจ้าได้ศึกษามา
    และได้สังเกตภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในอดีต และมีแนวโน้มที่จะเกิดเป็นภัยธรรมชาติในอนาคตนั้น
    มีสูง จึงได้บอกเตือนเอาไว้ว่าจะหาวิธีป้องกันตัวเองได้อย่างไร มิใช่ว่าเมื่อภัยธรรมชาติเกิดขึ้นถึงตัว
    แล้วจึงตื่นตัว จะตั้งหลักก็ไม่ทัน ปัญหาต่างๆก็เกิดตามมา จะหาที่หลบซ่อนตัวก็ไม่ทันต่อเหตุการณ์
    อย่าไปคิดว่าภัยธรรมชาตินี้เป็นเรื่องไกลตัว หลายๆประเทศ ภัยธรรมชาติได้เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อมนุษย์
    มากทีเดียว เราคนหนึ่งจะต้องได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาตินี้ในยุคต่อไป วาตภัย อุทกภัย อัคคีภัย
    ธรณีภัย มลพิษภัย โรคภัย อาหารภัย โจรภัย ภัยทั้ง ๘ นี้จะมีอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง เราจะ
    ต้องได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะหาวิธีป้องกันอย่างไรที่จะผ่อนหนักให้เป็นเบา เพื่อให้
    ชีวิตอยู่รอด พวกเราทั้งหลายจงอย่าประมาท ให้มีความกลัวต่อธรรมชาตินี้เอาไว้

    ....ในเหตุการณ์หนึ่ง ที่คนทั่วโลกเริ่มตระหนักและพูดถึงกันอยู่มาก นั่นคือ "โลกร้อน" ก้อนน้ำแข็ง
    ที่ขั้วโลกเหนือจะละลาย ทำให้เพิ่มปริมาณของน้ำทะเลมากขึ้น น้ำทะเลก็จะท่วมในสถานที่ต่างๆตาม
    ชายฝั่ง อาคารบ้านเรือนจะเกิดความเสียหาย มนุษย์จะล้มตายเป็นจำนวนมาก นี้เป็นส่วนหนึ่ง ให้เรา
    พากันรับฟังข่าวสารของโลกเอาไว้

    ....ข้าพเจ้าได้รับฟังข่าวเรื่องโลกร้อนและก้อนน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือละลายเช่นกัน ในปีพ.ศ. ๒๕๕๐
    ข้าพเจ้าได้ไปประเทศสหรัฐอเมริกา มีเวลาได้ไปดูก้อนน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือในเขตอล้าสก้า นั่งเรือ
    ไปหลายชั่วโมงกว่าจะถึงก้อนน้ำแข็งนั้น ข้พเจ้าก็ได้ข้อคิดว่า อันน้ำแข็งนี้จะละลายจริงหรือไม่ ก้อนหิมะ
    ขนาดใหญ่เท่าภูเขาหลายลูกขาวโพลนอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร เรียกว่า ภูเขาหิมะ ที่สะสมกันมาหลาย
    พันปี มีอากาศหนาวเย็น จึงมีหิมะตกลงมาเป็นกลุ่มก้อน เมื่อความร้อนของโลกเพิ่มขึ้นจึงทำให้ก้อน
    ภูเขาหิมะเกิดพังทลายเสียงดังสนั่นท่ามกลางมหาสมุทร ก้อนน้ำแข็งลอยพันเป็นแพขาวโพลนในสถาน
    ที่แห่งนั้น

    ....ข้าพเจ้าได้สังเกตดูว่า ที่ว่าก้อนน้ำแข็งจะกระทบความร้อนแล้วละลายทำให้น้ำทะเลเอ่อท่วมโลกนั้น
    เมื่อสังเกตดูเหตุการณ์แล้ว คงไม่ถึงขั้นที่จะเกิดน้ำท่วมโลกแต่อย่างใด ถึงจะมีอยู่บ้างก็จะท่วมเฉพาะ
    บางพื้นที่เท่านั้น เพราะก้อนน้ำแข็งนั้นจะถูกความร้อนแผดเผา ไอของน้ำแข็งก็จะแห้งหายไปตามความ
    ร้อนนั้น มีส่วนหนึ่งก็จะทำให้น้ำทะเลเพิ่มขึ้น แต่จะไม่ทำให้น้ำท่วมโลกตามที่ฝรั่งได้คำนวนเอาไว้
    ข้าพเจ้าได้ไปดูด้วยตาตัวเอง จึงได้นำมาบอกกล่าวให้ท่านรับรู้เอาไว้เท่านั้น

    ....ในเหตุการณ์อย่างนี้ ถ้าเกิดมีวาตภัยเกิดลมแปรปรวนอย่างรุนแรง อุทกภัยมีฝนตกลงมาอย่างหนัก
    ทั้งลมทั้งฝนได้เกิดขึ้นพร้อมกันอย่างรุนแรง ก้อนน้ำแข็งที่ถูกความร้อนแผดเผาจะละลายกลายเป็นน้ำ
    มากขึ้น ก็จะเกิดเป็นภัยธรรมชาติ ถ้าลมได้เกิดขึ้นเป็นบริเวณกว้าง มีฝนตกในหลายพื้นที่ ก็จะมีผลกระทบ
    อย่างรุนแรง

    ....อล้าสก้าเดิมเป็นพื้นแผ่นดินของรัสเซีย มีพื้นที่อันกว้างใหญ่ ส่วนมากเป็นภูเขา มีชนเผ่าหนึ่งที่อาศัย
    อยู่ชื่อว่า เผ่าเอสกิโม มีอาชีพชาวประมง เป็นเกาะขนาดใหญ่มีต้นไม้ภูเขาที่อุดมสมบูรณ์ มีภูเขาที่เป็น
    หยกเขียว หยกสีชมพู หยกแดงมากมาย และมีแร่ทองคำ มีน้ำมัน และมีแร่ธาตุอย่างอื่นอีก เรียกว่า
    เป็นพื้นที่มีทรัพยากรที่มีความอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของโลก มีพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าประเทศไทย ๓ เท่า
    อากาศจะมีร้อนกับหนาว จะมีร้อนอยู่ ๔ เดือน มีหนาวอยู่ ๘ เดือน จะปลูกพืชผักไม่ได้เพราะมีอากาศ
    หนาวติดต่อกันนาน อาหารจึงมีราคาสูง เพราะมาจากหสหรัฐอเมริกา แคนาดา มีหลายประเทศที่ส่งเข้า
    มาขาย ระยะเวลานั่งเครื่องบินจากเมืองซีแอตเติ้ลไปอล้าสก้า ใช้เวลาบิน ๓ ชั่วโมง เครื่องบินจะมีรูป
    คนเผ่าเอสกิโมในหางเครื่องบินทุกลำเพื่อเป็นอนุสรณ์ของชนเผ่า

    ....อล้าสก้าเป็นพื้นที่ของรัสเซียมาก่อน ทางรัสเซียมีปัญหาทางบริหารในการพัฒนา ในสมัยพระเจ้า
    อเล็กซานเดอร์ที่ ๒ ของรัสเซีย ได้ขายที่ดินนี้ให้ประเทศสหรัฐอเมริกาในสมัยประธานาธิบดีแอนดรูว์
    จอห์นสัน (Andrew Johnson) ค.ศ. ๑๘๖๗ โดยนายวิลเลี่ยม เอช ซูเวิร์ด(William H. Seward)
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในสัญญาซื้อดินแดนอล้าสก้า
    ราคาซื้อขายกันในสมัยนั้น ๗.๒ ล้านเหรียญสหรัฐ อล้าสก้าถึงเวลาหน้าหนาวจะมีความหนาวเย็นมาก
    เมื่อถึงฤดูร้อนก็มีความร้อนมากเช่นกัน ตะวันขึ้นลงที่อลาสก้าจะขึ้นและตกมีความแตกตื่นในที่อื่นๆ ใน
    ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม จะมีความสว่างอยู่ตลอดเวลา ไม่มีเวลาค่ำมืดเปิดไฟฟ้าแต่อย่างใด
    ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ก็จะมีความมืดเปิดไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน
    จะดูเวลากลางวันกลางคืนก็ต้องดูนาฬิกา AM - PM เท่านั้น จึงจะรู้ว่าเป็นกลางวันหรือกลางคืนได้ ในคืน
    หนึ่งมีคณะญาติโยมพาข้าพเจ้าไปชมภูเขาสูง ขณะนั้นเวลา ตี ๒ ความสว่างเท่ากับก้อนเมฆปิดบังตะวัน
    วิ่งรถไม่ต้องเปิดไฟ สถานที่แห่งนั้นเป็นภูเขาสูง นั่งรถไป ๒ ชั่วโมง ตะวันตกที่เรียกว่าแสงออร่า เป็นแสง
    สะท้อนจากดวงอาทิตย์ที่หมุนตัวกลับที่เดิม คนที่พาข้าพเจ้าไปพูดว่าไม่เคยมาในที่แห่งนี้ ที่มาได้ก็เพราะ
    ดูแผนที่ เขาพูดว่า มีพระองค์เดียวคือหลวงพ่อทูลเท่านั้น ที่ได้ขึ้นมาจุดสูงสุดของขั้วโลกเหนือ ข้าพเจ้า
    ได้เล่าให้ฟังเพียงบางส่วนเท่านั้น และมีเรื่องอื่นๆอีกมากมาย ขอให้ท่านไปดูด้วยตนเองก็แล้วกัน

    ....เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๐ ข้าพเจ้าได้ไปที่เมืองแฟร์แบ้งค์ รัฐอลาสก้า ซึ่งคุณละอองดาวและครอบครัว
    ได้เปิดร้านอาหารชื่อ ไทยเฮ้าส์ (Thai House Restaurant) เป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ มีคนเข้าไป
    รับประทานอาหารแต่ละวันเป็นจำนวนมาก เพราะอาหารอร่อย นี้เป็นจุดแรกที่ไปพักที่เมืองนี้ ซึ่งมีคณะ
    ลูกศิษย์และคณะศรัทธาเป็นจำนวนมากให้การต้อนรับ พาไปเที่ยวชมดูสถานที่ต่างๆ

    ....จากนั้นได้บินต่อไปที่เมืองแองโคเร้จ คณะลูกศิษย์ได้พาไปเที่ยวดูก้อนหิมะที่ขาวโพลนปกคลุมอยู่บน
    ภูเขา ในช่วงนี้ก้อนหิมะกำลังพังทลายลงสู่ทะเล จากนั้ได้ลงเรือขนาดใหญ่บรรจุคนได้ประมาณ ๓๐๐ คน
    ใช้เวลาเดินทาง ๕ ชั่วโมง นี้เป็นส่วนหนึ่งที่มีก้อนหิมะกำลังละลาย ในอีกส่วนหนึ่งเป็นก้อนหิมะขนาดใหญ่
    ที่ขั้วโลกเหนือ ที่ฝรั่งพูดว่ากำลังพังทลายจะทำให้น้ำทะเลเพิ่มปริมาณขึ้นจนเกิดน้ำท่วม ก้อนหิมะนี้ได้เกาะ
    กันอยู่มายาวนานหลายพันปี เป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่กว่าภูเขา

    ....ข้าพเจ้าอยากไปดูว่าจะละลายกลายเป็นน้ำท่วมโลกหรือไม่ ทางฝรั่งเขาว่ามีอันตรายในการเดินทาง เรือ
    ใหญ่ธรรมดาไม่สามารถเดินทางไปได้ เพราะก้อนหิมะแตกกระจัดกระจายไปทั่วตามน้ำทะเลเต็มไปหมด
    เรือจะเดินผ่านลำบาก และเข้าไปใกล้ไม่ได้ เพราะก้อนน้ำแข็งกำลังพังทลาย และเกิดลมแปรปรวนที่
    รุนแรง ไม่มีสถานที่ปลอดภัย ระยะทางก็ไกล ใช้เวลาเดินทางไปกลับ ๑๖ ชั่วโมง เมื่อดูหนังที่เขาฉาย
     
  5. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    เมื่อดูหนังที่เขาฉาย ให้ดูภูเขาน้ำแข็งนี้ ก็เป็นที่น่ากลัว เมื่อพิจารณาดูด้วยเหตุผลว่าจะมีน้ำท่วมโลกจริงหรือไม่
    ให้คำตอบได้เลยว่า "น้ำจะไม่ท่วมโลกตามคำฝรั่งที่พูดกัน" เพราะก้อนน้ำแข็งถูกอากาศร้อนแผดเผาละลายออก
    จากกัน ส่วนหนึ่งก็จะกลายเป็นน้ำ อีกส่วนหนึ่งก็จะเกิดไอระเหยตามความร้อนไป จะไม่ทำให้น้ำท่วมโลกได้

    ข้าพเจ้าได้ไปอเมริกาครั้งแรกในปีพ.ศ. ๒๕๓๐ ได้ไปศึกษาดูภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น เฉพาะวาตภัยในอดีต
    ที่ผ่านมา มีลมทอร์นาโดได้เกิดขึ้นแต่ละปีไม่กี่ครั้ง ลมเกิดขึ้นแต่ละครั้งทำความเสียหายให้แก่บ้านเรือนเป็น
    อย่างมาก ข้าพเจ้าไปทุกปี แต่ละปีมีลมทอร์นาโดเกิดขึ้นปีละหลายๆครั้งและจะเกิดมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิด
    ความเสียหายเป็นอันตรายในความเป็นอยู่ของมวลมนุษย์ทั้หลาย

    ....หลายๆประเทศที่ถูกลมทำลายอย่างมากมาย ในสมัยก่อนเกิดลมขึ้นปีละ ๓ - ๔ ครั้ง ต่อมามีลมเกิดขึ้น
    ปีละ ๒๐ - ๓๐ ครั้ง ในบางปีเกิดขึ้น ๑๐๐ ครั้ง นี้เรียกว่าอากาศของโลกกำลังแปรปรวน ทั้งลมก็เกิดมากขึ้น
    น้ำก็ท่วมในหลายพื้นที่ จึงเป็นแนวโน้มที่จะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น ข้าพเจ้าจึงเขียนเรื่องภัยธรรมชาติที่จะเกิด
    ขึ้นในภายภาคหน้าให้ท่านได้ศึกษาเอาไว้ จะอธิบายไว้ไม่ละเอียด และทั้งหมดคิดว่าท่านผู้อ่านพอจะเข้าใจ
    เหตุการณ์อย่างนี้จะเกิดมีในโลกอย่างแน่นอน หลายๆประเทศกำลังคิดหาวิธีป้องกันลมป้องกันน้ำท่วม และ
    ป้องกันโลกร้อน การจะอาศัยเทคโนโลยีอันทันสมัยในหลักวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยนั้น จึงเป็นของยาก
    ที่จะป้องกันได้ เพราะภัยธรรมชาตินี้ไม่มีสิ่งใดห้ามได้


    ....ที่ข้าพเจ้าได้อธิบายในเรื่องภัยธรรมชาตินี้ ก็เพื่อเตือนสติไม่ให้ประมาท ให้ตื่นตัวอยู่เสมอ ว่าอีกวันหนึ่ง
    ข้างหน้าเราต้องเจอต่อภัยธรรมชาตินี้อย่างแน่นอน เพราะเราได้มาเกิดในยุคสมัยที่โลกกำลังแปรปรวน หรือ
    มาเกิดในยุคเปลือกโลกเสื่อม ไม่ควรที่จะไปกล่าวโทษต่อภัยธรรมชาตินี้ ต้องโทษตัวเองว่า เรามาเกิดใน
    ในยุคนี้ทำไม เราต้องทำใจยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น
    เพราะโลกเป็นอย่างนี้โดยธรรมชาติในตัวของมันเอง
    อย่าไปเชื่อมั่นในเทคโนโลยีและหลักวิทยาศาสตร์จนลืมตัว สิ่งเหล่านี้มนุษย์สร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวก
    ในชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เมื่อถึงกาลเวลาของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป หลักวิชาการต่างๆก็ไม่สามารถช่วยเราได้เลย

    ....ข้าพเจ้าขออภัยท่านผู้รู้ทั้งหลายเอาไว้ในที่นี้ หากมีประโยคที่บกพร่องไม่เหมือนกับที่ท่านได้ศึกษามา คิดว่า
    ท่านคงไม่ติดใจ เพราะข้าพเจ้ามีความรู้น้อย คิดว่าท่านผู้รู้ทั้งหลายคงให้อภัย


    *************************จบแล้วครับ************************

    <hr class="hrcolor" size="1" width="100%"> ทั้งหมดนี้ คือหนังสือ "ภัยธรรมชาติ" ที่หลวงพ่อทูล ได้เขียนขึ้น ในปี 2550

    และได้มอบให้กระผมนำมาลงในอินเตอร์เน็ต

    หวังว่าคงเป็นคติธรรมเตือนใจท่านทั้งหลายให้ได้รับประโยชน์โดยทั่วกันนะครับ


    นำมาลงโดย

    หมอบัญชา ทิพย์อักษร

    http://www.watsanfran.com/library/luangpor_books/2550_natural_disaster/natural_disaster_th.pdf
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    การยับยั้ง"สงครามนิวเคลียร์"
    ให้หยุดลงเพียงกลางคัน !

    [​IMG]

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Chayutt<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2240206", true); </SCRIPT>สมาชิก (แปลและเรียบเรียง)

    ข้อความบางส่วนจากหนังสือชื่อ สาส์นถึงมนุษยชาติ (The Message to Mankind)<O:p</O:p
    <O:p</O:pโดย: BORUP'S <ST1:p<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:placeName>SPIRITUAL <st1:placeType w:st="on">SCHOOL </st1:placeType></ST1:p(1-2)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    นี่คือสาส์นแห่งความสุข คือการเกิดใหม่ทางจิตวิญญาณของมนุษย์ชาติ ซึ่งไม่ได้หมายถึงเฉพาะผู้คนจำนวนหมื่น หรือจำนวนแสน แต่มันหมายถึงผู้คนหลายล้านคน ที่จะถูกยกระดับขึ้นไปอยู่ในระดับที่สูงขั้นและมีวิถีชีวิตในรูปแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากวิถีชีวิตเดิมอย่างสิ้นเชิง วิถีชีวิตที่จะมีความสุขอย่างแท้จริง วิถีชีวิตที่มนุษย์จะรู้สึกสำนึกในบุญคุณของชีวิต มันคือสิ่งที่พวกท่านก็ทราบแล้วว่ามันไม่เหมือนกับที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
    <O:p</O:p
    นับจากนั้นไป ทุกๆคนจะต้องรู้สึกสำนึกในบุญคุณของชีวิต ตระหนักรู้ว่าชีวิตคืออะไร ใครคือผู้ที่ประทานชีวิตนี้มาให้ และนั่นจะทำให้เกิดการปรับปรุงตัวเองโดยความสมัครใจและเชื่อฟัง <O:p</O:pชาวโลกหลายคนได้เคยอ่านเรื่องราวของดาววีนัสมาแล้ว บนดาววีนัสมีจิตสำนึกอยู่ในระดับสูงกว่าดาวเคราะห์โลก และเมื่อเรากล่าวถึงจิตสำนึกของดาวเคราะห์โลกและดาววีนัส ก็ขอให้เข้าใจว่า หากพวกท่านนำเอาค่าเฉลี่ยของจิตสำนึกของมนุษย์โลกมา ก็จะได้จิตสำนึกของโลก​

    [​IMG]

    จิตสำนึกของดาววีนัสอยู่ในระดับสูงกว่าของโลก หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ผู้คนบนดาววีนัสมีความเข้าใจ และดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้กฎของพระผู้เป็นเจ้า สภาวะนี้เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของชีวิตที่แตกต่างไป<O:p</O:p

    ในท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ ยังหมายถึง พวกเขาสามารถท่องอวกาศได้ พวกเขาได้รับอนุญาตให้ท่องไปในอวกาศ ในขณะที่มนุษย์โลกยังไม่ได้รับอนุญาต จึงไม่สามารถท่องไปในอวกาศได้ มนุษย์ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปได้แค่รอบๆชั้นบรรยากาศของโลกเท่านั้น แต่จะไม่ได้รับอนุญาตให้ไปได้ไกลถึงในอวกาศ ในสภาวะทางจิตวิญญาณและศักยภาพเท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้
    <O:p</O:p
    ชาวดาววีนัสรู้ว่าจะปฏิบัติตนให้อยู่ภายใต้กฎแห่งพระผู้เป็นเจ้าอย่างไร แต่กฎเดียวกันนี้ก็ถูกเขียนขึ้นสำหรับมนุษย์โลก ด้วยเช่นเดียวกัน หากแม้นเพียงแต่มนุษย์โลกเคารพเชื่อฟังกฎดังกล่าวนี้ มนุษย์โลกก็จะสามารถเป็นได้เหมือนสังคมของชาวดาววีนัสโดยไม่ยากเลย แต่อย่างไรก็ตาม เพียงแค่อ่านในคัมภีร์ไบเบิ้ลของพวกท่าน เพราะมันได้เขียนเอาไว้หมดแล้วว่าควรดำเนินชีวิตอย่างไร มันอยู่ในนั้นหมดแล้ว<O:p</O:p

    สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ การทำให้กฎแห่งพระผู้เป็นเจ้าบรรลุเป้าหมาย เราได้เคยกล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า มนุษย์โลกได้มาถึงจุดที่ไม่สามารถควบคุมความรู้ของตนเองด้วยสภาวะของระดับจิตวิญญาณที่มีอยู่ในขณะนี้ได้ มนุษย์ได้มาไกลเกินไปแล้ว เกินกว่าที่จะสามารถเดินต่อไปบนเส้นทางที่กำลังดำเนินอยู่นี้ได้อีก แบบที่มีชีวิตรอดอยู่ แต่มนุษย์ก็มีทางเลือกอิสระเป็นของตนเอง เพราะเหตุนี้มนุษย์จึงได้รับอนุญาตให้เดินมาไกลอย่างนี้ได้ และก็เพราะด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้เดินต่อไปไกลที่สุด ​

    มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้แสดงออกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนเองสร้างขึ้นมาด้วยความเข้าใจผิดของมนุษย์เอง มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้พุ่งความเกลียดชังมาสู่มนุษย์ด้วยกันเอง มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้ต้องได้รับความเจ็บปวดเพราะความเกลียดชังที่ต่างฝ่ายต่างก็สร้างมันขึ้นมาเอง ซึ่งสิ่งนี้เองจะนำไปสู่เหตุการณ์สยดสยองที่กำลังจะเกิดขึ้นกับมนุษย์ สิ่งนี้จะนำไปสู่ สงครามนิวเคลียร์ ซึ่งจะสร้างความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานเพิ่มมากขึ้นไปอีก<O:p</O:p

    แต่เพราะว่ากฎแห่งพระผู้เป็นเจ้า ไม่อนุญาตให้ผู้ใดรบกวนจักรวาลได้ พวกเราจึงจะไม่ไปรบกวน แต่ในทางตรงกันข้าม พวกเราจะมาช่วยเหลือมนุษย์ เพราะนอกจากเหตุผลอื่นๆแล้ว พวกเรายังมีเหตุผลที่ว่า มนุษย์เองได้ร้องขอให้พวกเราช่วยเหลือ เพราะว่ามีมนุษย์มากมายบนโลกที่ยินยอมให้พวกเรามาช่วย
    <O:p</O:p
    แต่การช่วยเหลือครั้งนี้ ก็จะเกิดขึ้นกับเฉพาะผู้ที่ยินยอมให้พวกเราช่วยเหลือด้วยความสมัครใจเท่านั้น

    เมื่อความสิ้นหวังมาถึงจุดสูงสุด พวกเราจะลงมาจากอวกาศ ในลักษณะที่จะทำให้มนุษย์สามารถเข้าใจได้ ชาวโลกจะเห็นพวกเรา ได้ยินเสียงพวกเรา และสัมผัสพวกเราได้
    <O:p</O:p
    พวกเราจะหยุดสงคราม(นิวเคลียร์) ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ เร็วดุจสายฟ้าฟาด มันจะเกิดขึ้นเร็วมากแค่วินาทีเดียว

    แล้วต่อจากนั้นพวกเราก็จะอพยพชาวโลก ที่เหลือรอดชีวิตอยู่บนโลกขึ้นไปอยู่ในยานอวกาศขนาดใหญ่ ที่ลอยประจำการอยู่ในภารกิจนี้จำนวนมากมาย ทุกสิ่งทุกอย่างในปฏิบัติการครั้งนี้ได้ถูกคำนวณและถูกวางแผนมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว
    <O:p</O:p
    หลังจากการอพยพ โลกก็จะเริ่มกลับหัวลง ตอนนั้นโลกก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง พืนผิวโลกก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงด้วย ชาวโลกจะจดจำสภาพของโลกของตนเองไม่ได้อีกต่อไป พวกเขาจะทำได้แค่ต้องสร้างโลกใหม่เท่านั้น การกลับหัวของโลกจะเสร็จสิ้นภายในวินาทีเดียว มันรวดเร็วอย่างนั้นเลยหละ ประดุจฟ้าแลบ
    <O:p</O:p
    เมื่อการกลับหัวของโลกเสร็จสิ้นลงแล้ว มันก็จะชำระสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาทั้งหลายที่มนุษย์โลกเป็นผู้ยัดเยียดให้กับมันออกไปจนสะอาด เพื่อให้มีสภาวะที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย แล้วจากนั้นสิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็จะถูกนำกลับลงมายังโลกใหม่อีกครั้ง พืชพันธุ์ต่างๆก็จะงอกในไม่ช้า สรรพสัตว์และนกต่างๆก็จะปรากฏขึ้นมาใหม่ และมนุษย์โลกก็จะได้รับความช่วยเหลือครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ในการสร้างโลกขึ้นมาใหม่ ​

    ภายในระยะ 6 เดือน งานซ่อมแซมส่วนใหญ่จะเสร็จสิ้น จนเพียงพอและเหมาะสมที่จะใช้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของมนุษย์โลกได้แล้ว ในวิถีใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

    [​IMG]
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ในขณะเดียวกันมนุษย์จะได้รับอนุญาต ให้ท่องอวกาศได้และจะได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองยังไม่รู้ในปัจจุบันนี้ และมนุษย์จะได้รับสิ่งของต่างๆจาก”ภายนอกโลก”ที่มนุษย์ทุกวันนี้ยากที่จะเชื่อว่ามีตัวตนอยู่จริง <O:p</O:pการกลับลงมาจากยานอวกาศของมนุษย์โลก ​

    มนุษย์จะเลือกตั้งถิ่นฐานในที่ๆตนเองพึงพอใจ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนๆในโลกก็ตาม ไม่ว่าในปัจจุบันนี้จะเคยอยู่ตรงจุดไหนบนโลกนี้ก็ตาม เมื่อถึงเวลานั้น ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนแปลงจนแตกต่างจากเดิมไปหมด หรือไม่ว่าจะอ้างอิงด้วยเส้นรุ้งและเส้นแวงก็ตาม ในเวลานั้นมันก็จะไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไปแล้ว ​

    สิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือจิตวิญญาณที่อยู่ในร่างกายของมนุษย์โลกแต่ละคนต่างหากดังนั้น พวกท่านจะได้เห็นว่า สถานที่บนโลกที่ท่านจะได้กลับลงมาอยู่มันช่างมีความสำคัญน้อยนิดเหลือเกิน เพราะมันใหม่ไปซะทุกอย่าง<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end --> ​

    **************************************************
    โอ้..พระเจ้าช่วยกล้วยทอด !

    อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว....ก็อดนึกถึงข้อมูลที่น้องเมย์ไปสัมภาษณ์อาจารย์ที่ทำงานอยู่ใน NASA มาไม่ได้..เพราะว่ามีกล่าวถึงเรื่อง "โลกกลับหัว" เหมือนกันเลย อีกทั้งเรื่องนี้อาจารย์ปริญญา ก็ได้พูดไว้ด้วยเหมือนกัน และพอรู้ว่าจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ด้วยนี่..ก็อดนึกถึงหลวงพ่อฤาษีลิงดำไม่ได้ เพราะท่านพยากรณ์เอาไว้หมดแล้ว..​

    อะไรมันจะเข้าแก็บกันได้พอดีขนาดนี้นะเนี่ย..ใครที่ยังไม่ค่อยเชื่อเรื่องภัยพิบัติโลก..ก็ลองเก็บเอาไปคิดเป็นการบ้านดูซะนะครับ -chayutt-​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • bomb.jpg
      bomb.jpg
      ขนาดไฟล์:
      20.7 KB
      เปิดดู:
      1,691
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2009
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    หยุดพักหายใจกันหน่อยนะครับ

    [​IMG]

    หลายๆ ท่านที่เพิ่งจะเข้ามาอ่านในกระทู้นี้ คงจะหายใจกันไม่ทั่วท้องด้วยความตื่นเต้นไปกับข้อมูลนี้ ผมจึงอยากจะบอกให้ท่านสบายใจได้ว่า เหตุการณ์ที่โลกหยุดหมุน 1 วินาทีนี้ จะยังไม่เกิดขึ้นใน 3 ปีนี้ (พ.ศ.2552-2554) อย่างแน่นอนครับ เพราะอาจารย์ปริญญา ตันสกุล ผู้สามารถสื่อสารกับจิตจักรวาลได้ ยืนยันมาครับ เพราะฉะนั้นยังมีเวลาเตรียมตัวกันอยู่ใน 3 ปีนี้ครับ

    และอีกประการหนึ่งประเทศไทย ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้องคุ้มครองรักษา(เฉพาะคนดีมีศีลธรรม) และยังมีพระอรหันต์ พระอริยะสงฆ์ พระอริยะเจ้า และท่านผู้ทรงอภิญญาชั้นสูง อีกมากมายคอยช่วยเหลืออยู่ครับ

    กุญแจสำคัญของเงื่อนเวลา ที่จะทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ก็คือสงครามนิวเคลียร์นี่เอง เพราะถ้ามีการใช้ระเบิดนิวเคลียร์พร้อมๆ กันไปทั้งโลก โลกและจักรวาลนี้ก็จะเกิดการเสียสมดุลเป็นอย่างมาก ระบบการโคจรของดวงดาวต่างๆ ที่จะเกิดการเสียสมดุล ทำให้เป็นอันตรายกับชีวิตบนดาวดวงอื่นๆ ด้วย

    สมาพันธ์ระหว่างดวงดาวในจักรวาลต่างๆ จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการล้างโลกด้วยน้ำทะเล จากการทำให้โลกนี้หยุดหมุน 1 วินาที ซึ่งจะทำให้น้ำทะเลจำนวนมหาศาลล้นทะลักเข้ากวาดล้างทุกสรรพสิ่งในโลกนี้อย่างฉับพลันทันที และลาวาใต้โลกก็จะปะทุขึ้นมาเป็นภูเขาไฟระเบิด พร้อมๆกันไปทั้งโลก สงครามนิวเคลียร์จึงไม่อาจจะดำเนินต่อไปได้ ด้วยเหตุผลนี้

    ถ้าจะมองว่ามนุษย์ต่างดาวใจร้ายกับมนุษย์โลก ก็คงไม่ถูกต้องนักเพราะเขาก็เตรียมช่วยเหลือคนดีที่มีจิตใจดีงามให้มีชีวิตอยู่รอด ด้วยการอพยพย้ายไปอยู่ดาวอื่นเป็นการชั่วคราว ส่วนพวกเศรษฐีรวยๆ ที่มีจิตใจด้านลบอยู่มาก ที่เตรียมที่หลบภัยไว้แล้วก็คงยากที่จะมีชีวิตอยู่รอดไปได้ เพราะสนามแม่เหล็กโลกที่แปรปรวน จากพายุสุริยะที่จะรุนแรงในช่วงนั้น จะทำให้อุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆ ของพวกเขาไม่สามารถทำงานได้

    สำหรับประเทศไทย จะมีคนเหลือรอดมากกว่าประเทศอื่นๆ ก็เพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพระอภิญญา คอยให้ความช่วยเหลือคนดีมีศีลธรรมให้อยู่รอดครับ ผมขอยกตัวอย่าง การช่วยเหลือของพระผู้ทรงอภิญญา ที่เคยช่วยยับยั้งภัยพิบัติมาแล้ว เพื่อให้ท่านที่เป็นคนดีมีศีลธรรมทั้งหลาย ได้สบายใจและอุ่นใจ ดังนี้ครับ

    "หยุดสึนามิด้วยฝ่ามือ"
    (คัดลอกจากนิตยสารโลกลี้ลับ)<!-- google_ad_section_end -->​

    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>ปลายปีพ.ศ. 2547 จนถึงปลายปี พ.ศ.2549 จะเป็นช่วงวิบากกรรมของประเทศไทย โดยเริ่มจาก สึนามิลูกแรก เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ตามขอบ อ่าวเบงกอล และทะเลอันดามัน ตามที่เป็นข่าวโศกนาฏกรรมดังไปทั่วโลก ตามมาด้วย ตึกยุบ และรถไฟฟ้าใต้ดินชนกัน อย่างไร ก็ตามจาก การมองเห็นอนาคตด้วยจิตและคำยืนยันของมนุษย์ต่างดาว ที่ได้เชิญมาสนทนากัน มีคนมาร่วมฟังและช่วยกันซักถามเกือบ 10 คน ได้แนวโน้มว่า

    ในระยะอันใกล้นี้จะเกิดภัยพิบัติทางน้ำอย่างน้อยอีก 2 ครั้ง ครั้งที่หนึ่งจะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในทะเลอันดามันอีกครั้ง จุดศูนย์กลางการไหวจะเคลื่อนไปทางเหนือของครั้งที่แล้ว จะเป็นผลให้เกิดภัยพิบัติแก่ฝั่งทะเลของประเทศพม่า กับบังคลาเทศมากที่สุด ประเทศอินเดีย ศรีลังกา ไทย มาเลเซีย จะเสียหายมากน้อยตามลำดับ ประเทศไทยนั้นแนวชายฝั่งจะเฉียงและขนานกับแนวคลื่น ความรุนแรงจึงไม่มากเท่าครั้งแรก เพราะไม่ได้ชนโดยตรง แนวโนมว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ภายในเดือน กุมภาพันธ์ 2548

    ในประเทศไทยมีรอยแตกแยกใต้ทะเลมาถึงจังหวัดระนอง และมีรอยเลื่อนขึ้นไปทางทิศเหนือ จะผ่านขึ้นไปถึงเชียงราย แพร่ น่านตลอดรอยเลื่อน มีเขื่อนใหญ่ในเขตเมืองกาญจนบุรีอยู่สองเขื่อนที่น่าจะจับตาระวังเป็นพิเศษ

    (ขอแทรกนิดนึงว่าเขื่อนที่ว่านี้ผู้พิมพ์มีญาติเปิดร้านอาหารอยู่ที่อำเภอท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ขอเรียกว่าอาตุ๊ อาตุ๊บอกกับข้าพเจ้าว่า รถสิบล้อมันขนปูนไปที่เขื่อนเขาแหลม กับเขื่อน ศรีนครินทร์ กันเป็นร้อยคัน มันบอกว่าเอาปูนไปยิงเขื่อนเพราะมีรอยแตกเยอะมาก บางคนไม่ได้กลับบ้านเลยตลอดสัปดาห์ อันนี้ขอยืนยันว่าจริง แต่ทางราชการบอกว่าไม่แตก ไม่มีรอยร้าว มันตอแหล)

    ภัยพิบัติลำดับต่อมาคือ จะเกิดทางน้ำอีกเช่นกัน ในอ่าวไทย เนื่องจากการแตกและยุบของพื้นทะเล ด้วยสาเหตุที่โครงสร้างใต้พื้นมีการเปลี่ยนแปลงจากแผ่นดินไหว 2 ครั้งก่อนหน้านั้นกอร์ปกับการเกิดโพรงและความดันตก เนื่องจากมีการสูบแก๊สธรรมชาติมาใช้เฉลี่ยวันละ 40-45 ล้านลูกบาศ์กฟุตมาเป็นเวลา 25 ปี และเนื่องจากระดับความลึกของทะเลในอ่าวไทยตอนบนค่อนข้างตื้น โดยเฉลี่ย 20-40 เมตร อิทธิพลของคลื่นจึงไม่รุนแรงมาก เป็นคลื่นสูงใหญ่กว่าปกติ

    อย่างไรก็ตามเพื่อความไม่ประมาท มีพระสงฆ์ และผู้มีอภิญญาได้ร่วมกันใช้อภิญญาปิดปากแม่น้ำที่สำคัญโดยการเนรมิตเขื่อนทางจิต เพื่อป้องกันมิให้คลื่นและน้ำเข้าทำลายและท่วมเมืองและนครใหญ่ ๆ โดย องค์พระเหนือโลก ได้เดินทางด้วยตนเองปิดปากแม่น้ำเจ้าพระยา เรียบร้อยแล้ว เพื่อป้องกันกรุงเทพมหานคร และได้มอบหมายให้คณะบุคคลจาก "กลุ่มโลกทิพย์" ไปดำเนินการปิดปากแมม่น้ำตาปีเพื่อป้องกันเมืองสุราษฎร์ธานี และที่สำคัญคือ "พระบรมธาตุไชยา" โบราณศาสนสถานสำคัญของภาคใต้ที่สร้างขึ้นใน ยุคศรีวิชัย ขณะรุ่งเรืองอย่างสูงสุด

    วันที่ 23 ม.ค.2548 "กลุ่มโลกทิพย์" รวม 4 คน ได้เดินทางโดยเครื่องบินไปถึงสนามบิน สุราษฎร์ธานี เวลา 11.00 น. เมื่อรับประทานอาหารเที่ยงเรียบร้อยแล้ว จึงเดินทางเข้าสู่ อ.ไชยาเป็นอันดับแรก คณะของเราและสมาชิกโลกทิพย์ในพื้นที่ ที่มารอร่วมไปด้วยกันอีก 5 คน ไปถึง วัดพระบรมธาตุไชยา ราชวรวิหาร ประมาณบ่ายสองโมงเมื่อไปถึงมองเห็นองค์พระเจดีย์สูง องค์พระบรมธาตุมีสีขาว มีกำแพงล้อมรอบเป็นรูปเหลี่ยม มีประตูกำแพงเข้าได้หลายด้าน เราเข้าทางด้านหน้าซึ่งเป็นลานจอดรถที่หน้าประตูด่านแรก เราสัมผัสถึงพลังและบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ

    จึงหยุดที่หน้าประตูยืนสำรวมจิตขออนุญาติเข้าที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เฝ้าดูแลตามมารยาทอันควรของแขกผู้มาเยี่ยม ในชั่วอึดใจเห็น พญานาคสีทองเจ็ดเศียร เลื้อยมาต้อนรับที่หน้าประตู เป็นนาคตระกูลแผ่เต็มเบี้ย ซึ่งมีอำนาจมากกว่านาคตระกูลที่คอยาวเป็นนิ้วเหมือนนิ้วมือมนุษย์ พญานาคนั้นหันกลับเดินนำ เราจึงเดินตามเข้าไป ปรากฎว่าด้านในมีกำแพงอีกชั้นก่อนที่จะเข้าไปถึงเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุ เราจึงกำหนดจิตขออนุญาตสิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าของที่อีกครั้ง เมื่อก้าวเข้ามาสู่ด้านในสุดอันเป็นหัวใจของพระบรมธาตุไชยา พลังและอณูอากาศ มีความอบอุ่นและสั่นสะเทือนบีบหัวใจในกายของเราให้เต้นและสั่นในความถี่ที่คงที่

    เมื่อตั้งขบวนเครื่องบูชาอันประกอบด้วย ดอกบัวและธูปเทียนเรียบร้อยแล้ว เราจึงคุกเข่าลงกราบ สวดมนต์กำหนดจิตอธิษฐาน ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองให้องค์พระบรมธาตุไชยาพ้นจากภัยพิบัติด้วยเถิด กำหนดจิตให้ลึกจึงมองเห็นว่า ควันจากธูปที่จุดไว้ และละอองหมอกสีขาว เป็นเส้นไหมจากจิตที่กำหนดตั้งจิตอฐิษฐานแผ่กุศลและส่วนบุญ ลอยออกไปจากพวกเราและธูปที่ปักเหมือนสายไหมที่พุ่งเข้าไปสู่จุดรวมของทอผ้า จุดรวมเส้นไหมของแรงกุศลและอธิษฐานหมุนเป็นเกลียวปั่นในทิศทางหมุนทวนเข็มนาฬิกา เข้าสู่จุดกลางของช่องว่างที่มีสีดำรูปวงรี คิดอยู่ในใจว่า ช่องว่างดำนั้นคือสิ่งใด

    เมื่อจิตคิดถามคำตอบก็มาทันทีมองเห็นชัดว่าเป็นปากของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง นั่นคือปากของราหู เป็นปากของยักษ์ที่เคยเห็นประจำในรูปแบบของราหูอมจันทร์ สายไหมหรือสายใยแห่งกุศล แห่งแรงอธิษฐานลอยเข้าไปเหมือนถูกดูดจนหมดภายใน เวลาประมาณ 5 นาที เราจ้องมองดูจึงเห็นว่าราหูหน้ายักษ์ ค่อย ๆ ลอยขึ้นสูงอย่างช้า ๆ จนเลยยอดพระเจดีย์ขึ้นสูงหายไป ซึ่งหมายความว่า ราหูที่ถือกันว่าเป็นสิ่งมีอำนาจในการทำลายล้าง

    เมื่อสองสัปดาห์ข้าพเจ้ามองเห็น กำลังอมอ่าวไทยทั้งหมดอยู่ในปากอันแสดงว่าเกิดภัยพิบัติใหญ่หลวงในอ่าวไทยขึ้น บัตนี้ได้ถอยออกไปและคืนพระบรมธาตุกลับมาด้วยแรงกุศล และแรงอธิษฐานของพวกเรา เสมือนเป็นการบอกว่า พระบรมธาตุไชยากลับคืนมาสู่สันติและความสงบเป็นมิ่งขวัญของชาว จังหวัดสุราษฎ์ธานีสืบไป

    เมื่อทุกอย่างคลี่คลายพวกเราจึงพากันคลี่ผ้ายกสีทอง หน้ากว้างห่มรอบพระองค์เจดีย์โดยรอบ มีความยาวสี่ด้านประมาณ 25 เมตร เป็นการห่มถวายด้วยจิตที่เบิกบาน การห่มผ้าครั้งนี้เป็นผืนที่สาม เพราะมีร่องรอยของผู้มีจิตแรงกล้าได้มาถวามไว้ก่อนหน้าที่พวกเราจะมาแล้ว 2 ผืน เมื่อการห่มถวายเสร็จเรียบร้อยพวกเราจึงค่อยถอยห่างออกมา

    พระบรมธาตุไชยาสร้างขึ้นในพุทธศัตวรรษที่ 13-14 หรือนานกว่า 1200 ปีมาแล้ว ในยุคศรีวิชัยกำลังรุ่งโรจน์ การก่อสร้างเป็นศิปะมหายานปนฮินดูเป็นองค์พระธาตุแบบสี่เหลี่ยมจตุรมุข ย่อซ้อนกันสามชั้น ตามมุมและหน้าบันที่อยู่เหนือซุ้มประตู เป็นที่สถิตขององค์เทพของฮินดู มีองค์พระพรหม พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ คชสิงห์ นกยูงและบรรดาสัตว์ในป่าหิมพานต์ ตามระเบียงคตโดยรอบมีพระพุทธรูปวางเรียงรายจนเต็ม เช่นเดียวกับที่เคยเห็นในระเบียงคตวัดโพธิ์

    เมื่อจบขบวนการเราจึงถอยกลับออกมาสู่ด้านนอก พบว่าที่หน้าลานกว้างมีต้นโพธิ์ใหญ่ยืนต้น และมีอะไรอย่างหนึ่งที่มาบอกจิตว่า ณ โคนต้นโพธิ์นั้นพระแม่ธรณีท่านรออยู่ ทุกคนจึงเดินไป ณ ที่นั้น เมื่อถึงก็คุกเข่าก้มลงกราบถวายของบูชาพร้อมอธิษฐาน ขอให้พระแม่ธรณีช่วยคุ้มครององค์พระธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ด้วย จากการมองด้วยตาใน เห็นองค์พระแม่ธรณีทรงยื่นพระหัตถ์ออกมารับของบูชาถวาย เท่ากับเป็นความหมายว่า พระแม่ธรณีทรงเป็นองค์อุปถัมป์คุ้มครองแผ่นดินบริเวณ พระบรมธาตุไชยา เป็นที่น่าอนุโมทนายิ่งแล้ว

    จุดหมายที่ 2 คือ ปากแม่น้ำตาปี สายน้ำของตาปีไหลผ่านตัวเมืองสุราษฏ์ ภาพคลื่นยักษ์ และกระแสน้ำพัดเข้ามาความเสียหายอาจจะเกิดขึ้นคาดไม่ได้ว่าจะรุนแรงแค่ไหน ทางที่ดีคือกันไว้ดีกว่าแก้ ตามคำแนะนำของ องค์พระเหนือโลก คณะของเรามุ่งตรงไปบริเวณปากแม่น้ำ เมื่อไปถึงก็พบว่า ที่บริเวณปากแม่น้ำที่ข้าพเจ้าเคยมาเมื่อหลายสิบปีก่อน ซึ่งเป็นสถานที่ชายทะเลที่เงียบสงบ โดยเฉพาะยามเย็นเป็นสถานที่พักผ่อนเยี่ยงสวนสาธารณะ ริมหาดมีเรือนแพจัดเป็นภัตตาคารขายอาหารทะเลที่ได้รสชาด ดีที่สุดในภาคใต้

    แต่บัดนี้กลายเป็นสถานที่กองวัตถุดิบ ยิปซั่ม ที่กองเป็นภูเขาเลากาบริเวณกลายเป็นท่าเรือใหญ่ของเอกชน เป็นการทำลายทัศนียาภาพของดีเมืองสุราษฏ์ และนำความเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมมากองสุมแทน ตามสัจจะธรรมที่ว่า เมื่อความเจริญทางด้านวัตถุมาถึง ความสะอาดและความสงบย่อมหายไป

    เมื่อมาถึงปากแม่น้ำตาปี ทอดสายตาไปทิศออกทะเล มองเห็นช่องปากแม่น้ำเป็นแนวกว้างพอประมาณ สองริมฝั่งขนาบด้วยป่าโกงกางหนาทึบที่คาดว่า จะลดความรุนแรงของกระแสคลื่นและน้ำลงไปได้มาก มองลงไปในสายน้ำด้วย ตาที่สาม ภาพที่เห็นคือ กระแสน้ำสีแดงเหมือนสายเลือดแดงฉานกำลังไหลขึ้นมาจากทะเล เข้าสู่ภายในปากแม่น้ำ เสมือนหนึ่งจะนำความตายและความพินาศเข้ามาด้วย ทำให้ใจรู้สกสยดสยอง

    วิธีบูชาบวงสรวงจึงได้เริ่มขึ้น โดยการอธิษฐานขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขออำนาจของพระแม่คงคา และบอกกล่าวมนุษย์ตั้งแต่ ปีชวด ถึงปี กุน ให้ตั้งมั่นอยู่ใน ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อจะได้อยู่ในพระพุทธศาสนา ขออำนาจแห่งการ แผ่กุศลจากพวกเราทุกคน ช่วยคุ้มครองแม่น้ำสายนี้ด้วยเถิด เพื่อความอยู่รอดของภาคใต้ทั้งหมด ทันใดที่มีการหลั่งอุทก ลงในกระแสน้ำ สิ่งนั้นเกิดขึ้นแก่จักษุคือ น้ำสีแดงฉานจากสายเลือดนั้น ไหลกลับออกปากอ่าวทันที ทุก ๆ นาทีที่ผ่านไป สีแดงของน้ำค่อย ๆ จางลง และใสเป็นปรกติภายในเวลา 10 นาทีต่อมา

    หมายความว่า อำนาจแห่งความกระหายเลือดได้หมดไปแร้ว เหลือเพียงว่าจะไม่ให้ไหลเข้ามาได้อีกอย่างไร คำตอบคือเนรมิตเขื่อนปิดปากแม่น้ำ
    องค์พระเหนือโลก ผู้กำหนดให้พวกเรามาก่อนบอกไว้ว่า เมื่อมาถึงก่อนตัวท่านจะตามมา บัดนี้ได้เวลาแล้วท่านมาแล้วหรือยัง กำหนดจิตบอกไปว่าพวกเรารอท่านอยู่ บัดดลมองเห็นสิ่งหนึ่งลอยลิ่วมาจากทางขวา พุ่งโลดไปยังจุดที่เป็นปากแม่น้ำจิง ๆ มองเห็นจีวรสีกรักพัดไสว

    ท่านเหาะมาเหมือนโยคีขี่รุ้ง ในเรื่องพระภัยมณี มองเห็นเป็นสายรุ้งสีกรัก พระเหนือโลกมาแล้ว พวกเราจึงรวมจิตอีกครั้งมองเห็นชัดว่า จุดที่พระเหนือโลกลงไปที่ปากแม่น้ำแปรปรวนเต็มไปด้วยหมอกหนาสีขาวขุ่น หมอกหนานั้น ค่อย ๆ อัดตัวแน่นเป็นกำแพง สีขาวสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 5 เมตร เป็นกำแพงนิมิตรที่กั้นแม่น้ำป้องกันการรุกล้ำของอุทกภัยที่เป็นอันตราย นี่คือประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิต ที่เห็นการอุบัติของกำแพงน้ำกั้นปิดปากแม่น้ำ เพื่อความอยู่รอดของปวงประชา เมื่อขบวนการเสร็จสิ้น องค์พระเหนือโลกได้เหาะวนกลับออกมา เหมือนขี่รุ้งสีกรักโบกมือในความสำเร็จ และลอยหายลับไปในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นทิศที่ท่านมา

    การปิดปากแม่น้ำเจ้าพระยาก็เพื่อป้องกันวัดศรีรัตนศาสดาราม ป้องกันองค์พระแก้วมรกตสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมือง ซึ่งสร้างบูชาถวายโดย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ผู้เป็นพระปฐมต้นราชวงศ์จักรี ที่ยืนยงมาถึง รัชกาลที 9 เพื่อให้ประเทศได้ยืนยงต่อไป ภายใต้เศวตฉัตรอันประกอบด้วยทศพิศราชธรรม อาณาจักรรุ่งเรือง ประชาราชเป็นสุข การปิดปากแม่น้ำตาปี ก็เพื่อรักษาอาษาจักรศรีวิชัยและพระบรมธาตุไชยา ซึ่งเป็นเหตุปฐมของการตั้งบ้านตั้งเมือง ของสุวรรณภูมิ ควบคู่กับยุคหริภุญไช ของพระแม่จามเทวี เมื่อกว่า 1200 ปีมาแล้ว และได้กลายเป็นประเทศสยาม และเป็นประเทศไทยในที่สุด ทั้งหมดคือขบวนการรักษาปฐมเหตุของการตั้งชาติ และรักษาความศักดิ์สิทธิ์รวมถึงอำนาจของราชวงศ์จักรี

    พวกเราทุกคนขอน้อมจิตและแผ่ส่วนกุศล ให้สรรพสัตว์โลกทั้งหลายจงพ้นจากทุกข์ในคราวนี้ด้วยเทอญ(โปรดติดตามตอนต่อไป) ก็ไปซื้ออ่านกันเอาเองนะจ๊ะสำหรับผู้ที่กำลังติดตาม คุณตาที่สาม ที่ข้าพเจ้าพิมพ์มาทั้งหมดนี้ คัดลอกมาจาก หนังสือโลกลี้ลับ ปีที 22 ฉบับที่243 ประจำเดือนมีนาคม 2548

    ที่มา http://palungjit.org
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2009
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    จีนเพิ่มยอดผู้เสียชีวิตในเหตุจลาจลซินเจียงเป็น 184 คน

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 11 ก.ค. - สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า จีนได้ปรับเพิ่มยอดผู้เสียชีวิตในเหตุจลาจลด้านเชื้อชาติในเขตปกครองตนเองซินเจียง ทางตะวันตกของประเทศ เป็น 184 คน

    ยอดผู้เสียชีวิตในจำนวนนี้ 137 คน เป็นชาวจีนฮั่น ซึ่งเป็นผู้ชาย 111 คน และผู้หญิง 26 คน ส่วนอีก 46 คน เป็นชาวอุยกูร์ ซึ่งมีจำนวนเกือบครึ่งของประชาชน 20 ล้านคน ในซินเจียง โดยเป็นผู้ชาย 45 คน และผู้หญิง 1 คน ส่วนอีกคนที่เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นชาวหุย ซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับชาวจีนฮั่น นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกราว 1,000 คน

    นับแต่เกิดเหตุจลาจลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เมืองอุรุมชี เมืองเอกของเขตปกครองตนเองซินเจียง ก็อยู่ภายใต้การรักษาความมั่นคงอย่างเข้มงวด มีทหารและตำรวจหลายพันนายออกลาดตระเวนตามท้องถนน. - สำนักข่าวไทย

    2009-07-11 07:45:28

    จีนลดจำนวนผู้ไร้ที่อยู่อาศัยหลังแผ่นดินไหวยูนนาน

    [​IMG]

    เซี่ยงไฮ้ 11 ก.ค.- สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานวันนี้ว่า ทางการจีนได้ปรับลดตัวเลขผู้ไร้ที่อยู่อาศัยจากเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 6 ริกเตอร์ ในมณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศลงจาก 400,000 คน มาอยู่ที่ 250,000 คน

    นายเฉา เจี้ยนฟาง รองผู้ว่าการมณฑลยูนนาน กล่าวว่า ความผิดพลาดในการประเมินตัวเลขดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความสับสนภายหลังเหตุแผ่นดินไหว เหตุแผ่นดินไหวในมณฑลยูนนาน มีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บราว 300 คน เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.19 น.วันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 18.19 น.ตามเวลาในไทย ในเขตภูเขา ห่างจากเมืองคุนหมิงไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 200 กม. สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐประมาณว่า ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวครั้งนี้อยู่ลึกราว 10 กม.- สำนักข่าวไทย

    2009-07-11 13:43:24

    ชาวอินเดียในรัฐคุชราตกินเหล้าเถื่อนตาย 122 ศพ

    [​IMG]

    นิวเดลี 11 ก.ค. - ชาวบ้านในรัฐคุชราตของอินเดียอย่างน้อย 122 คน เสียชีวิตจากการดื่มสุราเถื่อนที่ต้มกลั่นเอง

    ตำรวจเมืองอาห์เมดาบัด ซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐคุชราต เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตรายแรกมีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังงานเลี้ยงที่จัดขึ้นโดยมีการนำเอาสุราที่ต้มกลั่นเองมาเลี้ยงดูแขกที่มาร่วมงาน หลังจากนั้นก็มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากงานเลี้ยงดังกล่าว โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมามียอดทั้งสิ้น 107 คนและในคืนวันศุกร์ ก็มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 15 คน ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากการดื่มสุราเถื่อนต้มกลั่นเองเพิ่มเป็น 122 คน และยังมีที่นอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลอีกอย่างน้อย 227 คน

    การต้มเหล้าเถื่อนขายในรัฐคุชราตถือเป็นความผิดอาญา ปีที่แล้วมีผู้เสียชีวิตจากการดื่มเหล้าเถื่อน 170 คน การดื่มเหล้าเถื่อนเป็นที่นิยมกันมากในอินเดียโดยเฉพาะในรัฐทางใต้ เนื่องจากมีราคาถูก.- สำนักข่าวไทย

    2009-07-11 14:20:46

    บราซิลพบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่รายที่ 2

    [​IMG]

    บราซิเลีย 11 ก.ค. - กระทรวงสาธารณสุขบราซิล รายงานยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย จากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และมีผู้ติดเชื้ออีกกว่า 1,000 คน

    ผู้เสียชีวิตรายที่ 2 เป็นเด็กหญิงอายุ 11 ปี เสียชีวิตในโรงพยาบาลเมืองเซาเปาลู เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังพบผู้เสียชีวิตรายแรกเป็นชาย ในเมืองริโอกรันดีโดซูล ทางตอนใต้ของประเทศ ชายคนดังกล่าวเสียชีวิตหลังติดเชื้อขณะเดินทางไปอาร์เจนตินา ประเทศเพื่อนบ้าน นาน 1 สัปดาห์ แต่เด็กหญิงวัย 11 ปี ไม่เคยมีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ และยังไม่ทราบว่าติดเชื้อได้อย่างไร บราซิลมีผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แล้ว 1,027 คน แต่เกือบทั้งหมดออกจากโรงพยาบาล หรือรักษาหายแล้ว

    อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขบราซิล ได้แนะให้เด็ก ผู้สูงอายุ และคนที่มีภูมิต้านทานต่ำ หลีกเลี่ยงการเดินทางไปประเทศที่มีการระบาดหนักของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ โดยเฉพาะอาร์เจนตินา ออสเตรเลีย แคนาดา ชิลี เม็กซิโก และสหรัฐ. - สำนักข่าวไทย

    2009-07-11 08:31:34

    โบลิเวีย-เอกวาดอร์พบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2 รายแรก

    [​IMG]

    ลาปาซ 11 ก.ค. - เจ้าหน้าที่สาธารณสุขโบลิเวีย รายงานว่า พบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2 รายแรก และมีจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ 600 คน ในจำนวนนี้ร้อยละ 75 อยู่ในเมืองซานตาครูซ

    รายงานระบุว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย เสียชีวิตขณะที่มีอาการแทรกซ้อนจากโรคอื่น โดยคนหนึ่งเป็นเด็กหญิง มีความพิการทางสมอง และอีกคนเป็นชายวัยผู้ใหญ่ ป่วยเป็นโรคพยาธิ อย่างไรก็ตาม ทางการเมืองซานตาครูซได้สั่งงดการจัดกิจกรรมในที่สาธารณะทั้งหมดแล้ว เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาด

    ขณะเดียวกัน เอกวาดอร์ก็มีรายงานการพบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2 รายแรกเช่นกัน หลังจากตรวจพบเชื้อเป็นครั้งแรกเมื่อเกือบ 3 เดือนก่อน ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย เป็นผู้ชายและผู้หญิง เสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะเข้ารับการรักษาอาการปอดบวม

    เอกวาดอร์มีผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แล้วอย่างน้อย 204 คน ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ที่มีพรมแดนติดต่อกับโคลอมเบียและเปรู. - สำนักข่าวไทย

    2009-07-11 08:13:25

    แฉกองทัพเกาหลีเหนืออยู่เบื้องหลังการถล่มเว็บไซต์สหรัฐ-เกาหลีใต้

    [​IMG]

    โซล 11 ก.ค. – หนังสือพิมพ์รายวันจูงอัง ของเกาหลีใต้รายงานอ้างแหล่งข่าวในสำนักข่าวกรองแห่งชาติของเกาหลีใต้ที่ได้รายงานต่อรัฐสภาเกาหลีใต้ในการประชุมลับยืนยันว่า เหตุการณ์เว็บไซต์ของรัฐบาลและเอกชนของเกาหลีใต้และสหรัฐถูกโจมตีอย่างหนักตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือกองทัพเกาหลีเหนือที่ระดมผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ให้ทำหน้าที่แฮ็คเกอร์เพื่อเข้าไปโจมตีฐานข้อมูลของเว็บไซต์ต่างๆ ของสหรัฐและเกาหลีใต้ และทำลายเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของรัฐบาลเกาหลีใต้

    รายงานระบุว่า หากข้อสันนิษฐานของสำนักข่าวกรองเป็นความจริง ก็นับเป็นการเพิ่มความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือ กับสหรัฐและเกาหลีใต้ ที่มีขึ้นหลังจากเกาหลีเหนือทดลองระเบิดนิวเคลียร์เมื่อเดือนพฤษภาคม ตามด้วยการทดลองยิงขปีนาวุธหลายลูกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ให้ตึงเครียดยิ่งขึ้น ทั้งนี้ในเกาหลีเหนือนั้น การเข้าสู่ระบบเชื่อมต่อทางอินเทอร์เน็ตสำหรับประชาชนนั้น แทบเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากความขัดสนด้านพลังงานไฟฟ้า เพียงแค่จะทำให้ถนนสายสำคัญๆ ในเกาหลีเหนือสว่างทั่วถึงกันในยามค่ำคืน ยังเป็นเรื่องยาก กระนั้น หน่วยที่ทำสงครามทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ สงครามไซเบอร์ กับประเทศที่เป็นปฏิปักษ์กับเกาหลีเหนือนั้น นายคิม จอง อิล ผู้นำเกาหลีเหนือได้จัดตั้งขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว

    ทั้งนี้ การโจมตีเว็บไซต์สำคัญ ๆ ของรัฐบาลเกาหลีใต้และเอกชนและชองสหรัฐซึ่งเริ่มเมื่อวันอังคาร ได้ลดลงและยุติลงเมื่อคืนวันศุกร์ คณะกรรมการสื่อสารของเกาหลีใต้ ระบุว่า เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว 438 รายถูกโจมตีจากซอฟต์แวร์ล้วงข้อมูลจนไม่สามารถใช้งานได้ นอกจากนั้นยังทำให้เว็บไซต์ต่างๆ ล่ม และเซิร์ฟเวอร์หยุดการทำงานหรือทำงานช้าจนผิดปกติ.- สำนักข่าวไทย

    2009-07-11 10:54:54

    ที่มา http://news.mcot.net/international/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2009
  9. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557

    ขอบคุณ คุณ amm ที่ถ่ายภาพมาฝากค่ะ ภาพนี้ น่าสนใจมาก ๆ ลองสังเกตที่ภาพดูกันดี ๆ นะค่ะ ไม่ธรรมดาจริง ๆ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Am-0010.jpg
      Am-0010.jpg
      ขนาดไฟล์:
      174.5 KB
      เปิดดู:
      2,930
  10. GoonS

    GoonS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +2,682
    อยากเอาไปโพสเวปอื่นจัง เเต่เคยเอาไปขำกันทั้งกระทู้

    เหนื่อยใจ
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    การให้ก็ต้องเลือกผู้รับให้เหมาะสมกันด้วยครับ เพราะถ้านำไปให้ในกลุ่มคนที่ยังไม่พร้อมจะรับรู้เรื่องเหล่านี้ ก็เปรียบเหมือนไก่ได้พลอย มีแต่จะถูกเขี่ยทิ้งไปด้วยความไม่รู้ค่าของสิ่งที่เราให้ครับ

    ผมว่าเลือกบอกเฉพาะสิ่งที่พวกเขาพอรับกันได้ก่อนจะดีกว่านะครับ เช่นเรื่องข้อมูลเรื่องโลกร้อน สนามแม่เหล็กโลกกำลังพลิกกลับขั้ว น้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำทะเลกำลังเพิ่มสูงขึ้น มลพิษที่มนุษย์สร้างขึ้นกำลังทำลายธรรมชาติ ฯลฯ

    นำข่าวเกี่ยวกับภัยพิบัติไปให้เขาดู ว่าในตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง เช่นข่าวแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด พายุสายฟ้าที่ผ่าคนตายอย่างมากมาย ชนิดที่ไม่เคยพบเคยเห็นกันมาก่อน ข่าวเรื่องเชื้อโรคร้ายกำลังกลายพันธุ์ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ฯลฯ

    เมื่อพวกเขายอมรับเรื่องเหล่านี้มากขึ้น ค่อยนำเรื่องของมนุษย์ต่างดาว พุทธทำนาย คำทำนายของพระสงฆ์สายกรรมฐานต่างๆ คำทำนายของผู้มีญาณหยั่งรู้อนาคต ที่บอกเกี่ยวกับวันชำระโลกเอาไว้ จึงจะไม่ถูกหัวเราะเยาะ ถ้าเราใจร้อนรีบเอาตอนจบของเรื่องภัยพิบัตินี้ ไปบอกพวกเขาในทันทีทันใด ก็จะไม่มีใครยอมรับได้อย่างแน่นอนครับ
     
  12. ragpon

    ragpon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    456
    ค่าพลัง:
    +954
    ช่วงที่ผมทราบว่าโรค ชิกุลคุนยา กับ ไข้หวัด 2009 เข้าสมุยแล้ว ช่วงดึกสงัด สุนัขเห่าหอนไล่กันตลอดสายหน้าถนนทุกคืนเลยผมจะอาศัยอยู่ติดกับถนนหลักของสมุยครับ ผมจะนั่งอยู่หน้าคอมทุกคืนหลังตี2ทุกคืนครับ และ ก่อนจะมีสุนัขเห่าหอน นั้นจะเงียบสงัดจนรู้สึกวังเวงทำให้ขนลุกได้เลยมันรู้สึกหดหู่มากๆครับ ( ผมสังเกตุการณ์ทุกลมหายใจครับ ) ใครอยู่สมุย ให้ดูพระเครื่องกับพระธาตุที่ตนบูชาดีๆน่ะครับระวัง เคลื่อนครับ รูปพระผมเค้าเตือนมาเขาจะเคลื่อน หมายถึงให้ดูแลและใส่ใจเพิ่มครับ อันนี้ใครจำได้ก็ทำครับ
    ไม่รู้ครั้งนี้เตือนอีกจะโดนอีกป่าวเนี้ยแง่งๆๆ-*-
     
  13. Angel_Internet

    Angel_Internet Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +56
    อนุโมทนากับ พี่เกษม , พี่Chayutt , พี่Falkman มากๆค่ะ
    ข้อมูลเป็นประโยขน์มากเลย อ่านแล้วมีความสุข, สนุก, ตื่นเต้น ชอบข่าวภัยพิบัติมากค่ะ

    ขอนำบทความของพี่ทั้ง 3 คน ไปโพสต์ในกระทู้ของแองจี้นะคะ
    เผื่อบางคนอาจไม่ได้เข้ามาอ่านในนี้น่ะค่ะ ^_^ .../แองจี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2009
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    เหตุแผ่นดินไหวที่ยูนนานทำชาวจีนเดือดร้อนกว่า 2 แสนคน

    [​IMG]

    จีน 11 ก.ค.-แผ่นดินไหวรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นในมณฑลยูนนานของจีนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 2 แสนคน

    จนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่ของทางการและชาวบ้าน ในมณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ยังคงเข้าไปสำรวจความเสียหายจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว 6.0 ริกเตอร์ แผ่นดินไหวครั้งนี้นอกจากทำให้ผู้เสียชีวิต 1 คนและบาดเจ็บอีกกว่า 300 คนแล้ว ยังสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนกว่า 290,000 คน เนื่องจากบ้านเรือนหลายพันหลังพังถล่ม

    เจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องเร่งฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในหลายพื้นที่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ขณะที่กระทรวงการคลัง และกระทรวงกิจการพลเรือน ประกาศจัดสรรงบช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว 38 ล้านหยวนหรือ 190 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย

    2009-07-11 17:21:33

    มีผู้เสียชีวิต 15 คนจากอุทกภัยทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 12 ก.ค.- สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานอ้างกระทรวงกิจการพลเรือนระบุว่า พายุฝนและน้ำท่วมทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนในสัปดาห์นี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 15 คน และเกือบ 100,000 คนต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัย บ้านเรือนหลายพันหลังพังราบและเสียหายหลายแห่ง

    อุทกภัยทำให้บ้านเรือนพังราบ 10,100 หลัง และเสียหาย 29,000 หลังในมณฑลเสฉวนที่มีฝนตกหนักต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม มีรายงานว่า นักท่องเที่ยวอย่างน้อย 7 คนเสียชีวิต และอีกกว่า 10 คนสูญหายไปเมื่อวันเสาร์จากน้ำท่วมฉับพลัน ทั้งนี้ พื้นที่ภาคใต้และภาคกลางของจีนมักประสบอุทกภัยอย่างรุนแรงในช่วงฤดูฝนทุกปี จึงมักมีรายงานผู้เสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหาย.-สำนักข่าวไทย

    2009-07-12 09:53:15

    ผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ที่อาร์เจนตินาถึง 94 คนแล้ว

    [​IMG]

    บัวเอโนสไอเรส 12 ก.ค.- กระทรวงสาธารณสุขอาร์เจนตินา รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 6 คนในวันเสาร์ ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 มีจำนวน 94 คนในอาร์เจนตินา ส่วนผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 2,929 คน

    อาร์เจนตินาเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่มากเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากเม็กซิโกที่มีผู้เสียชีวิต 121 คน และสหรัฐเสียชีวิต 221 คน ขณะที่ทางการอาร์เจนตินาดำเนินมาตรการหลายอย่าง ทั้งปิดภาคเรียนก่อนกำหนด ลดการจัดงานในที่ชุมชน สั่งปิดสถานที่สาธารณะ และจำกัดการระบาดของเชื้อไวรัส

    อาร์เจนตินาและประเทศเพื่อนบ้านในละตินอเมริกาต่างเผชิญกับปัญหาการแพร่ระบาดและมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยที่ชิลีมีจำนวน 25 คน และอุรุกวัย 9 คน ยอดรวมในภูมิภาคมีจำนวนเกือบ 150 คน องค์การอนามัยโลกระบุว่า ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่อย่างน้อย 440 คน และติดเชื้อ 100,000 คน.-สำนักข่าวไทย

    2009-07-12 10:00:13

    อังกฤษแถลงปกป้องภารกิจในอัฟกานิสถาน

    [​IMG]

    อังกฤษ 12 ก.ค. - กองทัพอังกฤษแถลงปกป้องภารกิจในอัฟกานิสถาน ทั้งที่ทหารอังกฤษเสียชีวิตภายในวันเดียวถึง 8 นาย

    ผู้บัญชาการทหารอังกฤษในอัฟกานิสถาน แถลงปกป้องภารกิจของทหารในจังหวัดเฮลมานด์ ทางภาคใต้ ระบุสถานการณ์ยังสามารถควบคุมได้ ทหารอังกฤษยังต้องสร้างเสถียรภาพด้านความมั่นคงให้กับชาวบ้าน แม้ว่าทหารอังกฤษต้องเผชิญการต่อต้านอย่างหนักหน่วงจากกองกำลังตอลีบาน

    ทั้งนี้ ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทหารอังกฤษในอัฟกานิสถานเสียชีวิตจากเหตุรุนแรงถึง 8 นาย ถือเป็นตัวเลขความสูญเสียสูงที่สุดในวันเดียว นับตั้งแต่ภารกิจสงครามชิงหมู่เกาะฟอล์กแลนด์กับอาร์เจนตินา เมื่อปี 2525 ส่วนช่วง 10 วันก่อนหน้านี้ ทหารอังกฤษเสียชีวิตในอัฟกานิสถาน 15 นาย รวมทหารอังกฤษเสียชีวิตในอัฟกานิสถานแล้ว 184 นาย มากกว่าความสูญเสียในอิรัก. - สำนักข่าวไทย

    2009-07-12 03:30:18

    อิหร่านประท้วงเยอรมนีจากเหตุสตรีมุสลิมถูกแทงตาย

    [​IMG]

    อิหร่าน 12 ก.ค. - ชาวอิหร่านเคลื่อนไหวประท้วงเยอรมนี หลังเหตุสตรีมุสลิมชาวอียิปต์ถูกคนร้ายแทงเสียชีวิตกลางศาลในเยอรมนี

    ชาวอิหร่านกลุ่มหนึ่งเคลื่อนไหวบริเวณหน้าสถานทูตเยอรมนีกลางกรุงเตหะราน ประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลเยอรมนีรับผิดชอบ กรณีชายชาวเยอรมนีเชื้อสายรัสเซีย บุกใช้มีดแทงนางมาร์วา อัล-เชอร์บินี สตรีอียิปต์ วัย 31 ปี เสียชีวิตกลางศาลเมืองเดรสเดน ทั้งที่เธอตั้งครรภ์ 4 เดือน และเธอยังถูกแทงถึง 18 แผล ต่อหน้าลูกชายวัย 3 ขวบ

    ทั้งนี้ นางอัล-เชอร์บินี อยู่ระหว่างให้การแก้ต่างข้อกล่าวหาของเพื่อนบ้านในเยอรมนี ที่กล่าวหาเธอเป็นผู้ก่อการร้าย แต่เธอกลับถูกคนร้ายบุกใช้มีดแทงในศาล ทำให้สามีของเธอต้องเข้าช่วยเหลือ แต่ก็ยังถูกคนร้ายแทงบาดเจ็บสาหัสไปอีกคน กลุ่มผู้ประท้วงชาวอิหร่านเรียกร้องให้รัฐบาลขับไล่ทูตเยอรมนีกลับประเทศ เพราะไม่พอใจท่าทีของเยอรมนีที่มีต่อชาวอิหร่านในต่างแดน. - สำนักข่าวไทย

    2009-07-12 01:33:29

    ชาวฟิลิปปินส์ติดอาวุธสู้โจรเพราะรัฐบาลคุ้มครองไม่ทั่วถึง

    [​IMG]

    โคตาบาโต 11 ก.ค. – ผู้นำศาสนาในภาคใต้ของฟิลิปปินส์ประกาศเตือนรัฐบาลว่า ประชาชนในภาคใต้ต่างหันมาเสาะหาอาวุธมาไว้ป้องกันตนเองกันอย่างแพร่หลาย อันเป็นผลมาจากการก่อเหตุรุนแรงของกลุ่มมุสลิมแบ่งแยกดินแดน และนักรบอิสลามที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

    ผู้ว่าการรัฐโคตาบาโต และบิชอป คริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกได้ยืนยันว่า การก่อการร้ายของพวกมุสลิมแบ่งแยกดินแดนและนักรบอิสลามด้วยการวางระเบิดในที่ต่างๆ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บหลายสิบคนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้ประชาชนต่างหมดความเชื่อมันในเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต่างพากันเสาะหาอาวุธมาใช้ป้องกันตัวกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากในขณะนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยว เกษตรกรมีรายได้จากการขายพืชผลเป็นจำนวนมาก ทำให้มีเงินพอที่จะซื้อหาอาวุธมาป้องกันตนเอง

    ศาสตราจารย์อับฮูด ไซเอ็ด ลิงกา นักวิชาการมุสลิมแนวหน้าแห่งสถาบันบังซาโมโร ในโคตาบาโต กล่าวว่า การที่ประชาชนหันมาติดอาวุธป้องกันตนเอง นอกจากไม่เกิดผลดีต่อรัฐบาลแล้ว ยังเป็นการเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวอย่างแน่นอนและอาจลุกลามกลายเป็นสงครามระหว่างชุมชนในที่สุด และยังเป็นการฟ้องต่อชาวโลกว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์เป็นรัฐบาลที่ล้มเหลว เพราะไม่สามารถให้ความปลอดภัยแก่ประชาชนได้ จนต้องหันมาจับอาวุธเพื่อคุ้มครองตนเอง.- สำนักข่าวไทย

    2009-07-11 17:18:13

    ที่มา MCOT News By Thai News Agency : MCOT dot Net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2009
  15. เจ้าหญิงแพร

    เจ้าหญิงแพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +390
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>รายที่ 18 หวัด2009 คร่าชีวิตหนุ่มเมืองคอนวัย 19 ปี - ติดเชื้อเพิ่ม 247 ราย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 กรกฎาคม 2552 12:14 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> รายวัน! ยอดป่วยหวัด 2009 พุ่งอีก 247 ราย รวมยอดป่วยสะสม 3,555 รายแล้ว ขณะที่วันนี้พบผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 18 ราย ประกอบด้วยชายวัย 45 ปี ที่จ.อยุธยา สาวอ้วน วัย 24 ปี มีหน้าที่ดูแลร้านเกมที่ราชบุรี และล่าสุดรายที่ 18 เป็นหนุ่มวัย 19 ปีที่นครศรีธรรมราช

    วันนี้(12 ก.ค.) นายไพจิตร์ วราชิต รองปลัด สธ. กล่าวว่า วันนี้ได้รับการยืนยันผู้เสียชีวิต รายที่ 16 เป็นชายอายุ 45 ปี ที่จ.อยุธยา ส่วนผู้รายที่ 17 เป็นหญิงวัย 24 ปี มีโรคอ้วน น้ำหนักตัวถึง 150 กิโลกรัม และมีอาชีพดูแลร้านเกม เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราชเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม มีอาการไอ หอบ และมีโรคหัวใจและความดัน ได้รับแจ้งว่าเสียชีวิตเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ขณะนี้ผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษมี 6 ราย ให้แพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนสถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มียอดผู้ป่วยเพิ่มอีก 247 ราย รวมทั้งสิ้น 3,555 ราย

    นพ.ไพจิตร์ กล่าวด้วยว่า เพิ่งได้รับการรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ 2009 จากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ทราบว่าเสียชีวิตมาเป็นเวลานานแล้ว แต่เพิ่งจะได้รับแจ้ง สธ.กำลังติดตามผลว่าทำไมรายงานมาล่าช้า และจะมีการติดตามให้โรงพยาบาลต่างๆ มีมาตรฐานเดียวกันในเรื่องการรายงานตัวเลขผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต เพื่อให้ประชาชนได้ทราบข้อมูลอย่างแท้จริง ลดความตื่นตระหนก และการทำให้ประชาชนเข้าใจและมีความรู้ปฏิบัติตนเพื่อหลีกเลี่ยงการติดโรคไข้หวัด 2009 ทั้งส่วนที่แข็งแรงและผู้ที่ป่วยด้วย ส่วนผู้ที่แข็งแรงอยู่แล้วหมั่นออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง รับประทานอาหารถูกสุขลักษณะ หมั่นล้างมือบ่อย ถ้าจำเป็นเข้าไปในแหล่งชุมชน ให้พยายามสวมหน้ากากป้องกันการติดเชื้อ

    ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขได้ยืนยันผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รายที่ 18 เป็นชายวัย 19 ปี ที่จ.นครศรีธรรมราช สำหรับรายละเอียดการเสียชีวิตนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวน

    Quality of Life - Manager Online



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    [​IMG]
    "ผู้ร่วมงาน" กับมนุษย์ต่างดาวเขากะลา

    การอพยพครั้งยิ่งใหญ่
    (Big Exodus)

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Chayutt<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2252665", true); </SCRIPT> สมาชิก(แปลและเรียบเรียง)

    ผู้รับข้อความ: Carlos Almeida<O:p</O:p
    สถานที่: เมือง <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:City>Quito, ประเทศสาธารณรัฐเอควาดอร์ (<st1:country-region w:st="on"><ST1:pEcuador</ST1:p</st1:country-region>)

    เมื่อไหร่? เมื่อไหร่ที่จุดวิกฤติที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ของโลกได้มาถึง เหตุการณ์เหล่านี้จะเปลี่ยนรังสีออร่า และสนามแม่เหล็กของดาวเคราะห์โลก ซึ่งกำหนดเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเหล่านั้น ถูกเชื่อมโยงอยู่กับ "กรรม" และ "ความไร้ศีลธรรม" ของผู้คนบนโลกที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นโดยตรง

    เมื่อถึงเวลานั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างของโลกหลายอย่าง ทั้งทางธรณีวิทยาและชีววิทยา จะถึงจุดที่จะต้องมีการช่วยชีวิตผู้คนบนโลกโดยการใช้แผนการอพยพที่วางเอาไว้แล้ว แผนการช่วยเหลือมนุษย์โลกในช่วงภาวะวิกฤตินี้ ได้ถูกขบคิดและวางแผนมาอย่างถูกต้องแม่นยำนานแล้ว<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:pแต่ก็จะมีชาวโลกเป็นจำนวนมากที่จะปฏิเสธความช่วยเหลือดังกล่าวนี้ เพราะคุณสมบัติของพวกเขาเอง <O:p</O:pชาวโลกที่ยินยอมให้พวกเราช่วยเหลือจะได้รับการดูแล ตามแต่สภาวะจิต วุฒิภาวะทางจิตวิญญาณ และอายุของพวกเขา ชาวโลกบางคนจะถูกทำให้หลับเพื่อไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ เมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมา พวกเขาจะปลอดภัยอยู่ในยานอวกาศ ที่ดูเหมือนกับเมืองทั่วๆไป จนกว่าพวกเขาจงถูกส่งกลับลงมาบนโลกใหม่อีกครั้ง

    [​IMG]

    <O:p</O:p
    ชาวโลกบางส่วนจะถูกส่งไปเตรียมความพร้อมบนดาวดวงอื่นๆ เพื่อไปปรับตัวให้ชินกับสภาพอากาศที่นั่น เพื่อไปวิวัฒนาการต่อที่นั่น แม้แต่พืชและสัตว์ต่างๆก็จะถูกนำขึ้นไปอยู่บนดวงดาวเหล่านั้นด้วย โดยไม่รบกวนวิวัฒนาการของพวกมันเลย จากนั้นพวกเขาก็จะถูกส่งกลับลงมายังโลกใหม่อีกครั้ง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เด็กๆ จะถูกนำขึ้นไปขณะหลับ ไปยังห้องที่จัดเตรียมไว้เป็นพิเศษในยานอวกาศที่เต็มไปด้วยคลื่นความสั่นสะเทือนแห่งความรัก หลังจากนั้นไม่นาน บรรดาเด็กๆก็จะได้พบกับผู้ปกครองของตนเอง <O:p</O:pในระหว่างที่เด็กๆอยู่บนยานอวกาศนั้น เด็กๆ จะผ่านเข้าสู่วงจรแห่งการเปลี่ยนรูปอะไรบางอย่าง ซึ่งเมื่อจบสิ้นกระบวนการแล้วเด็กๆจะฉลาดเฉลียวและมีวุฒิภาวะ หลังจากนั้นเด็กๆ ก็จะถูกส่งกลับลงมาที่โลกที่ถูกชำระแล้วอีกครั้ง ในฐานะของผู้ที่จะสร้างโลก<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ไม่ต้องเป็นห่วงลูกๆของพวกท่าน เพราะว่าพวกเขาจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เฉกเช่นเดียวกับตัวพวกท่านเอง <O:p</O:pความรักเป็นพลังที่สำคัญมากที่สุดในชีวิตของพวกเรา และพวกเราไม่สามารถที่จะทำเรื่องที่เลวร้ายได้ เหมือนอย่างที่มนุษย์โลกอย่างพวกท่านที่ทำร้ายกันเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    โครงสร้างร่างกายของมนุษย์โลกในอนาคต จะเป็นแบบ “กึ่งกายทิพย์” มนุษย์ทุกๆคนบนโลกใหม่จะสามารถโทรจิตได้ รู้อนาคตได้ และหายตัวได้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    การช่วยชีวิตมนุษย์จากไฟนรกที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติต่างๆนาๆ ก็คือการอพยพครั้งยิ่งใหญ่นี้ไม่มีใครที่จะบังคับใครให้อพยพได้ เพราะทางเลือกอิสระคือสิ่งสำคัญ การอพยพจะสามารถรักษากายเนื้อของมนุษย์ไว้ได้ มนุษย์จะรอดชีวิตอยู่ในยานอวกาศ และเมื่อภัยพิบัติต่างๆเกิดขึ้นจนเสร็จสิ้นลงแล้ว มนุษย์ก็จะถูกนำกลับลงมาบนโลกใหม่ที่ถูกชำระจนสะอาดแล้วอีกครั้ง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เหตุการณ์ทั้งหมดจะกินเวลาเพียงสั้นๆ เพราะว่าทุกๆอย่าง จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มนุษย์โลกทุกๆคน จะสามารถสัมผัสได้ จงปรึกษาหารือกับคนในครอบครัวของพวกท่านให้ทันเวลา และแม้ว่าพวกเขาจะถูกนำขึ้นไปอยู่บนยานช่วยชีวิตจากสถานที่ที่อยู่ใกล้หรืออยู่ไกล จากที่ที่ญาติพี่น้องของพวกเขาอยู่ก็ตาม แต่เมื่อขึ้นยานไปแล้ว พวกเขาก็จะได้พบกับครอบครัว เพื่อนฝูง และลูกๆอีกครั้ง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้การอพยพครั้งนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ก็คือจิตใจที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา และความวางใจในอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน <O:p</O:pมนุษย์โลกคนใดที่ดำเนินชีวิตอยู่ในสภาวะที่คลื่นความคิดมีการสั่นสะเทือนในระดับที่หยาบ รู้จักใช้แต่สัญชาตญาณดิบ และประกอบแต่อกุศลกรรมต่างๆอยู่เป็นนิจ จะไม่สามารถทนทานต่อ “พลังงานบริสุทธิ์แห่งการลอยในอากาศ” (The Pure Energy of Levitation,

    พลังงานนี้จะทำให้ความโน้มถ่วงของโลกไร้ผล สิ่งต่างๆจะลอยขึ้นไปสู่อวกาศ) และบรรยากาศแห่งความรักที่อยู่ภายในยานช่วยชีวิตได้เลย <O:p</O:pนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราจึงต้องพร่ำบอกกับพวกท่านว่า “พวกท่านต้องพยายามทำให้การเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณของพวกท่านสูงขึ้น!!!”<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    “คิดให้ลึกๆเกี่ยวกับการมีอยู่ของพระผู้เป็นเจ้า และพระบุตรของพระองค์คือพระเยซูคริสต์”เพราะทุกๆพลังอำนาจมีต้นกำเนิดมาจากพระองค์ และพลังอำนาจนี้ก็ติดตามพวกท่านไปทุกหนทุกแห่ง <O:p</O:pความศรัทธาและความรักจะทำให้องค์ประกอบที่เป็นสสารของร่างกายเนื้อของพวกท่านยังคงดำรงอยู่ได้ง่ายดายขึ้น และมันจะทำให้พวกท่านเข้าใกล้ความเป็นจิตวิญญาณมากขึ้น

    ซึ่งนั่นจะทำให้ท่านสามารถรอดชีวิตอยู่ได้ ในวันโลกาวินาศที่ใกล้จะมาถึงนี้ มีชาวโลกอีกมากมายที่ไม่เชื่อเรื่องพระผู้เป็นเจ้า และก็ได้ฝ่าฝืนกฎของพระองค์โดยเจตนา <O:p</O:pจงค้นหาเส้นทางเพื่อไปให้ถึงพระองค์ การเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าคือหนทางที่จะเปลี่ยนให้ชีวิตของพวกท่านมีศีลธรรมมากขึ้น และมีชีวิตในด้านบวกมากขึ้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    จงควบคุมทุกๆความคิดและความรู้สึกของพวกท่าน อย่าให้มันถูกครอบงำด้วยความอิจฉาริษยา ความหวาดระแวง และการโต้แย้ง <O:p</O:pจงปฏิเสธทุกๆสิ่งที่จะไปเกี่ยวข้องกับผู้อื่นโดยไม่เป็นไปด้วยความรัก จงเรียนรู้ที่จะอดทนอดกลั้น จงตระหนักให้ดีว่าสิ่งที่พวกท่านตำหนิและปฏิเสธนั้นส่วนใหญ่แล้วมันก็คือข้อบกพร่องของตัวท่านเอง จงพยายามมองให้เห็นว่ามนุษย์ทุกคน สัตว์ทุกตัว ต้นไม้ทุกต้น และทุกๆสิ่งในธรรมชาติทั้งหมด คือพี่น้องของพวกท่านเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เราขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า จงเริ่มต้นที่การควบคุมความคิดของท่านเองให้คิดแต่สิ่งที่ถูกต้องดีงาม เพราะว่าทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง มีต้นกำเนิดมาจากความคิด มนุษย์ทุกๆคนใครคิดอย่างไร ก็จะได้อย่างนั้น (Every man is what he thinks)<O:p</O:pสำหรับผู้ที่พยายามที่จะมีชีวิตอยู่บนเส้นทางอันบริสุทธิ์ แต่ไม่มีความรู้ทางจิตวิญญาณมากเพียงพอ หลังจากที่พวกเขาถูกช่วยชีวิตขึ้นมาบนยานแล้ว พวกเขาจะได้รับการฝึกฝนบนยานอวกาศของพวกเรา

    [​IMG]

    เพื่อที่พวกเขาจะได้สามารถมีชีวิตอยู่ในโลกใหม่ ที่ถูกชำระล้างทางจิตวิญญาณแล้วนี้ และเป็นโลก “กึ่งวัตถุธาตุ” (Half-Material <ST1:pNew World</ST1:p) ได้

    <O:p</O:pการอพยพวิญญาณของมนุษย์ครั้งยิ่งใหญ่นี้ จะเริ่มขึ้น ณ.ช่วงเวลาที่คอมพิวเตอร์ของพวกเราจะคำนวณออกมาให้ ว่าช่วงเวลาไหนคือช่วงเวลาที่อันตรายร้ายแรงที่สุดจะมาถึง อันตรายร้ายแรงที่ว่านี้สามารถเป็นได้ทั้งอันตรายในระดับโลกหรือในระดับภูมิภาค ขึ้นอยู่กับการว่าเป็นการปะทะของโลกทั้งใบหรือว่าเพียงบางส่วนของมัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สิ่งสำคัญที่สุดที่จะมีผลต่อระดับความรุนแรงของอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับแต่ละชนชาติและแต่ละพื้นที่ก็คือ “กรรม” และ “ศีลธรรม” ของประชาชนในพื้นที่นั้นๆเอง <O:p</O:pดาวเคราะห์โลกถูกทำให้ได้รับความทุกข์ทรมานจากการเสียสมดุลภายในไป เพราะการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ และเพราะด้วยเหตุนี้ ภูเขาไฟที่ตายแล้วหลายๆลูกก็จะกลับปะทุขึ้นมาใหม่ มันจะเกิดแผ่นดินไหวมากมาย เกิดการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกมากมาย เมืองและประเทศต่างๆในโลกจะถูกน้ำท่วม มหาสมุทรจะบ้าคลั่งเพราะพายุรุนแรง นอกจากนี้ยังมีภัยพิบัติอื่นๆอีกมากมายที่จะเกิดขึ้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นเพราะ “ความโลภ” และ “ความไร้ศีลธรรม” ของมนุษย์โลกเอง <O:p</O:pตัวอย่างที่เด่นชัดตัวอย่างหนึ่งที่พวกท่านได้เห็นแล้ว ก็คือเหตุการณ์แผ่นดินไหวในอิหร่าน เมื่อพฤษภาคมและเดือนมิถุนายน ปี 1990 มีประชาชน 150,000 คนต้องเสียชีวิต หลายพันคนได้รับบาดเจ็บ หลายร้อยคนไร้ที่อยู่อาศัย ภัยพิบัตินี้ เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของการชำระโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นเท่านั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ในช่วงเวลาแห่งการชำระโลกผู้คนจะสับสนอลหม่านและตาย พวกเขาจะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเพื่อจะรอดพ้นจากความตายได้ และเมื่อนั้นพวกเขาจะเริ่มนึกถึงพระผู้เป็นเจ้าและวิงวอนให้พระองค์ช่วย แต่มันก็จะสายเกินไปเสียแล้ว <O:p</O:pมันเป็นไปได้ว่าท่ามกลางความสับสนอลหม่านนี้

    จะมีบางชนชาติที่เลือกที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งนั่นแหละจะหมายถึงการสิ้นสุดอย่างสมบูรณ์

    พี่น้องชาวจักรวาลของพวกท่าน มีศักยภาพที่จะควบคุมสถานการณ์นี้ได้อย่างแน่นอน และเมื่ออันตรายนี้เกิดขึ้น พวกเขาจะแจ้งเตือนประชาชนอย่างทันท่วงที โดยอาศัย “ผู้ร่วมงาน” ที่อยู่บนดาวเคราะห์โลกใบนี้ และเป็นผู้ที่พวกเขาติดต่อด้วย และจากนั้นพวกเขาก็จะเริ่มปฏิบัติการอพยพผู้คนโดยทันที โดยใช้ยานช่วยชีวิตของพวกเรา แล้วทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง
    <O:p</O:p
    จงอย่าเสียดายทรัพย์สมบัติและเงินทองใดๆ จงทิ้งมันไว้ เพราะในอนาคตข้างหน้าของพวกท่าน มันจะมีค่าแค่เพียงเศษฝุ่นธุลีเท่านั้นเอง<O:p</O:pพวกเราทั้งหมดมีความตระหนักถึงความจริงเกี่ยวกับระบบป้องกันภัยของบางชนชาติเป็นอย่างดี ชนชาติเหล่านั้นอาจจะเข้าใจว่าพวกเราคือ “ผู้รุกราน” และพวกเขาก็จะระดมกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อทำลายพวกเรา

    ในกรณีนี้พวกเราก็จะใช้วีธีการสร้าง “การลอยตัวในอากาศ” (The Form of Levitation) ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เราได้กล่าวไปแล้ว<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    (อันนี้ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนะครับ มันอาจจะเป็นการส่งคลื่นพลังงานลงมาทำให้แรงโน้มถ่วง ณ.บริเวณนั้นๆไร้ผล แล้วอาวุธทั้งหลายและกองทัพทั้งกองทัพก็อาจจะลอยเคว้งคว้างควบคุมไม่ได้หรือเปล่านะ เพราะเขาใช้ศัพท์คำว่า Levitation บางทีผมก็คิดว่าหรือว่าพวกเขาจะใช้วิธี “ดูด” เอาอาวุธพวกนั้นขึ้นไปกันแน่ แต่เท่าที่แปลมาเยอะแล้วนี่ ถ้า”ดูด” ขึ้นไปบนยานเลยนี่ เขาใช้ศัพท์คำว่า Elevation หรือ Elevator ครับ - Chayutt)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:pเราต้องการเน้นย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ผู้ใดที่ใช้ชีวิตอยู่บนความสนใจแต่เพียงด้านวัตถุสิ่งของ ผู้ใดที่ยอมตกอยู่ภายใต้การครอบงำของความชั่วร้าย และความยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวตน ผู้ใดที่สร้างแต่ความทุกข์ความเดือดร้อนให้แก่ญาติมิตรของตนเองด้วยคลื่นความสั่นสะเทือนในด้านลบของเขา จะมีโอกาสรอดชีวิตจากคลื่นความสั่นสะเทือนแห่งความรักและความดีในบรรยากาศของพวกเราได้น้อยเต็มที<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:pข้อความต่างๆที่พวกเราได้ส่งมาถึงชาวโลก ตลอดระยะเวลายาวนานที่ผ่านมาจนถึงบัดนี้ นอกจากจะมุ่งเน้นไปที่ความจำเป็น ของการมีศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าแล้ว พวกเรายังได้มุ่งเน้นไปที่การมีความรักและการมีศีลธรรมอันบริสุทธิ์อีกด้วย <O:p</O:pผู้ใดที่ดำเนินชีวิตคล้อยตามกฎของพระผู้เป็นเจ้า ผ่านทางการสั่นสะเทือนด้านความรัก ผู้นั้นก็จะมีเกราะป้องกันภยันตรายทั้งปวงได้อย่างเหลือเชื่อ ผู้นั้นจะรู้สึกถึงความปลอดภัย รู้สึกถึงความศรัทธา และรู้สึกถึงความสวยสดงดงาม<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ดาวเคราะห์โลกดวงนี้ คือสถานที่สั่งสอนวิญญาณที่สำนึกผิด กำลังดำเนินมาถึงจุดสุดเกลียวก้นหอยของมันแล้ว มันจะถูกชำระล้างให้บริสุทธิ์ แล้วถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง ระดับการสั่นสะเทือนของมันจะสูงขึ้น ด้วยวิธีนี้มันจะมีโครงสร้างแบบ ”กึ่งวัตถุธาตุ” (Half-Material Structure) และมันก็จะเปิดโอกาสให้รูปธรรมต่างๆ จุติลงมาเกิดเพื่อดำเนินบนทางของตนเองเพื่อกลับสู่พระผู้สร้างอีกครั้ง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สิ่งมีชีวิตบนโลกใหม่นี้ จะไม่รู้จักการทำสงครามและการเข่นฆ่ากัน ปราศจากการยึดมั่นในอัตตาตัวตน ปราศจากความอิจฉาริษยาและความเกียดชัง รวมถึงความรู้สึกด้านลบทั้งหลาย พวกเขาจะถูกสอนให้รู้จักวิธีที่จะอาศัยอยู่ร่วมกันด้วยความรัก และจะถูกสอนให้สนับสนุนและสำนึกในบุญคุณของพระผู้เป็นเจ้า <O:p</O:pพี่น้องจากต่างดาวทั้งหลาย จะนำวิทยาการความรู้ใหม่ๆมากมายมาสู่มนุษยชาติในไม่ช้า มีพวกเขามากมายที่ลงมาเกิดบนโลกใบนี้แล้ว เพื่อมาทำภารกิจนี้ และอาศัยปะปนอยู่ท่านกลางพวกท่านในขณะนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึง จงวางใจในพระผู้เป็นเจ้า เมื่อพระองค์ทรงเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจสามารถสร้างพวกท่านขึ้นมาได้ พระองค์ก็ทรงมีพลังอำนาจที่จะการปกป้องพวกท่านได้ด้วยเช่นกัน เพียงแต่พวกท่านร้องขอ และมีความบริสุทธิ์เพียงพอ <O:p</O:pพวกท่านจงตั้งตารอคอยบ้านใหม่ที่สวยสดงดงามของพวกท่านในอนาคต มันจะเป็นดินแดนแห่งอิสรภาพ สันติสุข สุขภาพที่ดี และดินแดนแห่งความรัก<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เราขอแนะนำเพื่อนๆของเราทุกๆหมู่เหล่า และทุกๆคน ให้มาสวดมนต์บทนี้กัน <O:p</O:p“พวกเราขอวิงวอนต่อพระบิดาเจ้า ผู้สถิตอยู่ในห้วงอวกาศอันไร้ขอบเขต<O:p</O:pพวกเราขอวิงวอนด้วยความรักและความนอบน้อม ขอพระองค์ทรงสถิตอยู่กับเรา <O:p</O:pจงสถิตอยู่กับพวกเราในช่วงแห่งเวลาที่ลำเค็ญนี้ <O:p</O:pจงช่วยพวกเราและพี่น้องเพื่อนร่วมโลกของพวกเราทุกๆคน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พวกเรามีพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระองค์เป็นผู้นำทาง <O:p</O:pเพื่อไปสู่พี่น้องชาวจักวาล ที่ยึดมั่นในกฎแห่งความรัก <O:p</O:pความสันติสุข ความนอบน้อม และความอดทน <O:p</O:pที่ๆมีคุณภาพชีวิตแตกต่างไปจากบนดาวเคราะห์โลกใบนี้ <O:p</O:pพวกเราขอฝากอนาคตของพวกเราไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ <O:p</O:pเพราะพวกเรารู้ว่าพระองค์ทรงปกป้องพวกเราได้ <O:p</O:pและสามารถนำทางพวกเราให้ผ่านพ้นเหตุการณ์อันมืดมิดนี้ไปได้ <O:p</O:pไปสู่แสงสว่างแห่งชีวิตในภายภาคหน้า”<O:p</O:p

    ที่มา http://palungjit.org/threads/การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก-เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก-ของมิตรจากต่างพิภพ-และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก.193101/page-11

    หมายเหตุ

    จุดมุ่งหมายที่ผมนำเรื่อง สาส์นจากมนุษย์ต่างดาวถึงมนุษยโลกนี้ มาโพสต์ไว้ในกระทู้นี้ ไม่ได้ต้องการให้ท่านไปเชื่อในเรื่องของพระเจ้า ของศาสนาคริสต์หรือของมนุษย์ต่างดาวเขานะครับ แต่ต้องการให้ท่านผู้อ่านได้รู้ถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และโลกในยุคของชาวศิวิไลซ์นั้นจะมีสภาพเป็นเช่นใด

    ก็อย่างที่ผมได้เคยอธิบายให้ท่านผู้อ่านได้ทราบไปแล้วว่า ศาสนาที่นับถือในเรื่องของ"พระเจ้า"นั้น ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากมนุษย์ต่างดาวนำมาเผยแพร่ ในโลกนี้ทั้งสิ้น ตั้งแต่ในยุคสมัยที่มนุษย์ยังไม่มีความรู้เรื่องอวกาศใดๆ เลย มนุษย์ต่างดาวในยุคนั้นจึงต้องแสดงตัว ในฐานะของพระเจ้าผู้สร้างโลก และสร้างทุกสรรพสิ่ง ทั้งนี้ก็เพื่อให้คนบนโลกในยุคนั้นยอมรับนับถือตนเอง อย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ

    ในฐานะที่ผมเป็นชาวพุทธ เคารพนับถือในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เชื่อและศรัทธาในคำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า มนุษย์ต่างดาวก็เป็นมนุษย์เหมือนกันกับมนุษย์โลก เพียงแต่อยู่บนดาวคนละดวงเท่านั้นเอง บางยุคสมัยมนุษย์โลกเรา ก็มีอายุขัยที่ยืนยาวเป็นหมื่นๆปี มีเทคโนโลยี่ที่ล้ำสมัยกว่ามนุษย์ต่างดาวด้วยซ้ำไป แต่มาในยุคสมัยนี้มนุษย์โลกกำลังอยู่ในยุคเสื่อม จึงมีอายุขัยไม่ถึง 100 ปี อีกทั้งมนุษย์ต่างดาวก็มีการเกิดการตายเช่นเดียวกับมนุษย์โลก ไม่ได้อยู่เป็นอมตะอย่างที่พวกเขากล่าวอ้างแต่อย่างใด

    จึงสรุปได้ว่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวหรือมนุษย์โลก ก็ยังมีความหลงผิดได้เช่นเดียวกัน ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏะสงสารนี้เรื่อยไป ยังต้องเปลียนภพเปลี่ยนชาติไปเกิดในภพภูมิต่างๆ ในจักรวาลนี้และในจักรวาลอื่นๆ จนกว่าจะได้เกิดมาพบพระพุทธเจ้า หรือได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ได้มาศึกษาปฏิบัติธรรมตามแนวทางของพระพุทธเจ้า พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง ทั้งในจักรวาลนี้และในจักรวาลอื่นๆ ซึ่งก็มีพระพุทธเจ้าไปตรัสรู้เช่นเดียวกันกับโลกนี้ เมื่อนั้นพวกเขา(มนุษย์ต่างดาว) ก็จะละความหลงผิดในเรื่องของพระเจ้าไปได้ในที่สุดครับ

    ปล. คำว่า"ผู้ร่วมงาน" ในที่นี้หมายถึงร่วมมือทำงานกับมนุษย์ต่างดาว ในการอพยพช่วยเหลือผู้คนไปอยู่ในที่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นดวงดาวอื่น ในยานอวกาศ หรือเมืองลับแลที่อยู่ในอีกมิติหนึ่งบนโลกมนุษย์นี้เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องไปเชื่อในเรื่องพระเจ้าตามมนุษย์ต่างดาวนะครับ พวกเขาก็ยังเคารพศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้าเราเช่นเดิม เพียงแต่พวกเขาได้รับการคัดเลือกให้มาทำงานในหน้าที่นี้ ก็เพราะมีจิตใจที่ดีงามต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติใหญ่ในครั้งนี้ครับ -เกษม-
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • obr1493.jpg
      obr1493.jpg
      ขนาดไฟล์:
      69.7 KB
      เปิดดู:
      1,923
    • obr1628.jpg
      obr1628.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.9 KB
      เปิดดู:
      1,810
    • DAN.jpg
      DAN.jpg
      ขนาดไฟล์:
      240.1 KB
      เปิดดู:
      1,794
    • P1010943.jpg
      P1010943.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.4 KB
      เปิดดู:
      79
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2009
  17. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    จากการที่ได้เดินทางไปในเขต จังหวัดภาคใต้ ครั้งนี้ ได้พบว่า สถานะการณ์ภัยพิบัติ นั้นทางผู้คนในจังหวัดภาคใต้ตื่นตัวมากขึ้นและไม่ประมาท กันครับ

    แต่จากกระแสและการสัมผัสจิต ที่ทางหาดใหญ่สงขลา กระแสด้านลบปรากฏรุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    และภัยพิบัติด้านโรคระบาด ปรากฏครบ ทั้ง สามโรค ทั้งไข้หวัด ชิคุนกุนยา และไข้เลือดออก

    อีกไม่นาน โรค หวัดที่กำลังระบาด จะ เริ่มส่งผลรุนแรงขึ้น และแสดงความน่ากลัวอย่างแท้จริงออกมา คือมีคนตายรวดเร็ว และมากขึ้นอย่างน่าตกใจ

    ถึงเวลานั้น สิ่งที่จะช่วยได้คือ อำนาจพุทธคุณ ความศรัทธาในพระรัตนไตร

    และความศรัทธาในพระ นี้เองจะเป็นเครื่องแยก จำแนกความดี ความชั่ว คนรอด คนตาย ออกจากกัน เป็นเครื่องสกรีน แยกรอบแรกๆ

    ดังนั้นเร่งสร้างกุศล ความดีกันให้มากๆครับ

    อย่างการเดินทางไปสอนสมาธิที่รพ.หาดใหญ่ ครั้งนี้ ปรากฏผลที่มีผู้ป่วยจากโรคชิคุนกุนยา ที่ใช้การอธิฐานน้ำมนต์ จากเหรียญทำน้ำมนต์ร่วมกับการรักษาแผนปัจจุบันปรากฏว่า หายป่วยในวันเดียว กันหลายเคส หลายอำเภอ

    รวมทั้งเด็กเล็กๆที่ เป็นไข้หวัดจนซม ใช้น้ำมนต์กลับได้ผล หายในวันเดียวเช่นกัน
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    สตูลน้ำป่าทะลัก 2 อำเภอ เดือดร้อนกว่า 600 ครัวเรือน

    [​IMG]

    สตูล 12 ก.ค.- นายวิสิฐ ตั้งปอง นายอำเภอควนกาหลง จ.สตูล ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมใน ต.อุไดเจริญ หลังจากฝนตกหนักมาตลอด 2 วัน ทำให้น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดไหลหลากท่วม 6 หมู่บ้าน ถนนหลายสายถูกตัดขาดการสัญจร รวมถึงบ่อปลาและสวนทุเรียน เงาะ ลองกอง

    นอกจากนี้ น้ำยังไหลท่วม ต.ทุ่งนุ้ย 5 หมู่บ้าน และ ต.ควนกาหลง อีก 5 หมู่บ้าน ราษฎรทั้ง 3 ตำบลเดือดร้อนกว่า 200 ครัวเรือน พร้อมกำชับประชาชนดูแลบุตรหลานอย่าให้ลงเล่นน้ำตามลำคลองในระยะนี้ เพราะกระแสน้ำเชี่ยวมาก รวมทั้งให้ติดตามข่าวสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะหมู่บ้านเชิงเขาหรือทางน้ำไหลผ่านควรเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าจากน้ำป่าและดินถล่ม

    ขณะเดียวกันนายสมควร ขันเงิน นายอำเภอละงู นำเจ้าหน้าที่ออกตรวจความเสียหายจากน้ำท่วมฉับพลัน 4 ตำบล คือ ต.น้ำผุด ต.กำแพง ต.เขาขาว และ ต.ละงู คาดว่าราษฎรเดือดร้อนกว่า 400 ครัวเรือน นอกจากนี้พายุยังพัดหลังคาบ้านเสียหาย 7 หลัง ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งสำรวจ เพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น.-สำนักข่าวไทย

    2009-07-12 15:47:31

    ศูนย์ ปภ.เขต 12 รับมือฝนใต้จัดทีมช่วยน้ำท่วม-ดินถล่ม

    [​IMG]

    สงขลา 12 ก.ค.- ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่ภาคใต้ว่า ล่าสุดศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 12 สงขลา กำลังเจ้าหน้าที่ประจำไว้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเตรียมพร้อมออกปฏิบัติการกู้ภัยและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว หากประสบภัยธรรมชาติ

    หลังมีคำเตือนจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก จ.สงขลา ว่า ระยะนี้พื้นที่ภาคใต้จะมีฝนเกือบทั่วไป ตกหนักบางพื้นที่บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง เนื่องจากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

    สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ประจำศูนย์ ปภ.เขต 12 มีชุดปฏิบัติการพร้อมอุปกรณ์กู้ภัยทั้งชุดเล็กและชุดใหญ่ที่จะเข้าพื้นที่ช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การช่วยเหลือสัมพันธ์กัน นอกจากนี้ ยังกำชับมิสเตอร์เตือนภัยในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ สงขลา ยะลา ปัตตานี สตูล และนราธิวาส เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงดินถล่ม 234 จุด 22 อำเภอ.-สำนักข่าวไทย

    2009-07-12 15:37:00

    เรือล่มกลางทะเลอันดามันช่วยรอด 5 ขึ้นฝั่งภูเก็ต

    [​IMG]

    ภูเก็ต 12 ก.ค.- เรือโดยสารเจอคลื่นซัดจมทะเลรอยต่อพังงา-ภูเก็ต หลังส่งนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะพีพี เคราะห์ดีช่วยได้ทั้ง 5 คน กัปตันและลูกเรือ

    พ.ต.ท.วัลลพ พวงผกา สารวัตรตำรวจน้ำภูเก็ต เปิดเผยว่า เวลา 11.00 น. วันนี้ (12 ก.) ได้รับแจ้งเหตุเรือโดยสารรับ-ส่งนักท่องเที่ยวระหว่างภูเก็ต–เกาะพีพี จ.กระบี่ ประสบอุบัติเหตุล่มกลางทะเลอันดามัน บริเวณเกาะมูสัง อ.เกาะยาว จ.พังงา เขตรอยต่อกับจังหวัดภูเก็ต จึงให้เจ้าหน้าที่นำเรือออกช่วยเหลือทันทีร่วมกับบริษัทเจ้าของเรือ ล่าสุดสามารถช่วยเหลือกัปตันและลูกเรือไว้ได้ 5 คน ปลอดภัยทั้งหมด

    โดยจะนำขึ้นฝั่งบริเวณท่าเทียบเรืออ่าวปอ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เบื้องต้นทราบว่าเรือดังกล่าวเป็นเรือโดยสารขนาดกลาง ชื่อ คชามารีน ซึ่งส่งผู้โดยสารที่เกาะพีพีเรียบร้อยแล้ว ขณะเดินทางกลับประสบภาวะฝนตกหนักและลมแรงซัดน้ำเข้าเต็มลำเรือ ทำให้เรือค่อย ๆ อับปางลง ส่วนกัปตันและลูกเรือว่ายน้ำขึ้นเรือยางที่เตรียมไว้และได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัย

    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตวันนี้มีฝนตกต่อเนื่องตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ต้องประกาศเตือนเรือเล็กให้งดออกจากฝั่ง นอกจากนี้ คลื่นลมยังพัดป้ายโฆษณาที่อยู่ชายฝั่งเสียหาย รวมทั้งต้นไม้ใหญ่โค่นล้ม.-สำนักข่าวไทย

    2009-07-12 13:47:15

    เหตุดินถล่มในสุราษฎร์ธานี ตัดขาดเส้นทางจราจรบนถนนเพชรเกษม

    [​IMG]

    สุราษฎร์ธานี 12 ก.ค. - เกิดเหตุดินถล่มในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตัดขาดเส้นทางจราจรบนถนนเพชรเกษม ขณะที่ทางจังหวัดประกาศเป็นพื้นที่อันตรายแล้ว

    ฝนที่ตกหนักตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้ดินจากเขาสกถล่มลงมาปิดกั้นเส้นทางถนนสายสุราษฎร์ธานี – ตะกั่วป่า ระหว่างกิโลเมตรที่ 113-114 หมู่ 6 ตำบลคลองสก อำเภอพนม ทำให้การสัญจรระหว่างจังหวัดสุราษฎร์ธานี กับอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ถูกตัดขาด รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งนำเครื่องจักรกลหนักเข้าเปิดเส้นทาง แต่การทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากมีเศษหินดินและต้นไม้จำนวนมาก และยังมีดินสไลด์ตัวลงมาตลอดเวลา

    คาดว่าจะสามารถเปิดการจราจรได้ในช่วงบ่าย พร้อมแนะประชาชนควรหลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางเข้าอำเภอทับปุด แทน เนื่องจากดินมีความชุ่มน้ำ ยังมีความเสี่ยงที่จะถล่มลงมาได้ตลอดเวลา ทางจังหวัดได้ประกาศเป็นพื้นที่อันตรายแล้ว ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่เกิดเหตุซ้ำซาก มีเหตุดินถล่มบ่อยครั้ง. -สำนักข่าวไทย

    2009-07-12 11:13:03

    อุทยานฯ เขาสกประกาศปิด 12-16 ก.ค.นี้หลังฝนถล่มหนัก

    [​IMG]

    สุราษฎร์ธานี 12 ก.ค.-จากกรณีฝนได้ตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่งผลให้ดินจากเขาสกถล่มปิดกั้นเส้นทาง ถนนสายสุราษฎร์ธานี – อำเภอตะกั่วป่า ระหว่างกิโลเมตรที่ 113- 114 ทำให้การสัญจรระหว่างจังหวัดสุราษฎร์ธานีกับอำเภอตะกั่วป่า ถูกตัดขาดรถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ ทางเจ้าหน้าที่เร่งนำเครื่องจักรกลหนักเข้าเคลียเปิดเส้นทาง แต่เป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากมีเศษหินดินและต้นไม้จำนวนมาก และยังมีดินสไลด์ตัวลงมาตลอดเวลา

    ล่าสุด นายไชทัศน์ บุญภูพันธ์ตันติ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสกได้ประกาศปิดอุทยานแห่งชาติเขาสก ตั้งแต่วันที่ 12 - 16 กรกฎาคมนี้ พร้อมมีคำสั่งห้ามนักท่องเที่ยวทุกคนฝ่าฝืนเข้าพื้นที่จุดเสี่ยงโดยเด็ดขาด เช่น ถ้ำน้ำลอด น้ำตกบางหัวแรด น้ำตก 11 ชั้น พร้อมอพยพนักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่อันตรายมาอยู่ในที่ปลอดภัยแล้วจำนวนหนึ่ง.-สำนักข่าวไทย

    2009-07-12 12:12:58

    ฝนตกหนัก-พายุหมุนที่ระนอง ทำร้านค้าเสียหายเกือบหมด

    [​IMG]

    ระนอง 11 ก.ค.-เกิดฝนตกหนักและพายุหมุน ที่จังหวัดระนอง แค่ 2 นาที พัดหลังคาร้านขายหนังสือ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เสียหายเกือบทั้งหมด

    หลังคาร้านขายหนังสือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และเครื่องถ่ายเอกสาร ตำบลเขานิเวศน์ อำเภอเมืองระนอง เสียหายเกือบทั้งหมด หลังช่วงเช้าที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนัก และพายุหมุน เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ ไม่มีหน่วยงานราชการเข้าช่วยเหลือ ชาวบ้านจึงต้องช่วยกันซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเกรงว่าสินค้าจะเสียหาย หากเกิดฝนตกลงมาอีก

    นายสรวุฒิ สิริโรจน์วรกุล เจ้าของร้าน บอกว่า เกิดลมหมุน ห่างจากหน้าร้านประมาณ 15 เมตร ก่อนพัดเข้าหาร้านอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาประมาณ 2 นาที พัดหลังคาบ้านปลิวหายไปเกือบทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย

    2009-07-11 17:17:07

    ที่มา http://news.mcot.net/local/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2009
  19. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    วันนี้อากาศร้อนมากๆ ระวังพายุฝนกันด้วยจ้า
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    เกิดแผ่นดินไหวปานกลาง 5.7 ริกเตอร์ ที่อินโดนีเซีย

    [​IMG]

    จาการ์ตา 12 ก.ค.- เกิดแผ่นดินไหววัดความรุนแรงได้ 5.7 ริกเตอร์ที่จังหวัดปาปัวของอินโดนีเซียเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน

    สำนักธรณีวิทยาและธรณีฟิสิกส์กรุงจาการ์ตารายงานว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นวันนี้ เมื่อเวลา 09.58 น. ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งเป็นเวลาเดียวกันในไทย โดยมีศูนย์กลางห่างจากเมืองไคมานาในจังหวัดปาปัวตะวันตกไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 156 กิโลเมตร โดยวัดแรงสั่นสะเทือนได้ที่ระดับ 10 กิโลเมตรจากผิวดิน อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการออกประกาศเตือนภัยคลื่นสึนามิ อนึ่ง อินโดนีเซียตั้งอยู่บนแนววงแหวนไฟอันเป็นจุดบรรจบของแผ่นทวีปในมหาสมุทรแปซิฟิก ส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดบ่อยครั้ง.-สำนักข่าวไทย

    2009-07-12 11:23:23

    เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6 ริกเตอร์ ที่เปรู

    [​IMG]

    วอชิงตัน 12 ก.ค.- ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6 ริกเตอร์ทางภาคใต้ของเปรูในเช้าตรู่วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย

    ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ ระบุว่า แผ่นดินไหวดังกล่าวอยู่ลึกใต้พื้นดิน 186.8 กิโลเมตร และห่างไปทางตะวันออกถึงตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงลิมาราว 781 กิโลเมตรเมื่อเวลา 01.12 น.วันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 13.12 น. วันนี้ตามเวลาในไทย.-สำนักข่าวไทย

    2009-07-12 14:47:05

    เหตุน้ำท่วมฉับพลันในจีน พัดร่างนักท่องเที่ยวเสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน

    [​IMG]

    จีน 12 ก.ค. - เกิดน้ำท่วมฉับพลันในจีน พัดพาร่างนักท่องเที่ยวสูญหายไปหลายคน ซึ่งขณะนี้พบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 7 คน

    ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในเทศบาลเมืองฉงชิ่ง ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน กระแสน้ำได้พัดเอากลุ่มนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งที่กำลังล่องแพอยู่ในแม่น้ำ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน และขณะนี้ยังคงสูญหายอีก 22 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังเร่งค้นหา ส่วนอีก 5 คน ได้รับการช่วยเหลือเอาไว้ได้

    นอกจากนี้ กระแสน้ำยังได้พัดเข้าท่วมถนนหลายสาย และบ้านเรือนประชาชนจำนวนหนึ่ง ในเมืองฉงชิ่ง จนได้รับความเสียหาย ซึ่งชาวบ้านพยายามป้องกันน้ำท่วมบ้านเรือนด้วยการสร้างแนวกั้นน้ำชั่วคราวเพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้าไปภายในบ้าน . -สำนักข่าวไทย

    2009-07-12 17:03:01

    เศรษฐกิจซินเจียงเสียหายหนัก หลังเกิดเหตุจลาจลรุนแรง

    [​IMG]

    จีน 12 ก.ค. - ทางการจีน ระบุว่าเศรษฐกิจของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลังเกิดเหตุจลาจลรุนแรง

    ทางการระบุว่า เหตุการณ์ปะทะกันในเมืองอุรุมชีเมืองเอกของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ระหว่างชาวมุสลิมอุยกูร์กับชาวฮั่น ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 184 คนนั้น ได้สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจของเขตปกครองแห่งนี้อย่างที่ไม่สามารถจะประเมินได้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

    เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้รับบาดเจ็บไป 9 คน รถบัสของนักท่องเที่ยวได้รับความเสียหายกว่า 20 คัน และหลังเกิดเหตุจลาจลทำให้บรรดาบริษัททัวร์พากันยกเลิกโปรแกรมการท่องเที่ยวราว 1,400 โปรแกรม ซึ่งมีนักท่องเที่ยวถึง 85,000 คน. -สำนักข่าวไทย

    2009-07-12 16:07:39

    พายุโซนร้อนคาร์ลอสทวีกำลังเป็นเฮอริเคน

    [​IMG]

    ไมอามี 12 ก.ค.- ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐ ที่นครไมอามี รายงานว่า พายุโซนร้อนคาร์ลอสในมหาสมุทรแปซิฟิกนอกชายฝั่งประเทศเม็กซิโก ได้ทวีความรุนแรงเป็นพายุเฮอริเคนแล้ว

    พายุลูกนี้มีความเร็วลมเพิ่มขึ้นในขณะที่เคลื่อนตัวไปทางตะวันตกในทะเลเปิด ซึ่งเมื่อเวลา 04.00 น.ที่ผ่านมา เฮอริเคนคาร์ลอสอยู่ห่างจากปลายแหลมของคาบสมุทรบาฮากาลิฟอร์เนียของเม็กซิโก ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ 1,610 กิโลเมตร และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วเดินทางประมาณ 19 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และความเร็วลมที่ศูนย์กลางเกือบ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นไปทางเหนือเล็กน้อยในช่วง 2 วันข้างหน้า.-สำนักข่าวไทย

    2009-07-12 12:02:07

    กลุ่มผู้สนับสนุนและต่อต้าน ปธน.ฮอนดูรัส ยังปักหลักชุมนุมก่อนเจรจารอบใหม่

    [​IMG]

    ฮอนดูรัส 12 ก.ค. - กลุ่มผู้สนับสนุนและต่อต้านประธานาธิบดีฮอนดูรัสซึ่งถูกโค่นล้มอำนาจยังคงปักหลักชุมนุมก่อนการเจรจารอบใหม่เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติการเมืองของฮอนดูรัส

    กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโฮเซ่ มานูเอล เซลายา ได้เคลื่อนขบวนไปยังสนามบินในกรุงเตกู ซิกัลปา เพื่อแสดงการสนับสนุนประธานาธิบดีฮอนดูรัส ซึ่งถูกกองทัพทำรัฐประหารไปเมื่อปลายเดือนที่แล้ว และขณะนี้ยังคงลี้ภัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกันผู้สนับสนุนรัฐบาลใหม่ก็จัดพิธีสวดมนต์ครั้งใหญ่ เพื่อสันติภาพ ในสนามเบสบอลของเมืองหลวง

    ความขัดแย้งทางการเมืองของฮอนดูรัสในครั้งนี้ ก่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชนอย่างเห็นได้ชัด โดยประชาชนเกือบร้อยละ 30 ยังคงให้การสนับสนุนผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง ขณะที่กว่าร้อยละ 40 เห็นด้วยกับศาลสูง รัฐสภา และกองทัพที่ร่วมกันโค่นล้มนายเซลายา ที่พยายามแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เขาลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีได้อีกหนึ่งสมัย. -สำนักข่าวไทย

    2009-07-12 11:13:58

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...