ผลที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ล้วนมาจาก “กรรม” ทั้งสิ้น

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 26 สิงหาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    97545.jpg
    กฎแห่งกรรม : เบ็ดเกี่ยวปาก

    แม้จะเป็นคนไทย นับถือพุทธศาสนา แต่ฉันก็ไม่ค่อยเข้าถึงหลักธรรมคำสอนสักเท่าไหร่ ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ทำบุญทำทานตามวาระโอกาส เช่น ปีใหม่ วันเกิด หรือในวันสำคัญทางศาสนา

    แต่เมื่ออายุมากขึ้นเรื่อยๆ ชีวิตก็เริ่มวุ่นวายและไม่สนุกเหมือนเดิม ทำให้ฉันหันมาสนใจศึกษาพระธรรม ด้วยการอ่านหนังสือ ฟังพระเทศน์ ฟังธรรมบรรยายจากครูอาจารย์ที่เชี่ยวชาญทางธรรม
    ผลที่ได้รับนั้น ทำให้ฉันเข้าใจตัวเองมากขึ้น ชีวิตเริ่มสงบลง ขณะเดียวกันก็ได้ความรู้อะไรอีกหลายอย่างที่ไม่เคยรู้ เช่น เรื่องกฎแห่งกรรม ที่ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากๆสำหรับคนที่ทำแต่กรรมไม่ดี ทั้งโดยเจตนาก็ตาม หรือไม่เจตนาก็ตาม
    แรกๆฉันคิดว่าการกระทำกรรมไม่ดี ต้องทำตอนโตจึงจะมีผล แต่ถ้าทำตอนเล็กๆคงไม่เป็นไร เพราะยังไม่รู้เรื่องบาปบุญคุณโทษ แต่สิ่งที่ฉันคิดนั้นผิด เพราะขึ้นชื่อว่าทำกรรมแล้ว ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม ย่อมได้รับผลของกรรมนั้นอย่างแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าจะเร็วหรือช้าเท่านั้นเอง
    เหมือนกับเรื่องของเพื่อนคนหนึ่งที่ฉันได้รู้จักตอนไปปฏิบัติธรรมที่เดียวกัน เธอชื่อว่า “ป้อม” ซึ่งได้ทำกรรมไว้เมื่อตอนเด็กๆ และได้รับผลของกรรมเมื่อเวลาผ่านไปหลายปีทีเดียว

    ป้อมเล่าว่าเธอมักจะเกิดแผลในปากบ่อยๆ ตอนแรกก็เข้าใจว่า ดื่มน้ำน้อยทำให้ร้อนในจึงเกิดแผลในปาก เธอก็พยายามดื่มน้ำให้มากขึ้น แต่มันก็จะเกิดแผลในปากอยู่เรื่อยๆ
    พอได้มาปฏิบัติธรรมฝึกสติรับรู้การกระทำในปัจจุบัน จึงพบว่า ปกติแล้วการที่ลิ้นจะโดนฟันขบเวลาเคี้ยวอาหารก็เป็นเรื่องธรรมดาของลิ้นกับฟัน ที่อาจมีการกระทบกันได้บ้าง
    แต่ที่ผิดปกติและไม่ธรรมดาก็คือ มีหลายครั้งที่ไม่ได้เคี้ยวอาหาร แค่พูดคุยกันธรรมดา จู่ๆฟันก็ไปกระทบกับลิ้น หรือฟันไปกัดโดนกระพุ้งแก้มในปาก หลังจากนั้นก็จะเกิดเป็นแผลเจ็บปวดเกือบ 10 วัน ไม่ใช่แผลร้อนในอย่างที่เคยเข้าใจ

    เมื่อลิ้นเป็นแผลเธอก็ใส่ยารักษาให้หายเร็วๆ แต่ไม่นานก็เป็นซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็รักษากันไป วนเวียนอยู่อย่างนี้เป็นปีๆ ทำให้เธอเกิดความลำบากมากในการรับประทานอาหารทุกครั้ง
    แต่หลังจากที่เธอได้ฟังธรรมบรรยายของ ดร.สนอง วรอุไร ว่าถ้าเราทำกรรมอะไรไว้ ก็ชดใช้ให้หมดไปในชาตินี้
    เธอจึงได้หันกลับมาทบทวนการกระทำที่ผ่านๆมาของตัวเอง แล้วก็พบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอนั้น มันไม่ใช่โรคภัยไข้เจ็บธรรมดา แต่มันเป็นโรคที่เกิดจากกรรม เธอจึงเลิกรักษา และพร้อมชดใช้กรรมทั้งหมด ด้วยความอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด

    กรรมที่ป้อมได้ก่อไว้ เธอเล่าว่า ได้ทำมาตั้งแต่ตอนเด็กๆ เพราะวัยนั้นเธอเป็นเด็กหญิงที่ซุกซนมาก ชอบเล่นกับเด็กผู้ชาย ไม่ว่าจะปีนต้นไม้ กระโดดน้ำในคลอง เธอทำได้อย่างคล่องแคล่ว แต่เรื่องตกปลา เธอไม่เคยทำ
    เนื่องจากบ้านที่เธออยู่นั้น หน้าบ้านมีคูน้ำ ช่วงฤดูฝนที่น้ำหลาก น้ำจะล้นมาถึงคูหน้าบ้าน และมีปลาตัวเล็กๆตามมาด้วย
    ป้อมชอบไปเล่นที่คูน้ำ เธอเห็นปลาว่ายน้ำไปมา จึงนึกสนุกเอามือไปช้อนเล่น ได้บ้างไม่ได้บ้าง จับได้มาแค่พอปลาดิ้นกระดุกกระดิกบนฝ่ามือ เธอก็ปล่อยลงน้ำไปเหมือนเดิม เล่นอย่างนี้หลายวันเข้าก็เบื่อ เธอจึงคิดว่า ตกปลาดีกว่า น่าจะสนุกดี เพราะเธอเคยเห็นพวกเด็กผู้ชายเล่นตกปลาแข่งกันอย่างสนุกสนาน คิดแล้วเธอก็ไปหาอุปกรณ์ตกปลา โดยไปซื้อเบ็ดและเอ็นที่ตลาด แล้วหาไม้ไผ่มาทำคันเบ็ด ซึ่งเธอก็ทำได้ เพราะเคยช่วยเพื่อนๆทำ จากนั้นก็ไปขุดหาไส้เดือนมาเป็นเหยื่อ เมื่อได้ของครบแล้ว ป้อมก็เตรียมตัวไปตกปลา เมื่อแม่เห็นก็ห้าม และไล่ให้ไปเล่นอย่างอื่น ป้อมจึงหลบไปสักพัก พอเห็นว่าแม่ไม่อยู่ ก็หอบอุปกรณ์มาตกปลาอีก แต่เพราะเป็นมือใหม่หัดตก ตอนแรกจึงตกไม่ได้เลยสักตัว ทำให้ป้อมรู้สึกเบื่อ และอยากจะเลิก
    แต่พอนานเข้า ก็เริ่มมีปลามากินเบ็ด เมื่อตกได้ปลาตัวแรกซึ่งเป็นปลาตัวเล็กๆ เธอก็จะปลดเบ็ดที่เกี่ยวปากปลาออก แต่ความที่ไม่ชำนาญ กว่าเธอจะปลดเบ็ดออกได้ ก็ใช้เวลาค่อนข้างนาน ทำให้ปากปลาครูดกับเบ็ดจนเป็นแผลถลอก!! แล้วเธอก็ปล่อยมันลงน้ำไป
    ตอนนั้นป้อมไม่รู้หรอกว่า การกระทำของเธอ ทำให้ปลามันเจ็บปวดแค่ไหน เพราะเธอยังคงตกปลาอย่างสนุกสนานต่อมาอีกหลายอาทิตย์ และก็ทำเหมือนเดิม คือ พอตกได้ ก็ปล่อยไป เรียกว่า มีปลานับสิบๆตัวที่ต้องเผชิญกับชะตากรรมเช่นนี้

    แต่เหตุที่น้ำไม่ได้หลากมามากทุกปี ทำให้กิจกรรมตกปลาของป้อมค่อยๆห่างไป และเมื่อโตขึ้นเธอก็ไม่ได้สนใจที่จะตกปลาอีกเลย จนกระทั่งเรียนจบและแต่งงานไปจนกระทั่งผลกรรมที่ทำไว้ ได้ย้อนกลับมาหา เธอต้องตกอยู่ในสภาพที่เป็นแผลในปากบ่อยครั้ง และช่วงเวลานี้เองที่เธอได้รู้ถึงรสชาติของความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ซึ่งไม่ต่างไปจากปลาทั้งหลายที่เธอได้ทำกับพวกมันไว้
    หลังจากได้ชดใช้หนี้กรรมให้พวกปลา โดยยอมเจ็บปวดทุกข์ทรมานมานาน ทุกวันนี้แม้ฟันจะขบถูกลิ้นแรงๆเวลาเคี้ยวอาหาร ก็ไม่เป็นแผลเจ็บปวดหลายวันเหมือนแต่ก่อน เจ็บแค่ไม่นานก็หายไป
    เธอคิดเอาเองว่า ตอนนี้เธอน่าจะชดใช้กรรมจากการตกปลาหมดสิ้นแล้ว และเธอได้ขออโหสิกรรมกับพวกมันด้วย ขอให้เลิกแล้วต่อกันในชาตินี้
    ตั้งแต่นั้นมา เธอก็หมั่นทำบุญใส่บาตร และไม่ลืมที่จะอุทิศผลบุญให้กับผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเธอ

    ขอเชิญชวนท่านผู้อ่านที่มีประสบการณ์จริงเกี่ยวกับเรื่องกฎแห่งกรรม เขียนเล่ามาเป็นธรรมทานในการเตือนสติแก่เพื่อนร่วมโลกให้ตระหนักถึงบาปบุญคุณโทษ และตั้งอยู่ในความดีงามตลอดไป


    (จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 141 กันยายน 2555 โดย นิรนาม)
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    การทำกรรมทางใดมีโทษมากที่สุด

    ...ทีฆตปัสสีนิครนถ์ได้กราบทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ท่านพระโคดม ! พระองค์เล่าย่อมบัญญัติทัณฑะ ในการทำบาปกรรม ในการเป็นไปแห่งบาปกรรมไว้เท่าไร ?ทีฆตปัสสี ! ตถาคตจะบัญญัติว่ากรรม ๆ ดังนี้ เป็นอาจิณ.ท่านพระโคดม ! ก็พระองค์ย่อมบัญญัติกรรม ในการทำบาปกรรม ในการเป็นไปแห่งบาปกรรมไว้เท่าไร ?ทีฆตปัสสี ! เราย่อมบัญญัติกรรม ในการทำบาปกรรม ในการเป็นไปแห่งบาปกรรมไว้ ๓ ประการ คือ กายกรรม ๑ วจีกรรม ๑ มโนกรรม ๑.ท่านพระโคดม ! ก็กายกรรมอย่างหนึ่ง วจีกรรมอย่างหนึ่ง มโนกรรมอย่างหนึ่ง มิใช่หรือ ?ทีฆตปัสสี ! กายกรรมอย่างหนึ่ง วจีกรรมอย่างหนึ่ง มโนกรรมอย่างหนึ่ง ท่านพระโคดม ! ก็บรรดากรรมทั้ง ๓ ประการ ที่จำแนกออกแล้วเป็นส่วนละอย่างต่างกัน เหล่านี้ กรรมไหน คือ กายกรรม วจีกรรม หรือมโนกรรมที่พระองค์บัญญัติว่ามีโทษมากกว่าในการทำบาปกรรม ในการเป็นไปแห่งบาปกรรม ?ทีฆตปัสสี ! บรรดากรรมทั้ง ๓ ประการ ที่จำแนกออกแล้วเป็นส่วนละอย่างต่างกันเหล่านี้เราบัญญัติมโนกรรมว่ามีโทษมากกว่า ในการทำบาปกรรม ในการเป็นไปแห่งบาปกรรม เราจะบัญญัติกายกรรม วจีกรรมว่ามีโทษมาก เหมือนมโนกรรม หามิได้.ท่านพระโคดม ! พระองค์ตรัสว่ามโนกรรมหรือ ?ทีฆตปัสสี ! เรากล่าวว่ามโนกรรม.ท่านพระโคดม ! พระองค์ตรัสว่ามโนกรรมหรือ ?ทีฆตปัสสี ! เรากล่าวว่ามโนกรรม.ท่านพระโคดม ! พระองค์ตรัสว่ามโนกรรมหรือ ?ทีฆตปัสสี ! เรากล่าวว่ามโนกรรม.ทีฆตปัสสีนิครนถ์ให้พระผู้มีพระภาคทรงยืนยันในเรื่องที่ตรัสนี้ถึง ๓ ครั้ง ด้วยประการฉะนี้ แล้วลุกจากอาสนะเข้าไปหานิครนถ์นาฏบุตรถึงที่อยู่.
    -ม. ม. ๑๓/๕๔/๖๒.
    ...อกุศลกรรมบท ๑๐
    ...ดูกรจุนทะ ความไม่สะอาดทางกายมี ๓ อย่าง ความไม่สะอาดทางวาจามี ๔ อย่าง ความไม่สะอาดทางใจมี ๓ อย่าง ฯ
    ...ดูกรจุนทะ ก็ความไม่สะอาดทางกายมี ๓ อย่าง อย่างไรเล่าดูกรจุนทะ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีปรกติฆ่าสัตว์ หยาบช้า มีมือชุ่มด้วยโลหิต ตั้งอยู่ในการฆ่าและการทุบตี ไม่มีความเอ็นดูในสัตว์มีชีวิต ๑เป็นผู้ถือเอาสิ่งของที่เขาไม่ได้ให้ คือ ถือเอาวัตถุอันเป็นอุปกรณ์แก่ทรัพย์เครื่องปลื้มใจแห่งผู้อื่นของบุคคลอื่น ซึ่งอยู่ในบ้านหรืออยู่ในป่า ที่เจ้าของมิได้ให้ ด้วยจิตเป็นขโมย ๑เป็นผู้ประพฤติผิดในกาม คือ เป็นผู้ถึงความประพฤติล่วงในสตรีที่มารดารักษา บิดารักษา พี่ชายน้องชายรักษา พี่สาวน้องสาวรักษา ญาติรักษา ธรรมรักษา สตรีมีสามี ผู้มีอาชญาโดยรอบ โดยที่สุดแม้สตรีผู้ที่บุรุษคล้องแล้วด้วยพวงมาลัย ๑ดูกรจุนทะ ความไม่สะอาดทางกายมี ๓ อย่าง อย่างนี้แล ฯ
    ...ดูกรจุนทะ ความไม่สะอาดทางวาจามี ๔ อย่าง อย่างไรเล่าดูกรจุนทะ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีปรกติพูดเท็จ คือ เขาอยู่ในสภา ในบริษัท ในท่ามกลางญาติ ในท่ามกลางเสนา หรือในท่ามกลางราชสกุล ถูกผู้อื่นนำไปเป็นพยานซักถามว่า มาเถิดบุรุษผู้เจริญ ท่านรู้สิ่งใดจงพูดสิ่งนั้น ดังนี้บุคคลนั้นเมื่อไม่รู้กล่าวว่ารู้ หรือเมื่อรู้กล่าวว่าไม่รู้ เมื่อไม่เห็นกล่าวว่าเห็น หรือเมื่อเห็นกล่าวว่าไม่เห็น ดังนี้เป็นผู้กล่าวเท็จทั้งรู้ เพราะเหตุแห่งตน เพราะเหตุแห่งผู้อื่น หรือเพราะเหตุเห็นแก่อามิสเล็กน้อย ด้วยประการดังนี้ ๑เป็นผู้พูดส่อเสียด คือ ฟังข้างนี้แล้วไปบอกข้างโน้นเพื่อทำลายคนหมู่นี้ หรือฟังข้างโน้นแล้วมาบอกข้างนี้เพื่อทำลายคนหมู่โน้น ยุยงคนทั้งหลายผู้สามัคคีกันให้แตกกัน หรือส่งเสริมชนทั้งหลายผู้แตกกันแล้ว ชอบความแยกกัน ยินดีความแยกกัน เพลิดเพลินในความแยกกัน กล่าวแต่คำที่ทำให้แยกกัน ๑เป็นผู้พูดคำหยาบ คือกล่าววาจาที่หยาบคายกล้าแข็ง ทำให้ผู้อื่นข้องใจ เดือดร้อนแก่ผู้อื่น ใกล้ต่อความโกรธ ไม่เป็นไปเพื่อสมาธิ ๑เป็นผู้พูดเพ้อเจ้อ คือ กล่าวไม่ถูกกาล กล่าวไม่จริง กล่าวไม่อิงอรรถ ไม่อิงธรรม ไม่อิงวินัย กล่าววาจาไม่มีหลักฐาน ไม่มีที่อ้าง ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ โดยกาลไม่ควร ๑ดูกรจุนทะ ความไม่สะอาดทางวาจามี ๔ อย่าง อย่างนี้แล ฯ
    ...ดูกรจุนทะ ความไม่สะอาดทางใจมี ๓ อย่าง อย่างไรเล่าดูกรจุนทะ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้อยากได้ของผู้อื่น คือ อยากได้วัตถุเป็นอุปกรณ์แก่ทรัพย์เป็นเครื่องปลื้มใจแห่งผู้อื่นของบุคคลอื่นว่า ไฉนหนอ วัตถุเป็นอุปกรณ์แก่ทรัพย์เครื่องปลื้มใจแห่งผู้อื่นพึงเป็นของเรา ดังนี้ ๑เป็นผู้มีจิตปองร้าย คือ มีความดำริในใจอันชั่วร้ายว่า สัตว์เหล่านี้จงถูกฆ่า จงถูกทำลาย จงขาดสูญ จงพินาศ หรืออย่าได้เป็นแล้ว ดังนี้ ๑เป็นผู้มีความเห็นผิด คือ มีความเห็นวิปริตว่า ทานที่บุคคลให้แล้วไม่มีผล การเซ่นสรวงไม่มีผล การบูชาไม่มีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่บุคคลทำดีทำชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี สัตว์ผู้เป็นอุปปาติกะไม่มี สมณพราหมณ์ผู้ดำเนินไปโดยชอบ ผู้ปฏิบัติชอบผู้ทำโลกนี้และโลกหน้า ให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองแล้วสอนผู้อื่นให้รู้ตาม ย่อมไม่มีในโลก ดังนี้ ๑ดูกรจุนทะ ความไม่สะอาดทางใจมี ๓ อย่าง อย่างนี้แล ฯ
    ...ดูกรจุนทะ อกุศลกรรมบถมี ๑๐ ประการนี้แล ดูกรจุนทะ บุคคลผู้ประกอบด้วยอกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการนี้ เมื่อลุกขึ้นจากที่นอนแต่เช้าตรู่ ถึงแม้จับต้องแผ่นดิน ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้ไม่จับต้องแผ่นดิน ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้จับต้องโคมัยสด ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้ไม่จับต้องโคมัยสด ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้จับต้องหญ้าอันเขียวสด ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้ไม่จับต้องหญ้าอันเขียวสด กเป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้จะบำเรอไฟ ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้จะบำเรอไฟ ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้เป็นผู้ประนมอัญชลีนอบน้อมพระอาทิตย์ ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้จะเป็นผู้ไม่ประนมอัญชลีนอบน้อมพระอาทิตย์ ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้จะลงน้ำ ๓ ครั้งทั้งเวลาเย็นเวลาเช้า ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้จะไม่ลงน้ำ ๓ ครั้งทั้งเวลาเย็นเวลาเช้า ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าอกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการนี้ เป็นความไม่สะอาดด้วย เป็นตัวกระทำไม่สะอาดด้วยดูกรจุนทะ ก็เพราะเหตุแห่งการประกอบด้วยอกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการนี้ นรกจึงปรากฏกำเนิดดิรัจฉานจึงปรากฏ เปรตวิสัยจึงปรากฏ หรือว่าทุคติอย่างใดอย่างหนึ่งแม้อื่นจึงมี ฯ
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
    :- https://sites.google.com/site/buddhatalkbudda/ce-to-priy-yan-1

     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    ผู้ให้ย่อมได้สิ่งที่เลิศกว่า..

    thamnu onprasert
    Apr 23, 2019
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    “ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว”
    มนุษย์เราหากินบนความทุกข์ของสัตว์นานาชนิดมาตั้งแต่ครั้งอดีตกาล ทั้งถลกหนังนำมาทำเครื่องนุ่งห่ม แล่เนื้อมากินเพื่อประทังชีวิต ทั้งสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ ไม่มีสัตว์ชนิดใดจะรอดเงื้อมมือมนุษย์ไปได้ อาจเรียกได้ว่าเป็นธรรมชาติของการดำรงชีวิต ในอดีตเราฆ่าเพราะจำเป็นต้องฆ่า เมื่อมาถึงยุคปัจจุบัน มนุษย์เราเห็นแก่ตัวมากขึ้น เริ่มสรรหาวิธีการฆ่าสัตว์แบบทรมานเพื่อเพิ่มอรรถรสในการกินมากยิ่งขึ้น การพรากชีวิตผู้อื่นเพื่อนำมาต่อชีวิตให้กับตนเองนั้นก็บาปมากพออยู่แล้ว แต่การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเพื่อความบันเทิงส่วนตัวนั้น ถือเป็นบาปมหันต์อย่างหาที่สุดมิได้
    แต่เดิมนั้นฉันเกิดในครอบครัวคนจีนที่มีอันจะกินย่านสาทร ด้วยความเป็นลูกสาวคนเล็ก จึงได้รับการเลี้ยงดูเอาอกเอาใจมาตลอด นิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่เล็กอย่างหนึ่งที่แก้ไม่หายคือ ชอบเอาแต่ใจและโมโหง่ายมาก พร้อมจะหาเรื่องผู้ใหญ่ได้ทุกเมื่อ ในขณะเดียวกัน กิจการของคุณพ่อก็รุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ ทำให้วันๆ คุณพ่อเอาแต่ทำงานวิ่งวุ่นติดต่อลูกค้าจนไม่มีเวลาสนใจว่าฉันจะทำอะไร จะเล่น จะเรียนอย่างไร

    จวบจนอายุครบ 5 ขวบเต็ม ตอนนั้นคุณแม่ไปอยู่ฮ่องกงราวหนึ่งอาทิตย์ ทำให้ฉันรู้สึกเหงา แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกโกรธทั้งๆ ที่ไม่มีเรื่องให้ต้องโกรธ ขี้งอน ขี้น้อยใจมากเกินธรรมดา แต่ฉันไม่เคยแสดงอาการเหล่านี้ให้พ่อแม่เห็น ได้แต่แอบกระทืบตุ๊กตาหมีอยู่บนห้องนอน ปาหมอนบ้าง ตะโกนโหวกเหวกบ้าง จนในที่สุดก็ทนไม่ไหว รู้สึกว่าการระบายออกแบบนี้เริ่มไม่ได้ผล ฉันยังคงไม่หายโกรธ พลันสายตาก็มองออกไปนอกระเบียงบ้าน ฝนกำลังจะตก ท้องฟ้ามืดครึ้ม ตรงพื้นระเบียงสีขาวหม่น ฉันสังเกตเห็นมดดำจำนวนมหาศาลกำลังเดินขบวนเร่งอพยพรังไปหาที่หลบภัย พวกมันกำลังมุ่งหน้าเข้ามาในห้องนอนของฉัน !

    เมื่อเห็นดังนั้น มีหรือจะรอช้า อารมณ์กราดเกรี้ยวที่กำลังพลุ่งพล่านครอบงำจิตใจโดยสมบูรณ์ ฉันตรงไปกระทืบเท้าฆ่าพวกมดตัวเล็กๆ เหล่านั้นอย่างเมามัน รู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกม ยิ่งฆ่ายิ่งสนุก โดยปราศจากความรู้สึกผิดชอบชั่วดีใดๆ ทั้งสิ้น แต้มที่ฉันทำได้วันนั้นคือ ชีวิตของมดดำราว 2,000 กว่าตัว หลังจากวันนั้นเมื่อไรก็ตามที่ฉันเห็นมดเดินมา เป็นต้องลุกขึ้นกระทืบทุกครั้งไป

    จนกระทั่งอายุ 11 ปี จู่ๆ คืนหนึ่งฉันก็ฝันแปลกๆ ในฝัน ฉันเห็นมดพวกนั้นที่ฉันฆ่าไปเกือบหมื่นชีวิตนั่งรถไฟรูปหัวกะโหลกสีดำมาตามทางรถไฟ รถไฟขบวนนั้นแล่นผ่านหน้าบ้านฉันไป พลันสายตาที่จับจ้องของมดดำเหล่านั้นก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงคล้ายไฟอาฆาต

    ฉันสะดุ้งตื่นกลางดึก เหงื่อไหลชุ่มหลังและรู้สึกเวียนศีรษะ อาเจียนไปหลายรอบจนกระทั่งรุ่งเช้า แม่เห็นท่าไม่ดี จึงบอกให้พ่อพาฉันไปโรงพยาบาล ทันทีที่ไปถึง ฉันถูกกักตัวไว้ที่ห้องไอซียู หมอบอกอาการหนักมากเหมือนจะช็อกได้ตลอดเวลา แต่น่าแปลก หมอกลับยังหาสาเหตุของโรคไม่เจอ แม้เวลาจะผ่านไป 12 ชั่วโมงแล้วก็ตาม ทำให้ไม่สามารถทำการรักษาใดๆ ได้ ในขณะนั้น ทำได้แค่ให้ออกซิเจนและน้ำเกลือไปก่อน ฉันต้องทนทรมานอยู่แบบนั้นนานถึง 12 ชั่วโมง จนเวลาผ่านไปถึงหนึ่งทุ่มสามสิบห้านาที ฉันก็ไม่รู้สึกตัวอีกต่อไป เกิดสภาวะเลือดเป็นกรด ชักดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียงคนไข้ท่ามกลางหมอและพยาบาลที่พยายามช่วยกันยื้อชีวิต ผลการตรวจเลือดของคนปกติ
    อยู่ที่ 100 มก./ดล. แต่ฉันในขณะนั้นมีผลน้ำตาลในเลือดสูงถึง 760 มก./ดล.! นั่นทำให้หมอหาสาเหตุของโรคที่แน่ชัดได้ในทันทีว่า ฉันโคม่าเพราะโรคเบาหวานนั่นเอง

    ช่วงคาบเกี่ยวระหว่างความเป็นกับความตาย เหมือนได้ยินเสียงร้องไห้ของพ่อกับแม่อยู่รางๆ ในตอนนั้นฉันแทบไม่เหลือลมหายใจ อีกทั้งรู้สึกง่วงนอนมาก อยากหลับเหลือเกิน แต่พอคิดจะหลับ หมอก็เขย่าแรงๆ ให้ฉันตื่น พร้อมกับตะโกนว่า “ห้ามหลับนะ ห้ามหลับเด็ดขาด!” ราวกับรู้ว่าหากฉันหลับไปเมื่อไร จะไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีกตลอดกาล…

    โชคยังดี ฉันรอดชีวิตมาได้ราวกับปาฏิหาริย์ในสภาพทุลักทุเลเหลือทน มีไม่กี่คนบนโลกที่โคม่าขนาดนี้แล้วยังรอดชีวิตมาได้ บทสรุปที่ว่าฉันเป็นโรคเบาหวานตั้งแต่อายุ 11 นั้น ช่างทำใจยอมรับลำบากเหลือเกิน ฉันต้องปักเข็มฉีดยาลงบนเนื้อตัวเองไปตลอดชีวิตที่เหลือ ยังไม่นับโรคแทรกซ้อนทางตาและทางไตที่ฉันได้รับมาเป็นของแถม

    คืนหนึ่งในโรงพยาบาล ฉันกึ่งหลับกึ่งตื่น เห็นภาพรถไฟขบวนเดิมแล่นผ่านหน้าบ้านเหมือนกับที่เคยฝันก่อนหน้านี้ แต่คราวนี้มดพวกนั้นยิ้มให้ฉัน ยิ้มแสยะอย่างน่ากลัว…

    ฉันสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจสุดขีด ร้องไห้โวยวาย เล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่ฟัง แม่ปลอบใจฉันทั้งน้ำตา ทันทีที่ออกจาก

    โรงพยาบาลได้ ท่านก็พาฉันไปทำบุญทำทานอุทิศบุญกุศลให้มดพวกนั้น ซึ่งเป็นเจ้ากรรมนายเวร

    ตอนนี้ฉันรับรู้และสำนึกผิดแล้ว บาปที่เคยได้กระทำไว้มันช่างเลวร้ายเกินให้อภัย ฉันเกือบตายมาแล้ว การที่ฉันยังรอดมาได้ราวปาฏิหาริย์ เป็นไปได้ว่าบุญเก่ายังหนุนนำให้โอกาสฉันกลับมาแก้ตัว “ทำบุญชดใช้เจ้ากรรมนายเวร” และฉันต้องชดใช้สิ่งที่ตนได้กระทำไว้ไปตลอดชีวิต

    จากนี้ไปฉันตั้งใจจะสร้างกุศลอุทิศให้มดเหล่านั้น และเลิกการฆ่าสัตว์ทุกชนิด ชีวิตใครใครก็รัก ทุกชีวิตล้วนมีค่า หยุดหาความสุขบนความทุกข์ของสิ่งมีชีวิตร่วมโลก ไม่ว่าเขาจะเป็นสัตว์เล็กแค่ไหนก็ตาม

    เหตุการณ์ในครั้งนั้น กลายเป็น เรื่องลี้ลับ ที่ช่วยตอกย้ำ เป็นบทเรียนที่ฉันต้องจดจำไปแสนนานว่า “ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว”
    :- https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/dhamma/29699.html



     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    บทสวดมนต์ขอขมากรรมที่ดีมาก ถอนคำสาปแช่ง ถอนการบนบาน คล่องตัว ร่ำรวย

    Berthongsuk
    Oct 6, 2016
     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    อาจารย์ยอด : เชิดเงินวัด [กรรม] new

    อาจารย์ยอด : ปล้นรถผ้าป่า [กรรม] new

    อาจารย์ยอด : คนเฝ้าไข้ [กรรม] new

    อาจารย์ยอด
    Apr 23, 2020
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤษภาคม 2020
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    กฎแห่งกรรม เรื่อง ทำดี ไม่ได้ดี เพราะอะไรฟังจบเข้าใจ

    vihan taweesak
    May 28, 2020
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    กฎแห่งกรรม เรื่อง กรรมเก่า กรรมใหม่

    vihan taweesak
    Jun 9, 2020


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2021
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    ให้อภัยคนครั้งเดียว ได้บุญมากกว่าสร้างโบสถ์100หลัง คนไม่ชอบถือโทษโกรธใคร ได้มหาอานิสงส์กุศลบารมีใหญ่

    อานนท์ เล่าเรื่อง
    Jun 22, 2020
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2022
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    กฎแห่งกรรม เรื่อง เหตุเกิดเป็นหญิงเป็นชาย

    vihan taweesak
    Jun 17, 2020
    # กฎแห่งกรรม เรื่อง กรรมเลือกเพศ เหตุเกิดเป็นหญิงเป็นชาย เหตุใดจึงเป็นหญิงเป็นชาย?
    ความเป็นมนุษย์นั้น มีทั้งหญิงและชาย เหมือนกับสิ่งอื่นๆ ทั้งจักรวาลที่มีคู่ตรงข้าม คำถามคือในกรรมที่ทำให้เป็นมนุษย์เหมือนๆกันนั้น มีที่ต่างกันตรงไหน กรรมจึงเลือกเพศให้กับเราเป็นอย่างนี้? ความต่างระหว่างชายกับหญิง ทุกคนทราบดีว่าหญิงชายต่างกัน แต่ถ้าถามว่าต่างกันอย่างไรล่ะ? คำตอบแรกที่คนส่วนใหญ่จะนึกออกคือหญิงมีอวัยวะเพศอย่างหนึ่ง ชายมีอวัยวะเพศอีกอย่างหนึ่ง และที่คนส่วนใหญ่ขึ้นใจกันอย่างนี้เหตุผลก็ตรงตัว คือเพราะอวัยวะเพศถูกใช้เป็นเครื่องตัดสินว่าต้องเรียกหญิง หรือชาย นับแต่ออกจากท้องแม่ ชาวโลกต่างให้ความสำคัญกับอวัยวะเพศ เอาอวัยวะเพศมาเป็นเกณฑ์แบ่งว่า นั่นชายนี่หญิง แต่น้อยคนจะทราบว่า ทารกในครรภ์มารดาเมื่อยังเป็นตัวอ่อนอยู่นั้น จะเริ่มต้นด้วยการมีอวัยวะเพศหญิงก่อน แต่ถ้าเซลล์ของตัวอ่อนมีโครโมโซมเพศเป็นชาย อวัยวะเพศแบบชายจึงปรากฏยื่นออกมาภายหลังส่วนถ้าเซลล์ของตัวอ่อนมีโครโมโซมเพศเป็นหญิง อวัยวะเพศจะฝ่อตัวหายไปก่อนคลอด พูดให้ง่ายที่สุด คือ เมื่อกำเนิดเกิดกายนั้น ทุกคนเป็นหญิงเหมือนกันหมด! และถ้าถามนักวิทยาศาสตร์ว่าเหตุใดอวัยวะเพศแบบชายจึงยื่นออกมา ก็จะได้คำตอบที่ชัดถ้อยชัดคำว่าเด็ก‘บังเอิญ’ ได้รับโครโมโซม Y จากพ่อไปประกบคู่กับโครโมโซม X ของแม่ นี่คือคำตอบสุดท้ายจากวิทยาศาสตร์ และหมายความว่าถ้าไว้ใจวิทยาศาสตร์ ณ วันนี้ เราจำเป็นต้องสรุปว่า จุดเริ่มต้นอันเป็นที่สุดของสภาวะหญิงชาย คือความบังเอิญ! ความต่างกันระหว่างร่างกายของชายกับหญิงนั้น ใช่ว่าจะมีแต่จุดเด่นที่อวัยวะเพศส่วนเดียวแม้แต่ส่วนที่ทุกคนมองไม่เห็นอย่างเช่นสมองก็มีความต่าง! เรื่องความต่างระหว่างสมองของสองเพศนี้อยู่ในความสนใจของนักวิทยาศาสตร์มาหลายร้อยปีแล้ว กับทั้งยังคงต้องศึกษากันต่อไปเป็นร้อยๆปีเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่า มีรายละเอียดใดบ้าง ที่บ่งชี้ว่านั่นคือสมองชาย นี่คือสมองหญิง ทั้งในแง่ของขนาด คุณภาพ และวิธีการทำงาน มีการแยกแยะเปรียบเทียบเป็นส่วนๆ อย่างละเอียดเลยทีเดียว ที่นักวิทยาศาสตร์สนใจความต่างระหว่างสมองหญิงกับชาย ก็เพราะเชื่อว่า ถ้าเรารู้ชัดว่าอะไรเป็นอะไร ก็จะสามารถควบคุมจุดด้อยและจุดเด่นระหว่างเพศได้ นี่เป็นความเห็นของคนกลุ่มหนึ่งที่โน้มเอียงจะเชื่อว่าทุกความต่าง กำเนิดขึ้นจากสมองก้อนเดียว หากเอาตามมุมมองของชาวพุทธ จะเห็นพระพุทธเจ้าตรัสไว้แบบรวบรัดเบ็ดเสร็จแล้ว นั่นคือ จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ร่างกายเป็นเพียงปลายทาง ต้นทางอยู่ที่จิตซึ่งคิดก่อกรรม แม้ต่อไปวิทยาการจะบอกได้ว่ามันสมองของแต่ละเพศ ผิดแผกแตกต่างกันเพียงใดบ้าง นั่นก็เป็นการเห็นผลของกรรมอย่างหนึ่งเท่านั้น! มาว่ากันตามประสบการณ์ที่พบเจอง่ายๆ แบบชาวบ้านๆ ขอให้ลองดูตัวอย่างเฉพาะบางข้อสังเกตทางรูปธรรมอันเป็นที่ยอมรับทั่วไป เช่น

    ๑) ร่างกายหญิงอ้อนแอ้นอรชรเหมือนหยดน้ำ ร่างกายชายแข็งแรงหนักแน่นเหมือนต้นไม้
    ๒) โดยธรรมชาติ หญิงจะลำบากในการเข้าห้องน้ำทุกวัน อย่างน้อยก็มากกว่าเพศชายที่ยืนปล่อยปัสสาวะตรงมุมปลอดตรงไหนก็ได้ ขอให้นึกถึงรถติดบนทางด่วน เราอาจเห็นชายใจไม่ต้องกล้ามากนักยืนเบียดกับปูนกั้นทาง ในขณะที่เราไม่รู้ความลับว่ามีหญิงจำนวนมากเพียงใด ยอมเบาะเปียกแต่ไม่ยอมเอาหน้าไปขายกลางถนน พูดง่ายๆ ชายทำไม่น่าแปลกและไม่มีใครใส่ใจสน แต่หญิงทำอาจถูกมองด้วยยิ้มเย้ยว่าหน้าด้านผิดปกติ และเอาไปบอกต่อกันอีกนานทีเดียว
    ๓) โดยธรรมชาติ หญิงจะมีเรื่องชวนหงุดหงิด และน่าเบื่อหน่ายทุกเดือน มีเลือดไหล มีกลิ่นเหม็นมีความชื้นแฉะ ควรแก่การรำคาญเป็นยิ่งนัก ในขณะที่ฝ่ายชายแห้งสบายไปตลอดชีวิต
    ๔) โดยธรรมชาติ หญิงที่ปรารถนาจะเป็นหญิงสมบูรณ์แบบเหมือนถูกกำหนดมาให้เจ็บตัวสาหัส ทั้งภาระหนักขณะอุ้มท้องเป็นเวลายืดเยื้อยาวนานถึง ๙ เดือน และทั้งความเจ็บปวดสุดขีดขณะคลอดบุตร ในขณะที่ฝ่ายชายเหมือน ไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากสนุกสนานขณะทำหน้าที่พ่อพันธุ์เพียงข้อสังเกตข้างต้นก็คงทำให้ทุกคนยอมรับโดยดุษณีว่า หญิงเสียเปรียบชายในแง่ธรรมชาติทางกายอย่างแน่นอน และถ้าเราทราบว่าร่างกายมนุษย์ทั้งหลายคือ วิบากที่เคยทำกรรมบางอย่างเป็นประจำในอดีตชาติ ก็ต้องสรุปว่ากรรมเก่าของหญิงนั้น ส่งผลให้เกิดภาวะไม่น่าพึงใจเท่าใดนัก อย่างน้อยที่สุดก็ไม่น่าพึงใจเมื่อเทียบกับความเป็นชาย ผู้หญิงแม้สวยและทรงเสน่ห์ ดึงดูดใจขนาดไหน หากถามเอาความรู้สึกจากใจแล้ว ส่วนใหญ่ก็พูดตรงกันเป็นเสียงเดียวว่า อยากเกิดเป็นผู้ชาย หรือแม้พวกที่เรียกร้องสิทธิสตรีนั้น ให้เอาหัวใจมาพูดแล้วอยากเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็ตอบอีกว่าอยากเป็นผู้ชาย พวกเธออาจได้สิทธิสตรีตามที่เรียกร้อง แต่จะไม่มีทางขจัดปมด้อยเกี่ยวกับความเสียเปรียบทางสรีระไปได้เลย เว้นแต่จะมีใจผิดเพศ อยากผ่าตัดแปลงเพศให้รู้แล้วรู้รอด สิ่งที่ไม่น่าพึงใจย่อมเป็นวิบากของกรรมที่กระเดียดไปเข้าฝ่ายอกุศล ดังนั้นจึงควรสำรวจตามจริงที่เห็นด้วยตาเปล่าโดยทั่วไปว่า ถ้าเอาเกณฑ์กิเลสคือโลภ โกรธ หลง มาเป็นตัวตั้งแล้ว เหล่าสตรีน่าจะมีความโน้มเอียงในการแสดงกิเลสแตกต่างจากชายอย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2020
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    กฎแห่งกรรม เรื่อง เข้าใจชีวิต การคิดและกระทำเปลี่ยนชีวิตได้

    vihan taweesak
    May 7, 2020
     
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    กฎแห่งกรรม เรื่อง หนี้บุญ หนึ้บาป เกมแห่งกรรมของชีวิต

    vihan taweesak
    Jun 3, 2020
    กฎแห่งกรรม เรื่อง หนี้บุญ หนึ้บาป เกมแห่งกรรมของชีวิต ในชีวิตประจำวัน ของคนเรานั้น คงเห็นแล้วว่าการยังไม่ใช้หนี้หรือเหนียวหนี้ แล้วจะคาดหวังความเบากายสบายใจนั้น ไม่ใช่วิสัย นั่นเป็นทำนองเดียวกับหนี้กรรม ตราบใดเรายังไม่ชดใช้ ตราบนั้นเราก็ไม่มีทางเป็นสุขราบรื่นไปได้ สำหรับหนี้ในหัวข้อนี้ หมายถึงภาระต้องชดใช้ในทางใดทางหนึ่ง เป็นสิ่งที่อาจหลบเลี่ยงไม่ยอมใช้กับเจ้าหนี้โดยตรงก็ได้ แต่เกมแห่งกรรม จะใช้ให้คนอื่นไปทวงแทน และการทวงอาจมาในรูปแบบที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้ หากเป็นหนี้ขนาดใหญ่ จะรู้สึกแต่ว่าชีวิตมีแต่เรื่องน่าหนักอกหนักใจเสมอ แต่หากเป็นหนี้ขนาดเล็ก อาจรู้สึกเพียงแค่รำคาญใจ แต่ไม่ว่าจะหนักอกนานๆ หรือรำคาญใจสั้นๆ เราก็จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า กำลังชดใช้หนี้ก้อนไหนอยู่บ้าง นี่คือกติกาอีกข้อหนึ่งของเกมแห่งกรรม ที่อาจฟังดูแล้วไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย ซึ่งเราไม่เคยเห็นใบเสร็จชัดๆ แต่จะโดนทวงอย่างทารุณเมื่อครบกำหนดชำระแล้วไม่ชำระหนี้ แบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ นั้นก็ คือ หนี้บุญคุณ และหนี้บาปเวร ๑) หนี้บุญคุณ หมายถึงการที่ใครบางคนช่วยให้เรานั้นดำรงชีวิตอยู่ได้ หรือนำเราออกมาจากสถานการณ์ลำบาก หรือทำให้เราสุขกายสบายใจเป็นพิเศษ การติดหนี้บุญคุณแตกต่างจากคะแนนติดลบ เพราะส่วนใหญ่การไม่มีโอกาสชดใช้หนี้ยังไม่ทำให้เราต้องประสบความทุกข์ หนี้ประเภทนี้จะให้ผลหนักเมื่อเรานั้นจงใจลืมบุญคุณ หรือกระทั่งทำร้ายผู้มีพระคุณ ผลของการทำร้ายผู้มีพระคุณอาจคูณสิบ คูณร้อย หรือคูณพันของการทำร้ายคนทั่วไป พระคุณยิ่งสูงมากตัวคูณยิ่งสูงตามไปด้วย ๒) หนี้บาปเวร หมายถึงการที่คนเรานั้นทำให้ใครบางคนต้องบาดเจ็บล้มตาย หรือทำให้เขาตกที่นั่งลำบาก หรือทำให้เขาทุกข์กายไม่สบายใจผิดปกติ การติดหนี้บาปเวรเป็นอันเดียวกับคะแนนติดลบ จะต่างกันก็ตรงที่คะแนนติดลบธรรมดาอาจไม่เกี่ยวข้องกับใคร เช่นการดื่มเหล้าเมาจนสุขภาพเสื่อมโทรมโดยไม่รบกวนใครจัดเป็นคะแนนติดลบธรรมดา ทว่าถ้าเมาสุราอาละวาด ทำร้ายคนอื่นด้วย อย่างนี้ถือเป็นหนี้บาปเวรที่ต้องชดใช้ วิธีใช้หนี้บุญคุณ ๑) สำนึกบุญคุณ หมายถึงการจดจำไว้ไม่ลืม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องไม่แกล้งลืมว่าใครเคยให้ความช่วยเหลือ อะไรคุณไว้บ้าง วิธีที่ดีที่สุด ที่จะไม่ลืมบุญคุณคน ก็คือหมั่นระลึกถึงเสมอๆ อาจจะด้วยการนำรูปบุคคลที่มีพระคุณสูงสุดมาแขวนไว้ในจุดเห็นง่ายๆ และกราบไหว้อยู่เนืองๆ การกราบไหว้เปล่าๆกับการกราบไหว้ด้วยความระลึกถึงบุญคุณนั้นแตกต่างกันมาก ด้วยการระลึกถึงพระคุณท่าน จะรู้สึกถึงความอ่อนน้อม ความเป็นมงคลอันอบอุ่น อาการทางใจเช่นนี้คือการลดทิฐิมานะ และความทะนงลงเสียได้ การสำนึกบุญคุณนั้น ไม่ว่าจะด้วยการระลึกขึ้นมาเฉยๆ หรือการหมั่นกราบไหว้รูปเคารพ จะทำให้ตัวตนของเรานั้นเล็กลง เพราะตระหนักว่าที่โตขึ้นมาได้ หรือดีขึ้นมาได้ ย่อมไม่ใช่จากตัวเองโดดๆ อย่างน้อยต้องมีการให้ความช่วยเหลือค้ำจุนจากผู้อื่นเสมอ คนที่สำนึกบุญคุณเก่งๆ จะเป็นคนที่ไม่ลืมตัวเองง่ายๆ และนั่นก็หมายความว่า จะตกต่ำลงยาก ด้วยการระลึกถึงบุญคุณคน ทำให้พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้มีพระคุณเต็มกำลัง หรือเท่าที่มีโอกาสเป็นไปได้ เราจะต้องไม่มานั่งคำนวณว่าใครให้มาเท่าใด แล้วใช้ไปเท่านั้นหรือยัง จะต้องรู้สึกอยากตอบแทนตามโอกาสเท่าที่ใครคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ การหมั่นระลึกถึงและตอบแทนบุญคุณ จะเป็นภูมิคุ้มกันโรคเนรคุณ ผู้ลืมระลึกถึงบุญคุณคนนั้น ในที่สุดจิตมักลืมอย่างสนิทว่าติดหนี้ใครอยู่บ้าง นั่นเป็นธรรมชาติของจิต ที่เมื่อไม่เข้าข้างสว่างก็ย่อมยืนอยู่ข้างมืด ความมืดคือโมหะที่เข้าครอบงำ เมื่อถูกครอบงำหนักเข้า ก็มีสิทธิ์ยกชั้นขึ้นเป็นการเนรคุณคนไป แค่กรรมที่ลืมบุญคุณคน ก็จะทำให้เป็นผู้ไม่ได้รับความเห็นใจช่วยเหลือในยามลำบาก แต่หากถึงขั้นเนรคุณคนได้นี่ จะต้องโดนโทษหนัก ทำอะไรต่อให้เจริญแค่ไหนก็จะกลับตกต่ำอย่างไม่คาดฝันได้ ๒) หาทางตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อ คำว่าตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อนั้น อาจเข้าใจง่ายถ้าเป็นกรณีทั่วไป เช่นเมื่อเป็นหนี้ใครหนึ่งพันบาท การตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อคือให้คืนเขาพันบาท หรือควรติดเศษนิดหน่อยเป็นดอกเบี้ยตามอัตรามาตรฐาน แต่หลายครั้งบุญคุณวัดกันเป็นตัวเงินไม่ได้ อย่างเช่นพ่อแม่นั้น ช่วยให้เราเอาชนะเงื่อนไขข้อจำกัดทางธรรมชาติ ที่มนุษย์จะอุบัติและมีความเต็มรูปด้วยตนเองไม่ได้ ต้องอาศัยท้องคนอื่นเกิด ต้องอาศัยคนอื่นเลี้ยงดูจนเติบโต ต้องอาศัยคนอื่นส่งเสียให้เล่าเรียน ซึ่งตามเกณฑ์ปกติจะมีใครเต็มใจ ถ้าไม่ใช่พ่อแม่ของคุณ กายใจมนุษย์เป็นอุปกรณ์เล่นเกมราคาแพง ตัวเราได้มาจากใคร
     
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    กฎแห่งกรรม เรื่อง อำนาจแห่งบุญ เปิดเผยเคล็ดลับในการแผ่บุญแก้กรรม

    vihan taweesak
    Jun 22, 2020

    ชีวิตของมนุษย์และสัตว์ ทั้งในโลกนี้ และในโลกทิพย์ ล้วนมีส่วนสัมพันธ์ถึงกันในเรื่องกฎแห่งกรรมอยู่ ตลอดเวลา ในการเวียนว่ายตายเกิดไปๆ มาๆ จะหาที่ไม่เคยเป็นญาติ ไม่เคยเป็นเพื่อน ไม่เคยเป็นเจ้ากรรมนายเวรต่อกันนั้นไม่มี ชีวิตของทุกผู้ทุกคนจึงมีส่วนสัมพันธ์กันไม่มากก็น้อย ทั้งในส่วนดีมากและดีน้อยทั้งในส่วนเลวมากและเลวน้อย ทั้งในส่วนที่ทำให้เกิดความเคียดแค้นชิงมากและชิงน้อย ทั้งในส่วนที่รักและอุปการะมากและน้อยตามแต่กรณี การได้ดีตกยาก เจ็บไข้ได้ป่วยของมนุษย์และสัตว์ ส่วนหนึ่งเกิดจากผลกรรมในอดีตชาติและ ปัจจุบันชาติ อีกส่วนหนึ่งได้รับเหตุปัจจัยกระทบจากสิ่งรอบข้าง อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการกระทำของวิญญาณ ลี้ลับที่เรามองไม่เห็น เช่น เทวดาช่วยเหลือ เทวดาให้โทษ ผีให้โทษ เจ้ากรรมนายเวรที่เคียดแค้นชิงชังให้โทษ ในคนทุกคน สัตว์ทุกตัว จะมีเทวดารักษาอย่างน้อย ๒ องค์ เทวดาประจำตัวนี้แหละที่มีอิทธิพลต่อเรา อย่างคาดไม่ถึง บ้างก็ชอบช่วยเหลือให้เราประสบความสำเร็จ หรือช่วยปกป้องคุ้มครองให้เรารอดพ้นจากภัยอันตรายที่น่าหวาดเสียวมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งบางทีเราก็ยกให้เป็นอานุภาพของวัตถุมงคลที่แขวนคอเสียก็มี เด็กน้อยบางคนแม้ไม่มีวัตถุมงคลแขวนคอเลย แต่ตกบ้านตกเรือนด้วยความซุกซน แต่ไม่ได้รับอันตรายเพราะเหมือนมีใครมาอุ้มไว้ก่อนตกถึงพื้นก็มี บุคคลบางคนไม่มีวัตถุมงคลติดตัวเลย แต่สามารถหลุดพ้นจากอุบัติเหตุและการดักทำร้ายของศัตรูมาได้อย่างปาฏิหาริย์ นั่นคือ การปกปักรักษาจากเทวดาประจำตัวเขาและ/หรือญาติในโลกทิพย์ของเขา ในเรื่องกฎของกรรม เราชาวพุทธคงไม่มีใครปฏิเสธ เมื่อตนเองกำลังเดือนร้อน กำลังเครียดหรือ กำลังทุกข์ทรมานในเรื่องใดๆ ที่จำต้องยอมทนอย่างไม่มีทางเลือก หลาย ๆ ท่านมักจะจงนึกจงคิดแต่เพียงว่า จะขอรับชะตากรรมนั้น หวังจะชดใช้ให้มันหมดเวรหมดกรรมจบ ๆ กันไป การคิดเช่นนี้ดูจะเข้าท่าตามหลักการ ยอมรับในกฎของกรรม แต่ออกจะหยาบและดูโอกาสปิดช่องทางของตนเองอย่างสิ้นเชิง นี่เองท่านพระอาจารย์ กล่าวว่า พวกเราไม่รู้ว่ามันยังมีทางออกมีทางเลือกที่แสนจะง่าย ทั้งๆ ที่เรามีทางเลือกที่จะยอมรับในผลกรรม ด้วยวิธีของตนเองได้ ทั้งๆ ที่เรามีวิธีที่จะชำระล้างหนี้แค้นหนี้กรรมให้แก่เจ้ากรรมนายเวรเขา โดยที่เราก็ไม่ได้ เบี้ยวหนี้ โดยที่เรายังเคารพในกฎของกรรม โดยที่เราไม่ต้องทุกข์ทรมาน ไม่ต้องกลุ้มไม่ต้องเครียด ขณะเดียวกันเจ้ากรรมนายเวรเขาก็พอใจกับประโยชน์สุขนี้อย่างเต็มที่ ความเคียดแค้นพยาบาทอะไรต่างๆ ที่มีต่อเรา ก็จางมลายหายสิ้นไป เขาก็เป็นสุข เราก็เป็นสุข แต่นี่....เรากลับให้เขาเลือก ที่จะเล่นงานเราอยู่ฝ่ายเดียว ต่างฝ่ายต่างก็เป็นทุกข์ด้วยกันทั้งคู่ เขาก็ทุกข์คุกรุ่นอยู่กับความพยาบาทอาฆาต เราก็ทุกข์ด้วย เวทนาเพราะคอยจ้องแต่จะมาเล่นงานเราอย่างไม่เลิกรา อย่ากระนั้นเลย เรามายอมรับกฎของกรรมแต่โดยดี ในแบบฉบับที่เราเลือกได้ด้วย “บุญ” กันจะดีกว่า คนเราล้วนเคยสั่งสมบุญให้ทานมาแล้ว ทั้งนั้น ทั้งในชาติก่อนและในชาตินี้ ถ้าจะนึกถึงบุญ มันก็เยอะจนจำไม่หวาดไม่ไหว แต่ด้วยความไม่รู้จักวิธี ชำระหนี้แค้นให้แก่เจ้ากรรมนายเวรดั่งว่า ทำบุญไปก็คิดแต่จะรอให้ตายซะก่อนแล้วจึงค่อยไปรับบุญใน สรวงสวรรค์ แล้วพากันเอาแต่บ่นว่า บุญอะไรก็ทำมาหมดแล้ว ชีวิตไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงดีขึ้นมาสักที ก็จะดีได้อย่างไร ในเมื่อสักแต่ว่าทำบุญแต่ทำไม่เป็น ถูกสอนสั่งกันมาอย่างผิดๆ มัวแต่ไปรออุทิศให้ตอนกรวดน้ำ เจ้ากรรมนายเวร เขาก็เลยไม่ได้รับ บ้างก็ไม่เคยเผื่อแผ่ให้บุญแก่เทวดาที่รักษาตัวเอง ไม่เคยให้เจ้ากรรมนายเวรที่ตามจองเวรกันอยู่ ไม่เคยให้เทวดาและญาติทิพย์ที่อาศัยอยู่ในเขตบ้านเขตเรือน ไม่เคยให้แก่เทวดาที่ดูแลรักษากิจการงานห้างร้าน ไม่เคยให้เทวดาที่รักษาเจ้านายของตัวเอง แถมบางทีการแผ่อุทิศบุญ ก็ไม่เฉพาะเจาะจงอีก หรือไปให้ตอนที่แสงบุญหมดแล้ว เทวดาเหล่านั้นบางองค์อาจมีบุญน้อยมีฤทธิ์น้อย จึงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเราได้มาก แต่ถ้าเขาได้รับอานิสงส์บุญจากเราอย่างถูกวิธีบ่อยๆ เขาจะกลายเป็นเทวดาที่มีฤทธิ์ มีอำนาจ สามารถช่วยเหลือให้เราประสบความสำเร็จได้ดังใจหมายเลยทีเดียว...
     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    กฏแห่งกรรม เรื่อง ภพชาติ มีจริง

    vihan taweesak
    Apr 23, 2020
    กฏแห่งกรรม เรื่อง ภพชาติ มีจริง

    ภพชาติเกิดจากการเดินทางของจิตโดยพลังงานของกรรมที่เกิดจากการกระทำ การพูด การคิด บรรจุไว้ภายในจิตของเรา เมื่อร่างสลายหรือตายไป จิตก็เดินทางต่อไปเหนี่ยวร่างใหม่ คือ ถือกำเนิดใหม่ กำเนิดที่ได้ใหม่นี้ขึ้นอยู่กับแรงบุญหนุนนำ แรงกรรมนำส่ง ให้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีหรือไม่ดี ได้ร่างกายที่ดีหรือที่ไม่ดีแตกต่างกันออกไปตามแรงของกรรมที่ได้กระทำไว้ เมื่อได้ร่างก็ได้ภพ ได้อายุขัย ระหว่างร่างมีชีวิต มนุษย์ก็ลืมอดีตชาติที่ผ่านมาทุกอย่าง ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าภาษา วิชาความรู้ เพราะระหว่างที่อยู่ในครรภ์มารดา เนื่องจากสมองเล็กและอวัยวะทุกส่วนยังไม่สมบูรณ์ เราจึงจำอะไรไม่ได้อาจมีบ้างที่บางคนจำอดีตชาติได้ เพราะแรงของบุญกรรมที่มากับวิญญาณนั้น ทำงานได้ดี ทำให้ทักทายเรื่องอดีตได้ถูกต้อง เช่นเด็กระลึกชาติได้ มีหลายคน หลายชาติหลายศาสนา การระลึกชาติ หรือจำอดีตชาติได้เป็นเรื่องดี ถ้ามีสติระลึก การที่ธรรมชาติทำให้เราลืมเรื่องในอดีตก็เป็นเรื่องดี เพราะถ้าจำได้หมด มนุษย์อาจตกใจว่าใครเคยเป็นหนี้ใคร ใครเคยเป็นเจ้าของใคร เคยเป็นพ่อแม่ลูก เคยทำกรรมกับใครไว้ ใครเป็นสามีภรรยาของใคร ถ้าจำได้มากชาติ อาจเกิดความโกลาหลขึ้นมาในชีวิตได้  ถึงขนาดทำใจไม่ได้ ฉะนั้น การลืมภพชาติได้เสียบ้าง น่าจะเป็นการดี เราอย่าไปทำอะไรที่ธรรมชาติจัดสรรดีแล้วให้เป็นเรื่องยุ่งยาก เช่น เที่ยวตามหาคนรักในอดีตชาติ ตามหาสามีในอดีตชาติ พอได้พบก็สายเสียแล้ว เนื่องจากคนอื่นเป็นเจ้าของไปเสียแล้ว ก็ต้องมานั่งเสียอกเสียใจกันภายหลัง เราอาจเคยเห็นคนบางคนชอบพูดว่า รักกันมาแต่ชาติปางก่อน บุพเพสันนิวาส คู่บุญคู่บารมี บางคนชอบพูดว่าเคยเป็นสามีภรรยากันมาก่อน มาพบกันชาตินี้จึงถูกชะตากัน แม้คนละชาติ คนละภาษาคนละศาสนา ก็รักกันได้ การพูดว่าจำอดีตชาติได้มักจะมีปัญหาเนื่องจากผู้ฟังกับผู้พูดมีประสบการณ์ข้ามภพชาติต่างกัน บางทีอาจจะมีการทะเลาะกัน เพราะความไม่เข้าใจกันและกัน ฉะนั้นจึงไม่ควรนำตัวละครในอดีตชาติมาผูกเรื่องแสดงต่อในชาตินี้ จะทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ และให้โทษกับตัวของเราได้โดยไม่คาดคิดก็เป็นได้  กระทั่งวันหนึ่ง เขาได้ไปปรึกษาเพื่อนสนิท เพื่อนได้แนะนำให้เขาท่องพระคาถา ที่เพื่อนได้บอกว่าได้ผลมาหลายรายแล้ว ทีแรกเขาก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ความที่เขาได้ทดลองมาหลายทางแล้ว จะทดลองดูอีกสักทีก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรนี้ วันนั้นหลังจากปฏิบัติภารกิจประจำวันเสร็จแล้ว  ตกค่ำ เขาก็นำคาถานี้มาท่องตามที่เพื่อนบอก เป็นพระคาถาคำขอขมาและอธิษฐานจิต ที่ว่าด้วย “ เพราะคนเราเกิดมาหลายภพหลายชาติ แต่ละคนมีเจ้ากรรมนายเวรที่แตกต่างกัน ควรสวดขอขมาเพื่อลด และปลดหนี้กรรมให้น้อยลง ” (สำหรับอธิษฐานหน้าพระพุทธรูป หรือใช้สวดก่อนนอน) โดยเริ่มด้วยการ
    ตั้ง นะโม ๓ จบ แล้วตามด้วย

    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต
    คำแปลพระคาถานี้ว่า “หากข้าพเจ้า จงใจหรือประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินบิดา-มารดา ครูบาอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยะสงฆ์เจ้า ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงผู้มีพระคุณ และท่านเจ้ากรรมนายเวร จะด้วยกาย วาจา ใจ ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย หากข้าพเจ้ามีเจ้าของในตัวติดตามมา ข้าพเจ้าขออนุญาตมีคู่ มีครอบครัวได้เหมือนคนปกติทั่วไป ขอถอนคำอธิษฐาน คำสาบานที่จะติดตามคู่ในอดีตขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระ ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูก ที่ชอบ ที่ควร ขอบุญบารมีในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัว ตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้อง จงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ลาภ ยศ สรรเสริญ สติปัญญา ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใด ๆ โรคภัยใด ๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม ตั้งแต่บัดนี้จนตราบเข้าสู่นิพพานเทอญ” ข้าพเจ้าขอถอนคำสัญญา คำสาบาน คำอธิษฐาน ที่ผูกมัดตัวเองและผู้อื่น ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระจากสัญญาทั้งปวง (หากข้าพเจ้าหมดอายุแล้ว ข้าพเจ้าขออยู่ต่อเพื่อสร้างบารมีต่อไป) หากมีผู้ใดเคยสร้างเวรสร้างกรรมกับข้าพเจ้า ไม่ว่าจะชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้ ขอถอนความอาฆาต ความพยาบาท และคำสาปแช่งในทุกชาติ ทุกภพ ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของปวงชน ของเจ้ากรรม ขอให้พ้นจากนรกภูมิ และพบแสงสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม
    เขาค่อยๆ บริกรรมพระคาถาด้วยความละเอียด รอบคอบ และทำด้วยความตั้งใจจริงอย่างที่สุด จากนั้นก็เข้านอนด้วยความหวังว่าอะไรๆ ในชีวิตจะดีขึ้นบ้าง เขาอาจได้เจอใครสักคน  ถึงแม้มันอาจจะนานไปสักหน่อยก็ตามที แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีใครเลยในชีวิตนี้
     
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    ทำบุญกับพ่อแม่ แก้ชีวิตติดๆขัดๆ เสริมโชคลาภร่ำรวยเงินทอง | ธรรมะสอนใจ EP. 2 | PURIFILM channel

    PURIFILM channel
    Aug 12, 2018
     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    กฎแห่งกรรม เรื่อง ทำดีได้ดีเสมอ
    พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
    ปุถุชนทุกคนมีชีวิตที่มิได้ราบรื่นเสมอไป ไม่มีสุขตลอดชีวิต ไม่มีทุกข์ตลอดชีวิต ไม่พบแต่สิ่งดีงามตลอดชีวิต ไม่พบแต่สิ่งชั่วร้ายตลอดชีวิต แต่ละคนพบอะไรๆ ทั้งดีทั้งร้าย หนักบ้างเบาบ้าง โดยที่บางทีก็ไม่เป็นที่เข้าใจว่าทำไมจึงต้องเป็นเช่นนั้น เช่น บางคนเกิดในครอบครัวที่ต่ำต้อย ลำบากยากจน พอเกิดได้ไม่นาน เงินทองจำนวนมากก็เกิดขึ้นในครอบครัว เป็นลาภลอยของมารดาบิดาบ้าง เป็นความได้ช่องได้โอกาสทำธุรกิจการงานบ้าง ใครๆ ก็จะต้องพูดกันว่า ลูกที่เกิดใหม่นั้นเป็นผู้มีบุญ ทำให้มารดาบิดามั่งมีศรีสุข ถ้าไม่คิดให้ดีก็เหมือนจะเป็นการพูดไปเรื่อยๆ ไม่มีมูลความจริง และทั้งผู้พูดผู้ฟังก็มักจะไม่ใส่ใจพิจารณาให้ได้ความรู้สึกลึกซึ้งจริงจัง แต่ถ้าพิจารณากันให้จริงด้วยคำนึงถึงเรื่องกรรมและการให้ผลของกรรม ก็น่าจะเชื่อได้ว่าเด็กที่เกิดใหม่นั้นเป็นผู้มีบุญมาเกิด ผู้มีบุญคือผู้ที่ทำบุญทำกุศล ทำคุณงามความดีไว้มากในอดีตชาติ อันความเกิดขึ้นของผู้มีบุญนั้น ย่อมเกิดขึ้นพร้อมกับมีบุญห้อมล้อมรักษา แม้ชนกกรรมนำให้เกิดจะนำให้เกิดลำบาก แต่เมื่อบุญที่ทำไว้มากกว่า กรรมไม่ดีที่นำให้ลำบากก็จะต้องถูกตัดรอนด้วยอำนาจของกุศลกรรม คือบุญอันยิ่งใหญ่กว่า คือเกิดมามารดาบิดายากจน มือแห่งบุญก็จะต้องเอื้อมมาโอบอุ้มให้พ้นจากความลำบากยากจน ให้มั่งมีศรีสุขควรแก่บุญที่ได้ทำไว้ ผู้ที่เกิดในที่ลำบากยากจน แต่เมื่อมีบุญเก่าได้กระทำไว้มากมายเพียงพอ มือแห่งบุญก็จะเอื้อมมาโอบอุ้มให้พ้นความยากลำบากได้อย่างรวดเร็ว พ้นจากความยากจนดังปาฏิหาริย์ มีตัวอย่างให้เห็นอยู่ เด็กบางคนทำบุญทำกุศลไว้ดี แต่ชนกกรรมนำให้เกิดกับมารดาบิดาที่ยากแค้นแสนสาหัส พอเกิด มารดาบิดาก็หาทางช่วยให้ลูกพ้นความเดือดร้อน นำไปวางไว้หน้าบ้านผู้มั่งมีศรีสุขที่รู้กันว่าเป็นผู้มีเมตตา แล้วเด็กนั้นก็ได้เป็นสุขอยู่ในความโอบอุ้มของมือแห่งบุญควรแก่บุญที่เขาได้กระทำไว้ แต่เด็กบางคนเกิดในที่ต่ำต้อยยากไร้ และเป็นผู้ที่มิได้ทำบุญกุศลมาในอดีตชาติเพียงพอ ย่อมไม่มีมือแห่งบุญมาโอบอุ้มเขาให้พ้นความลำบากยากจน แม้เมื่อมารดาบิดาจะพยายามเสี่ยงนำไปวางไว้ในที่ที่หวังว่าจะมีผู้ดีมีเงินมานำไปอุปการะเลี้ยงดู ความไม่มีบุญที่ทำไว้ก่อน ทำให้ไม่เป็นไปดังความปรารถนาของผู้เป็นมารดาบิดา เขาอาจจะถูกทิ้งอยู่ตรงที่ที่ถูกนำไปวางและสิ้นชีวิตไป ณ ที่นั้นอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย อาจจะทรมานด้วยความหนาว ความร้อน ความหิวโหย หาผู้ช่วยเหลือไม่ได้ และผู้เป็นมารดาก็อาจถูกจับได้รับโทษทางอาญา นั่นก็เป็นเรื่องอำนาจอันยิ่งใหญ่นักของกรรมอย่างแท้จริง
    อดีตชาติของทุกคนมีมากมายนัก จึงได้ทำกรรมกันไว้มากมายนัก กุศลกรรมบ้าง อกุศลกรรมบ้าง ชีวิตในปัจจุบันจึงมีดีบ้างไม่ดีบ้าง สุขบ้างทุกข์บ้าง คนมั่งมีเป็นมหาเศรษฐีก็ด้วยอำนาจของกุศลกรรม คือการบริจาคช่วยเหลือเจือจุนผู้อื่นที่ได้กระทำไว้ในอดีตชาติ เมื่ออกุศลกรรมคือการคดโกงเบียดเบียนทรัพย์สินให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อนที่ได้กระทำไว้ในอดีตชาติตามมาส่งผล และเมื่อเป็นผลที่แรงกว่า มีกำลังกว่ากุศลกรรมที่กำลังเสวยผลอยู่ อกุศลกรรมก็จะตัดรอนกุศลกรรม ส่งผลไม่ดีของอกุศลกรรมให้เกิดแทน ความมั่งมีก็จะกลับเป็นความไม่มีเงินทองของมีค่าก็จะสูญหายหมดไป อกุศลกรรมแรงมากก็จะสามารถทำให้มหาเศรษฐีสิ้นเนื้อประดาตัวได้ กำลังเป็นสุขก็จะกลับเป็นทุกข์เดือดร้อน อำนาจของกรรมเป็นเช่นนี้จริง ผู้มีปัญญาจึงกลัวกรรมยิ่งกว่ากลัวอะไรอื่น กลัวเพราะรู้ว่าเมื่อทำกรรมไม่ดีไว้แล้วต้องได้รับผลไม่ดีและเมื่อถึงเวลาที่กรรมส่งผลไม่ดีมาถึงตัวแล้ว แม้ตั้งแต่เกิดมาในชาตินี้จะไม่เคยทำกรรมไม่ดีเช่นนั้น ก็จะต้องได้รับผลไม่ดี ที่อาจทำให้พิศวงสงสัย จนถึงมากคนมิจฉาทิฐิความเห็นผิด คือ เห็นไปว่าทำดีไม่ได้ดี ซึ่งความจริงไม่ใช่เช่นนั้น ทำดีต้องได้รับผลดีเสมอ ทำไม่ดีจึงจะได้รับผลไม่ดี เพียงในชาติปัจจุบันนี้เท่านั้น มีอายุกันเพียงอย่างมากร้อยปีเท่านั้น ทุกคนทุกสัตว์ต่างก็ทำอะไรๆ ที่เป็นกรรมแล้วมากมายนับไม่ถ้วน เป็นกรรมดีคือกุศลกรรมบ้าง เป็นกรรมชั่วคืออกุศลกรรมบ้าง มากมายจริงๆ เพียงทำในชาติเดียวก็มากมายจริงๆแล้ว เมื่อได้ทำมานับภพชาติไม่ถ้วนจะมากมายเพียงไหน ขณะที่มาเป็นอยู่ในภพนี้ชาตินี้ ได้ละภพชาติในอดีตที่ทำกรรมไว้เบื้องหลังมากนักหนา กรรมดีกรรมชั่วอาจไม่เสมอกัน บางคนกรรมดีอาจมากกว่า บางคนกรรมชั่วอาจมากกว่า บางคนทำกรรมดีที่ไม่สำคัญ ไม่ยิ่งใหญ่ แต่ทำกรรมไม่ดีที่สำคัญหนักนักหนา เช่นนี้ย่อมได้เสวยผลตามเหตุ คือในภพชาตินี้ย่อมประสบส่วนดีน้อยกว่าส่วนไม่ดี ส่วนผู้ที่ทำกรรมดีมาก ทำกรรมไม่ดีน้อย เช่นนี้ย่อมได้เสวยผลตามเหตุคือในภพชาตินี้ย่อมประสบส่วนดีมากกว่าส่วนไม่ดี ดังมีตัวอย่างให้พบเห็นอยู่ทั่วไปในทุกวันนี้ เมื่อกรรมดีจะส่งผล ก็ไม่มีอะไรหรือผู้ใดจะกีดกั้นยับยั้งได้ กรรมไม่ดีที่แรงกว่าเท่านั้นที่จะกีดกั้นขัดขวางได้ ไม่ให้กรรมดีอาจส่งผล แต่ถ้ากรรมดีแรงกว่ากรรมไม่ดี กรรมดีก็ต้องส่งผลจนได้ กรรมไม่ดีหาอาจขัดขวางไม่ได้ อะไรๆ ก็หาอาจขัดขวางได้ไม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2022
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ(พระราชพรหมยาน)กรรมทำให้ไม่มีลูก

    พระ ผู้พ้นโลก
    Jul 28, 2020
     
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049

แชร์หน้านี้

Loading...