ผลที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ล้วนมาจาก “กรรม” ทั้งสิ้น

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 26 สิงหาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    กฎแห่งกรรม เรื่อง กรรม กับ ความรัก ฟังให้จบจะพบคู่ที่แท้จริงตามต้องการ

    vihan taweesak
    Aug 10, 2020
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    chanadai.jpg
    ชนะได้ด้วยไมตรี
    เมื่อถูกกลั่นแกล้งหรือถูกเอาเปรียบเบียดเบียน เรามักหาทางตอบโต้ด้วยคำพูดที่เผ็ดร้อน หรือด้วยการกระทำที่รุนแรงพอ ๆ กัน แต่ปฏิกิริยาดังกล่าวนอกจากไม่แก้ปัญหาแล้ว กลับทำให้ปัญหาลุกลามขึ้น สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้กับเรายิ่งกว่าเดิม และบ่อยครั้งทำให้เราหลงติดอยู่ในวังวนแห่งการตอบโต้แก้แค้นไม่รู้จบ ในขณะที่ความโกรธเกลียดก็ฝังแน่นในใจเรามากขึ้น ทำให้จิตใจรุ่มร้อน หาความสงบไม่ได้


    ไฟนั้นต้องดับด้วยน้ำเย็นฉันใด ความเลวร้ายก็ต้องระงับด้วยความดีฉันนั้น นี้มิใช่เป็นแค่ทฤษฎีหรือหลักการอันสวยหรู หากเป็นความจริงที่ปฏิบัติได้และไม่เกินวิสัยปุถุชน ดังมีตัวอย่างมากมายของคนที่เปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร โดยอาศัยน้ำใจไมตรี นี้คือการกำจัดศัตรูที่แท้จริง ขณะเดียวกันก็ปิดช่องมิให้ความเจ็บปวดรวดร้าว หรือความเคียดแค้นชิงชัง มาคุกคามจิตใจจนอยู่ร้อนนอนทุกข์ แม้กระทั่งความสูญเสียพลัดพรากก็สามารถแปรเปลี่ยนเป็นพลังสร้างสรรค์ได้ หากรับมือด้วยเมตตาและกรุณา หากเราปรารถนาชัยชนะ นี้ใช่ไหมคือชัยชนะที่ประเสริฐและให้ผลยั่งยืน เพราะเป็นชัยชนะที่ไม่ก่อเวรและไม่สร้างศัตรู
    พระไพศาล วิสาโล
    อาสาฬหปุรณมี
    ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘

     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2023
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    กายใจ : คนเดี๋ยวนี้ไม่รู้สึกกับกฎแห่งกรรมว่ามีจริงใช่ไหมคะ

    พระอาจารย์ประสงค์ : น้องแม่ของอาตมา เมื่อก่อนไม่เคยสนใจบาปกรรม โยมพ่ออาตมาชอบทำหนังสติ๊กให้เล่น ทำที่ตกปลาให้เล่น แล้วน้าเจอลูกนกตกอยู่ที่พื้น จับขึ้นมาดูเห็นขามันหักอยู่ มองไปมองมาจะทำอย่างไรดี มองขึ้นไปบนต้นไม้เห็นรังนก แกก็เลยปีนขึ้นไปวาง พอเอาขึ้นไปก็เจอลูกนกอีกตัวหนึ่ง ก็เอ๊ะมีอยู่อีกตัว ไม่ได้คิดอะไรก็เอาไปวาง วางเสร็จกลับบ้าน สามสี่วันผ่านไป ก็เอ๊ะเป็นไงนะ ลูกนกโตหรือยัง แกเลยปีนขึ้นไปดู แล้วจับลูกนกมาดูก็ เอ๊ะ ตัวนี้ขาดีแสดงว่าไม่ใช่ จับอีกตัว เอ๊ะนี่ก็ขาดี อยากรู้นกรักษาขาอย่างไร แกก็เลยจับลูกนกหักขาทั้งสองข้างเลย แล้วปล่อยไว้ในรัง พอกลับบ้านข้ามถนนโดนรถชนเปรี้ยงขาหักจนถึงปัจจุบันนี้ โชคดีที่ขาหักข้างเดียว หลังจากนั้นแกก็เลยไม่กล้าทำอย่างนี้อีก
    แต่กรรมมันไม่ได้เห็นทันตาอย่างนี้ทุกคนไป และไม่สามารถพิสูจน์ได้ คนก็เลยไม่เชื่อ แต่ถ้าคนเขาเคยเจอเรื่องกรรมตรงนี้ปั๊ป เขารู้เลย
     
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    โทษของน้ำเมาในมหานรกขุม 5 อุสสทนรก DMC

    dhamma meditation
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    “สิ่งใดที่เป็นของรัก สิ่งนั้นย่อมเป็นศัตรูแก่ดวงใจ จึงควรละสิ่งนั้นเสีย แล้วตนเอง ก็จะมีความสุข”

    ฉะนั้น คนเราจึงอย่าไปเหยียดหยาม ดูถูกในคนที่เขามีปัญญาน้อย หรือฐานะกำเนิดชาติสกุลของเขาที่ตกอยู่ในความต่ำต้อย เพราะสิ่งเหล่านี้มันขึ้นอยู่ที่กรรมแห่งบุคคลซึ่งทำไว้ในกาลก่อน จึงส่งผลจำแนกให้มาเป็นในลักษณะต่างกัน
    บางคนแม้จะตกไปอยู่ในสกุลที่ลำบากยากเข็ญใจ ก็สักแต่ว่ากรรมซัดไปเท่านั้น แต่ความดีซึ่งติดอยู่ในจิตสันดานเดิมของเขามีอยู่ เขาก็อาจจะสำเร็จมรรคผลได้ในวันหนึ่ง ที่กรรมนั้นซัดไปให้เกิดในสกุลยากก็เพื่อจะทรมานเขาให้แลเห็นทุกข์เห็นโทษ และใช้หนี้เวรเก่าของเขาให้หมดสิ้นไปก็มี เพราะคนเราทุกคนที่เกิดมานี้ย่อมเกิดมาแต่ผลของกรรมเก่าที่ตนกระทำไว้ทั้งสิ้น

    ถ้าผู้ใดมีดวงตาญาณ ผู้นั้นก็อาจจะรู้ชาติภพของตนที่กระทำกรรมอันใดไว้ ผู้ใดที่ดวงตายังมืดอยู่ด้วยอวิชชา ผู้นั้นก็ย่อมมองไม่เห็น
    เรื่องของกรรมนี้พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงสอนไว้มิให้เราประมาท
    ผู้ใดทำดีก็ย่อมไม่หนีจากกรรมดี ผู้ใดทำชั่วก็ย่อมไม่หนีจากกรรมชั่วนั้น
    เหตุนั้น จึงควรมีความสำรวมระวัง อย่าประมาทในสิ่งที่เรามองไม่เห็นอย่าเหยียดหยามติเตียนในวัตถุทานของผู้ใด ในศีลของเขาก็ดี ในภาวนาของเขาก็ดี เขาอาจมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งเป็นความดีแฝงอยู่ภายในแต่ถูกปกปิดไว้ด้วยกรรมที่มองไม่เห็น ถ้าเราไปประมาทเขาเข้ากรรมนั้นอาจกลับมาเป็นโทษสนองตัวเราเองให้ได้รับผลวิบากในกาลภายหน้าได้
    ‘จิต’ นี้ จะว่าตายก็ตาย จะว่าไม่ตายก็ไม่ตาย
    จิตที่ตายก็คือจิตที่มีอาการแปรเปลี่ยนไปด้วยบาปอกุศล
    จิตคงที่อยู่ในสภาพเดิม หรือเป็นจิตที่เจือด้วยบุญกุศล ก็เป็นจิตที่ไม่ตาย
    ร่างกายของเรานี้ เรียกเป็น ๔ อย่าง ๑. รูป ๒. กาย ๓. สรีระ ๔. ธาตุ
    กายนี้ก็ไม่ได้ตายไปไหน เป็นแต่มันแปรเปลี่ยนไปเข้าสภาพเดิมของมัน
    ธาตุดินก็ไปอยู่กับธาตุดิน ธาตุน้ำก็ไปอยู่กับธาตุน้ำ ธาตุไฟก็ไปอยู่กับธาตุไฟ ธาตุลมก็ไปอยู่กับธาตุลม ฯลฯ

    ก่อนที่เราจะเกิดมาจริง ๆ นั้น ก็คือธาตุทั้ง ๔ ไปประชุมสามัคคีกันขึ้น และถ้าเจ้าตัวจิตวิญญาณซึ่งลอยอยู่นั้น เข้าไปแทรกผสมเข้าเมื่อใด ก็จะเกิดเป็นสิ่งที่มีชีวิตขึ้น แล้วก็ค่อย ๆ ขยายตัวเติบโตออกไปทุกที ๆ เป็นเลวบ้าง ประณีตบ้าง เป็นคนบ้าง เป็นสัตว์เดรัจฉานบ้าง แล้วแต่ กรรมของจิตที่เป็น ‘บุญ’ หรือ ‘บาป’
    ‘จิต’ เป็นผู้รับผิดชอบในบุญและบาปทั้งหลาย คือกรรมดีและกรรมชั่ว ‘ร่างกาย’ นั้นไม่ใช่เป็นผู้รับผิดชอบ.

    จากหนังสือท่านพ่อลี ธัมมธโร
    พระอริยเจ้าผู้มีพลังจิตแก่กล้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2020
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    อาจารย์ยอด : หิวตาย [กรรม]

    อาจารย์ยอด : ยำกบ [กรรม]

    อาจารย์ยอด
    Oct 8, 2020
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2020
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    อโหสิกรรมอย่างไร?ให้จบกันในชาตินี้ | เจ้ากรรมนายเวร | เรียนรู้ธรรมะกับชีวิต

    Wisdom life channel
    Jan 31, 2018
    ชีวิตติดขัด จงขออโหสิกรรม 3 สิ่งนี้ จะดีขึ้นทันตาเห็น ปาฏิหาริย์เปลี่ยนชีวิต ดีขึ้นทันตาเห็นจริงๆ

    B HerbHealthBest
    Aug 26, 2020
    ***ขณะล้างเท้าพ่อแม่ กล่าวด้วย คำพูดว่า...

    "กรรมใดๆ ที่ลูกล่วงเกินพ่อกับแม่ ด้วยกายวาจาหรือใจก็ตาม ขอให้พ่อกับแม่ โปรดยกโทษให้อภัย อโหสิกรรมให้แก่ลูกด้วย "*** ***
    เมื่อทำบุญ ส่งบุญไปให้ ... เจ้ากรรมนายเวร ... โดยกล่าวคำพูดว่า...
    อิทัง สัพพะ เวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงมีความสุข ข้าพเจ้า เคยเจตนาจงใจหรือประมาทพลาดพลั้งเผลอเรอไป ล่วงเกินเจ้ากรรมนายเวร ทางกายวาจาหรือใจก็ตาม ขอให้ท่านเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโปรดยกโทษให้อภัย และอโหสิกรรม ให้แก่ข้าพเจ้า ด้วยเถิด สาธุ*** ***
    ลืมแก้บน*** จัดเครื่องบวงสรวงของแก้บนต่างๆ ***โดยกล่าวคำพูด ดังนี้...
    ข้าพเจ้าเคยบนบานไว้ ทั้งที่จำได้หรือจำไม่ได้ ก็ตาม วันนี้ข้าพเจ้าจึงขออัญเชิญ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาเป็นประธานและสักขีพยาน โดยขออัญเชิญพรหมทุกชั้นฟ้า เทวดาเทพเทวา รวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เจ้าที่เจ้าทางเจ้าป่าเจ้าเขาทั้งหลาย และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ของข้าพเจ้า ขอเชิญโปรดมารับเครื่องสักการะเครื่องของแก้บนเหล่านี้ ที่ข้าพเจ้าจัดมาถวายให้ในวันนี้ ด้วยเทอญ เพื่อขอให้ การบนบานที่ผ่านมาของข้าพเจ้า ทั้งที่จำได้หรือจำไม่ได้ก็ตาม ทั้งที่สมหวังหรือไม่ก็ตาม การบนบาน จงอย่าติดค้างต่อกัน ไม่เป็นเวรไม่เป็นกรรมต่อกันไปอีกเลย จงจบกันเรียบร้อยด้วยดี ตั้งแต่บัดนี้ด้วยเถิด และขอให้ท่านทั้งหลาย ได้รับบุญกุศลทั้งหลายของข้าพเจ้าด้วย และโปรดอโหสิกรรมทุกอย่างให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เพื่อขอให้ชีวิตของข้าพเจ้าต่อไปนี้ พบความสุขความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป ทั้งเรื่องการงานและการเงิน ด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ***
    ***ขอให้ทุกท่านสุขภาพดี แข็งแรงสุขกาย สุขใจ ผ่องใส เบิกบาน☘️ทุกๆวัน ตลอดไปค่ะ :))
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2020
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    กฏแห่งกรรม เรื่อง คนดีผีคุ้ม หญิงใจเดียว รักเดียว

    vihan taweesak
    Feb 27, 2020
     
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    ก๕/๑๐ หนี้กรรมข้ามชาติของอาตมา(๑)
    พระภาวนาวิสุทธิคุณ
    ๒๔ มิ.ย.๒๖
    วันนี้จะเล่าเรื่องดาบของแม่ทัพ ทำให้คนฝันและต้องมาที่วัดนี้ ไปได้มาอย่างไร ต้องใช้เงินเท่าไร เป็นเรื่องอัศจรรย์ของอาตมา ผ่านมาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว ตอนนั้นอยู่วัดพรหมบุรี ยังไม่ได้มาอยู่ที่วัดนี้ ก็จะขอเล่าประวัติอาตมาสักเล็กน้อย

    เมื่อสมัยอยู่วัดพรหมบุรี ก็เริ่มสอนกรรมฐานมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๔-๒๔๙๙ หลังจากที่เดินออกจากป่า ก็มาเจริญภาวนาและสอนกรรมฐาน เริ่มต้นที่วัดพรหมบุรีตามลำดับมา

    วันหนึ่งสมภารใช้อาตมาไปเช่าเมรุพร้อมเครื่องตั้ง จะมาจัดงานศพที่วัดต้องไปเช่าที่หัวเวียง บ้านแพน อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แถวโน้นเขามีอาชีพค้าเมรุ มีไฟประดับสวยงามพร้อมเครื่องตั้งบนศาลา เหมากันมาอย่างนั้น แถวนี้ทั้งแถวไม่มีเมรุ ส่วนมากเป็นเมรุเผาเตาฟืน ถ้ามีงานศพผู้มีเกียรติหรือผู้มีเงินต้องไปเช่าเมรุ เมรุก็มีมากทางหัวเวียง ผักไห่ บ้านแพน ก็เลยต้องไปที่นั่น

    อดีตชาติของหลวงพ่อ
    กล่าวถึงบ้านหนึ่ง เป็นเรื่องอัศจรรย์ครั้งอดีตชาติของอาตมา เจ้าของบ้านชื่อแม่ชุมศรี ศรีเรือง เป็นเจ้าของโรงสี อาตมาไม่เคยผ่านทางนั้นจึงไม่เคยรู้จัก แม่ชุมศรีนี้ยังไม่มีครอบครัว ยังเป็นสาว เขานั่งสมาธิแล้วฝันสามคืนติด ๆ กัน ฝันว่า เมื่ออดีตชาติของเขา เขาอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา เขามีลูกชายคนเดียว และลูกชายคนนั้นได้กำลังรบทัพจับศึก และในฝันนั้นบอกว่า ลูกชายโดนกลศึกวิธี พม่าได้ฆ่าลูกชายโดยผลักเขาลงน้ำถึงแก่ความตาย ที่อำเภอบางไทร ตรงปากครองที่ทัพพม่าเดินผ่านเมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยาแตกทัพวันนั้น เขาก็ร้องห่มร้องไห้ว่าลูกชายเขาต้องจากไป บ้านเขาอยู่ตรงนั้นตรงนี้

    อีกคืนหนึ่งเขาฝันว่า ลูกชายเขามาบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ไม่ทราบว่าอยู่วัดไหน และในวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ (อาตมาจำ พ.ศ. ไม่ได้ ไม่ได้ดูสมุดบันทึก) เวลา ๑๐.๓๐ น. ถ้ามีพระมาฉันเพลที่บ้านในวันและเวลานั้น ก็เป็นลูกชายของเขาเมื่อครั้งอดีตชาติ ที่รบทัพจับศึกแล้วโดนกลศึก ถูกฆ่าถีบลงน้ำไป เขาก็สำนึกอยู่ตลอดเวลา และก็เล่าให้พี่น้อง พ่อแม่ฟังว่าดิฉันฝันอย่างนี้ พี่ชายควบคุมโรงสีอยู่ ก็บอกว่า “ฝันไม่เข้าเรื่องเข้าราว” แต่เขาก็เชื่อมั่นของเขาเหลือเกินว่า ในวันที่ ๕ กุมภาพันธ์นี้จะต้องเตรียมทำอาหาร ถ้ามีพระองค์ไหนมาบ้านเรา ต้องใช่แน่นอน บ้านนี้ใหญ่มาก มีโรงสีติดอยู่ข้างบ้าน มีสะพานลงไปสู่ตีนท่า มีแพน้ำ บ้านทาสีสวยงาม เผอิญตรงกับวันที่อาตมาจะไปหาเช่าเมรุ อาตมาลงเรือจากสิงห์บุรีไปถึงผักไห่ ก็ไปถามหาบ้านนายสง่าที่เขาเป็นเจ้าของเมรุอยู่หัวเวียง อาตมาก็ว่าจ้างเรือหางยาวให้ไปส่งที่บ้านนายสง่า เจ้าของเรือหางยาวก็รู้จัก ค่าเรือขาไปคิด ๒๐ บาท ไปกลับคิด ๕๐ บาท เพราะต้องเสียเวลาคอย อาตมาก็ตกลง ลงเรือจากตลาดผักไห่เรือก็แล่นไปเลย

    แล้วมาส่งที่บ้านนี้บอกว่าเป็นบ้านนายสง่า เสียงเรือแล่นดัง พูดอะไรไม่ค่อยได้ยิน อาตมาก็นึกว่า ใช่แล้วบ้านนี้ใหญ่โต น่าจะเป็นบ้านของเจ้าของเมรุ

    พอขึ้นจากเรือ เขามานิมนต์ที่แพเลย มานิมนต์กันเยอะ ขึ้นไปมีสำรับกับข้าว โตกมากมาย เอ๊ะ! อะไรกันนี่ เราจะมาหาเมรุ อาตมารำพึง เขาก็นิมนต์ให้นั่ง เอาหมากยามาถวาย คุยกันว่าไม่รู้จักกัน เหมือนรู้จักกันมาหลายปีอย่างนี้ อาตมาก็คิดว่า จะใช่บ้านนายสง่าหรือเปล่าเรือหางยาวพอส่งปั๊บ ก็บอกว่า “ท่าน ผมไปธุระก่อนนะ ประมาณชั่วโมงหนึ่งผมจะมารับ” แล้วเรือหางยาวก็วิ่งออกไปเลย นี่เขาบอกว่าเขารู้จักบ้านนายสง่าที่หัวเวียงที่เป็นเจ้าของเมรุ มีพวกโรงสี พวกแขกมาเต็มบ้าน มีสำรับครบ เวลา ๑๐.๓๐ น. พอดีตรงกับที่เขาจดไว้ เขาก็เลยเจี๊ยวจ๊าวกันใหญ่ เราก็ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขา เลยบอกว่า “โยมจะทำบุญเรื่องอะไรกันนี่ ไม่ใช่อาตมานะ อาตมาจะมาหาเมรุ บ้านนี้บ้านนายสง่าใช่ไหม”

    เขาก็บอกว่า ไม่ใช่ เขารู้จักบ้านนายสง่าดี อยู่หัวเวียงโน่น อาตมาก็บอก “ตายจริง ผิดบ้านเสียแล้ว โยมช่วยเรียกเรือหางยาวที” เรือหางยาวก็ออกไปเสียแล้ว กว่าจะรู้เรื่องกันก็เพลพอดี เขาก็อาราธนาศีล อาตมาบอก “เอ๊ะ! โยมจะถวายสังฆทาน จะทำบุญกับพระวัดไหนนี่” เขาก็บอกว่า “เฉย ๆ ท่านต้องรับ” รับศีลเสร็จแล้ว ถวายสังฆทานเขาบอก “นิมนต์ฉันตามสบายเจ้าค่ะ” อาตมาก็นึกเคืองเรือหางยาวมาก ดูซิบอกว่ารู้จัก กลับมาส่งบ้านแม่ชุมศรี บ้านนี้
    เขาก็กระตือรือร้น เอาใจใส่อย่างดี เตรียมน้ำร้อนน้ำชาไว้ก่อน อาตมาก็ฉันไปสองสามคำ ฉันไม่ได้ รู้สึกเกรงใจเขามาก พอฉันเพลเสร็จ เขาก็เล่าเหตุการณ์นี้ให้ฟัง เขาหาว่าอาตมาเป็นลูกของเขาเมื่อครั้งอดีตชาติ เราไม่เชื่อ เชื่อไม่ได้ ลูกอะไรกัน เขายังเป็นสาวอยู่ แต่เขาก็เชื่อมั่นเหลือเกิน แล้วเขาก็เล่าให้ฟังว่า เขาบันทึกหลักฐาน เขียนไว้ครบ ฝันสามคืนติด ๆ กัน พ่อแม่พร้อมพี่ชายเขาบอกว่า น้องสาวเขาบ้า แต่ท่านมายังไงตรงเวลาพอดี อาตมาบอก ความจริงอาตมาไม่รู้จักบ้านโยมนะ แล้วไม่รู้เรื่องเลย จะไปหาเมรุบ้านนายสง่า เลยผลสุดท้ายก็คุยกันถึงเย็นเล่าประวัติศาสตร์ในชีวิตของเขาตลอดมา อาตมาก็นิ่งไว้ไม่ยอมเชื่อ สักประเดี๋ยวเรือหางยาวมารับ

    ในที่สุดก็เย็นหมดเวลา ได้ทราบจากบ้านโรงสีว่า นายสง่าไม่อยู่ เอาเมรุไปตั้งทางวัดสามกอ ไปทางอำเภอเสนา ต้องมาวันหลังอาตมาก็กลับวัดผิดหวังไม่ได้เมรุ แต่มาได้โยมแม่ในอดีตชาติ ตั้งแต่นั้นมาอาตมากับบ้านแม่ชุมศรีก็ติดต่อกันเรื่อยมา ต่อมาอีกหนึ่งปี อาตมาก็ย้ายวัดมาอยู่ที่วัดอัมพวัน มาอยู่วัดนี้ พ.ศ. ๒๕๐๐ ก็อยู่ตามลำดับมา แต่ในสำนึกของอาตมา เรื่องดังกล่าวเรารู้บ้างไม่รู้บ้าง จะเชื่อนักก็ไม่ได้ แต่เราก็ต้องยอมรับบางประการเหมือนกัน

    อาตมาก็อยู่วัดนี้ตลอดมา สอนกรรมฐานไปเรื่อย หลังจากคอหักแล้วก็หมดเวลา มีเสียงบอกว่าท่านจะต้องอยู่ไปได้แค่ ๕ ปี คอหัก ๑๔ ตุลาคม ๒๕๒๑ ก็ครบ ๕ ปี พ.ศ. ๒๕๒๖

    พอดีถึงเวลา อาตมาก็มีนิมิตว่า ต้องหมดเวลา พวกญาติโยมมาขอนิมนต์กันใหญ่ “หมดเวลา” มีนิมิตเครื่องหมายไปว่า “ท่านขอเชิญไป” เห็นจะตายแน่คราวนี้ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายที่เราจะไปนั่น มันอาจจะคิดถึงบ้านแม่ชุมศรีว่า เขาว่าเราตกน้ำตายก็ได้ มันยังไม่แน่นอนนัก แต่แล้วก็มีนิมิตกรรมฐานทันที อาตมานิมิตว่า “ท่านจะต้องตายแน่นอน”

    ในวันนั้นนิมิตก็บอกว่า กำลังนั่งกรรมฐานในโบสถ์ มีคนสี่คนเข้ามาขอเชิญ ขอนิมนต์เปลี่ยนเครื่องต้นเครื่องทรง เปลี่ยนผ้าออก คือหมายความว่าให้สึก

    อาตมาก็บอกว่า “ยังไม่สึก ยังรักเพศพรหมจรรย์อยู่”

    “ไม่ได้ เจ้าต้องไป ต้องไปอย่างแน่นอน ให้แต่งตัว” สี่คนนี้แต่งตัวเป็นพวกทหารทั้งนั้น แล้วก็มาเอาพานเชิญ มีเครื่องต้นเครื่องทรง มาให้แล้วบอกว่า

    “ท่านต้องแต่งตัวใหม่”

    อาตมาบอก “ตายจริงเรายังรักเพศพรหมจรรย์อยู่ ยังไม่ไป ขออยู่ก่อน”
    เขาบอก “ไม่ได้ ต้องไปแน่” และเอาเครื่องทรงมาให้
    อาตมาจำเป็น จำยอม ก็ต้องเอาผ้าออก นุ่งผ้า ใส่เสื้อ ใส่หมวก ออกจากประตูโบสถ์ไป พอออกจากประตูโบสถ์ไปแล้วพบเจ๊ฉุ่นจังหวัดสิงห์บุรี (นางทองดี ญาณวัฒนา) เจ๊ฉุ่นเคยพูดกับอาตมาว่าจะขายรถ ขอให้ช่วยขายรถให้ได้สิบคัน เจ๊ฉุ่นก็ฝันตรงกับนิมิตในวันนั้นเอารถมาที่วัด นำมาให้เจิม แล้วก็เห็นหลวงพ่อแต่งตัวออกไป มีเสื้อครุย มีดาบ ออกไปจากโบสถ์ เจ๊ฉุ่นเสียใจเหลือเกิน ร้องไห้

    เจ๊ก็บอกว่า “หลวงพ่อทำไมสึก ไม่ควรจะสึกอย่างนี้ ฉันเอาปัจจัยมาถวาย ๑๐,๐๐๐ บาท ขายรถได้หมดแล้ว”

    อาตมาก็บอกเจ๊ว่า “หมดเวลาต้องไปแน่ อยู่ไม่ได้หรอก” เจ๊ก็พูดว่า “แหม! ท่านไม่น่าสึกเลย ทำไมแต่งตัวอย่างนี้ ”

    สักประเดี๋ยวกลับเข้ามาในโบสถ์ใหม่ มีชุดใหม่มาอีกสองคน ก็มาบอกว่า “พระคุณเจ้ายังมีเวลาอยู่” เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวใหม่อีกแล้ว แต่งตัวใหม่แล้วบอกว่า

    “ท่านมีเวรมีกรรมมาก ไปฆ่ารันฟันแทงเขามากมายจริง ๆ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ท่านต้องไปเอาดาบของท่านมาแก้กรรมเสียดาบของท่านขณะนี้มาจากเชียงใหม่ เดี๋ยวนี้อยู่พระนครศรีอยุธยา ขอให้ท่านเตรียมเงินไป ๕,๐๐๐ บาท”
    พอดีในวันนั้น (วันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๔) ต้องไปในพิธีบวงสรวงที่วัดบรมพุทธาราม ในบริเวณวิทยาลัยครูพระนครศรีอยุธยา ไปดูที่สร้างพระประธาน

    อาตมาก็นึกได้ว่าต้องเอาใครมาบวงสรวง คนนี้รูปร่างใหญ่โตมากชื่อ อาจารย์ทองดี (โพธิ์) เมืองทอง อยู่ที่โพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร เป็นคนเกิดที่นั่น แล้วเคยเป็นสมภารวัดบรมพุทธาราม บวงสรวงเก่งมาก เหตุที่ต้องการคนอยู่ที่โพธิ์ประทับช้าง เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกันคือ วัดบรมพุทธารามเป็นวัดที่สมเด็จพระเพทราชาเป็นผู้สร้าง และตำบลโพธิ์ประทับช้างเป็นสถานที่สมเด็จพระเจ้าเสือเสด็จประทับ สมเด็จพระเจ้าเสือทรงเป็นพระราชบุตรของสมเด็จพระเพทราชา อาตมาก็ไปหาอาจารย์โพธิ์ผู้ทำพิธีบวงสรวงพระประธานที่วัดบรมพุทธารามกันต่อไป

     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    (ต่อ)
    อาตมาขอยืมเงินเขาไป ๕,๐๐๐ บาท ต้องไปเอาดาบเล่มนี้มาแก้กรรม ดาบมี ๒ เล่ม เล่มเล็กและเล่มใหญ่ อาจารย์อาคม วรจินดา เพื่อน ดร.กิ่งแก้ว อยู่ที่ มศว.มหาสารคาม มาซื้อเล่มเล็กไปก่อนแล้ว มันก็เป็นเรื่องแปลกอยู่นะ อาตมาก็จะต้องไปบวงสรวง แต่ไม่ได้บอกคนที่ไปด้วย มีอุ่นเรือน ร้านวรทัศน์ สมศรี ร้านบางกอก ไปกันเยอะ ไปช่วย ดร.กิ่งแก้ว พอเสร็จพิธีเรียบร้อยแล้ว เพื่อน ๆ ของดร. กิ่งแก้ว เขาอยากจะไปดูเรื่องอดีตชาติของคุณนายโสภา ปัทมดิลก แต่อาตมาไม่ยอมพาไปวันนั้น เพราะคุณนายโสภา นี่เป็นภรรยานายอำเภอเมืองสิงห์บุรี แต่ไม่ถูกกัน มาเข้ากรรมฐานแล้วไปดีกันทีหลัง ในอดีตชาตินั้นเคยหล่อพระแล้วจารึกชื่ออธิษฐานไว้ อยู่ที่วัดอยุธยา นายอำเภอนี้ไม่ใช่สามีภรรยากัน ครั้งอดีตชาติ แต่เคยให้เงินใช้เสมอ จึงนำเงินนั้นมาสร้างพระ อาตมาไปพบมาแล้ว และชื่อนั่นจารึกไว้ครบ เมื่อครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยายังไม่เสียแก่พม่าข้าศึก พระองค์นี้บอกได้เดี๋ยวนี้แต่อย่าไปค้นนะ อยู่วัดหน้าพระเมรุ อันนี้เป็นเรื่องของคุณนายโสภาครั้งอดีตมา

    ในที่สุด รุ่งขึ้นเช้า เจ๊ฉุ่นมาที่วัดอัมพวัน บอกว่า “โอ๊ย! หลวงพ่อเมื่อคืนนี้สึกนี่ แต่งตัวนุ่งผ้าโจงกระเบนใส่หมวก มีสร้อยสังวาลอีก แหม! ฉันร้องไห้เสียแทบตายเมื่อคืนนี้”

    ตรงกันเลย! อาตมาถามว่า “เจ๊ฉุ่นมาทำไมแต่เช้า”?
    “เอาปัจจัยมาถวายหมื่นหนึ่ง” แล้วเล่าต่อว่า

    ในฝัน “ฉันมาคอย เอารถมาจอด ท่านเดินออกจากโบสถ์ แล้วมีคนสี่คน พอฉันบอก โอ๊ย! ไม่ได้ ๆ ท่านเข้าไปในโบสถ์ มีสองคนตาม สี่คนหายไป แหม! หลวงพ่อสึกได้นี่ ใส่สังวาล ใส่โน่น ใส่นี่ แต่ถือดาบ ดาบมีลักษณะอย่างนั้น ๆ” ก็พรรณนาไป

    อย่างนี้ก็ตรงกันแล้ว และอาตมาก็นิมิตว่า อ๋อ! เราจะต้องแก้กรรมแน่ เหลืออีกสามสี่วัน ปัจจัยก็ไม่พอห้าพัน เลยขอยืมคนโน้นบ้าง คนนี้บ้าง ในนิมิตบอกว่า ดาบเล่มนี้ต้องห้าพัน ไม่น่าเชื่อ อีกเล่มหนึ่งไปอยู่มหาสารคามแล้ว

    วันนั้นเมื่อเสร็จพิธีบวงสรวงแล้ว พวกเราชวนกันไปดูพระที่วัดมงคลบพิตร ที่นำมาจากวัดบรมพุทธาราม แล้วไปดูมีดดาบ ให้อาจารย์ไปถามดูว่าดาบเล่มนี้มาจากเชียงใหม่ใช่ไหม ปรากฏว่า มาจากเชียงใหม่จริง ๆ

    ร้านนี้เป็นร้านขายอาหาร เดิมอยู่ที่เชียงใหม่ขายของเก่า มีคนสะพายดาบมาจากไหนไม่ทราบ มาขายให้แล้วเขาก็ย้ายจากเชียงใหม่มาพระนครศรีอยุธยา แล้วก็ไม่ได้ขายดาบหรอก เขาเก็บไว้เป็นของเก่าใส่ตู้แสดงไว้ พอถามราคาเขาจะเอาเจ็ดพันบาท พูดไปพูดมาเขาซื้อไว้ห้าพัน ถ้าท่านจะเอาก็คิดเท่าตามทุน ซื้อมาสี่-ห้าปีแล้ว ก็เลยขอดาบมาดูว่าตรงตามนิมิตไหม ดาบนี้ต้องมีบิ่นนิดหนึ่ง ไม่ใช่เหล็กธรรมดา เป็นเหล็กน้ำพี้ โค้งได้เลย แต่ปลายตัด

    เพราะเหตุใดปลายตัด เพราะเป็นเชลยของพม่า ดาบนี้ของแม่ทัพต้องโดนตัดปลายทั้งนั้น ถ้าดาบของพลทหารไม่โดนตัด ก็ได้ความว่าดาบบิ่นหน่อย แล้วปลอกแบบนี้เป็นปลอกไม้มีตราแบบนี้ทั้งนั้น ปลอกไม้มาทำทีหลัง ของเก่าผุไปแล้ว ซ่อมมาตั้งหลายครั้ง อาตมาก็ซื้อได้ในราคาห้าพันพอดี ตรงตามที่นิมิตบอกว่า เขามารับไป ท่านต้องไปเอาดาบมาแก้กรรมนะ ท่านฆ่าฟันเขาเยอะนะ

    อาตมาก็ดีใจมาก ในวันนั้นก็เอาดาบมาแขวนไว้ที่วัด โอย! เราจะตายแล้ว ปวดเมื่อยทั่วสกนธ์กาย แขนก็ขาด ขาก็ขาด จะตายแล้ว เอาหมอมาฉีดยาก็ไม่หาย ให้น้ำเกลือก็ไม่หาย อย่ากระไรเลยเราจะต้องเอาดาบไปฝากเขาไว้ที่ร้านวรทัศน์ จังหวัดลพบุรี มันมีกรรมด้วยกันไฟจะต้องไหม้แน่นอน พอเขาเอาดาบออกจากวัดไป อาตมาหายเลย ในคืนที่อาตมาจะตาย แขนก็ปวด คอก็ปวด เอวก็ปวดรวดร้าวทั่วสกนธ์กาย
    ต้องแผ่เมตตาคืนยันรุ่ง นี่เราไปฆ่าเขาไว้มากมายจริง ๆ นะ พอเอามีดไปฝากไว้บ้านนั้นหายทันที

    ในเวลาต่อมา อาตมาต้องเดินทางไปเมืองจีน มีคนไปส่งหลายคน อาตมาบอกว่า จะเดินทางขึ้นเครื่องบินแล้วนะจ๊ะ ไม่ห่วงใครเลยนะ ห่วงแต่แม่สมศรี กับแม่อุ่นเรือน นิมิตบอกแล้ว ไฟจะไหม้บ้านสองคนนี้

    ฝ่ายยายเตียง (นางเตียง ปุริปุณนะ) ไปพูดกับโยมพิน (นางยุพิน บำเรอจิต) นินทาแล้ว หลวงพ่อวัดเรานี่แย่มาก ห่วงเฉพาะสาวๆ คนไหนสวยละห่วงนัก ไอ้เรานี่มันแก่แล้วไม่ได้ห่วงเราเลย แล้วเราก็ย้ำเรื่อยเรื่องห่วงสองคนนี้ แม่สมศรี ร้านบางกอกเฟอร์นิเจอร์แล้วเป็นห่วงแม่อุ่นเรือนมากที่สุด อาตมาเดินทางไปก็นึก ๆ ห่วงเรื่องนี้ ในวันพระ ๘ ค่ำ แม่สองคนเกิดนุ่งขาวมาที่วัด ตอนนั้นอาตมากำลังอยู่ที่โรงแรม
    ซัวเถา แล้วก็ทำพิธีกรรมสวดมนต์ไหว้พระของเราเสร็จแล้วจะกลับไป่กุ้ย อาตมาก็นั่งอยู่ในห้องเป็นลมคืนยันรุ่ง ถามหลวงพ่อวัดดอนเมืองดูได้

    เจ้าคุณพรหมคุณาภรณ์ วัดสระเกศ ถามว่า “เอ๊ะ! หลวงพ่อวัดอัมพวันเป็นอะไร” “เกล้ากระผมไม่สบายมาก ปวดรวดร้าวไปหมดแล้ว ณ บัดนี้ ไฟกำลังไหม้ ณ บัดนี้ ไฟกำลังไหม้ ไหม้หมดแล้ว” เลยบอกหลวงพ่อวัดดอนเมืองต่อว่า “หลวงพ่อวัดดอนเมืองครับ ผมเป็นลมไปเสียแล้วครับ เดี๋ยวขอผมนั่งกรรมฐาน” ก็นั่งเจริญภาวนามาเรื่อย ๆ

    พอรุ่งเช้า อาตมาก็ไปขอโทรศัพท์ทางไกล เงียบ! ทั้งสองร้านเลย นึกแล้วไฟไหม้หมดแล้ว ไม่มีเหลือแล้วนะ ช่วยไม่ได้ พร้อมด้วยดาบของเราด้วย ไฟไหม้หมดเลย

    พอกลับมาถึงดอนเมือง ลงจากเครื่องบินแล้ว หลวงพ่อวัดดอนเมืองมาบอกว่า “ขอนิมนต์ฉันเพล วัดดอนเมืองเขามาต้อนรับ” อาตมาไม่ยอม รีบขึ้นรถเลย เขานึกว่าเราไม่รู้ รีบขึ้นรถบึ่งถึงวัด พวกที่ไปรับก็อดข้าวกัน ถ้าหากว่าไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้ เราก็ต้องเลี้ยงพวกนั้นแน่ เราก็ไม่สบายใจกลับจากเมืองจีนในวันนั้น พออาตมากลับมาแล้วก็ไม่ต้องฉัน ไม่ได้ฉันข้าว เพราะเครื่องบินขึ้นจากฮ่องกง ตัดตรงมาทางจังหวัดอุบลราชธานี ผ่านเมืองญวนมาตามลำดับ พอผ่านอุบลสักประเดี๋ยวลงดอนเมืองแล้ว ก็เหลืออีกยี่สิบนาทีจะเพล เราก็รีบบึ่งเข้าวัดอัมพวัน เลยพวกนั้นอดข้าวอดปลาไปตาม ๆ กัน

    ก็ได้ความว่า ดาบไหม้ไฟไปแล้ว เหลือแต่ดาบไม่มีด้าม อาตมาก็ขออธิษฐานว่า เราจะเอาดาบนี้มาแผ่ส่วนกุศลที่เราไปฆ่าเขา เพื่อตัวเราจะได้รอดตาย มีชีวิตอยู่ในปีนั้น

    ตรงกับนิมิตเครื่องหมายที่เขาเอาเครื่องทรงมาให้เราสึก บอกไปเถอะถ้าไม่ไปนะ ต้องไปเอาดาบมาแก้กรรมเสีย ต้องถวายสังฆทาน ให้เจ้ากรรมนายเวร แล้วท่านจงแผ่เมตตาให้มาก ทำบุญให้เยอะ ท่านก็จะอยู่ต่อไปอีกหน่อย แต่ก็ไม่ทราบว่าจะอยู่ไปได้แค่ไหน อาตมาขออธิษฐาน ดาบไม่มีด้ามแล้ว ข้าพเจ้าไปฆ่ารันฟันแทงเขามา ก็จะขอทำดาบนี้ให้ดีตามเดิม มีวิญญาณอยู่ในมีดนี้หลาย ๆ อย่างบอกได้ นี่เล่าเฉพาะนักปฏิบัติธรรมนะ อีกเจ็ดวันข้างหน้า อาตมาอธิษฐาน ผู้ใดหนอ ที่จะเป็นช่างทำด้ามดาบนี้ให้ดีได้ตามเดิมได้ ขอให้มาพบภายในเจ็ดวันนี้ ในวันที่ครบเจ็ดวัน อาตมารออยู่ที่วัด พอดีดลบันดาลให้ คุณจินตนา กับ คุณกวี ที่เราเคยไปพักบ้านเขาที่เชียงใหม่ เกิดมาที่วัดพอดีในวันนั้น

    อาตมาก็ไปเอาดาบมาเลย คิดว่ายายคนนี้ต้องทำมีดให้เราได้แน่ ก็บอกว่า “โยมจินตนา ขอให้ช่วยเหลือสักอย่าง” แต่ที่เรานิมิตนะ เราไม่ได้บอกนะ เขาถามว่า “ช่วยยังไงล่ะ เจ้าคะ” ก็บอกว่า

    “ช่วยเอาดาบไปทำฝักให้ที ไปทำด้ามด้วย”

    “ขอดูดาบหน่อยเจ้าค่ะ” เลยก็เอาดาบมาให้ดู ห่อกระดาษมา

    “ดิฉันรับรอง แต่จะทำยังไง ดิฉันไม่ทราบนะ”

    แล้วคุณจินตนาก็นำเอาดาบเหล็กนี้ไป ไปปรึกษาคุณกวี ผู้จัดการธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ สาขาสันป่าข่อย เป็นลูกศิษย์ท่านเจ้าคุณศรีธรรมนิเทศ คุณกวีก็บอกว่า “เราก็ต้องไปสอบถามดู รับปากท่านมาแล้วนี่”

    เลยคุณจินตนาก็นิมิตขึ้นว่าต้องไปที่ฝาง ก็เอาดาบไปที่ฝาง มีคนหนึ่งเคยทำดาบ อายุ ๗๐ ปีแล้ว นั่งสมาธิเก่ง คุณจินตนาก็อธิษฐาน เจ้าพ่อคุณเอ๋ย ขอให้ทำได้เหมือนเล่มเดิม แล้วก็เอาดาบไปให้ ตาคนนี้บอก เลิกทำมานานแล้ว แก่แล้ว ไม่ยอมทำ แต่แล้วสักพักใหญ่คุยกันไปคุยกันมา ช่างคนนี้บอกยินดีรับทำให้

    คุณจินตนาก็ถามว่าจะทำรูปไหน นายช่างนั้นบอก แล้วแต่อธิษฐาน บอกว่าดาบนี่ไม่ใช่เหล็กธรรมดา เป็นเหล็กน้ำพี้ เลยก็รับทำ ใช้เวลา ๓ เดือน มีเครื่องมือเพียง ค้อน สิ่ว และเหล็กหมาด ก็ทำออกมาในรูปนี้ เหมือนอย่างเดิม พอได้ดาบเหมือนอย่างเดิมแล้ว คุณจินตนาก็ดีใจ ก็รับมาในวันนั้นไม่พักบ้าน เอาไปถวายให้ท่านเจ้าคุณศรีธรรมนิเทศน์ดู

    ท่านเจ้าคุณศรีธรรมนิเทศน์ก็มีอยู่ ๒ เล่ม ก็นำมาให้คุณจินตนาดู บอกว่า นี่ดาบของพลทหารรุ่นเดียวกันนี่ ท่านได้เตรียมหอก เตรียมดาบไว้สำหรับให้นักศึกษาดู ว่าเป็นรุ่นนั้น รุ่นนี้

    แล้วท่านก็บอกว่า จินตนาเอ๋ย ไหน ๆ ทำให้ท่านแล้ว เอากลับไปทำใหม่ ลงรักปิดทอง เพราะดาบรุ่นนี้เขาเป็นทอง เป็นดาบที่ใช้รบบนหลังม้า นี่ปลายตัด แล้วก็มีบิ่นนิด ๆ ไม่ต้องลับ การฟันบนหลังม้า ไม่ได้ฟันลงอย่างนี้นะ เขาใช้ฟันตวัดขึ้นนะคอขาดเลย

    เลยได้ความว่าท่านเจ้าคุณศรีธรรมนิเทศน์ให้ไปลงรักปิดทอง แล้วท่านยังเอาดาบของพลทหารให้ดู แล้วท่านยังได้อธิบายต่อไปว่า ดาบนี่ปลายโดนตัด โดยที่ตอนนั้นไทยเราแพ้พม่า พม่าจับเอาดาบของแม่ทัพตัดหัวหมด ข้อเท็จจริงยาวอีกคืบหนึ่ง โดนตัดหมดทั้งนั้น

    นี่เล่าเหตุการณ์กฎแห่งกรรม ก็ไม่น่าเชื่อนะ ช่างที่ฝางก็แก่แล้ว บอกเลิกทำแล้ว อายุตั้งเจ็ดสิบกว่าแล้ว ก็รับทำให้แล้วก่อนที่จะทำ เขาเข้าครูเชิญครูอธิษฐาน ขอให้ทำได้เหมือนเล่มเดิมที่ไหม้ไฟไป และเจ้าคุณศรีธรรมนิเทศน์บอกให้ลงรักปิดทอง เพราะดาบนี้มีด้ามและฝักเป็นทอง แต่ตอนที่ได้มาไม่ได้ปิดทอง เป็นฝักไม้ แต่ตรงปลายด้ามเป็นเงิน มีตรา ทำใหม่ก็มีตราอย่างเดียวกัน ดูซิช่างไม่น่าจะรู้ว่าต้องทำอย่างนี้ เพราะไหม้ไฟไปแล้ว ก็แปลกดีนะ

    อย่างแม่ชุมศรีที่ว่าพระมาถึงบ้านเขา เวลา ๑๐.๓๐ น. ในวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ จะต้องเป็นลูกของเขาที่ตกน้ำตายสมัยสงครามกรุงศรีอยุธยา นี่เล่าเฉพาะนักปฏิบัตินะ เดี๋ยวจะว่าเป็นบ้าบอไป ความจริงอาตมามีนิมิตกรรมฐานว่า เราก็รู้มาก่อนที่จะไปบ้านแม่ชุมศรี ในนิมิตก็บอกว่า ไปรบทัพจับศึกกัน ยังรู้สึกว่าจำได้ว่ามันฟันอะไร เพราะไอ้พม่ารามัญมันเตรียมจากธนบุรีตามลำน้ำ มันก็ขึ้นมาหมดแล้ว ไม่มีเหลือแล้ว

    และเราจำเป็นต้องไปรบทัพจับศึก ก็ไปรบกับพม่า ใช้เรือ รบที่บางไทร ฆ่าฟันพม่ามากมาย เลยพอดีโดนกลศึกวิธีคนไทยด้วยกัน ถีบเราหลุดตกน้ำไปถึงแก่ความตาย แล้วดาบนั้นพวกนี้ก็เอาไป แล้วก็ซัดเซพเนจรไปเรื่อย ๆ กระทั่งไปอยู่ถึงเชียงใหม่ แล้วก็ล่องกลับมาถึงกรุงศรีอยุธยาตามเดิมแล้วเราก็นิมิตว่าเราตกน้ำตาย นี่ถ้าอาตมาไม่ได้ดาบ อาตมาตายไปแล้ว
    :- https://rulesofkarma.wordpress.com/ก๕๙-เสียงร้องประหลาด/ก๕๑๐-หนี้กรรมข้ามชาติขอ/
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    เจ้าของบุญ เจ้าของวัด กรรมของการยึดติดในบุญ

    Dhamma Voice
    Nov 13, 2020
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2023
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    :: น่าสงสารมากคนเหล่านี้ตกนรกไม่รู้ตัว ::
    “… นี่อีกเรื่องหนึ่งนะ ฝากด้วย เล่นอะไรที่มันในโทรศัพท์น่ะ อย่าไปพิมพ์อะไรที่มันเรารู้ไม่จริง มันอะไรนะเราเรียกไม่ถูกว่ะ โหเห็นตกนรกเยอะมากนะ พวกตกด้วยนิ้ว เอานิ้วกดๆ ไปเนี่ย อะไรนะ เค้าเรียกอะไรนะ (เสียงตอบ เฟสบุค) ไม่ใช่ๆ อะไรๆ นะ (คอมเม้นต์) เออๆ ใช่ๆๆ มันไม่ชอบ กูชอบ มันหลอก มันโกหก มันตอแหล มันอะไร ซวยไปเลยลูก เราไปสาธุกับสิ่งที่ชั่วๆ ช้าๆ ไม่แสดงความคิดเห็นทั้งหมด เราเก็บไว้ในใจเรา ไม่ต้องเขียนไปในนั้นหรอกลูก นี่จำไว้นะ นักปฏิบัติทั้งหลายนะ อย่ามีสิ่งพวกนี้ ดูๆ ไปเถอะแต่อย่ามีสิ่งเหล่านี้ เพราะอะไร มันไปร่วมตลบตอแหลกับเขา ไปนรกทั้งเป็น ยังไม่ตายนะ มันอยู่ในนรกหมดแล้วนะ รู้มั้ยเพราะอะไร นิ้วมันนั่นแหละ มันทำบาปด้วยนิ้วมันกดด้วยนิ้ว เป็นยักษ์เป็นมาร นิ้วเป็นยักษ์เป็นมารแต่ตัวเป็นเปรตนะเข้าใจไหม ยังไม่ตาย ตายต้องไปตกที่นั่น เพราะอะไร ก็เพราะนั่น ไอ้นี่แหละแสดงความคิดเห็นเกินเหตุเกินประมาณ เราไม่เชื่อเราก็เงียบไว้ในใจ เพราะเรายังไม่เห็นกับตา และถึงเราเชื่อเราก็อย่าไปพูดอะไร เพราะความเชื่อเราอาจจะผิดเพี้ยนก็ได้ เนี่ยเรายังไม่เจอตัวจริงๆ เห็นจริงๆ อย่างนี้เป็นต้น

    มันต้องประจักษ์กับตัวเอง แต่ก็ไม่ควรไปพิมพ์ไอ้แบบนั้น เพราะอะไร ไปเข้าข้างก็ผิด ไปขัดแย้งก็ผิด เขาผิดอยู่แล้ว เราจะไปพูดผิดทำไม เราไปทำบาปร่วมกับเขาทำไม ถ้าเขาถูกอยู่แล้วก็เป็นเรื่องถูกของเขา เราจะไปแสดงอีกทำไม เราแสดงของเราไว้ในใจเท่านั้นก็พอ จริงๆ ก็เอ้อ ถูกก็เป็นของเขาเราไม่ได้ดีอะไรเลย ผิดก็เป็นเรื่องของเขาเราก็ไม่ได้ชั่วไปด้วย ถึงเราไปทำมากๆ ไปคอมเม้นต์มากๆ มันก็ไม่ได้ว่าเขาจะชั่วไปกว่าเก่าใช่มั้ย เขาก็ชั่วเท่าเก่านั้นแหละ ถ้าทำเที่ยวใหม่เขาจะชั่วกว่าเก่าก็ได้เพราะเกิดจากคอมเม้นต์นี้ นึกออกมั้ย

    นี่ตอนนี้นะ คนตกนรกเยอะมากเลย ผิดศีลผิดธรรมเบียดเบียนกันด้วยเรื่องนี้มากที่สุดเลย โห น่าห่วงมากนะ นี่จำไว้นะ นี่เราพูดเราเตือนทุกคนนะ ไอ้พวกนี้นะ ไม่ได้เตือนเฉพาะนี้นะ เตือนหมดนะ น่าสงสารมากคนพวกนี้ ตกนรกไปไม่รู้ตัวนะ โหเวรกรรมมาก บุญก็ทำนะ สร้างพระตั้งหลายองค์ สร้างพระ สร้างวัดสร้างวา ไปปฏิบัติ บวชพราหมณ์บวชศีล แต่ไปตกนรกเพราะอันนี้ เพราะอะไร “กรรมนี้กรรมแรง” ไปทำให้คนหมดอาลัยตายอยากกับสิ่งเหล่านี้ ทำให้คนเขาไม่เข้าหาธรรมะบ้าง ทำให้อะไรต่างๆ ภาวนาไม่ดีขึ้นมาเพราะเกิดจากการวิพากษ์วิจารณ์ทำให้เขาเสีย เขาเรียกทำลายทางมรรคผลนิพพานบุคคลอื่นเขาด้วยเหตุอันนี้ อย่างนี้เป็นต้นก็มี

    เรื่องวัด เรื่องวา เรื่องพระเรื่องสงฆ์ เรื่องเจ้า เรื่องสังคม เรื่องข่าวสาร เรื่องการบ้านการเมือง อย่าไปสนใจ อย่าไปเม้นอะไรกับเขา ดูแล้วก็บอก โอ้ย ไม่ได้เรื่องไป ไม่ดู ... ให้หาทางเข้าสู่ธรรมะนะ นี้ล่ะ มีลูกบอกลูก มีหลานบอกหลาน มีเพื่อนบอกเพื่อน แต่บอกแล้วเค้าเชื่อก็บอกนะ ถ้าบอกแล้วเขาไม่เชื่อ คำนวนก่อนนะ เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์มันไม่เชื่อ สามสิบเปอร์เซ็นต์มันเชื่อ ก็ไม่พูด เข้าใจมั้ย ถ้ามันเชื่อเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ไม่เชื่อสามสิบเปอร์เซ็นต์ เออ แหย่ๆ มันหน่อยก่อน ใช่มั้ยล่ะ นี่ไอ้ที่พูดไปนี้เราคิดว่าต้องเชื่อเรานะ เราถึงได้บอกไปนะ ถ้าไม่เชื่อเราก็คงไม่บอกเหมือนกัน ...”

    ตอนหนึ่งของการอบรมคณะศิษย์ ณ ศาลาโบสถ์ 14/9/62
    โดย พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงพ่อเพชร วชิรมโน
    :- https://th-th.facebook.com/kubajaophet
     
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    ธรรมบรรยาย เรื่อง ไฉน..ทำบุญจึงได้บาป มีด้วยหรือ ?

    Dhamma Voice
    Nov 8, 2020
    อาจารย์ยอด : คนเลี้ยงกุ้ง [กรรม]

    อาจารย์ยอด
    Nov 17, 2020
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2020
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    เล่านิทาน EP.143 | ชายผู้เปลี่ยนชะตาชีวิตด้วยบุญ

    เล่านิทาน
    Sep 13, 2020
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2020

แชร์หน้านี้

Loading...