ผลที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ล้วนมาจาก “กรรม” ทั้งสิ้น

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 26 สิงหาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    เจ้ากรรมนายเวร
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    เจ้ากรรมนายเวรหลวงพ่อครับ คำว่าเจ้ากรรมนายเวรนี่หมายถึงใครบ้างครับ...?

    เจ้ากรรมนายเวรนี่ตัวตนมันไม่มีหรอก
    มันเป็นเรื่องของกรรมที่เป็นอกุศลกรรม ที่เราทำไว้
    ตัวจริงที่เราเคยทำเขาไม่มายุ่งกับเราหรอก

    อย่างเราฆ่าปลาตาย ปลาเขาก็ไม่มายุ่งกับเรา
    แต่ปรากฏของกรรมมันเล่นงานเรา
    ถ้าปลานั่งจองเวรคอยลงโทษเราแกก็ไม่ต้องไปเกิดล่ะ

    คำว่าเจ้ากรรมนายเวรนี่นะ ถ้าพูดตามส่วนตัวจะว่าไม่มีก็ไม่ได้

    ถ้าหากเราฝึกขั้นสุกขวิปัสสโก เราจะบอกว่าไม่มีตัว เพราะไม่เคยเห็น

    แต่ว่าตั้งแต่ เตวิชโช ขึ้นไปเขาเห็น
    ต้องพูดตามขั้นนะ ถ้าเราว่ากันตามหนังสือก็คิดว่าจะไม่มี

    ......................
    แล้วถ้าเราอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรเขาจะได้รับไหมคะ...?

    คือว่าอุทิศส่งไปให้เขาจะได้รับหรือไม่ได้ก็ตาม
    บุญที่เราทำเป็นผลให้เกิดความสุข
    ไอ้กรรมต่างๆ ที่เป็นอกุศลที่เราทำไปแล้ว เราไปยั้งมันไม่ได้
    แต่ทว่าถ้าเราทำกรรมดีมีกำลังเหนือมันก็กวดไม่ทันเหมือนกัน

    สำหรับคำอุทิศส่วนกุศลที่ใช้อยู่เดียวนี้ยาวเหมือนกันแต่ยาวตามที่ท่านบอก
    บทอุทิศส่วนกุศลท่อนแรก ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรนั่น หลวงพ่อปู่โต มาบอก
    แล้วก็บทอุทิศส่วนกุศลอีก 3 ท่อน พระยายมราช มาบอก

    สำหรับตอนที่สองให้โมทนา
    ท่านบอกว่าเวลาอุทิศอุทิศส่วนกุศลน่ะ ขอบอกให้ผมเป็นพยานด้วย
    ท่านบอกว่าลูกหลานของท่าน ก็คือลูกหลานของผม และมันก็ไม่แน่นักหรอก
    บางทีไปอยู่สำนักผมมันอาจจะลืมก็ได้ เขาอาจจะนึกถึงบุญไม่ออก
    ถ้านึกถึงบุญไม่ออก ถ้านึกไม่ออกก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องปล่อยให้ตกนรก
    หากว่าถาม 3 เที่ยวนึกไม่ออก
    ผมจะได้ประกาศว่า นี่เขาเคยบอกฉันไว้ เวลาทำบุญเขาบอกให้ฉันเป็นพยาน
    แล้วก็ประกาศกุศลนั้น ก็ได้ไปสวรรค์

    นายเวร
    เรื่องมันมีอยู่ อย่างพระถูกหอกตาย เรื่องนี้มีอยู่ในพระสูตร คือว่ามันมีอยู่ว่า
    พระองค์ ท่านกำลังเย็บจีวร เย็บไปๆ ไอ้ตัวเรือดมันอยู่ในตะเข็บจีวร ท่านไม่เห็น
    เข็มก็ไปทิ่มเรือดตาย อย่างนี้ถือว่าเป็นบาปลงนรกไม่ได้ เพราะเจตนาไม่มี ไม่รู้ว่าอยู่ ใช่ไหม

    แต่ก็เป็นบังเอิญเมื่อต่างคนต่างตาย เจ้าเรือดก็ตายไปก่อน พระก็อยู่นานไม่ได้หรอกนะ
    ไปเกิดชาติหลังเป็นคนด้วยกันทั้งคู่
    เจ้าเรือดไปเกิดเป็นนายพรานป่าฆ่าเนื้อ พระก็ไปเกิดเป็นคน แต่ว่าบวชพระ

    ต่อมาวันหนึ่ง พระเดินสวนทางมาเจอนายพราน เห็นพรานถือหอกเกะกะๆ
    ท่านก็นึกหวาดเสียว ดีไม่ดีแกบ้าๆ บวมๆ จิ้มตาย ใช่ไหม ก็เลยหลบเข้าพุ่มไม้
    พรานแกฆ่าสัตว์ก็จริงแต่จิตแกก็ดี ถือว่าพระเป็นพระ แกเดินมาเข้าไปนึก
    เอ๊ะ...พระนี่น่าจะสวนกับเราตอนนี้ เวลานี้ท่านไปไหน
    หรือบางทีท่านเห็นเราถือหอกเดินมาท่านจะกลัวเรามั้ง ไอ้หอกจัญไร
    พุ่งไว้ตรงนี้ก่อน เลยพุ่งหอกเข้าไปในพุ่มไม้ แล้วเดินไปมือเปล่าไป
    ไอ้หอกระยำดันจิ้มมาที่อกพระพอดี
    นี่ไอ้นี่จะถือว่าเป็นกรรมไม่ได้ ต้องถือว่าเป็นเวร
    ถ้ากรรมก็ดึงลงอบายภูมิ นี่เป็นเวรมาสนองกัน


    โดย ...หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หนังสืออุทิศส่วนกุศล
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    มงคลที่ ๑๑.การบำรุงบิดามารดา
    คนที่หา ได้ยาก มากไฉน

    เพราะว่าใน โลกนี้ มีเพียงสอง
    คือพ่อแม่ เกิดเกล้า เหล่าลูกต้อง
    ตอบสนอง พระคุณ ได้บุญแรง
    ท่านว่าพ่อแม่นั้นเปรียบได้เป็นทั้ง ครูของลูก เทวดาของลูก พรหมของลูก และอรหันต์ของลูก ความหมายโดยละเอียดมีดังต่อไปนี้คือ

    *ที่ว่าเป็นครูของลูก เพราะว่าท่านได้คอยอบรมสั่งสอนลูก เป็นคนแรกก่อนคนอื่นใดในโลก
    *ที่ว่าเป็นเทวดาของลูก เพราะว่าท่านจะคอยปกป้อง คุ้มครอง เลี้ยงดู ประคบประหงมมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก บำรุงให้เติบใหญ่เป็นอย่างดี ไม่ให้เกิดอันตรายต่อลูกในทุกด้าน
    *ที่ว่าเป็นพรหมของลูก เพราะว่าท่านมีพรหมวิหาร ๔ นั่นก็คือ มีเมตตา หมายถึงความเอ็นดู ความปรารถนาดีต่อลูกในทุกๆด้าน ไม่มีที่สิ้นสุด มีกรุณา หมายถึงให้ความกรุณาต่อลูก ลูกอยากได้อะไรก็หามาให้ลูก ให้การศึกษาเล่าเรียน ส่งเสียเท่าที่มีความสามารถจะให้ได้ มีมุทิตา หมายถึงความรักที่ยอมสละได้แม้ชีวิตของตัวเองเพื่อลูก ยอมเสียสละได้ทุกอย่าง และมีอุเบกขา หมายถึงการวางเฉย ไม่ถือโกรธเมื่อลูกประมาท ซน ทำผิดพลาดเพราะความไร้เดียงสา หรือเพราะความไม่รู้
    *ที่ว่าเป็นอรหันต์ของลูก เพราะว่าท่านมีคุณธรรม ๔ ประการอันได้แก่

    *เป็นผู้มีอุปการะคุณต่อลูก คืออุปการะเลี้ยงดูมาด้วยความเหนื่อยยาก กว่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่

    *เป็นผู้มีพระเดชพระคุณต่อลูก คือให้ความอบอุ่นเลี้ยงดู ปกป้องจากภยันตรายต่างๆ นานา

    *เป็นเนื้อนาบุญของลูก คือลูกเป็นส่วนหนึ่งของกรรมดีที่พ่อแม่ได้ทำไว้ และเป็นผู้รับผลบุญ ที่พ่อแม่ได้สร้างไว้แล้วทางตรง

    *เป็นอาหุไนยบุคคล คือเป็นเหมือนพระที่ควรแก่การเคารพนับถือและรับของบูชา เพื่อเทอดทูนไว้เป็นแบบอย่าง

    การทดแทนพระคุณบิดามารดาท่านสามารถทำได้ดังนี้

    ระหว่างเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็เลี้ยงดูท่านเป็นการตอบแทน ช่วยเหลือเป็นธุระเรื่องการงานให้ท่าน ดำรงวงศ์ตระกูลให้สืบไปไม่ทำเรื่องเสื่อมเสีย รวมทั้งประพฤติตนให้ควรแก่การเป็นสืบทอดมรดกจากท่าน ครั้นเมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ก็ทำบุญอุทิศกุศลให้ท่าน ส่วนการเป็นลูกกตัญญูต่อพ่อแม่ในคำสอนของพระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่าไว้ดังนี้

    ๑.ถ้าท่านยังไม่มีศรัทธา ให้ท่านถึงพร้อมด้วยศรัทธา คือพยายามให้ท่านมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา เชื่อในเรื่องการทำดี

    ๒.ถ้าท่านยังไม่มีศีล ให้ท่านถึงพร้อมด้วยศีล คือพยายามให้ท่านเป็นผู้รักษาศีล ๕ ให้ได้

    ๓.ถ้าท่านเป็นคนตระหนี่ ให้ท่านถึงพร้อมด้วยการให้ทาน คือพยายามให้ท่านรู้จักการให้ด้วยเมตตาโดยไม่หวังผลตอบแทน

    ๔.ถ้าท่านยังไม่ทำสมาธิภาวนา ให้ท่านถึงพร้อมด้วยปัญญา คือพยายามให้ท่านหัดนั่งทำสมาธิภาวนาให้ได้
    :- http://fungdham.com/mongkhol38/mongkhol38.html
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    ........................... KarmaSila5.jpg
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    Karma PraYansangvorn.jpg
     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    มงคลที่ ๒๐.สำรวมจากการดื่มน้ำเมา

    ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
    ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
    เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
    ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน

    ว่าด้วยเรื่องของน้ำเมานั้น อาจทำมาจากแป้ง ข้าวสุก การปรุงโดยผสมเชื้อ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ดื่มแล้วทำให้มึนเมา เช่นเบียร์ ไวน์ ไม่ใช่แค่เหล้าเท่านั้น ล้วนมีโทษอันได้แก่


    ๑.ทำให้เสียทรัพย์ เพราะต้องนำเงินไปซื้อหา ทั้ง ๆ ที่เงินจำนวนเดียวกันนี้ สามารถนำเอาไปใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างอื่นได้มากกว่า

    ๒.ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท ซึ่งนำไปสู่ความวุ่นวาย เจ็บตัว หรือถึงแก่ชีวิต และคดีความ เพราะน้ำเมาทำให้ขาดการยับยั้งชั่งใจ

    ๓.ทำให้เกิดโรค โรคที่เกิดเนื่องมาจากการดื่มสุราล้วนแล้วแต่บั่นทอนสุขภาพกายจนถึงตายได้เช่น โรคตับแข็ง โรคหัวใจ โรคความดัน

    ๔.ทำให้เสียชื่อเสียง เมื่อคนเมาไปทำเรื่องไม่ดีเข้าเช่นไปลวนลามสตรี ปล่อยตัวปล่อยใจ ก็ทำให้วงศ์ตระกูล และหน้าที่การงานเสี่อมเสีย

    ๕.ทำให้ลืมตัวไม่รู้จักอาย คนเมาทำสิ่งที่ไม่ควรทำ ทำสิ่งที่คนมีสติจะไม่ทำ เช่นแก้ผ้าเดิน หรือนอนในที่สาธารณะเป็นต้น

    ๖.ทอนกำลังปัญญา ทานแล้วทำให้เซลล์สมองเริ่มเสื่อมลง ก็จะทำให้สุขภาพและปัญญาเสื่อมถอย ความสามารถโดยรวมก็ด้อยลง
    **********************
    http://fungdham.com/mongkhol38/mongkhol38.html

     
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    มงคลที่ ๕. เคยทำบุญมาก่อน
    กุศลบุญ คุณล้ำ เคยทำไว้
    จะส่งให้ สวยเด่น เช่นดวงแข
    ทั้งทรัพย์ยศ ไมตรี มีเย็นแด
    เพราะกระแส บุญเลิศ ประเสริฐนัก
    ขึ้นชื่อว่าบุญนั้น มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้คือ
    ๑. ทำให้กาย วาจา และใจ สะอาดได้
    ๒. นำมาซึ่งความสุข
    ๓. ติดตามไปได้ หมายถึงบุญจะติดตัวเราไปได้ตลอดจนถึงชาติหน้า
    ๔. เป็นของเฉพาะตน หมายถึงขอยืม หรือแบ่งกันไม่ได้ ทำเองได้เอง
    ๕. เป็นที่มาของโภคทรัพย์ทั้งหลาย คือว่าผลของบุญจะบันดาลให้เกิดขึ้นได้เองโดยไม่ได้หวังผล
    ๖. ให้มนุษย์สมบัติ ทิพย์สมบัติ และนิพพานสมบัติแก่เราได้ หมายถึงความสมบูรณ์ตั้งแต่ทางโลก จนถึงนิพพานได้เลย
    ๗. เป็นปัจจัยให้ถึงซึ่งนิพพาน ก็คือเป็นปัจจัยในการส่งเสริมให้บรรลุถึงนิพพานได้เร็วขึ้นเมื่อปฏิบัติ
    ๘. เป็นเกราะป้องกันภัยในวัฏสังสาร หมายถึงในวงจรการเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือที่เรียกว่าเวียนว่ายตายเกิดนั้น บุญจะคุ้มครองให้ผู้นั้นเกิดในที่ดี อยู่อย่างมีความสุข หรือตายอย่างไม่ทรมาน ขึ้นอยู่กับกำลังบุญที่สร้างสมมา
    การทำบุญนั้นมีหลายวิธี แต่พอสรุปได้สั้นๆดังนี้คือ

    ๑.การทำทาน
    ๒.การรักษาศีล
    ๓.การเจริญภาวนา
    **************
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    มงคลที่ ๖. การตั้งตนชอบ
    ต้องตั้งตน กายใจ ในทางถูก
    เร่งฝังปลูก ตนไว้ ให้ถูกหลัก
    เมื่อตัวตน ยังมี เป็นที่รัก
    ควรพิทักษ์ ให้งาม ตามเวลา

    หมายถึงการดำเนินชีวิตอย่างมีเป้าหมาย ด้วยความถูกต้องและสุจริต อยู่ในสัมมาอาชีพ มีแผนการที่จะไปให้ถึงจุดหมายนั้นด้วยความไม่ประมาท มีการเตรียมพร้อม และมีความอดทนไม่ละทิ้งกลางคัน
    *********************
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา
    ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายแห่งคนดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2020
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    มงคลที่ ๗. ความเป็นพหูสูตร
    การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้

    ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
    มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
    ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี
    คือเป็นผู้ที่ฟังมาก เล่าเรียนมาก เป็นผู้รอบรู้ โดยมีลักษณะดังนี้คือ
    ๑.รู้ลึก คือการรู้ในสิ่งนั้นๆ เรื่องนั้นๆ อย่างหมดจดทุกแง่ทุกมุม อย่างมีเหตุมีผล รู้ถึงสาเหตุจนเรียกว่าความชำนาญ
    ๒.รู้รอบ คือการรู้จักช่างสังเกตในสิ่งต่างๆ รอบตัว เช่นเหตุการณ์แวดล้อมเป็นต้น
    ๓.รู้กว้าง คือการรู้ในสิ่งใกล้เคียงกับเรื่องนั้นๆ ที่เกี่ยวข้องกัน สัมพันธ์กันเป็นต้น
    ๔.รู้ไกล คือการศึกษาถึงความเป็นไปได้ ผลในอนาคตเป็นต้น
    ถ้าอยากจะเป็นพหูสูตก็ควรต้องมีคุณสมบัติดังว่านี้คือ
    ๑.ความตั้งใจฟัง ก็คือชอบฟัง ชอบอ่านหาความรู้ และค้นคว้าเป็นต้น
    ๒.ความตั้งใจจำ ก็คือรู้จักวิธีจำ โดยตั้งใจอ่านหรือฟังในสิ่งนั้นๆ และจับใจความให้ได้
    ๓.ความตั้งใจท่อง ก็คือท่องให้รู้โดยอัตโนมัติ ไม่ลืม ในสิ่งที่เป็นสาระสำคัญ
    ๔.ความตั้งใจพิจารณา ก็คือการรู้จักพิจารณา ตรึกตรองในสิ่งนั้นๆอย่างทะลุปรุโปร่ง
    ๕.ความเข้าใจในปัญหา ก็คือการรู้อย่างแจ่มแจ้งในปัญหาอย่างถ่องแท้ด้วยปัญญา
    *********************

     
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    พุทธศาสนสุภาษิต : สิ่งที่เป็นการยาก
    • กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ
      ความได้เป็นมนุษย์เป็นการยาก
    • กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ
      ความเป็นอยู่ของสัตว์เป็นการยาก
    • กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ
      การฟังธรรมของสัตบุรุษเป็นการยาก
    • กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท
      ความเกิดขึ้นแห่งท่านผู้รู้เป็นการยาก
    • ทุลฺลภํ ทสฺสนํ โหติ สมฺพุทฺธานํ อภิณฺหโส
      การเห็นพระพุทธเจ้าเนืองๆ เป็นการหาได้ยาก
     
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    LpToBoonMetta.jpg
     
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    LpToParent.jpg
     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    ........... MeditationB4.jpg
    40 สถานที่ปฏิบัติกรรมฐานยอดนิยม


    ๑. วัดธรรมมงคล
    ซอยปุณณวิถี ๒๐ ถ. สุขุมวิท ๑๐๑ บางจาก พระโขนง กรุงเทพฯ
    โทร. ๗๔๑-๗๘๒๑-๒, ๓๓๒-๒๘๒๖-๗
    วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร
    แนวการปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
    สถานที่ปฏิบัติมีหลายแห่ง คือ ๑. ศาลาปฏิบัติธรรม เป็นห้องมุ้งลวด
    ๒. ถ้ำวิปัสสนา (จำลอง) ๓. ศูนย์สมาธิวิริยานุภาพ มี ๘๐ ห้องพัก
    ทุกห้องมีเครื่องปรับอากาศ ๔. ห้องสำหรับทำสมาธิ
    ๕. สถานปฏิบัติธรรม จ. เชียงราย ๖. สำนักสงฆ์น้ำตกแม่กลาง

    ๒. วัดอัมพวัน
    ๕๓ บ. อัมพวัน ถ. เอเชีย กม. ๑๓๐ หมู่ที่ ๔ ต. พรหมบุรี อ. พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
    โทร. (๐๓๖) ๕๙๙-๓๘๑), (๐๓๖) ๕๙๙-๑๗๕
    วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
    แนวการปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ บริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ”

    ๓. ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

    ๕๘/๘ ถ.เพชรเกษม ๕๔ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ๑๐๑๖๐
    โทร. ๔๑๓-๑๗๐๖, ๘๐๕-๐๗๙๐-๔
    วิปัสสนาจารย์ คุณแม่สิริ กรินชัย
    แนวการปฏิบัติ แนวสติปัฏฐาน ๔ เจริญสติอย่างต่อเนื่อง
    ตามแนวพระธีรราชมหามุนี วัดมหาธาตุ
    สถานที่เป็นตึกทันใหม่ทันสมัยหลายหลัง โดยทั่วไปการอบรมใช้เวลา ๘ วัน ๗ คืน

    ๔. สวนโมกขพลาราม
    ๖๘ หมู่ ๖ ต. เลเม็ด อ. ไชยา จ. สุราษฎร์ธานี ๘๔๑๑๐
    วิปัสสนาจารย์ ท่านพุทธทาสภิกขุ
    แนวการปฏิบัติ อานาปานสติภาวนา

    ๕. วัดป่าสุนันทวราราม
    บ้านลิ่นถิ่น ต. ท่าเตียน อ. ไทรโยค จ. กาญจนบุรี
    วิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
    แนวการปฏิบัติ อานาปานสติภาวนา
    เปิดอบรม “อานาปานสติภาวนา” แก่ผู้สนใจ ครั้งละ ๙ วัน
    เปิดรับครั้งละ ๑๐๐-๑๕๐ คน เป็นการปฏิบัติที่เคร่งครัด กินอาหารวันละ ๑ มื้อ
    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คุณดารณี บุญช่วย (๐๒) ๓๒๑-๖๓๒๐

    ๖. วัดภูหล่น
    ๙ ต. สงยาง อ. ศรีเมืองใหม่ จ. อุบลราชธานี
    ปฐมวิปัสสนาหลวงปู่มั่นฯ (สถานที่หลวงปู่มั่นออกธุดงค์ครั้งแรกกับหลวงปู่เสาร์)
    วัดนี้ค่อนข้างจะห่างจากตัวเมือง บรรยากาศดีมาก เย็นสบาย และเงียบสงบ
    มีสิ่งปลูกสร้างที่อยู่บนเขาไม่สูงนักสามารถกางกลดอยู่ได้
    มีโบสถ์บนเขาและมีกุฏิโดยรอบ บ้างก็ซ่อนอยู่ตามซอกเขา
    ที่นี่เหมาะกับผู้เคยปฏิบัติธรรมมาแล้ว ต้องการมาปฏิบัติขั้นอุกฤษฎ์

    ๗. วัดถ้ำขาม
    บ้านคำข่า หมู่ที่ ๔ ตำบาลไร่ อ. พรรณานิคม จ. สกลนคร
    วิปัสสนาจารย์ อาจารย์ฝั้น อาจาโร
    วัดมีเนื้อที่ ๘๔๐ ไร่ พื้นที่จรดเขตอุทยานป่าแนวเทือกเขาภูพาน วัดอยู่บนเขาสูง
    แต่ก็มีบันไดขึ้นลงสะดวก มีลิงป่า และไก่ป่า
    ที่พัก มีที่พักเป็นกุฏิ (กุฏิละ ๑ คน) หรือพักรวมบนศาลาก็ได้
    เหมาะสำหรับไปปฏิบัติแบบอุกฤษฎ์

    ๘. วัดมเหยงคณ์
    ต. หันตรา อ. พระนครศรีอยุธยา จ. พระนครศรีอยุธยา
    แนวปฏิบัติ เดินจงกรม นั่งสมาธิ กำหนดรู้ รูป-นาม

    ๙. สำนักปฏิบัติธรรมแสงธรรมส่องชีวิต
    ต. โคกแย้ อ. หนองแค จ. สระบุรี ๑๘๒๓๐
    โทร. (๐๓๖) ๓๗๙-๔๒๘
    แนวปฏิบัติ เน้นให้ผู้ฝึกมีสติรู้ในอิริยาบท
    ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันสำคัญทางศาสนา
    จะมีการจัดอบรมฝึกวิปัสสนากรรมฐาน บวชชีพราหมณ์ เนกขัมมะ

    ๑๐. วัดสนามใน
    ๒๗ ต. วัดชลอ อ. บางกรวย จ. นนทบุรี
    โทร. ๔๒๙-๒๑๑๙, ๘๘๓-๗๒๕๑
    วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อเทียน จิตตฺสุโภ
    แนวปฏิบัติ เน้นการเจริญสติ วิธีที่เป็นที่นิยมคือวิธีสร้างจังหวะ
    เป็นวิธีสร้างสติแบบนั่งทำสมาธิแต่ไม่ต้องหลับตา

    ๑๑. วัดป่านานาชาติ
    บ้านบุ่งหวาย หมู่ ๗ ต. บุ่งหวาย อ. วารินชำราบ จ. อุบลราชธานี
    (สาขา ๑๑๙ ของวัดหนองป่าพง)
    เป็นวัดป่าที่มีต้นไม้ใหญ่มาก มียุงและแมลงต่าง ๆ มาก
    คนที่แพ้ยุงก็ควรหายากันยุงไปด้วย อากาศเย็นสบาย ทานอาหารวันละ ๑ มื้อ
    การไป ให้เขียนจดหมายไปขออนุญาตจากเจ้าอาวาส แล้วจึงเดินทางไปอยู่

    ๑๒. วัดปทุมวนาราม
    ถ. พระราม ๑ ปทุมวัน กรุงเทพฯ ๑๐๓๓๐
    โทร. ๒๕๑-๒๓๑๕, ๒๕๒-๕๔๖๕
    วิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์ถาวร จิตฺตถาวโร
    แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
    นั่งปฏิบัติในศาลาพระราชศรัทธา มีอาสนะและผ้าคลุมตักให้หยิบใช้ได้
    บริเวณโดยรอบมีการปลูกแต่งด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย ร่มรื่นสวยงาม
    กำหนดการปฏิบัติธรรมที่ศาลาฯ ประจำวันจันทร์ – ศุกร์ วันละ ๓ เวลา
    เช้า ๗.๐๐ – ๘.๐๐ น. กลางวัน ๑๒.๐๐ – ๑๓.๐๐ น. เย็น ๑๗.๐๐ – ๒๐.๐๐ น.

    ๑๓. วัดปากน้ำภาษีเจริญ
    เลขที่ ๘ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
    วิปัสสนาจารย์ พระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด)
    แนวปฏิบัติ ตามแนวธรรมกาย ใช้คำบริกรรม “สัมมาอรหัง”
    สถานที่ปฏิบัติ ๑. หอเจริญวิปัสสนาฯ ชั้น ๒ เป็นห้องแอร์ปูพรม
    ๒. หอสังเวชนีย์มงคลเทพนิมิต ๓. ตึกบวรเทพมุนี

    ๑๔. วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎ์
    เลขที่ ๓ ท่าพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
    แนวปฏิบัติ ตามแนวสติปัฏฐาน ๔ ใช้คำบริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ”
    สถานที่ปฏิบัติ คณะ ๕ สำนักงานกลาง กองการวิปัสสนาธุระ
    เปิดทุกวัน สอนเดินจงกรมและนั่งสมาธิ
    เช้า ๐๗.๐๐ – ๑๐.๐๐ น. กลางวัน ๑๓.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. เย็น ๑๘.๐๐ – ๑๙.๐๐ น.

    ๑๕. วัดอินทรวิหาร
    อาคารปฏิบัติธรรม “เฉลิมพระเกียรติ” วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม
    กรุงเทพฯ ๑๐๒๐๐ โทร. ๖๒๘-๕๕๕๐-๒
    แนวการปฏิบัติ แนวหลักสูตรของคุณแม่สิริ กรินชัย ๘ วัน ๗ คืน หรือ ๔ วัน ๓ คืน
    เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมขยายผล จากผู้ปฏิบัติธรรมกับคุณแม่สิริ กรินชัย
    เป็นอาคารทันสมัย ๕ ชั้น จุได้ประมาณ ๕๐๐ คน

    ๑๖. สำนักงานพุทธมณฑล
    พุทธมณฑล ถ. พุทธมณฑลสาย ๔ ต. ศาลายา อ. พุทธมณฑล จ. นครปฐม
    โทร. ๔๔๑-๙๐๐๙, ๔๔๑-๙๐๑๒
    แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ กำหนดรู้อารมณ์ บริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ”
    สถานที่ปฏิบัติ ชั้น ๒ ของหอประชุม มีเครื่องปรับอากาศ ห้องนอน
    มีเครื่องนอน เช่น หมอน มุ้ง ผ้าห่มให้พร้อม หรือนำไปเองก็ได้ ทานอาหาร ๒ มื้อ

    ๑๗. ศูนย์วิปัสสนายุวพุทธฯ เฉลิมพระเกียรติ
    คลองสาม จ. ปทุมธานี โทร. ๙๘๖-๖๔๐๔-๕
    เป็นสาขาของยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย – ภาษีเจริญ

    ๑๘. วัดอโศการาม
    ๑๓๖ หมู่ ๒ กม. ๓๑ ถ. สุขุมวิท (สายเก่า) ต. ท้ายบ้าน อ. เมือง จ. สมุทรปราการ
    วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อลี ธมฺมชโช
    บริเวณกว้างขวาง มีสระน้ำใหญ่ในบริเวณวัด
    กุฏิพระ แม่ชี และที่พักแยกเป็นสัดส่วนเรียงรายรอบวัดเป็นร้อย ๆ หลัง
    ส่วนมากอยู่ติดริมทะเลซึ่งเป็นป่าชายเลน

    ๑๙. วัดญาณสังวรารามวรวิหาร
    ต. ห้วยใหญ่ อ. บางละมุง จ. ชลบุรี โทร. (๐๓๘) ๒๓๗-๖๔๒
    สถานที่ปฏิบัติ เป็นอาคารคอนกรีต ๒ ชั้น มีอาคาร ญส. ๗๒ ชาย และ ญส. ๗๒ หญิง
    ชั้นละ ๑๐ ห้อง มีห้องน้ำในตัว เรือนปฏิบัติธรรมมี ๑๗ หลัง

    ๒๐. สำนักวิปัสสนาวิเวกอาศรม
    ซ. ประชานุกูล ๗ ถ. ชลบุรี-บ้านบึง ต. บ้านสวน อ. เมือง จ. ชลบุรี
    โทร (๐๓๘) ๒๘๓-๗๖๖
    วิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์ภัททันตะ อาสภมหาเถระ
    แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ ใช้คำบริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ”
    มีเรือนพักปฏิบัติธรรมทั้งหญิงชายแยกเป็นสัดส่วนอยู่จำนวนมาก
    การอยู่ปฏิบัติให้พักคนเดียว เน้นการเก็บอารมณ์ ไม่พูดคุยกัน อย่างเคร่งครัด
    การรับประทานอาหารจะมีปิ่นโตส่งถึงห้อง ๒ มื้อ
    ทุกวันจะมีการสอบอารมณ์กรรมฐานโดยพระอาจารย์
    ค่าน้ำไฟ อาหาร วันละ ๕๐ บาท หรือเดือนละ ๑,๕๐๐ บาท ห้ามอยู่เกิน ๙๐ วัน

    ๒๑. สำนักวิปัสสนาสมมิตร – ปราณี
    จ. ชลบุรี โทร. พระอาจารย์ใหญ่ (๐๑) ๙๒๑-๑๑๐๑
    เป็นสถานที่ซึ่งมีผู้บริจาคเพื่อขยับขยายมาจากวิเวกอาศรม
    แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ ใช้คำบริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ”
    สถานที่ล้อมรอบด้วยทุ่งและธรรมชาติ มีกุฏิสงฆ์สร้างในแบบธรรมชาติมุงจาก
    อาคารปฏิบัติธรรมขนาดกลางและอุโบสถ ยังรับผู้ปฏิบัติธรรมได้ไม่มากนัก

    ๒๒. วัดเขาสุกิม
    ต. เขาบายศรี อ. ท่าใหม่ จ. จันบุรี
    วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อสมชาย ฐิตวิริโย
    แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ใช้คำบริกรรม “พุทโธ”
    วัดตั้งอยู่สูงขึ้นไปบนเชิงเขา กว้างขวางกว่า ๓,๒๘๐ ไร่
    มีทางบันได และรถรางขึ้นไปบนวัด บริเวณร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย
    มีศาลาที่พักที่สะดวกสบาย เป็นห้องมุ้งลวด มีเตียง ที่นอน หมอนให้
    หรือพักที่กุฏิว่างต่าง ๆ

    ๒๓. วัดจันทาราม (วัดท่าซุง)
    ๖๐ บ้านท่าซุง หมู่ ๑ ต. น้ำซึม อ. เมือง จ. อุทัยธานี
    วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    แนวปฏิบัติ มโนมยิทธิ บริกรรม “นะ มะ พะ ธะ” และสอนอนุสติ บริกรรม “พุทโธ”

    ๒๔. สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง
    อ. เชียงดาว จ. เชียงใหม่
    วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่สิม พุทธจาโร
    สำนักสงฆ์แห่งนี้อยู่บนดอย ทางขึ้นลงเทปูนเป็นบันไดเดินได้สะดวกแต่ค่อนข้างสูง
    หลวงปู่เคยเล่าไว้ว่าที่ถ้ำผาปล่อง และถ้ำเชียงดาวนี้ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
    ให้สำรวมระวัง รักษาความสงบ ไม่ร้องรำทำเพลง เล่นตลกคะนอง
    เพราะเคยมีพระอรหันต์ตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้ากกุสันโธ
    พระอรหันต์สมัยพระพุทธเจ้าโกนาคม พระอรหันต์สมัยพระกัสสโป
    และพระอรหันต์สมัยพระพุทธโคดม มาบำเพ็ญเพียรและละสังขารอยู่หลายองค์
    การนั่งภาวนาที่นี่จะทำเหมือนสมัยที่หลวงปู่ยังอยู่ คือ
    ท่านจะให้ทุกคนที่ไปภาวนานั่งสมาธิเพชรฟังเทศน์ ด้วยเหตุผลว่า
    ”การนั่งสมาธิเพชรนั้นเป็นการฝึกฝนคนเราให้เกิดความตั้งใจมั่น”

    ๒๕. วัดป่าสาละวัน
    อ. เมือง จ. นครราชสีมา
    วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
    วันที่ ๑-๕ ของทุกเดือน จะมีการอบรมการปฏิบัติแก่อุบาสกอุบาสิกา
    ที่ใต้ศาลา และบนวิหารชั้น ๒ โดยจะมีพระให้การอบรม

    ๒๖. วัดสมเด็จแดนสงบ (แสงธรรมเวฬุราราม)
    ๙๙ ซอย ๑๙ ถ. มิตรภาพ อ. เมือง จ. นครราชสีมา ๓๐๐๐๐
    โทร. (๐๔๔) ๒๑๔-๑๓๔, ๒๑๔-๘๖๙-๗๐
    วิปัสสนาจารย์ พระครูภาวนาวิสิฐ
    แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔

    ๒๗. วัดป่าวะภูแก้ว
    ต. มะเกลือใหม่ อ. สูงเนิน จ. นครราชสีมา
    แนวปฏิบัติ แนวหลวงปู่เสาร์ - หลวงปู่มั่น ภาวนา “พุทโธ”
    วัดอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ มีต้นไม้ใหญ่น้อยมาก สถานที่เงียบสงบ สวยงาม
    มีอาคารอบรมขนาดใหญ่ สำหรับผู้มาทำสมาธิเป็นหมู่คณะ

    ๒๘. วัดหนองป่าพง
    ๔๖ หมู่ ๑๐ ต. โนนผึ้ง อ. วารินชำราบ จ. อุบลราชธานี
    วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อชา สุภทฺโท
    แนวปฏิบัติ เน้นให้มีสติสม่ำเสมอ ฝึกสมาธิแบบอานาปานสติ

    ๒๙. ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน
    บ้านเนินทาง ต. บ้านค้อ อ. เมือง จ. ขอนแก่น ๔๐๐๐๐
    โทร. (๐๔๓) ๒๓๗-๗๘๖, ๑๒๗-๗๙๐
    เป็นสถานปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานสาขา ของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน
    แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ เช่นเดียวกับวัดอัมพวัน จ. สิงห์บุรี

    ๓๐. วัดป่าวิเวกธรรมวิทยาราม
    ซ. ศรีจันทร์ ๑๓ ถ. ศรีจันทร์ ต. ในเมือง อ. เมือง จ. ขอนแก่น ๔๐๐๐๐
    โทร. (๐๔๓) ๒๒๒-๐๔๒
    วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม
    แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”

    ๓๑. วัดถ้ำผาบิ้ง
    ต. ทรายขาว อ. วังสะพุง จ. เลย
    วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่หลุย จันทสาโร
    เมื่อไปถึงจะพบศาลาสร้างด้วยไม้ที่โปร่งสะอาดน่านั่งสมาธิ มีกุฏิหลายหลัง
    มีถ้ำอยู่ไม่สูงจากเชิงเขา มีบันได้ขึ้นสะดวก เป็นที่สงบวิเวกมาก
    เหมาะแก่การปฏิบัติอย่างอุกฤษฎ์ พระในสายพระอาจารย์มั่นมักมากจำพรรษา
    และปฏิบัติธรรมที่นี่ เพราะเป็นที่สัปปายะ บรรยากาศเงียบสงบ ห่างจากเมือง

    ๓๒. วัดถ้ำกองเพล
    ต. โนนทัน อ. เมือง จ. หนองบัวลำภู ๓๙๐๐๐
    โทร. (๐๔๒) ๓๑๒-๓๗๗
    วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่ขาว อนาลโย
    แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
    เป็นวัดป่ากว้างขวาง พร้อมศาลาปฏิบัติธรรมสร้างภายในถ้ำ
    ทางไปถ้ำสะดวกอยู่ริมถนน รถเข้าถึงปากถ้ำได้ ไม่ต้องปีน
    บางกุฏิก็ซ่อนอยู่ตามเหลือบผาต่าง ๆ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม
    เมื่อไปถึงให้ติดต่อศาลาประชาสัมพันธ์เพื่อขออนุญาตก่อน ปฏิบัติธรรมอย่างเข้ม

    ๓๓. วัดป่าบ้านตาด
    ต. บ้านตาด อ. เมือง จ. อุดรธานี
    วิปัสสนาจารย์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
    ในวัดมีกุฏิที่พักหลายกุฏิ มักจะมีลูกศิษย์มาอยู่ปฏิบัติกันมาก
    แต่ผู้มาปฏิบัติที่นี่ต้องกินน้อย นอนน้อย ปฏิบัติมาก
    กลางคืนมักจะเดินจงกรม นั่งสมาธิ จนดึก หรือโต้รุ่งก็มี
    ไม่ใช้ไฟฟ้าในตอนกลางคืน ผู้ปฏิบัติจึงควรจำไฟฉายหรือเทียนติดตัวไปด้วย
    เพื่อใช้ส่องทางเดิน ทางจงกรม ซึ่งมักจะเป็นทางดิน
    และอาจมีสัตว์ เช่น งู อยู่บ้าง ต้องเจริญเมตตาไม่เบียดเบียนต่อกัน

    ๓๔. วัดหินหมากเป้ง
    บ้านไทยเจริญ หมู่ ๔ ต. พระพุทธบาท อ. ศรีเชียงใหม่ จ. หนองคาย
    วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
    แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
    ในวัดมีกุฏิเรือนรับรองอยู่มาก บริเวณกว้างขวาง ประกอบด้วยป่าโปร่ง ป่าไผ่
    ทะเลสาบใหญ่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง เหมาะแก่การอยู่ปฏิบัติ

    ๓๕. วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก)
    อ. บึงกาฬ จ. หนองคาย
    วิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
    แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
    วัดตั้งอยู่บนภูทอก ทางขึ้นค่อนข้างชัน
    สร้างด้วยความอัศจรรย์และด้วยจิตที่เด็ดเดี่ยวของพระเณร
    ท่านพระอาจารย์จวนได้ทำทางขึ้นเป็นขั้นบันไดและทางเดินด้วยไม้รอบภูจนถึงยอด
    บริเวณหน้าผา ท่านใช้ไม้ ๒ ลำมัดให้แน่นยื่นออกไป ๔ เมตร
    เอาเชือกบังสุกุลผูกปลายไม้ที่ยื่นออกไป ตรึงใส่เสาที่ปักไว้ แล้วไปนั่งที่ปลายไม้นั้น
    เพื่อตอกหินเจาะหลุมที่หน้าผา ปรากฏว่า ถ้าให้ฆราวาสไปนั่งปลายไม้ครั้งใด
    ก็ไม่สามารถควบคุมสติสมาธิได้ เพราะมองไปข้างบ่างก็เกิดความหวั่นไหว
    จนไม่สามารถตอกหินได้สำเร็จ ผู้สร้างจึงเป็นพระและเณร สิ่งปลูกสร้างนี้มี ๗ ชั้น
    มีกุฏิที่พักเชิงเขาที่ชั้น ๒ หรือจะพักกุฏิว่างรอบเขาก็ได้ (ต้องขออนุญาตก่อน)
    เหมาะกับผู้ปฏิบัติที่ฝึกมาดีพอสมควร มีความเข้มแข็งพึ่งตนเองได้
    เนื่องจากเปลี่ยวและสูงอยู่บนภูเขา แต่บรรยากาศเย็นสบาย เงียบสงบ

    ๓๖. วัดดอยธรรมเจดีย์
    บ้านทาสีนวล หมู่ ๓ ต. ตองโขบ อ. ศรีสุพรรณ จ. สกลนคร
    วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ
    แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
    ปกติจะปฏิบัติที่ศาลา ส่วนที่พักมีกุฏิ และอาคารคึกสะอาดทันสมัย

    ๓๗. วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม
    ถนน รพช หมู่ ๑ ต. ปทุมวาปี อ. ส่องดาว จ. สกลนคร
    แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภาวนา “พุทโธ”
    ที่นี่มีหลายถ้ำ มีถ้ำหนึ่งชื่อถ้ำพวง ซึ่งพระอาจารย์มั่นเคยเล่าให้ฟังว่า
    เป็นถ้ำที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เคยมีพระอรหันต์ชื่อ พระนรสีห์ มานิพพานที่นี่

    ๓๘. วัดป่าสุทธาวาส
    ๑๓๙๖ บ้านคำสะอาด หมู่ ๑๐ ต. ธาตุเชิงชุม อ. เมือง จ. สกลนคร
    แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
    มีอาคารเป็นตึกปูน ๓ ชั้นหลังใหญ่ จุคนได้หลายร้อยคน เย็นสบาย

    ๓๙. วัดคำประมง
    เลขที่ ๒๐ หมู่ ๔ บ้านคำประมง ต. สว่าง
    อ. พรรณนานิคม จ. สกลนคร ๔๗๑๓๐
    วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่สิม พุทธจาโร
    เนื่องจากเป็นวัดที่มีพระจำพรรษาอยู่น้อยในฤดูนอกพรรษา จึงเงียบสงบ
    มีเจ้าหน้าที่ตัดหญ้า ปลูกดอกไม้สวยงามอย่างดี
    มีพระพุทธรูปปางต่าง ๆ และสิ่งก่อสร้างสวยงาม มีสระน้ำทะเลสาบใหญ่
    ฝูงปลามากมาย มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมและให้อาหารปลาอยู่เสมอ

    ๔๐. สำนักปฏิบัติธรรมศิริธรรม (ถ้ำชี)
    เขากิ่ว ต. ไร้ส้ม อ. เมือง จ. เพชรบุรี ๗๖๐๐๐
    โทร. (๐๓๒) ๔๒๘-๕๒๒
    วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อกนฺตสิริภิกขุ
    แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ และอานาปานสติ
    เขากิ่วเป็นภูเขาเตี้ย ๆ มีต้นไม้หนาแน่นมาก อยู่ใกล้เมือง เดินทางสะดวก
    บนเขามีลิงอยู่บ้าง แต่ไม่ทำร้ายคน บนสำนักฯ มีเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
    ศาลา ถ้ำชี ซึ่งใช้เป็นอุโบสถ กุฏิที่พัก ห้องน้ำ-ส้วม พอสะดวกสบายแก่การปฏิบัติ
    ที่นี่เน้นการปฏิบัติเคร่งครัด กินน้อย นอนน้อย ปฏิบัติมาก
    .........................................
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    พระอรหันต์ในบ้าน - สมเด็จพระพุฒาจารย์ โตพรหมรังสี

    อภิญญา สมาธิ สวดมนต์ สนทนาธรรม - DharmaXP
    Published on Jan 17, 2015
    คติธรรมคำสอน โดย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี ) ตอนแรก อย่าทอดทิ้ง...พระในบ้าน
    ตอนหลัก พระอรหันต์อยู่ในบ้าน ให้เสียงภาษาไทยโดย ฟ้าทะลายโจร และมัทรี ธรรมะในชีวิตประจำวัน
    สมเด็จโตท่านเป็นยอดนักเทศน์ ท่านเทศน์ได้จับใจคนฟัง ธรรมเทศนาของท่านเข้าใจง่าย ไม่ต้องนั่งแปลไทยให้เป็นไทย เพราะท่านใช้คำไทยตรงๆ เป็นภาษาพื้นๆ ที่คนทั่วไปได้ฟังก็เข้าใจ เป็นที่นิยมของชนทุกชั้น ฟังไปก็สนุกเพลิดเพลิน และยังได้คติธรรม ไม่ง่วงเหงาหาวนอนเหมือนนักเทศน์ท่านอื่นๆ สมเด็จโตท่านได้เล่าว่า มีคราวหนึ่งท่านได้รับนิมนต์ให้แสดงธรรม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จออกมาท่ามกลางเหล่าขุนนาง ข้าราชการ และข้าราชบริพาร ครั้นพอพบหน้าท่านเจ้าผู้ครองแผ่นดินก็ทรงสัพยอกว่า “ท่านเจ้าคุณ เห็นเขาชมกันทั้งเมืองว่าท่านเทศน์ดีนักนี่ วันนี้ต้องขอพิสูจน์หน่อย” สมเด็จโตทรงทูลว่า “ผู้ที่ไม่เคยฟังในธรรม ครั้นเขาฟังธรรม และได้รู้เห็นในธรรมนี้แล้ว เขาก็ชมว่าดี ขอถวายพระพร มหาบพิตร” และวันนี้อาตมาจะมาเทศน์เรื่อง “พระอรหันต์อยู่ในบ้าน”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2022
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    เพลงธรรม(ดื่มน้ำเค็มยิ่งดื่มก็ยิ่งกระหาย)

    Apirat Kongtanasittinan
    Published on Aug 3, 2017
     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    ...... LpMunBeGood.jpg
     
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,478
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    มงคลที่ ๑๓.การสงเคราะห์ภรรยา
    มีคู่ครอง ต้องไม่ทำ ให้ช้ำจิต
    จะพาผิด ไปข้าง ทั้งผุยผง
    ต้องสงเคราะห์ แก่กัน ให้มั่นคง
    รักยืนยง ด้วยกัน ถึงวันตาย
    เมื่อว่าด้วยเรื่องคนที่จะมาเป็นคู่ครองของชาย หรือที่เรียกว่าจะมาเป็นภรรยานั้น ในโลกนี้ท่านแบ่งลักษณะของภรรยาออกเป็น ๗ ประเภทได้แก่
    ๑.วธกาภริยา หมายถึงภรรยาเสมอด้วยเพชรฆาต เป็นพวกที่มีจิตใจคิดไม่ดี ชอบทำร้าย ชอบด่าทอสาปแช่ง คิดฆ่าสามี หรือมีชู้กับชายอื่น
    ๒.โจรีภริยา หมายถึงภรรยาเสมอด้วยโจร เป็นคนล้างผลาญ สร้างหนี้สิน หาได้เท่าไรก็ไม่พอ หรือเอาเรื่องในบ้านไปโพทนาให้คนข้างนอกรับรู้ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
    ๓.อัยยาภริยา หมายถึงภรรยาเสมอด้วยนาย เป็นคนชอบข่มสามีให้อยู่ในอำนาจ ไม่ให้เกียรติสามีเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น ชอบสั่งการหรือเอาแต่ใจตัวเอง เห็นสามีเป็นคนไร้ความสามารถ แต่ตัวเองเป็นผู้นำ
    ๔.มาตาภริยา หมายถึงภรรยาเสมอด้วยแม่ คือผู้ที่มีความรักต่อสามีอย่างสุดซึ้ง ไม่เคยทอดทิ้งแม้ยามทุกข์ยาก ป่วยไข้ ไม่ทำให้มีเรื่องสะเทือนใจ
    ๕.ภคินีภริยา หมายถึงภรรยาเสมอด้วยน้องสาว คือผู้ที่มีความเคารพต่อสามีในฐานะพ่อบ้าน แต่ขัดใจกันบ้างตามประสาคนใกล้ชิดกันแล้วก็ให้อภัยกัน โดยไม่คิดพยาบาท เดินตามแนวทางของสามี ต้องพึ่งพาสามี
    ๖.สขีภริยา หมายถึงภรรยาเสมอด้วยเพื่อน ต่างคนต่างก็มีอะไรที่เหมือนกัน ความสามารถพอกัน ไม่จำเป็นต้องพึ่งพากัน ไม่ค่อยยอมกัน เป็นตัวของตัวเอง แต่ก็รักกันและช่วยเหลือกันโดยต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง
    ๗.ทาสีภริยา หมายถึงภรรยาเสมอด้วยคนรับใช้ คือภรรยาที่อยู่ภายใต้คำสั่งสามีโดยไม่มีข้อโต้แย้ง สามีเป็นผู้เลี้ยงดู สั่งอะไรก็ทำอย่างนั้น แม้จะไม่เห็นด้วยก็ไม่ออกความเห็น อดทนทำงานตามหน้าที่ตามแต่สามีจะสั่งการ แม้ถูกดุด่า เฆี่ยนตีก็ยังทนอยู่ได้โดยไม่โต้ตอบ

    ท่านว่าคนที่จะมาเป็นสามี ภรรยาได้ดีหรือคู่สร้างคู่สมนั้นควรต้องมีคุณสมบัติดังนี้
    ๑.สมสัทธา คือมีศรัทธาเสมอกัน
    ๒.สมสีลา คือมีศีลเสมอกัน
    ๓.สมจาคะ คือมีการเสียสละเหมือนกัน
    ๔.สมปัญญา คือมีปัญญาเสมอกัน
    เมื่อได้แต่งงานกันแล้ว แต่ละฝ่ายก็มีหน้าที่ที่ต้องทำดังนี้
    สามีมีหน้าที่ต่อภรรยาคือ
    ๑.ยกย่องนับถือว่าเป็นภรรยา คือการแนะนำเปิดเผยว่าเป็นภรรยา ไม่ปิดบังกับผู้อื่น และให้เกียรติภรรยาในการตัดสินใจเรื่องต่างๆด้วย
    ๒.ไม่ดูหมิ่น คือไม่ดูถูกภรรยาเมื่อทำไม่เป็น ทำไม่ถูก หรือเรื่องชาติตระกูล การศึกษาว่าต่ำต้อยกว่าตน แต่ต้องสอนให้
    ๓.ไมประพฤตินอกใจภรรยา คือการไปมีเมียน้อยนอกบ้าน เลี้ยงต้อย หรือเที่ยวเตร่หาความสำราญกับหญิงบริการ
    ๔ มอบความเป็นใหญ่ให้ในบ้าน คือการมอบธุระทางบ้านให้กับภรรยาจัดการ รับฟังและทำตามความเห็นของภรรยาเกี่ยวกับบ้าน
    ๕.ให้เครื่องแต่งตัว คือให้ความสุขกับภรรยาเรื่องการแต่งตัวให้พอดี เพราะสตรีเป็นผู้รักสวยรักงามโดยธรรมชาติ
    ฝ่ายภรรยาก็มีหน้าที่ต้องตอบแทนสามีคือ
    ๑.จัดการงานดี คืองานบ้านการเรือนต้องไม่บกพร่อง ดูแลด้านความสะอาด ทำนุบำรุงรักษา ด้านโภชนาการให้เรียบร้อยดี
    ๒.สงเคราะห์ญาติสามีดี คือให้ความเอื้อเฟื้อญาติฝ่ายสามี เท่าที่ตนมีกำลังพอทำได้ ไม่ได้หมายถึงเรื่องทรัพย์สินเงินทองอย่างเดียว
    ๓.ไม่ประพฤตินอกใจสามี คือไม่คบชู้ หรือปันใจให้ชายอื่น ซื่อสัตย์ต่อสามีคนเดียว
    ๔.รักษาทรัพย์ให้อย่างดี คือรู้จักรักษาทรัพย์สินไว้ไม่ให้หมดไปด้วยความสิ้นเปลือง แต่ก็ไม่ถึงกับตระหนี่
    ๕.ขยันทำงาน คือไม่เกียจคร้านเอาแต่ออกงาน นอน กิน หรือเที่ยวแต่อย่างเดียว ต้องทำงานบ้านด้วย
    **************************
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2017

แชร์หน้านี้

Loading...