ห้องแมวยิ้ม สัพเพ เหระ อะไรก็เอามาลงกระทู้นี้ได้ครับ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย zalievan, 9 ธันวาคม 2018.

  1. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    RIP.กับ ออย


    (อยู่อย่างเบิกบานต้องที่ฝีปากบน)
     
  2. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    อยากเห็นความอยากของสัตว์ชัดต้องมีสติตั้งมั่นที่ฝีปากล่าง..



    (อยู่อย่างเบิกบานด้วยตนเองต้องมีสติตั้งมั่นที่ฝีปากบน)
     
  3. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ดูการทำงานของจิตสังขารชัดๆ...ไม่ต้องถามใครฝึกเองรู้แจ้งเอง..



    ส่งภาพจากตัวสัญญามาขึ้นจอมอนิเตอร์ให้ดูเลยเมื่อรู้ด้วยปัญญาเดี๋ยวก็แจ้งแก่ใจตน..
     
  4. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ดูจิตเห็นจิตทราบจิตวางจิตวางความอยากวางการยึดติด...ไม่ต้องถามใครหน้าไหนทั้งนั้นและไม่ต้องให้ใครมารับรองให้แม้แต่น้อย..


    มีพุทโธอย่างเดียวเที่ยวทั่วทั้ง3แดนโลกธาตุ
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    เรื่องนี้มีตำนาน : เจ้าหลวงคำแดงแห่งดอยหลวงเชียงดาว


    เผยแพร่เมื่อ 17 ก.ค. 2018

    เรื่องนี้มีตำนาน : เจ้าหลวงคำแดงแห่งดอยหลวงเชียงดาว . ไกลสุดลูกตาทางทิศตะวันตกของตัวอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เห็นเทือกเขายาวเหยียด ส่วนยอดสูงสุดซ่อนตัวเสียดปุยเมฆ เป็นที่รู้จักในชื่อดอยหลวงเชียงดาว สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและดินแดนแห่งตำนานเจ้าหลวงคำแดง อารักษ์ใหญ่แห่งล้านนา วันนี้ความเชื่อยังเป็นหนึ่งเดียวกับวิถีท่องเที่ยวถ้ำเชียงดาว ติดตามจากเรื่องนี้มีตำนาน

    ...เจ้าหลวงคำแดงเจ้าตำนาน…แห่งอมตะนิยาย

    มีหลายเรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมา เกี่ยวกับเจ้าหลวงคำแดง เป็นไปในลักษณะของ อมตะนิยายพิศวาส อาทิ เล่าเป็นนิยายปรัมปรายุคต้นพุทธกาล กล่าวถึง
    สมเด็จองค์อัมรินทราธิราชเจ้า ประมุขแห่งปวงเทพเทวา ได้ดำริให้จัดทำสิ่งวิเศษเพื่อองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าศรีอาริยะเมตตรัย ที่จะมาตรัสรู้พระสัจธรรมในอนาคต ได้เล็งเห็นว่าถ้ำเชียงดาว เป็นสถานที่เหมาะสมแก่การเก็บรักษาของวิเศษเหล่านั้น เพราะลึกเข้าไปในถ้ำจนสุดประมาณมิได้ เป็นเมืองแห่งพวกครึ่งอสูรกาย เรียกว่าเมืองลับแล มีความเป็นอยู่ล้วนแต่เป็นทิพย์ ผู้คนทั้งหลายในมนุษย์โลกธรรมดาที่เต็มไปด้วยกิเลสยากนักที่จะเข้าไปพบเห็นได้ เพราะมีด่านภยันตรายต่างๆมากมายหลายชั้นกั้นขวาง ไว้เป็นอุปสรรค

    มียักษ์สองผัวเมียบำเพ็ญภาวนารักษาศีล เพราะได้ปฏิบัติตนเป็นผู้ถึงซึ่งพระรัตนตรัยจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยมีนางผู้เลอโฉมนามว่า "อินเหลา" อยู่ปรนนิบัติบิดามารดาผู้ทรงศีลทั้งสอง จนวันหนึ่งได้พบกับ เจ้าหลวงสุวรรณคำแดง ยุวราชหนุ่ม ซึ่งเสด็จมาประพาสป่าจากแค้วนแดนไกล ได้บังเกิดความหลงใหลในความงามของนาง ก็ได้พยายามติดตามนางไปจนถึงถ้ำเชียงดาว และทิ้งกองทหารของพระองค์ไว้เบื้องหลัง จากนั้นก็ไม่กลับออกมาอีกเลย ว่ากันว่าเจ้าหลวงสุวรรณคำแดงอยู่ครองรักกับเจ้าแม่อินเหลาที่ถ้ำเชียงดาวนั่นเอง ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่าจะมีเสียงดังสะเทือนจากดอยหลวงเชียงดาว ปรากฏเป็นลูกไฟ ขนาดลูกมะพร้าว สว่างจ้าพุ่งหายไปในดอยนางซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งมีความเชื่อว่า เจ้าหลวงสุวรรณคำแดงลั่นอะม็อกไปเยี่ยมเจ้าแม่อินเหลาที่ดอยนาง

    นอกจากนี้ยังมีตำนานเจ้าหลวงคำแดง
    จากเอกสารที่เขียนขึ้นโดย พระมหาสถิตย์ ติกขญาโณ กล่าวไว้ว่า พระผู้เป็นเจ้า ได้ปกาศิตให้เทวดายักษ์ตนหนึ่งนามว่า เจ้าหลวงคำแดง กับบริวาร 10,000 คน มารักษาของวิเศษในถ้ำเชียงดาว เพื่อรักษาไว้ให้ พระเจ้าทรงธรรมมิกราช ใช้ปราบมนุษย์อธรรมในอนาคต ซึ่งนามเดิมของเจ้าหลวงคำแดง คือ "เจ้าสุวรรณคำแดง" ผู้ซึ่งจะมีหน้าที่เฝ้ารักษาถ้ำและดอยหลวงเชียงดาว จะหมดเวลาของการเฝ้ารักษา เมื่อพระเจ้าทรงธรรมมาปราบมนุษย์อธรรมเสียก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2019
  6. Unexpected

    Unexpected เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    683
    ค่าพลัง:
    +1,513
    เวลามึงเรียนหนังสือมีครูอาจารย์สอนมะ เข้าทำงานมีคนสอนมะ เรียนภาษาไทยมีคนสอนมะ หรือมึงไปเรียนกะหลักศิลาจารึกพ่อขุน พระอริยะมีครูอาจารย์ (กัลยาณมิตรทางธรรมทุกรูป) เดินทางเสาะแสวงหาไปเองก้อมีตามบุญบารมี

    เรียนเองรุ้เองก้อแบบมึงนั่นแหล่ะ มโนแดก
     
  7. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    250px-Amdang_vcd.jpg

    อำแดง (นางสาว) เหมือน
    ซึ่งเป็นลูกของนายเกตกับอำแดง (นาง) นุ่น ประกอบอาชีพทำสวนอยู่ที่ตำบลบางม่วง แขวงเมืองนนทบุรี นายเกตกับอำแดงนุ่นยกอำแดงเหมือนให้เป็นภรรยานายภู เมื่ออำแดงเหมือนไม่ยอมโดยดี พ่อแม่ก็ให้นายภูมาฉุดเอาตัวไป แต่อำแดงเหมือนหนีกลับบ้านของตน นายภูมาฉุดไปอีก อำแดงเหมือนก็หนีไปอีก หากแต่ครั้งนี้หนีไปอยู่กับนายริด ชายคนรัก นายภูจึงฟ้องนายริดว่าลักพาเมียตน ระหว่างที่โจทก์จำเลยยังสู้ความกันอยู่ที่ศาล อำแดงเหมือนได้ถูกควบคุมไว้ในตะราง (ที่คุมขัง) ที่จวนของพระนนทบุรี เจ้าเมืองนนทบุรี และถูกนายเปี่ยมพะทำมะรงซึ่งกินสินบนของนายภูกลั่นแกล้งทารุณต่าง ๆ นานาเพื่อบีบบังคับให้อำแดงเหมือนยอมเป็นภรรยานายภู อำแดงเหมือนจึงหนีตะรางไปถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งสุทไธศวรรย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2408
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก กัณฑ์ที่ ๙
    (คัดลอกมาเพียงบางส่วน)

    481.jpg

    คราวเมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จจาริกไปโปรดสั่งสอนเวไนยสัตว์ปางนั้น เมื่อเสด็จไปถึงที่ใดคนและเทวดาทั้งหลายก็บังเกิดความเลื่อมใสศรัทธาได้ทูลขอบวชและติดตามพระพุทธองค์ทุกบ้านทุกเมือง เมืองละรูปสองรูป ได้ภิกษุ ๑๐๐ รูปเป็นบริวาร ติดตามพระพุทธองค์เข้ามาถึงพระวิหารเชตวนาราม ดูเป็นที่รุ่งเรืองงดงามเป็นอันมาก

    ในการเสด็จจาริกสั่งสอนเวไนยสัตว์ ทรงพยากรณ์พระบาท พระธาตุและบ้านเมืองทั้งหลายนั้น เป็นพรรษาที่ ๒๕ หลังจากพระพุทธองค์ตรัสรู้แล้วพระชนมายุ ๖๐ พรรษา ก็มีด้วยประการดังกล่าวมานี้แล

    ดูรา สัปบุรุษทั้งหลาย ยังมีในกาลครั้งหนึ่ง สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าองค์ประกอบด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่ง ทรงรำพึงถึงพระยายักษ์ใหญ่ตนหนึ่ง ซึ่งอยู่ที่ ดอยอ่างสรง (ถ้ำเชียงดาว) อันมีอยู่ในเมืองหริภุญชัย (เวลานั้นเมืองหริภุญชัยคือเมืองลำพูน มีอาณาเขตถึงเชียงดาว) พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยทิพยจักขุญาณแห่งพระองค์ แล้วก็เสด็จไปสู่บริเวณเขตแดนดอยอ่างสรงที่นั้น

    ส่วนพระยายักษ์ที่อาศัยอยู่ในดอยอ่างสรงนั้น มีมีปรกติแสวงหาคนและสัตว์มากินเป็นอาหารเสมอมาเป็นประจำ ในวันนั้น พระยายักษ์ก็ออกจากที่อยู่แห่งตน เพื่อไปแสวงหาอาหาร มันไปทางใดก็ไม่พบคนหรือสัตว์แม้แต่ตัวเดียว แล้วมันก็ไปพบพระพุทธเจ้า เมื่อมันเห็นแล้ว มันหาได้รู้ว่าเป็นพระพุทธเจ้า มันคิดว่า "โชคกูยังดีอยู่ ถึงได้มาพบมาปะชายผู้นี้ อาหารของกูเดินทางมาหากูแล้ว" เมื่อมันเห็นเช่นนั้นแล้ว ก็แสดงฤทธิ์เดชอันเป็นยักษ์แห่งมัน แล้วก็วิ่งไปหาพระพุทธเจ้า ด้วยอาการอันรีบด่วน "กูจะจับบุรุษผู้นี้เป็นอาหาร" สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงทราบวารจิตแห่งพระยายักษ์จึงตรัสว่า "ดูก่อนพระยายักษ์ ท่านอย่าคิดว่าจะกินเราเลย จะเป็นบาปอันหนักแก่ท่านต่อไปในภายหน้าหาที่สุดไม่ได้

    เราตถาคตนี้มิใช่คนธรรมดาสามัญ เราเป็นสัพพัญญูพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐกว่าโลกทั้งสาม" พระยายักษ์ได้ฟังพระดำรัสของพระพุทธเจ้าเช่นนั้น ก็บังเกิดความสะดุ้งตกใจกลัว มีร่างกายอันสั่นสะท้าน มีความกลัวต่อมรณภัยเป็นอย่างยิ่งึงเข้ามากราบขออภัยไว้ชีวิตจากพระพุทธเจ้า แล้วถอยหลังกลับคืนสู่ถ้ำอันเป็นที่อยู่แห่งตน แล้วจึงบอกกล่าวยังเหตุอันนั้นแก่ลูกเมียว่า "ดูรานาง วันนี้พี่ออกไปแสวงหาอาหารตลอดวันไม่พบคนและสัตว์แม้แต่ตัวเดียว แต่พี่ไปพบบุรูษผู้หนึ่ง มีรูปโฉมผวิพรรณอันงดงาม พี่นึกว่าเป็นคนธรรมดาสามัญ เมื่อพี่วิ่งทะยานเข้าไปนึกว่าจะจับเอามาเป้นอาหารแห่งเราทั้งสอง บุรุษผู้นั้นกลับเปล่งสีหนาทแก่พี่ว่า "ดูรา พระยายักษ์ ท่านอย่าคิดว่าจะกินเราเลย จะเป็นบาปอันหนัก เหตุว่าตถาคตนี้มิใช่คนธรรมดาสามัญเหมือนคนและสัตว์ทั้งหลาย หากเราเป็นผู้ประเสริฐกว่าโลกทั้งสาม" พี่ได้ฟังคำเช่นนั้น ก็บังเกิดความสะดุ้งตกใจกลัวต่อมรณภัยเป็นอันมาก ก็ก้มกราบแล้วถอยหนีกลับคืนมาหาที่อยู่แห่งเรานี้แหล่ะ

    เมื่อนั้น นางยักษ์ได้ฟังพระยายักษ์ผู้เป็นสามีแห่งตนกล่าวเช่นนั้น ก็กำหนดรู้ด้วยปัญญาแห่งตนว่า ไบุคคลผู้นั้นต้องเป็นพระพุทธเจ้าองค์ประเสริฐอย่างเดียว" เมื่อกำหนดรู้เช่นนี้แล้วจึงกล่าวแก่พระยายักษ์ว่า "ข้าแต่เจ้ากูผู้เป็นสามี ผู้ที่เห็นมาปานนั้นมิใช่คนธรรมดาสามัญ ต้องเป็นคนที่มีบุญสมภารเป็นมาก ที่แท้พี่ท่านได้พบพระสัพพัญญองค์ประเสริฐล้ำเลิศเป็นที่ยิ่งแล้ว พี่ท่านจงอย่าคิดว่าจักใคร่กินเถิด จะเป็นบาปอันหนักแก่พี่ท่าน บัดนี้ท่านองค์ประเสริฐนั้นยังสถิตอยู่ ณ ที่ใดหนอ" พระยายักษ์ก็กล่าวว่า "ดูรา นางเจ้าองค์ประเสริฐนั้น ยังคงอยู่ที่นั้นยังไม่ทันจะไปที่ไหนหรอก" นางยักษ์จึงกล่าวว่า "ข้าแต่เจ้ากูจงรีบขวนขวายหาปรมามิสบูชา มีข้าวตอกดอกไม้และของหอมทั้งหลาย ไปขอขมาพระพุทธเจ้าองค์ประเสริฐนั้นเถิด พี่ท่านจงขอให้พระพุทธเจ้าลดโทษแก่ท่านเถิด"

    พระยายักษ์ได้ฟังคำที่ภริยาแห่งตนกล่าวตักเตือนเช่นนนั้นก็บังเกิดความยินดี จึงพูดว่า "ดูรา นางเป็นการดีแท้แล" แล้วพระยายักษ์ก็รีบขวนขวายหาปรมามิสบูชา คือดอกไม้ของหอมได้แล้ว ก็รีบกลับคืนมาสู่สำนักพระพุทธเจ้าแล้วก็กราบทูลขอขมาด้วยคำว่า "ข้าแด่พระพุทธเจ้าผู้หาทุกข์มิได้ ข้าพระพุทธเจ้าก็กราบขอพระพุทธเจ้า โปรดจงบังเกิดพระมหากรุณาธิคุณลดโทษแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด เพราะข้าพระองค์ไม่ทราบว่าเป็นพระพุทธเจ้า จึงได้วิ่งพรวดเข้ามาเพื่อจะจับพระองค์กินเป็นอาหาร การกระทำเช่นนี้ก็บังเกิดเป็นโทษแก่ข้าพระองค์ ขอพระองค์โปรดอภัยโทษเหล่านั้น แล้วโปรดทรงพระกรุณาสั่งสอนข้าพระองค์เถิด"

    ขณะนั้นสมเด้จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเล็งเห็นพระยายักษ์ตนนั้นเป็นผู้มีบุญสมภาร ซึ่งจักต้องปรากฏด้วยบุญและคุณแห่งตนในภายภาคหน้าเป็ฯอันมาก ก็ทรงรับเอาปรมามิสบูชา และทรงลดโทษแก่พระยายักษ์ตนนั้นด้วยดี แล้วทรงสั่งสอนพระยายักษ์ให้เข้าถึงสรณาคมน์และรักษาเบญจศีล พระยายักษ์ก็ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทุกประการ แล้วนั่งเฝ้าปรนนิบัติพระพุทธเจ้าอยู่ พระพุทธอค์ทรงพยากรณ์ว่า "ดูรา ยักขราชผู้เป็นใหญ่ ต่อไปในอนาคตเบื้องหน้าในระหว่างแห่งศาสนาที่ตถาคตตั้งไว้นั้น ท่านจะได้เกิดมาเป็นพระยาธรรมิกราชองค์หนึ่ง ในระหว่างอายุพระพุทธศาสนาพันที่สาม ท่านจะได้ส่งเสริมยกย่องพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก เหตุการณ์เช่นนี้จะมีต่อไปในกาลภายหน้าอย่างแน่นอน เมื่ท่านเกิดมาเป็นพระยาธรรมิกราชนั้น ท่านจะมีอายุยืน ๒๐๐ ปี ในกาลนั้นพระพุทธศาสนาล่วงไปแล้วสองพันปีกว่า จะย่างเข้าสู่สามพันปี ในระหว่างนี้แหละที่ท่านจะได้เป็นพระยาธรรมิกราชภายหลังแต่นั้น อายุแห่งพระพุทธศาสนาจะเหลือประมาณ ๒,๐๐๐ ปี ดูรามหายักษ์

    โดยที่ในระหว่างศาสนา ตถาคตที่ตั้งไว้ ๕,๐๐๐ ปี นัแต่ตถาคตนิพพานไปนั้นจะมีพระยาธรรมิกราชมาเกิด ๕ พระองค์คือ องค์ที่ ๑ จะเกิดนเมืองปาฏลีบุตรนคร มีนามบัญญัติว่า ปัตตมาลิก (บางฉบับว่าปุตตมาลิก) คือพระเจ้าอโศกราช องค์ที่ ๒ จะเกิดในเมืองสาวัตถีคือเมืองหงสาวดี ท่านองค์นี้จะได้อาชีพค้าขายเมื่อง เวลานั้นเมี่ยงจะราคาแพงน้ำหนัก ๑,๐๐๐ จะขายได้เงิน ๓๒ ลูกเงินตลิง องค์ที่ ๓ จะเกิดในเมืองอังวะ องค์นี้จะเป็นพ่อค้าเกลือ คือในเวลานั้นเกลือจะมีราคาแพง คือเกลือน้ำหนักสองพันปลายสามร้อยธ๊อก จะขายได้ ๓๒ ลูกเงินตลิง องค์ที่ ๔ จะเกิดในเมืองอโยธิยา องค์นี้จะเกิดมาเป็นพ่อค้าพลู เวลานั้นพลูจะมีราคาแพง พลู ๑๐๐ ใบจะขายได้ ๓๐ ลูกเงินตลิง องค์ที่ ๕ องค์นี้เกิดมาเป็นพ่อค้าข้าวสาร คือในเวลานั้นข้าวสารจะมีราคาแพง คือ ข้าหมื่นน้ำหนัก (ประมาณ ๑๒ กก.) จะขายได้เงิน ๗๐ ลูกเงินตลิง คือว่าหมื่นข้าวมีราคา ๓๐๖ เถ้ (ธ็อก) เงินตลิง ๑ ลูกมีน้ำหนัก ๕ ผิน (ไม่ทราบมาตรโบราณ ต้องค้นคว้าต่อไป ฝ่านท่านผู้รู้ช่วยคิดด้วย)

    ในพระยาธรรมิกราช ๕ องค์นี้ พระยาธรรมิกราชองค์ชื่อว่า พระเจ้าอโศกราชจะเกิดก่อน ในระหว่างอายุพระพุทธศาสนาหนึ่งพันวัสสาแรก พระยาธรรมิกราชองค์ที่ ๒ มีชื่อว่า ตัมพลุ อนุรุทธรรมิกราช ที่เป็นพ่อค้าเมี่ยง เกิดในเมืองพุก่ำในเมืองหงสาวดีในระหว่างอายุพระพุทธศาสนาพันที่สอง พระยาธรรมิกราชเป็นพ่อค้าพลู จะมาเกิดในเมืองอโยธิยาทวารวดี ในระหว่างอายุพระพุทธศาสนาพันที่สอง พระยาธรรมิกราชที่เป็นพ่อค้าข้าวสารจะมาเกิดในเมือง โยนกโลก หรือเมืองหริภัญชัยนคร ในระหว่างอายุพระพุทธศาสนาพันที่สาม พระยาธรรมิกราชองค์ที่เป็นพ่อค้าเกลือจะมาเกิดในเมืองอังวะ ในระหว่างอายุพระพุทธศาสพันที่สี่

    ดูรา ยักขราช ท่านจะได้เกิดเป็นพระยาธรรมิกราชในศาสนาตถาคตในระหว่างอายุพระพุทธศาสนาพันที่สาม คือว่าหลังจากตถาคตนิพพานไปแล้ว ตถาคตจะต้้งพระพุทธศาสนาไว้ ๕,๐๐๐ พรรษา ในเมื่ออายุพระพุทธศาสนาล่วงไปแล้วได้ ๒,๐๐๐ ปีบริบูรณ์และย่างเข้าสู่พรรษาที่สามมาถึงเมื่อใด เมื่อนั้นท่านจะได้เกิดเป็นพระยาธรรมิกราชจะได้เกิดในเมืองที่นี้ จะเสวยราชสมบัติเป็นสุขในเมืองเชียงดาวที่นี้ ท่านจะได้ยกย่องส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก ภูเขาลูกใหญ่ดอยอ่างสรงนี้ ซึ่งใหญ่และกว้างได้โยชน์ สูงก็ได้โยชน์หนึ่ง มีถ้ำใหญ่แห่งหนึ่ง มีพระพุทธรูปองค์หนึ่งสูง ๑,๐๐๐ วา และมีรูปยักใหญ่ ๔ ตนอยู่เฝ้ารักษาพระพุทธรูปที่นั้น

    ดูรา ยักขราช ในกาลต่อไปภายหน้า เมื่อศาสนาตถาคตล่วง ๒,๐๐๐ ปีเข้าสู่เขต ๓,๐๐๐ ปี ในเมืองหริภุญชัยนครนี้จะมีพระเจ้าแผ่นดินองค์หนึ่งพระนามว่า นครสีสา ภาษาไทยว่า พระยาหัวเวียง จะเสวยราชสมบัติในเมืองหริภัญชัยนคร ในเวลานั้นจะมีหญิงโสเภณีคนหนึ่งจะยุยงสนลส่อเท็จทูลให้พระองค์เบียดเบียนเสนาอำมาต์ประชานาราษฎร์ทั้งหลายคือ ให้ปรับไหมให้ถึงความฉิบหายเป็นอันมาก อีกประการหนึ่งพระยาองค์นี้จะมัวเมาในการเล่น ชอบไปเที่ยวตลาดทุกวัน เสนาอำมาตย์ไม่พอใจ จึงพร้อมใจกันปลดจากพระเจ้าแผ่นดิน แล้วยกย่องพระยาองค์อื่นขึ้นเสวยราชสมบัติแทน ต่อมาก็เปลี่ยนพระเจ้าแผ่นดินถึง ๒๐ รัชกาล ในสมัยที่โอรสพระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ ๒๐ ขึ้นครองราชสมบัตินั้น ข้าศึกพวกลัวะยกลมาจากเมืองโกสัมพี เข้ามาตีนครหริภุญชัยจะเกิดเป็นโกลาหลกลียุคเป็นเวลานาน ศึกสงครามครั้งนั้นจะชนะกันด้วยรี้พลคนกล้าหาญก็หามิได้ แต่จะชนะกันด้วยคนบ้าคนหนึ่ง

    ตั้งแต่นั้นมาจะไม่มีเชื้อสายท้ายพระยากษัตริย์เสวยเมืองเป็นเวลานานยิ่งนัก จนถึงปีกัดไค้ถึงปีเล้าในระหว่างนั้นท่านจะได้มาเกิดเป็นพระยาธรรมิกราช ได้ยกย่องส่งเสริมศาสนาแห่งตถาคต และปีเบิกสันพระอินทร์ผู้เป็นเจ้าแก่เทวดาทั้งหลาย จะเสด็จลงมาจากชั้นฟ้าดาวดึงส์มาตีกลองแก้วใบหนึ่ง เป่าหอยสังข์ ให้คนทั้งหลายในสกลชมพูทวีปทั้งสิ้น ให้ได้ยินได้ฟังทุกแห่ง เพื่อให้สมณพราหมณ์และคฤหัสถ์หญิงชายทั้งหลายได้กระทำบุญให้ทาน รักษาศีลเจริญเมตตาภาวนาเป็นนิรันดร์เถิด ต่อจากนั้นจะบังเกิดภัยอันใหญ่คือพระอาทิตย์และพระจันทร์จะปรากฏแก่ตาโลกเห็นเป็นสองดวง จะมีต่อไปภายหน้า

    ที่มา https://sites.google.com/site/krubanphen/phuthth-tanan-phracea-leiyb-lok
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2019
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก กัณฑ์ที่ ๙
    (คัดลอกมาเพียงบางส่วน)

    120117010633768.jpg

    ในกาลต่อไปนับจากนั้น จะมีพระยาธรรมิกราชองค์หนึ่ง ซึ่งเกิดมาในปีกกัดเล้า เดือนเพ็ญวันเสาร์จะได้เป็นพระยาธรรมิกราชองค์ประเสริฐ เมื่อพระยาธรรมิกราชองค์นี้เกิดขึ้นมา คนทั้งหลายคือท้ายพระยา เสนาอำมาตย์และสมณพราหมณ์ผู้ที่เป็นคนพาล ใจบาป เขาย่อมเกลียดชังไม่มีใจรักพระยาธรรมิกราชองค์นั้น ท่านจะเกิดในตระกูลฃช่างหูก ในประเทศที่อยู่ตอนล่างแม่น้ำ พระยาธรรมิกราชองค์นั้นเป็นผู้มีปัญญาอันวิเศษ มีปรกติสั่งสอนสมณะและคฤหัสถ์ทั้งหลายด้วยเรื่องที่เป้นบุญเป็นกุศลบ่อยๆ ด้วยเหตุนี้สมณะและคฤหัสถ์ทั้งหลายผู้เป็นพาลมีใจบาป จึงไม่ชอบไม่พอใจพากันเกลียด ในกาลต่อมาท่านผู้มีบุญมากนั้นจึงขึ้นไปเลี้ยงชีวิตแห่งตน ทางตอนต้นน้ำแม่ระมิงค์ (น้ำปิง)

    ตั้งแต่นั้นต่อไปภายหน้าสมณะและคฤหัสถ์ทั้งหลายจะประสบอุบาทว์โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เป็นต้นว่า ปวดท้อง ลงเลือดตาย ยิ่งกว่านั้นจะบังเกิดเป็นโกลาหลกลียุค จะฆ่าฟันกันตายเป็นอันมาก หญิงชายจะตายเพราะทุพภิกขภัยอดอยากเป็นจำนวนมาก ประการหนึ่งคนทั้งหลายจะตายเพราะโรคภัยไข้เจ็บเป็นต้นว่า เป็นตุ่ม, เป็นฝี, เป็นหิด, เป็นเหา เป็นโรคเรื้อนตายกันมาก ประการหนึ่ง คนทั้งหลายจะอยู่ในสงคราม คนใดเกิดยามนั้น จะกระทำบุญรักษาศีลพังธรรรมเมตตาภาวนาอยู่ตลอดเวลา จงอย่าประมาทเลย ในกาลยามนั้นจะเกิดทุพภิกขภัยข้าวจะแพงยิ่ง ข้าวสารหมื่นน้ำเป็นราคา ๗๒ ตลิง เป็น ๓๐๖ ธ็อก ก็ยังหาคนขายมิได้

    เหตุนั้นเจ้าตนมีบุญจึงเป็นพ่อค้าข้าวสาร ในเวลาที่เจ้าตนมีบุญจะได้เป็นพระยาธรรมิกราชนั้น ท่านจะไปค้าขายข้าวสารตามลำดับ แล้วจะไปพักอยู่ใน ดอยสากก้อมคือภูดินแดง อันมีอยู่ในเขตเมืองฝ้่างทัี่นั้นในเวลานั้นพระอินทร์ทอดพระเนครเห็นแล้วจะเสด็จนำม้าตัวหนึ่งชื่อมัญกัณฐัก เข้ามาสู่ดอยดินแดงในเมืองฝางนั้น เมื่อมาถึงพ่อค้าผู้นั้นแล้วจะกล่าวว่า "ดูรา พ่อค้า ขอท่านกรุณาถือเชือกม้าไว้ให้ข้าพเจ้าครู่หนึ่งเถิด ข้าพเจ้าจะไปกินน้ำรินสามสบสักประเดี๋ยว แล้วอินทมานพก็เอาข้าวต้มมัด ๓ ลูกให้แก่พ่อค้าแล้วสั่งว่า "ขอท่านโปรดจงรักษาม้าข้าพเจ้าไว้สักระยะเถิด ท่านหิวข้าว ท่านจงกินข้าวต้ม ๓ ลูกนี้เถิด หากว่าม้าต้วนี้มันดิ้นส่งเสียงร้องลำพองนัก ท่านจบขึ้นขี่เหนือหลังมัน มันก็จะหยุดร้องคะนองทันที"

    เมื่อสั่งเสร็จแล้ว อินทราธิราชก็เสด็จไปแอบอยู่ที่แห่งหนึ่ง ต่อมาพ่อค้าผู้นั้นรู้สึกหิวข้าวเป็นอันมาก ก็แกะข้าวต้มห่อหนึ่งออกกิน เมื่อกินแล้วปัญญาอันเป็นทิพย์ก็บังเกิดแก่พร่อค้าผู้นั้นทันที ในกาลนั้นม้าก็ดิ้นส่งเสียงร้อง พ่อค้าผู้มีบุยก็ขึ้นขี่บนหลังม้าตัวนั้น ม้าตัวนั้นก็พาท่านเหาะมาทางอากาศ ท้าวจตุโลกบาล เทวดา พญานาค ยักษ์ คนธรรพ์ ทั้งมวลในหมื่นโลกธาตุ ก็พร้อมใจกันบรรเลง ๕ ประการ อบรมสมโภช บูชาเป็นโกลหลเอกเกริกทั่วทั้งหมื่นโลกธาตุ คนทั้งหลายในสกลชมพูทวีป ไม่เคยได้ยินมาแต่ก่อน เมื่อได้ยินแล้วก็สะดุ้งตกใจกลัวเป็นอย่างยิ่ง และพระอินทร์ ท้าวจตุดลกบาลเทวดา ยักษ์ กุมภัณฑ์ คนธรรพ์และสุรางคณาทั้งหลาย ก็พร้อมกันนำเอาท่านผู้มีบุญนั้น ขึ้นไปสู่เมืองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ก็พร้อมกับอุสสวราชาภิเษกด้วย เบญจกกุธภัณฑ์ อันเป็นทิพย์แล้วจึงเชิญพระยาธรรมิราชองค์นั้นลงมา

    หมู่คนและเทวดาอินทร์พรหมก็พร้อมกันอุสสวราชาภิเษกในเมืองเชียงดาว เขตแห่งเมืองหริภัญชัยนครที่นั้นปราสาททิพย์ ๓ หลังคือ ปราสาทแก้ว ๑ หลัง ปราสาททอง ๑ หลัง ปราสาทเงิน ๑ หลัง สูง ๖๗ วา กว้าง ๓๐ วา จะโผล่ออกมาใต้ปฐพีขึ้นมา ปราสาททางกลางเวียงเชียงดาวที่นั้น ยามนั้นทองคำสี่แท่งที่มีอยู่ในหนองสรงเกศ อันตั้งอยู่ในหัวหนองไคร้ ที่จะโผล่ออกมาอยู่ที่มุมปราสาททั้ง ๔ มุม ต่อจากนั้นจะมีรินทองคำพาดแต่หัวดอยอ่างสรงโพ้นลง พระอินทร์พร้อมด้วยเทวดาทั้งหลาย จะพร้อมกันรดสรงด้วยน้ำมูรธาภิเษกในรินทองคำนั้น รินทองคำจะพาดแต่จอมดอยภูหวดโน้นลงมา ยามนั้น สมณพราหมณ์ท้าวพระยาเสนามาตย์และคนทั้งหลายพากันอุสสาราชาภิเษกในรินทองคำอันนั้น

    ในกาลครั้งนั้นคนทั้งหลายก็จะได้เห็นเทวดา พระอินทร์ พระพรหมทุกองค์ เพราะเทวดาเหล่านั้นได้มาอุสสาราชาภิเษกพ่อค้าข้าวสาร ที่เป็นลูกช่างหูกซึ่งเป็นพระยาธรรมิกราชนั้นแล เมื่อท่านผู้มีบุญได้เป็นพระยาธรรมิกราชแล้ว ต้นกัลปพฤกษ์ทิพย์ทั้งหลาย ๑,๖๐๐ ต้น ก็จะโผล่จากใต้แผ่นดินออกมา แวดล้อมปราสาทและเวียงเชียวดาวทั้งหมด จะเป็นที่รุ่งเรืองปรากฏไปทั่วชมพูทวีปทั้งสิ้น มนุษย์ชายหญิงทั้งหลายเมื่อเข้ามาถึงที่นั้นแล้วก็จะถอดเสื้อผ้าออกกองไว้สูงประมาณ ๗ ศอก ลมจะพัดเสื้อผ้าเก่าเหล่านั้นทิ้งไปทั้งหมดถึง ๗ ครั้ง คนทั้งหลายจะได้นุ่งวัตถาภรณ์อลังการผืนใหม่ที่เป้นทิพย์ทุกคน ในกาลใดที่ท่านยักขราชได้เกิดเป็นพระยาธรรมิกราช ในกาลนั้นท่านจะได้เสวยทิพยสมบัติสุขทุกคน ในเมืองเชียงดาวอันอยู่ในแว่นแคว้นเขตเมืองหริภัญชัยนคร ชาวเมืองโกสัมพีทั้งหลายจะเข้าพึ่งบรมสมภารชั้นใน คือเป็นพ่อครัวของพระยาธรรมิกราชองค์นั้น

    สมณพราหมณ์หมู่ใดที่ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยจะถูกไล่สึกเสียทั้งสิ้น ส่วนสมณะพราหมณ์หมู่ใดอยู่ในธรรมวินัยของตถาคตที่ได้บัญญัติไว้ ก็จะให้อยู่รักษาพระพุทธศาสนา จำนวนภิกษุที่ปฏิบัติชอบด้วยพระธรรมวินัยที่ไม่ได้ไปสึกนั้น ในสกลชมพูทวีปทั้งสิ้นจะมีประมาณ ๖ ร่มไม้นิโครธ (บางฉบับว่า ๒ ร่มไม้นิโครธ) ต้นใหญ่ พระยาธรรมิกราชองค์นั้นจะอยุ่เสวยราชสมบัติตราบอายุ ๒๐๐ ปี บุญสมภารการแห่งตน ดูรายักขราช เมื่อถึงเวลาที่ท่านจะได้เป็นพระยาธรรมิกราชองค์นั้น ภัยอุบาทว์ศัตรูจะมีแก่คนทั้งหลาย จะต้องถึงความพินาศฉิบหายเป็นอันมากก่อน

    ที่มา https://sites.google.com/site/krubanphen/phuthth-tanan-phracea-leiyb-lok
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2019
  10. Unexpected

    Unexpected เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    683
    ค่าพลัง:
    +1,513
    สติตั้งมั่นของมึงคืออะไร ถ้าเสียงอยุ่ไกลๆ หูมึงอยุ่นี่ ยกสมะขึ้นเปนวิปัสสนาตามกำหนดได้ตรงตามจิงทำไง

    เมื่อวันก่อนด่าสายวิปัสสนารุ้ตัวทั่วพร้อมคือโง่ ต้องรุ้อยุ่จุดเดียว โยงคำ ลพ ลีเรื่องหมีมาสนับสนุนความคิดตัวเอง ...รุ้ตัวทั่วพร้อมในสายวิปัสสนาย้ายฐานกำหนดเรื่อยๆ คืออะไรยัง แบบไม่ต้องรอฌานมาเปนฐาน เอาอะไรเปนกุญแจในการกำหนด ตอบสิ

    สติบ้านมึงคือลมตีขึ้นหรือสติมึงมีกรดไหลย้อนผสม ดีแต่จะยกคำพระมาเข้าข้างตัวเอง น่าสมเพชเวทนาจิงๆ

    ไม่ต้องถามใครฝึกเองรุ่เอง ตัวมึงยังจะตั้งตัวเปนศาสดามาสอนคนอยุ่เลย แถมอธิบายแบบหลักสากลก้อไม่ได้ แถไปบอกไม่ใช่นักพูด แต่ยกคำพระมาเข้าข้างตัวเองว่าสภาวะแบบนี้แหล่ะที่จะบอก ห้ามปรามาส มัดมือชกเลย ไอ้อุบาทว์
     
  11. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ดูกะลาผุดื่มนำมนต์กันรางสีทั้งหลาย...ในกาล
    ไม่นานนัก ประเทศยักษ์เขา......

     
  12. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ตำนาน ตุตา กะล่อมโลก.....


     
  13. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ตำนาน ตุตา กะล่อมโลก....ฉบับระแรก




    ปล. ดันยอดวิวญาติกา หลาน จักหน่อย

     
  14. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ท่านอาริยชนยาหมดอีกแล้วทำไมไม่กินยาตามหมอสั่งล่ะ...ยาหมดทีก็โผล่มาทีนึง..ถ้ากินยาไปด้วยแล้วฝึกสมาธิจิตด้วยอาจจะบรรลุธรรมได้นะ..
     
  15. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    เราเลิกคุยกับท่านแล้วล่ะตุ๊กตาผี
    ปวี..คนอย่างท่านไม่สมควรรู้อะไรเลย...อยากมีครูมีอาจารย์ก็รีบไปหาซะสิ...จะมาหาอะไรในเนตนี่....และอีกอย่างถ้าไม่ฝึกเรียนรู้เองงั้นก็คงจะไม่มีพระปัจเจกพุทธเจ้าหรอกนะ...งั้นก็รอครูอาจารย์ทุกยุคทุกสมัยน่ะสิ...ปัญญามีน้อยนิดเสือกสู่รู้
     
  16. Unexpected

    Unexpected เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    683
    ค่าพลัง:
    +1,513
    ใครกันแน่ที่เสือกสุ่รุ้ กุอ่ะรุ้ แต่ที่กุถาม กุอยากรุ้ว่ามึงรุ้รึป่าวตามความเข้าใจมึงแบบไม่ตัดแปะ จะเสือกแอนตี้เขา ก้อต้องตอบคำถามง่ายๆ ได้สิวะ ที่กุถามก้อเอาคำมึงย้อนกลับมาถามมึงเองทั้งนั้น

    กุไม่เคยบอกว่ากุมาหาครุอาจารย์ที่นี่ มึงเอาหลักฐานมาดิว่าตรงไหนที่กุเข้ามาหาครุอาจารย์สอน กุพูดเมื่อไหร่

    มึงไม่ต้องยกพระปัจเจกมาหรอก เอาตัวมึงนั่นแหล่ะไอ้กรรมกร กุไม่ได้บอกให้มึงยึดครูอาจารย์ แต่มึงก้อต้องอาศัยครูอาจารย์ชี้นำ อะไรผิดไม่ผิด ถูกไม่ถูก ไม่ใช่ฝึกแล้วประสาทหลอนเข้าตัวเองแบบมึง ไอ้ควาย
     
  17. 00000

    00000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +1,434
    จิตยิ้มเป็นใคร?...
    จิตยิ้มที่เคยยึดมั่นถือมั่น..ในจิตจักรวาล..ไปไหน
    นี่คงไม่ใช่จิตยิ้ม...เป็นแน่...อะไรเข้าสิง...ครับ...หรือว่า...????...ID...Password...หรือจิตยิ้ม กำลังอยู่กับ....???
     
  18. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ลุง มาหาสุน โลกัน ฮับ

    อยู่ดีๆ ไปเหนของลับอะไรของ จิดยิ้ม
    อีกหละคร้าบ

    อย่าไป ทัก จิฮับ.....เดียวก้ กะดี้กะด้า
    โพส "ทุกๆคน..." .....เมาปลิ้น ไปอีก
     
  19. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ลุง มาหาสุน ....พอรู้ว่า แม่ชีสึก....

    ทักบ่อย จัง.....

    เบื่อ ปราบภัยพิบัติ จัด พระสูตร แล้วหรอ

    อะซิก อะซิก.....
     
  20. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391

    ฟังซะนะ....นิพพานอยู่ไหน
     

แชร์หน้านี้

Loading...