เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

การชำระโลกในมิติพลังงาน



เครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกที่มีอยู่แทบจะทุกครัวเรือน แต่เมื่อเร็วๆนี้นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ เมืองแมนเชสเตอร์ ในอังกฤษ เผย...

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1185707#cxrecs_s

พอลลูชั่น คือ เมฆหมอสีน้ำตาล หรือจะเรียกว่า "ฝนกรด" ตามคำทำนาย หากสะสมปริมาณมาก ๆ พอฝนตกลงมา พอลลูชั่นนี้ คือ ฝนกรด นั่นเองค่ะ

นี้เป็นเหตุผลหนึ่งของการชำระโลก

ในยุคพลังงานเก่าที่ผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ นานนับหลายหมื่นปี โลกมีปริมาณอิเล็กตรอนอิสระในชั้นบรรยากาศ นอกจากการปล่อยกาซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศโลกจากขยะเทคโนโลยีต่าง ๆ

และ

อนุภาคอิเล็กตรอนอิสระในชั้นบรรยากาศโลก จากจิตมนุษย์ คือ จิตมนุษย์ผลิตสร้างคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กที่มีคุณสมบัติไฟฟ้าเป็นลบ เพราะมีอนุภาคประจุไฟฟ้าลบ ที่เรียกว่า "อิเลคตรอน" เกาะอยู่กับอนุภาคของคลื่นด้วย ความรู้ใหม่นี้ เป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตที่มนุษย์คาดไม่ถึงเพราะ เกี่ยวกับ "กฎแห่งกรรม" ของมนุษย์เองด้วย

ด้วยเหตุนี้เอง ในชั้นบรรยากาศโลกจึงมีอิเล็กตรอนอิสระกระจายอยู่ไปทั่ว จนทำให้โลกมีเมฆหมอกหนาและมีสีขุ่นมัว ฟ้าไม่เป็นสีทองผ่องอำไพ "ฟ้าไม่สวยงาม"

สาเหตุที่ในบรรยากาศโลก มีประจุไฟฟ้าลบที่เป็นอนุภาคอิเล็กตรอนอิสระ เรียกว่า ไฟฟ้าสถิตย์อยู่จำนวนมาก มี 2 ประการ คือ

เพราะในชั้นบรรยากาศโลก ขาดแคลนอนุภาคประจุไฟฟ้าบวกอิสระที่จะมาจับคู่หรือะข้าคู่กันกับอิเลคตรอนอิสระที่มีคุณสมบัติไฟฟ้าเป็นลบ ให้เกิดความเป็นกลางได้อย่างเพียงพอ

และแม้ว่า....

ในโลก จะมีผู้สมดุลทางจิตวิญญาณ จะผลิตสร้างพลังงานด้านบวกออกมา ต้องแบ่งปัน 1 % ให้กับแก่นแท้ในใจกลางโลก ให้อะตอมของธาตุออกซิดจนช่วยซึมซับเอาอิเล็กตรอนจากจิตมนุษย์ไว้ เพื่อเป็นสนามแม่เหล็กโลกที่สำคัญต่อชีวิตมนุษย์ทุกคนแล้ว ส่วนที่เหลือทั้งหมดเขาต้องแบ่งปันให้กับเพื่อนมนุษย์ที่หยิบยื่นเงื่อนไขบททดสอบมาให้ พร้อมสรรพสัตว์โลกทั้งหลาย และที่ขาดไม่ได้ คือ เขาต้องแบ่งปันพลังงานบวกนั้นให้ตนเองด้วย เพื่อรักษาสมดุลทางพลังงานของตนเองไว้

 

รอยแผ่นดินแยกในเคนยา

รอยแผ่นดินแยกในแม๊กซิโก

รอยแผ่นดินแยกในนิวซีแลนด์

และภูเขาไฟคิลาเว แผ่นดินแยกในฮาวาย ประเทศอเมริกา และรัฐอริสโซน่า

ทั้งหมดนี้คือ รอการพิสูจน์

การชำระมิติโลก

จะเป็นมิติที่จิตวิญญาณได้รับโอกาสให้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทำงานร่วมกับโลก สั่นสะเทือนจิตสำนึกตนเองด้านบวก คือ ต้องมีความรักและความเมตตาทั้งต่อตนเองและผู้อื่นเป็นตัวขับเคลื่อนพฤติกรรม โดยจะมีเงื่อนไขบททดสอบจิตสำนึกทั้งทางด้านดีและด้านร้ายที่ผู้อื่นจะเป็นผู้หยิบยื่นมาให้ ทั้งนี้เพื่อสร้างพลังจิตในรูปคลื่นความถี่ทางไฟฟ่าแม่เหล็กด้านบวกมอบให้กับโลกนั่นเอง

แต่ปรากฎว่า ในยุคที่ผ่านมา มนุษย์โลกส่วนใหญ่นับวันจะขาดความมีสำนึกทางวิญญาณกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังจะเห็นได้จากบทบาทการดำเนินชีวิต คือ เป็นมนุษย์ไม่เป็น จนเป็นเหตุให้จิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ต้องล้มเหลวในการเป็นมนุษย์ เช่น

อยู่เพื่อกิน มากกว่ากินเพื่ออยู่

ทั้งโลกขาดจิตสำนึกแห่งการเป็นหนึ่งเดียวกัน

จิตหยาบหรือจิตปัจจุบันลืมไปว่าตนเองยังมีจิตวิญญาณเร้นลึกอยู่ข้างใน

ทำทุกอย่างเพื่อตอบสนองความต้องการของจิตปัจจุบัน โดยไม่ใส่ใจกระทำเพื่อจิตวิญญาณของตนเลย

ไม่เชื่อกฎแห่งกรรม และสังสารวัฎ

ใช้จิตปัจจุบันและอวัยวะร่างกาย ไม่เป็น ไม่ถูกต้อง เพราะไม่ใส่ใจเรียนรู้ฝึกฝน คือ ไม่ได้ใข้เพื่อแสดงความรักผู้อื่น ไม่ใช้เพื่อการสร้างสรรค์ และไม่ได้ใช้มันเพื่อแสดงบทบาทของการเป็นผู้ให้

นอกจากบกพร่องทางจิตวิญญาณแล้ว ยังก่อกรรมให้ตนเองและเกี่ยวกรรมกับผู้อื่น ด้วยการกระทำไม่ถูกต้อง ทำให้ต้องเกิดมีภพชาติใหม่ขึ้นมาอีก เพื่อเรียนรู้ใหม่ เพื่อแก้ไข และเพื่อการชดใช้หนี้กรรมต่อกัน

จิตวิญญาณ ซึ่งเป็นรูปธรรมทางพลังงานนั้น คือ ผู้เป็นอมตะ หรือไม่มีวันตาย

นี่เป็นที่มาของ กฎแห่งกรรม และการเวียนว่ายตายเกิด หรือการมีสังสารวัฎของจิตวิญญาณนั่นเอง

ความผิดพลาดในการเป็นมนุษย์ของจิตวิญญาณทั้งหลาย ล้วนมีจิตหยาบหรือจิตปัจจุบันในมนุษย์แต่ละคนเป็นเหตุทั้งสิ้น

พระศาสดาทั้งหลาย จึงทรงเน้นย้ำพร่ำสอนให้มนุษย์ขัดเกลาจิตปัจจุบัน หรือจิตของมนุษย์เองด้วยปัญญา ด้วยธรรมะของพระเองค์ทั้งหลายเหล่านั้นกันมาทุกยุคทุกสมัย สร้างสติวิญญาณให้แก่จิตมนุษย์ ในจะนำไปสู่การเป็นมนุษย์ที่สมดุล คือ

จิตมนุษย์ที่เป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของตน ซึ่งมีแต่ความรัก ความเมตตาและการให้ เป็นคุณสมบัติแห่งตนให้จงได้

แต่เมื่อสิ้นสมัยแห่งองค์พระศาสดา ผ่านมาเพียงไม่กี่พันปี ปรากฎว่าสัจธรรมความดีงามทั้งหลาย ที่เคยค้ำจุนโลกและความเป็นมนุษย์ได้ผลมาตลอดกลับถูกละเลย ในยุคปลายพลังงานเก่าจึงพบว่า โลกมนุษย์มีผู้ประพฤติธรรม เพื่อสร้าง"กุศลกรรม" แท้จริงน้อยลง ขณะที่มีผู้สร้างประพฤติกรรม เพื่อสร้าง"เวรกรรม" มากขึ้น

นี้เป็นข่าวสาร เป็นความรู้ใหม่ เป็นโอวาทอันสูงสุด ให้เผยแพร่ออกไปสู่สาธารณะมิได้หยุดยั้ง จึงมิได้มีประสงค์ให้มนุษย์ รับรู้เพื่อรับเอาแต่อย่างใด ซึ่งหมายถึง พอรับรู้แล้วเชื่อทันที หรือพอรับรู้แล้วก็รีบปฏิเสธมันทันทีอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่หากว่ามนุษย์รับรู้แล้วรับเอาโดยไม่ผ่านการเรียนรู้ ด้วยการรู้คิดพิจารณาด้วยปัญญาแห่งตนก่อนไม่ได้ ย่อมเสียทีที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งมีขีวิตชนิดเดียวที่มีสติปัญญาเป็นเครื่องมือเพื่อการดำเนินชีวิต

มนุษย์ผู้ใดที่สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนสูงสุดด้านบวกจากจิตจักรวาล ผ่านพระโอวาท คำสอน ข่าวสาร และความรู้ใหม่ได้ จะเกิดความมีจิตสำนึกเบื้องต้นทันที ด้วยการหันมาทำตนเป็นคนดีที่เคร่งครัดขึ้น ประพฤติดีอย่างไม่งมงาย มีปณิธาณแห่งพระนิพพานอย่างชัดเจน เพื่อเตรียมกาย ใจ และจิตวิญญาณ ให้พร้อมเผชิญสถานการณ์อันเป็นเงื่อนไขที่จะนำไปสู่บทเรียนแห่งความกลัวตายอย่างมีกฤติสติในอีกไม่นานข้างหน้ากันต่อไป

แต่ถ้ามนุษย์ผู้ใดในพื้นที่เป้าหมาย ที่ปฏิเสธการรับรู้ จะถือว่าขาดสติทางวิญญาณ จะไม่สามารถมี "กฤติสติ" หรือการรู้ตัวล่วงหน้า ที่จะใช้เป็นเกราะป้องคุ้มครองภัยให้ตนเองในยามเผชิญสถานการณ์วิกฤติที่จะเกิดขึ้นอีกไม่นานข้างหน้าได้

 

สัตว์โลกไปตามกรรม

 

นาทีสุดระทึก หนีตายภูเขาไฟกัวเตมาลาปะทุ เถ้าทะมึนราวอสูรร้ายไล่หลัง (คลิป)

หนีสุดชีวิต

<iframe width="690" height="388" src="https://www.youtube.com/embed/5aU4RQoNzXY" frameborder="0" allow="autoplay; encrypted-media" allowfullscreen></iframe>

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1300622


พอเห็นภาพนี้....

นึกถึงคำสื่อของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ "บทเรียนแห่งความกลัวตาย"

และ...

มนุษย์ไม่รู้หรอกว่า การทำลายระบบโลกนั้น ไม่ต่างกันกับมนุษย์กำลังทำลายทำร้ายตนเองอย่างโง่เง่าและเลือดเย็นชัด ๆ

ถ้าระเบิดภูเขาทิ้งจนกลายเป็นที่ราบหรือทะเลทราย

ถ้าตัดต้นไม้ในป่าใหญ่ทิ้งเสียจนกลายเป็นที่ราบหรือทุ่งหญ้าป่าเตี้ย

ถ่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหรือฆ่ามนุษย์ด้วยกันเองอย่าวไม่ปราณีปราศัย

มนุษย์จงอย่าคิดมองกันเพียงแค่ว่า.....

ถ้าตัดโค่นต้นไม้ทำลายป่า และระเบิดหินทะลายภูเขา ก็จะทำลายระบบนิเวศน์

ถ้าฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ก็ตะทำให้สัตว์เหล่านั้นสูญพันธ์

ถ้ากินเลือดกินเนื้อสัตว์ ก็จะเป็นการผิดบาปเพราะทำผิดศีล

การคิดและการทำเช่นนี้มิได้เกิดจากการคิดการกระทำด้วยจิตสำนีกอย่างแท้จริงเลย มนุษย์โลกทุกวันนี้จึงแม้จะมีศีลพระศาสดาเอาไว้ถือปฏิบัติแต่มนุษย์ก็ยังทุศีลกันอยู่ ทำร้ายระบบโลกของตนเองกันอยู่จนเข้าขั้นวิกฤตเพราะทนต่อการทำร้ายของมนุษย์โลกต่อไปไม่ไหวแล้ว

ภัยจากตัณหาของมนุษย์

ด้วยสาเหตุปัญหาของโลกทางกายภาพ และปัญหาของโลกทางจิตวิญญาณพร้อมกันสองมิติ ที่มนุษย์เป็นต้นเหตุ มนุษย์เป็นตัวปัญหา และมนุษย์เองก็ไม่อาจช่วยกันแก้ไขเยียวยาตนเองและผู้อื่นได้อีกแล้ว

จักรวาลจึงต้องยื่นหัตถ์เข้าช่วยเหลือ เพื่อชำระระบบโลกและชำระจิตปัจจุบันให้สะอาดบริสุทธิ์และสมดุลดังเดิม โดยใช้ธรรมชาติแวดล้อม คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม เป็นเครื่องมือหลักของกระบวนการ

เชื่อหรือไม่!

 

นาซาเปิดเผยนาที "เกาะกำเนิดใหม่" แห่งล่าสุดบนโลกใบนี้

https://www.sanook.com/news/4579086/

นี้เป็นสิ่งที่ยืนยันข้อมูลการแจ้งเตือนว่า ภูเขาไฟใต้ทะเลบางแห่งจะปรากฎขึ้นเป็นเกาะใหม่บนแผนที่โลก



บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ในปี 2015

การกระทำทางเทคนิคเพื่อชำระโลก เพื่อให้แนวแกนแม่เหล็กโลกเหนือ-ใต้ เบี่ยงเบนไปจากเดิม

เพราะจะต้องทำให้แรงดีงดูดโลก และแรงเหวี่ยงของโลกมีค่าคงที่

รูปธรรมทางพลังงานภายในโลก จะมีคลื่นพลังงานด้านบวกดำรงอยู่มากขึ้น เมื่อคลื่นพลังงานคุณสมบัติด้านลบถูกทำให้เป็นกลางมากมายแล้ว

การที่ส่งผลรุนแรงต่อมนุษย์ที่สุด คือผู้ที่ยู่ทางตอนซีกโลกเหนือใต้ เพราะแนวนี้แนวแกนแม่เหล็กต้องถูกเบี่ยงเบนไป

และพายุแม่เหล็กใต้โลก จะปลดปล่อยคลื่นพลังงานออกมาจำนวนมาก บางแห่งภูเขาไฟจะระเบิด

มนุษย์ที่อาศัยเกาะกลางมหาสมุทร และที่ราบริมฝั่งทะเลและแม่น้ำ จะต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วม พายุหมุนรุนแรง แผ่นดินบางส่วนจะจมหายไปใต้น้ำ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดช่วงระยะเวลาหลายสิบปี เพื่อเป้าหมายในการสร้างโลกใหม่ มิใช่สิ้นโลกอย่างที่คิด การกระทำก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ให้ทุกคนที่สนใจได้เกิดสติทางวิญญาณมากขึ้น ในที่ผ่านมายังเป็นความรุนแรงในระดับกลางเท่านั้น จากนี้ไปจะเพิ่มความถี่ในการเกิดขึ้นและรุนแรงมากกว่าเดิม จงมีสติและไม่ประมาท เพราะมันอาจเกิดขึ้นได้แม้ในสถานที่ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์เหล่านี้มาก่อน

นับช่วงการเปลี่ยนแปลงพลังงานใหม่ ก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนทางกายภาพของโลก และมีการเปลี่ยนถ่ายพลังงาน แผ่นดินของจิตบรรพบุรุษซึ่งฝังกลบอยู่อย่างยาวนาน จะถูกผลักดันและดึงดูดให้เคลื่อนตัวแสดงรูปธรรมออกมาปรากฎให้เห็น เมืองเก่าโบราณจะค่อย ๆ แสดงตนออกมาให้เห็นช้า ๆ

ในช่วงระยะต้นของยุคพลังงานใหม่หลังจากภัยธรรมชาติยุติลง กายภาพโลกจะสะอาดขึ้นหลังถูกการชะล้าง สังคมมนุษย์อยู่ในยุคฟื้นตัวเต็มไปด้วยความสับสนหลากหลาย แต่มนุษย์กลับแปลกใจตนเอง เมื่อพบว่าต่างก็แสวงหาความสงบสุขในจิตใจได้ มีความมั่นคง ไม่หวั่นไหว สามารถดำเนินชีวิตตนอยู่ท่ามกลางความสับสนนั้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ

 

การชำระล้างระบบโลก เป็นพลังงานใหม่ มิได้เปลี่ยนแปลงเฉพาะโลกใบนี้เท่านั้น มนุษย์ก็ถูกเปลี่ยนแปลงไปด้วย

นี้เป็นกรณีตัวอย่างสิ่งยืนยันอีกประเด็นหนึ่ง ที่ได้สื่อข้อมูลกล่าวไว้

ผู้ที่ชีวิตจะรอดได้ต้องมีจิตใจที่สมดุล


ถอดบทเรียน เคท-แอนโทนี : การฆ่าตัวตายไม่เลือกปฏิบัติ




https://www.bbc.com/thai/amp/thailand-44423412


17 ปี อัตราฆ่าตัวตายของชาวอเมริกันพุ่งแตะ 30%

การฆ่าตัวตายมีเกิดขึ้นมากทั่วโลก เพราะ....

มนุษย์ที่ขาดความสมดุลทางอารมณ์ จะครองสติได้ยาก และตัดสินใจผิดพลาดมากขึ้น

และ... คนชั่วจะแสดงความชั่วให้ปรากฎ และเป็นอุปสรรคต่อผู้อื่น ด้วยการกระทำที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ก็คือ ผู้ที่ขาดสติ ขาดความสมดุลทางอารมณ์จะเจอภัยพิบัติจากจิตใจมนุษย์ด้วยกัน

เหตุเพราะ.....

การเปลี่ยนโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกเสียใหม่ โดยวิธีการเคลื่อนย้ายแนวแกนแม่เหล็กโลกที่อยู่ใจกลางโลก จะทำให้เส้นสมมุติของแนวเส้นแรงแม่เหล็กโลก ที่ห่อหุ้มดาวเคราะห์โลกและมนุษย์ไว้ เป็นโครงข่ายระบบใหม่ ที่แตกต่างไปจากยุคพลังงานเก่า โดยสิ้นเชิง จึงมีที่มาว่า "ยุคพลังงานใหม่"

เป็นผลให้แนวเส้นแม่เหล็กโลกแต่ละเส้นทั้งโครงข่าย เกิดการเต้นแล้วยกตัวสูงขึ้นประสานกับโครงข่ายสนามพลังงานกับจักรวาล ในระดับ 60,000 กิโลเมตรขึ้นไป

มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาอย่างละเอียดซับซ้อนยิ่งกว่าสรรพสิ่งใด ๆ เป็นรูปธรรมอัศจรรย์ชนิดหนึ่งในจักรวาลนี้ ที่แตกต่างไปจากเทวหวัตถุใด ๆ ที่สามารถก่อให้เกิดพลังงานสร้างใหม่ และกระบวนการเปลี่ยนแปลงพลังงานได้ด้วยจิตสำนึกของตนเอง

การมีชีวิตของมนุษย์อยู่ จึงหมายถึงการมีจิตใจและจิตวิญญาณโต้ตอบกับจักรวาลได้ ส่วนเทหวัตถุอื่น ๆ จะมีความสามารถแค่เพียงตอบรับ กระบวนการกระทำของจักรวาลเท่านั้น



สนามแม่เหล็กโลกเป็นสนามไฟฟ้าแม่เหล็กระบบหนึ่ง การส่งรหัสสัญญาณคลื่นแม่เหล็กมายังโลก เพื่อกระทำต่อแนวแกนแม่เหล็กโลก เป็นคลื่นพลังงานที่มีอำนาจสูงยิ่ง ทันทีทีแผ่ผ่านมาถึงจักรวาลโลก มนุษย์ทุกคนจะได้รับของขวัญชิ้นสำคัญชิ้นแรกที่มนุษย์ยังไม่ล่วงรู้คือ

กลุ่มเมฆหมอกสีดำอันเป็นพลังงานกรรมด้านลบของมนุษย์แต่ละคน ที่เพิ่งสร้างใหม่และรอคอยการชดใช้กรรมบางส่วน ได้ถูกทำให้แตกทำลายกลายเป็นพลังงานที่เป็นกลางไปแล้ว

การตอบรับคลื่นแม่เหล็กของมนุษย์เอง ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคือ....

ความสับสนทางจิตสำนึกในกระบวนการสมอง ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการตัดสินใจ และอารมณ์ เพราะอำนาจแม่เหล็กไม่ว่าจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างเฉียบพลัน มีผลต่อจิตสำนึกของมนุษย์ทุกคนทั้งสิ้น

มนุษย์จะมีอารมณ์วิปริตแปรปรวนได้ง่ายขึ้น มีอารมณ์รุนแรงขึ้น ภาวะการเครียดรุนแรงเพิ่มขึ้นกว่าเก่า แม้บางครั้งหาสาเหตุการเครียดไม่พบ ถ้ามนุษย์รายใดขาดความสมดุลในจิตใจ และขาดสติ จะมีการตัดสินใจที่ผิดพลาด จนก่อให้เกิดความทุกข์ยากเดือดร้อนทั้งตนเองและผู้อื่นทันที

 

โลกกำลังถูกชำระ และนี่ข้อมูลยืนยันค่ะว่าโลกกำลังย้ายเปลี่ยนขั้วโลกจริงในเวลานี้จากนาซา

ในที่สุดเราก็รู้เสียทีว่า ทำไมขั้วโลกเหนือจึงค่อยๆย้ายไปทางตะวันออก!!!

มีเรื่องประหลาดบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับโลกของเรา
ในช่วงประมาณปี ค.ศ.2000 แกนหมุนขั้วโลกเหนือ ได้เริ่มย้ายไปทางทิศตะวันออก

และตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ที่ห้องวิจัยระบบขับเคลื่อนไอพ่น(Jet Propulsion Laboratory - JPL) ได้คิดออกแล้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร

และสิ่งที่น่าตกใจคือ เบื้องหลังของเหตุการณ์นั้น เป็นฝีมือของมนุษย์ อย่างเรานี่ล่ะ




ตามLink ด้านล่างนี้ค่ะ....

https://pantip.com/topic/35025857

และวันนี้ น้ำทะเลอ่าวไทยลดลงในรอบ 20 ปี คนลือว่าสึนามิ

อาจมีผลมาจากการเคลื่อนตัวของทวีปและมหาสมุทร + การย้ายน้ำผิวโลกโดยมนุษย์ + น้ำแข็งขั้วโลกละลายเพราะมนุษย์ = ทำให้แกนหมุนของโลกเปลี่ยน


เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชียลมีผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก เผยแพร่ภาพทะเลที่น้ำลดลง พร้อมระบุข้อความว่า สภาพน้ำทะเลที่ลดในชายหาดเกาะสมุย, ชายหาดขนอม, ชายหาดหัวหิน, ศรีราชา แล้วก็ที่ระยองนะครับผม ในภาพอาจจะมีไม่ครบทุกหาดนะครับผม

แต่ข้าพเจ้าอยากจะแจ้งเตือนว่า ตอนนี้ชายหาดตลอตลอดแนวอ่าวไทย มีการลดระดับของน้ำทะเล ซึ่งเกิดขึ้นเช่นเดียวกับฝั่งอเมริกาใต้ ตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกนะครับผม


ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้ว ก็เกิดขึ้นที่ชายหาดเม็กซิโก ยาวลงมาจนถึงบราซิล ข้าพเจ้าเตือนมาตลอดว่า หากเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่องกันมาหลายปีหลายๆ ครั้ง นั่นเพื่อทำให้แผ่นดินแตกแล้วแยกออก เพื่อให้เกิดรอยแยกขนาดใหญ่ ซึ่งนั่นก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ อย่างที่ข้าพเจ้าเคยวิเคราะห์แจ้งบอกเอาไว้ ยิ่งมีเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดร่วมด้วย ยิ่งทำให้น่าห่วงเข้าไปอีกครับผม เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดสึนามิขนาดยักษ์ เป็นลูกคลื่นกระทบไปทั้งสองฝั่งในมหาสมุทรแปซิฟิก

นี่ไม่ใช่การบุกทลายฐานใต้น้ำของเอเลี่ยนเผ่าไหนทั้งนั้น แต่มันคือแผนถล่มแผ่นดินเพื่อฆ่าล้างมนุษยชาติ ข้าพเจ้าบอกได้คำเดียวว่า #เตรียมตัวครับผม #ข้าพเจ้าขอบคุณภาพจากแแหล่งที่มาและเพื่อนเฟซฯ ที่ส่งมาให้ครับผม



อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1311322

 

ในช่วงสามปีสุดท้าย มนุษย์จะได้รับความบอบช้ำทั้งทางกายภาพและจิตใจที่รุนแรงเกินคาด

ผู้ที่กำลังเคยชินอยู่กับความสนุกสนานในการเป็นมนุษย์ มักจะปฏิเสธข่าวสำคัญนี้เสมอ เนื่องจากไม่เชื่อว่ามันจะเป็นเช่นนั้นไปได้ เพราะติดยึดอยู่กับภัยพิบัติ ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่เคยชินมาตลอด จนเห็นเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันไปเสียสิ้น แต่ไม่เคยหยั่งรู้ที่มาที่ไปของภัยธรรมชาติที่เคยชินนั้นเลยว่า

ทำไมจึงต้องเกิดอุบัติเหตุตายหมู่คราวละมาก ๆ

มนุษย์ย่อมมองเห็นมันเป็นเรื่องธรรมชาติ แล้วหยุดลงที่ตรงนั้นด้วยการยอมรับว่าเป็นธรรมชาติกับความประมาทของมนุษย์นั่นเอง มันยังมีเหตุแห่งการเกิดที่มนุษย์ไม่เคยล่วงรู้อยู่อีกด้วย

 

ไม่ว่าในที่ใด ๆ ในจักรวาล ความสมดุลในความหมายของธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องใหญ่เหนือสิ่งใด

ความสมดุลของระบบ หมายถึง ความสมดุลทางพลังงานในสามมิติขึ้นไป

มนุษย์จงรู้ว่า ดาวเคราะห์ดวงนี้ เป็นสรรพสิ่งหนึ่งในจักรวาลที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยพลังอำนาจของธรรมชาติ และมีรูปธรรมทางพลังงาน(มนุษย์)ก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ มีหน้าที่คอยดูแลระบบโลกให้เกิดความสมดุลทางพลังงานเพื่อความลงตัวกับจักรวาลอีกด้วย

ในอดีตที่ระบบโลกเสียสมดุลทางพลังงานในสามมิติไม่มากนัก การสร้างพลังงานใหม่จากธรรมชาติที่มีอยู่ในระบบ ขึ้นมาทดแทน ไม่ใช่เรื่องยาก

มนุษย์ไม่รู้หรอกว่า ถ้าทำให้ระบบโลกเสียสมดุลดังเดิม เพื่อเหมาะเป็นห้องเรียนโลกสำหรับมนุษย์ไม่ได้อีกต่อไป อย่างน้อยจักรวาลจะต้องใช้พลังงานทั้งจากดวงอาทิตย์และจากดวงจันทร์ปริมาณมากมหาศาล ชนิดที่พลังงานในระบบโลกเองไม่เพียงพอที่จะนำมาใช้ได้อีกแล้ว

จากการยกระดับพลังงานให้สูงขึ้นแก่โลกครั้งนี้ ทำให้ดวงจันทร์ซึ่งเป็นบริวารของโลกและดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นศูนย์กลางระบบสุริยะ มีระดับพลังงานลดลงไปมาก การจัดระบบองค์กรให้สมดุลของจักรวาล จึงจำเป็นต้องลดจำนวนมวลของดาวเคราะห์โลกให้น้อยลงไปจากเดิมด้วย ระบบจักรวาลจึงจะสมดุลต่อไป

นี้เหตุผลว่าทำไม? ภาคพื้นดินจึงต้องหายไป 1 ใน 3 ส่วนจากที่มีอยู่

 

ได้รูปภาพน้ำทะเลลดลงในทะเลอ่าวไทย เพิ่มเติมมาค่ะ

https://m.facebook.com/groups/1346728252077031?view=permalink&id=1738635529552966

หากย้อนกลับไป......

คำทำนายของหลวงพ่อเกษม เขมโก ได้ทำนาย เรื่องภัยพิบัติในประเทศ ที่น่าสะพรึง! ที่ใคร ๆ ไม่อยากให้เกิด




คำทำนายของหลวงพ่อ ทำนายน้ำท่วมกรุงเทพท่านบอกเรา (หลวงพ่อสนอง) ที่วัดอีกครั้งหนึ่งว่า เวลาฝนตก 7 วัน 7 คืน ถ้าน้ำท่วมมาถึงชลบุรีโกยเลยนะ


http://horoscope.sanook.com/125761/

หากไม่อยากเป็นอย่างคำทำนายไว้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้...

แม้ว่าขณะนี้การตัดสินใจครั้งสุดท้าย เพื่อการชำระโลกกำลังดำเนินการอยู่ในช่วง 3 ปีหลัง มนุษย์ทั่วไปยังมีเวลาบรรเทาความบอบช้ำของโลก จากภัยพิบัติรุนแรงซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น และลดทอนเคราะห์ภัยที่ตนเองกับเพื่อนมนุษย์ในสังคมเดียวกันต้องเผชิญลงได้บ้าง


สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ว่า ระดับพลังงานที่ถูกส่งตรงเข้ามายังโลก คือ ระดับ 7 มนุษย์บางคนอาจสงสัยว่า ปกติแล้วแม็กนิโตสเฟียร์ มีชั้นของสนามแม่เหล็กที่แข็งแกร่งคอยป้องกันพายุสุริยะจากดวงอาทิตย์ และคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กย่านความถี่ที่เป็นต่อมนุษย์ หรือต้านยันคลื่นแม่เหล็กได้แม้ยุคพลังงานใหม่ไม่เกินระดับ 6 เท่านั้น นอกจากจะมีการสร้างร่างแหโครงข่ายสนามแม่เหล็กพิเศษคอยป้องกันไว้อีกชั้นหนึ่งเท่านั้น

กลุ่มพลังงานด้านบวกจากจิตสำนึกในสังคมนั้น ที่เป็นแสงสว่างจากจิตสำนึกมนุษย์ในสังคมนั้น การตัดสินใจเปลี่ยนจิตสำนึกใหม่ที่ว่านี้ จะต้องทำเป็นกลุ่ม เป็นสังคม มิใช่ใครบางคน ทันทีที่มองเห็นกลุ่มแสงสว่างจากการสร้างใหม่ของมนุษย์บนแผ่นดินนั้น โครงข่ายแม่เหล็กคล้ายร่างแหขนาดพิเศษ ที่จะช่วยลดบรรเทาความรุนแรงในระดับความปลอดภัยสำหรับมนุษย์ที่อาศัยบนแผ่นดินนั้นได้

แม้การตัดสินใจเพื่อการชำระโลกไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้วก็ตาม แต่ความหนักเบาหรือรุนแรงแห่งเคราะห์ภัยมนุษย์ทุกคนยังมีโอกาสตัดสินใจว่า จะยืนยันจิตสำนึกที่ผิดพลาดแบบเดิม หรือตัดสินใจใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงจิตสำนึกใหม่ที่ถูกต้อง มันจึงขึ้นอยู่ตรงที่ว่ามนุษย์ตัดสินใจด้านใดเท่านั้น

พลังด้านบวกจิตสำนึกใหม่ที่ถูกต้องของหมู่คณะหรือสังคมให้หันมาสู่หนทางถูกต้องคือกระทำความดีงามต่อกัน ตามแนวทางของสัจธรรม จะถูกปลดปล่อยออกมาเป็นแสงสว่างในมิติคู่ขนานซึ่งตาเปล่ามองไม่เห็น แต่บรรดาจิตจักรวาลล้วนแลเห็นผ่านอณูช่องว่างได้เสมอ สามารถผ่อนหนักเป็นเบาได้

ขอยืนยันว่า ภัยธรรมชาติที่จะทำให้โลกสั่นสะเทือนอย่างน่ากลัวภายในสามปีที่เหลืออยู่ จิตวิญญาณที่อยู่บนเส้นทางแห่งการรู้แจ้งนี้ จะไม่มีใครถูกพิพากษา และไม่มีใครถูกชำระไปจากระบบโลก ขอเพียงสร้างแสงสว่างขึ้นภายในจิตใจตน ไม่ว่าจะเผชิญสถานการณ์เลวร้ายแบบใด จิตใจต้องไม่สั่นไหวไปกับมัน รักษาดุลยภาพจิตใจของตนด้วยพลังงานด้านบวกไว้เพียงอย่างเดียว มันจึงสามารถเปิดประตูมิติให้จักรวาลมองเห็นได้ทันที

การสื่อข่าวสารความรู้ใหม่มาให้ เพื่อให้เกิดสติทางวิญญาณ ด้วยการหันมาทำความดีงามต่อกัน รู้จักมอบพลังงานความรักมอบให้แก่กันและกันมากขึ้น จะได้ช่วยเหลือตนเอง เพื่อนมนุษย์และแผ่นดินของตนให้หลุดพ้นไปจากเคราะห์ภัยรุนแรง ที่จะเกิดขึ้นตามที่จักรวาลกำหนดเป้าหมายนั้นไว้ให้จงได้นั่นเอง

"เมื่อเริ่มต้นจะไม่หยุด จนกว่าการทำลายจะเสร็จสมบูรณ์"
คำเตือนจาก พระวิญญาณบริสุทธิ์ จากเฟส : สัญญาณมหากลุยุค ช่างเป็นคำที่บ่งบอกได้เป็นอย่างไรว่าโลกจะเป็นดำเนินทางไปเช่นไร

 

กัดดาฟี ผู้นำประเทศที่ต้องหลบในท่อระบายน้ำ



ชีวิตคนเรา มีจุดสูงสุดก็ย่อมมีจุดต่ำสุด
เรื่องนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน
ไม่เว้นแม้แต่ผู้นำของประเทศ
เส้นทางชีวิตของโมอัมมาร์ กัดดาฟี
อดีตผู้นำของประเทศลิเบียน่าจะสะท้อนให้เราเห็นสัจธรรมชีวิตได้เป็นอย่างดี

เรื่องนี้เป็นอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

ย้อนไปเมื่อ 104 ปีก่อนสมัยยุคล่าอาณานิคม

อิตาลีได้รวมอาณานิคมต่างๆ ที่ยึดมาได้จาการล่าอาณานิคม และก่อตั้งเป็นดินแดนแอฟริกาเหนือของอิตาลีในปี 1934 ภายใต้ชื่อ “อิตาเลียนลิเบีย” หรือ ลิเบียของอิตาลี


การครอบครองของอิตาลีครั้งนี้ได้ตักตวงผลประโยชน์และทรัพยากรธรรมชาติจากลิเบียไปเป็นจำนวนมาก

ก่อนที่จะปิดฉากสงครามโลกครั้งที่ 2 ลง อาณานิคมลิเบียของอิตาลีได้สิ้นสภาพลงในปี ค.ศ. 1943
หลังจากที่ถูกฝ่ายสัมพันธมิตรเข้ายึดครอง โดยดินแดนต่างๆ ได้ตกเป็นของสหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส

แต่หลังจากนั้นไม่นานลิเบียก็ได้รับอิสรภาพในอีก 8 ปีถัดมา

จากประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทำให้ชาวลิเบียไม่ชอบชาติตะวันตกนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

กัดดาฟีเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้เกิดมาในช่วงรอยต่อของการปลดปล่อยอาณานิคมของลิเบีย

เมื่อเติบโตขึ้น เขาได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยเบงกาซี และได้ไปเรียนการสื่อสารที่ประเทศอังกฤษอยู่ประมาณ 6 เดือน

หลังจากกัดดาฟีกลับมารับราชการเป็นทหารสื่อสารในกองทัพบกได้ไม่นาน

ในวันที่ 2 กันยายน 1969 เขากับพรรคพวกได้ทำการปฏิวัติโค่นล้มรัฐบาลระบบกษัตริย์ ไอดริสแห่งลิเบีย
และขึ้นเป็นผู้นำของประเทศลิเบีย

เมื่อได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำเขาก็เริ่มนโยบายการต่อต้านชาติตะวันตกทันที

เช่น การเวนคืนกิจการน้ำมันของชาติตะวันตก และการปิดสำนักงานของสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักรในลิเบีย การผลักดันให้สหรัฐฯ และอังกฤษ ถอนทหารที่ประจำอยู่ในลิเบียออกนอกประเทศ


ด้วยมุมมองของคนในประเทศที่ไม่พอใจชาติตะวันตกอยู่แล้วมาเป็นระยะเวลายาวนาน
การกระทำของกัดดาฟีจึงทำให้มีชาวลิเบียหลายๆ คนยกย่องให้เข้าเป็นวีรบุรุษเลยทีเดียว

และเพื่อที่จะสู้กับชาติตะวันตกได้อย่างทัดเทียม กัดดาฟีจึงเริ่มมองหาพันธมิตร

เริ่มจากด้านตะวันออกของประเทศลิเบียซึ่งก็คือ ประเทศอียิปต์

กัดดาฟีได้เข้าเจราจากับประธานาธิบดีซาดัตแห่งอียิปต์ด้วยความหวังที่ต้องการจะรวมประเทศลิเบียเข้ากับอียิปต์ แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ

เมื่ออียิปต์ไม่ร่วมมือด้วย คราวนี้กัดดาฟีจึงหันไปหาด้านตะวันตกของประเทศลิเบียแทน

นั่นก็คือ ประเทศตูนีเซีย แต่ด้วยอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน ทำให้ความต้องการรวมของลิเบียไม่สำเร็จอีกครั้ง

สุดท้ายเพื่อนบ้านรอบๆ ประเทศก็ไม่มีใครร่วมมือกับลิเบีย

แม้ว่าเพื่อนบ้านจะไม่ร่วมมือ แต่ลิเบียก็มีความสัมพันธ์กับประเทศที่ปกครองระบบสังคมนิยมเหมือนกันแทน

นั่นก็คือ จีน กับ สหภาพโซเวียต

โดยเฉพาะสหภาพโซเวียตที่ช่วยลิเบียหนุนหลัง ในด้านการเมือง การทหาร และการซื้ออาวุธ

การต่อต้านชาติตะวันตกของกัดดาฟีรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ชาติตะวันตกคิดว่าการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นหลายๆ ครั้งน่าจะมีประเทศลิเบียหนุนหลัง

แต่ทุกครั้งก็ยังไม่พบหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอ

จนกระทั่งเกิดเรื่องก่อวินาศกรรมบนเครื่องบิน

การวางระเบิดเครื่องบิน Pan Am ของสหรัฐอเมริกาเที่ยวบินที่ 103 เหนือเมือง Lockerbie ของประเทศสกอตแลนด์ในปี พ.ศ. 2531 ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 270 คน

ปีถัดมาเกิดเหตุวินาศกรรมอีกครั้งบนสายการบิน UTA เที่ยวบินที่ 772 ของฝรั่งเศสที่ไนเจอร์


หลังจากนั้นไม่นาน ทางสหรัฐอเมริกาสืบพบว่าคนร้ายของเหตุการณ์นี้ได้หลบหนีอยู่ในประเทศลิเบีย
จึงต้องการให้ลิเบียส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนมาให้สหรัฐอเมริกา

แต่คำตอบที่เกิดขึ้นก็คือ ลิเบียไม่ส่งตัวคนร้ายให้พร้อมกับไม่ให้ความร่วมมือใดๆ ทั้งสิ้น

จากจุดนี้เอง สหรัฐอเมริกาจึงไม่พอใจลิเบียเป็นอย่างมาก พร้อมกับคว่ำบาตรลิเบียทันที และพยายามกีดกันไม่ไห้ประเทศอื่นๆ ทำการค้ากับลิเบีย

เศรษฐกิจของลิเบียถอยหลังนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ผ่านมา 15 ปี เมื่อเศรษฐกิจเริ่มแสดงทีท่าว่าจะไปไม่รอด

กัดดาฟีจึงต้องยอมส่งตัวคนร้าย และจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้สูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

หลังจากนั้นชาติตะวันตกก็เริ่มยอมรับลิเบียมากขึ้น และเริ่มกลับมาค้าขายกันเหมือนเดิม รวมถึงมีการเจริญสัมพันธไมตรีที่ดีขึ้นกว่าในอดีต

แต่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องสลดที่กำลังจะเกิดขึ้นไปต่อไป..

เวลาผ่านไป ข่าวคราวเกี่ยวกับการคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นภายใต้การนำประเทศของกัดดาฟีมีมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือเกี่ยวกับกัดดาฟีที่ได้เงินทุนและอาวุธบางส่วนจากสหรัฐอเมริกาและที่ชัดเจนคือพรรคพวกของกัดดาฟีหลายๆ คนมีฐานะร่ำรวยมากขึ้น

ส่งผลให้ประชาชนเกิดความสงสัยในการเป็นผู้นำของกัดดาฟีมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้รวมไปถึงการปกครองแบบสังคมนิยมด้วย

จากคำว่า วีรบุรุษจึงค่อยๆ เลือนหายไป และเปลี่ยนเป็นคำว่าบ้าอำนาจแทน

ที่สำคัญคือ ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดช่องว่างนั้นก็เดินมาถึงจุดแตกหัก..

ช่วงต้นปี 2554 มีการชุมนุมเรียกร้องเสรีภาพในตูนีเซีย ทำให้เกิดการชุมนุมในหลายประเทศตามมา หรือเรียกว่า อาหรับสปริง (Arab Spring)

และลิเบียก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการชุมนุม ฝ่ายต่อต้านต้องการโค่นล้มกัดดาฟีพร้อมกับการประท้วงอย่างรุนแรงจนลุกลามเป็นสงครามกลางเมือง


ซึ่งทางกัดดาฟีเองก็ไม่ได้อ่อนข้อให้ผู้ประท้วงแต่อย่างใดพร้อมกับการยิงตอบโต้ใส่ผู้ประท้วงทันที

เรื่องนี้จึงเปิดช่องทางให้เหล่าชาติตะวันตกยื่นมือเข้ามาทันที เพราะว่า ประเทศลิเบียมีทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมากมาย

ซึ่งในเหตุการณ์ครั้งนี้ ผู้ที่อาสาเข้ามาจัดการก็คือ นาโต้ (NATO) ที่ก่อตั้งโดยสหรัฐอเมริกานั่นเอง

สงครามกลางเมืองลุกลามมากขึ้นเรื่อยๆ และกัดดาฟีเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

นาทีสุดท้ายของกัดดาฟี เขาได้หนีหัวซุกหัวซุน หลบซ่อนตัวอยู่ในท่อระบายน้ำ และถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด

อย่างไรก็ตามเขาได้เสียชีวิตลงระหว่างถูกจับกุมตัว ทำให้สิ้นสุดการเป็นผู้นำที่ปกครองประเทศลิเบียมายาวนานถึง 42 ปี

น่าแปลกใจว่าจากบุคคลที่เป็นที่รักของประชาชนมาก่อน
แต่กลับกลายเป็นว่ามีหลายคนไม่ชอบเขาในเวลาต่อมา

เรื่องนี้ทำให้คิดได้ว่า

ชีวิตคนเราสามารถมีวันที่ดีสุด และ แย่ที่สุด ได้เสมอ

เมื่อเราอยู่บนจุดสูงสุด ไม่ได้หมายความว่าเราจะอยู่ตรงนั้นได้ตลอด

การกระทำของเรา มีผลต่ออนาคตที่เราจะเป็น

ทุกวันนี้ก่อนที่เราจะตัดสินใจเรื่องอะไรในชีวิต

ก็ควรคิดให้รอบคอบว่าการกระทำของเรา จะต้องรับผิดชอบกับเรื่องไหนบ้างในอนาคต..

เพราะไม่ว่ากัดดาฟีจะยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าแค่ไหน

แต่ชีวิตสุดท้าย เขาก็ไปหลบในท่อระบายน้ำได้เหมือนกัน..

รู้เรื่องของกัดดาฟีกันแล้ว ติดตามบุคคลน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่
-แอปลงทุนแมน blockdit.com/app

http://longtunman.com/7508

 

ประเทศไหน มีนิวเคลียร์มากสุดในโลก?



ประเทศไหน มีนิวเคลียร์มากสุดในโลก? / โดย ลงทุนแมน
เคยสงสัยกันรึเปล่าว่าสหรัฐอเมริกา
ที่คอยไปไล่จัดการประเทศต่างๆ ไม่ให้สร้างนิวเคลียร์
ตอนนี้มีนิวเคลียร์ครอบครองไว้ทั้งหมดกี่ลูก
แล้วประเทศไหนมีนิวเคลียร์มากที่สุดในโลก

ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

ก่อนที่เราจะไปดูกันว่าประเทศไหนมีนิวเคลียร์ครอบครอง

เรามาดูต้นกำเนิดของนิวเคลียร์กันก่อน

หลายๆ คนน่าจะเข้าใจผิดกันว่า อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นคนสร้างระเบิดนิวเคลียร์คนแรก


จริงๆ แล้ว เขาไม่ได้เป็นคนสร้าง เพียงแต่ทฤษฎี E = mc2 ของเขาเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเท่านั้น

ผู้สร้างระเบิดนิวเคลียร์คือ เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ นักฟิสิกส์สัญชาติอเมริกัน พร้อมกับนักเคมี และวิศวกรระดับสุดยอดอีก 6,000 คน ภายใต้โครงการแมนฮัตตัน (Manhattan)

โครงการ Manhattan นี้เกิดขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะว่าสหรัฐอเมริกาสืบเจอว่าฝั่งเยอรมันกำลังจะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เช่นกัน

แต่ฝั่งเยอรมันเกิดปัญหาภายในขัดแย้งกันเอง และสุดท้ายประเทศเยอรมันก็ถูกฝ่ายข้าศึกล้อมจนแพ้สงคราม ทำให้สหรัฐอเมริกาสามารถพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ได้สำเร็จเป็นชาติแรก

หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2 เพียงแค่ 2 ปี รัสเซียเองก็สามารถสร้างนิวเคลียร์ได้สำเร็จเช่นกัน

สหรัฐอเมริกาและรัสเซีย จึงเป็น 2 ชาติแรกในโลกที่มีอาวุธนิวเคลียร์ครอบครอง

แล้วปัจจุบันมีประเทศไหนบ้างที่มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ ?

ตอนนี้มีทั้งหมด 9 ประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ครอบครองอยู่ (ข้อมูลจาก CNBC)
เมื่อเรารู้ชื่อประเทศแล้ว เราอาจจะตกใจ

เกาหลีเหนือ 20 ลูก
อิสราเอล 80 ลูก
อินเดีย 130 ลูก
ปากีสถาน 140 ลูก
สหราชอาณาจักร 215 ลูก
จีน 270 ลูก
ฝรั่งเศส 300 ลูก
สหรัฐอเมริกา 6,550 ลูก
รัสเซีย 6,800 ลูก
สังเกตได้ว่าประเทศที่แพ้สงครามอย่าง ญี่ปุ่น และ เยอรมัน ถึงแม้ว่าพวกเขาน่าจะมีเทคโนโลยีที่จะผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้ แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่มีนิวเคลียร์เลยซักลูก

ส่วนประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุดในโลกนั่นก็คือ รัสเซีย นั่นเอง

http://longtunman.com/6463

 

มนุษย์ส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ ล้วนต้องการแสวงหาพลังอำนาจและความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเองด้วยกันทั้งสิ้น แต่เป็นการมองหามันแค่ด้านเดียว

จึงมุ่งเน้นกันที่ผลลัพธ์อันเกิดจากการกระทำใด ๆ ต่อบุคคลอื่นเพื่อความเหนือกว่า เพื่อการนำพา และชักจูงจิตวิญญาณของผู้อื่น โดยต้องการให้ผู้อื่นยอมจำนน กับอำนาจเหนือกว่าที่ตนมีอยู่ ไม่ว่าบุคคลจะยอมรับหรือไม่ยอมรับอำนาจเหนือกว่าของตนหรือไม่ก็ตาม

อำนาจใดที่ได้มาด้วยการกระทำดังกล่าว มันเป็นอำนาจด้านลบ เกิดจากจิตสำนึกที่ไม่ถูกต้องหรือบกพร่อง ก่อให้เกิดการกระทำก้าวร้าวต่อบุคคลอื่น และทำให้ผู้อื่นสูญสิ้นพลังอำนาจในตนเองไปชั่วคราว ขณะที่ต้องจำยอมอยู่ใต้อำนาจบงการนั้น

อำนาจใดที่ได้มา จากจิตสำนึกที่บกพร่อง จะเป็นพลังอำนาจไม่แท้จริง ซึ่งมีโอกาสเสื่อมสลายได้เสมอ เนื่องจากเป็นพลังอำนาจที่ต้องอาศัยปัจจัยภายนอกอื่น ๆ เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่พลังอำนาจแท้จริงภายในอันเกิดจากคุณสมบัติของจิตสำนึก ที่สั่นสะเทือนสูงสุดทางด้านบวกของมนุษย์ ที่บุคคลอื่นยอมจำนนและยอมรับได้อย่างไร้การต่อสู้ ตอบโต้ หรือต่อต้าน แต่เป็นการยอมจำนนสิ้นเชิงตลอดไป

ปัจจัยภายนอกในการสร้างอำนาจเหนือบุคคลอื่นของมนุษย์ อันเป็นอำนาจด้านลบที่ไม่ยั่งยืน ไม่เที่ยงแท้แน่นอน มีมากมายหลายแบบ เช่น

โอกาสที่เหนือกว่า
ความพร้อมที่มากกว่า

มนุษย์ที่เน้นอำนาจจากการมีโอกาสเหนือกว่าบุคคลอื่น มักถูกเสี้ยมสอนกันให้เป็นนักฉวยโอกาส มากกว่าให้โอกาสผู้อื่นบ้าง เมื่อฉวยโอกาสได้เท่ากับว่าได้ปิดกั้นโอกาสของบุคคลอื่น ๆ ไว้ ความสำเร็จและความมีอำนาจเหนือก็จะเป็นรางวัลของตนไปทันที

มนุษย์จะเห็นได้ว่า ถ้าตนเองเน้นการฉกฉวยโอกาสเพื่อสร้างอำนาจเหนือคนอื่น ๆ แล้ว มันจะทำให้ตนเองต้องคอยมองหาโอกาสเพื่อที่จะช่วงชิงโอกาสของคนอื่น ๆ อยู่ตลอดไปไม่รู้สิ้นสุด แต่ละวันแต่ละนาทีจะหาความสุขสงบในจิตใจไม่ได้เลย เนื่องจากต้องคอยมองหาโอกาสเพื่อฉกฉวยอยู่เสมอ เพราะเชื่อว่าการมีโอกาสที่เหนือกว่า คือการได้เปรียบกว่า ซึ่งหมายถึง การมีอำนาจที่เหนือกว่า นั่นเอง

นักฉวยโอกาส มันยังนำไปสู่การบ้าคลั่งทางอำนาจด้านลบมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย

โอกาสส่วนใหญ่ที่พวกเขาสร้างขึ้น มักจะได้จากการกระทำย่ำยีบุคคลอื่น การเอารัดเอาเปรียบเบียดเบียนผู้อื่น การหลอกลวงบุคคลอื่น การฉ้อฉลบุคคลอื่น การทำร้ายบุคคลอื่น และการปิดหน้าต่างแห่งโอกาสของด้วยกลเล่ห์เพทุบายต่าง ๆ ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสเพื่อการได้มา หรือ "เอา" ไม่ใช่เพื่อการ "ให้" แต่อย่างใด

มนุษย์ที่เน้นอำนาจจากความพร้อมที่มากกว่าบุคคลอื่น มักจะถูกเสี้ยมสอนให้กลายเป็นคนมักได้มากกว่าการมักให้ เพราะกลัวว่าการให้ มนุษย์ประเภทนี้มักจะไม่ค่อยมีพลังอำนาจจะเหนี่ยวรั้งบุคคลอื่นเอาไว้ใกล้ตัวอย่างถาวรได้ เพราะไร้เสน่ห์ไม่มีใครอยากคบหา เป็นผู้นำที่แม้ผู้อื่นต้องยอมจำนนแต่ไม่มีใครยอมรับได้อย่างแท้จริงเลย เพราะพวกเขาไม่รู้จักการแบ่งปัน ไม่รู้จักการให้ ไม่รู้จักการเสียสละ มีจิตใจคับแคบเห็นแก่ตัวและคอยหวาดระแวงบุคคลอื่น ๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่เคยมอบความจริงใจให้แก่บุคคลอื่นที่คบหาอย่างง่ายดายเท่าใดนัก และจะใช้ปัจจัยภายนอกเพียรพยามแสวงหาและสั่งสมไว้เรื่อย ๆ เพื่อรักษาพลังอำนาจเดิมของตนไว้ และสร้างอำนาจใหม่ให้ตนเองเพิ่มเรื่อย ๆ ไป

การใช้โอกาสที่เหนือกว่า และการใช้ความพร้อมที่มากกว่า ในการแสวงหาอำนาจให้ได้มาเหนือนำบุคคลอื่น มันเกิดจากจิตสำนึกที่ไม่ถูกต้อง อันนำไปสู่การกระทำที่ก้าวร้าวต่อบุคคลอื่นทั้งสิ้น มักจะผลักใสบุคคลอื่นให้หนีไกลออกไปจากตัวมนุษย์เองมากกว่าการที่จะเหนี่ยวรั้งซึ่งกันและกันไว้ได้

พลังอำนาจทางอารมณ์จากจิตสำนึกด้านลบ เพื่อปิดหน้าต่างแห่งโอกาสบุคคลอื่นด้วยการเบียดเบียน ปิดบัง บังคับ ด้วยการสั่นสะเทือนอารมณ์หยาบ ๆ อันเกิดจากความโลภและความหลง มันเป็นพลังอำนาจที่ไม่บริสุทธิ์ของมนุษย์ ซึ่งมันจะได้ผลด้านเดียว คือด้านมิติกายภาพทางโลกเท่านั้น แต่มันเป็นขยะพลังงานในมิติคู่ขนานทั้งสิ้น เพราะมันเป็นพลังอำนาจเทียม ซึ่งเกิดจากจิตใจอารมณ์หยาบ ๆ กับการกระทำที่ก้าวร้าวล้วน ๆ มิได้เกิดจากสติปัญญาของจิตวิญญาณอันเป็นแก่นแท้ของตนเลย

มนุษย์พึงรู้ว่า กฎเกณฑของจักรวาลที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของมนุษย์ วัตถุประสงค์สูงสุดคือ

การดำรงอยู่ของระบบเดียวกัน ความเสมอภาคและความสมดุลกัน เพื่อพื้นฐานความเป็นหนึ่งเดียวกันเท่านั้น

มนุษย์ส่วนใหญ่ที่ใช้จิตสำนึกไปในทางผิดจึงไม่อาจค้นหาพลังอำนาจแท้จริงและความศักดิ์สิทธิ์ในตนเองพบได้ง่าย ๆ การมีลาภเพื่อการเสื่อมลาภ การมียศเพื่อการเสื่อมยศ การมีเกียรติเพื่อการเสื่อมเกียรติ การมีสินทรัพย์เพื่อการเสื่อมสินทรัพย์ และการมีอำนาจเพื่อการเสื่อมอำนาจ จึงเป็นปลายทางสุดท้ายที่ต้องเผชิญกันตลอดมา หากมนุษย์ยังขาดจิตสำนึกกันอยู่ จะกลายเป็นคนที่ยึดติดอยู่กับความมีความเสื่อมเช่นนี้ไปชั่วชีวิต

เพราะขาดการรู้แจ้งในกฎเกณฑ์ทางกายภาพของจักรวาล ที่มนุษย์เรียกว่า หลักสัจธรรม บนพื้นฐานแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกัน นั่นเอง

ศึกษาได้จากบุคคประวัติศาสตร์ในอดีตว่าเป็นเช่นไร? ค่ะ

 

มีไรมาอัพเดทไหมครับแม่ชีจิตยิ้มพรุ่งนี้วันพระเพ็ญ15ค่ำมีอะไรสำคัญไหมครับรอติดตามอยู่นะครับ

 

ความคืบหน้าเรื่องภัยพิบัติ ตอนนี้ติดตามสถานการณ์อย่างเดียวเลยค่ะ และท่านทอนเงินรู้อะไรช่วยส่งข่าวให้ด้วยนะคะ

ตอนนี้สถานการณ์ของโลกก็กำลังดำเนินไปตามที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้กล่าวไว้ หากเราสังเกตุภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั่วโลกก็ยังมีอยู่เป็นระยะ ๆ เดี๋ยวเกิดที่โน่น เดี๋ยวเกิดที่นี่ และเกี่ยวกับรอยแผ่นดินแยกนี้เป็นปรากฎการณ์ที่บ่งบอกให้มนุษย์โลกเราได้เป็นอย่างดีคะว่า แกนโลกกำลังขยับ นำโลกเข้าสู่ฟ้าใหม่ และยุคพลังงานใหม่อย่างแน่นอน ส่วนการสิ้นสุดนี้ ตอนนี้แหละค่ะว่า จะภายใน 2 - 3 ปีนี้ หรือจะเป็นแบบค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปกันแน่นะค่ะ

เพราะอะไร? เท่าที่เราทราบภัยพิบัติไม่ได้มาล้างโลก แต่เป็นการช่วยเหลือโลกที่ตกต่ำอย่างมาก เป็นช่วยให้ดีขึ้น จึงมีหลายปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องโดยเฉพาะมนุษย์

เมื่อหลายวันก่อนได้นำข้อมูลมาลงไว้ค่ะ แต่ไม่อยากให้ตื่นตระหนกกันมากก็เลยลบออกไปก่อน เพราะหตุการณ์ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงได้เสมอ แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือ โลกกำลังปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดีกว่านี้อย่างแน่นอนค่ะ

แล้วอีกเหตุหนึ่ง ส่วนตัวแล้วตนเองเชื่อในเหตุผลของฟ้าเบื้องบน ว่าโลกจะต้องถูกชำระให้สะอาดขึ้นโดยมีวิธีการที่เคยสื่อมาให้ทราบกันแล้วว่ามนุษย์จะจัดระบบชำระโลกอย่างไร? และวิธีการชำระที่กำลังดำเนินการอยู่นี้ ที่เกิดภัยหนักบ้าง เบาบ้าง ก็ไม่ถึงกับรุนแรง แต่ความรุนแรงครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายนี้ซิค่ะ ยังเกิดขึ้นเหมือนเดิมหรือเปล่า! มีอะไรทำให้เหตุปัจจัยเปลี่ยนไปไหม ถ้าส้มผัสของตนเองจากนิมิตรที่ฝันเหมือนเป็นจริงเมื่อหลายเดือนก่อน การที่โลกตีลังกาหมุนกลับ 1 รอบ มีสัญญาณบอกให้ตนเองรับทราบด้วยค่ะ จากการที่นำข้อมูลสื่อจากเบื้องบนมาเตือนแล้วมีการโต้แย้งข้อมูลกันในกระทู้เตรียมตัวให้พร้อม! มันกำลังมา มีผู้ภูมิธรรมท่านหนึ่งบอกว่า เหตุการณ์นั้นจะไม่มี แต่เป็นการค่อย ๆ เกิดอย่างกรุงเทพนี้ ก็ 30 ปี ที่ท่านนั้นได้กล่าวไว้ประมาณนี้ หลังจากนั้นตอนกลางคืนก็ได้นิมิตที่เหมือนจริงมาค่ะ

สิ่งนั้นเองจึงทำให้ตนเองก็ต้องรอติดตามสถานการณ์เหมือนกันค่ะ เพราะถ้าโลกปรับแกน แต่ถ้ามนุษย์โลกช่วยเหลือก็อาจไม่รุนแรงก็ได้ เพราะพลังงานไม่สูญเสียมาก ภัยพิบัติก็คงไม่รุนแรง แต่....

ถ้าไม่เป็นอย่างขั้นต้น มนุษย์โลกนำโลกเข้าสู่ภาวะสงครามปรมาณู นี่มั้งค่ะเป็นเหตุสำคัญ และสถานการณ์ที่ติดตามไว้ สภาวะสงครามโลกนั้นจะมาจากวิกฤติของเศรษฐกิจที่ตกลงกันไม่ได้ และสถานการณ์ตอนนี้ อเมริกากำลังตกที่นั่งลำบาก หากติดตามข่าว.... แล้วการตัดสินใจของผู้ที่หมดหนทางหรือจนตรอกถ้าเป็นไปตามที่มีการคาดคะเนจริง การตัดสินใจชั่ววูบของผู้มีอำนาจคืออาวุธอยู่ในมือก็ไม่มีอะไรแน่นอนอีกแหละค่ะ แล้วแม้ขณะนี้เท่าที่ทราบนอกจากจะช่วยเหลือโลกแล้ว ทางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังมีการปรับจิตสำนึกของผู้นำระดับโลกร่วมด้วย เหตุการณ์ต่างๆ จึงแค่รอติดตามและดำรงตนไม่ประมาทเพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ค่ะ นี้เป็นการนำเหตุและผลที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์สื่อไว้ในทำนองลักษณะนี้ค่ะ

ส่วนการชำระโลก การจัดระบบโลกใหม่สิ่งใดที่รกโลก หนักโลกโดนกำจัดออกแน่นนอนค่ะ

งั้นสิ่งที่ตนเองเตรียมพร้อมแล้วคือ....

๑.เกิดแน่...ภายในสองสามปีนี้อย่างเร็วสุด หรือ จะเนิ่นนานค่อยเป็นค่อยไป ตามที่มีท่านหนึ่งกล่าวไว้ค่ะ

๒.ภัยพิบัติชำระโลกมีแน่ จะเป็นโลกหมุนตีลังกากลับ 1 รอบตามที่ตนเองได้นิมิตรไว้จากที่มีการโต้แย้งกันในกระทู้ก่อน หรือ จะเกิดน้ำค่อย ๆ กลืนกินแผ่นดินภายในหลายปีสิบปีข้างหน้า

๓.สงครามโลกจะเกิดแน่หรือ! เพราะตอนนี้เศรษฐกิจกำลังเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะอเมริกายักษ์ใหญ่จะเป็นผู้จุดชนวนตามที่ทำนายไว้ หรือ มีการปรับจิตสำนึกผู้น้ำระดับโลกกันบ้างไปแล้ว ล้วนอยู่ที่เหตุ

๔.อาคารก่อสร้างและขยะเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่มีขึ้น เช่นเขื่อนที่ประเทศจีนและอาคารสูงเสียดฟ้า กับทรัพยากรแร่ธาตุ ป่าไม้ที่ไม่สมดุลกัน สิ่งเหล่านี้ทำให้โลเกิดปัญหาแกว่งตัวสัดส่าย เมื่อเข้าไปสู่ยุคพลังงานใหม่แกนโลกปรับเบี่ยงเบนไป โลกจะต้องมีความสมดุลขึ้น ก็น่าคิดนะค่ะ ว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะถูกชำระกำจัดออกไปอย่างไร?

นี้แหละค่ะคือเหตุและผลเพื่อพิจารณาค่ะ ก็รอติดตามและเตรียมตัวเตรียมใจไว้ค่ะ มีอะไรคืบหน้าอย่าลืมส่งข่าวด้วยค่ะ

 

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยของพลังงานโลก เพราะภัยพิบัติทั้งหลายที่เกิดขึ้นนี้ก็มีเหตุมาจากปัจจัยนี้ และพลังงานก็แปรผันขึ้นลงไม่คงที่ แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญค่ะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า จิตใจของมนุษย์ยุคนี้ มีลักษณะคล้ายกับมนุษย์ยุคแอตแลนติคที่ล่มสลายเข้าไปทุกทีแล้วค่ะ

 

เฝ้าติดตามกันค่ะ......

สิ่งศักดิ์สิทธิ์สื่อว่า วันเวลาที่ 11:11 ตรงตำแหน่งพิกัดที่โลกกับดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ทำมุมกันเป็นเส้นตรง การชำระโลกพลังงานส่วนใหญ่มาจากนอกระบบโลก คือ จากดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์

ชาวโลกรอชม ‘จันทรุปราคาเต็มดวง’ ยาวนานที่สุดในศตวรรษที่ 21

นักดูดาวทั่วโลกรอชมปรากฏการณ์ จันทรุปราคาเต็มดวง ยาวนานที่สุดในศตวรรษที่ 21 ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนก.ค. ...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ในวันในวันที่ 27 ก.ค. จะเกิดปรากฏการณ์ ‘จันทรุปราคาเต็มดวง’ หรือ ‘ราหูอมจันทร์’ ที่ยาวนานที่สุดในช่วงศตวรรษที่ 21 นี้ (ค.ศ.2001-2100) โดยพระจันทร์จะถูกเงาของโลกบดบังจากแสงอาทิตย์เต็มทั้งดวงนานถึง 1 ชั่วโมง 43 นาที ขณะที่ปรากฏการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบจะกินเวลานานถึง 3 ชั่วโมง 55 นาที

ส่วนจันทรุปราคาเต็มดวงครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในวันที่ 21 ม.ค. 2562 โดยจะเกิดนาน 1 ชั่วโมง 2 นาที




อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/1320077

 

กระบวนการก่อนสิ้นยุค

ภูเขาไฟระเบิด

การกระทำทางเทคนิคที่รุนแรงสูงสุดนี้ จะดำเนินการก็ต่อเมื่อต้องการผลการกระทำสูงสุดเท่านั้น

นักวิทยาศาสตร์เตือน “ภูเขาไฟอะแลสกา” อาจปะทุรุนแรงในอีกไม่กี่วัน



รอยเตอร์ – ภูเขาไฟไม่สงบลูกหนึ่งบนเกาะอลูเชียนของอะแลสกากำลังส่งสัญญาณว่าจะมีการระเบิดรุนแรงในอีกไม่กี่วันข้างหน้าที่อาจรบกวนการจราจรทางอากาศ ทีมนัก
วิทยาศาสตร์ ระบุเมื่อวานนี้ (27)

ภูเขาไฟคลีฟแลนด์ที่มียอดเขาสูง 1,730 กิโลเมตร ห่างจากเมืองแองเคอเรจไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 1,500 กิโลเมตรกำลังพ่นลาวาออกจากปล่องของมัน สัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าจะมีบางอย่างที่ร้ายแรงกว่าเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ อ้างจากกลุ่มสังเกตการณ์ภูเขาไฟอะแลสกา (Alaska Volcano Observatory)

กลุ่มสังเกตการณ์ซึ่งทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์จากส่วนกลาง รัฐ และมหาวิทยาลัยอะแลสกา แจ้งรหัสเตือนภัย “สีส้ม” สำหรับภูเขาไฟคลีฟแลนด์ ระดับรองจาก “สีแดง” ที่บ่งบอกว่ากำลังเกิดการปะทุครั้งใหญ่ที่อาจส่งผลกระทบต่อการบิน

คลีฟแลนด์เป็นหนึ่งในภูเขาไฟไม่สงบที่สุดของอะแลสกา โดยมีการสั่นไหวและพ่นเถ้าถ่านออกมาเป็นระยะๆ ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา

“มันเป็นภูเขาไฟที่ค่อนข้างน่ากังวลลูกหนึ่ง” เจฟ เฟรย์มุลเลอร์ นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยอะแลสกา ที่ทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ของกลุ่มสังเกตการณ์ กล่าว




อย่างไรก็ตาม รูปแบบของลาวาเมื่อไม่กี่วันมานี้ หากเป็นไปตามประวัติของภูเขาไฟ ถือเป็นเค้าลางของกิจกรรมที่รุนแรงกว่านี้ เฟรย์มุลเลอร์ กล่าว ลาวาเคลื่อนไหวอยู่บริเวณปากปล่องภูเขาไฟ และมีโอกาสสูงที่จะเกิดการระเบิดจนล้นออกมาจากปล่อง เขากล่าว

กลุ่มควันเถ้าถ่านปริมาณมากของคลีฟแลนด์อาจรบกวนการจราจรทางอากาศเชิงพาณิชย์ “เถ้าถ่านที่ลอยไปถึงความสูง 30,000 ฟุตหรือใกล้เคียงจะส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินข้ามแปซิฟิก” เฟรย์มุลเลอร์ กล่าว

เมื่อปี 2001 ภูเขาไฟลูกนี้เคยทำให้เกิดการระเบิดครั้งหนึ่งที่ส่งเถ้าถ่านไปสูงถึง 40,000 ฟุต ควันเถ้าถ่านส่วนใหญ่ของคลีฟแลนด์เมื่อไม่นานมานี้ลอยขึ้นสูงไม่ถึงครึ่งของตอนนั้น อ้างจากบันทึกของกลุ่มสังเกตการณ์

“ปัญหาคือเราไม่อาจแน่ใจได้เลยว่าจะไม่มีอะไรแย่กว่านี้” เฟรย์มุลเลอร์ กล่าว นั่นคือเหตุผลสำหรับรหัสเตือนภัย “สีส้ม” เขากล่าว “เราทำได้แค่เฝ้าดูและทำให้แน่ใจว่าเราแจ้งข้อมูลเพียงพอ”

https://amp.mgronline.com/around/9610000064208.html

จักรวาลจะไม่ตัดสินใจกระทำทางเทคนิคต่อระบบผ่านปรากฎการณ์ทั้งสามแบบพร้อมกันเสมอ (พายุหมุน แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด) เพราะมันหมายถึงเคราะห์ภัยของมนุษย์ที่ต้องเผชิญอย่างสาหัสยิ่ง แต่ทว่าเมื่อถึงเวลานี้แล้วความจำเป็นดูเหมือนจะเป็นเหตุผลที่เพียงพอต่อการตัดสินใจเพื่อขยับแกนแม่เหล็กโลกอีกประมาณที่เหลืออยู่ให้สำเร็จตามที่กำหนดให้ได้

จักรวาลได้เลือกวันสำคัญที่เหมาะสม เพื่อกระทำทางเทคนิคที่รุนแรงต่อระบบดาวดวงนี้ไว้หลายวัน หลายครั้ง ทั้งวันที่ผ่านไปแล้ว และกำลังจะมาถึง มันจะเป็นวันที่พลังงานจากภายนอกระบบโลกถูกส่งเข้ามากระทำต่อโลก ในทิศทางดึงดูดเหนี่ยวรั้ง ทั้งทางจากดวงจันทร์ของบริวารโลกเอง และวันมหากากบาท เพื่อทอนพลังอำนาจอันเกิดจากกระทำทางเทคนิคโลก ด้วยอำนาจการดึงดูดเหนี่ยวรั้งให้เกิดความรุนแรงน้อยลง แม้จะช่วยเหลือได้บ้างดีกว่าปล่อยให้โลกโดดเดี่ยว

ถ้าจากการคำนวณด้วยสูตรสมการทางพลังงาน การกระทำเทคนิคต่อระบบโลกต้องใช้พลังงานจำนวนมหาศาล เนื่องจากจิตสำนึกด้านบวกของมนุษย์โลก ปลดปล่อยพลังงานออกมาให้แก่ระบบโลกในระดับกว่าที่ควรจะเป็น โลกจึงมีพลังงานใหม่ทดแทนที่เสียสมดุลไปไม่มากพอ การถ่ายเทพลังงานจำนวนมากจากภายนอกเข้าสู่ระบบโลก เมื่อพลังงานที่ถูกส่งเข้ามาใหม่มีความเข้มข้นสูง กายภาพของโลกย่อมได้รับแรงกระตุ้นให้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงตามไปด้วย

มนุษย์จะลดทอนพลังอำนาจที่รุนแรงจากมายาของกระบวนการทางเทคนิคครั้งนี้ให้ได้ จงกระทำด้วยจิตสำนึกของตนเองกันเสียตั้งแต่บัดนี้ โดยเร่งระดมสร้างรอยตราประทับตรงหน้าผากของตนเองไว้ ด้วยการทำสมาธิแบบใหม่กันถ้วนหน้า เพื่อมอบพลังงานความรักให้กับโลกเสียเอง พลังงานความรักคือ พลังงานที่เกิดจากการสั่นสะเทือนจิตสำนึกด้านบวก ของกระบวนการสมองซีกขวานำซีกซ้ายในสภาวะสมาธิ ที่มนุษย์สามารถกดปุ่มใช้งานมัน เพื่อป้อนพลังงานที่ว่านี้ให้แก่โลกได้โดยตรงทันทีที่ต้องการ

นอกจากนั้นมนุษย์ ต้องเรียนรู้ที่จะมอบพลังงานความรักให้แก่เพื่อนมนุษย์และสรรพสิ่งในระบบโลก ผ่านประสบการณ์การอดทน อดกลั้น และการให้อภัยด้วยจิตสำนึกที่ถูกต้องอย่างแท้จริงให้จงได้

การกระทำจิตสำนึกดังกล่าว มิได้เป็นการร้องขอของจักรวาลใด ๆ มนุษย์ทุกคนต้องตัดสินใจกระทำด้วยตัวมันเองต่างล้วนมีกลไกในการแสดงพลังอำนาจนี้กันทุกคนอยู่แล้ว ถ้ามนุษย์ทำได้ ภัยพิบัติที่ร้ายแรงใด ๆ จะบรรเทาลงได้เมื่อนั้น

ดาวเคราะห์โลกจะบอบช้ำเพียงใด และมนุษย์จะต้องเผชิญชะตากรรมรุนแรงระดับใด มนุษย์ทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอย่างยิ่ง

 

การทำสมาธิแบบใหม่

การใช้ภาษาที่สาม ซึ่งเกิดจากระบวนของจิตที่บริหารสมองซีกขวา ซึ่งมนุษย์น้อยรายที่จะใช้เป็นในยุคพลังงานเก่า ศาสนาตะวันออกได้ชี้แนวทางไว้ให้นับพันปีมาแล้ว และศาสนาตะวันตกบางศาสนาที่เน้นนำให้มนุษย์รู้จักปลดปล่อยพลังงานแห่งความรัก เสมือนเป็นการบอกใบ้ให้มนุษย์ยุคหลังทราบว่า ควรหันมาใช้สมองซีกขวากันบ้าง แทนที่จะใช้สมองซีกซ้ายคิดสร้างแต่เทคโนโลยีอันเป็นขยะของโลกและจักรวาลอยู่ด้านเดียว แล้วทิ้งให้อีกซีกหนึ่งต้องทิ้งไปพร้อมกับสังขารร่างกาย โดยไม่รู้จักใช้มันบ้างเลย

หลักการปฏิบัติศาสนาตะวันออกใช้แนวทางการทำสมาธิและวิปัสสนา หยุดยั้งการทำงานของจิตภาคแรกของสมองซีกซ้ายที่เป็นอัตโนมัติ ด้วยวิธี กำหนดรู้

การกำหนดรู้ ด้วยการกดระงับหรือการปิดกั้นกระบวนการทางอารมณ์ใด ๆ ของตนไว้ เพื่อให้กระบวนการนี้หยุดนิ่ง ซึ่งจิตจะเข้าสู่สภาวะสุขสงบ เพราะสมองซีกซ้ายกำลังถูกกระทำให้ไร้สำนึกชั่วคราว ตราบเท่าที่มีสมาธิอยู่ หากสมองซีกซ้ายซึ่งอสมมาตรกับสมองซีกขวามาตลอด ถูกกดไว้ให้ไร้สำนึกได้เช่นนี้ การคิดรู้ด้วยจิตที่บริหารสมองซีกขวา ก็จะสามารถแสดงบทบาทเปิดเผยตนเองออกมาได้ในทันทีเช่นเดียวกัน

ในสภาวะสมองซีกซ้ายไร้สำนึก หลักการคือ มนุษย์จะหยุดยั้งกระบวนการทางอารมณ์รายวันของตนให้ได้ จิตภาคแรกที่ควบคุมกระบวนการนี้จะหยุดทำงาน กระบวนการการคิดรู้ในสิ่งใด ๆ จะไปกระตุ้นให้จิตภาคสอง ซึ่งบริหารสมองซีกขวาที่ไร้สำนึกอยู่แต่เดิมให้ปลุกเร้าทำหน้าที่แทนทันที

กระบวนการคิดรู้ในสิ่งใด ๆ ที่จะไปกระตุ้นจิตที่สมองซีกขวาขึ้นมาทำหน้าที่ เมื่อกดปุ่มกระบวนการนี้ได้แล้ว มนุษย์ต้องปฏิบัติคือ

๑.จงมีสมาธิในการคิดถึงสิ่งนั้นแต่เพียงเรื่องเดียว
๒.จงคิดด้วยความมุ่งมั่น
๓.จงคิดด้วยความเชื่อมั่น
๔.จงคิดด้วยความศรัทธา

ถ้ามนุษย์ไม่เข้าสู่กระบวนการเรียนรู้นี้ มนุษย์ต้องสอบตกบททดสอบในยุคพลังงานใหม่แน่นอน เพราะขาดความชำนาญ ไม่มีทักษะในการแสดงออก มนุษย์จำต้องรับรู้เหตุผลและพร้อมต่อการแสดงออกในการเรียนรู้เอาไว้ด้วย

 

จากสถานการณ์ที่ถ้าหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงรายค่ะ



เข้าสู่วันที่ 7 ของปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือนักฟุตบอลและโค้ชทีมหมูป่าอคาเดมีแม่สายรวม 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ. เชียงราย

ถ้าติดตามสถานการณ์ข่าวที่นำเสนอ เราจะเห็นการปฏิบัติที่คนไทยทั้งประเทศ และจากต่างประเทศต่างร่วมมือร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวในการปฏิบัติงานอุทิศแรงกายแรงใจร่วมกันเพื่อช่วยเหลือน้อง ๆ 13 คนให้ปลอดภัยไม่ว่าจะยากลำบากหรือพบอุปสรรคนานาประการแค่ไหน แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือก็ส่งแรงใจกำลังใจ ทุกคนอยากให้น้อง ๆ ปลอดภัยต่างใช้หัวใจของตนเองที่มีอยู่เป็นหนี่งเดียวกันเพื่อให้ภารกิจนี้ ทำให้น้อง ๆ ออกมาให้ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม





บทเรียนแห่งความกลัวตาย จะนำมนุษย์เข้าถึงพลังงานแห่งความรักอย่างแท้จริง

สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะกล่าวไว้ ที่โลกเกิดวิกฤติธรรมชาติอยู่นี้ โลกขาดพลังด้านบวก อันเป็นความรักบริสุทธิ์จากมนุษย์โลก แต่สถานการณ์ที่ถ้ำขุนน้ำนางนอน คนไทยทั้งประเทศกำลังพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า.....ความร่วมแรงร่วมใจกันเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อช่วยเหลือน้อง ๆ ให้มีชีวิตรอด เป็นสิ่งที่ยืนยันในถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่ทุกคนมีให้แก่กัน สิ่งนี้แหละค่ะที่โลกต้องการพลังงานของมนุษย์โลกทุกคนมอบให้พลังงานความรักของมนุษย์ที่มีให้แก่กัน นำมันออกมาเพื่อช่วยเหลือโลกมอบให้แก่โลกบ้าง

เพราะการเกิดวิกฤติภัยธรรมชาติที่ทุกคนต้องเผชิญในระหว่างการเปลี่ยนแปลงนี้ คือ บทเรียนแห่งความกลัวตาย


ความหวาดกลัว กลัวตนเองต้องตาย กลัวบุคคลอันเป็นที่รักต้องการ กลัวเพื่อนร่วมโลกต้องตาย หรือกลัวโลกจะแตก ความหวาดกลัวเหล่านั้น เป็นการช่วยเหลือให้มนุษย์ทุกคนสั่นสะเทือนจิตในระดับจิตใจระดับสูงสุด ที่จะช่วยกดปุ่มสำนึกแต่ละคนให้มีโอกาสปลดปล่อย พลังความรักบริสุทธิ์ ออกมาให้แก่กันเป็นการสร้างจิตสำนึกแบบรวมหมู่

สาเหตุการเกิดภัยพิบัติธรรมชาติ

เพราะมนุษย์โลกไม่สามารถสร้างจิตสำนึกด้านบวกมอบให้แก่โลกได้ การชำระโลกและชำระจิตปัจจุบันของมนุษย์ให้สะอาดบริสุทธิ์และสมดุลดังเดิม ภัยพิบัติทางธรมชาติ ดิน น้ำ ไฟ ลม จึงเป็นกระบวนการนี้

เป้าหมายก็คือ จะต้องสั่นสะเทือนจิตสำนึกให้มนุษย์เกิดความกลัวตายอย่างรุนแรงให้จงได้

จักรวาล จะหยิบยื่นบทเรียนแห่งความกลัวตายให้แก่มวลมนุษย์โลก ภัยธรรมชาติที่รุนแรง และน่าสะพรึงกลัว จะเกิดขึ้นทั้งโลก เดี๋ยวที่นั้นที่นี่ นับวันจะยิ่งรุนแรงขึ้น โดยไม่สมารถพยากรณ์ได้ล่วงหน้าว่าจะเกิดที่ไหนบ้าง เป้าหมายเพื่อยกระดับจิตสำนึกจิตสำนึกของมนุษย์ ให้สั่นสะเทือนด้านบวกได้ด้วยตนเอง โดยสอนบทเรียนให้มนุษย์รู้จักรัก รักให้เป็น และรักเพื่อนมนุษย์ของตนได้อย่างไม่มีเงื่อนไข เช่น

สามารถจะรักพ่อแม่ของผู้อื่นได้ เหมือนที่รักพ่อแม่ของตนเอง

สามารถจะรักลูกหลานของเพื่อนบ้านได้ เหมือนที่รักลูกหลานของตนเอง

สามารถที่จะรักผู้อื่นได้ เหมือนที่รักตัวเอง

สามารถจะอดทนเพื่อตนเอง อดกลั้นเพื่อผู้อื่น และให้อภัยต่อผู้อื่นได้เสมอ แม้ผู้นั้นจะเป็นบุคคลที่ตนเองไม่สมควรให้อภัยก็ตาม

การมอบพลังงานความรักให้กับโลกทางอ้อม เป็นหน้าที่หลักอีกด้านหนี่งของมนุษย์ในฐานะเพื่อนร่วมงานกับดาวเคราะห์โลก หน้าที่ด้านนี้มนุษย์โลกมิเคยล่วงรู้มาก่อน เพราะ พลังงานความรักที่สั่นสะเทือนด้านบวกให้กับโลก ในมิติทางพลังงาน ที่ตาเปล่ามองไม่เห็น และความรู้ใหม่นี้ยังมิเคยได้รับอนุญาตให้เปิดเผยต่อมนุษย์โลกมาก่อน ตลอดหกหมื่นแปดร้อยปีที่ผ่านมานี้อีกต่างหากด้วย