แผ่นดิน พระพุทธเจ้าหลวง

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย สร้อยฟ้ามาลา, 20 กันยายน 2008.

  1. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ขอพักเรื่องราวไว้ก่อน อาจจะหายไปนานนิดหนึ่ง พอดีไวรัสรับประทานไดร์ฟของข้าพเจ้า ข้อมูลและรูปภาพที่หาไว้หายเรียบ ขอเวลา Recover Data ก่อน...
     
  2. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๖.

    พระองค์เจ้าร่วมพระราชชนนี


    สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ทรงมีพระเชษฐาพระภคินี และพระอนุชา พระขนิษฐภคินีร่วมพระชนกชนนีเดียวกัน มีดังนี้

    [​IMG]
    พระองค์ที่ ๑ พระองค์เจ้าชายอุณากรรณอนันตนรไชย ประสูติ ณ วันอาทิตย์ เดือน ๓ แรม ๑๓ ค่ำ ปีมะโรง ตรงกับวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๓๙๙ เป็นนายร้อยตรีทหารมหาดเล็ก สิ้นพระชนม์ ณ วันอาทิตย์ เดือน ๕ ขึ้น ๑๒ ค่ำ ปีจอ ตรงกับวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ.๒๔๑๖ ในรัชกาลที่ ๕ พระองค์เจ้าชายอุณากรรณอนันตนรไชย พระชนมายุได้เพียง ๑๘ พรรษา ที่ ๑ ในสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา



    [​IMG]
    พระองค์ที่ ๒ พระองค์เจ้าชายเทวัญอุไทยวงศ์ ประสูติ ณ วันเสาร์ เดือน ๑๒ แรม ๗ ค่ำ ปีมะเมีย ตรงกับวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๐๑ ในรัชกาลที่ ๕ ทรงสถาปนาเป็นกรมหมื่นเทววงศ์วโรปการ เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ.๒๔๒๔ เลื่อนเป็นกรมหลวงเทววงศ์วโรปการ เมื่อปีจอ พ.ศ.๒๔๒๙ เป็นราชเลขานุการแล้วเป็นเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ ได้เป็นราชฑูตพิเศษเสด็จไปยุโรป ในรัชกาลที่ ๖ เลื่อนเป็นกรมพระเทววงศ์วโรปการขัตติยพิศาลสุรบดีศรีพัชรินทรภราดร สโมสรอเนกศาสตรวิบูลย์เกียรติจำรูญไพรัชการ ศุภสมาจารสารสมบัติ มัทวเมตตาธยาศรัย ศรีรัตนตรัยคุณานุสรสุนทรธรรมบพิตร เมื่อปีกุน พ.ศ.๒๔๕๕ เป็นสมุหมนตรี แล้วเลื่อนเป็นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทววงศ์วโรปการ ขัตติยพิศาลสุรบดี บรมราชินีศรีพัชรินทราภาดร สโมสรอเนกนิติปรีชา มหาสุมันตยามุวัตรวิบูลย์ ไพรัชราชกิจจาดุลสุนทรปฏิภาณ นิรุกติญาณวิทยาคณนาทิศาสตร์ โหรกลานุวาทนานาปกรณ์ เกียรติกำจรจิรกาล ปริบูรณ์คุณสารสมบัติ สุจริตสมาจารวัตร มัทวเมตตาชวาธยาศรัยศรีรัตนตรัยสรณธาดา กัลยาณธรรมิกนาถบพิตร เมื่อปีมะโรง พ.ศ.๒๔๕๙ เป็มมหาอำมาตย์นายกคงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ เป็นสภานายกแห่งสภาการคลัง เมื่อปีจอ พ.ศ.๒๔๖๕ สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๖ พรรษา ๖๖ ปี เป็นต้นราชสกุล เทวกุล ณ อยุธยา เป็นที่ ๒ ในสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา

    [​IMG]


    พระองค์ที่ ๓ พระองค์เจ้าหญิงสว่างวัฒนา ประสูติ ณ วันพุธ เดือน ๑๐ แรม ๒ ค่ำ ปีจอ ตรงกับวันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ.๒๔๐๕ ถึงรัชกาลที่ ๕ ทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชเทวี ในรัชกาลที่ ๖ เป็นสมเด็จพระมาตุฉาเจ้า เสด็จดำรงตำแหน่งสภานายิกาแห่งสภากาชาดสยาม เมื่อปีวอก พ.ศ.๒๔๖๓ ถึงรัชกาลที่ ๗ ทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสามาตุฉาเจ้า เมื่อปีฉลู พ.ศ.๒๔๖๘ ในรัชกาลที่ ๘ ทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เสด็จสวรรคต ณ วันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๘ พระชนมายุ ๙๓ พรรษา เป็นที่ ๔ ในสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา


    [​IMG]

    พระองค์ที่ ๔ พระองค์เจ้าหญิงเสาวภาผ่องศรี ประสติ ณ วันศุกร์ เดือนอ้าย แรม ๗ ค่ำ ปีกุน ตรงกับวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๐๖ ในรัชกาลที่ ๕ ทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงสำเร็จราชการแผ่นดินต่างพระองค์เวลาเสด็จประพาสยุโรป เมื่อปีระกา พ.ศ.๒๔๔๐ ถึงรัชกาลที่ ๖ เฉลิมพระปรมาภิไธยเป็นสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมชินีนาถ พระบรมราชชนนี้ เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ปีมะแม พ.ศ.๒๔๖๒ พระชนมายุ ๕๗ พรรษา เป็นที่ ๕ ในสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา


    [​IMG]

    พระองค์ที่ ๕ พระองค์เจ้าชายสวัสดิโสภณ ประสูติ ณ วันศุกร์ เดือนยี่ ขึ้น ๕ ค่ำ ปีฉลู ตรงวันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๐๘ ในรัชกาลที่ ๕ ได้เสด็จไปทรงศึกษาในประเทศอังกฤษเสด็จกลับมารับราชการ ทรงสถาปนาเป็นกรมหมื่นสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ เป็นนายพลตรีเป็นเสนาบดี กระทรวงยุติธรรม และได้เป็นราชฑูตพิเศษเสด็จยุโรป ถึงรัชกาลที่ ๖ เลื่อนพระยศเป็นกรมหลวงฯ เมื่อฉลู พ.ศ.๒๔๖๕ เป็นอธิบดีศาลฎีกาเลื่อนเป็นกรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ สยามมิศรราชมาตุลาธิบดีศรีพัชรินทรโสทรานุชาร์ย มานวธรรมศาสตรวิธาน นิรุกติปรติภานพิทยโกศล โศภนมิตรสุจริตอาร์ชวาศัย ศรีรัตนไตรยสรณาภิรัต ชเนตภูมิปะภัยปิยมานมนุญ สุนทรธรรมบพิตร เมื่อปีกุน พ.ศ.๒๔๖๖ ถึงรัชกาลที่ ๗ ทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาฯ เป็นต้นราชสกุล สวัสดิวัฒน์ ณ อยุธยา สิ้นพระชนม์ ณ เมืองปีนัง เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๗๘ พระชนมายุ ๗๐ พรรษา เป็นที่ ๖ ในสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา




    .......................


    [​IMG]


    .....................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2013
  3. SOMDEJ

    SOMDEJ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    611
    ค่าพลัง:
    +353
    อนุโมทนา
    สมบูรณ์ยิ่งกว่าบันทึกใดใดที่เคยพบ เยี่ยมจริง
    ขออนุญาตเก็บพระราชประวัติมหาราชอีกพระองค์หนึ่งจ้ะ
     
  4. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ได้เจ้าค่ะ นำมาเพื่อเผยแพร่ให้ทราบถึงพระราชประวัติอยู่แล้ว และยินดีที่เข้ามาอ่านอย่างยิ่ง
     
  5. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๖.

    [​IMG]


    บทโครงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงที่ทรงพระราชนิพนธ์พระนามพระเชษฐา พระอนุชา พระเชษฐภคินี และพระขนิษฐาทุกพระองค์นั้น จะขออัญเชิญมา ณ โอกาสนี้เพียงบางส่วนที่มีพระนามเกี่ยวกับสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีและพระญาติพี่น้องทั้ง ๕ ดังปรากฏบางส่วนดังนี้

    “สมเด็จเจ้าฟ้าที่..........................สี่มี นามเฮย
    จาตุรนต์รัศมี...............................เกียรติก้อง
    ที่ยี่สิบเก้าศรี..............................สุริยราช วงศ์แฮ
    องค์อุณากรรณพร้อง.....................เพราะด้วยแถลงหาญ”
    ..................................
    “มณฑานพรัตน์สิ้น........................ชนม์ปลง
    กาพย์กนกรัตน์ยง.........................ฤทธิ์กล้า
    เทวัญอุไทยวงศ์...........................เชลงอัก-ษรแฮ
    ราชบุตรพระเจ้าหล้า......................เดชล้ำรณไชย”
    ..................................
    “สวัสดิประวัติเรื้อง.........................วิทยา
    องค์หนึ่งสุนันทา............................แน่งน้อย
    อีกจันทรทัตจุธา............................ธารต่อ กันเอย
    สุขุมาลมีสร้อย..............................อีกไซร้ มารศรี”
    ..................................

    <O:p“พระองค์หญิงสว่างสร้อย.................วัฒนา หนึ่งเฮย
    โสณบัณฑิตย์ปรา..........................กฏแท้
    จิตรเจริญรสวรา............................ดิเรกราช วงศ์แฮ
    องค์หนึ่งวัฒนาแล้..........................เลิศล้ำสำอาง”
    ..................................
    “หนึ่งนางกฤษณาแก้ว.....................กัญจนา กรเอย
    อีกบุษปัณณา...............................เลิศเถื้อง
    วิไลยลักษณเสาวภา.......................ภัตรผ่อง ศรีแฮ
    แนวนับแขไขเรื้อง..........................ศิริพ่าง จันทรา”
    ...................................
    “จรูญฤทธิเดชม้วย..........................ชีพชนม์
    เสาวภาคพรรณพิมล........................แช่มช้อย
    ประดิษฐาสวัสดิโสภณ......................พูนเพิ่ม
    หนึ่งอีกไชยันต์น้อย.........................นุชท้ายกุมาร”
    ...................................ฯลฯ




    พระบรมราโชวาท

    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชบิดาของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดาเมื่อพระชนมายุมากแล้ว ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงพระราชทานทรัพย์สินเพื่อเป็นทุนให้แก่พระราชโอรส ธิดาทุกพระองค์ นับว่าทรงเป็น พ่อ ที่ดียิ่งของ ลูก สำหรับสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์นั้น ปรากฏในพระราชนิพนธ์พระราชทานเงิน และพระบรมราโชวาท ดังต่อไปนี้

    “สมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ สุทธสมมติเทพยพงษ์วงษาดิศวรกษัตริย์ วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ บรมธรรมิกมหาราชบรมนารถบพิตร พระจอมเกล้าเจ้าแผ่นดินสยาม เป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ ๔ ในพระราชวงศ์ ซึ่งตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ มหินทรายุทธยานี้ ผู้พระบิดาของ(พระองค์เจ้าหญิงสุนันทากุมารีรัตน์) บุตรี ขอสั่งสอนผู้บุตรไว้ว่า เอ๋ยพ่อขอสั่งแก่ตัวเจ้าไว้ ทรัพย์ที่มีหางว่าวจำนวนผูกติดกับหนังสือนี้ มีตราของพ่อปิดไว้เป็นสำคัญเท่านี้ พ่อให้แก่เจ้าคนเดียว ตัวเจ้าเมื่อโตใหญ่อายุได้ ๑๖ ปีแล้ว จงคิดอ่านเอาเป็นทุนทำมาหากินและเลี้ยงตัวต่อไป แลใช้สอยตามสมควรเถิด แต่พ่อขอเสียเป็นอันขาดทีเดียว คิดถึงคำพ่อสั่งให้มากนักหนาอย่างเล่นเพื่อนกันเลย มีผัวมีเถิดแต่อย่าให้ปอกลอกเอาทรัพย์ของเจ้าไปได้นัก จงรักษาทุนของพ่อให้ไว้นี้เป็นเกียรติยศชั่วลูกชั่วหลาน เอาแต่กำไรใช้สอย เจ้าจงอย่าเล่นเบี้ยเล่นโปเล่นหวยเลยเป็นอันขาด แลอย่าทำสุรุ่ยสุร่ายใช้เงินทองง่ายไม่คิดหน้าคิดหลัง จงคิดอ่านทำมาหากินตริตรองให้ดี อย่าให้นักเลงคนโกงมันหลอกลวงได้ จะเสียทรัพย์ด้วย อายเขาด้วย เมื่อสืบไปภายหน้านานกว่าจะสิ้นอายุตัวเจ้า ตัวเจ้าจะตกเป็นข้าแผ่นดินใดๆ เท่าใด ก็จงอุตสาหตั้งทำราชการแผ่นดินให้ดี อย่ามีความเกียจคร้านแชเชือนแลเป็นอย่างอื่นๆ บรรดาที่ไม่ควรเจ้าอย่าทำ อย่าประพฤติให้ต้องตำหนิติเตียนตลอดถึงพ่อด้วยว่าสั่งสอนลูกไม่ดี จงเอาทรัพย์ที่พ่อให้ไว้นี้เป็นกำลังตั้งเป็นทุน เอากำไรใช้การบุญและอุดหนุนตัว ทำราชการแผ่นดินเทอญ


    ถ้าทรัพย์เท่านี้ที่พ่อให้ไว้ไปขัดขวางฤาร่อยหรอไปด้วยเหตุที่มีผู้ข่มเหงผิดๆ อย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว เจ้าจงเอาหนังสือคำสั่งของพ่อนี้กับคำประกาศที่ให้ไว้ด้วยนั้น ให้เจ้านายแลท่านผู้ใหญ่ข้างในข้างหน้าดูด้วยกันให้หลายแห่ง ปรึกษาหารืออ้อนวอนขอความกรุณาเมตตา แลสติปัญญาท่านทั้งปวงให้อนุเคราะห์โดยสมควรเถิด เล่าความเล่าเหตุที่เป็นอย่างไรนั้นให้ท่านทั้งปวงฟังโดยจริงๆ พูดจาให้เรียบร้อยเบาๆ อย่าทำให้ท่านที่เป็นใหญ่ในแผ่นดินขัดเคืองกริ้วกราด ชิงชังได้ จงระวังความผิดให้มาก อย่าตามใจมารดาและคนรักนัก ทรัพย์นี้ของพ่อให้เจ้าดอกไม่ใช่มารดาเจ้าแลคนอื่นเข้าทุนด้วย จงคิดถึงพ่อคนเดียวให้มาก เจ้าเกิดเมื่อพ่อสูงอายุมากแล้ว พ่อไม่ประมาทจึงจัดแจงไว้ให้แต่เดิม ถ้าพ่อยังมีชีวิตอยู่อันตรายมีแก่เจ้าก่อน ถ้าถึงอายุ ๑๖ ปีแล้วสั่งให้ใครพ่อจะให้ผู้นั้น ถ้ายังไม่ถึงกำหนดฤาไม่ได้สั่งพ่อขอเอาคืนจะทำบุญให้ทาน ถ้าพ่อมีชีวิตและอำนาจไปนานทำมาหาได้ ก็จะเพิ่มเติมให้อีก แล้วจะแก้หางว่าว<O:p</O:p

    สั่งไว้ ณ
    วัน.......................ค่ำปี


    พระบรมราโชวาทพระราชทานเงินพระเจ้าลูกเธอพระราชหัตถ์นี้ทรงเริ่มมาแต่ปีมะโรง นักษัตร อัฐศก จุลศักราช ๑๒๑๘ ซึ่งตรงกับ พ.ศ.๒๓๙๙ แล้วพิมพ์ด้วยแท่นศิลาพระราชทานพระเจ้าลูกเธอกับเงิน ๑๐๐ ชั่ง พระองค์ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทและทรัพย์สินดังกล่าวมาแก่พระเจ้าลูกเธอจนตลอดรัชกาล


    เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตเมื่อปีมะโรง พ.ศ.๒๔๑๑ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ มีพระชนมายุเพียง ๘ พรรษา จะพระราชทานทรัพย์สินเพิ่มเติมให้สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารรีรัตน์อีกหรือไม่ ไม่อาจค้นคว้าได้แต่ถึงแม้จะแก้ไขเพิ่มเติมหางว่าวแสดงรายการทรัพย์สินที่พระราชทานให้หรือไม่ก็ตาม สาระสำคัญอยู่ที่น้ำพระราชหฤทัยในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงเป็น “พ่อที่ดีเลิศ” ดังที่ทรงแสดงไว้ในกระแสพระบรมราโชวาทดังกล่าวมาเป็นประการสำคัญ



    ..........................


    [​IMG]

    ...................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2013
  6. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๖.


    [​IMG]

    พระอัครมเหสี ในรัชกาลที่ ๕


    สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ทรงเป็นพระอัครมเหสีพระองค์แรกในพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงมหาราช เมื่อพระชนมายุราว ๑๕ - ๑๖ พรรษา ปีใดไม่ทราบชัด แต่ก่อน พ.ศ.๒๔๒๑ ด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ เจ้าฟ้าหญิงพระราชธิดาพระองค์แรกของสมเด็จพระนางเจ้าประสูติเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๒๑ ในจดหมายเหตุราชกิจรายวัน พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ได้ทรงถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ไว้หลายตอน เช่นในจดหายเหตุราชกิจรายวัน ลงวันพุธ แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๓ ปีฉลู นพศก จุลศักราช ๑๒๓๙ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงได้ทรงไว้ตอนหนึ่งว่า “ ...แล้วพระราชทานหนังสือสำคัญสั่งเงินให้เจ้าหมื่นสรรเพ็ชรซ่อมแซมตำหนักพระองค์เจ้าสุนันทา ๑๐๐ ชั่ง ...” และในจดหมายเหตุฯ ลงวันจันทร์ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๔ ปีฉลู นพศก จุลศักราช ๑๒๓๙ ตอนหนึ่งว่า “วันนี้ไม่มีราชการอะไร เสด็จลงตำหนักพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ทอดพระเนตรงานกรมหมื่นนเรศ พระองค์เจ้าเทวัญพระนายสรรเพ็ชรภักดีตามเสด็จ” กล่าวย้อนขึ้นไปในจดหมายเหตุราชกิจรายวันลงวันพุธ แรม ๑๓ ค่ำ เดือน๕ ปีฉลู อัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ ปรากฏว่าในวันนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงปลงธรรมสังขารและธรรมสังเวชไว้ยืดยาว และตอนหนึ่งได้ทรงถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ไว้ว่า

    “ ได้ให้เงินสุนันทา ๓๐๐๐ เฟื้อง ช่วยในการศพอุณากรรณ กับได้ให้สุขุมาลย์ ๒๐๐๐ เฟื้องในการศพบุษบง เข้าในการทาน ขอจงเป็นทางเกื้อกูลแก่ความบริสุทธิ์วิเศษของเรา ซึ่งจะสิ้นทุกข์ทั้งปวงเทอญ อ้ายความเจ็บนี้มันไม่สบายเลยจริง ๆ”

    ในวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๙ ปีขาล สัมฤทธิ์ศก ๑๒๔๐ มีว่า
    “...พระองค์เจ้าเทวัญถวายบัญชีของแต่งตำหนักพระเจ้าน้องนางเธอพระองค์เจ้าสุนันทา พระองค์เจ้าสว่าง พระองค์เจ้าเสาวภา รวมเป็นเงิน ๙๘ ชั่ง ๕๙ บาท ๔๐ สลึง...”


    ในวันศุกร์ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๕ ปีขาล นพศก ๑๒๓๙ ตอนหนึ่งมีว่า
    “...บ่ายเสด็จลงตำหนักพระองค์เจ้าสุนันทาทอดพระเนตรงานแก้เฉลียงหลังเก่าให้มีฝา...”

    วันที่ ๓๙๙๓ วันศุกร์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีเถาะ เอกศก ๑๒๔๑ ตรงกับวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๔๒๒

    วันนั้น พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ เสด็จประทานกฐินวัดนามบัญญัติ(วัดมกุฏกษัตริยาราม) พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา เสด็จประทานกฐินวัดโสมนัสวิหาร พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี เสด็จวัดบรมนิวาส เสด็จโดยกระบวนเรือ ทรงเรือศรี เรือไชย ผ้าไตร มีเรือกลองและเรือดั้งคู่ ๑ เรือกระบวนเป็นเรือข้าราชการ เสด็งลงส่ง และรับที่ท่าราชวรดิฐ

    วันที่ ๔๐๐๐ วันศุกร์ ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีเถาะ เอกศก ๑๒๔๑ ตรงกับวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๔๒๒

    เวลา ๔ โมงเศษ เสด็จวัดนิเวศธรรมประวัติ เป็นกระบวนเรือเก๋ง มีเรือกระบวน เสด็จประทับในอุโบสถ เลี้ยงพระส่งที่สวดมนต์เวลาคืนนี้....

    เที่ยงแล้วกรมหมื่นนเรศ พระองค์เทวัญ มีสเตอร์แลทเบิดเข้าไปในสวน ฉายพระรูปใต้ต้นไม้ในสวน พระองค์เจ้าสุนันทา พระองค์เจ้าสุขุมาลย์ พระองค์เจ้าเสาวภา ทรงถ่ายรูปเต็มยศและเชิญเสด็จทูลกระหม่อมฟ้าทุกๆ องค์ด้วย

    วันที่ ๔๐๐๑ วันเสาร์ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีเถาะ เอกศก ๑๒๔๑ ตรงกับวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๔๒๒

    เวลาเช้า ๕ โมงเศษ เสด็จลงเรือพระที่นั่ง บุษบกพิศาล เจ้าพนักงานเรือท้ายเรือพระที่นั่งลงเต็มที่ แต่หัวหมื่นมหาดเล็กยกไม่ได้ลง ข้างในลงนั่งแท่นหัวหมื่นถือ เจ้าจอมมารดาแพ เจ้าจอมมารดาโหมด เจ้าจอมเชย กับมีพระเจ้าลูกยาเธอลงเรือพระที่นั่งด้วย เรือพระที่นั่งพิมานอมรินทรรองโปรดให้พระองค์เจ้าสุนันทา พระองค์เจ้าสุขุมาลย์ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา พระองค์เจ้าเสาวภา เสด็จลงมีข้าหลวงเชิญหีบหมากเสวยนั่งบนแคร่ เวลาจอดเรือนั้นเอาที่นั่งรองจอดเทียบข้างใน เรือพระที่นั่งอยู่ข้างนอก กรมสมเด็จพระสุดารัตน์ กับเจ้านายเสด็จเรือเก๋งทองทั้งแท่ง และมีเรือประเทียบ เรือเก๋งทองเจ้านายอีกสามลำ กระบวนเรือเก๋งโปรดเกล้าฯ ให้ไปรับวัดก่อน แต่ไปไม่ทันลงเรือช้า เสด็จเสีย จึงต้องตามกระบวนเรือไป เรือกระบวนเป็นเรือข้างหน้า ตำรวจตามท้ายเรือประเทียบ เสด็จไปประทับท่าฉนวน วัดชุมพล ตำรวจทหารล้อมวงขึ้นวัด พนักงานในพระอุโบสถนั้นมีผู้ชายแต่สังฆการี คนเดียว นอกนั้นผู้หญิงทั้งนั้น คือ ชำระพระบาท คุณท้าวสุภัทร สุภรัตน์ คุณท้าวแพ ทูลวัด คุณถัด เฒ่าแก่ ภูษามาลา ท้าวเลื่อน สนมพนักงานนมัสการ เจ้านายผู้หญิงนั่นเหมือนที่เจ้านายผู้ชาย เจ้านาย ๔ พระองค์นั่งต่อที่ประทับ เจ้าจอมนั่งที่มหาดเล็กเมื่อเสด็จขึ้น เจ้าจอมลงรับที่สะพานฉนวน พระราชทานกฐินแล้วพระราชทานเงิน ๑ ชั่ง เสด็จแต่วันชุมพลขึ้นไปศีรษะเกาะ อ้อมลงทางนอกกระบวนเรือเก๋งที่รับวัดล่องมาทางใน รับที่วัดนิเวศ เมื่อเสด็จถึงเสด็จขึ้นพระราชทานกฐิน โปรดให้องค์สวัสดิโสภณ แจกเงินสัปบุรุษคนละสลึง เวลาเที่ยงเสด็จกลับล่วงมาทางใน โปรดให้กรมหมืนนเรศจัดที่การเปรียญให้เจ้านายผู้หญิงพักเย็บจีวร เมื่อเสด็จกลับแล้ว เจ้านายผู้หญิงท่านกลับมาก่อน บ่ายโมงจึงไปเย็บ

    การวันนี้ในหลวงทางพระภูษาม่วงคาดรัดประคด ทรงฉลองพระองค์เยียรบับ สายสะพายพระจุลจอมเกล้า เจ้านายข้างในนุ่งเยียรบับ เสื้อเยียรบับห่มตาด เจ้าจอมนุ่งเยียรบับห่มตาด ข้าราชการข้างหน้าเสื้อเยียรบับนุ่งม่วงคาดรัดประคด แต่เจ้านายผู้หญิงแต่งตามธรรมเนียม

    เวลาบ่าย ๒ โมง ถ่ายพระรูปทูลกระหม่อม ปราสาทใหญ่อย่างใหญ่ ๑ อย่างเล็ก ๑ พระองค์สุนันทา พระองค์สว่างวัฒนา พระองค์เสาวภา ทรงอย่างกลางองค์ละ ๑ ตรุป ๓ องค์อีก ๑ รูป บ่าย ๔ โมงเลิก

    เวลายามเศษผ้าแล้ว เสด็จพระราชทานขึ้นฉนวนใน พระทำวัตรแล้วเทศกฐิน แล้วอนุโมทนา เวลา ๒ ยามเศษเสด็จกลับ<O:p</O:p

    วันที่ ๔๐๖๔ วันเสาร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนยี่ ปีเถาะ เอกศก ๑๒๔๑ ตรงกับวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๔๒๒

    เวลาเที่ยงเศษ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ เชิญพระพุทธรูปสำหรับพระองค์เจ้าพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอิศริยาลงกรณ์ หน้าตัก ๒๑ นิ้วมาถวาย ทรงปิดทองที่ห้องเหลือง พระที่นั่งบรมราชสถิตมโหฬาร พระปิดทองด้วยพระองค์เจ้าสุนันทา พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา พระองค์เจ้าเสาวภา พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ บ่าย ๔ โมง เสด็จขึ้น<O:p</O:p

    วันที่ ๔๐๗๓ วันเสาร์ แรม ๙ ค่ำ เดือนยี่ ปีเถาะ เอกศก ๑๒๔๑ ตรงกับวันที่ ๕ มกราคม ๒๔๒๒

    เวลาบ่าย โหรพราหมณ์บันเดาะ เสลี่ยงเจ้าไปในพระราชวังทางประตูเหนือน้ำ กับหม่อมราชวงศ์สามต่อ บุตรเจ้าบงกชในกรมหมื่นมเหศวร แต่งตัวที่ตำหนักคุณจอมมารดาแพ กับหม่อมราชวงศ์ใหม่ บุตรพระองค์เจ้าสายในกรมหลวงวงศา ที่ตำหนักพระองคาเจ้าสุนันทา แล้วเดินมาบรรจบทางท่าตำหนักคุณจอมแพ มาข้ามสะพานหน้าสวนมะม่วง สวนส้มโอ จึงมาที่นั่งสามต่อ เดินหน้า ใหม่ เดินหลัง

    ดังนี้เป็นต้น

    จากจดหมายเหตุดังกล่าวมา ท่านผู้อ่านคงจะเห็นได้ว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงนั้นโปรดสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์มากเพียงใด

    พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงโปรดสมเด็จพระนางสุนันทากุมารรีรัตน์พระองค์นี้มากยิ่งนัก ด้วยสมเด็จพระนางเจ้าทรงประกอบไปด้วยพระรูปสมบัติ พระคุณสมบัติ ตลอดจนพระอัธยาศัยสุภาพเรียบร้อยสงบเสงี่ยมเป็นที่นิยมนับถือในบรรดาพระราชวงศานุวงศ์ และขุนนางข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงเป็นอันมาก แต่กล่าวกันว่าบางครั้งสมเด็จพระนางเจ้าพระองค์นี้ก็ทรงเด็ดขาด สามารถในการปกครองข้าราชบริพารเป็นอย่างยิ่ง

    อนึ่ง,เมื่อวันอังคาร แรม ๙ ค่ำ เดือน ๘ ปีขาล สัมฤทธิ์ศก ศักราช ๑๒๔๐ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้รับสั่งให้เพิ่มเงินประจำเดือนของสมเด็จพระนางเจ้า ซึ่งเดิมทรงได้เดือนละ ๒ ตำลึง เป็น ๗ ตำลึง พร้อม กับพระนางเธอองค์อื่นๆ ด้วย ดังปรากฏในพระราชหัตถเลขาถึงเจ้าพนักงานผู้รักษาเงิน กรมพระคลังมหาสมบัติ ดังนี้



    ร. ที่ ๑๑๔/๔๐
    ถึง เจ้าพนักงานผู้รักษาเงิน กรมพระคลังมหาสมบัติ

    ด้วยเงินประจำเดือน

    สุนันทากุมารีรัตน์ สว่างวัฒนา เสาวภาผ่องศรี เดิมได้เดือนละ ๒ ตำลึง สุขุมาลย์มารศรี เดิมได้เดือนละ ๕ ตำลึง ให้ขึ้น สุนันทา สว่างวัฒนา เสาวภาผ่องศรี อีกคนละ ๕ ตำลึง สุขุมาลย์อีกเดือนละ ๒ ตำลึง เป็นเดือนละ ๗ ตำลึง ทั้ง ๔ คน ตั้งแต่เดือน ๘ ปีขาล สัมฤทธิ์ศกไป

    อนึ่งลูกชายหญิงที่เป็นเจ้าฟ้านั้น ให้ตั้งเงินเดือนเท่าเจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ เดือนละ ๓ ตำลึง ดังเช่นสั่งมาแต่ก่อนนั้นเสมอทุกคนไป ไม่ต้องมีใบสั่งออกมาอีก



    สั่งแต่ ณ วัน อังคาร แรม ๙ ค่ำ เดือน ๘ ปีขาล สัมฤทธิ์ศก ศักราช ๑๒๔๐



    (พระบรมนามาภิไธย) Chulalonkon R.S.



    อนึ่งใคร่จะขอนำพระราชหัตถเลขาเรื่องตั้งเงินเดือนพระนางเจ้าสุขุมาลย์มารศรี และสมเด็จเจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์มากล่าวประกอบไว้ ณ ที่นี้เสียด้วย

    ร. ที่ ๙๕
    ถึงเจ้าพนักงานจ่ายเงิน กรมพระคลังมหาสมบัติ

    ให้ตั้งเงินเดือนสุขุมาลย์มารศรีเติมขึ้น เดิม ๘ บาท ขึ้นอีก ๑๒ บาท เก่าใหม่เป็นเดือนละ ๒๐ บาท ตั้งแต่จำนวนเดือน ๑๐ ปีฉลูนพศก นี้ไป



    สั่งแต่วัน อังคาร แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีฉลูนพศก ๑๒๓๙



    (พระบรมนามาภิไธย) Chulalonkon R.S.

    P.S. อนึ่งลูกหญิงเจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์นั้น ให้ตั้งเงินเดือนละ ๑๒ บาท ตั้งแต่เดือน ๑๐ ปีฉลูนพศก นี้ไปเหมือนกัน



    (พระบรมนามาภิไธย) Chulalonkon C.R.S.


    ตามพระราชหัตถเลขา ร. ที่ ๑๑๙/๔๐ นั้นเป็นพระราชหัตเลขาซึ่ง “ทรงด้วยเงินประจำเดือนพระนางเธอทั้งสี่พระองค์ก็ยังไม่สมกับเบี้ยหวัดเพราะเบี้ยหวัดองค์ละ ๒๐ ชั่ง เงินประจำเดือนต้อง ๗ ตำลึง พระราชทหัตถ์สั่งให้เพิ่มเงินพระองค์เจ้าสุนันทา สว่างวัฒนา เสาวภาผ่องศรี เดิมได้อยู่ ๒ ตำลึง ขึ้นอีก ๕ ตำลึง พระองค์เจ้าสุขุมาลย์ เดิมเดือนละ ๕ ตำลึง เพิ่มอีก ๒ ตำลึง เป็นเดือนละ ๗ ตำลึงทั้งสี่พระองค์ กับสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์เดือนละ ๓ ตำลึง เสมอทุกองค์ไป ได้ต้องสั่งอีก” ดังนี้




    ..........................


    [​IMG]


    .......................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • RW2138x35.jpg
      RW2138x35.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.5 KB
      เปิดดู:
      5,999
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2013
  7. supermag

    supermag สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ภูมิใจที่ได้เกิดบนผืนแผ่นดินไทย
     
  8. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๖.

    [​IMG]
    สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ พระราชธิดา




    สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์นั้น กล่าวกันว่าพระองค์ทรงมีพระสิริรูปลักษณเป็นอันงดงามโสภายิ่งนัก ทรงมีพระราชธิดาด้วยพระบาทสมเด็จพระราชสวามีพระองค์หนึ่ง ประสูติเมื่อ ณ วันจันทร์ เดือน ๙ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ปีขาล ตรงกับวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๔๒๑ ทรงพระนามว่าสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์โสภางคทัศนิยลักษณ์ อรรควรราชกุมารี
    พระประวัติโดยย่อของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ ตอนประสูติปรากฏในจดหมายเหตุราชกิจรายวัน ดังต่อไปนี้

    วันอาทิตย์ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๙ ปีขาล สัมฤทธิ์ศก ๑๒๔๐ “ ... เวลา ๔ ทุ่ม พระองค์เจ้าหญิงสุนันทาประชวรพระครรภ์ เสด็จประทับอยู่ที่ตำหนักจันทร์ รุ่งยังไม่ประสูติ”

    ในบันทึกของ ม.ร.ว.แสงสูรย์ ลดาวัลย์ ในเรื่อง “สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พระปิยมเหสี ในรัชกาลที่ ๕ <O:p</O:p
    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชหฤทัยห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนจะกล่าวได้ว่า มิได้เคยมีพระราชหฤทัยห่วงใยพระมแหสีพระองค์ใดมากเท่ากับทรงห่วงใยในสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ เริ่มประชวรพระครรภ์เมื่อจวน ๔ ทุ่ม ของวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๙ ปีขาล พุทธศักราช ๒๔๒๑ พอความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ก็เสด็จพระราชดำเนินสู่พระตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทันทีได้ประทับเฝ้าดูอาการสมเด็จพระมเหสีอยู่อย่างใกล้ชิด สมเด็จพระนางเจ้าฯ ประชวรพระครรภ์อยู่ตลอดราตรีก็ยังหาประสูติไม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็คงประทับเฝ้าพระอาการอยู่ตลอดราตรีโดยมิได้บรรทม

    รุ่งขึ้นเช้าวันจันทร์พระอาการประชวรพระครรภ์ของสมเด็จพระนางเจ้าคลายความเจ็บปวดลงและบรรทมหลับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงได้บรรทม แต่ก็หาได้ขึ้นสู่พระที่บรรทมบนพระที่นั่งเช่นเคยไม่ คงบรรทมอยู่ที่พระตำหนักสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์นั่นเอง ตื่นบรรทมเมื่อเวลา ๑๑ นาฬิกา ทอดพระเนตรเห็นว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงเป็นปกติมิได้มีความเจ็บปวดเช่นเมื่อตอนกลางคืน จึงทรงปลีกพระองค์ชั่วขณะหนึ่งเพื่อเสด็จออกรับแขกเมืองเมื่อมิสเตอร์ ริชแมนกับภริยากราบถวายบังคมลากลับไปแล้วก็พระราชปรารภแสดงความห่วงใยในองค์สมเด็จ พระปิยมเหสีอยู่กับพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์อยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เสด็จฯสู่พระตำหนักสมเด็จพระนางเจ้าฯ ประทับเฝ้าพระอาการพระมเหสีต่อจนกระทั่งเวลา ๕ ทุ่ม ๑๑ นาที ๒๕ วินาที สมเจพระนางเจ้าฯ จึงประสูติพระราชธิดาด้วยความปลอดภัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโสมนัสยิ่งนัก เป็นพระราชธุระเกี่ยวกับองค์สมเด็จพระมเหสีและสมเด็จพระราชธิดาอยู่จนเกือบ ๗ ทุ่ม จึงได้เสด็จสู่พระที่นั่งที่ประทับ

    ... เวลา ๕ ทุ่ม ๑๑ นาที กับ ๒๕ วินาที พระองค์เจ้าสุนันทาประสูติพระราชบุตรี รกติดอยู่ประมาณ ๑๕ นาทีจึงออก เราอยู่ที่วังสมเด็จกรมพระๆ กับเราเข้าไปรับสั่งให้เราแขวนพระกระโจมอย่างคราวก่อน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงนั้นมี ติ่งที่ริมพระกรรณข้างขวาหน้าออกมาตรงพระปรางค์ ติ่งนั้นยาวประมาณ ๓ กระเบียดน้อย เมื่อเรากลับออกมากับสมเด็จกรมพระนั้นฝนตก เวลา ๗ ทุ่ม ๔๕ มินิตถึงบ้าน

    ...มีพระราชหัตถ์ถึงเสด็จที่วัด ขอบรับประทานดวงพระชันษา(วันนี้เป็นวันจตุสได้ด้วย) แล้วเสด็จขึ้นเข้าที่บรรทมที่นั่ง

    ...ค่ำวันนี้ เราไปเฝ้าสมเด็จกรมพระ ทรงด้วยเรื่องพระลักขณาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอประสูติใหม่ และเรื่องกรมมเหศวรและครั้งพระนั่งเกล้าฯ ทูลกระหม่อมสวรรคตยืนยาวมาก

    วันพุธ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๙ ปีขาล สัมฤทธิ์ศก ๑๒๔๐ ... กรมหมื่นนเรศเฝ้าทูลด้วยสมเด็จกรมกรมพระรับสั่งว่า พระลักขณาสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงที่ประสูติใหม่นั้น เดิมวันประสูติท่านคิดว่าสถิตราศีมินแต่ครั้นไปสอบมหานาทีดูว่าสถิตอยู่ราศีเมษ กับนาฬิกาถวายมานั้นเป็นมินเต็มหว่างลักขณา ต้องใช้เอปริสไตม์ว่าท่านจดหมายมาที่ท่านเทวัญนั้นความสั้นนัก ไม่ใคร่เข้าใจ ครั้นทำสอบเข้าก็ยังตกอยู่ในราศีมีนประการหนึ่งเป็นที่สงสัยที่เวลาเป็น ๑๗ มินิตน้อยเข้าแล้ว ทำไมจึงเลื่อนไปราศีเมษ กับเวลาที่ใช้แต่ก่อนนี้ก็ใช้มินไตม์ทั้งนั้น ถ้าแก้แล้วดวงเก่าๆ ก็ต้องแก้หมด กับไม่อยากจะแก้แล้วจะเป็นเหตุต่อไป รับสั่งให้กรมหมื่นนเรศไปถามสมเด็จให้ท่านตรวจไล่เลียงดูเสียให้แน่

    วันพฤหัสบดี แรม ๒ ค่ำ เดือน ๘ ปีขาล สัมฤทธิ์ศก ๑๒๔๐
    ...สมเด็จกรมพระยาจดหมายถวายว่า ด้วยพระลักขณาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงประสูติใหม่นั้น ท่านได้หาหลวงโลกทวีป ขุนเทพพยากรณ์มาคำนวณตามมหานทีถูกต้องกัน พระลักขณาสถิตราศีเมษ เสวย ณ วางค์ ๒ ที่ ๔ ตรียางค์ ๓ ทรงพระเจริญพระชนมายุ จึงโปรดกล้าฯ ให้เรานำลายพระหัตถ์ไปถวายเสด็จที่วัด ท่านจะตัดสินอย่างไร

    วันศุกร์ แรม ๓ ค่ำ เดือน ๙ ปีขาล สัมฤทธิ์ศก ๑๒๔๐
    ...เช้า ๔ โมง กรมหมื่นนเรศไปเฝ้าเสด็จที่วัด ท่านรับสั่งว่าท่านทำตำราหนึ่งไม่เหมือนกัน ท่านทำตามอัตโตนาที ถ้าทำตามมหานาทีแล้วก็ต้องผิด ท่านทำถวายมาแต่ก่อนๆ ก็อัตโตนทีทั้งนั้น ถึงถวายฤกษ์ก็ได้ถวายด้วยอัตโตนาที ถึงดวงเก่า ๆ สอบดูก็ลงด้วยอัตโตนาทีทั้งนั้น ผิดอยู่ ๒ ดวงคือ หม่อมไกรษรทำดูอยู่ราศีตุล แต่เจ้าของว่าอยู่ราษีพิจิก อีกดวงหนึ่งเจ้าพระยาภูธราภัยทำดูอยู่ราษีพฤกภ เจ้าของว่าอยู่ราษีเมษ ถึงตำราทูลกระหม่อมก็ท่านก็ทรงอย่างนี้ ท่านได้ลงดวงองค์จิตเจริญไปครั้งหนึ่งผิด เพราะทรงจดเวลามาไม่ ทรงเข้าพระทัยถนัด กลางวันเป็นกลางคืน กริ้วท่านทรงจดตำราประทานมาก็ถูกกัน ก็ครั้งนี้แล้วแต่จะโปรดอย่างไหนท่านตัดสินไม่ได้ ครั้นกรมหมื่นนเรศมาถวาย ก็ทรงว่าเมื่อว่าถูกทั้งสองอย่างคนละตำราก็ต้องใช้ทั้งสองอย่าง จึงทรงลงพระราชหัตถ์ในลายพระราชหัตถ์สมเด็จว่าเป็นตำรามหานที ของสมเด็จกรมพระทรงเนื่องด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ประสูติพระราชธิดาเจ้าฟ้าหญิงครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงโสมนัสพระราชหฤทัยเป็นอันมาก และได้โปรดพระนางเจ้าพระองค์นี้ยิ่งนัก ดังปรากฏความในจดหมายเหตุราชกิจรายวันตอนหนึ่งว่า

    “เราได้ถวายสายนาฬิกาเพ็ชรทรงขึ้นราคา ๑๕ ชั่ง พระราชทานพระองค์เจ้าสุนันทาประสูติ กับรับสั่งให้เติมแหวนที่ทรงซื้อพระคลังข้างที่อีก ๒ วง ที่ราคาวงละ ๑๙ ชั่ง รวม ๓๘ ชั่ง ขายเงินงวดตามธรรมเนียม” (เรา นั้นหมายถึงผู้ที่โปรดเกล้าฯ ให้จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน กล่าวกันว่าเป็นกรมพระสมมตอมรพันธุ์)

    ใน ๒ วันแรกที่สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์ ประสูติแล้วนั้นทรงมีพระอาการแน่นพระนาภีบรรทมมิได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงกังวลนัก ทรงรับสั่งให้กรมหมื่นนเรศฯ ราชเลขานุการในพระองค์ไปสอบถามพระอาการพระราชธิดาจากนายแพทย์ที่ถวายการพยาบาลอย่างละเอียดตลอดเวลาจนหายจากพระชวรแล้วจึงค่อยคลายพระทัยวิตกเสียได้

    อาจเป็นด้วยเจ้าฟ้าหญิงพระองค์นี้ทรงมีติ่งที่ริมพระกรรณข้างขวา สมเด็จพระราชบิดาจึงทรงให้พระนามว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ โสภางคทัศนิยลักษณ์ อรรควรราชกุมารี” เจ้าฟ้าหญิงพระองค์นี้ทรงเป็นที่โปรดปรานในพระบาทสมเด็จพระราชบิดามาก ดังจะเห็นได้จากการที่พระองค์ทรงพระราชทานสร้อยพระนามว่า “อรรควรราชกุมารี”


    สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์เป็นพระอัครมเหสีที่สนิทเสน่หาของพระบรมราชสวามี แม้ตลอดเวลาจะมีขัตติยนารีและบรรดาธิดาของเสนาข้าหลวงทั้งปวงเข้าถวายตัวเป็นพระสนมรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทอยู่เนืองๆ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มิทรงคลายความประดิพัทธ์ต่อพระองค์ ด้วยเพราะเลื่องลือกันทั่วว่า สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ทรงประกอบไปด้วยพระรูปโฉมอันงดงาม พระอัธยาศัยเรียบร้อยหมดจด สงบเสงี่ยม วางพระองค์เป็นที่รักนับถือแก่หมู่ข้าหลวงชาววังทั่วไป อีกทั้งยังมีพะสติปัญญาเฉลียวฉลาดในการช่วยกิจราชการพระบรมราชสวามีได้เต็มกำลังสามารถ นับว่าเลิศล้ำทั้งพระรูปสมบัติและพระคุณสมบัติพร้อมบริบูรณ์ทีเดียว

    ในเรื่องของขวัญของกำนัลนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระราชทานแก่พระมเหสีพระองค์อื่นอยู่เนืองๆ ตามแต่มีพระราชวโรกาส แต่สำหรับสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารรัตน์นั้นได้รับพระราชทานของขวัญจากพระบรมราชสวามีเป็นพิเศษกว่าพระมเหสีทุกพระองค์ เฉพาะคราวที่ประสูติพระราชธิดาพระองค์แรกนี้ก็นับว่าเป็นของขวัญที่มีมูลค่าสูงที่สุดกว่าที่พระองค์อื่นจะเคยได้รับพระราชทาน

    ความสนิทเสน่หาระหว่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ นั้น มีแต่จะพูนเพิ่มท้นทวียิ่งขึ้น ทรงเยี่ยมเยียนพระอัครมเหสีและพระราชธิดาเกือบทุกวันเป็นที่เบิกบานพระราชหฤทัยยิ่งนัก

    สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ ทรงดำรงความโสมนัสเป็นที่โปรดปรานในสมเด็จพระราชบิดาและพระราชมารดา ได้ไม่กี่ปีก็ได้สิ้นพระชนม์ร่วมกับสมเด็จพระชนนีเมื่อวันจันทร์ เดือน ๗ แรม ๘ ค่ำ ปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๒๓ ซึ่งในขณะนั้นสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพระองค์นี้มีพระชนม์เพียง ๑ พรรษา ๙ เดือน ๒๐ วัน ส่วนพระชนนี สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ขณะนั้นทรงพระครรภ์สมเด็จเจ้าฟ้าได้ ๕ เดือนเต็ม สมเด็จเจ้าฟ้าในพระครรภ์ก็ได้สิ้นพระชนม์ตามพระชนนี ตรงกับวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๒๓ การสิ้นพระชนม์ชีพของสมเด็จพระนางเจ้าและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอครั้งนี้ นำความเศร้าโศกสลดมาสู่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างสุดซึ้ง




    ..................................

    [​IMG]
    ........................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2013
  9. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    เต็มแรงรักเจ้าสุด..................หฤทัย พ่อฤา
    ถนอมแทบนับหายใจ................ออกเข้า<O:p</O:p
    ไปไหนก็พาไป.......................ไป่ห่าง เห็นเลย<O:p</O:p
    เจริญจิตพ่อค่ำเช้า...................ชื่นน้ำ ใจชม ฯ
    <O:p</O:p
    หลัดหลัดมาพลัดม้วย.............พลันพลัน<O:p</O:p
    ดังเด็ดบัวบทัน.......................ผุดน้ำ
    ผิดคาดพลาดนึกอัน.................ตรายรวด เร็วแม่<O:p</O:p
    ใช่แต่ตัดสุขช้ำ.......................ทุกข์ร้อย แรงทวี ฯ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    มานศรีแม่ม้วยเมื่อ.................มัวมล<O:p</O:p
    อกพ่อมืดมนทน......................เทวษคลุ้ม<O:p</O:p
    แลหานภาดล.........................หมายสร่าง ใจแม่<O:p</O:p
    เห็นมืดตราบใดกลุ้ม..................อกแห้ง ฤาหาย ฯ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    รู้การว่าร่ำไห้........................ไป่มี คุณเลย<O:p</O:p
    แต่จะลืมมีศรี...........................ห่อนได้<O:p</O:p
    นึกหน้าน่าปรานี........................หน้าลูก น้อยพ่อ<O:p</O:p
    ไห้ใช่เห็นคุณไห้....................... หากไห้ เอ็นดู ฯ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    รู้อยู่กาลล่วงแล้ว.....................ไป่กลับ คืนแฮ<O:p</O:p
    ใช่เหตุควรนึกนับ........................นั่งเพ้อ<O:p</O:p
    แต่จิตจำคิดระงับ.......................ทุกข์เพราะ ทุกข์นา<O:p</O:p
    ถ้าไม่คิดคงเก้อ.........................จักอ้าง อันใด ฯ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    การในเบื้องหน้านั้น...................ยังมี<O:p</O:p
    สิ่งซึ่งคงจะดี............................กว่าแล้ว<O:p</O:p
    ทุกข์มีสุขมีที่............................ทางเปลี่ยน กันแฮ<O:p</O:p
    ไม่มากเพียรจิตแผ้ว.....................ทุกข์พ้น ดลเสบย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ความเคยสุขทุกข์กล้า.................สาหัส ฉะนี้ฤา<O:p</O:p
    เป็นวิชาชาญถนัด........................แน่รู้<O:p</O:p
    ไปเปล่าประโยชน์ชัด.....................เช่นปล่อย เปล่านา<O:p</O:p
    ผู้ฉลาดสามารถกู้.........................กอบใช้ ตามกาล ฯ



    .................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2009
  10. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๖.

    [​IMG]
    ทรงพระสุบิน

    ในปลายปีเถาะ เอกศก จุลศักราช ๑๒๔๑ พ.ศ. ๒๔๒๒ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุราว ๒๘ พรรษา ทรงพระราชดำริที่จะเสด็จพระพาสยุโรป ในขณะที่ทรงเตรียมการจะเสด็จประพาสยุโรปนั้น บังเอิญสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินเกิดป่วยมาก ไม่สามารถจะรักษาแผ่นดินแทนได้จึงทรงงดเสด็จยุโรป แล้วมาเกิดเหตุสำคัญอันนำความวิโยคโศกเศร้าสลดพระราชหฤทัยอย่างสุดซึ้งเหลือที่จะพรรณนามาสู่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง คือ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ สิ้นพระชนม์โดยเรือพระที่นั่งล่ม ณ ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ในคราวเสด็จพระราชดำเนินประพาสบางปะอิน ในวันจันทร์ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะโรง โทศก จุลศักราช ๑๒๔๒ ตรงกับวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๒๓ เวลา ๕ โมงเช้า ขณะที่สมเด็จพระนางเจ้าทรงมีพระชนมายุเพียง ๒๑ พรรษา

    คืนก่อนวันสิ้นพระชนม์นั้น สมเด็จพระนางเจ้าทรงพระสุบินไปว่า
    “ พระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ได้เสด็จไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ขณะทรงพระดำเนินข้ามสะพาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอบังเอิญพลาดพลัดตกลงไปในน้ำทรงคว้าพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอไว้ได้ครั้งหนึ่ง แต่แล้วก็ลื่นหลุดพระหัตถ์ไปอีก ทรงตามไขว่คว้าจนพระองค์เองตกลงไปในน้ำด้วย ทรงหวั่นในพระทัยอยู่เหมือนกับว่าพระสุบินนี้จะเป็นลางร้าย ใคร่ที่จะระงับการโดยเสด็จพระบรมราชสวามีไปบางปะอินอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อทรงพระดำริว่าการที่พระองค์ไม่เสด็จ จะทำให้สมเด็จพระบรมราชสวามีเกิดความกังวลพระราชหฤทัย จึงทรงตกลงพระทัยโดยเสด็จพระราชดำเนินทั้งๆ หวั่นพระราชหฤทัยในพระสุบินนั้นอยู่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ เคยเล่าความในพระสุบินให้พระเจ้าน้องนางเธอพระองค์เจ้าประดิษฐาสารีและเจ้านายที่ใกล้ชิดฟัง พร้อมทั้งมีพระดำรัสว่า แม้จะทรงหวั่นพระทัยเพียงใด แต่ก็จะตามเสด็จไปตามพระราชประสงค์ ทรงหวังว่าพระบารมีของสมเด็จพระบรมราชสวามีย่อมจะคุ้มเกล้าพระองค์ให้แผ้วพ้นภัยพิบัติทั้งปวง”


    .......................................
    [​IMG]
    ........................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • BI-014.jpg
      BI-014.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.4 KB
      เปิดดู:
      8,291
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2013
  11. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๖.

    อุปัทวเหตุเรือพระประเทียบล่ม

    [​IMG]



    เหตุการณ์ตอนสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์และสเมด็จพระเจ้าลูกเธอสิ้นพระชนม์นั้น ปรากฏรายละเอียดอยู่ในจดหมายเหตุราชกิจรายวัน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ดังต่อไปนี้


    “วันที่ ๔๒๒๐ วันจันทร์ แรม ๘ ค่ำ เดือน๗ ปีมะโรง โทศก จุลศักราช ๑๒๔๒ เวลาเช้า ๒ โมงจะเสด็จพระดำเนินไปบางปะอิน ปล่อยเรือพระประเทียบไปก่อน เช้า ๒ โมงเศษ เสด็จวันพระศรีรัตนศาสดารามทอดพระเนตรแล้วเสด็จเข้าไปในพระอุโบสถ ทรงนมัสการและทอดพระเนตรหม่อมราชวงศ์แจ้งขัดพื้นพระอุโบสถเป็นตัวอย่างถวาย โปรดเกล้าฯ ว่าจะจ่ายคนให้ขัด พวกหม่อมราชวงศ์นั้นให้เป็นแต่คอยชักเงา แล้วเสด็จมาตำหนักแพ ลงเรือพระที่นั่งโสภณภควดี สมเด็จพระองค์น้อยกรมหมื่นนเรศวร พระองค์เทวัญ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณกับหัวหมื่นพระนายไวยสรรเพช หลวงนายฤทธิ์ไปเรือพระที่นั่งพระยาประภากรวงศ์เป็นกัปตัน ออกเรือเวลา ๓ โมงครึ่ง ขึ้นไปถึงบางตลาดจวนจะเข้าเกร็ดพบเรือราชสีห์ จมื่นทิพเสนากับปลัดวังซ้ายลงมากราบทูลว่าเรือพระที่นั่งพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ซึ่งเรือปานมารุตจูงไปนั้นล่มที่บางพูด สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์สิ้นพระชนม์จึงรีบแล่นเรือพระที่นั่งไปถึงบางพูด เช้า ๕ โมงเห็นเรือไฟและเรือพระประเทียบทอดอยู่กลางน้ำที่เขาดำทรายเหนือบ้านพระเกียรติ์หน่อย ประทับเรือพระที่นั่งเข้าที่เรือปานมารุตไล่เลียงกรมอดิศร กับพระยามหามนตรีด้วยเรื่องเรือล่ม พระยามหามนตรีทูลว่าเรือราชสีห์ซึ่งจูงเรือพระองค์เจ้าสุขุมาลนั้นไปหน้า ใกล้ฝั่งตะวันออก เรือโสรวารซึ่งพระยามหามนตรีไปจูงเรือพระองค์เจ้าเสาวภาตามไปเป็นที่สองแนวเดียวกัน เรือยอร์ชสมเด็จกรมหลวงซึ่งจูงเรือกรมสมเด็จพระสุดารัตนราชปะยูรไปทางฝั่งตะวันตกแล่นตรงกันกับเรือราชสีห์ แล้วเรือปานมารุตแล่นสวนขึ้นมาช่องกลางห่างเรือโสรวารสัก ๑๐ ศอก พอเรือปานมารุตแล่นขึ้นไปใกล้เรือราชสีห์ก็เบนหัวออก เรือพระประเทียบเสียท้ายปัดไปทางตะวันออก ศีรษะเรือโดนข้างเรือโสรวาร น้ำเป็นละลอกปะทะกันกดศีรษะเรือพระประเทียบจมคว่ำลง พระยามหามนตรีว่าได้ดำน้ำลงไปถึงในเก๋ง เชิญเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกเธอออกมาก็สิ้นพระชนม์เสียแล้ว แต่กรมอดิศรซัดพระยามหามนตรีว่าเป็นเพราะเรือโสรวารหนีตื้นออกมา จึงเป็นเหตุเรือปานมารุตแล่นห่าง ๑๐ ศอก ต่างคนต่างซัดกันจึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้านายขึ้นไปไล่เลียงดูที่คนอื่นๆ ทีละคนสองคนแยกกันถามจึงได้ความว่าพระองค์เจ้าสุนันทาก็สิ้นพระชนม์ด้วยกับแก้วพระพี่เลี้ยงอีกคนหนึ่งตายและคนที่อยู่ในเก๋งออกไม่ทันบ้าง ที่สลบก็แก้ฟื้นขึ้นได้หลายคน จึงไล่เลียงได้ความว่า เมื่อเรือล่มคว่ำนั้น พระองค์เจ้าสุนันทาประทับอยู่ในเก๋งยังเสด็จออกไม่ได้ จึงช่วยกันหงายเรือขึ้น การหงายนั้นว่าช้าอยู่มากกว่าครึ่งชั่วโมงจึงได้เสียท่วงที เมื่อเชิญพระศพขึ้นมาที่เรือปานมารุตแล้วก็ช่วยกันแก้ไขกันมาก ครั้งนี้เผอิญให้หลวงราโชมาในเรือปานมารุตด้วย ได้ช่วยแก้เต็มกำลังก็ไม่ฟื้น ชาวบ้านที่แก้พวกข้าหลวงรอดหลายคนเอามาแก้ก็ไม่ฟื้นได้ เมื่อได้ความดังนี้แล้วจึงได้ ทราบใต้ฝ่าละอองฯ ว่าพระองค์เจ้าสุนันทาสิ้นพระชนม์ด้วย เมื่อเรือพระที่นั่งมาประทับไล่เลียงอยู่นั้นสัก ๑๐ มินิตกว่าก็ไม่ทราบ ไม่มีใครกราบบังคมทูลและกรมสมเด็จพระสุดารัตน์กับเจ้านายก็มาประชุมพร้อมกันอยู่ในเรือปานมารุต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จขึ้นไปประทับอยู่ในเรือปานมารุตให้ช่วยกันแก้ไขด้วยพระองค์ยังร้อนอ่อนอยู่ จนบ่าย ๒ โมงก็ไม่ฟื้นขึ้นได พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเศร้าโศกเสียพระทัยยิ่งนัก แต่ทรงพระวิตกอยู่ด้วยเรือพระที่นั่งพระองค์เจ้าสว่างซึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ เสด็จไปนั้นด้วยออกเรือไฟไปก่อนจึงขึ้นไปเสียแล้ว กลัวจะไปเป็นเหตุตามทางแล้วสมเด็จกรมพระ ซึ่งจะมาจัดการทางนี้ก็ล่วงหน้าไปเสียก่อนด้วย จึงโปรดเกล้าฯ ให้กรมหมื่นนเรศจัดเรือไฟขึ้นไปตามให้เสด็จกลับลงมา กรมหมื่นนเรศจัดให้จมื่นทิพเสนาปลัดวังซ้ายลงเรือราชสีห์ขึ้นไป แล้วภายหลังให้หลวงนายสิทธิลงเรือกระมุทมาลาตามขึ้นไปทูลสมเด็จกรมพระให้เสด็จกลับลงมาด้วย แต่เรือกระมุทไปทันเรือราชสีห์ ก็ลงเรือราชสีห์ไป เรือกระมุทกลับลงมา เรือราชสีห์ได้ไปแต่ ๕ โมงเช้า ประทับคอยสมเด็จกรมพระและสมเด็จพระเจ้าลูกเธออยู่จนบ่าย ๔ โมงเย็นไม่เห็นเสด็จ ไม่ทรงไว้พระทัยกลัวเรือราชสีห์จะไปเป็นเหตุจึงรับสั่งให้กรมหมื่นนเรศลงเรือพระที่นั่งโสภณขึ้นไปตามอีก ประทับคอยอยู่จนย่ำค่ำ รับสั่งให้พระองค์สายจัดเรือพระที่นั่งเวสาตรีรับพระศพและเชิญเสด็จเจ้านายที่ไปเรือเล็กขึ้นประทับบเรือพระที่นั่งเวสาตรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จประทับมาในเรือพระที่นั่งนี้ด้วย เชิญพระศพขึ้นจวนทุ่มไว้ที่ห้องสลูน


    เวลายามเศษ สมเด็จกรมพระเสด็จมาถึง ทรงปรึกษาด้วยจะจัดการเชิญพระศพตกลงแล้ว สมเด็จกรมพระท่านล่วงหน้ากลับลงไปกรุงเทพก่อนฯ แล้วโปรดเกล้าฯ ให้พระนายไวยขึ้นไปตามเรือพระที่นั่ง สมเด็จพระเจ้าลูกเธออีก พอ ๔ ทุ่มจึงมาถึง


    เวลา ๔ ทุ่มครึ่งเป็นเวลาน้ำขึ้น ออกเรือพระที่นั่งเวสาตรีล่องลงมากะเวลาจะให้ถึงตำหนักแพก่อนน้ำลง จะได้จอดง่าย แต่เรือเล็กๆ นั้นให้พระยาประภาอยู่กักไว้ ต่อน้ำลงจึงได้ปล่อยลงมา ครันจะให้ลงมาพร้อมกันก็จะเป็นที่กีดเกะกะด้วยเป็นเวลาเดือนมืด เรือพระที่นั่งเวสาตรีต่อเดินสโลมาช้าๆ ถึงตำหนักแพ ๘ ทุ่ม ประทับฉนวน


    สมเด็จกรมหลวง และเจ้าพระยาสุรวงศ์มาเฝ้าในเรือพระที่นั่งรับฉลองพระเดชพระคุณในการพระเมรุทุกอย่าง ประทับอยู่จนเวลาย่ำรุ่งเครื่องก็ยังไม่พร้อม เจ้านายข้าราชการมาพร้อมกันที่ตำหนักแพมาก”


    จบจดหมายเหตุราชกิจรายวันเพียงนี้ พระนาม “ศมเด็จพระนางเรือล่ม” ก็อุบัติขึ้นด้วยประการฉะนี้ในกาลต่อมา


    อนึ่ง เนื่องในการที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์และสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์สิ้นพระชนม์ลงเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๔๒๓ ครั้งนั้นบางท่านเข้าใจว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันทำนองว่าเป็นการเมืองไป แต่เมื่อพิจารณาดูตามพฤติการณ์ในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ประกอบกับพระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเองที่มีไปพระราชทานผู้ใกล้ชิด ก็เห็นได้ชัดว่าหาได้เป็นการกลั่นแกล้งอย่างใดไม่ เป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยประมาทอันทุกคนมิได้คาดฝัน มีข้อที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงกริ้วอยู่ประการเดียว ที่ข้าราชบริพารที่ตามเสด็จมิได้ช่วยสมเด็จพระนางให้ทันท่วงทีเท่านั้น มีท่านผู้หนึ่งเล่าให้ฟังว่า ได้มีคนจะเข้าไปช่วย แต่จะเป็นพระยามหามนตรีหรือใครจำไม่ได้ถนัดสั่งห้ามเสีย เพราะตามกฎหมายกฎมณเฑียรบาลว่าการแตะต้ององค์พระมเหสีมีโทษถึงประหารชีวิต ซึ่งกฎหมายกฎมณเฑียรบาลเช่นนี้มีอยู่จริง แต่เจตนารมณ์ของกฎหมายดังกล่าวนี้หมายถึงกรณีที่จะมีการแตะต้ององค์พระมเหสีในทำนองล่วงเกินในทางประเวณี หาได้หมายถึงกรณีที่พระมเหสีทรงตกอยู่ในอันตรายอันจะถึงแก่ชีวิตในสภาพการณ์ครั้งเรือพระที่นั่งร่มนี้ไม่ แต่ขุนนางหรือข้าราชบริพารหรือพระยามหามนตรี(อ่ำ อมรานนท์) มิได้เข้าใจในเจตนารมณ์แห่งกฎมณเฑียรบาลดังว่านั้น จึงเป็นเหตุทางอ้อมประการหนึ่งที่ทำให้สมเด็จพระนางเจ้าสิ้นพระชนม์ลง โดยปราศจากความช่วยเหลือแต่อย่างใด บางท่านเล่าว่า ภายหลังเกิดเหตุเรื่อง “สุนันทาลัย” ครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงได้ทรงแก้กฎหมายกฎมณเฑียรบาลดังกล่าวนั้น


    เนื่องจากเหตุการณ์สิ้นพระชนม์ครั้งนี้ทำให้พระราชานุกิจในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชสวามีเปลี่ยนแปลงไป ดังจะเห็นได้จากจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน


    ท่านเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี(เจิม แสง-ชูโต) ได้กล่าวไว้ในหนังสือประวัติการณ์ของท่านว่า “ลุปีมะโรง โทศก จุลศักราช ๑๒๔๒ พ.ศ. ๒๔๒๓ เมื่อเกิดอุบัติพลวะเหตุเรือล่ม และสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์กับสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์สิ้นพระชนม์ชีพ พระยามหามนตรี(อ่ำ) ผู้บังคับการกรมทหารหน้า ต้องโทษรับพระราชอาญาแล้ว ในระหว่างนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระปริวิโยคมีความเศร้าโศกเป็นอันมาก จนไม่มีใครจะเข้ารอพระพักตร์ได้ และมีพระกระแสรับสั่งให้ปิดพระทวารกั้นเป็นพิเศษมิให้ข้าราชการฝ่ายในออกมาพลุกพล่านรบกวนได้ มีแต่เจ้าหมื่นไวยวรนาถและพวกมหาดเล็กคอยตั้งเครื่องอานรับใช้แต่เพียงหกเจ็ดคนเท่านั้น ขณะที่ทรงได้ยินเสียงกลองชนะประโคมพระศพขึ้นครั้งไร ก็ทรงพระกันแสงพิลาปร่ำรำพันไปต่างๆ นาๆ จนกระทั่งทรงพระประชวรพระวาโยไป เจ้าหมื่นไวยวรนาถ(จอมพล พระยาสุรศักดิ์มนตรี เจิม แสง-ชูโต) ก็เข้านวดฟั้นคั้นพระบาท และคอยเอาน้ำหอมให้ทรงดมรอพระนาสิกไว้ให้คลายพระประชวร”


    จะเห็นได้ว่าการสิ้นพระชนม์ชีพของสมเด็จพระนางเจ้านั้นได้นำความเศร้าโศกทุกข์ระทมมาสู่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง อย่างแสนสาหัสสุดที่จะพรรณนาเพียงไร ดังจะเห็นได้จากจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันที่ทำให้เห็นความรักของพระองค์ที่มีต่อสมเด็จพระนางเจ้าและสมเด็จเจ้าฟ้าพระราชธิดา


    พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงได้พระราชทานพระโกศทองใหญ่ ซึ่งเป็นพระโกศสำหรับทรงพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดินให้ทรงพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ นับเป็นพระเกียรติยศใหญ่ยิ่งปรากฏอยู่ในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ซึ่งจะกล่าวต่อไป



    [​IMG]

    .................................

    [​IMG]


    ..............................
    [/COLOR]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1215240430.jpg
      1215240430.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.8 KB
      เปิดดู:
      5,988
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2013
  12. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๖.

    [​IMG]


    จากจดหมายเหตุราชกิจรายวันซึ่งคัดมาจากหนังสือ “สมเด็จพระนางเรือล่ม” เรียบเรียงโดย ณัฐวุฒิ สุทธิสงคราม ซึ่งอ่านแล้วอาจจะยังนึกลำดับเหตุการณ์ไม่ออก จึงขอนำบทคัดย่อจากหนังสือ”พระนางเรือล่ม อัครมเหสีผู้เป็นที่รักและอาลัยยิ่งของพระพุทธเจ้าหลวง เรียบเรียงโดย กันยาบดี มาให้ได้อ่านกันอีกครั้งเพื่อจะได้เข้าใจและเกิดจินตภาพกันได้ชัดขึ้น

    “เมื่อบรรดาขบวนเรือพระประเทียบแล่นไปตามแม่น้ำเจ้าพระยานั้น อัตราความเร็วของเรือกลไฟก็ค่อนข้างเร็วพอสมควรอยู่แล้ว แม้จะอยู่ในเขตพระมหานคร และอยู่ท่ามกลางสายตาประชาราษฎร์ ที่มาเฝ้าชมดูขบวนพยุหยาตรากันเต็มสองฟากฝั่งก็ตาม

    และยิ่งเมื่อขบวนเรือแล่นออกนอกเขตพระมหานครไปแล้วพ้นจากหมู่ชาวเรืออันจอแจวุ่นวาย เรือกลไฟแต่ละลำดูเหมือนจะพอใจนัก จึงได้เร่งความเร็วสูงขึ้นอย่างเต็มที่

    รูปขบวนนั้นมีเรือพระประเทียบของพระองค์เจ้าสุขุมาลย์มาศรีนำหน้า เพราะเป็นเรือที่มีฝีจักรสูง แลจูงโดยเรือกลไฟราชสีห์แล่นขนานฝั่งไปทางด้นทิศตะวันออก

    เรือกลไฟยอร์ชจูงเรือพระประเทียบกรมสมเด็จพระสุดารัตน์ราชประยูร แล่นขนานกับเรือกลไฟราชสีห์ แต่อยู่อีกริมฝั่งแม่น้ำ

    เรือกลไฟโสรวารแล่นตามหลังเรือกลไฟราชสีห์ โดยรักษาระดับในระยะพอสมควร เรือกลไฟโสรวารนี้จูงเรือเก๋งพระที่นั่งของพระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี

    ส่วนเรือกลไฟปานมารุตที่จูงเรือเก๋งกุดั่นของพระองค์เจ้าหญิงสุนันทาฯ และพระราชธิดานั้นแล่นตามเรือทั้ง ๓ ข้างหน้า

    ขบวนเรือเริ่มเร่งความเร็วขึ้นอีก แม่น้ำเจ้าพระยาเวลานั้นทอดยาวและกว้างขวางเวิ้งว้างเป็นยิ่งนัก บริเวณที่เลยผ่านอ้อมเกร็ดไปแล้วตลอดแม่น้ำยิ่งโปร่งปลอด ไร้เรือเล็กเรือน้อยมาแล่นลอยให้เป็นที่ขวางทาง จะมีบ้างก็เพียงเรือใหญ่ของพวกมอญที่ทอดทิ้งสมอลอยลำอยู่กลางเจ้าพระยา เพื่อลงดำทรายขึ้นเรือไปขายในพระมหานครกรุงเทพฯ

    ความเวิ้งว้างปลอดโปร่งของเจ้าพระยากลับทำให้บรรดานายท้ายเรือกลไฟยิ่งบังเกิดความคึกคะนองคิดแข่งความเร็วกันอย่างประมาท พยายามแล่นเรือเข้าตีคู่ขนานกันโดยมิรู้จักระมัดระวัง คิดแต่จะแข่งเรือกันโดยความฮึกเหิม ลืมสิ้นว่าความประมาทจะนำอันตรายมหันต์

    เวลานั้นพระองค์เจ้าหญิงสุนันทากุมารีรัตน์ประทับอยู่ในเก๋งเรือโดยปล่อยให้พระราชธิดาซึ่งมีพระชันษา ๑ ปี ๑๐ เดือนเศษอยู่ในอารักขาของพระพี่เลี้ยงชื่อ “แก้ว” คอยถวายอารักขาดูแลเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์ฯ เป็นพิเศษ

    พระองค์เจ้าหญิงสุนันทากุมารีรัตน์ ขณะนั้นทรงพระประชวรเล็กน้อยเนื่องจากเพิ่งทรงพระครรภ์ใหม่ได้ ๕ เดือนเต็มแล้วด้วย

    ด้วยความที่มีพระอาการประชวร พระองค์เจ้าหญิงสุนันทาฯ จึงทรงพักผ่อนพระอิริยาบถเงียบๆ โดยเก๋งกุดั่นนั้นปิดหน้าต่างทุกๆ ด้าน ทรงพระสำราญในเรือท่ามกลางเสียงคลื่นลมและเสียงหัวเรือแหวกคลื่นน้ำดังใหโคลงเคลงบ้างเป็นระยะ

    ขบวนเรือแล่นเลยผ่านอ้อมเกร็ดขึ้นไปทางตำบลบางพูด ซึ่งเป็นบริเวณที่ท้องน้ำเวิ้งว้างปลอดโปร่งกว้างไกลสุดตา สองฝั่งริมเจ้าพระยาก็มิได้มีบ้านเรือนพสกนิกรอย่างเช่นบางช่วงริมฝั่งละแวกนั้นมีเพียงวัดเก่าๆ อยู่แห่งหนึ่ง แต่ท้องน้ำละแวกนั้นมีสายน้ำหนุนขึ้นมาจากท้องทะเล ซึ่งมาบรรจบกับน้ำบนที่บ่าไหลมาจากตอนเหนือของเจ้าพระยาอีกด้วย

    นั่นก็เท่ากับว่าน้ำเหนือซึ่งหอบอุ้มเอาทรายพัดมาตามสายน้ำก็ได้จมจุกอยู่ ณ ช่วงนั้น เพราะกระแสน้ำหยุดนิ่งมิได้ไหลไปสู่ทิศทางใด ด้วยความที่มาบรรจบกันกับน้ำหนุนขึ้นจากทะเลนั่นเอง

    การเดินเรือผ่านท้องน้ำช่วงนี้ก็ย่อมต้องระมัดระวังอย่างสูงเนื่องเพราะความตื้นเขินของโคลนทรายใต้ท้องน้ำที่มิเสมอกัน กล่าวคือบางช่วงเป็นโคลน แต่ก็ลึกพอที่เรือกลไฟจะแล่นผ่านได้ ในขณะที่อีกบางตอนกลับเป็นเนินทรายที่สะสมอยู่นานปีจนตื้นเขินทำให้เรือกลไฟมิอาจแล่นผ่านได้สะดวก

    เหตุนี้เองจึงมีเรือมอญจอดทอดสมอกึ่งกลางเจ้าพระยาเพื่อลงงมทรายไปขายด้วยเพราะเป็นช่วงที่มีทรายมากมายเป็นพิเศษ

    เมื่อขบวนเรือแล่นมาถึงบริเวณท้องน้ำอันตรายนี้ เรือกลไฟราชสีห์แล่นนำหน้าจึงได้เบนหัวเรือเข้าไปเลียบฝั่งด้านทิศตะวันออกเพื่อจะเลี่ยงหลบออกมามิให้ระลอกคลื่นจากเรือไปปะทะรบกวนบรรดาชาวเรือที่กำลังงมทรายกับอยู่กลางน้ำ และก็เป็นการให้พระบรมวงศานุวงศ์ที่ประทับอยู่ในเรือได้ทอดพระเนตรชมทิวทัศน์ของฝั่งแม่น้ำบริเวณนั้นให้เป็นที่พระเกษมสำราญด้วย

    ยามนั้นเรือกลไฟปานมารุตซี่งลากจูงเรือพระประเทียบของพระองค์เจ้าหญิงสุนันทากุมารีรัตน์ อันเคยแล่นรั้งท้ายขบวนมาแต่แรกกลับพยายามเร่งความเร็วจะแล่นขึ้นไปให้ทันเรือกลไฟราชสีห์และเรือยอร์ชที่ต่างก็บ่ายหัวเรือเข้าหาฝั่งเบื้องหน้า

    ภายในเก๋งกุดั่น พระองค์เจ้าหญิงสุนันทาฯ และพระราชธิดากำลังทรงพระบรรทมอยู่

    นายท้ายเรือกลไฟปานมารุตนั้นชื่อ “นายอิน”
    “นายอิน” คงเกิดความคึกคะนองจนประมาท พยายามเร่งฝีจักรจะเร่งให้ทันเรือ ๒ ลำข้างหน้า

    นายอิน จึงรีบร้อนเบนหัวแทรกขึ้นไประหว่างเรือกลไฟราชสีห์ และเรือยอร์ช ทั้งๆ ที่เร่งฝีจักรเพิ่มความเร็วขึ้นเต็มที่ และมิได้ระวังเรือกลไฟโสรวาร ซึ่งก็แล่นตามเรือกลไฟราชสีห์อย่างกระชั้นชิดและอยู่เป็นลำในกว่าเรือไฟปานมารุต

    ในวินาทีนั้นเอง เรือกลไฟโสรวารเดชซึ่งจูงเรือพระนั่งของพระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรีก็ทำท่าจะติดทรายใต้ท้องน้ำเสียแล้ว

    ผู้ถือท้ายเรือกลไฟโสรวารรู้สึกได้ทันทีว่าใบจักรเรือได้พัดเอาทรายจนเกิดเสียงพรืดพราดหลายครา

    เมื่อตระหนักว่าแล่นผิดร่องน้ำแล้ว นายท้ายเรือจึงเบนหัวเรือออกเพื่อเลี่ยงมิให้เรือเกยตื้นด้วยสัญชาตญาณของนายท้ายเรือ

    การเบนหัวเรือหลบออกจึงเท่ากับว่าเรือกลไฟทั้ง ๔ ได้อยู่ในลักษณะรูปขบวนที่ใกล้กันยิ่งกว่าเดิมจนเกิดระลอกคลื่นซัดสาดปะทะหากันเป็นฟองซัดซ่า

    หมู่ข้าหลวงในเรือทั้ง ๔ ต่างส่งเสียงครึกครื้นเป็นที่สนุกสนานเมื่อเห็นเรือทั้ง ๔ ลำได้แล่นใกล้ในระดับเกือบเทียบกันอย่างนั้น

    หากทว่า การที่เรือกลไฟเบนหัวเรือหลบออกกะทันหันนั้นมิใช่เรื่องปรกติธรรมดา

    ด้วยเพราะเรือกลไฟมิได้แล่นตามลำพังลำเดียว แต่เรือกลไฟทุกลำนั้นต้องลากจูงเรือพระประเทียบตามมาด้วย จึงดูแล้วเป็นที่น่าวิตกยิ่งนัก

    ในขณะที่เรือกลไฟโสรวารเบี่ยงหัวเรือออกนั้น เป็นเวลาที่เรือกลไฟปานมารุตเร่งฝีจักรมาแทรกกลางพอดีระหว่างเรือยอร์ช เรือทั้งหมดจึงต้องเบนหัวเรือออกอย่างกะทันหันเป็นฉากๆ ตามกัน

    เรือกลไฟปานมารุตนั้นทิ้งระยะเชือกลากจูงเรือพระที่นั่งเก๋งกุดั่น ค่อนข้างยาวกว่าลำอื่น เนื่องเพราะเกรงว่าควันไฟและลูกไฟจากปล่องเรือจะรบกวนพระอนามัยของพระราชธิดาซึ่งยังพระเยาว์นัก

    เมื่อเรือโสรวารหักเบี่ยงหัวเรือออกมา เรือกลไฟปานมารุตก็จึงต้องรับเบนหัวเรือหลบด้วย ขณะแซงขึ้นแทรกกลางนั้นทั้งเร่งความเร็วและทั้งหักหัวเรือหลบออกโดยมิได้ชะลอความเร็วลงแม้แต่น้อย เพื่อให้เรือพระประเทียบที่พ่วงมาได้ตั้งลำก่อน ในขณะชะลอความเร็วลง

    แต่ นายอิน มิได้ชะลอความเร็ว ทว่ายังเร่งฝีจักรขึ้นเต็มที่อีกในขณะที่เรือกลไฟโสรวารพุ่งหักออกเป็นมุม ๔๕ องศาอย่างกะทันหัน

    วินาทีนั้นเอง...เสียง โครม ก็ดังสนั่นลั่นเจ้าพระยา
    เรือกลไฟโสรวารปะทะเข้าเต็มที่กับเรือปานมารุต

    ในสถานการณ์นั้นเรือกลไฟโสรวารรีบหักหัวตั้งลำอีกครั้ง ด้านเรือพระประเทียบของพระองค์เจ้าหญิงสุนันทาฯ ซึ่งถูกลากจูงด้วยความเร็วก็กำลังจะตั้งลำได้

    แต่ทว่าคลื่นลูกใหญ่ที่เกิดจากเร็อโสรวารได้สะท้อนสาดซัดเข้าหาเรือพระที่นั่งของพระองค์เจ้าหญิงสุนันทาฯ จนเรือพระที่นั่งโคลงเคลงไปมาตามแรงลูกคลื่นที่สาดซัดซ้อนทับกันหลายต่อหลายระลอกโถมถั่งติดๆ กัน

    พระองค์เจ้าหญิงสุนันทากุมารีรัตน์ตกพระทัยจนเสียพระขวัญทรงรีบอุ้มพระราชธิดาไว้แนบพระอุระ ขณะที่พระพี่เลี้ยงแก้วก็หวีดร้องด้วยความตกใจที่เรือพระที่นั่งโคลงเคลงเอียงซ้ายขวา พร้อมกับสายน้ำที่สาดพรูพรั่งโถมถั่งสู้หัวเรือใหญ่

    ชั่วเวลาเพียงไม่กี่นาทีนั้นเองที่เสียงอื้ออึงลั่นระงมไปทั่ว
    พริบตานั้น...เรือพระที่นั่งล่มคว่ำลงทันที
    เรือพระองค์เจ้าหญิงสุนันทาฯ ล่มกลางเจ้าพระยา

    ขณะนั้นเรือกลไฟปานมารุตหยุดเครื่องลงทันที พร้อมกับเรือกลไฟลำอื่นก็หยุดเครื่องด้วย

    ประทุนเก๋งเรือพระที่นั่งคว่ำลงน้ำ ท้องเรือหงายขึ้นเหนือน้ำ
    เรือพระที่นั่งล่มต่อหน้าต่อตาบรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ หมู่ข้าหลวงเสนาอำมาตย์ และรวมทั้งชาวบ้านชาวเรือ ณ บรเวณนั้น

    ภายในเรือมีเสียงดิ้นขลุกขลัก คนที่โผล่ขึ้นมาได้ก็ว่ายน้ำเข้าหาฝั่งและเรือพระประเทียบลำอื่นเพื่อเอาชีวิตรอดกันอลหม่าน

    ข้าหลวงในเรือพระที่นั่งพากันมุดออกจากเก๋งเรือครอบ ท่ามกลางเสียงดังอื้ออึงเซ็งแซ่ของผู้คนบนเรืออื่นและชายฝั่ง

    ชาวบ้านชาวเรือรีบละมือจากการทำมาหากินพากันลงเรือมาเตรียมทำการช่วยเหลืออย่างทันที บรรดาคนบนเรือตามเสด็จต่างก็ตกตะลึงกับเหตุร้ายอันมิทันคาดคิดจนทำอะไรมิถูก

    เวลานั้นเรือพระประเทียบของพระองค์เจ้าสว่างวัฒนาแล่นนำล่วงหน้าไปแล้ว ความช่วยเหลือจากขบวนเรือจึงขาดไปลำหนึ่ง

    แต่ทว่าขบวนเรือลำอื่นก็มิอาจจะทำการช่วยเหลือได้ตามที่สมควรด้วยเพราะพระยามหามนตรี สมุหราชองครักษ์ได้ออกคำสั่งฉับพลันดังลั่นว่า ห้ามมิให้ใครเข้าไปช่วยพระองค์เจ้าหญิงด้วยจะเป็นการขัดต่อกฏมณเฑียรบาล

    ใครจะรู้ว่าภายในเก๋งเรือนั้น พระนางผู้เคราะห์ร้ายอาจกำลังทรงหาทางช่วยพระราชธิดาดั่งในพระสุบิน จึงมิได้ทรงว่ายน้ำหนีออกมาจากเก๋งเรือที่คว่ำครอบอยู่นั้น จนกระทั่งสิ้นพระชนม์ในเวลามิช้ามินาน

    หากก็ยังมีชาวบ้านสามัญชนมิรู้ว่ากฎมณเฑียรบาลคืออะไร จึงยังพยายามหักหาญเข้ามาทำการช่วยเหลือเพราะเห็นคนจะตายอยู่ต่อหน้า ซึ่งก็เพียงช่วยได้แต่นางข้าหลวงเท่านั้น ส่วนเรือพระที่นั่งมิอาจมีใครเข้าไปแตะต้องได้ เพราะพระยามหามนตรียืนชักดาบตวาดออกคำสั่งห้ามมิให้ผู้ใดเข้าใกล้เก๋งเรือพระที่นั่งอย่างเด็ดขาด

    ชาวบ้านชาวเรือต่างพากันงงงวยกับคำสั่งนั้น ได้แต่งมหาผู้จมน้ำไปแล้วขึ้นมาช่วยพยาบาลแก้ไขกันตามประสา

    ท่านกลางผู้คนมากมายกลางเจ้าพระยา...ท่ามกลางการเข้าช่วยเหลืออย่างทันทีของชาวบ้านชาวเรือ...ทว่าพระองค์เจ้าหญิงสุนันทาก็ยังมิอาจรอดพระชนม์ชีพ เพราะคำสั่งของคนเพียงคนเดียวที่อ้างความเคร่งครัดของกฎมณเฑียรบาล ชาวบ้านผู้ใดจะกล้าขัดคำสั่งผู้มีอำนาจราชศักดิ์ที่ยืนกวัดแกว่งดาบตวาดก้องอยู่กลางแม่น้ำ

    ตัวของพระยามหามนตรีกลับเร่งตะโกนสั่งให้ชาวบ้านนำเรือมารับตน ซึ่งยืนบงการอยู่บนเรือโดยมิได้สนใจทำการช่วยเหลือพระอัครมเหสี

    เวลายิ่งล่วงผ่านไป กว่าพระยามหามนตรีจะลงเรือเล็กของชาวบ้านมาที่เรือพระที่นั่ง

    กว่าจะออกคำสั่งให้คนช่วยกันหงายพลิกเรือเก๋งพระที่นั่งขึ้นมาก็ปรากฎว่าพระองค์เจ้าหญิงสุนันทากุมารีรัตน์สิ้นพระชนม์เสียแล้ว

    มีพระพี่เลี้ยงแก้วนอนสิ้นใจเคียงพระบาทอยู่อย่างน่าสลดที่สุด<O:p</O:p
    แต่มิปรากฏว่ามีพระราชธิดาติดอยู่ในเก๋งเรือนี้ด้วย

    ขณะที่พระยามหามนตรีเพิ่งออกคำสั่งให้ช่วยกันแก้ไขพระองค์เจ้าหญิงสุนันทาฯ นั้น การดำน้ำหาพระศพของเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์ก็เริ่มดำเนินอย่างโกลาหล

    เวลานั้นมีข้าส่วนพระองค์ของพระองค์เจ้าชายเทวัญอุไทยวงศ์(พระเชษฐาของพระอัครมเหสี) ซึ่งมีนามว่า “เถอะ” และ “อ้ายเถอะ” ผู้นี้ได้งมดำน้ำอย่างชำนิชำนาญด้วยความจงรักภักดีเปี่ยมล้น แหวกว่ายดำน้ำหาจนพบพระศพของพระราชธิดา

    สถานการณ์กำลังโกลาหลอลหม่านยิ่งนัก เมื่อทุกอย่างเริ่มเป็นความวิกฤต ร้ายแรงอย่างชัดเจนเช่นนี้แล้ว พระยามหามนตรีจึงให้เรือกลไฟราชสีห์กลับลำรีบล่องไปกราบทูลเรื่องราวให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบโดยด่วน

    อีกด้านนั้น สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงประทับในเรือพระที่นั่งโสภณภควดี พร้อมด้วยสมเด็จพระองค์น้อยกรมหมื่นนเรศวร, พระองค์เจ้าเทวัญ, พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร, พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ, หัวหมื่นพระนายไวยศรเพชร และหลวงนายฤทธิ์ ส่วนเรือตามเสด็จอันเป็นเรือกลไฟล้วนก็มี เรือพระที่นั่งรองเวสาตรี เรือกระมุทรมาลา เรือไรซิ่งซัน เรือบางปะอินอุดมทวีป เรือทัศนากร

    ขบวนเรือพระที่นั่งแล่นมาถึงบางตลาดใกล้จะเข้าอ้อมเกร็ดในเวลาประมาณ ๔ โมงเช้าครึ่ง จึงพบเรือกลไฟราชสีห์แล่นสวนมาเมื่อหยุดเข้าเทียบเรือพระที่นั่งแล้ว จมื่นทิพเสนากับปลัดวังซ้ายก็ได้เข้าเฝ้ากราบทูลอย่างเสียขวัญ ว่า...เรือพระที่นั่งของพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ล่มลงที่ตำบลบางพูด สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์สิ้นพระชนม์แล้ว

    คำกราบบังคมทูลนั้นยังความตระหนกให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถึงกับตกพระทัยจนพระพักตร์เผือดลงทันที ทรงประทับนิ่งอึ้งก่อนจะมีพระราชกระแสให้แล่นเรือไปยังตำบลบางพูดโดยด่วน และพระองค์มิได้ทรงกริ้วหรือซักไซ้ในทันที เนื่องเพราะทรงบังเกิดพระอาการทุกขกิริยาอย่างหนักหนาสาหัส ทรงประทับนิ่ง พระวรกายตั้งตรง มิได้มีพระราชดำรัสใดๆ กับผู้ใดอีกเลย ได้แต่ทอดพระเนตรไปทางเบื้องหน้า ณ แม่น้ำเจ้าพระยาที่ทอดยาวไกล

    ราวกับว่าส่งพระราชหฤทัยไปยังที่เกิดเหตุก่อนแล้วด้วยทรงวิตกเป็นที่ยิ่งแล้ว...
    เรือพระที่นั่งแล่นด้วยความเร็วเต็มที่ เพียงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงตำบลบางพูด ภาพที่ปรากฏต่อพระเนตรคือ เรือพระประเทียบจอดทอดอยู่กลางแม่น้ำ

    สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงมีพระบรมราชโองการให้เรือพระที่นั่งเข้าจอดเทียบเรือปานมารุต โปรดเกล้าฯ ให้กรมหมื่นอดิศรและพระยามหามนตรีเข้าเฝ้า ทรงซักไซ้ความด้วยพระองค์เอง

    ซึ่งในขณะนั้นพระองค์ทรงดำริว่ามีเพียงพระราชธิดาพระองค์เดียวที่สิ้นพระชนม์
    <O:p</O:p
    พระยามหามนตรีกลับเป็นผู้กราบทูลเรื่องราวว่า เรือราชสีห์ที่จูงเรือพระองค์เจ้าสุขุมาลย์มารศรีนำหน้า มีเรือโสรวารจูงเรือพระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรีแล่นตามเป็นแนวเดียวกันเป็นลำดับที่ ๒ เรือยอร์ชที่จูงเรือกรมสมเด็จพระสุดารัตน์ราชประยูรไปทางตะวันตกนั้นแล่นตรงกับเรือราชสีห์ ซึ่งเรือปานมารุตแล่นขึ้นมาช่องกลาง ห่างจากเรือโสรวารประมาณ ๑๐ ศอก เมื่อเรือปานมารุตแล่นใกล้มา เรือราชสีห์จึงเบนหัวออก เรือพระประเทียบจึงเสียหลักท้ายปัดไปชนเรือโสรวารทางตะวันออก หัวเรือชนข้างเรือโสรวาร ระลอกน้ำจึงกดหัวเรือคว่ำลง

    และยังได้กราบทูลอีกว่าตนดำน้ำลงไปในเก๋ง ดำหาและเชิญพระศพพระราชธิดาออกมาได้แต่พระราชธิดาก็สิ้นพระชนม์แล้ว

    ฝ่ายกรมหมื่นอดิศรก็ซัดว่า เป็นเพราะเรือโสรวารหนีเกยตื้นออกมาชน

    เมื่อ ๒ ท่านให้รายละเอียดไม่ตรงกัน พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้านายพระองค์อื่นๆ แยกไปซักไซ้ไล่เรียงที่คนอื่นๆ ให้ทั่วจนเพิ่งได้ความว่าพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ก็ได้สิ้นพระชนม์เสียแล้ว

    ก่อนหน้า ๑๐ นาทีกว่าที่มีการซักไซ้เหตุการณ์ก็ไม่มีผู้ใดกล้ากราบทูลถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เจ้าหญิงสุนันทาฯ

    เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบว่าพระอัครมเหสีสิ้นพระชนม์แล้ว แม้หลวงราโชแพทย์หลวงจะแก้ไขเต็มกำลังแล้วก็มิอาจแก้ไขให้พระนางฟื้นคืนพระสติได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวททรงตกพระทัยถึงกับประทับอึ้งมิอาจตรัสใดๆ พระพักตร์เผือดซีดมิอาจทรงพระวรกายต้องเสด็จขึ้นเรือปานมารุตประทับบนพระที่นั่ง และรับสั่งให้แพทย์หลวงรีบทำการแก้ไขพยาบาลอีกครั้งอย่างสุดกำลังที่จะสามารถ ด้วยเพราะพระองค์ทรงเห็นว่าพระวรกายของพระอัครมเหสียังอุ่นอยู่

    เวลาตั้งแต่ ๕ โมงเช้า จวบจนเข้าบ่าย ๒ ที่พระองค์ทรงรับสั่งให้แพทย์หลวงทำการแก้ไขพระอัครมเหสีอย่างมีพระราชหฤทัยหวังว่าพระนางผู้เป็นที่รักจะฟื้นคืนพระชนม์ชีพ

    หากทว่า ทุกอย่างก็มิบังเกิดวี่แววใดอันเป็นผลสำเร็จดังพระราชหฤทัยหวังไว้








    ................................





    [​IMG]




    ........................



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • img088_MS.jpg
      img088_MS.jpg
      ขนาดไฟล์:
      304 KB
      เปิดดู:
      9,681
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2013
  13. นายชัชฌาณัฏฐ์

    นายชัชฌาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    438
    ค่าพลัง:
    +301
    ดีใจมากครับที่ได้อ่านรายละเอียด สวยงามมากครับ.
     
  14. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]
    แก้วเจ้าจอม ถนอมนัก หักใจหาย
    ถวิลวาย วอนลม ข่มความหลัง
    เคยแอบอุ่น คุ้นอยู่ คู่เคียงวัง
    สายใยฝัง ชีพปลง คงอยู่กัน
    แม้ลับล่วง มิหวนลับ กลับดังก่อน
    แต่ผูกพัน อาวรณ์ มิผ่อนผัน
    ความรู้สึก ประทับทรวง เป็นบ่วงบรรณ์
    ไออุ่นนั้น ยังตรึงอยู่ มิรู้คลาย...
     
  15. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    a.jpg


    ขอเดชะฝ่าละอองเบื้องพระบาท
    ใจแทบขาดรฤกถึงตรึงมิหาย

    ทรงสถิตย์แห่งหนบนฟ้าใด
    ขอทรงให้เกษมสันต์นิรันดร
    บารมีปกเกล้าปกกระหม่อม
    ลูกขอน้อมจิตนี้มิถ่ายถอน
    ขอไออุ่นทรงเมตตาแลอาทร
    ด้วยความรักและอาวรณ์ต่อพระองค์

    ความจงรักภักดีมิสิ้นสุด
    มิอาจหยุดแม้กายกลายเป็นผง
    ขอให้ลูกเป็นดั่งลูกของพระองค์

    ถวายลงเป็นข้าบาททุกชาติไป.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2018
  16. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๖.


    [​IMG]

    เมื่อแพทย์หลวงหมดกำลังที่จะแก้ไขให้พระนางฟื้นคืนพระชนม์ชีพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เจ้ามหาชีวิตทรงเสียพระทัยแสนสาหัส ดวงพระเนตรคลอด้วยน้ำพระอัสสุชลด้วยความอาลัยรักและเวทนาพระมิ่งมเหสีที่พระองค์มิทันมาเห็นพระทัยได้ทันท่วงที

    แม้เวลาบ่าย ๒ กว่าจะล่วงเลยไปแล้ว พระองค์ยังทรงมีหวังอยู่ในพระราชหฤทัย ทรงรับสั่งให้ชาวบ้านลองมาทำการแก้ไขตามวิธีการของชาวบ้านดูบ้าง แต่ทว่าพระองค์เจ้าหญิงสุนันทากุมารีรัตน์ก็ยังมิอาจไหวติงพระวรกาย

    สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงเริ่มสลดพระทัยนัก ด้วยเพราะทรงเริมแน่พระทัยแล้วว่า พระปิยมเหสีที่รักยิ่งนั้นสิ้นพระชนม์แน่แล้ว ยามนั้นดวงพระเนตรแดงช้ำ และพระหัตถ์สั่นสะท้าน พระอัสสุชลท้นคลอดวงพระเนตรขณะทอดพระเนตรพระศพพระอัครมเหสี และพระราชธิดาที่ประทับทอดพระวรกายเคียงกันในพระอิริยบถนิ่งราวกับทรงบรรทมหลับดังปรกติ

    ความโทมนัสนั้นสาหัสแสนใหญ่หลวง ด้วยเพราะพระองค์ตระหนักดีว่าในพระครรภ์ยังมีหน่อเนื้อพุทางกูร ซึ่งอาจจะเป็นพระราชธิดาหรืออาจจะเป็นรัชทายาทแห่งราชบัลลังก์ก็เป็นได้

    พระวรกายและเส้นพระเกศาของพระนางยังเปียกชุ่มน้ำ และพระกรยังคงสวมนาฬิกาข้อมือเพชรและพระธำมรงค์ประดับนิ้วก้อยทั้ง ๒ พระกร อันเป็นของขวัญวันประสูติเจ้าฟ้าหญิงอันยิ่งทำให้สะเทือนพระราชหฤทัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงตระหนักถึงความภักดียิ่งต่อพระองค์ผู้เป็นพระบรมราชสวามี

    สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงสิ้นหวังในการรอคอยให้ผู้ใดช่วยพระอัครมเหสีแล้ว จึงทรงรับสั่งให้กรมหมื่นนเรศวรจัดเรือกลไฟขึ้นไปตามเรือพระที่นั่งพระองค์เจ้าสว่างวัฒนา ซึ่งแล่นขึ้นไปแล้วให้กลับมาเพื่อจะได้จัดขบวนเรือพระศพล่องกลับพระนครพร้อมด้วยกัน

    เวลานั้นทั่วท้องน้ำเจ้าพระยาเงียบเหงาเวิ้งว้าง มีแต่เสียงสะอึกสะอื้นพิราปรำพันลั่นระงมไปทั่วลำน้ำ หมู่ข้าหลวงชาววังต่างร่ำไห้เป็นที่น่าเวทนา

    สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์จัดเรือพระที่นั่งเวสาตรีเป็นเรือรับพระศพพระอัครมเหสีและพระราชธิดาในระหว่างที่รอเรือที่ล่วงหน้าไปแล้ว ซึ่งนอกจากเรือพระที่นั่งพระองค์เจ้าสว่างวัฒนา ก็มีเรือสมเด็จกรมพระด้วย ซึ่งพระองค์ได้รับสั่งให้เรือกระมุทมาลาขึ้นไปตามกลับมา

    ระหว่างนั้น พิธีอัญเชิญพระศพจากเรือปานมารุตขึ้นเรือเวสาตรีก็ได้ดำเนินไปจนเรียบร้อย เมื่อย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชโองการให้จัดพระศพไว้ ณ ห้องซาลูน อันเป็นห้องประทับส่วนพระองค์

    กระทั่งล่วงเข้ายามเศษ เรือพระที่นั่งของสมเด็จเจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์จึงกลับมาถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหารือเรื่องการพระศพอยู่เป็นเวลาช้านานจึงโปรดเกล้าฯ สมเด็จกรมพระล่วงหน้ากลับกรุงเทพฯ ก่อนเพื่อเตรียมการต้อนรับพระศพตามพระราชประเพณี

    เมื่อเวลา ๔ ทุ่ม เรือพระที่นั่งของพระองค์เจ้าสว่างวัฒนาและสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศจึงมาถึง เวลานั้นน้ำเจ้าพระยากำลังไหลขึ้น คืนข้างแรม ๘ ค่ำ ทำให้เป็นคืนเดือนมืด มีแสงไฟจากเรือตามเสด็จทั้งปวงที่ตามไฟอยู่กลางแม่น้ำ เริ่มเคลื่อนขบวนสู่พระมหานคร โดยให้เรือพระศพเคลื่อนก่อน เรือพระประเทียบทั้งปวงให้พระยาประภากรวงศ์กักไว้ก่อน จนน้ำลงค่อยปล่อยเรือเพราะคืนเดือนมืดหากแล่นเรือพร้อมกันจะเป็นที่ลำบากอยู่มาก

    เรือพระที่นั่งเวสาตรีแล่นกลับสู่พระมหานครอย่างโศกสลดผิดกับไม่กี่ชั่วยามผ่านมาที่ขบวนเรือแล่นออกจากท่าราชวรดิตถ์อย่างครึกครื้นรื่นเริง บัดนี้แล่นผ่านความมืดแห่งราตรีสู่ตำหนักแพประมาณ ๒ นาฬิกาของวันใหม่อย่างเงียบเชียบ และเรือพระที่นั่งเทียบท่าพอดีกับระดับน้ำ คือเรือไม่สูงหรือต่ำกว่าตำหนักแพจนเกินไปนั่นเอง

    สมเด็จกรมหลวงวรศักดาและเจ้าพระยาสุรวงศ์ ก็รีบมาคอยต้อนรับถวายบังคมพระศพ และฉลองพระเดชพระคุณในการจัดพระเมรุทุกประการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่บนเรือพระที่นั่งทรงปรึกษาเรื่องการพระศพของพระอัครมเหสีจนใกล้รุ่งจึงเสด็จลงจากเรือพระที่นั่งไปประทับ ณ ตำหนักแพ ซึ่งมีบรรดาพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการเสนามาตย์ รวมทั้งหมู่ข้าหลวงมาประชุมถวายบังคมพระศพพร้อมกันจำนวนมาก

    เมื่อรุ่งสางของวันใหม่ คือ วันอังคาร แรม ๙ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะโรงโทศก จุลศักราช ๑๒๔๒ ตรงกับวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๔๒๓ เครื่องพระภูษามาลายังไม่พร้อม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้กรมหมื่นนเรศวรกับพระองค์เจ้าเทวัญและพระองค์เจ้าส่วยช่วยกันทรงเครื่องพระศพและเชิญพระสุคนธ์มาสรงพระศพในห้องซาลูนบนเรือพระที่นั่งเวสาตรีนั้นเลย




    ................................



    [​IMG]

    ........................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2013
  17. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๖.


    [​IMG]



    อันธรรมเนียมราชประเพณีนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต้องเป็นพระองค์แรกที่จะเป็นผู้ทำการสรงน้ำพระศพพระอัครมเหสีและพระราชธิดา


    หากทว่าพระองค์ยามนี้นั้นดวงพระราชหฤทัยได้แตกสลายแล้วทรงโศกเศร้าทุกข์ตรมจนมิสามารถจะทนทอดพระเนตรดูพระศพของพระอัครมเหสีและพระราชธิดาได้อีก ด้วยทรงเกรงว่าหากสรงน้ำพระศพผู้เป็นที่รักยิ่งทั้ง ๒ พระองค์นั้นแล้ว พระองค์จะทรงระงับความเสียพระทัยมิได้ อาจจะแสดงพระอาการทุกข์เทวษออกมาต่อหน้าข้าราชบริพารทั้งปวง จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์พระเชษฐาของพระองค์เจ้าหญิงสุนันทาฯ เป็นผู้เชิญพระสุคนธ์มาสรงน้ำพระศพพระอัครมเหสีและพระราชธิดาแทนพระองค์


    ตราบจนกระทั่งเวลาผ่านไปจนใกล้ ๒ โมงเช้า การสรงน้ำพระศพเป็นไปโดยเรียบร้อยถ้วนทั่วทุกพระองค์แล้ว การอัญเชิญพระโกศขึ้นจากเรือพระที่นั่งเวสาตรีสู่พระบรมมหาราชวังจึงได้เริ่มขึ้น โดยที่สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงยิงมิได้ทรงบรรทม.....


    ขบวนแห่พระศพเคลื่อนช้าๆ จากท่าฉนวนตำหนักแพเข้าสู่ประตูศรีสุนทรไปยังหอธรรมสังเวช พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ และพระองค์เจ้าไชยันตมงคลทรงประคองพระโกศ หม่อมเจ้ากรรเจียกและหม่อมเจ้าเล็กในกรมหมื่นนเรศวรประคองพระโกศของพระราชธิดา


    หอธรรมสังเวชนั้นตั้งแว่นฟ้า ๓ ชั้นประกอบพระโกศ พระศพของพระองค์เจ้าหญิงสุนันทาฯ ทรงพระลองทองน้อยประดับเฟื่องดอกไม้เต็มที่ พระศพพระราชธิดาทรงพระลองมณฑปประดับเฟื่องดอกไม้เต็มที่ ตั้งเครื่องสูงชุมเครื่อง ๕ และ ชุมสายด้วย

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินตามขึ้นประทับทอดพระเนตรตลอดเวลาทรงรับสั่งให้พระยานรรัตน์ยกพระแท่นประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์มาตั้งประกอบด้วย และให้สวดพระอภิธรรม นิมนต์พระสงฆ์สมณศักดิ์ ๖๐ รูปแล้วทรงสดับปกรณ์ทอดพระภูษาโยง ๒ องค์ ผ้าไตร ๖๐ ผ้าขาวพับ ๖๐ แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งในเวลาล่วงเข้า ๔ โมงเช้า


    นับตั้งแต่เมื่อวานจนถึง ๔ โมงเช้าของวันใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมิได้เสด็จประทับในพระที่เลย ด้วยเพราะทรงพระประชวรเล็กน้อยกับที่ได้ทรงตรากตรำพระวรกายตลอดวันตลอดคืนกอรปกับความเสียพระทัยอย่างใหญ่หลวง พระองค์เจ้าสาย พระยานรรัตน์ หลวงราโช พระนายไวย นายเลห์อาวุธ ได้เข้าประจำอยู่ในพระที่นั่งตลอดเวลา แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มิอาจทรงบรรทมแม้แต่น้อย พระองค์กลับทรงรับสั่งว่าหอธรรมสังเวชนั้นชำรุดทรุดโทรมไม่สมพระเกียรติพระอัครมเหสี ซึ่งต้องมีการบำเพ็ญพระราชกุศลอีกนานนัก รับสั่งให้สมเด็จกรมหลวงวรศักดาพิศาลกับสมเด็จพระองค์น้อยเป็นแม่กองจัดแต่งข้างในให้งดงาม กรมขุนเจริญเป็นผู้แต่ง ให้เอาฉากญี่ปุ่นของพระองค์เจ้าทวัญอุไทยงศ์มากั้นพระศพ


    เวลาล่วงถึงยามบ่าย สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงมีพระบรมราชโองการให้ไว้ทุกข์ ข้าราชการพันแขนทุกข์ดำ เจ้านายให้ทรงดำ


    และในช่วงบ่ายนี้ พระองค์เจ้ามนุษย์นาคและสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์กับพระราชาคณะรวม ๗ รูป มาเยี่ยมเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปฏิสันถารตามพระราชอัธยาศัย จากนั้นจึงได้ทรงพักผ่อน

    เมื่อเวลาย่ำค่ำ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จออกหอธรรมสังเวช ทรงสำรวจความเรียบร้อยแล้วรับสั่งให้พระยาอนุรักษ์ทำอาสน์สงฆ์ให้เต็มครึ่งหนึ่ง โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งธรรมาสน์พระแท่นสวดบนนั้น ให้พระองค์เจ้าเทวัญและพระยาราชสิทธินอนประจำหอธรรมสังเวช


    เวลานั้นทรงรับหนังสือจากกงสุลอังกฤษที่ทูลถามข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระอัครมเหสีซึ่งเลื่องลือทั่วพระมหานครแล้ว

    ในวันนี้เองที่ข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เจ้าหญิงสุนันทากุมารีรัตน์และสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ได้แพร่ไปทั่วจนไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินตกอยู่ในความโศกสลดด้วยความจงรักภักดีล้นท้นเกล้า


    รุ่งขึ้นวันพุธที่ ๒ มิถุนายน ๒๔๒๓ ตรงกับวันแรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะโรง โทศก จุลศักราช ๑๒๔๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตื่นบรรทมแล้วเสด็จออกหอธรรมสังเวชเพื่อทรงเยี่ยมพระศพพระอัครมเหสีและพระราชธิดา แล้วทรงเลี้ยงพระที่สวดพระอภิธรรม ๘ รูปในเวลา ๒ โมงเช้า ใน ๔ โมงเช้า ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการจัดการหล่อพระนาคปรก อันเป็นพระประจำวันของพระอัครมเหสีและพระห้ามสมุทรอันเป็นพระประจำวันของพระราชธิดา และรับสั่งให้หล่อฉลองพระองค์เท่าขนาดจริงของทั้ง ๒ พระองค์ด้วย


    ในตอนบ่าย สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงโปรดเกล้าฯ ให้กรมหมื่นพิชิตปรีชากรเข้าเฝ้าอ่านหนังสือถวาย ด้วยทรงหวังจะผ่อนความทุกข์โศกในพระทัย แต่กระนั้นก็ยังรับสั่งให้กรมหมื่นนเรศวรฯ เข้าเฝ้าเพื่อหารือเรื่องการจัดพระโกศให้งดงามยิ่งใหญ่ ถึงกับมีพระราชหัตถเลขาถึงพระยารัตนโกษาที่ลอนดอน ให้ส่งเครื่องประดับโกศสำหรับบรรจุพระอัฐิมาโดยเร็ว


    เหตุการณ์โศกสลดอันเกิดขึ้นกะทันหันเช่นนั้น ผ่านพ้นมาถึง ๓ วันแล้ว จะเห็นได้ว่าพระอัจฉริยภาพแห่งกษัตริย์สูงส่งเพียงใด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังมิได้ทรงแสดงอาการกริ้วหรือเกรี้ยวกราดรุนแรงแต่อย่างใดไม่ นอกจากมีเพียงพระอารมณ์ที่มิสดใสดังปกติธรรมดาบ้าง ทรงดำเนินการพระศพอยู่ตลอดเวลา ๒ วันที่ล่วงผ่านมาโดยระงับความโทมนัสไว้ได้อย่างสุดกำลัง



    ................................




    [​IMG]


    ......................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • img089MS.jpg
      img089MS.jpg
      ขนาดไฟล์:
      247.1 KB
      เปิดดู:
      6,965
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2013
  18. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    <EMBED id=flash name=flash pluginspage=http://www.macromedia.com/go/getflashplayer src=http://video.nationchannel.com/player.swf?file=http://video.nationchannel.com/data/1/2009/01/31/5j5baab5b6ghbakh8fjjc.flv&image=http://video.nationchannel.com/thump/1/2009/01/31/5j5baab5b6ghbakh8fjjc.jpg&autostart=false&showfsbutton=false width=425 height=355 type=application/x-shockwave-flash wmode="transparent" loop="false" quality="high" allowscriptaccess="always">

    ประทับอยู่ในใจ รู้สึกไหม ความอบอุ่นนั้น<!-- google_ad_section_end -->
     
  19. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    <EMBED id=flash name=flash pluginspage=http://www.macromedia.com/go/getflashplayer src=http://video.nationchannel.com/player.swf?file=http://video.nationchannel.com/data/1/2009/02/03/5bjhba89d58ggg7b6b86d.flv&image=http://video.nationchannel.com/thump/1/2009/02/03/5bjhba89d58ggg7b6b86d.jpg&autostart=false&showfsbutton=false width=425 height=355 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" quality="high" loop="false" wmode="transparent">

    เคยอยู่เคยร่วมกาล.....ก่อนนั้น เนาว์มา
    รำลึกถึงทุกทิวา.........เช้าค่ำ
    หวลไห้รัญจวนจิต.......ระลึก ถึงนา
    โศกาอาดูรกล้ำ-........กลืนแล้ว ทรวงตรม<!-- google_ad_section_end -->
     
  20. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    <EMBED id=flash name=flash pluginspage=http://www.macromedia.com/go/getflashplayer src=http://video.nationchannel.com/player.swf?file=http://video.nationchannel.com/data/1/2009/02/03/56c5k757hihf8j89fjcc7.flv&image=http://video.nationchannel.com/thump/1/2009/02/03/56c5k757hihf8j89fjcc7.jpg&autostart=false&showfsbutton=false width=425 height=355 type=application/x-shockwave-flash wmode="transparent" loop="false" quality="high" allowscriptaccess="always">​

    ทรงพระเจริญเทิดไว้เหนือเกล้า



    <CENTER></CENTER>
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...